ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TWICE | OS/SF : #Xslibrary

    ลำดับตอนที่ #9 : [แก้วตาสุมาลี] หม่อมราชวงศ์จิลลาภัทร : ดอกช้องนาง ๕

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 62





     

    กว่าที่จะสติทั้งหลายจะรับรู้ได้ก็ใช้เวลาไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจรู้ แต่กลิ่นอับชื้นที่ไม่ควรจะมีในสถานที่ที่คุ้นเคยนั้นก็ทำให้หญิงสาวผู้ถูกผ้าผืนหนาปิดปากและดวงตาเอาไว้เริ่มหันรีหันขวาง ความรู้สึกไม่ปลอดภัยกำลังแล่นไปทั่วร่างเสียจนอยากจะร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีโอกาสได้ทำมันเลยสักนิด ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างถูกมัดไว้กับเก้าอี้จนไม่อาจเคลื่อนตัวมาแก้ผ้าทั้งสองออกจากกายได้ สรภัสจึงเริ่มขยับตัวได้เท่าที่แรงจะมีหวังให้เชือกที่บาดข้อมือนั้นหลุดลง แต่มันก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกันกับเสียงที่พยายามเปล่งออกมา


    กระทั่งใบหูได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ขึ้น สรภัสจึงหยุดตั้งใจฟังว่าใครกันที่กำลังเข้าใกล้มาทางนี้ จนรู้สึกถึงกายที่เข้ามาใกล้บวกกับเสียงลมหายใจน่ารังเกียจที่คุ้นหู หญิงสาวถึงกับผงะหนีเมื่อมือหยาบนั้นลูบไล้ผ่านใบหน้าที่ถูกผ้าปกปิดเอาไว้สองส่วน แล้วค่อยๆ แกะส่วนที่ปิดการมองเห็นเอาไว้ออก จนกระทั่งเธอมองเห็นสถานที่โดยรอบและคนตรงหน้าได้ในที่สุด


    ดวงตาที่สั่นระริกค่อยๆ เหลือบมองผู้มาเยือน ก่อนจะพบกับรอยยิ้มที่ทำให้แผ่นหลังของหญิงสาวต้องหนาวเย็น 


    กลัวหรือแม่หนู?เสี่ยเม้งย่อตัวลงมาก้มมองใบหน้าที่เริ่มมอมแมมเพราะการเคลื่อนย้ายและความกลัว แต่มันก็ยังจ้องมองอีกฝ่ายเป็นประกายราวกับว่าเป็นเนื้อชั้นดี


    “….”สรภัสหันมองไปรอบกายเพียงพบว่าตัวเองนั้นถูกพายังโกดังที่เต็มไปด้วยข้าวของและบรรดากล่องที่ไม่ได้ถูกเปิดใช้ ก่อนจะจ้องมองคนตรงหน้าที่เธอคิดว่าเป็นตัวเหตุด้วยความแข็งกร้าวแม้ในใจจะสั่นเทาอยู่ก็ตาม


    เพราะก่อนที่เสี่ยเม้งจะได้ทำอะไรเธอสาบาน ว่าจะจบชีวิตตัวเองด้วยมือของเธอ


    ทำหน้าตาแบบนี้ แสดงว่าจำฉันได้สินะเสี่ยเม้งคลายยิ้มชอบใจ ก่อนจะโลมเลียใบหน้าเนียนละเอียดอีกครั้งด้วยมือตน ฉันบอกแล้วไง..ว่าหนูน่ะหนีฉันไปไหนไม่ได้หรอก เพราะค่าตัวหนูน่ะแพง


    “!--ฮึก!” เธอพยายามจะหลีกเลี่ยงมือหยาบกร้านนั้น แม้การขยับกายจะไม่ช่วยให้มันหยุดเลยก็ตาม


    เพียะ


    แต่รู้ไหม ว่าหนูทำฉันวุ่นวายขนาดไหนกัน ฮึ?


     อาการชาบริเวณแก้มเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อจบประโยคนั้นแทบจะทันที ผ้าที่ปิดอยู่ปกป้องริมฝากที่สั่นระริก แต่กลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งภายในก็ทำให้สรภัสรู้สึกเจ็บพอสมควร


    เบามือหน่อยเถอะเสี่ย เดี๋ยวก็ช้ำเสียหมดหรอก


    เสียงที่ดังขึ้นมาจากบุคคลอื่นทำให้หญิงสาวต้องหลงลืมความเจ็บไปชั่วขณะ เสียงกระทบกันของรองเท้ายี่ห้อดีค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะปรากฏเงามืดที่มีรูปร่างสูง ใช้เวลาสักพักก่อนที่เงานั้นจะเคลื่อนตัวเข้ามาในบริเวณของดวงไฟเพียงดวงเดียวในนี้ สรภัสจึงได้มองเห็นหน้าของเงานั้นอย่างแจ่มชัด 


    นี่มันคุณวายุ?


    เสี่ยเม้งหันไปตอบผู้ที่มายืนขนาบข้างกันด้วยอาการขุ่นเคืองที่ปิดไม่มิด ไม่ต้องมาสั่งสอนคนอื่นว่าควรจะทำยังไงหรอก


    ก็ไอ้คนที่เสี่ยด่าอยู่นี่คือคนที่พาตัวผู้หญิงคนนี้มาให้นะครับ กรุณาระวังคำพูดหน่อย” ชายหนุ่มในเสื้อกั๊กสีครีมทับเชิ้ตขาวนั้นกล่าวด้วยใบหน้ายียวน จนคนฟังถึงกับขบกรามแน่นจนได้ยิน


