ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (AU Fic HP Blessing) Daredevil's Strange Love (Bellatrix x OC)

    ลำดับตอนที่ #34 : Chapter 34

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 62


                หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาปิดเทมอฤดูร้อนแล้วนั้นก็ทำให้ถึงช่วงเวลาที่จะต้องกลับไปเรียนปีสามที่ฮอกวอตส์แล้ว แน่นอนหลังจากกลับจากเอลีเซียนแล้วนั้นเด็กชายได้โดนเซฟว่าแบบสุดๆโดยที่มีมิเกลค่อยห้ามแทนโลเกียยังดูจะสนุกกับสงครามน้ำลายอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่เซร่าต้องกลับไปประเทศของเธอ อย่างลอนดอลเพราะงานที่มามากยนั้นทำให้เธอต้องรีบกลับไป

     

                เด็กชายได้ขึ้นไปรอที่ห้องโดยสารบนรถไฟเซฟที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วหันไปมองโลเกียที่มาส่งเด็กชายไปฮอกวอตส์

     

                “เซนจะไม่เป็นไรแน่นะ ปีนี้มีเรียนเกี่ยวบ็อกการ์ดนะ”

     

                โลเกียกล่าวออกมาหลังจากที่เดินออกมาจากสถานีพร้อมกับเซฟ ตอนแรกมิเกลจะมาส่งเด็กชายด้วยแต่ก็โดนเซฟตบหัวไปทีนึ่ง เพราะดูเหมือนว่าตัวมิเกลจะลืมว่าตัวเองเป็นอาจายร์สอนวิชาตัวจากศาสตร์มืด

     

                “ไม่รู้สิ ก็ขอให้ผ่านวิชานั้นไปได้โดยดีเถอะ”

     

                “นั้นสินะ คุณแบล็กอาจจะเป็นคนที่ทำให้เซนกลับมาแบบเดิมก็ได้นะ รอยยิ้มที่พวกเราไม่ได้เห็นมานานเธอคนนั้นอาจจะทำให้เราได้เห็นอีกครั้งและนิสัยเมื่อสมัยก่อนด้วย”

     

                “โลเกีย นายแค่อยากเห็นหมอนั้นอายใช่ไหม”

     

                เซฟกล่าวออกมาพร้อมกับหันไปมองโลเกียที่ตอนนี้มีรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์พร้อมกับมองไปบนฟ้าที่ตอนนี้ดูเหมือนจะใกล้ฝนตกลงมาแล้ว นั้นจึงทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจรีบไปทำธุระและกลับบ้าน

     

                “ไง เซน ปิดเทมอเป็นไงบ้าง”

     

                นิโคกล่าวออกมาพร้อมกับเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามโดยที่เด็กชายเงยขึ้นไปมองแปปหนึ่งก่อนที่จะกลับมาอ่านหนังสือต่อแต่ก็มีเสียงเปิดประตูออกมาอีกครั้ง คนที่เปิดคือ เบลล่า เด็กชายหันไปมองเบลล่าทีนึ่งก่อนที่จะโยนถุงเล็กไปให้เบลล่า

     

                “นี้-มัน”

     

                “คุกกี้รสใหม่ที่เธอเคยขอให้ทำไง”

     

                เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับสีหน้าที่มองไปทางหน้าต่างด้วยสีหน้าที่แดงออกมานิดหน่อยนั้นทำให้นิโคได้แต่ตกใจว่าเด็กชายข้างหน้าตนทำอาหารเป็นและไอความสมพันธ์นี้คืออะไร

     

                เพราะหลังจากที่เบลล่ามาบ้านของเด็กชายนั้นก็ทำให้ทั้งสองสนิทกันมากขึ้นแทนยังกลายเป็นว่าเด็กชายไปเป็นแขกขาประจำของตระกูลแบล็ก เพราะเบลล่าได้ขอให้เด็กชายนั้นช่วยสอนภาษาให้หน่อย นั้นจึงทำให้เด็กชายและเบลล่าสนิทกันมากขึ้น

