คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องของซิท ตอนที่ 2
สับสน
สมมติฐานสุดท้ายที่ผมคิดได้ก็คือ ..หรือว่าผมเป็นพวกที่เรียกว่าคนสองบุคลิก.. พวกสองบุคลิกคือมนุษย์ซึ่งมีสองจิตอยู่ในร่างกายคนเดียว ทางการแพทย์อธิบายว่านั่นคือโรคจิตเภทประเภทหนึ่งที่ทำให้คนๆ นั้นมีสองจิตใจ สองบุคลิกภาพปะปนกันอยู่ ทำให้คนๆ นั้นสับสนและกลายเป็นโรคประสาทในที่สุด
หรือว่าผมเป็นคนสองบุคลิก..
ถ้าเป็นอย่างนั้น.. เวลานี้ไอ้อีกบุคลิกนั่นคงกำลังนอนหลับอยู่กระมัง มันหลับเพื่อรอการตื่นขึ้นมาควบคุมตัวตนของผม..
หลังจากที่บันทึกภาพเก็บไว้ดูบ่อยๆ ผมก็เริ่มจะชินกับตัวตนที่ผมเห็นจากกล้องนั้น และได้คิดขึ้นมาว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด จะไปสนใจอะไรมากไปกว่าการมีชีวิตอยู่ไปวันๆล่ะ
จนกระทั่งในวันหนึ่งขณะที่ผมขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อกลับบ้าน ผมได้เห็นเด็กสาวคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอดูคุ้นมาก ใช่สิ เธอเหมือนหญิงสาวงามสง่าคนนั้น คนที่อยู่ในฝันของผม เพียงแต่ว่าตอนนี้เธออยู่ในชุดนักเรียนมัธยมและเกล้าผมไม่เหมือนเธอคนนั้น รวมทั้งสีผมสีน้ำตาลที่แตกต่างกัน เวลานั้นผมคิดในทันทีว่าเด็กสาวคนนี้ก็คงแค่เหมือนเท่านั้น ผู้คนบนโลกซึ่งในคัมภีร์กล่าวว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์แตกต่างกัน ไม่มีผู้ใดมีใบหน้าเหมือนกันร้อยเปอร์เซนต์ เธอไม่มีทางจะใช่คนๆ เดียวกัน ดูจากใบหน้าแววตา เธอดูสุภาพกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นไหนๆ อายุก็น้อยกว่าเสียด้วย รูปหน้าของเธอช่างละม้ายคล้ายกันเสียเหลือเกิน
ว่าแต่ว่าสาวน้อยคนนี้คือใครกันนะ ผมอยากรู้จักเธอขึ้นมาเสียแล้วสิ เพราะถ้ารู้จักเธอก็อาจจะสืบเสาะไปถึงเธอคนนั้นได้ สาวน้อยดูเด็กกว่าหลายปี อาจจะเป็นสิบปีเลยก็ได้เพราะเธอคนนั้นน่าจะเลยวัยเบญจเพศไปไม่กี่ปี
ตลอดเวลาที่อยู่บนรถ ผมเฝ้าจ้องมองเธอไม่กระพริบตา เธอไม่ได้มาคนเดียว เธอมากับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เจ้านั่นเป็นใครกันนะ ดูสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าอย่างนี้... เหมือนเคยเห็นเจ้านั่นที่ไหนมาก่อนเหมือนกัน คงไม่ใช่พวกดาราหรอกนะ แต่งกายชุดนักเรียนแบบนี้
ผมรู้สึกว่าทั้งคู่คงเป็นแฟนกัน ทั้งที่ตลอดเวลาทั้งคู่ไม่ได้จับมือถือไม้กันสักนิด แต่ทำไมผมถึงคิดเช่นนั้น แววตาของเธอดูมีใจให้กับเขา แล้วสัมผัสของผมก็บอกว่าเจ้าหนุ่มนั่นไม่ธรรมดาเสียแล้ว แสงออร่าที่ออกมาจากร่างกายนั้นทำให้ผมรู้ว่าเจ้านั่นเป็นพวกเดียวกับผม เขาคือพวกเหนือมนุษย์
ผมรู้สึกตกใจเล็กน้อย เจ้านี่เป็นพวกเหนือมนุษย์เพียงไม่กี่คนที่ผมได้พบใกล้ๆเช่นนี้ ส่วนเด็กสาวหน้าตาไร้เดียงสานั้นไม่ใช่ เธอเป็นมนุษย์ เธอไม่มีแสงออร่า
อะไรกันนี่ ผมพบเด็กผู้หญิงหน้าตาเหมือนกับผู้หญิงคนที่ผมฝันเห็นบ่อยๆคนนั้น แถมยังได้พบกับเจ้าหนุ่มที่เป็นพวกเหนือมนุษย์คนนี้อีก หรือว่าสองคนนี้เกี่ยวข้องกับผู้หญิงในฝันคนนั้น..