    ผมจะไม่อยู่ขัดขวางความสุขของเสี่ยหรือบงการอะไรหรอก ผมแค่กำลังรอคอยผลประโยชน์จากการลงมือครั้งนี้เท่านั้นเอง” เขาโน้มตัวลงมามองเธอด้วยท่าทางที่เหนือกว่า พลางทำสายตาบ่งบอกเป็นนัยว่าสิ่งที่เขากำลังรอคอยนั้นเกี่ยวข้องกับเธอและคนรอบตัว


    และการที่เขาลักพาตัวเธอมาแบบนี้คุณหญิงจิลลาภัทรต้องตกอยู่ในอันตรายแน่


    เขาถอนตัวกลับไปยืนเช่นเดิมก่อนจะหันมองชายผู้เป็นสหายทางธุรกิจของตนเพราะเมื่อธุรกิจระหว่างเราครั้งนี้จบลง ก็คงไม่ได้ร่วมงานกันอีกอยู่แล้ว


    เสี่ยเม้งส่งเสียงรำคาญในลำคอเมื่อชายหนุ่มจากไป ก่อนที่เขาจะหันไปสั่งลูกน้องทั้งสองคนซึ่งตามมานั้นจัดการปิดตาเธอขึ้นไว้อีกครั้งหนึ่ง


    สรภัสทำอะไรไม่ได้แม้แต่การร่ำไห้ขอชีวิต เธอกำลังกลัวแต่ก็กังวลใจเป็นที่สุด ขอแค่อย่างเดียวเท่านั้นอย่าให้หล่อนออกมาติดกับแผนการนี้เลย

     



     

    บรรยากาศที่ตึงเครียดและวุ่นวายยังคงอบอวลอยู่ในห้องทำงานของหม่อมราชวงศ์เจตนิพันธ์ กระทั่งการปรากฏตัวของใครบางคนที่ตามมาในคราวหลังเพราะหนึ่งในคนรับใช้บอกว่าสมาชิกทั้งหมดในครอบครัวอยู่ที่นี่



    ทุกคน-”หม่อมราชวงศ์นีราพรรณเรียกขานบรรดาพี่น้อง ก่อนจะพบสายตาที่ตึงเครียดที่จับจ้องมาของชายหนุ่มเพียงคนเดียว ทำให้นีราพรรณเข้าใจได้ว่าเรื่องทุกอย่างคงถึงหูของเขาเรียบร้อยแล้ว “..พี่ชายใหญ่



    ซึ่งชายหนุ่มก็กำลังรอคอยต้นตอของการปิดบังเรื่องราวทั้งหมดมาถึงอยู่แล้ว มาแล้วหรือยัยตัวดี


    หม่อมราชวงศ์นีราพรรณในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงเข้ารูปพร้อมกับป้ายคล้องคอประจำตำแหน่งมีสีหน้าตื่นกลัวเล็กน้อยก่อนที่จะเธอรีบยกมือขึ้นห้ามปรามชายหนุ่มที่ทำท่าจะตรงเข้ามาทำโทษให้ ฟังน้องก่อนนะคะพี่ชายใหญ่ แล้วหลังจบเรื่องนี้ น้องจะยอมให้พี่ชายใหญ่ลงโทษตามสมควร


    จริงค่ะ ตอนนี้เรื่องที่เราควรสนใจคือการช่วยชีวิตคนนะคะ” หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์หันบอกด้วยสีหน้าเว้าวอน


    แม้แต่จินณวัตรเอง ก็หันมากล่าวกับเขาด้วยความจริงจัง พวกเราเองก็จะเต็มใจยอมรับผิดต่อเรื่องนี้แต่โดยดีหลังจบเรื่องแล้วเหมือนกันค่ะ


    ในเมื่อพี่น้องต่างพากันยืนอยู่คนละฝั่ง หม่อมเจตนิพันธ์จึงได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา ก่อนจะพยักพเยิดหน้าเป็นการอนุญาตให้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก


    จิลลาภัทรเป็นฝ่ายที่เดินไปถึงตัวของพี่สาวคนรองพี่หญิงนิ่ม ได้ความว่าอย่างไรบ้างคะ?


    เสี่ยเม้งได้ตัวคุณภัสไปจริงๆ แต่สายของพี่ไม่ทันได้บอกว่ามันเอาตัวหล่อนไปไว้ที่ไหน…” นีราพรรณตอบด้วยใบหน้าที่จริงจัง ก่อนที่ดวงตานั้นจะเหลือบบางอย่างที่ถูกวางอย่างไม่ใยดีบนโต๊ะของพี่ชายใหญ่ นั่น--จดหมายอะไรหรือ?


    จดหมายขู่ เพื่อให้เงินมันไปปิดปากเรื่องของหญิงจิลกับคุณสรภัส ไม่อย่างนั้นเรื่องถึงหูพวกนักข่าวแน่ๆ” จินณวัตรตอบคำถามของคนที่เดินเข้าไปตราวสอบมัน


    เรียวคิ้วของพี่สาวคนรองเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ ฝีมือของพวกสะกดรอยตามหรือนี่..อย่าบอกนะว่าพวกมันก็เป็นคนของเสี่ยเม้งเหมือนกัน?


    ดารารินทร์ส่ายหน้าเราไม่รู้หรอก แต่ตอนนี้เราจะตามหาคุณสรภัสได้ยังไง?”   