     

                “เซนและเธอ แบล็กไปสนิทกันตอนไหน”

     

                “ทำไมผมต้องบอกนายด้วยมิทราบ”

     

                เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับปิดหนังสือ หันหน้าไปดูวิวข้างนอกเพราะตอนนี้รถไฟที่กำลังเดินทางไปสู่ฮอกวอตส์กำลังเคลื่อนที่อยู่ แต่เด็กชายก็หันมามองนิโคแปปนึ่งก่อนที่จะหยิบถุงออกมาพร้อมกับโยนไปให้

     

                “ผมก็ไม่ได้ใจร้ายเหรอนะ”

     

                นิโคที่เห็นก็ยิ้มออกมาพร้อมเปิดถุงที่เด็กชายให้ ข้างในมีคุกกี้หน้าตาน่ากินและสวยเป็นอย่างมาก พอนิโคกินไปก็ทำหน้าอย่างมีความสุข

     

                “อร่อยจัง เซนนายทำอาหารเป็นเหรอ”

     

                “เบลล่า อร่อยไหม”

     

                เด็กชายไม่สนใจนิโคและหันไปมองเบลล่าที่กำลังจะกินด้วยสายตาที่ปอบหวังหน่อยๆเพราะเด็กชายไม่ได้ทำรสเดียวที่ให้กับนิโคไปเมื่อกี้ พอเห็นสีหน้าของมีความสุขของเบลล่าออกมานั้นทำให้เด็กชายเผลอยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่มีความสุขนั้นทำให้นิโคและเบลล่าที่เห็นหน้าแดง ถึงเบลล่าจะเคยเห็นมันมาก่อนแล้วแต่รอยยิ้มที่ดูเหมือนจริงใจนี้เป็นเสน่ห์ของเด็กชาย

     

                “ก็-อร่อ-ยดี”

     

                จนรถไฟได้มาถึงฮอกวอตส์ ห้องโถงนั้นมีดูจะสนุกสนานโดยเฉพาะบ้านกรินฟินดอร์ที่ดูจะตื่นเต้นเหมือนปีที่แล้วเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเรียนแทนจะคัดเลือกเด็กทุกคนว่าเหมาะสมที่จะอยู่บ้านไหม แต่สำหรับเด็กชายนั้นดูไม่น่าสนใจเป็นที่สุด

     

                แต่สายตาที่ได้มาจากคนๆหนึ่งนั้นทำให้เด็กชายหันไปมองที่โต๊ะของอาจารย์นั้นทำให้เด็กชายเห็นว่าคนที่มองมานั้นคือ มิเซล ดูเหมือนว่าจะเป็นห่วงเรื่องอะไรซักอย่างนั้นทำให้เด็กชายมองกลับไปแต่ก็แค่แปปเดียวเท่านั้น เพราะเสียงตบมือแสดงความยินดีของแต่ละบ้านนั้นดังจนเด็กชายนั้นอยากหลับตาและไม่อยากฟังมัน จนนั้นทำให้เบลล่าที่นั่งข้างๆหันมา

     

                “เป็นอะไรหรือป่าว เซน”

     

                “ป่าว..เธอกินหน่อยลงหรือป่าว”

     

                “หึ ก็มันไม่ค่อยหิวนิ”

     

                เด็กชายไม่ได้ตอบเบลล่าและหันไปสนใจหนังสือที่ตนนั้นอ่านตอยอยู่บนรถไฟต่อ นั้นทำให้นิโคที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเด็กชายถอนหายใจออกมานิดหน่อย เพราะปีที่แล้วเด็กชายเข้าห้องพยาบาลไป เลยไม่ได้อยู่งานเลี้ยงตอนรับเด็กปีหนึ่ง

     