ไม่น่าจะเกี่ยวกันสักนิด.. แม้ใจจะบอกแบบนั้นแต่ก็ยังไม่วายที่จะติดตามทั้งคู่ลงรถไฟฟ้าไป ผมแค่อยากจะพิสูจน์ว่าผู้หญิงในฝันคนนั้นไม่ใช่แค่ความเพ้อฝันลมๆแล้งๆ ไร้สาระ การที่คนเราฝันอะไรต่อเนื่องกันแบบนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาสักนิด มันคือนิมิตหรือลางบอกเหตุอะไรสักอย่างในอนาคตเป็นแน่ มันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมได้เห็นใบหน้าเธอผู้นั้นและผู้นี้ ผมรู้ว่าตนเองกำลังตกหลุมรักเธอ อุบัติเหตุแห่งรักที่ชักนำให้ผมได้มาพบเธอในวันนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันคือลิขิตแห่งสวรรค์
ในที่สุดผมก็ได้รู้ชื่อของเธอจากการพยายามแอบฟังการสนทนาของทั้งคู่
เธอชื่อแอนนา และเธอเรียกเจ้าหนุ่มนั่นว่าเอล
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้ผมรู้สึกร้อนรุ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างน่ากลัว เมื่อเดินเข้าใกล้คนทั้งคู่ ใจของผมกลับเต้นรุนแรง ระทึกสับสนอึดอัดร้อนรุ่มดังไฟสุมอก สองคนนี้คือคู่รักกันจริงๆ
จะให้ทั้งสองคนรักกันไม่ได้...
เสียงในใจดังขึ้น ผมเป็นอะไรไปแล้วนี่ ทำไมจิตใจคับแคบเลวร้ายเช่นนี้.. ผมไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา ทำไมเมื่อพบกับเจ้าหนุ่มนี่ ผมถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
เสียงจากด้านมืดของจิตใจ.. ผมนึกได้แล้ว ด้านมืดกำลังสั่งให้ผมเกลียดเขา เกลียดจนถึงขนาดคิดฆ่ามันให้ตายเลยทีเดียว ทำไมล่ะ.. เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเกลียดคนที่ไม่เคยรู้จักเข้ากระดูกดำได้เช่นนี้ ไอ้ด้านมืดเลวร้ายนี่... แย่จริงๆ ไม่น่าเชื่อที่มันกำลังทำให้ผมกลายเป็นปีศาจในร่างมนุษย์
จู่ ๆ เจ้าหนุ่มนั่นและสาวน้อยก็ชะงักค้าง ทั้งคู่อยู่ในท่าก้าวเท้าค้างอยู่กับที่ ตัวดูแข็งทื่อ ผมแปลกใจจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าทั้งคู่ยืนตัวแข็งค้างอยู่กับที่จริงๆ ผมขยี้ตาอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่า ไม่ได้เป็นเฉพาะเพียงทั้งคู่เท่านั้น ผมพบว่าทุกชีวิตในบริเวณนั้นหยุดนิ่งอยู่กับที่เหมือนกันหมด แต่คนที่ยังคงเคลื่อนไหวร่างกายได้มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้น ผู้คนบนทางเท้าและพื้นถนนหยุดเดินกันหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งรถยนต์สองสามคันซึ่งหยุดนิ่งอยู่กลางถนน คนในรถก็ชะงักค้าง