    เรารู้เพียงอย่างเดียว ว่าคุณภัสยังอยู่ในพระนคร ไม่อย่างนั้นมันคงไม่นัดพบในที่แบบนี้แน่” นีราพรรรณกล่าวขณะจิ้มไปที่ตัวอักษรซึ่งบ่งบอกสถานที่เอาไว้แล้วจึงหันมาบอกกับบรรดาน้องสาว ส่วนตัวคุณภัส พี่จะให้อีกหน่วยเขาตามหาในสถานที่ที่พอจะเป็นไปได้ก่อน บอกให้ใครเอากระเป๋าใส่เงินตามจำนวนไปรอฉันที่ทางประตูหน่อย


    เดี๋ยว พี่หญิงนิ่ม-” แต่ก่อนที่พี่สาวคนรองจะได้เดินหายออกไป จิลลาภัทรก็เป็นคนที่ดึงแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน จิลจะเป็นคนเอาเงินไปให้มันเอง


    หม่อมเจตนิพันธ์หันกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ขึงขังมากกว่าเดิม เจ้าจิล พูดอะไรออกมาน่ะ

    หญิงสาวร่างสูงหันมาตอบผู้เป็นพี่ชาย เรื่องนี้ต้นเหตุคือน้อง น้องจะต้องไปจัดการ


    ไม่ได้ พี่ไม่ให้ไป” ชายหนุ่มส่ายหน้า มันอันตราย


    แล้วจะให้จิลอยู่ที่นี่เฉยๆ โดยทำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรือคะ


    แล้วผู้หญิงอย่างเราจะไปทำอะไรล่ะ” สิ้นเสียงที่ดุดันของผู้เป็นพี่ชาย ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แต่แววตาที่ฉายแววผิดหวังของน้องสาวคนเล็กนั้น กลับทำให้เขารู้สึกพูดอะไรไม่ออก..


    จิลนึกว่าพี่ชายใหญ่จะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญเสียอีก


    หญิงสาวตอบเพียงนั้นแล้วจึงหันหลังเดินออกไป นีราพรรณมองน้องสาวคนเล็กที่ก้าวออกไปแล้วสลับกับคนที่เหลือแล้วจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง


    จะไม่ให้ใครต้องเป็นอะไรทั้งนั้น นิ่มสัญญา

     





     

    รถยนต์ประจำตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงพักแห่งพระนครขนาบแนบด้วยมอเตอร์ไซค์อีกหลายสิบคันค่อยๆ จอดลง ณ บริเวณนอกเขตพระนครอันเป็นแหล่งที่มีโกดังเปลี่ยวเปล่าขึ้นตั้งไว้อยู่ บรรยากาศโดยรอบที่มืดลงไปตามเวลายิ่งทำให้ที่นี่ดูไม่น่าปลอดภัย จิลลาภัทรนั้นรีบเคลื่อนตัวออกไปข้างนอกพร้อมกับกระเป๋าที่บรรจุเงินตามจำนวนเท่ากับในจดหมาย นีราพรรณก็รีบลงตามมาเพื่อพูดคุยและเตรียมการกับผู้เป็นน้องสาวของตัวเอง


    แน่ใจนะว่าจะเข้าไปคนเดียว?


    ถ้าคนของพี่เข้าไป ฉันว่ามันคงไม่จบดีเท่าไหร่นัก” จิลลาภัทรบอกกับผู้เป็นพี่สาวด้วยแววตาจริงจัง และฉันก็อยากเห็นหน้าคนที่ทำเรื่องแบบนี้กับตาด้วย


    หม่อมนีราพรรณพยักหน้าบอกกำชับอย่าลืมที่พี่บอก 


    มือของหญิงสาวนั้นหยิบบางอย่างออกมาจากเข็มขัดคู่ใจแล้วใส่มันไว้ในกระเป๋ากระโปรงตัวยาวของคู่สนทนา จิลลาภัทรจึงพยักหน้ารับเป็นการตกลงรับคำ


    ภายในโกดังนี้แลดูไม่ได้รับการดูแลอะไรมากนัก เพราะทันทีที่จิลลาภัทรเข้ามาก็ต้องเจอกับบรรดาฝุ่นผงและกลิ่นอับชื้น มีแสงไฟไม่กี่ดวงที่ถูกเปิดเอาไว้ให้มองเห็นทาง แต่โกดังแห่งนี้ดูคล้ายกับจะเป็นโรงสีมาก่อนเพราะมันยังมีบรรดากระสอบผ้าที่ไม่ได้ถูกขนย้ายไป หญิงสาวมองไปรอบๆ บริเวณที่ไร้ซึ่งผู้คนและจุดที่บอกว่านี่คือจุดนับพบระหว่างทั้งสองฝ่าย


    ฉันมาตามนัดหมาย    


    เห็นดังนั้นจิลลาภัทรจึงวางกระเป๋าเงินเอาไว้ห่างตัวก่อนจะตะโกนถามออกไป


    จะโผล่ออกมาได้หรือยังล่ะ พวกขี้ขลาดตาขาว  


    เมื่อไร้ซึ่งเสียงสัญญาณตอบโต้อีกครั้ง หญิงสาวก็คิดว่าคงไม่มีใครอยู่ที่นี่จริงๆ แล้วนอกจากหลอกให้พวกเธอและตำรวจมาค้นหาที่นี่เพื่อถ่วงเวลา จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงปรบมือเป็นจังหวะราวกับจะเย้ยยันมากกว่าที่จะดังขึ้นมาเพื่อชื่นชม


    ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ


    เสียงปรบมือนั้นมาพร้อมกับร่างของชายกลางคนท่าทางไม่น่าไว้วางใจ แต่เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่จิลลาภัทรทำใจไว้แล้วว่าจะต้องพบเจอ 


    “…เสี่ยเม้ง


    ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ว่าคนมีชื่อเสียงอย่างหม่อมจิลลาภัทรจะมาที่นี่” ชายกลางคนแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจอย่างถึงที่สุดขณะมาหยุดยืนไม่ไกลจากกระเป๋าเงิน ในสถานะของลักขเพศเสียด้วย


                จิลลาภัทรเอ่ยถามเสียงนิ่งหล่อนอยู่ไหน


                ถามหาหล่อนงั้นหรือ?” เสี่ยเม้งพูดด้วยการวางท่าที่ไร้มารยาทและรุกราน เป็นแค่พวกเชื้อเจ้าปลายแถว คิดว่าจะยุ่งกับของๆ คนอื่นยังไงก็ได้หรือวะ!” 