                “เบื่อเหรอ เซน”

     

                “ถ้าใช่ละ”

     

                เด็กชายกล่าวออกมาแบบตรงไปตรงมา แต่สายตานั้นหันไปสนใจเด็กสาวคนหนึ่งที่บนหัวมีหมวกคัดสรรอยู่ เด็กผู้มีเรือนผมสีขาว ดวงตาสีเขียว นั้นทำให้เด็กชายหันมาถามนิโค

     

                “เธอคนนั้นชื่ออะไรเหรอ”

     

                “อา.รู้สึกจะชื่อว่า มาเรีย เลวี่ ลูซิเฟอร์นะ”

     

                ทันทีที่เด็กชายได้ยินก็ยิ้มออกมาพร้อมกับส่งสายตาไปหามิเกลที่อยู่ข้างบนด้วยสายยิ้มที่สนุก รอยยิ้มที่ทำให้มิเซลตัวสั่นไปด้วยความกลัว

     

    หึหึหึ ไม่เห็นรู้เลยนว่ายัยเซร่ามีลูกด้วยนะ มิเซล

     

    เด็กชายสื่อสารทางจิตไปให้กับมิเซลนั้นทำให้มิเซลยิ่งหวาดกลัวจากจนทำให้คนที่นั่งข้างๆเป็นห่วงและอยากจะออกไปจากตรงนี้เป็นอย่างมาก เบลล่าที่เห็นว่าเด็กชายหันไปมองเด็กหญิงผู้ที่ได้ไปอยู่บ้านเรเวคลอด้วยสายตาแปลกประหลาดนั้นทำให้เบลล่ารู้สึกที่ไม่พอใจยังไงไม่รู้

     

    เช้าวันต่อมาเป็นสันเริ่มต้นเรียนในวันแรกของเด็กชาย แน่นอนในวันแรกนี้เป็นคาบเรียนที่เกี่ยวกับพยากรณ์ศาสตร์เป็นวิชาที่เด็กชายเบื่อเป็นอย่างมาก เพราะศาสตร์ดาจารย์คนนี้สอนได้น่าเบื่อที่สุด นั้นทำให้เด็กชายไม่ได้สนใจกับวิชาเลยเพราะตอนนี้เด็กชายสนใจที่จะเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่มิเซลกำลังจะสอนมากกว่า จนวิชานี้หมดลงนักเรียนเลยที่จะออกมาจากห้องเรียนทันทีและเด็กชายก็เป็นหนึ่งในนั้นที่รีบออกมา

     

    “ดูนายจะเบื่อที่ศาสตร์ดาจารย์เขาสอนนะ”

     

    นิโคกล่าวออกมาพร้อมกับมองเด็กชายที่กำลังกินอาหารอยู่โต๊ะเพราะหลังจากที่กินข้าวเสร็จก็จะต้องไปที่ห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดทันที

     

    “ใช่ เบื่อมาก สอนอะไรได้น่าเบื่อขนาดนี้คิดว่าจะสอนสนุกมากกว่านี้อีก”

     

    “เป็นไงบ้าง เรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์”

     

    เบลล่าที่เดินเข้ามาร่วมโต๊ะกล่าวออกมาเพราะตอนนี้เธอนั้นไม่ได้ไปอยู่กับเพื่อนๆของตนแล้วและตัดสินใจที่จะมาร่วมกลุ่มกับนิโคและเด็กชาย

     

    “น่าเบื่อ”

     

    เด็กชายตอบไปให้เบลล่าที่ตอนนนี้กำลังกินขนมปังอยู่เด็กชายที่กินเสร็จแล้วได้แต่นั่งอ่านหนังสือต่อเพราะตัวของเด็กชายนั้นเป้นคนที่กินน้อยมาก ร่างกายเลยไม่ใหญ่เท่ากับเด็กชายทั่วไปและส่วนสูงของเด็กชายนั้นสูงเท่ากับเบลล่าอีกด้วย

