ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉันไม่ใช่นางเอก

    ลำดับตอนที่ #3 : เจ้าชายเย็นชากับสาวบ้าขี้อ้อน ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 49


    เจ้าชายเย็นชากับสาวบ้าขี้อ้อน

    กิ๊ก  สาวน้อยเจ้าน้ำตา  ที่กำลังมองหาหนุ่มช่างเอาใจ แต่ดันไปเจอกับเจ้าชายเย็นชาเข้า แล้วงานนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อมุกเจ้าน้ำตาถูกนำเอามาใช้เป็นลูกอ้อนให้หนุ่มน้ำแข็งคันหัวใจเล่นๆ  มันจะได้ผลหรือไม่     มาร่วมลุ้นความรักของเจ้าชายเย็นชากับสาวบ้าขี้อ้อนได้เลย

    .....................................................................................................................................

    เช้าวันเสาร์ที่สดใส แสงอาทิตย์ค่อยๆส่องผ่านม่านบางๆที่ปลิวไสวด้วยแรงลมโชยยามเช้า ทำให้คนที่นอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียงที่เรียกกันว่า 'เตียงดูดวิญญาณ'  นั้นไม่มีท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนกายเหมือนว่ากำลังโดนดูวิญญาณไปแล้วจริงๆ

    กิ๊ก สาวน้อยวัยใส ใสชนิดที่ใครต่อใครต่างส่ายหัว เป็นเพราะอะไรนั่นนะหรือ  คงจะเป็นเพราะความน่ารักเต็มอัตราศึก คึกเต็มพิกัดแรงม้าของเธอนั้นเองที่ทำให้ความน่ารักของเธอถูกทุกคนส่ายหัว

    ฉายาไอ้ลิงอ้วนหน้าหม้อ คือฉายาในขบวนการปูลม ที่สมาชิกทุกคนร่วมกันตั้งให้ เป็นฉายาที่เจ้าตัวยืดอกอวบๆรับอย่างเต็มใจ ไม่น้อยหน้าพุงที่ยื่นออกมาด้วยเลย

    " กิ๊ก  กิ๊ก  จะนอนก้นโด่งไปถึงไหน นี่สายจนตะวันส่องตู_ด แล้ว  ตื่นมากินข้าวกินปลา ซะ  เดี๋ยวพ่อไม่อยู่จะออกไปข้างนอก "

    " อือออออออออออออออออออออออออออออออออ   .......... "

    น้ำเสียงยานคางตอบรับออกไปเมื่อจบคำพูดของผู้เป็นพ่อ  แต่แล้วร่างนั้นก็นิ่งสนิทเหมือนเดิม และไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะลุกตามคำสั่งนั้นแต่อย่างใด

    " กิ๊ก เรียกคำให้มันรู้เรื่องบ้าง โตแล้ว อย่าให้ต้องบ่น !"

    เสียงจิ๊จ๊ะของสาวน้อยดังขึ้นพร้อมๆกับร่างอวบสมวัยกำลังโตนั้นค่อยๆเลื้อยขึ้น( เลื้อย ?) จากเตียงดูดวิญญาณ สภาพในตอนนี้ไม่ผิดไปจาก ' สมทรง' ในภาพยนตร์เรื่อง 'ไอ้ฟัก' เท่าใดนัก

    หลังจากที่พยายามดึงวิญญาณตัวเองให้กลับคืนมา พร้อมๆกับที่จะพยายามลืมตาที่หนักให้มองแสงสว่างแล้ว สาวเจ้าก็พบว่าแสงตะวันยามเช้านั้นมัน...................แสบตาเสียจริง .................

