คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เจ้าชายเย็นชากับสาวบ้าขี้อ้อน ตอนที่ 1
เจ้าชายเย็นชากับสาวบ้าขี้อ้อน
กิ๊ก สาวน้อยเจ้าน้ำตา ที่กำลังมองหาหนุ่มช่างเอาใจ แต่ดันไปเจอกับเจ้าชายเย็นชาเข้า แล้วงานนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อมุกเจ้าน้ำตาถูกนำเอามาใช้เป็นลูกอ้อนให้หนุ่มน้ำแข็งคันหัวใจเล่นๆ มันจะได้ผลหรือไม่ มาร่วมลุ้นความรักของเจ้าชายเย็นชากับสาวบ้าขี้อ้อนได้เลย
.....................................................................................................................................
เช้าวันเสาร์ที่สดใส แสงอาทิตย์ค่อยๆส่องผ่านม่านบางๆที่ปลิวไสวด้วยแรงลมโชยยามเช้า ทำให้คนที่นอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียงที่เรียกกันว่า 'เตียงดูดวิญญาณ' นั้นไม่มีท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนกายเหมือนว่ากำลังโดนดูวิญญาณไปแล้วจริงๆ
กิ๊ก สาวน้อยวัยใส ใสชนิดที่ใครต่อใครต่างส่ายหัว เป็นเพราะอะไรนั่นนะหรือ คงจะเป็นเพราะความน่ารักเต็มอัตราศึก คึกเต็มพิกัดแรงม้าของเธอนั้นเองที่ทำให้ความน่ารักของเธอถูกทุกคนส่ายหัว
ฉายาไอ้ลิงอ้วนหน้าหม้อ คือฉายาในขบวนการปูลม ที่สมาชิกทุกคนร่วมกันตั้งให้ เป็นฉายาที่เจ้าตัวยืดอกอวบๆรับอย่างเต็มใจ ไม่น้อยหน้าพุงที่ยื่นออกมาด้วยเลย
" กิ๊ก กิ๊ก จะนอนก้นโด่งไปถึงไหน นี่สายจนตะวันส่องตู_ด แล้ว ตื่นมากินข้าวกินปลา ซะ เดี๋ยวพ่อไม่อยู่จะออกไปข้างนอก "
" อือออออออออออออออออออออออออออออออออ .......... "
น้ำเสียงยานคางตอบรับออกไปเมื่อจบคำพูดของผู้เป็นพ่อ แต่แล้วร่างนั้นก็นิ่งสนิทเหมือนเดิม และไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะลุกตามคำสั่งนั้นแต่อย่างใด
" กิ๊ก เรียกคำให้มันรู้เรื่องบ้าง โตแล้ว อย่าให้ต้องบ่น !"
เสียงจิ๊จ๊ะของสาวน้อยดังขึ้นพร้อมๆกับร่างอวบสมวัยกำลังโตนั้นค่อยๆเลื้อยขึ้น( เลื้อย ?) จากเตียงดูดวิญญาณ สภาพในตอนนี้ไม่ผิดไปจาก ' สมทรง' ในภาพยนตร์เรื่อง 'ไอ้ฟัก' เท่าใดนัก
หลังจากที่พยายามดึงวิญญาณตัวเองให้กลับคืนมา พร้อมๆกับที่จะพยายามลืมตาที่หนักให้มองแสงสว่างแล้ว สาวเจ้าก็พบว่าแสงตะวันยามเช้านั้นมัน...................แสบตาเสียจริง .................
และหลังจากที่ทำใจอยู่นานกว่าที่จะตัดสินใจอาบน้ำได้ก็ปาเข้าไป 20 นาที รวมกับการที่ต้องค่อยๆบรรจงแต่งตัวให้น่ารักแล้วก็ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง ถึงจะได้ออกมากินข้าวเช้า ซึ่งเมื่อเดินมาถึงในห้องครัวนั้นกิ๊กก็พบว่า
พ่อกับน้องกินข้าวกันไปก่อนแล้ว อืม ไม่เป็นไร เราช้าเอง
เหลือเราคนเดียวยังไม่ได้กินข้าว อืม ไม่เป็นไรเราช้าเอง
เหลือข้าวในหม้อนิดเดียวสำหรับเรา อืมไม่เป็นไร เรากินไม่เยอะ
เหลือกับข้าวไว้ให้เราอย่างเดียว เอ..แต่ไม่เป็นไร ข้าวน้อยกับน้อย พอกินได้
เหลือก้างปลาทูเป็นกับข้าวให้เราอย่างเดียว ! เอ...เอ่อ..........โว้ย....แล้วเราจะกินอะไรวะเนี่ย !!