     

    “เหรอ แต่วิชาป้องกันจากศาสตร์มืดคงจะสนุกเป็นแน่ๆ จริงสิเซน เธอก็ยกเลิกเรียนพยากรณ์ศาสตร์ไปเลยสิย่ะ”

     

    “หึ แน่นอนอยู่แล้วเบลล่า”

     

    เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับมองไปที่เบลล่าที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกินอิ่มแล้วแต่ก็นั่งพักเพื่อรอเวลาที่จะไปเรียนวิชาต่อไป

     

    “ไปกันเถอะ เซน แบล็ก ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว”

     

    นิโคกล่าวออกมานั้นทำให้เด็กชายและเบลล่าลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตรงไปที่ห้องเรียนของวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดผู้คนที่อยู่ในห้องนี้ดูแล้วท่าทางจะตื่นเต้น เสียงที่ดังนั้นยิ่งทำให้รู้ว่าผู้ที่มาเรียนคาบนี้เป็นต้อวผู้ผู้ที่สนใจในวิชานี้อย่างแน่นอนแทนกลางห้องเป็นยังมีตู้เสื้อผ้าอยู่ด้วย จนมิเซลเดินเข้ามาในห้องทำให้ทั้งห้องเงียบมีเพียงเสียงที่มาจากตู้เสื้อผ้าเท่านั้น

     

    “สวัสดีทุกคนสู่วิชาป้องกันตัวจากสาสตร์มืด มีใครรู้ไหมเจ้านี้คืออะไร”

     

    “บ็อกการ์ด”

     

    เด็กชายกล่าวออกมาแต่สีหน้าดูไม่ค่อยจะดีเท่าไรนักนั้นทำให้เบลล่ามองเด็กชายด้วยสายตาที่เป็นห่วงและมิเซลที่รู้อยู่แล้วว่าทำไมเด็กชายถึงทำหน้าอย่างนั้น ก่อนที่จะมองไปรอบๆห้องที่ดูเหมือนจะให้ความสนใจกับมัน

     

    “ถูกต้องสธิรีลิน 10 คะแนน บ็อกการ์ดนั้นไม่มีใครรูปว่ารูปร่างมันเป็นยังไงแต่มันจะเป็นสิ่งที่พวกเรากลัวเป็นที่สุดไม่ว่าอะไรก็ตาม”

     

    มิเซลกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือนและบรรยากาศที่ดูน่ากลัวเด็กชายที่อยู่ในห้องนี้ก็รับรู้และไม่อย่างที่จะเห็นความตัวของตนเองเป็นที่สุด ตัวของเด็กชายสั่นนิดหน่อยแต่อยู่ดีๆก็มีมือมาจับนั้นทำให้เด็กชายเห็นว่าเบลล่าจับมือของตนไว้

     

    “แต่มันก็มีคาถาที่จะช่วยเราได้คือ ริคดีคูลัส แต่ถ้าร่ายอย่างเดียวมันจะไม่มีผลพวกเธอทุกคนต้องทำให้คือเสียงหัวเราะ ถ้าพูดไปตอนนี้ก็ไม่เห็นภาพงั้นมาทดลองทำจริงกันดีกว่า”

     

                มิเซลกล่าวออกมาพร้อมกับตบมือไปทีนึ่งเพื่อให้นักเรียนทุกคนนั้นมาต่อแถวและเด็กชายเลือกที่จะไปอยู่สุดท้ายเพราะไม่อยากที่จะเจอกับบ็อกการ์ดและขอให้คาบนี้จบเร็วๆ ทุกคนได้ไปทดลองกนไปหลายคนแล้วจนเด็กชายที่ยืนดูถูกผลัดไปข้างหน้าเด็กชายหันหลังไปเพราะเบลล่าและนิโคที่อยู่ด้วยก็ตกใจและเด็กชายหันไปก็รู้เลยว่าใครเป็นคนผลัดรอยยิ้มที่ส่งมาจากบ้านกริฟฟินดอร์นั้นทำให้เด็กชายต้องมาเผชิญหน้ากับบ็อกการ์ด มิเซลที่เห็นแบบนั้นพยายามจะเข้าไปห้ามเด็กชายดูเหมือนจะไม่ทัน