                โครม


                ถังเหล็กไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นถูกเตะจนกระเด็นด้วยแรงอารมณ์ ก่อนที่คนที่เตะมันจะหันมามองที่เธอด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวถึงขีดสุด


    อย่าเรียกคนที่แกทำเหมือนสิ่งของว่าเป็นของตัวเองเลย” ร่างสูงพยายามที่จะกักเก็บอารมณ์โกรธของตัวเองที่เริ่มจะปะทุเพราะการใช้วาจาที่เป็นเจ้าเข้าเจ้าของของชายกลางคน แล้วพยักพเยิดไปทางกระเป๋าที่ถูกวางอยู่ตรงกลาง นั่น เงินที่ต้องการ


                เสี่ยเม้งมองกระเป๋าใบนั้น ก่อนจะกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำช้าๆ ราวกับจะจงใจยียวน กูไม่ได้อยากได้ เงินนี่ซื้ออะไรกูไม่ได้ด้วยซ้ำ


                เรียวคิ้วของหญิงสาวขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยิน แล้วในจดหมายขู่ของ!…”


                จิลลาภัทรเอ่ยปากได้เพียงแค่นั้นเมื่อความคิดหนึ่งพุ่งเข้ามาในหัวสมองอย่างรวดเร็ว


                นั่นไม่ใช่ของของฉันเสียหน่อยคุณหญิง


    ประจวบกับที่เมื่อเสี่ยเม้งนั้นกล่าวจบ ร่างของบุคคลที่สามก็ก้าวเดินออกมาจากมุมหนึ่งของบรรดากระสอบที่ถูกทิ้งร้าง ชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อกั๊กสีครีมเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่ปั้นขึ้นมาให้คล้ายกับไม่มีพิษภัย ก่อนที่เขาจะตรงเข้ามาคว้ากระเป๋าซึ่งบรรจุเงินนั้นไว้ขึ้นมาเปิดดู แล้วจึงค่อยเก็บมันทั้งหมดขึ้นบ่าของตัวเอง


                ขอบคุณสำหรับเงินตามจำนวนนะครับ คุณหญิงจิลลาภัทร


                “…ฉันคิดไม่ผิดเกี่ยวกับคุณจริงๆ” จิลลาภัทรกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นกว่าเดิม


                ผมแค่ทำธุรกิจเอง” เขากล่าวด้วยท่าทางสบายๆ แย่หน่อยที่มีผู้หญิงคนนั้นกับคุณหญิงเข้ามาเกี่ยว


                ประโยคที่กล่าวราวกับชีวิตผู้คนเป็นสิ่งของยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกโกรธ จากสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรของเสี่ยเม้งที่มีต่อวายุ เห็นได้ชัดว่าเขาบอกเป็นนัยว่าตัวเองเป็นผู้สวมรู้ร่วมคิด และเป็นคนที่ส่งจดหมายเรียกค่าปิดปากพวกนั้นมาที่วังทัตพงศ์มาลี 


    ฉันจะถามอีกครั้ง หล่อนอยู่ไหน


    นี่คุณหญิงยังต้องการหล่อนอีกหรือ” วายุถอนหายใจยาว ก่อนจะพยักพเยิดไปทางชายกลางคนที่ยืนอยู่ เดี๋ยวคืนนี้หล่อนก็จะไม่เหลือค่าอะไรให้สนใจแล้วนะ


    เมื่อเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายจะสื่อ หญิงสาวก็ขบกรามแน่นก่อนจะหยิบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากระโปรงของตัวเองออกมาด้วยความโกรธ 


    สรภัสอยู่ที่ไหน!” 


    ชายทั้งสองเบิกตาด้วยความตกใจเมื่อปืน luger marine นั้นถูกยกขึ้นมาจ่อด้านหน้าตนเอง แม้แต่นายวายุที่ยังคงสีหน้าปกติของตัวเองได้มากกว่าเสี่ยเม้ง ยังต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นราวกับจะยอมจำนน


    คุณหญิงจิลลาภัทร ผมไม่คิดว่าสุภาพสตรีควรที่จะถือสิ่งนั้นนะครับ


    จิลลาภัทรจ้องมองชายหนุ่มที่แม้จะยกมือขึ้น แต่ก็ยังถือวิสาสะก้าวเท้าเข้ามาหาเธอ ฉันเตือนคุณแล้ว และคุณก็กำลังจะทำให้ฉันหมดความอดทน


    เธอเตือนชายหนุ่มไปแล้ว และนี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้น ดวงตาสีเข้มนั้นวาวโรจน์ด้วยความโกรธ และในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้เธออาจจะต้องผิดคำสัญญากับพี่สาวคนรองที่กำชับไว้ว่าจะใช้สิ่งที่อยู่ในมือก็ต่อเมื่อมันจำเป็นเท่านั้น


    ชายร่างสูงกลอกดวงตาเมื่อก้าวเดินมาหยุดอยู่ไม่ห่างจากปลายกระบอกปืน ก่อนที่เขาจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่ายเต็มที


    งั้นเราก็คงต้องพูดกันแบบนี้แล้วสินะครับ  


    ขวับ


    ทันใดนั้นมือทั้งสองข้างที่ยกขึ้นอย่างจำนวนก็ขยับเข้ามาปลดมันออกจากมือเธอไปได้อย่างรวดเร็ว ประจวบกับที่จู่ๆ บริเวณโดยรอบก็ถูกแทนที่ด้วยบรรดาลูกน้องของเสี่ยเม้ง พร้อมกับปืนลูกโม่สีดำในมือ 


    จิลลาภัทรแค่นเสียงหัวเราะเยาะเย้ย ผู้ชายนับสิบกับปืน เห็นชัดเลยว่าใครกันแน่ที่เล่นไม่ซื่อ