เธอบ่นอย่างหัวเสีย หลังจากที่ได้เห็นอาหารที่เหลือไว้ให้เธอนั้น ด้วยความงอน ( งอนใคร ?) คนตื่นสายอย่างเธอจึงไม่กินข้าวซะเลย โดยให้เหตุผลเข้าข้างตัวเองว่า
ดี จะได้ลดความอ้วนไปในตัว !
แต่ขอโทษ หลังจากที่เดินออกมาจากห้องครัวไม่ถึง 5 นาที สาวน้อยที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมๆกับพิซซ่าครึ่งถาดที่กินเหลือจากเมื่อคืน เอามานั่งกินหน้าโทรทัศน์อย่างอร่อย โดยลืมไปว่า ตัวเองกำลังจะลดความอ้วน !
ไม่ถึง 5 นาทีเช่นกัน พิซซ่าที่น่าสงสารนั้นก็โดนสาวเจ้าของฉายาลิงอ้วนหน้าหม้อเขมือบจนหมดอย่างรวดเร็วและเยือกเย็น ยังไม่อิ่มท้อง และยังไม่สาแก่ใจ เธอลุกจากที่นั่งและดิ่งตรงเข้าไปในครัวอีกครั้ง คราวนี้ก็เดินออกมาพร้อมกับน้ำส้มอีกสองขวด !
ชะตากรรมของน้ำส้มช่างไม่แตกต่างจากพิซซ่าครึ่งถาดนั้นสักเท่าไหร่ เพราะโดนเขมือบรวดเดียวหมดไปสองขวดไม่เหลือ อาจจะโชคดีนิดที่เจ้าน้ำส้มยังมีซากให้เห็น คือขวดเปล่าๆ หากมันมีชีวิต และพูดได้ มันคงจะพูดว่า
ดีที่ฟ้าเห็นใจ ไม่สร้างให้ไอ้เจ้านี่มันสามารถกินขวดได้ ไม่อย่างนั้นมีหวังคงเหมือนเจ้าพิซซ่าที่น่าสงสารแน่นอน โถ เห็นกันอยู่หลัดๆในตู้เย็นเดียวกันแท้ๆ ไม่น่ามาด่วนโดนกินก่อนเล้ย !! ไปดีเถอะนะเจ้าพิซซ่า หากชาติหน้ามีจริง ขอให้แกเกิดไปเป็นพิซซ่าที่ห่างไกลปากไอ้เจ้านี่ละกันนะ
และแล้ว หนังท้องที่ตึงอยู่ก่อนหน้านี้มาสิบกว่าปี ก็เริ่มตึงขึ้นอีก พอหนังท้องตุงพุงตาม หนังตาก็หย่อนยานเป็นลูกโซ่ ในที่สุดสาวน้อยก็ผลอยหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนโซฟาดูดวิญญาณหน้าโทรทัศน์นั่นเอง
นานเท่าไหร่นั้นเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดี เพราะเมื่อตื่นมาปุ๊บก็ตาเหลือกปั๊บโดยอัตโนมัต และกระโดดโหย่งลงจากโซฟาวิ่งไปเปิดคอมพิวเตอร์ทันที
" กรี๊ดดดดดดดดดดด ๆๆๆๆ ไม่รู้ว่าเฮียจะเอานิยายมาลงรึยัง ไม่ได้ๆ เดี๋ยวมีคนอ่านตัดหน้า โพสต์ตัดหน้า ไม่ได้ๆ "
เสียงบ่นที่แสนจะมีสาระของเธอนั้นดังขึ้นพร้อมๆกับการที่เธอทำการเปิดคอมพิวเตอร์ต่ออินเตอร์เนต เพื่อเข้าเวบไซด์อ่านนิยายสุดโปรดนั่นเอง มันคือกิจวัตรประจำวันที่สาวน้อยคนนี้ทำทุกวันไม่แพ้การเล่น MSN กับบรรดาเพื่อนๆที่รู้จักกันหมู่นักเขียนของแวบดังแห่งหนึ่ง แล้วตั้งก๊วนรวมตัวกันขึ้นมาชื่อว่า ขบวนการลงพุง เอ้ย ขบวนการปูลม ( มันอ่านกันคนละเสียงเลยนะนั่น ) สาวน้อยรู้สึกว่าช่วงเวลาเหล่านี้เธอไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเหงา