คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เหตุผลเดียวที่ทำให้เรารักกัน ตอนที่ 1
เหตุผลที่ทำให้เรารักกัน ตอนที่ 1
โฮะโฮะโฮะโฮะ
จำเสียงหัวเราะนี้ได้หรือไม่ ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลาย ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากฉัน
ติก๊ะ หรือที่เหล่าขบวนการปูลมเรียกกันว่าท่านขงเบ้งนั่นเอง !
อะ ! จำได้แล้วเหรอ ?
ไม่แปลกที่ทุกท่านจะใช้เวลานึกไม่นานก็จำฉันได้ เพราะฉันทั้งเด่น ทั้งดัง เข้าตำราสวย เลิศ เชิดหยิ่ง ดูดีมีชาติตระกูล สรุปง่ายๆ คือ เฟอร์เฟก! โฮะๆๆๆ
อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด มัวแต่หัวเราะเพลินจนลืมดูเวลาว่าตอนนี้ฉันควรไปโรงเรียนได้แล้วนี่นา มัวแต่ส่องกระจกดูความสวย(น้อย)ของฉันอยู่เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายกันพอดี
" คุณหนู ตื่นรึยังคะ ? " ฮั่นแน่
ไม่ทันขาดคำเสียงเรียกของคุณป้าแม่บ้านก็ดังมาปลุกคุณหนูแสนสวยอย่างฉันพอดี
" ตื่นแล้วจ้าป้า รอเดี๋ยวนะเดี๋ยวจะออกไป " ฉันรีบส่งน้ำเสียงหวานจ๋อยให้คุณป้าแม่บ้านรู้ทันที แล้วไม่นานฉันก็พาร่างอวบอ้วนสมบูรณ์เดินผ่านประตูห้องอย่างยากลำบากไปหาคุณป้าที่กำลังมองร่างฉันอย่างชื่นชมผสมสมเพชพอควร
" นี่คะคุณหนู แว่น เดี๋ยวลืมนะคะ "
" เออใช่ แหมป้าจ๋ารู้ดีจัง นี่ถ้าไม่มีแว่นอันนี้นะ ติก๊ะเห็นทีจะต้องกลายสภาพเป็นสาวน้อยตาบอดแน่ๆเลย "
" ก็พูดเกินไปแล้วค่ะ แต่ถึงแม้คุณหนูจะตาบอด แต่ป้าก็เชื่อว่าคนน่ารักอย่างคุณหนูเนี่ย ถึงจะตาบอดอย่างไรก็ต้องมาคนช่วยเหลืออยู่ดีละคะ "
ไม่อยากจะบอกเลยว่าป้านะรู้ดีแถมยังปากหวานอีกด้วย ชมฉันไม่ขาดปากว่าน่ารักอย่างโน้นอย่างนี้ ทำให้ฉันแทบจะตัวลอยอยู่แล้ว ติดแต่เกรงใจน้ำหนักที่เกินพิกัดไปสักเล็กน้อย ส่งผลให้วิชาตัวเบาไม่สามารถทำงานได้ แต่ถ้าคิดอีกแง่คือป้ากำลังแอบเหน็บฉันหรือเปล่านะว่า คนอย่างฉันเนี่ยใครๆก็ไม่อยากให้หลุดไปอยู่ข้างนอก กลัวจะไปกัดชาวบ้านชาวช่องเขา ก็เพราะอะไรเหรอ ก็เพราะฟันที่เรียงตัวกันสวยงามยื่นเหยินออกมาทางด้านหน้า(ไม่)เล็กน้อย จนบางครั้งคนสวยยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นจอบถากหญ้าไปเสียทุกครั้ง เชอะ ! คิดแล้วก็ให้เจ็บใจ มองฟันสวยๆของฉันยังไงนะถึงได้เห็นเป็นจอบถากหญ้าซะอย่างนั้น เดี๋ยวปั๊ด งับหัวเลย!!