    ผมว่าผิดเสียล่ะมั้งครับ เพราะพวกที่อยู่ข้างนอกนั่นไม่ได้มาโดยบังเอิญแน่ๆ


    หญิงสาวขบกรามแน่นอย่างเจ็บใจที่ถูกอีกฝ่ายรับรู้แผนการ หากการที่เธอหลุดเข้ามาอยู่ในกำมือของศัตรูแบบนี้แล้วส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกไป ก็ใช่ว่าฝั่งของพี่สาวเธอจะได้โอกาสพลิกกลับมาเป็นผู้ชนะโดยง่าย


    ทำยังไงพี่หญิงนิ่มถึงจะเข้ามาได้โดยที่เธอไม่ต้องเป็นภาระกัน… 


    ยอมเสียเถอะคุณหญิง อย่างไรฝั่งพวกผมก็คงไม่เสียดายกระสุนมากนัก” ชายหนุ่มยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มใจดี 


    ถ้าไม่บอกว่าหล่อนอยู่ไหน ก็อย่าหวัง” เธอตอบไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย


    คุณหญิงนี่ดื้อจริงๆ” เขาส่ายหน้าและหันเหกระบอกปืนของพี่สาวเธอออกไปจากวิถีกระสุนแล้วจึงเก็บมันลงบริเวณเข็มขัดของตัวเอง คราวแรกผมนึกว่าเราจะเจรจากันง่ายกว่านี้


    “…”


    หล่อนสบายดี ผมไม่ได้ทำแม้แต่แตะต้องหล่อนด้วยซ้ำ แล้วก็คงจะสบายอย่างนั้นไปเรื่อยๆ” เขาเหลือบมองชายร่างท้วมนิดๆ แต่ต้องแลกกับอิสระของคุณหญิง


    หมายความว่ายังไง


    เขายิ้มก่อนจะวาดมือราวกับรอคอยจะให้สาวน้อยกระโดดกอดตัวเอง


    แต่งงานกับผม   

    “!?” 

    แล้วผมจะปล่อยหล่อนไปให้ไกลจากที่นี่


    เฮ้ย มันไม่ได้อยู่ในข้อตก-!” เสี่ยเม้งก้าวเท้าเข้ามาโวยวายทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่แล้วหนึ่งในลูกน้องของมันที่อยู่ใกล้ตัวชายหนุ่มมากที่สุดก็หันปลายกระบอกปืนไปหามันแทน


     “มึง-มึงหักหลังกูหรอ!?”


    ได้ส่วนของตัวเองไปแล้ว ก็อย่าเรียกร้องให้มาก” วายุส่งสัญญาณให้ชายคนนั้นจัดการ การกระทำที่ผิดแผนเหล่านี้บ้างก็มีลูกน้องบางคนรับรู้ บ้างก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นพวกเดียวกันเองหันปืนเข้าใส่กัน 


    เสี่ยเม้งคำรามออกมาเมื่อถูกหักหลัง ดูท่าไอ้หน้าละอ่อนคนนี้คงจะวางแผนซื้อใจฝั่งพวกเขาไปด้วยแล้ว “--ที่มึงเสนอตัวเป็นคนจัดการงานนี้ เพราะมึงคิดจะหักหลังกูแต่แรกแล้วสินะ!”


    เสี่ยนั่งสงบปากสงบคำเฉยๆ ก่อนที่จะไม่ได้กลับไปเสวยสุขอีกเถอะ” ชายหนุ่มผู้ดูเหมือนจะเป็นคนคุมเหตุการณ์และคนของอดีตเจ้านายที่เหลือไว้ทั้งหมดกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เฮ้ย มัดเชือกพวกมันไว้


    จิลลาภัทรวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าที่มีการหักหลังกันเองขึ้น เสี่ยเม้งกับพวกที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วยประมาณสามสี่คนถูกมัดล่ามไว้กับเสาของโกดัง ก่อนที่เธอจะหันมามองคนที่ชั่วช้าอย่างชายหนุ่มตรงหน้า


    แล้วถ้าฉันไม่ตกลง จะเกิดอะไรขึ้น


    ถ้าคุณหญิงไม่ตอบตกลง คุณหญิงก็จะไม่ได้เจอหน้าหล่อนไปตลอดกาล


    “….”


    หญิงสาวมองรอยยิ้มของเขาด้วยแววตาวาวโรจน์ แต่กระนั้นเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคนอย่างเขานั้นลงมือตามที่พูดแน่เพราะแม้แต่พวกเดียวกันเองก็ยังทำมันได้ลงคอ จิลาภัทรหลับตาลงข่มอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตัวเองในเวลานี้ ขอเพียงแค่สรภัสไม่เป็นอะไรเธอขอแค่นั้นจริงๆ


    ร่างสูงโปร่งตัดสินใจเด็ดขาด แล้วก้าวเท้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มให้มากกว่าเดิม วายุยิ้มพรายอย่างถูกใจเมื่อสาวเจ้าที่เขาหมายปองนั้นมีท่าทีอ่อนโอนและเชื่อฟัง เขาจึงหยิบบางอย่างออกมาจากเสื้อกั๊กสีครีม แหวนวงเล็กประดับด้วยเพชรเม็ดงามนั้นถูกเขาค่อยๆ บรรจงใส่มันให้บนปลายนิ้วเรียวของหญิงสาว ก่อนจะเชยชมมันอย่างมีความสุข


    ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีมากครับ


    จิลลาภัทรพยายามกักเก็บสีหน้าของตัวเอง ฉันจะได้เจอหล่อนเมื่อไหร่


    “..เมื่อวันที่คุณหญิงเป็นของผมแล้วกระมัง?” ชายหนุ่มเริ่มใช้สายตาโลมเลีย พร้อมกับมือข้างที่ว่างนั้นถือวิสาสะโอบรอบเอวบางอย่างทะนุถนอม เพราะบางทีคุณหญิงก็มัวแต่สนใจเพียงอย่างเดียวจนไม่ได้มองสิ่งที่ใกล้ตัวเลย


    ปัง!!