ที่ในยามปกติแล้วเธอมักจะรู้สึกอยู่ตลอดเวลา แม้รอบกายจะมีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่มาก หากแต่หาความจริงใจจากเพื่อนเหล่านั้นได้น้อย และบางเวลาความจริงใจจากเพื่อน ก็ยังไม่อาจเติมเต็มหัวใจที่หงอยเหงาของสาวขี้เหงา ขี้อ้อน และเจ้าน้ำตา บ้าน้ำลายอย่างเธอได้หมดเสมอไป ดังนั้นการหม้อใครสักคนนั้นมันก็ทำให้ใจดวงน้อยๆของเธอกระชุ่มกระชวยขึ้นบ้าง หากมาดูรายน้ำผู้โชคร้ายที่เธอได้ทำการหม้อไปแล้วนั้นจะพบว่าสองหนุ่มดวงตกอันได้แก่ พี่ที และนายกอล์ฟ ติดโผวงโคจร ที่โดนสาวน้อยออดอ้อนจนสยอง ขยลุกขนพองกันเป็นแถว แต่สุดท้ายคือ ยังไม่มีเหลือรายใดตกถึงท้องของเธอซักราย
" กรี๊ดดดดดดด............ลงแล้วจริงๆด้วย อ่านๆๆๆๆๆๆๆ "
เธอยังไม่เลิกบ่น เป็นเรื่องปกติสำหรับแม่สาวน้อยคนนี้เสียแล้ว ถึงได้บอกไงว่าใครๆต่างก็ส่ายหัวระอาในความน่ารักของเธอ
เธอใช้เวลาอยู่กับการหมกมุ่นอ่านนิยายในอินเตอร์เนตอยู่นานสองนาน คลิกหานิยายเรื่องโปรด และนิยายใหม่ๆในเวบไซด์นั้นเรื่อยๆ ความสุขมหาศาลคือการอ่านนิยาย !
4 ชั่วโมงเต็มที่เธอนั่งหน้าคอม และอ่านนิยายไปอย่างไม่รู้เบื่อ ก่อนที่จะเริ่มรู้สึกว่าท้องไส้ของเธอนั้นมันเรียกร้องแกมวิงวอน และบังคับให้เธอต้องรีบย้ายก้นลุกจากเก้าอี้ไปหาอะไรกินเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นท้อง และพุงของเธอจะโดนน้ำกรดสาดให้เกิดแผลโรคกระเพาะในทันทีที่ช้าไปแม้วินาทีเดียว นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องลุกไปหาอะไรเข้าปากในบัดดล
มือซ้ายถือถ้วยมาม่า มือขวาคลิกเม้าส์ สายตาก็จดมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ และปากของเธอก็กำลังเคี้ยวอย่างสบายอารมณ์ มันช่างเป็นความสามารถเฉพาะตัวจริงๆที่อวัยวะทุกส่วนของเธอทำงานประสานกันได้อย่างยอดเยี่ยม น้อยคนนักที่จะทำได้เช่นนั้น คงต้องใช้เวลาฝึกฝนนานพอสมควรกว่าจะเป็นอัจฉริยะเช่นนี้ได้
และแล้วภารกิจการอ่านนิยายของเธอก็สิ้นสุดลง เมื่อเธอรู้สึกว่านิยายที่เธอชอบก็อ่านหมดแล้ว นิยายใหม่ๆที่เลือกอ่านก็ไม่ค่อยถูกใจจนขี้เกียจหา ดังนั้นสาวน้อยอัจฉริยะในด้านการกินก็ปิดเวบไซด์นิยายชื่อดังลง พร้อมๆกับการที่เธอกำลังจะทำการปิด MSN ที่เธอเปิดมันไว้ขณะอ่านนิยายด้วย แต่ทว่า ก่อนที่เธอจะกดปิดมันนั้น สัญญาณเตือนของโปรแกรมก็เด้งขึ้นมาเป็นกรอบสีส้ม ทำให้เธอรู้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังต้องการคุยกับเธอ
เจ้าชายเย็นชา says:
หวัดดีครับ !