    และหลังจากที่ทำใจอยู่นานกว่าที่จะตัดสินใจอาบน้ำได้ก็ปาเข้าไป 20 นาที รวมกับการที่ต้องค่อยๆบรรจงแต่งตัวให้น่ารักแล้วก็ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง ถึงจะได้ออกมากินข้าวเช้า  ซึ่งเมื่อเดินมาถึงในห้องครัวนั้นกิ๊กก็พบว่า

    พ่อกับน้องกินข้าวกันไปก่อนแล้ว  อืม ไม่เป็นไร เราช้าเอง

    เหลือเราคนเดียวยังไม่ได้กินข้าว อืม ไม่เป็นไรเราช้าเอง

    เหลือข้าวในหม้อนิดเดียวสำหรับเรา อืมไม่เป็นไร เรากินไม่เยอะ

    เหลือกับข้าวไว้ให้เราอย่างเดียว เอ..แต่ไม่เป็นไร ข้าวน้อยกับน้อย พอกินได้

    เหลือก้างปลาทูเป็นกับข้าวให้เราอย่างเดียว ! เอ...เอ่อ..........โว้ย....แล้วเราจะกินอะไรวะเนี่ย !!

    เธอบ่นอย่างหัวเสีย หลังจากที่ได้เห็นอาหารที่เหลือไว้ให้เธอนั้น   ด้วยความงอน ( งอนใคร ?) คนตื่นสายอย่างเธอจึงไม่กินข้าวซะเลย โดยให้เหตุผลเข้าข้างตัวเองว่า

    ดี จะได้ลดความอ้วนไปในตัว !

    แต่ขอโทษ หลังจากที่เดินออกมาจากห้องครัวไม่ถึง 5 นาที สาวน้อยที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมๆกับพิซซ่าครึ่งถาดที่กินเหลือจากเมื่อคืน เอามานั่งกินหน้าโทรทัศน์อย่างอร่อย โดยลืมไปว่า ตัวเองกำลังจะลดความอ้วน !

    ไม่ถึง 5 นาทีเช่นกัน พิซซ่าที่น่าสงสารนั้นก็โดนสาวเจ้าของฉายาลิงอ้วนหน้าหม้อเขมือบจนหมดอย่างรวดเร็วและเยือกเย็น ยังไม่อิ่มท้อง และยังไม่สาแก่ใจ  เธอลุกจากที่นั่งและดิ่งตรงเข้าไปในครัวอีกครั้ง คราวนี้ก็เดินออกมาพร้อมกับน้ำส้มอีกสองขวด !

    ชะตากรรมของน้ำส้มช่างไม่แตกต่างจากพิซซ่าครึ่งถาดนั้นสักเท่าไหร่ เพราะโดนเขมือบรวดเดียวหมดไปสองขวดไม่เหลือ อาจจะโชคดีนิดที่เจ้าน้ำส้มยังมีซากให้เห็น คือขวดเปล่าๆ หากมันมีชีวิต และพูดได้ มันคงจะพูดว่า

    ดีที่ฟ้าเห็นใจ ไม่สร้างให้ไอ้เจ้านี่มันสามารถกินขวดได้ ไม่อย่างนั้นมีหวังคงเหมือนเจ้าพิซซ่าที่น่าสงสารแน่นอน โถ เห็นกันอยู่หลัดๆในตู้เย็นเดียวกันแท้ๆ ไม่น่ามาด่วนโดนกินก่อนเล้ย !!  ไปดีเถอะนะเจ้าพิซซ่า หากชาติหน้ามีจริง ขอให้แกเกิดไปเป็นพิซซ่าที่ห่างไกลปากไอ้เจ้านี่ละกันนะ

                        และแล้ว หนังท้องที่ตึงอยู่ก่อนหน้านี้มาสิบกว่าปี ก็เริ่มตึงขึ้นอีก  พอหนังท้องตุงพุงตาม หนังตาก็หย่อนยานเป็นลูกโซ่   ในที่สุดสาวน้อยก็ผลอยหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนโซฟาดูดวิญญาณหน้าโทรทัศน์นั่นเอง

                        นานเท่าไหร่นั้นเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดี  เพราะเมื่อตื่นมาปุ๊บก็ตาเหลือกปั๊บโดยอัตโนมัต และกระโดดโหย่งลงจากโซฟาวิ่งไปเปิดคอมพิวเตอร์ทันที

                        "  กรี๊ดดดดดดดดดดด ๆๆๆๆ ไม่รู้ว่าเฮียจะเอานิยายมาลงรึยัง ไม่ได้ๆ เดี๋ยวมีคนอ่านตัดหน้า โพสต์ตัดหน้า ไม่ได้ๆ "

