{HBD P'Ae} BJ Fever ปีที่สอง! - {HBD P'Ae} BJ Fever ปีที่สอง! นิยาย {HBD P'Ae} BJ Fever ปีที่สอง! : Dek-D.com - Writer

    {HBD P'Ae} BJ Fever ปีที่สอง!

    ฟิคบีเจบ้าๆ บอๆ ตามประสาไรท์เตอร์โรคจิต 555 ขอให้อ่านกันอย่างสนุกสนานนะคะ จุ๊บ!

    ผู้เข้าชมรวม

    625

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    625

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 เม.ย. 54 / 17:16 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    Talk เล็กๆ น้อยๆ XD

    ได้ร่วม BJ Fever อีกครั้งแล้วสิเนอะ  ปีนึงนี่มันผ่านมาเร็วจังเลยค่ะ!  ยังไงก็ HBD อีกครั้งนะคะ ขอให้มี๊สุขภาพแข็งแรงอยู่ให้ชมรบกวนไปนานๆ (โดนถีบ)  ชมอยากบอกว่าชมดีใจมากนะคะที่ได้รู้จักมี๊  ถ้าชมไม่ได้รู้จักมี๊ตอนนี้ชมคงเลื่อนลอยอยู่ที่ไหนซักแห่ง  ไม่ได้มาทำอะไรให้มันจริงๆ จังๆ แบบนี้ (ถึงตอนนี้ก็ยังดูเหมือนเลื่อนลอยอยู่ก็ตามที ฮา) ถ้าเกิดว่าชมเผลอทำอะไรให้มี๊ไม่พอใจหรือเสียใจชมก็ต้องขอโทษไว้นะคะ  รักมี๊ที่สุดเลย  จุ๊บ


    Qreaz. 10
    freetheme. สิบเต็มสิบ ! 
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                     
                      
      แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องพักของเมฆาสาวคนสวยทำให้เจ้าของห้องจำต้องปรือตาขึ้นมา  ร่างเล็กในชุดนอนสีขาวสะอาดยันตัวขึ้นนั่งก่อนลุกไปทำภารกิจส่วนตัว

                      เจมี่หรือ จาเมเลีย หัวหน้าหน่วยเมฆาหญิงเดี่ยว (เอ๊ะ..หรือสอง?) ของวาเรียเดินลงไปข้างล่างเพื่อหาอะไรกินอย่างเคย  แต่วันนี้กลับรู้สึกว่าทุกอย่างดูแปลกๆ ไปไม่มากก็น้อย  ยิ่งดวงตากลมโตสอดส่องไปตามทางที่เดินผ่านมายิ่งรู้สึกว่ามีอะไรประหลาด  เหล่าลูกน้องทั้งหลายดูเหมือนจะวุ่นวายมากกว่าปกติจนน่าแปลกใจ แต่ไม่นานนักมือหนาๆ ของรุ่นพี่คนสวย (?) ก็มาฉุดมือเล็กให้วิ่งไปทางหน้าปราสาท

                      “อะ..อะไรกันคะ?!

                      “เรากำลังจะสายแล้วน่ะสิจ๊ะ!  ว่าโดยไม่หันมามองแถมยังวิ่งต่อไม่มีลดความเร็วซักนิด  พอมาถึงที่หมายหรือก็คือหน้าปราสาทสาวจาเมเลียถึงกับงงเต้กว่ามารวมตัวอะไรกันที่นี่  ยิ่งพอมองสังเกตไปรอบๆ ก็เห็นว่ามันกันครบเหมือนจะไปรบยังไงยังงั้น

                      เดี๋ยวนะ...ไม่ครบสิ

                  รุ่นพี่โรคจิตนั่นหายไปไหนน่ะ?

                  กวาดตาไปทางซ้ายทางขวาอยู่หลายรอบก็ไม่เห็นหัวทองๆ ของรุ่นพี่ตัวแสบเลยทำให้มึนงงเข้าไปใหญ่  คิ้วสวยขมวดมุ่นเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกาย

                      “ฟราน..รุ่นพี่ล่ะ?”