     

                เพราะมีคนเดินออกมาจากตู้เสื้อผ้า ผู้หญิงผู้มีเรือนผมสีขาว ดวงตาสีฟ้าเข้ม เสื้อฟ้ามีรอยเลือดเต็มไปหมดไม่พอยริเวณรอบๆยังมีเปลวเพลิงอีกด้วย ทันทีที่เด็กชายเห็นตัวของเด็กชายก็สั่นไปด้วยความหวาดกลัวและพยายามจะเดินเข้าไปหา เข้าไปหาเธอคนนั้น

     

                “ไง ไนทท์..คนทรยศ ไอเด็กต้องสาป!!

     

                เสียงของหญิงสาวดังขึ้นบรรยากาศที่เยือนเย็นถึงแม้มันจะมีเพลิงอยู่รอบๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรไว้เลยแทนหญิงสาวยังเดินมาหาเด็กชายอีก สายตาที่เกลียดแค้น โกธร รังเกลียด เต็มไปหมด มิเซลที่เห็นก็ตกใจเพราะตัวของมิเซลไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เด็กชายตรงหน้าจะกลัวที่สุดคือเรื่องนี้และไม่คิดว่าจะทำให้เด็กชายผู้เป็นรุ่นน้องนั้นหวาดกลัว เพราะมิเซลรู้ว่าถึงแม้เด็กชายตรงหน้าจะร่ายคาถายังไงเด็กชายก็ไม่มีทางที่จะทำให้มันตลกได้ ไม่มีทางที่จะให้พี่สาวที่เสียชีวิตต่อหน้าต่อตายเป็นเรื่องตลกได้ การที่เสียอีกครึ่งชีวิตไปนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มันตลกเลย

     

                “ลิ.นน่า ขอโทษ”

     

                เด็กชายกล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัวเพราะมันเหมือนกับความฝันที่ไม่ว่ายังไงก็อยากให้มันหายไปแต่มันไม่มีทางที่จะหาย ชีวิตของลินน่าต้องมาตายเพราะตนเอง เพราะตนเองจึงทำให้หญิงสาวตรงหน้าผู้เป็นพี่สาวฝาแฝดต้องเสียชีวิต ลินน่าเดินเข้าใกล้ๆพร้อมกับรอยยิ้มที่เด็กชายปรารถนามาทั้งชีวิต รอยยิ้มที่เธอคนนี้จะมอบมาให้ถึงแม้จะต้องตายเด็กชายก็ยอมรับมัน

     

                “ขอโทษเหรอ อย่ามาทำเป็นเล่นนะ!!! เพราะแกคนเดียวไม่ใช่เหรอ ที่ได้ทุกสิ่งที่อย่างไปนะ!! ทั้งตระกูลทั้งชื่อเสียง!!

     

                ลินน่ากล่าวออกมาพร้อมกับบีบคอเด็กชายอย่างแรงและนั้นทำให้คนที่อยู่ในนั้นสั่นกลัวถึงแม้เด็กชายจะไม่มีน้ำตาแต่ก็มีความหวาดกลัวที่คนตรงหน้าทำ เด็กชายไม่มีทางทำให้หญิงสาวตรงหน้าหายไปได้ เด็กชายพยายามเอามือมาจับที่ใบหน้าของหญิงสาวด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนและนั้นทำให้เบลล่าที่เห็นนั้นรู้สึกเจ็บที่อก

     

                “ขอ..โทษ..ถ้าผมตายไปตอนนั้น..พี่คงดีใจมากกว่านี้สินะ”