ฉันก้าวลงจากรถBMอย่างมาดมั่นและเฉิดฉาย ใครๆต่างก็พากันมองการมาถึงของฉันด้วยสายตาที่รู้ว่าอิจฉากันเป็นแถวๆ ก็ทำไงได้ล่ะ คนมันสวย รวย ช่วยไม่ได้ ! และทันทีที่ฉันก้าวลงจากรถบีเอ็มแล้ว ฉันก็ค่อยๆจูงรถคันหรูของฉันไปจอดไว้ที่โรงจอดรถจักรยาน เอะ! งงอะไรกันคะ อ้อ คงงงละสิว่าทำไมรถBMของฉันถึงจูงมาไว้ที่โรงจอดรถจักรยานได้ ก็เพราะBMที่ฉันบอกมันคือBMX นะสิ โฮะๆๆๆๆ
" ทำการบ้านมารึยังติก๊ะ ?" เสียงอันน่ารำคาญของเพื่อนๆทำให้ฉันที่กำลังนั่งแต่งสวยแคะฟันอยู่หน้ากระจกพกต้องเงยหน้าขึ้นไปตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
" ยัง "
" แล้วจะทำมั้ย ?"
" ทำสิยะ ไม่ทำแล้วฉันจะเอาอะไรส่งละแม่คู๊ณณณณณ" ฉันย้อนเพื่อนไปทันควันอย่างไม่แยแสอีกฝ่ายแม้แต่น้อยอยู่ในใจ ใช่
.ฉันย้อนอยู่แต่ในใจเพราะคำพูดที่ออกมาจากปากนั้นคือ
" ทำสิ ขอลอกหน่อยนะจ๊ะ " ฉันพูดเสียงหวานประแล่มๆ เป็นการประจบประแจงเพื่อนเพื่อขอลอกการบ้าน ขืนพูดอย่างที่ใจคิดมีหวังอดลอกกันพอดี นี่ถ้าไม่เกรงใจว่าจะไม่มีการบ้านส่งอาจารย์นะ ฉันไม่ยอมพูดดีๆด้วยหร๊อกกกกก
.. โธ่!!!
เมื่อเสร็จสิ้นการลอกการบ้านแล้วก็ได้เวลาเสริมความงามต่อ ซึ่งการเสริมความงามของฉันนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม๊ทำไมพวกผู้หญิงหน้าตาเหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ในห้องถึงชอบมองมาอยู่เรื่อย มองเปล่านะไม่ว่าหรอก แต่นี่เล่นมองแล้วทำหน้าหัวเราะเยาะเข้าให้อีกแล้วจะให้ฉันเข้าใจว่าไง ( ยังไม่รู้ตัวอีกนะว่าเขามองอย่างสมเพชในความงามของหล่อนตะหากย่ะ )
" เห็นเสริมสวยอยู่ทุกวี่ทุกวัน ไม่เห็นจะมีวันไหนดูสวยขึ้นมาซักวันเลย " น้ำเสียงของยัยกุ้งแห้งที่ชอบอวดตัวว่าเอวบางร่างน้อยเหมือนนางแบบดังขึ้นให้พอยิน ซึ่งถ้าจะให้พูดถึงรูปร่างของยัยนี้แล้วละก็ ทั้งแบนทั้งบางเหมือนกุ้งแห้งค้างปีค้างชาติ สู้ฉันก็ไม่ได้มีทั้งเนื้อทั้งน้ำอวบอิ่มกลมกลึง โฮะ โฮะ โฮะ และเมื่อฉันหันไปมองหน้าเจ้าตัวก็เงียบ รู้หรอกยะว่ากำลังชมฉัน !
" ไม่รู้จะแต่งสวยไปให้ลิงที่ป่าไหนดูก็ไม่รู้ แต่ลิงก็ตาดีนะที่ไม่มองว่ายัยเหยินสวยจนหลงกลติดกับ" อีกแล้ว ฉันได้ยินนะเฟ้ย ! ขันติเข้าไว้ติก๊ะ อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเด็ดขาด
นั่งฟังยัยพวกปากนางร้ายนินทานางเอกอย่างฉันอยู่สักพักใหญ่ เนื้อหาคำต่อว่านั้นก็เริ่มซึมเข้าหูซ้ายเข้ามาทีละน้อยๆ แม้ตั้งใจจะให้มันทะลุหูขวาดังภาษิต แต่สมองอันมีรอยยักไม่ต่างกับไอร์ไสตร์อย่างฉันก็เริ่มได้คิดอะไรขึ้นมาบางอย่าง
ไม่เข้าใจว่าทำไมคนน่ารักน่าตาดีอย่างฉันถึงได้มีแต่คนไม่ชอบหน้านะ เป็นไปได้หรือเปล่าที่พวกนั้นอิจฉาในความสวยอันไร้ขีดจำกัด ( จนตะเลิดเปิดเปิง )ของฉัน เลยพาลไม่ชอบหน้า แต่เอ
แล้วทำไมไอ้พวกผู้ชายมันก็ถึงไม่ค่อยชอบขี้หน้าฉันด้วยนะ จะว่าอิจฉาก็ไม่ใช่
. แล้วอะไรล่ะ ?
พักกลางวันของวันนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม ฉันยังคงเดินฉายเดี่ยวเปรี้ยวซ่าไปยังโรงอาหารโดยที่ไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าเทียบรัศมีเดินไปด้วย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของฉันไปเสียแล้วที่จะไปไหนมาไหนคนเดียว ร้านค้าที่โรงอาหารนี่ก็ไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ สะอาดก็ไม่สะอาด ราคาก็ถูก กินแล้วรู้สึกคันคอแต่ก็ต้องจำใจกิน เอาเถอะน่า! กินเข้าไปเถอะติก๊ะเอ๋ย
" ดูสิ ยัยแว่นจืดกินข้าวคนเดียวอีกแล้ว" นั่นไง ฉันเจอมลพิษทางเสียงเข้าอีกแล้ว
" ก็ทำหยิ่งจองหองจนไม่มีคนคบนะสิ สมน้ำหน้า " เชอะ หาว่าฉันหยิ่งจองหองงั้นเหรอ หนอย
ยัยพวกชั้นต่ำ ขันติไว้
ขันติไว้ เอาล่ะ อย่าสนใจคนพวกนั้นเลย จะพูดจาถากถางฉันยังไงก็ช่าง ยังไงซะฉันก็ไม่ ได้ไปขอยัยพวกนั้นกิน
ฉันเดินเชิดหน้าไปยังร้านประจำที่ฉันคิดว่าสด สะอาด และปลอดสารพิษที่สุดในบรรดาร้านอาหารเหล่านั้น คุณป้าแม่ค้าเจ้าของร้านยิ้มร่าทักทายเมื่อเห็นคนสวยอย่างฉันเดินเข้าไปหา
" ป้า วันนี้เอาเหมือนเดิมนะคะ" ฉันสั่งอาหารเสร็จก็ยืนรอสักครู่ อาหารที่สั่งก็ถูกวางลงตรงหน้า ฉันจ่ายเงินและเดินถือจานอาหารฉันเข้ามายังบริเวณโต๊ะอาหาร ใช้สายตาสั้นเสน่ห์สอดส่ายมองหาที่ว่าง แต่มันกลับเต็มไปหมด
แล้วฉันจะไปนั่งไหนหว่า ?
" นั่งด้วยกันก็ได้นะ ติก๊ะ" เสียงทุ้มๆไม่ค่อยจะคุ้นหูของฉันดังขึ้น จะว่าไปมันก็มีแรงดึงดูดนิดหน่อย ( สาบานได้ว่านิดหน่อยจริงๆนะ) ให้ฉันต้องหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น
.แล้ว
. พระเจ้าช่วย !!!!!!
ถ้าแว่นฉันไม่มัว หรือสายตาฉันไม่สั้นผิดปกติทันทีทันใดแล้วละก็ ฉันก็สามารถฟัน! เอ้ย ! ฟันธงได้เลยว่า เจ้าของเสียงทุ้มที่เรียกฉันเมื่อครู่นี้นั้น ช่างเหมือนเทพบุตรสุดหล่อจำแรงแปลงกายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว โอะ ไม่สิ ไม่ๆๆๆๆ คำว่าเทพบุตรมันดูโบราณเกินไป ต้องใช้คำว่าหล่อเหมือนพระเอกฮอลลี่วูดเลยล่ะ
โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ
..