                      “รุ่นพี่ไหน?”  เจ้าของร่างเล็กๆ กับหัวเขียวๆ ที่ไร้ซึ่งหมวกประหลาดใบใหญ่หันมาถามเพื่อนสาวกลับหน้าตายซึ่งนั่นทำให้เจมี่งงและมึนหนักกว่าเดิม

                      “จะมีคนไหนอีกล่ะ? คนที่ยังไม่มาน่ะ”

                      “นี่พูดอะไรของแกเนี่ย? ก็มาครบแล้วไง”

                      “อ้าว...แล้วรุ่นพะ..”

                      “ชู่ว เงียบๆ หน่อยสิจ้ะ  มาโน่นแล้วๆ” ลุซซูเรียที่เป็นคนหยุดบทสนธนาอันแสนมึนงงว่าพลางชี้ไปทางรถหรูคันหนึ่งที่แล่นเข้ามา  ไอ้ฉากแบบนี้มันก็คุ้นๆ ตาอยู่หรอกนะ..แต่ดันคิดไม่ออกว่าตอนไหนเนี่ยสิ  อีกอย่างก็คือใครกำลังมา? และไอ้รุ่นพี่บ้านั่นอยู่ไหน?

                      ยังไม่ทันจะหายมึนก็ต้องมองดูรถคันนั้นอย่างสนอกสนใจซะก่อนเพราะมันคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาถ้าวาเรียจะยกโขยงกันมาขนาดนี้  ดวงตาสีสวยของเจมี่พยายามมองทะลุผ่านฟิล์มหนาๆ เข้าไปในตัวรถแต่ก็ไม่เห็นจึงต้องรอเวลาในประตูรถเปิดออกมาเอง  และเมื่อเวลานั้นมาถึงมันกลับทำให้เธอช็อค!

                      รุ่นพี่ไปทำอะไรตรงนั้น!?

                  ใช่...คนที่เปิดประตูออกมานั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นรุ่นพี่ตัวดีที่เธอถามหาเมื่อกี้นั่นแหละ

                      “รุ่นพี่ไปทำอะไรตรงนั้นน่ะ?”  เมฆาสาวเปล่งเสียงถามทำลายความเงียบขึ้นมาซึ่งนั่นก็ทำให้แทบทุกคนหันมามองเธอแบบงงๆ

                      “แกรู้จักเขาด้วยเหรอ?”  เด็กหนุ่มหน้าตายถามเพื่อนสนิทตัวเองเป็นคนแรกตามด้วยคำถามจากคนอื่นๆ ต่อมาอีกแม้กระทั่งแซนซัสเองก็ยังส่งสายตามาถามประมาณว่าน้องสาวตัวเองไปรู้จัก หัวหน้าหน่วยวายุคนใหม่ นั่นได้ยังไง

                      “อ้าว ก็นี่รุ่นพี่เบลไง  เบลเฟกอลที่ชอบทำตัวโรคจิตๆ แล้วบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าชายไงคะ  ทุกคนรู้จักเขาก่อนเจมี่อีกไม่ใช่หรอ?”  เจมี่พูดสาธยายสรรพคุณของเบลออกมาอย่างตรงเป๊ะจนคนที่ถูกกล่าวถึงถึงกับสะดุ้งว่าแม่นางไปรู้จักเค้ามาจากไหน

                      ...ทั้งๆ ที่วันนี้มันวันแรกเลยนะที่เขาเข้ามาทำงานที่นี่

                  “รู้จักเจ้าชายด้วยงั้นเหรอ?”  ร่างสูงเจ้าของตำแหน่งเจ้าชาย (ตกบัลลังก์) ถามด้วยน้ำเสียงมึนงงไม่ต่างจากสมาชิกคนอื่นทำให้เจมี่ถึงกับงงเข้าขั้นโคม่าไปแล้วเรียบร้อย

                      “ก็รุ่นพี่อยู่ที่นี่มาตั้งหลายปีแล้วไม่ใช่หรอ? เจมี่ยังโดนแกล้งตั้งเยอะแยะ นี่มันอะไรกันคะเนี่ย? เล่นอะไรกันอยู่น่ะบอกเจมี่มาเดี๋ยวนี้เลยนะ!  หญิงสาวรัวออกมาแทบไม่เป็นภาษาพลางกวาดสายตามองสมาชิกระดับสูงแต่ละคนเรียงตัว ในใจก็หมายมั่นไว้แล้วว่านี่ต้องเป็นแผนกลั่นแกล้งของใครซักคนในนี้แต่ทุกคนกลับไม่มีพิรุทอะไรให้เห็นซักอย่างจนต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ

                      “ช่างเถอะค่ะ เจมี่ขอตัว!