                        เสียงบ่นที่แสนจะมีสาระของเธอนั้นดังขึ้นพร้อมๆกับการที่เธอทำการเปิดคอมพิวเตอร์ต่ออินเตอร์เนต เพื่อเข้าเวบไซด์อ่านนิยายสุดโปรดนั่นเอง มันคือกิจวัตรประจำวันที่สาวน้อยคนนี้ทำทุกวันไม่แพ้การเล่น MSN กับบรรดาเพื่อนๆที่รู้จักกันหมู่นักเขียนของแวบดังแห่งหนึ่ง แล้วตั้งก๊วนรวมตัวกันขึ้นมาชื่อว่า ขบวนการลงพุง เอ้ย ขบวนการปูลม ( มันอ่านกันคนละเสียงเลยนะนั่น ) สาวน้อยรู้สึกว่าช่วงเวลาเหล่านี้เธอไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเหงา ที่ในยามปกติแล้วเธอมักจะรู้สึกอยู่ตลอดเวลา  แม้รอบกายจะมีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่มาก หากแต่หาความจริงใจจากเพื่อนเหล่านั้นได้น้อย และบางเวลาความจริงใจจากเพื่อน ก็ยังไม่อาจเติมเต็มหัวใจที่หงอยเหงาของสาวขี้เหงา ขี้อ้อน และเจ้าน้ำตา บ้าน้ำลายอย่างเธอได้หมดเสมอไป  ดังนั้นการหม้อใครสักคนนั้นมันก็ทำให้ใจดวงน้อยๆของเธอกระชุ่มกระชวยขึ้นบ้าง  หากมาดูรายน้ำผู้โชคร้ายที่เธอได้ทำการหม้อไปแล้วนั้นจะพบว่าสองหนุ่มดวงตกอันได้แก่ พี่ที และนายกอล์ฟ ติดโผวงโคจร ที่โดนสาวน้อยออดอ้อนจนสยอง  ขยลุกขนพองกันเป็นแถว แต่สุดท้ายคือ ยังไม่มีเหลือรายใดตกถึงท้องของเธอซักราย

                        " กรี๊ดดดดดดด............ลงแล้วจริงๆด้วย อ่านๆๆๆๆๆๆๆ  "

                        เธอยังไม่เลิกบ่น เป็นเรื่องปกติสำหรับแม่สาวน้อยคนนี้เสียแล้ว ถึงได้บอกไงว่าใครๆต่างก็ส่ายหัวระอาในความน่ารักของเธอ

                        เธอใช้เวลาอยู่กับการหมกมุ่นอ่านนิยายในอินเตอร์เนตอยู่นานสองนาน  คลิกหานิยายเรื่องโปรด และนิยายใหม่ๆในเวบไซด์นั้นเรื่อยๆ ความสุขมหาศาลคือการอ่านนิยาย !

                        4  ชั่วโมงเต็มที่เธอนั่งหน้าคอม  และอ่านนิยายไปอย่างไม่รู้เบื่อ ก่อนที่จะเริ่มรู้สึกว่าท้องไส้ของเธอนั้นมันเรียกร้องแกมวิงวอน และบังคับให้เธอต้องรีบย้ายก้นลุกจากเก้าอี้ไปหาอะไรกินเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นท้อง และพุงของเธอจะโดนน้ำกรดสาดให้เกิดแผลโรคกระเพาะในทันทีที่ช้าไปแม้วินาทีเดียว นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องลุกไปหาอะไรเข้าปากในบัดดล

                        มือซ้ายถือถ้วยมาม่า  มือขวาคลิกเม้าส์  สายตาก็จดมองหน้าจอคอมพิวเตอร์  และปากของเธอก็กำลังเคี้ยวอย่างสบายอารมณ์ มันช่างเป็นความสามารถเฉพาะตัวจริงๆที่อวัยวะทุกส่วนของเธอทำงานประสานกันได้อย่างยอดเยี่ยม  น้อยคนนักที่จะทำได้เช่นนั้น  คงต้องใช้เวลาฝึกฝนนานพอสมควรกว่าจะเป็นอัจฉริยะเช่นนี้ได้  