ในที่สุดฉันก็เจอพระเอกตัวจริงแล้วเหรอเนี่ย ชายในฝันที่เฝ้ารอมานานแสนนาน วันนี้การรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้ว
" เชอะ นายเป็นใครมิทราบยะ " อ้าว เจ้าปากนี้ก็ไม่รู้จักกาลเทศะแล้วไงล่ะ ในตอนนี้ฉันควรพูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงไพเราะอ่อนหวานสิ ถึงจะถูก
" เราก็เพื่อนร่วมห้องเดียวกับเธอไง จำไม่ได้เหรอ ? "
เพื่อนร่วมห้อง !? เอ
ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยล่ะ เป็นไปได้อย่างไรที่คนหน้าตาดีอย่างหมอนี้จะรอดพ้นตาทั้ง 4 ของฉันไปได้
" ชื่ออ๊อฟไง " เขายังพยายามไม่เลิก แหม
ตื้อดีจริงแฮะ แต่
. ฉันจำไม่ได้จริงๆนะ
" จำไม่ได้เหรอ ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ไปนั่งก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะไม่มีที่นั่งเอานะ " พูดเสร็จสรรพก็จับแขนฉันลากไปนั่งยังที่นั่งว่างข้างๆเขาทันที ทำเอาฉันหน้าแดงเหมือนแตงโม (ตำลึงสุกมันเก่าไป ต้องใช้มุกใหม่ๆให้เข้าสมัยสมกับเป็นฉันหน่อย โฮะ โฮะ โฮะ) ก็แหม เกิดมาไม่เคยมีใครถูกเนื้อต้องตัวฉันมาก่อนนี่ ยิ่งเป็นผู้ชายด้วยแล้ว
..เขินวุ้ย (กรุณาเช็ดน้ำลายซะ ติก๊ะ !)
หลังจากกินข้าวเสร็จฉันก็รีบลุกจากที่นั้นทันทีด้วยรู้สึกได้ว่าตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครอีกแล้ว เบื่อจริงเลย...เป็นคนเด่นคนดังก็วางตัวลำบากอย่างนี้ล่ะ เฮ้อ!
" ไม่รอกันเลยนะ " เสียงของนายหน้าหล่อดังเข้ามาใกล้ๆ พอหันไปก็เห็นเขากำลังวิ่งตามฉันอยู่ ฉันหยุดยืนมองเขานิดหนึ่งจนเห็นว่าเขาเข้ามาใกล้แล้วฉันก็เริ่มหันไปเดินต่อ
" จะไปไหน ไปด้วยคนสิ "
" ไม่ต้อง " ฉันปฎิเสธไปทันทีตามฉบับคนปากไว ทั้งๆที่ในใจนั้นอยากจะให้เขาไปด้วยเหลือเกิน
" อืม ก็ได้ " อ้าว นี่ก็ยอมกันง่ายๆเลยแฮะ ไม่ตื้อหน่อยล่ะยะ ตื้อหน่อยเซ่ !.......
" ว่าแต่จะไปไหนเหรอ ? " ดีมาก ถามต่อทำเหมือนจะสนใจฉันอย่างนี้ล่ะดีแล้ว โฮะๆๆ
" ธุระอะไรของนาย " ฉันจะทำยังไงกับปากฉันดีเนี่ย ใจก็นึกจะพูดอย่าง แต่ปากดันพูดอีกอย่าง เริ่มหมั่นไส้ตัวเองตะหงิดๆแล้วสิ พอพูดจบฉันก็เห็นเขาสลดลงทันที ใจฉันกระตุกวูบอย่างคนสำนึกผิด นี่ฉันพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ ( ยัง... ยัง... เธอยังไม่รู้ตัวครับท่าน !)
" เธอคงรำคาญเราสินะ ที่วุ่นวายกับเธอมากไป " โอ้พระเจ้า... ได้โปรดอย่าให้เขาใช้น้ำเสียงบาดหูเชือดเฉือนหัวใจลูกอย่างนี้เลย ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆ
" อืม เข้าใจแล้ว เราไม่กวนเธอก็ได้ ไปล่ะ " เขาพูดจบก็ทำท่าจะหันหลังเดินจากไป
" เดี๋ยว !" มาถึงตอนนี้ก็เพิ่งรู้สึกว่าชอบตัวเองขึ้นมาอีกนิด เพราะนอกจากปากจะไวแล้ว มือยังไวอีกตะหาก เพราะทั้งปากทั้งมือฉันทำงานพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย (เว่อร์) คว้าแขนเขาทันทีที่เห็นเขากำลังจะเดินจากไป เขาหันมามองฉันอย่างช้าๆ หลับตานึกภาพสโลโมชั่นของมิวสิควิดิโอที่พระเอกกำลังหันมาหานางเอกช้าๆ โอ้วววววววววว.... หล่ออะไรอย่างนี้ !