     

                เด็กชายกล่าวออกมาซ้ำๆเปลวเพลิงที่เริ่มจะอยู่รอบตัวของเด็กชายนั้นทำให้มิเซลที่เห็นท่าไม่ดีนั้นเดินไปปิดประตูที่บ็อกการ์ดอยู่แล้วรีบไปรับตัวของเด็กชายที่หมดสติไปแล้วด้วยความเร่งรีบ

     

                “คาบนี้เลิกแล้ว กลับไปซะวันนี้ไม่มีการบ้านส่วนเธอ คุณแบล็กช่วยมาด้วยกันหน่อยได้ไหม”

     

                “ค่ะ”

     

    เบลล่ากล่าวออกมาแล้วรีบวิ่งตามมิเซลไป มิเซลที่วิ่งมาถึงห้องพยาบาลนั้นก็ให้มาดามดูอากาศและผลออกมาเป็นเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น นั้นทำให้มิเซลและเบลล่าดีใจก่อนที่มิเซลจะขอให้เบลล่าจับมือเด็กชายไว้เพราะก่อนที่เบลล่าจะจับมือเด็กชายนั้นแสดงสีหน้าทรมาณเป็นอย่างมากและให้ห่องนี้มีแค่เบลล่าและมิเซลเท่านั้น

     

    “ขอบคุณคุณแบล็กที่ตามมา”

     

    “ขอเสียมารยาทนะค่ะ เมื่อกี้คืออะไร”

     

    เบลล่ากล่าวออกมาพร้อมกับมองไปที่เด็กชายด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงอยู่นั้นทำให้มิเซลที่เห็นแบบนั้นยิ้มออกมา

     

    “อดีตของหมอนี้ไงละ”

     

    “อดีตเหรอ แล้วทำไหมผู้หญิงคนนั้นถึงเรียกเซนว่าไนทท์ละ แทนเธอยังมีรูปร่างคล้ายกับลินน่า โยฮาร่า โรวว์ด้วย”

     

    “สมกับเป็นเธอดีนะคุณแบล็ก คุณสงสัยในเรื่องนี้อยู่แล้วสินะ ฉลาดจริงๆ งั้นจะบอกให้แต่มันเป็นความลับเพราะดูแล้วเธอน่าจะเก็บความลับได้”

     

    มิเซลกล่าวออกมาพร้อมกับนั่งลงข้างๆของเบลล่าก่อนที่จะมองไปที่เด็กชายที่ตอนนี้นอนหลับอยู่แล้วหันไปมองท้องฟ้าที่หน้าต่าง

     

    “คุณรู้จักเบลสซิ่งหรือป่าว”

     

    “รู้สิ มันเป็นตำนานไม่ใช่เหรอศาสตร์ดาจารย์”

     

    “ใช่และคนตรงหน้านั้นก็เป็นเบลสซิ่ง เพราะจริงๆคนที่ที่อยู่ข้างๆเธอนั้นคือ ไนทท์ โยฮาร่า โรวว์ ผู้นำตระกูลโรวว์ที่หายตัวไป”

     

    สิ้นเสียงของมิเซลนั้นทำให้เบลล่าเงียบเพราะถ้าดูจากการที่เด็กชายที่หลับอยู่มีรูปของลินน่าผู้เป็นคนจากตระกูลโรวว์แทนยังเป็นรูปของคนที่หายไปแทนยังอยู่ในคฤหาสน์โรวว์อีกมันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะคนที่รู้มันมีเพียงแค่คนในตระกูล

     

    “ดูเหมือนจะรู้นะคุณแบล็ก ไนทท์ไม่สิเซนนั้นได้กลับมาเกิดใหม่โดยเทพเจ้าที่เป็นคนให้พร ถึงจะมีความทรงจำแต่ก็ใช่ว่าเกิดมาจะได้มันเลย ถึงตอนนี้จมีความทรงจำอยู่ประมาณ 70 % แล้วก็ตามที”