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
หวัดดีค่ะ ใครอ่า ?????
เจ้าชายเย็นชา says:
เจ้าชายเย็นชาครับ
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
ม่ายช่ายยยยยยยย เอาจริงดิ ชื่ออะไร รู้จักเราด้วยหรอ ?
เจ้าชายเย็นชา says:
เปล่า ผมน่าจะถามว่าเธอรู้จักผมด้วยหรอ ?
สาวน้อยออกอาการงงเมื่อเจอกับคำถามนี้เข้า เธอไม่รู้ว่าเขาคนนี้เป็นใครมาจากไหน และรู้จักเธอได้อย่างไร ที่แน่ๆ คือเธอ(น่าจะ)ไม่รู้จักเขาแน่นอน
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
หง่า ไม่รู้จัก มาได้ไงหว่า เธอน่ะเอาเมลล์เรามาจากไหนอ่ะ
เจ้าชายเย็นชา says:
คำถามเดียวกันเลย อยากรู้เหมือนกันว่าเธอเอาเมลล์เรามาจากไหน ?
สาวน้อยเกิดอาการงงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มคิดได้ด้วยความเคยชินเสียแล้วว่า การเจอกันในทางอินเตอร์เนต มันก็ไม่พ้นรูปแบบนี้ จำกันไม่ค่อยได้ คุยเพียงแค่เหงา พบกันแค่ผ่าน น้อยครั้งนักที่จะยั่งยืน และผูกพันเหมือนอย่างปูลม คิดได้อย่างนี้แล้ว เธอจึงตัดบทไปด้วยความเบื่อหน่าย
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
อืมๆ ช่างเห๊อะ สรุปว่าเราไม่รู้จักกันนะ
เจ้าชายเย็นชา says:
อืม
เจอตอบมาสั้นๆ ง่ายๆ เหมือนเธอไร้ความสำคัญแบบนี้ทำเอาสาวน้อยเกิดอาการหมั่นไส้นิดๆ เนื่องจากปกติแล้วเสน่ห์ของเธอมักจะได้ผลเสมอในอินเตอร์เนต (เพราะมันไม่เห็นหน้า) แต่ทำไมไอ้บ้าคนนี้ถึงไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ
หรือว่า เรายังคุยกันน้อยไป
เอ...ทำความรู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนิ กำลังเหงาๆเหมือนกัน หาเพื่อนคุยรอปูลมทั้งหลายออนก็คงจะดี
คิดอย่างนี้แล้วกิ๊ก สาวน้อยวัยกระเตาะ ก็เริ่มหาเรื่องคุยต่อ
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
นี่ๆ นายว่างอ่ะป่าว ?
เจ้าชายเย็นชา says:
อืม ว่าง ทำไมหรอ ?