                      ...แล้วทั้งวันนั้นเจมี่ก็หายขึ้นห้องไปพร้อมกับนมหนึ่งขวดใหญ่และอาหารสำเร็จรูปอีกจำนวนหนึ่ง (?)

       

                      เช้าวันต่อมา

                      เจมี่ลุกจากเตียงขึ้นมาด้วยความสดใสพร้อมเค้นความจริงเต็มร้อยหลังจากนั่งคิดแล้วคิดอีกเมื่อวาน

                      คิดจะแกล้งเจมี่...งั้นขอเจมี่เล่นอะไรตามใจหน่อยเหอะ!

                      ว่าแล้วก็เปิดประตูผ่างออกไปอย่างไม่ไยดี  เสียงของประตูที่กระทบกับฝาผนังทำให้ประตูอีกหลายบานในระแวกนั้นต้องเปิดออกมาอีก

                      “ว๊อยยย  จะตื่นเช้าไปไหนห๊ะ!?  เจ้าของร่างสูงๆ กับใบหน้าสวยๆ คล้ายหญิงสาวโวยวายออกมาเป็นเจ้าแรกซึ่งสาวเจ้าก็ทำเป็นไม่สนใจเดินไปกระชากประตูห้องของเบลออกทันทีโดยมีเจ้าของห้องที่ยืนค้างทำท่ากำลังจะเปิดประตูอยู่ตรงหน้า

                      “ตื่นแล้วก็ดี ตามฉันมา”  เด็กสาวสั่งเสียงเข้มด้วยสรรพนามที่เพิ่งขุดมาใช้ครั้งแรกพลางดึงแขน (อดีต) รุ่นพี่ตัวดีที่เหมือนยังจะไม่ค่อยตื่นเท่าไหร่ให้เดินตามไปทั้งๆ ที่ยังอยู่ในชุดนอนอยู่เลยด้วยซ้ำ

                      “หน้าที่นายบอสให้ทำอะไร”  อีกครั้งกับสรรพนามที่ไม่คุ้นเคยแต่เท่าที่สายตาของเจมี่พยายามมองหาพิรุธจากร่างสูงที่เดินตามมากลับไม่แสดงพิรุธให้เห็นซักนิด  เบลเงยหน้ามองฟ้าอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ก้มมาตอบด้วยน้ำเสียงโรคจิตซึ่งถือเป็นน้ำเสียงปกติ (?) ของผู้ชายคนนี้

                      “จัดการเอกสารอะไรก็ไม่รู้ เจ้าชายไม่ได้สนใจฟัง”  พอได้ยินคำตอบก็ถึงกับเอามือขึ้นมาเกาหัวตัวเองโดยอัตโนมัติ  นี่ขนาดหน้าที่ในการทำงานยังเป็นหน้าที่ของเธอเลย เนียนกันเกินไปแล้วละม๊าง ~

                      “อ้อเหรอ.. งั้นทำตัวเป็นรุ่นน้องที่ดีแล้วพาฉันไปเที่ยวหน่อย”  พูดแบบตามใจตัวเองสุดๆ จบก็ยกยิ้มขึ้นมาพลางเหล่ตาไปมองร่างสูงด้านข้างที่ทำหน้าอึ้งจัด

                      “เดี๋ยวนะ...ทำไมเจ้าชายต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ?”

                      “เพราะคุณเจ้าชายเป็นรุ่นน้องที่ดี และรุ่นน้องที่ดีควรตามใจรุ่นพี่ไงล่ะ”  พอปากเริ่มจะชินกับสรรพนามสาวเจ้าก็เริ่มมันส์  ในหัวก็เริ่มคิดวิธีกลั่นแกล้งไปต่างๆ นานาจนพูดได้ว่าหมดวันนี้ก็อาจจะแกล้งได้ไม่ครบเลยด้วยซ้ำ

                      “เจ้าชายว่ามันต้องเคลียร์แล้วล่ะ..ข้อแรกนะ เจ้าชายมาทำงาน  ข้อที่สอง เจ้าชายไม่ยอมเป็นรุ่นน้องของคนที่ยังไม่รู้ชื่อหรอกนะ และข้อสาม...”