     

    “งั้นที่หมอนั้นสอนได้ก็เพราะจำข้อสอนได้สินะ”

     

    “ฮ่าๆๆถ้าแค่นั้นก็ดี แต่จริงๆแล้วหมอนี้นั้นไม่อยากที่จะมาโลกแห่งนี้อีก เพราะหวาดกลัวและแค้นกับเหตุการณ์ที่ทำให้เสียงลินน่าพี่สาวไป คงโทษว่าเป็นเพราะตัวเองอีกแน่ๆ ถึงนิสัยจะไม่เคยแสดงออกมาเลยก็ตามถึงแม้จะเป็นเด็กต้องสาปก็ตาม ฉันก็แค่อยากปรารถนาให้เซนมีความสุข”

     

    มิเซลกล่าวออกมาพร้อมกับมือที่กำด้วยความเจ็บปวดถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็ตามแต่ตัวของมิเซลนั้นเห็นเด็กชายเป็นน้องชายของตัวเองแค่สภาพตอนเจอกันครั้งแรกของเด็กชายและมิเซลนั้นก็ทำให้ตัวของมิเซลนั้นเจ็บปวด

     

    “ปรารถนาที่จะให้หมอนี้ไม่ต้องมาแก้แค้นและจะปกป้องแทนลินน่าที่ทำไม่ได้ แค่ไม่อยากให้เซนถูกทรยศจากทุกคนเหมือนสมัยก่อน แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้ ตลกดีไหมคุณแบล็กจากคนที่เป็นคนที่ขี้อายกลายเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ ไม่สนใจอะไร ถึงแม้ตัวเองจะเจ็บปวดเพราะไม่สามารถแสดงนิสัยจริงๆออกมาได้ แต่มีเพียงเธอคุณแบล็กที่ทำให้เซนยิ้มแบจริงๆได้อีกครั้ง”

     

    มิเซลกล่าวออกมาด้วยน้ำตาเบลล่าที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกจุกกับความเป็นจริง เด็กชายที่นอนหลับอยู่มีอดีตแบบนี้และไม่คิดว่านิสัยที่ตัวเองคิดว่าเป็นนิสัยจริงๆของเด็กชายนั้นจะไม่ใช่ แค่การที่เธอได้ยินก็อยากที่จะช่วยเด็กชายตรงหน้า อยากจะปกป้องเด็กชายตรงหน้า อยากจะดูแลเด็กชายข้างๆ อยากที่เป็นคนที่แบกภาระและอยู่เคียงข้างเด็กชาย นั้นทำให้เบลล่าที่จับมือเด็กชายนั้นจับมือแน่นและมองหน้าเด็กชายด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    “คุณแบล็ก ฉันขอร้องอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม ถึงตอนนี้ฉันจะเล่าเรื่องของเซนไม่จบแต่..ขอร้องเถอะเพราะเธอเป็นที่จะทำให้เซนกลับมาเป็นคนเดิมได้ เธอทำให้เซนยิ้มได้แล้วขอร้องละ”

     

    “แน่นอนอยู่แล้ว ศาสตร์ดาจารย์ฉันจะไม่ทำให้เซนต้องทุกข์อีก มีรู้เพราะอะไรก็แค่อยาก..ให้หมอนนี้มีความสุขบ้าง”

     

    เบลล่าดล่าวออกมาพร้อมกับลูบหัวของเด็กชายด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนนั้นทำให้มิเซลขอตัวออกมาไปแบอกว่าไม่ต้องไปเรียนเพราะมิเซลอยากให้ตัวของเบลล่าอยู่ใกล้ๆกับเด็กชายไว้และจะไปบอกศาสตร์ดาจารย์คนอื่นให้ เบลล่าได้มองไปหน้าของเด็กชายแปปนึ่งก่อนที่จะเอามือมาจิ้มแก้มของเด็กชาย แต่เพราะเป็นเวลานานมากที่เบลล่าและทิเซลคุยกันนั้นทำให้เด็กชายตื่นขึ้นมา