     

    จู่ๆ เสียงที่ดังขึ้นของอาวุธในมือก็ทำให้คนทั้งหมดแตกตื่น รวมถึงคนสองคนที่ต้องผละจากกันเพราะความตื่นตระหนก จิลลาภัทรใช้จังหวะนั้นถอยห่างออกมาจากเขา ในขณะที่ชายหนุ่มนั้นตรงเข้าไปหาเรื่องเจ้าของเสียง


    ทำบ้าอะไรของแกวะ?ยิงปืนขึ้นฟ้าทำไม


    เขาต่อว่าชายที่เป็นคนสั่งการให้พวกที่เหลือมัดเสี่ยเม้งไว้กับเสา แต่ยังไม่ทันได้สั่งสอนด้วยมือของตัวเอง ก็มีบางอย่างมาขัดจังหวะเขาเสียก่อน 


    โครม!! 

    ทั้งหมดหยุดวางอาวุธและยกมือขึ้น!”


    จู่ๆ ประตูและผนังที่เปราะบางเพราะไร้การดูแลของโกดังนั้นก็ถูกรุกรานด้วยบรรดาชายสวมเสื้อสีกากีและคาดด้วยเส้นสีดำพร้อมด้วยปืนลูกโม่ครบครันก็ทำให้บรรดาปลายปืนของฝั่งศัตรูหันเหเข้าใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร


    อยู่ให้ห่างจากน้องสาวของฉัน คุณวายุ” หม่อมราชวงศ์นีราพรรณกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ให้ได้ยินทั่วกัน มือทั้งสองข้างของหญิงสาวประคองปืนสีดำเอาไว้ในมืออย่างมั่นคง


    คุณหญิงจิลลาภัทรกับผม เราตกลงว่าจะมีเรื่องที่ต้องคุยกันต่อน่ะครับ--” ชายหนุ่มที่ทำท่าจะตรงเข้าไปจับข้อมือของผู้หญิงที่เขาเพิ่งจะทำพันธะสัญญาด้วยหมาดๆ แต่ดันรู้สึกถึงปลายวัตถุร้อนเพราะเพิ่งการใช้งานมาสัมผัสเข้าที่ท้ายทอยเสียก่อน 

     

    อย่าแตะต้องคุณหญิงจะดีกว่านะครับคุณวายุ


    เสียงของชายที่เขาตั้งใจจะไปสั่งสอนแต่ก็ถูกขัดขวางในตอนแรกดังขึ้น ท่ามกลางสายตาของลูกน้องหลายคนที่หันปลายกระบอกปืนไปมาอย่างสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น


    “…แก..เป็นสายให้ตำรวจ?” ชายหนุ่มถามหยั่งเชิงด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้น เขามั่นใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรที่น่าสงสัยจริงๆ นับตั้งแต่แอบลักลอบมาติดต่อกับเขาเพื่อตกลงที่จะหักหลังเสี่ยเม้งเมื่อสัปดาห์ก่อน


    แล้วสายของฉันก็ทำได้แนบเนียนดีใช่ไหม?” หม่อมราชวงศ์นีราพรรณก้าวเข้ามาดึงน้องสาวให้หลบ ไปอยู่ข้างหลังก่อนที่จะมองหน้าของชายที่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างจำนนด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก คุณถูกจับข้อหาลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมายในคลังสินค้า  และเราจะเพิ่มข้อหาลักพาตัวกับเรียกค่าไถ่ซึ่งทำให้วังทัตพงศ์มาลีเสื่อมเสียด้วยเหมือนกัน


    ชายหนุ่มร่างสูงรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่เขาถูกซ้อนแผนง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ 


    เขาแค่นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะออกมา ก่อนที่มือสองข้างซึ่งยกอยู่ระดับไหล่นั้นจะเริ่มขยับเพียงเล็กน้อย แล้วคนที่เห็นมันก็มีเพียงแค่นีราพรรณเท่านั้น


    หมอบ!”

    ปังปัง!ๆๆ 


    สิ้นเสียงตะโกนของหญิงสาว เสียงสาดกระสุนก็ดังตามขึ้นมาไม่หยุดหย่อนจากทั้งตำรวจและฝั่งของนายวายุ นีราพรรณกอดน้องสาวคนเล็กไว้แล้วดันให้ห่างออกไปจากวิถีกระสุน พร้อมกับที่คอยหาที่กำบังเป็นระยะ


    ตำรวจหลายนายต่างยิงโต้ตอบกับกลุ่มชายฉกรรจ์ บ้างก็ล้มตายไปเพราะคอยป้องกันให้นายวายุนั้นหนีรอด ขณะที่กำลังรุกคืบหน้าไปเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงประตูทางออก ชายหนุ่มก็คว้าปืนที่อยู่ในเสื้อกั๊กของเขาออกมายิงตรงที่กำบังของหม่อมราชวงศ์นีราพรรณพอดี


    ปัง


    แต่หญิงสาวที่หลบรอดได้ทันนั้นก็ตะโกนกลับออกไป หยุดยิงแล้วมอบตัวดีๆ จะได้ไม่ต้องรับโทษมาก!”


    เรื่องอะไรกูจะยอมวะ!”


    เขาพลักร่างของหนึ่งในลูกน้องที่คว้าตัวให้มาเป็นเกราะกำบังทิ้งลงไปกับพื้น ก่อนจะหันรีหันขวางมองหาทางออกที่ไร้ตำรวจรออยู่ และในระหว่างที่กำลังจะวิ่งไปยังทางออกกอีกทาง ร่างกายของเขาก็ฟุบลงกับพื้นอย่างแรง


    พลั่ก!