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
คุยเป็นเพื่อนเราก่อนได้ป่าว ยังไงรู้จักกันไว้ก็ไม่น่าเสียหายนิ
อีกฝ่ายเงียบไปนานไม่มีการตอบกลับ ทำให้เธอเริ่มมีอาการรอไม่ไหว จึงถามย้ำไปอีกทีเพื่อให้ฝ่ายนั้นตอบมา
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
ว่าไง ไม่อยากคุยกับเราก็บอกได้นะ ไม่ว่า
เจ้าชายเย็นชา says:
เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วชื่ออะไรล่ะ
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
กิ๊ก
เจ้าชายเย็นชา says:
อืม
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
แล้วนายชื่ออะไร ? เอาจริงๆนะ
เจ้าชายเย็นชา says:
เย็นชา
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
อีกแระ เอาดีๆดิ เรายังบอกจริงๆเลย
เจ้าชายเย็นชา says:
ก็เราชื่อนี้ ไม่เชื่อรีไง
กิ๊กเริ่มเกิดอาการหมั่นไส้คูณสอง และความอยากรู้คูณสาม เมื่อเกิดคำถามว่า
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
ทำไมถึงชื่อนี้ล่ะ
อีกฝ่ายเงียบไปสักครู่ ก่อนจะตอบออกมา เล่นเอาคนถามที่อยู่ทางนี้นึกในใจว่า หากอยู่ใกล้ๆจะไปเตะสักป๊าบ โทษฐานตอบช้า ( ข้อหาร้ายแรงมาก )
เจ้าชายเย็นชา says:
ก็เราเป็นคนเย็นชา
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
อื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมม
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
จะบอกว่าตัวเองเป็นพวกความรู้สึกตายด้าน ไร้หัวใจ ว่างั้น ?
เจ้าชายเย็นชา says:
ทำนองนั้น
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
โหย งั้นเราจะเรียกนายว่าเจ้าชายเย็นชาดีไม๊ ?
เจ้าชายเย็นชา says:
เราชื่อนั้นอยู่แล้ว แต่ขอบใจที่เพิ่มบรรดาศักดิ์ให้เรา
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
ไหนๆเราก็รู้จักกันแล้ว นายบอกเราได้ป่าวว่านายอายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน เราจะได้รู้ไงว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง จะได้เรียกกันถูก
มุกพี่น้องของเหล่าดาราถูกนำมาใช้โดยที่เจ้าตัวกำลังคิดว่า เจ้าชายนายเย็นชาคนนี้เริ่มมีอะไรที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน จึงต้องหาข้ออ้างมาเพื่อสืบข้อมูล สมกับหน้าที่ในขบวนการปูลมของเธอที่เหล่าเพื่อนๆวางใจยกหน้าที่ให้เป็นหน่วยสอดแนม
เจ้าชายเย็นชา says:
เรากำลังเรียนวิศวะ อยู่ปี 4 แล้ว
kimura ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งรัก ( จริงหรือป่าว???) says:
ห๊า.......วิศวะ ปี 4 !!!!!!!!!!!!
เธอตกใจจริงๆ ตกใจที่ไม่คิดว่านายคนนี้จะอยู่ปี 4 อายุห่างกว่าเธอกว่าครึ่งรอบ ไม่คิดว่านายเย็นชาคนนี้จะเรียนวิศวะ และไม่คิดว่าบุพเพจะอาละวาดเธอเข้าแล้ว เมื่อเธอดันมีเสป๊คชายในดวงใจเอาไว้ว่า ต้องเรียนวิศวะ เหมือนกับหนุ่มที่เคยหม้อไว้ทั้งหลายที่เขามีความฝันอันงดงามว่าจะเรียนวิศวะ ในอนาคต
แล้วจู่ๆนายเย็นชาคนนี้ก็เข้ามา และทำให้เธอหวั่นไหว
ไม่นะ ไม่ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ บังเอิญเกินไปแล้ว
อาการตกใจ และลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของสมาชิกขบวนการปูลมอย่างเธอเสียแล้ว เรื่องวุ่นวายที่จะตามมาจะเป็นอย่างไร เธอไม่รู้ได้ แม้กระทั่งตอนนี้เธอยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่า เธอได้ปล่อยใจไปหานายเย็นชาคนนั้นแล้วตั้ง 20 เปอร์เซ็นต์
..................................................................................................................................
เอามาลงให้อ่านกันใหม่ เพิ่มเล็กน้อย อันจะนำไปสู่จุดจบของเรื่อง พร้อมทั้งจุดจบของนักแสดง (ฮา)
ขอคอมเมนส์และกำลังใจจากท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะ
ด้วย(ความสะ)ใจ
bloodroseแห่งสิมิลันอันดา
ความคิดเห็น