แม้แต่ควันจากปล่องข้างๆร้านอาหารก็ยังจับตัวเป็นปุยก้อนแข็งค้างอยู่กลางอากาศอย่างน่าประหลาดนัก มันดูเป็นศิลปะที่สวยงามอย่างบอกไม่ถูก ผมกระโดดขึ้นไปหมายแตะต้องมันแต่ก็กระโดดไม่ถึง เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปอีกก็พบเห็นนกตัวหนึ่งกางปีกลอยค้างอยู่บนฟ้าอย่างสวยงาม
อารมณ์นั้นผมคิดว่าองค์ประกอบตรงหน้าเป็นภาพสวยงามที่หาดูได้ยากทีเดียว ที่สุดผมก็คิดขึ้นได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเวลานี้คือ การหยุดเวลา เวลาบนโลกหยุดอยู่กับที่ทำให้ทุกสิ่งบนโลกชะงักค้างไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ทุกอย่างจะหยุดเคลื่อนไหวในวินาทีที่เวลาหยุด
ผมมองดูที่นาฬิกาข้อมือดิจิตอลซึ่งหยุดเดินอยู่กับที่ แปลกใจกับปรากฏการณ์ที่ได้พบเห็น อะไรกันนี่ ผมเป็นคนเดียวที่สามารถเดินอยู่บนโลกที่หยุดนิ่งหรือนี่ ผมหยิกเนื้อที่ต้นแขน มันเจ็บจนสะดุ้ง ผมไม่ได้ฝันไปจริงๆ ทำไมผมทำได้ เกิดบ้าอะไรขึ้นกับผม นับตั้งแต่พบหน้าเธอซึ่งคล้ายกับนางในฝันของผม ชีวิตของผมก็ดูประหลาดขึ้นเรื่อยๆ ด้านมืดที่รุมเร้า เวลาที่หยุดลงทั้งที่ผมเคลื่อนไหวได้เพียงคนเดียว
อะไรกันนี่..
ผมมองไปที่เจ้าหนุ่มเอลนั่น หยุดคิดถึงเรื่องเวลาที่หยุดเดินและก้าวเท้าเดินไปหาอีกครั้ง มันชื่อเอล มันคือพวกเหนือมนุษย์ พลังของมันคืออะไรนะ พวกเหนือมนุษย์มีพลังประจำตัวด้วยกันทั้งนั้น
ผมเดาไม่ออกว่าพลังอะไรที่เจ้านั่นมี พลังหายตัว..พลังความเร็ว..พลังหยุดเวลา..
แต่จู่ๆ ความคิดเลวร้ายนั้นก็แทรกเข้ามาอีกครั้ง
..ต้องกำจัด ต้องกำจัดพวกเหนือมนุษย์ ถ้าไม่กำจัดมัน มันก็จะกำจัดเราเข้าสักวัน ปล่อยไว้ไม่ได้..ไม่ว่ามันจะมีพลังอะไร มันคือตัวอันตรายกับเรา ต้องกำจัดเสียเดี๋ยวนี้ ต้องฆ่าแล้วเอาพลังของมันมา...
ด้านมืดมันแทรกเข้ามาในจิตของผมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ร่างกายร้อนรุ่มดั่งไฟสุมอยู่ในอกอีกครั้งและรุนแรงกว่าเมื่อครู่เสียอีก
อะไรกันนี่... นี่หรือคำสาปแห่งพลัง....
...ต้องฆ่ามัน จะรอช้าไม่ได้ นี่คือโอกาสที่พระเจ้ามอบให้เราแล้ว..ไม่มีใครได้โอกาสดีแบบนี้หรอกนะ จัดการมันซะ..ฆ่ามันเลย จะด้วยวิธีใดก็ได้ ต้องฆ่ามันซะ..
เสียงร้องดังอยู่ในหัวจนผมแทบคลั่ง
……………………………………………………….
ความคิดเห็น