                ไม้หน้าสามขนาดกลางถูกทิ้งลงไม่ใยดีเมื่อหญิงสาวใช้มันหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของชายหนุ่ม จิลลาภัทรใช้ช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายชุลมุนนั้นค่อยๆ เลาะไปตามริมโกดังที่มืดกว่าเพื่อให้เข้าถึงตัวของเขามากที่สุด และเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะหนีออกไป เธอก็ไม่ลังเลที่จะหยิบไม้แถวนั้นขึ้นมาฟาดลงบนศีรษะของเจ้าตัว


    แต่งงานกับคนอย่างแกน่ะหรือ สู้ส่งเข้าคุกไปยังจะเป็นไปได้มากกว่าอีก” หญิงสาวกล่าวอย่างนั้นก่อนจะดึงแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วของตัวเองทิ้งใส่คืนเจ้าของเดิมอย่างขยะแขยง พร้อมกับหม่อมราชวงศ์นีราพรรณและตำรวจไม่กี่นายที่วิ่งตามมา


    หยุดยิงก่อน ไปตามจับพวกที่เหลือ คนไหนยังไม่ตายก็จับรวมไว้ก่อน” เธอเอ่ยปากออกคำสั่งก่อนจะส่งปืนที่ใช้อยู่ให้แก่นายตำรวจนายหนึ่ง แต่เมื่อคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว ร่างของชายหนุ่มนั้นกลับดึงร่างของน้องสาวเธอให้ล้มลงไปก่อนจะขึ้นคร่อมและหยิบปืนที่ตกลงไปขึ้นมา


                จิล!” หม่อมราชวงศ์นีราพรรณร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นภาพนั้น พร้อมกับยกมือห้ามเหล่าตำรวจที่ทำท่าจะยิงไประหว่างคนทั้งสองคน เพราะในการเคลื่อนไหวที่ชุลมุนนั้นลูกกระสุนนั้นอาจจะหลงไปโดนน้องสาวของเธอก็ได้


                จิลลาภัทรต้องต่อสู้กับมือที่บีบคั้นลำคอและมือที่หมายจะหันปลายกระบอกปืนมาที่เธอ แต่แรงของชายหนุ่มนั้นมีมากยิ่งกว่านัก เวลานี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและเคียดแค้นเสียหมดแล้ว


    คุณหญิงคิดว่าผมจะยอมง่ายๆ แบบนี้หรือ?

    อึก!..” 

    อะไรที่ผมอยากได้ผมก็ต้องได้---แม้จะในนรกก็ตาม!”  


    เรี่ยวแรงที่มือขวาของเธอใกล้จะอ่อนล้าเต็มที ไหนจะลมหายใจที่ติดขัดขึ้นเรื่อยๆ แต่ในห้วงของเฮือกสุดท้ายของเรี่ยวแรงนั้น จิลลาภัทรก็ยังพยายามที่จะต้านทานมือที่กำลังจะลั่นไกตรงหน้าให้จงได้





    ปัง!! 

     








     

    ร่างของหญิงสาวที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเก้าอี้ค่อยๆ หายใจเบาลง เมื่อบรรดาเสียงที่ดังลั่นมาจากด้านนอกโกดังนั้นหยุดไปได้ประมาณหนึ่ง ความคิดมากมายเกิดขึ้นในความมืดภายใต้ผ้าผืนหน้าที่ปิดบัง สรภัสไม่รู้อะไรเลยว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างข้างนอกนั่น เพราะตั้งแต่ที่เสียงปืนดังขึ้นมากความกังวลใจของเธอก็มีไม่หยุดหย่อนเลย


    คุณหญิง..จะมาหรือเปล่านะ


    แม้ใจหนึ่งจะหวังให้ใครสักคนมาช่วย แต่อีกใจหญิงสาวก็เป็นกังวลเหลือเกินว่าจะเกิดอะไรอันตรายขึ้นกับหล่อน แล้วเสียงปืนก็เงียบลงไปนานแล้วเธอไม่รู้เลยว่า ณ ที่ที่เกิดเสียงแห่งนั้น มีคุณหญิงจิลลาภัทรอยู่ด้วยไหม


    ตุ้บ 

    เสียงบางอย่างที่ตกกระทบกับพื้นทำให้ร่างบางสะดุ้งด้วยความตกใจ ความเงียบรอบข้างที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้หญิงสาวไม่อาจรู้สึกปลอดภัยได้สักนิด


    “!?”  


    กระทั่งรู้สึกถึงใครบางคนที่เข้าใกล้ผ้าปิดตาของตัวเอง สรภัสกลัวเหลือเกินว่าคนที่กำลังจะเปิดมันต้องเป็นหนึ่งในคนของเสี่ยเม้งไม่ผิดแน่ ทำให้เธอนั้นเริ่มจะดีดดิ้น และถอยหนีมือที่กำลังจะเคลื่อนตัวมาตรงหน้า


    ใจเย็นๆ สรภัส  เสียงนั้นกล่าว ฉันเอง


    และทันที่ที่เจ้าของมือนั้นส่งเสียง ความหวาดกลัวของสรภัสก็มลายหายไป

    คุณหญิง


    ฉันเองฉันมาช่วยหล่อนแล้วนะ จิลลาภัทรกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขณะที่ค่อยๆ ปลดผ้าที่ปกปิดดวงตาคู่สวยและริมฝีปากบางๆ เอาไว้ เธอจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความโล่งอกก่อนที่มันจะเปลี่ยนไปเป็นกังวลเมื่อเห็นรอยช้ำจางๆ บริเวณริมฝีปากของร่างบาง