                      “ฉันชื่อจาเมเลีย เรียกเจมี่ก็ไม่ว่ากัน  รู้จักกันแล้วก็เป็นรุ่นพี่ได้แล้วใช่มั้ย?”

                      “และข้อสาม...ต่อให้รู้จักกันเจ้าชายก็ไม่เป็นรุ่นน้องให้หรอก”  ว่าจบก็ทำหน้ากวนประสาทใส่จนเจมี่แทบจะกระโดดไปตะกุยหน้าจิตๆ ให้เป็นรอยเล่นๆ  ร่างเล็กผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ก่อนจะตวัดสายตาไปมองคนกวนประสาทด้านข้าง

                      “แต่นายต้องไป”  เจมี่พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดแล้วจัดการดึงแขนของรุ่นน้อง (?) คนใหม่ไปที่โรงรถ  แต่พอกวาดสายตาหารถส่วนตัวคันงามของเบลแต่ก็ไร้ร่องรอย

                      นี่ถึงขนาดเอารถไปซ่อนเลยเหรอน่ะ!?

                  “แล้วจะไปยังไงล่ะ ให้ไปยืมรถบอสเจ้าชายไม่เอาด้วยหรอกนะ”  คนเป็นเจ้าชายพูดเสียงเรียบก่อนจะหันหลังแล้วเดินกลับห้องนอน เห็นแบบนั้นเจมี่ก็ไม่คิดจะรั้ง

                      แกล้งที่อื่นไม่ได้ ก็แกล้งมันที่นี่แหละ!

                     

                      บ่ายกว่าๆ

                      เจมี่ในชุดลำลองเดินเล่นอยู่ตามทางเดินอย่างสบายอกสบายใจ  สายตาก็ส่องหารุ่นน้อง (?) ไปทั่วก่อนจะเห็นร่างสูงๆ เดินมาพร้อมกับเอกสารกองใหญ่ที่สูงจนบังหน้าหล่อๆ เกือบมิด  เด็กสาวกระตุกยิ้มชั่วร้ายขึ้นมาแว๊บหนึ่งก็จะก่อนจะตั้งใจเดินชนทำให้เอกสารในมือของเบลปลิวร่วงไปทั่วพร้อมๆ กับร่างสูงที่ล้มไปนั่งอยู่ที่พื้น

                      “โอ๊ะ..ขอโทษทีๆ พอดีไม่ได้มอง”  เจมี่ขอโทษพลางทำหน้ารู้สึกผิดแบบสุดซึ้งแต่ใบหน้าแบบนั้นกลับทำให้เบลรู้สึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ แถมยังรู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณ (?) ว่าเจ้าหล่อนจงใจแกล้งแน่ๆ

                      “ช่างมันเถอะ เจ้าชายไม่ถือสา”  ว่าพลางยิ้มโรคจิตทั้งๆ ที่ในใจอยากจะดึงแก้มให้ย้วยแล้วถามให้รู้แล้วรู้รอดเลยว่าแกล้งเจ้าชายเพื่ออะไรก่อนจะรีบลุกขึ้นเก็บเอกสารทั้งหมดแล้วเดินจากไป ทิ้งให้เจมี่ยืนยิ้มอย่างชอบใจอยู่ด้านหลัง

                      “ไปแกล้งคนอื่นแบบนี้ไม่สมเป็นแกเลยนา..”  เสียงเนือยจากด้านหลังเรียกให้เมฆาสาวหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองที่สวมหมวกรูปร่างแปลกตาอยู่

                      “ก็เขาแกล้งฉันไว้เยอะ  อีกอย่างนะ..แกเอาหมวกนี่มาใส่แปลว่ายอมรับแล้วใช่มั้ยว่าแกล้งฉันอยู่! 