                        และแล้วภารกิจการอ่านนิยายของเธอก็สิ้นสุดลง  เมื่อเธอรู้สึกว่านิยายที่เธอชอบก็อ่านหมดแล้ว นิยายใหม่ๆที่เลือกอ่านก็ไม่ค่อยถูกใจจนขี้เกียจหา   ดังนั้นสาวน้อยอัจฉริยะในด้านการกินก็ปิดเวบไซด์นิยายชื่อดังลง พร้อมๆกับการที่เธอกำลังจะทำการปิด MSN ที่เธอเปิดมันไว้ขณะอ่านนิยายด้วย  แต่ทว่า ก่อนที่เธอจะกดปิดมันนั้น  สัญญาณเตือนของโปรแกรมก็เด้งขึ้นมาเป็นกรอบสีส้ม ทำให้เธอรู้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังต้องการคุยกับเธอ

    เจ้าชายเย็นชา says:

    หวัดดีครับ !

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    หวัดดีค่ะ ใครอ่า ?????

    เจ้าชายเย็นชา says:

    เจ้าชายเย็นชาครับ

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    ม่ายช่ายยยยยยยย เอาจริงดิ ชื่ออะไร รู้จักเราด้วยหรอ  ?

    เจ้าชายเย็นชา says:

    เปล่า ผมน่าจะถามว่าเธอรู้จักผมด้วยหรอ ?

                  สาวน้อยออกอาการงงเมื่อเจอกับคำถามนี้เข้า  เธอไม่รู้ว่าเขาคนนี้เป็นใครมาจากไหน และรู้จักเธอได้อย่างไร  ที่แน่ๆ คือเธอ(น่าจะ)ไม่รู้จักเขาแน่นอน

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    หง่า   ไม่รู้จัก มาได้ไงหว่า   เธอน่ะเอาเมลล์เรามาจากไหนอ่ะ 

    เจ้าชายเย็นชา says:

    คำถามเดียวกันเลย อยากรู้เหมือนกันว่าเธอเอาเมลล์เรามาจากไหน ?

    สาวน้อยเกิดอาการงงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มคิดได้ด้วยความเคยชินเสียแล้วว่า การเจอกันในทางอินเตอร์เนต มันก็ไม่พ้นรูปแบบนี้ จำกันไม่ค่อยได้ คุยเพียงแค่เหงา พบกันแค่ผ่าน  น้อยครั้งนักที่จะยั่งยืน และผูกพันเหมือนอย่างปูลม  คิดได้อย่างนี้แล้ว เธอจึงตัดบทไปด้วยความเบื่อหน่าย

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    อืมๆ ช่างเห๊อะ  สรุปว่าเราไม่รู้จักกันนะ

    เจ้าชายเย็นชา says:

    อืม

                    เจอตอบมาสั้นๆ ง่ายๆ เหมือนเธอไร้ความสำคัญแบบนี้ทำเอาสาวน้อยเกิดอาการหมั่นไส้นิดๆ เนื่องจากปกติแล้วเสน่ห์ของเธอมักจะได้ผลเสมอในอินเตอร์เนต  (เพราะมันไม่เห็นหน้า)  แต่ทำไมไอ้บ้าคนนี้ถึงไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ

    หรือว่า เรายังคุยกันน้อยไป

    เอ...ทำความรู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนิ กำลังเหงาๆเหมือนกัน หาเพื่อนคุยรอปูลมทั้งหลายออนก็คงจะดี        

    คิดอย่างนี้แล้วกิ๊ก สาวน้อยวัยกระเตาะ ก็เริ่มหาเรื่องคุยต่อ

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    นี่ๆ นายว่างอ่ะป่าว ?

    เจ้าชายเย็นชา says:

    อืม ว่าง ทำไมหรอ ?