     

    “ตื่นแล้วเหรอย่ะ”

     

    “อืม”

     

    เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆแต่ดูเหมือนว่าเบลล่าจะทำอะไรแบบไม่ตั้งตัวเพราะเบลล่ากอดเด็กชายพร้อมกับลูบผมของเด็กชายนั้นทำให้เด็กชายหน้าแดงและคำพูดของเบลล่านั้นยิ่งทำให้เด็กชายกอดเบลล่ากลับ

     

    “นายไม่ได้อยู่คนเดียว ให้ฉันได้อยู่ดูแลนายเถอะนะเซน นายไม่ต้องทำตัวเป็นคนที่เข้มแข็งให้ฉันได้ปกป้องนายเถอะนะเซน ถ้านายอยากจะแสดงนิสัยเดิมของนายออกมาฉันจะเป็นคนที่ดูแลเอง จะไม่ให้นายเป็นทุกข์อีกแล้ว”

     

    “เธอจะไม่หายไปแบบลินน่าใช่ไหม”

     

    เด็กชายกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นและลำตัวที่สั่นนั้นทำให้เบลล่าเลิกกอดเด็กชายแล้วเอาแขนทั้งสองข้างนั้นมาจับไว้ที่แก้มทั้งสองของเด็กชายใบหน้าที่ใกล้กันนั้นทำให้เด็กชายใจเต้นแรงขึ้น

     

    “ฉันสัญญา”

     

    เบลล่ากล่าวออกมานั้นถึงแม้ตัวของเด็กชายจะไม่รู้ตัวของเด็กชายจะต้องการเบลล่ามากขึ้นถึงแม้จะกลัว ถึงแม้ว่าคำพูดของเบลล่าจะโกหกหรือป่าวแต่เด็กชายขอแค่ยังเห็นเบลล่าอยู่ข้างๆก็ยังดี ขออยู่แบบนี้ก็ยังดี ขอแสเงความอ่อนแอบ้างก็ยังดี ไม่อยากโดดเดียวไม่อยากโดนทรยศอีกแล้ว

     

    “จ—จริง—นะ”

     

    เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงมากกว่าเดิม มือทั้งสองของเด็กชายมาปิดไว้ที่ปากด้วยความกลัวและนั้นทำให้เบลล่ารู้ว่าตัวตนที่แทนจริงของเด็กชายตรงหน้านั้นเป็นคนที่ขี้กลัวและขี้อายขนาดไหน และเธอสัญญาว่าจะปกป้องรอยยิ้มที่เด็กชายแสดงออกมาอย่างแน่นอน

     

    “จริงสิ เซน ฉันจะอยู่ข้างๆนายเอง จะไม่ทรยศนาย เซน

    -------------------------------------------------------------

    สวัสดีค่ะชินะค่ะ ตอนนี้เป็นการที่เฉลยให้เบลล่ารู้อดีตของเซนและได้รู้ว่าจริงๆแล้วเซนนั้นเป็นคนที่ขี้กลัวเป็นอย่างมาก อดีตและปัจจุบันทำให้ตัวของเซนมีนิสัยแบบนี้และนี้คงเป็นจุดเริ่มต้นของความรักของทั้งสอง เซนที่เริ่มจะเปิดใจให้กับเบลล่าและเบลล่าที่สัญญาว่าจะปกป้องเซน เรื่องราวต่อไปนี้ของทั้งสองจะเป็นยังไงนะ กลายเป็นว่าตอนแรกตัวเซนจะต้องปกป้องเบลล่ากลายเป็นว่าตอนนี้เบลล่ามาปกป้องเซนซะงั้น

     



    { Winter Dark Theme }
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×