" มาเป็นเพื่อนกันก็ดี " พูดจบก็หันหลังเดินนำเขาไปทันที เลยไม่ทันได้เห็นสีหน้าเขาตอนนั้นว่าเขาจะทำหน้ายังไง
ทั้งฉันและเขาเดินมานั่งที่ม้านั่งในสวนที่เขาจัดให้นักเรียนนั่ง ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมองมายังพวกเรา โดยเฉพาะฉันที่รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตริษยาของบรรดาพวกผู้หญิงทั้งหลายที่มักจะคอยจ้องมองฉัน ไม่รู้มองอะไรกันนักกันหนา คอยดูเถอะสักวันถ้ามองกันมากๆจนความสวยฉันจืดไปละก็ จะไล่เก็บตังค์ให้หมดทุกคนเอาไปซื้อครีมบำรุงผิวแต่งหน้าให้งามเหมือนเดิมคอยดู!
กำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงของนายอ๊อฟก็ดังขึ้นมา และมันก็ทำให้ฉันหันไปให้ความสนใจได้เป็นอย่างดีด้วยสิ
" จริงๆแล้วเราก็อยากรู้นะว่าเธอมานั่งทำอะไรแถวนี้ แต่ก็รู้ว่าถ้าถามแล้วเธอจะรำคาญก็เลย..."
" อยากรู้นักเหรอ ?"
" อืม... แต่ไม่ต้องบอกก็ได้นะถ้าลำบากใจ " ดูดิ น้ำเสียงอ๊อน...อ้อน...อ้อนจนฉันใจสั่น
" ฉันมานั่งนี่คนเดียวทุกวันล่ะ มาทำการบ้านอ่านหนังสือ ทำอะไรเรื่อยเปื่อย "
" คนเดียว ?" ถามกลับอย่างไม่ค่อยจะเชื่อแฮะ
"อืม... คนเดียว " ตอบไปแล้วก็เริ่มรู้สึกตัวว่าปากมันอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ว่าแล้วก็จัดการรั่วซะ
" ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนหรอก " พูดได้แค่นั้นฉันก็เงียบลง กำลังคิดอยู่ว่าจะพูดต่อไปดีหรือเปล่า พอหันไปเห็นหน้าหล่อเหลาราวพระเอกฮอลลีวูดก็ทำให้กำแพงหัวใจของฉันเริ่มอ่อนยวบลงและคิดจะบอกอะไรบางอย่างที่อัดอั้นอยู่ในใจมานานให้เขาได้ฟัง แต่พอกำลังจะอ้าปากสวยๆเผยให้เห็นฟันที่เรียงตัวกันคล้ายจอบเพื่อบอกเล่าความเป็นมานั้น สวรรค์ก็ดันกลั่นแกล้งส่งเสียงกริ่งเข้าเรียนมาขัดจังหวะซะนี่ ... ปัดโธ่เว้ยยยยยยยย!!
" เดินไปด้วยกันนะ "
" จะดีเหรอ ?"
" ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เพื่อนกันน่า " พูดแค่นั้นนายหน้าหล่อก็ฉวยโอกาสคว้าข้อมือเรียวเล็กของฉันไปจับแล้วจูงเดินพาไปยังห้องเรียน
อ๊ายยยยยยย....อีตาคนฉวยโอกาส...กล้าดียังไงมาจับมือฉันเนี่ย...อ๊ายยย...อย่าปล่อยน๊า...!!!
............................................................................................
แอบสะใจ ตอนแต่ง แต่เริ่มเสียวสันหลังวาบ เมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองโดนมั่ง
คนแต่ง (สวย)
ความคิดเห็น