                      “ฉันยังไม่เห็นเค้าจะแกล้งแกตอนไหนเลย แถมยังพูดแปลกๆ อีกแล้ว..แกเป็นอะไรเนี่ย? ไข้ขึ้นรึไง?”  ไม่ได้รับคำตอบแถมยังโดนถามกลับมาแบบนี้เล่นเอาเจมี่เหวอเนื่องในความเนียนของเพื่อนชาย ดวงตากลมโตเหล่มองเพื่อนสนิทเล็กน้อยเพื่อจับพิรุท แต่พอมันไม่ยอมเผยออกมาก็ต้องถอนหายใจออกมาดังๆ

                      “ไปเอาหมวกมาจากไหน?”

                      “เบลให้มา  บอกว่าเป็นของขวัญ”  สรรพนามแปลกประหลาดถูกใช้อีกครั้งแต่เป็นกับเพื่อนของตัวเองเป็นสิ่งที่ทำให้เจมี่อึ้งได้อีกครั้ง  วันนี้โลกมันกลับตาลปัตรรึไง? ไม่สิ..อาจจะเป็นแค่เธอกับรุ่นพี่นั่นก็ได้

                      “เอาเถอะ.. ฉันไปก่อนละ”

                      “จะไปแกล้งอะไรเขาอีกล่ะ?”  สองขาเรียวชะงักทันทีที่เพื่อนซี้ถามมาอย่างรู้ทัน  รอยยิ้มหวานถูกเรียกมาปรากฏบนใบหน้าสวยทันทีที่หันไปมองหน้าเพื่อนสนิท

                      “ไม่ได้แกล้ง...”

                      “..?”

                      “เอาคืนต่างหากล่ะ!

       

                  คุ้นๆ กับสถานการณ์แบบนี้บ้างมั้ย?

                      ไอ้สถานการณ์แบบว่า..ใครคนนึงแอบดูใครบางคนที่กำลังทำงาน แถมยังทำท่าเหมือนรออะไรซักอย่างเนี่ย...

                      ถ้าไม่คุ้นก็กลับไปอ่านฟิค BJ อันแสนโด่งดังตอนที่สิบห้าใหม่ซะ! ตอนที่เบลมันเผางานเจมี่ทิ้งนั่นแล~  คงจะเดาได้แล้วใช่มั้ยล่ะว่าสถานการณ์ตอนนั้นจะกลับมาอีกครั้ง!

                      ...แต่เปลี่ยนตำแหน่งนักแสดงนิดหน่อยแค่นั้นเอ๊ง!~

                      ณ เวลานี้ร่างเล็กของเจมี่หลบซ่อนอยู่ในซอกหลืบหนึ่งของระเบียงห้องหัวหน้าหน่วยวายุ  สายตาจ้องมองร่างสูงๆ ที่นอนเขียนงานแบบไม่ค่อยใส่ใจอยู่บนเตียง จริงๆ แล้วเจมี่ก็ไม่ได้ตั้งใจมาทำลายงานเค้าอย่างเดียวหรอกแต่มาพิสูจน์ด้วยว่าตกลงพวกนี้มันแกล้งเธอกันอยู่รึเปล่า

                      แผนการนี้เธอถึงกับลงทุนไปขอความช่วยเหลือจากแซนซัสด้วยตัวเองเลยนะ!  เมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้วเธอกำลังอ้อนวอนให้พี่ชายสุดหล่อระเบิดห้องตัวเองทิ้งอยู่โดยอ้างเหตุผลว่าจะดูไหวพริบรุ่นน้อง (?) ซักหน่อย  แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องอ้างเหตุผลหรอก...แค่เกาะแขนอ้อนนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้ตามใจปรารถนาแล้ว

                      ส่วนเรื่องพิสูจน์...ถ้าเกิดว่าอีตารุ่นพี่ (หรือรุ่นน้อง?) นี่ได้ยินเสียงระเบิดแล้วไม่วิ่งออกไปดูก็เชื่อได้เลยว่ามันแกล้งแอ๊บใสเป็นรุ่นน้องอยู่แน่นอนฟันเฟิร์ม  เพราะคนที่เข้ามาใหม่พอได้ยินเสียงพวกนี้อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีวิ่งไปดูด้วยความอยากรู้ (แต่ในกรณีของเบลเฟกอลอาจจะเป็นเพราะความจิตอยากรู้เรื่องโชกเลือด) บ้างนั่นแหละ!

                      แต่ถ้าพี่แกวิ่งไปดู...เจมี่ก็ฉกงานมาทำลายอ่ะสิ!