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    คุยเป็นเพื่อนเราก่อนได้ป่าว ยังไงรู้จักกันไว้ก็ไม่น่าเสียหายนิ

                    อีกฝ่ายเงียบไปนานไม่มีการตอบกลับ ทำให้เธอเริ่มมีอาการรอไม่ไหว จึงถามย้ำไปอีกทีเพื่อให้ฝ่ายนั้นตอบมา

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    ว่าไง ไม่อยากคุยกับเราก็บอกได้นะ ไม่ว่า

    เจ้าชายเย็นชา says:

    เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วชื่ออะไรล่ะ

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    กิ๊ก

    เจ้าชายเย็นชา says:

    อืม

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    แล้วนายชื่ออะไร ? เอาจริงๆนะ

    เจ้าชายเย็นชา says:

    เย็นชา

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    อีกแระ เอาดีๆดิ เรายังบอกจริงๆเลย

    เจ้าชายเย็นชา says:

    ก็เราชื่อนี้ ไม่เชื่อรีไง

                    กิ๊กเริ่มเกิดอาการหมั่นไส้คูณสอง และความอยากรู้คูณสาม เมื่อเกิดคำถามว่า

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    ทำไมถึงชื่อนี้ล่ะ

    อีกฝ่ายเงียบไปสักครู่ ก่อนจะตอบออกมา เล่นเอาคนถามที่อยู่ทางนี้นึกในใจว่า หากอยู่ใกล้ๆจะไปเตะสักป๊าบ โทษฐานตอบช้า ( ข้อหาร้ายแรงมาก )

    เจ้าชายเย็นชา says:

    ก็เราเป็นคนเย็นชา

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    อื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมม 

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    จะบอกว่าตัวเองเป็นพวกความรู้สึกตายด้าน ไร้หัวใจ ว่างั้น ?

    เจ้าชายเย็นชา says:

    ทำนองนั้น

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    โหย งั้นเราจะเรียกนายว่าเจ้าชายเย็นชาดีไม๊ ?

    เจ้าชายเย็นชา says:

    เราชื่อนั้นอยู่แล้ว  แต่ขอบใจที่เพิ่มบรรดาศักดิ์ให้เรา

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    ไหนๆเราก็รู้จักกันแล้ว นายบอกเราได้ป่าวว่านายอายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน เราจะได้รู้ไงว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง จะได้เรียกกันถูก

                        มุกพี่น้องของเหล่าดาราถูกนำมาใช้โดยที่เจ้าตัวกำลังคิดว่า เจ้าชายนายเย็นชาคนนี้เริ่มมีอะไรที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน จึงต้องหาข้ออ้างมาเพื่อสืบข้อมูล สมกับหน้าที่ในขบวนการปูลมของเธอที่เหล่าเพื่อนๆวางใจยกหน้าที่ให้เป็นหน่วยสอดแนม

    เจ้าชายเย็นชา says:

    เรากำลังเรียนวิศวะ อยู่ปี 4 แล้ว

    kimura  ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:

    ห๊า.......วิศวะ ปี 4 !!!!!!!!!!!!

                                เธอตกใจจริงๆ  ตกใจที่ไม่คิดว่านายคนนี้จะอยู่ปี 4  อายุห่างกว่าเธอกว่าครึ่งรอบ ไม่คิดว่านายเย็นชาคนนี้จะเรียนวิศวะ และไม่คิดว่าบุพเพจะอาละวาดเธอเข้าแล้ว เมื่อเธอดันมีเสป๊คชายในดวงใจเอาไว้ว่า ต้องเรียนวิศวะ เหมือนกับหนุ่มที่เคยหม้อไว้ทั้งหลายที่เขามีความฝันอันงดงามว่าจะเรียนวิศวะ ในอนาคต

                                แล้วจู่ๆนายเย็นชาคนนี้ก็เข้ามา และทำให้เธอหวั่นไหว

                                 ไม่นะ ไม่  ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ บังเอิญเกินไปแล้ว 

                                อาการตกใจ และลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของสมาชิกขบวนการปูลมอย่างเธอเสียแล้ว เรื่องวุ่นวายที่จะตามมาจะเป็นอย่างไร เธอไม่รู้ได้ แม้กระทั่งตอนนี้เธอยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่า เธอได้ปล่อยใจไปหานายเย็นชาคนนั้นแล้วตั้ง 20 เปอร์เซ็นต์

    ..................................................................................................................................

    เอามาลงให้อ่านกันใหม่ เพิ่มเล็กน้อย อันจะนำไปสู่จุดจบของเรื่อง พร้อมทั้งจุดจบของนักแสดง (ฮา)

    ขอคอมเมนส์และกำลังใจจากท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะ


    ด้วย(ความสะ)ใจ
    bloodroseแห่งสิมิลันอันดา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×