                      และตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาที่เธอไป (อ้อน) นัดกับแซนซัสเอาไว้เต็มที  ร่างเล็กมองนาฬิกาเรือนสวยที่ข้อมือก่อนจะนับถอยหลังในใจ..

                      3…2…1…

                      บรึ๊มมมมมมมมมมมม!!

                      เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวพร้อมเอฟเฟคควันล้อยคลุ้งจากห้องของบอสเรียกยิ้มบนใบหน้าสวยได้เป็นอย่างดี และเจมี่ก็ยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อเห็นร่างสูงในห้องกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปดู  ในโอกาสนี้เธอรีบผลักประตูระเบียงที่รู้ดีว่าคนนิสัยอย่างเบลเฟกอลคงไม่ล็อคแน่ๆ เข้าไปก่อนจะหยิบงานทั้งหมดติดมือไปด้วย

                      ก็แหม...เจมี่ไม่มีเครื่องทุ่นแรงอย่างเจ้ามิ้งค์ของรุ่นพี่นี่นา =3=

       

                  สะใจ..สะใจมากมาย!

                      ขณะนี้เจมี่กำลังยืนพิงกำแพงห้องบอสฟังสควอโล่บ่นเบลยาวเป็นหางว่าวด้วยความหงุดหงิดหนักกว่าตอนของเธอเพราะคราวนี้บอสดันบรึ๊มห้องเล่นแบบไร้ซึ่งเหตุผล และเพราะว่าเป็นเบลเฟกอลไม่ใช่เจมี่ คุณแซนซัสแกเลยนั่งเอนหลังพิงโซฟานุ่มๆ สบายใจเฉิบสร้างความอยากวีนของสควอโล่ขึ้นมาอีกแบบนอนสต๊อป

                      พอเสียงบ่นอันยาวนานของสควอโล่จบลงและประตูห้องเปิดออก เบลที่แผ่รังสีหงุดหงิดที่ไม่ใช่เพราะโดนบ่นแต่มันเพราะเค้าต้องยืนฟังนานแถมยังต้องไปทำงานใหม่อีกก็หันมามองร่างเล็กด้วยความสงสัย

                      “น่าสงสารจังเนอะ”  เจมี่พูดพร้อมส่งสายตาแพรวพราวไร้ซึ่งความสงสารไปให้เบลทำให้หัวสมองน้อยๆ (?) ปิ๊งทันทีว่าใครกันหนอที่แกล้งเค้า  ...แต่จะทำอะไรได้ล่ะ หลักฐานก็ไม่มี

                  “ฝากไว้ก่อนละกัน เจ้าชายจะเอาคืนให้ดู”  ร่างสูงว่าจบก็เดินหนีกลับห้องไปเรียกรอยยิ้มสะใจที่เพิ่งหายไปกลับมาอีกหนึ่งระลอก

                      วันนี้...เจมี่อารมณ์ดีที่สุดในโลก!

       

                  กริ้งงงงงงงงงงง!

                      เสียงนาฬิกาปลุกเรียกให้เจมี่ตื่นจากฝันอันยาวนาน  ร่างเล็กยกมือมาขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบๆ

                      ...ฝันไปงั้นเหรอ?

                  เจมี่คิดกับตัวเองก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วลุกไปทำภารกิจส่วนตัวตามปกติแล้วลงไปกินอาหารเช้าแต่เรื่องที่เซอร์ไพรส์มากกว่าฝันน่ะพร้อมมาเสิร์ฟให้เจมี่แล้วล่ะสิ..

                      ขวับ!

                      มือหนาขอลุซซูเรียคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนเล็กเหมือนกับในฝันก่อนจะดึงให้เจมี่ไปหน้าประสาท  แต่คราวนี้เจมี่เลือกที่จะดึงแขนลุซซูเรียให้หยุดวิ่งก่อนจะถามออกไป

                      “จะไปไหน? มีเรื่องอะไร? และใครจะมาคะ?”

                      “เอ้า...เจมี่นี่ก็ถามแปลกจริงๆ วันนี้หัวหน้าหน่วยวายุคนใหม่จะมาไงจ๊ะ! สายแล้วเนี่ย”

                      .

                      .

                      .

                      “เฮ้ย!!?

       

      จบเหอะ!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×