    เจ็บหรือเปล่า


                เมื่อมือทั้งสองข้างเองก็เป็นอิสระ สรภัสจึงไม่ลังเลเลยที่จะโผกอดเข้าหาร่างของผู้หญิงตรงหน้าด้วยความดีใจ


    ภัสขอโทษค่ะขอโทษ” เธอกล่าวขณะที่ซุกใบหน้าเข้ากับไหล่ของคนอ่อนกว่าอย่างน่าสงสาร ถ้าภัสไม่ดื้อดึง มันคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้


    ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ใช่ความผิดของหล่อนหรอกนะ” จิลลาภัทรลูบฝ่ามือลงบนศีรษะของคนตัวบางอย่างปลอบประโลม น้ำเสียงที่ติดเหนื่อยล้าเล็กน้อยนั้นยังคงแฝงไปด้วยความใจดี


    กลับบ้านกันเถอะ


    แล้ว..แล้วคุณวายุกับเสี่ยเม้งล่ะคะ” สรภัสใช้หลังมือเช็ดน้ำตาเมื่อผละออกมาสำรวจร่างกายของคนตัวสูง ก่อนที่จะต้องตกใจเมื่อเห็นเสื้อผ้าบริเวณอกข้างขวาของหญิงสาว คุณหญิงเลือดนี่คะ คุณหญิงถูกยิงหรือคะ!” 


    จิลลาภัทรส่ายหน้าและรีบจับไหล่บางทั้งสองข้างให้หยุดนิ่งไม่ตื่นตระหนกไปมากกว่านี้


    ได้รับกรรมหมดแล้ว” เธอขยับมือขึ้นไปจัดการเส้นผมที่ไม่เรียบร้อยนั้นให้กับหล่อน นับตั้งแต่วันนี้ จะไม่มีใครทำอะไรหล่อนได้แล้วนะ


    ดวงตาและคำมั่นสัญญาที่ถูกส่งมาทำให้ใจของสรภัสอุ่นวาบไปทั้งหมด ความจริงจังของคุณหญิงจิลลาภัทรทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนๆ ทั้งสองกอดกันอีกครั้งเมื่อเรื่องวุ่นวายมาถึงจุดจบเสียที กระทั่งเสียงไอในลำคอที่แผ่วเบานั้นเองดังขึ้นมา จิลลาภัทรเลยเพิ่งสังเกตว่าพี่สาวคนรองของเธอมายืนรออยู่ไม่ไกลเสียแล้ว


    นีราพรรณเพียงส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหยิบแว่นตาสีชาขึ้นมาสวมแล้วกล่าวประโยคออกไป พาคุณสรภัสไปโรงพยาบาลเถอะ ถึงจะไม่มีรอยขีดข่วนอะไร แต่กันไว้ก่อนก็ดี


    สรภัสเผลอก้มหน้างุดเพราะเขินอายไม่ได้ที่การกระทำเมื่อครู่อยู่ในสายตาของคุณหญิงนีราพรรณ แล้วจึงเดินตามเจ้าของฝ่ามืออุ่นที่ดึงรั้งให้ตัวเธอนั้นกลับบ้านไปด้วยกันอย่างอุ่นใจ

     




     

     

    พร้อมหรือยัง


    พร้อมแล้วค่ะ..”


    ชายหนุ่มในชุดภูมิฐานนั้นพยักหน้าเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากทั้งสี่เสียงของผู้เป็นน้องสาวที่ต่างนั่งพับเพียบคอตกเรียงกันรอคอยเขาเทศนาชุดใหญ่ หม่อมราชวงศ์เจตนิพันธ์ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ใช้ไม้เรียวบางๆ กับฝีปากที่น่ายำเกรงของเขาสั่งสอนพี่น้องของตนเองทีละคนตามลำดับ ส่วนจิลลาภัทรที่อยู่คนสุดท้ายก็นั่งนิ่งหลังตรงอย่างไม่หนีความผิดแม้จะเกรงๆ ไม้เรียวอันนั้นที่สั่งสอนพวกเธอมาจนเติบโตอยู่ก็ตาม


    พี่หญิงใหญ่ของเธอโดนสั่งสอนเรื่องที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดแต่กลับไม่คิดจะใช้น้ำหนักของเหตุและผลให้มากพอแถมยังสวมรู้ร่วมคิดปกปิดเรื่องเอาไว้จนมันบานปลาย พี่หญิงนิ่มถูกต่อว่าเรื่องที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการโกหกและตัดสินใจเรื่องอันตรายเพียงคนเดียว ส่วนพี่หญิงรดานั้นก็ไม่คิดจะห้ามปรามพี่น้องกันเองที่ทำอะไรไม่ปรึกษา ซึ่งหลังจากโดนสั่งสอนกันไป พวกเธอก็จะถูกไม้เรียวบางๆ นั้นเคาะลงบนศีรษะคนละทีสองทีตามเคย


    ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่พี่ชายใหญ่จะแต่งงานล่ะก็ พวกเธอได้ไปนอนซมเพราะเจ็บก้นกันแน่ๆ 


    เจ้าจิล


    จิลลาภัทรเคลื่อนดวงตาตกๆ ของตัวเองมองคนเป็นพี่ชาย


    จริงๆ แล้วบทลงโทษของเราจะต้องหนักที่สุด  


    “….”


    เราเป็นครอบครัวเดียวกัน หากจะทำอะไรก็ควรปรึกษากันก่อน ไม่ใช่สักแต่จะตัดสินใจเอาดาบหน้า ดูเสียด้วยว่าเรื่องที่เกิดมันมีผลกระทบอะไรบ้าง ถ้าหากไม่มีหนทางที่จะแก้ไข วังทัตพงศ์มาลีคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแน่


    คุณชายเจตน์มองคนเป็นน้องที่ก้มหน้าสำนึกผิด พลันนึกไปถึงแววตาที่แสดงความผิดหวังของเจ้าตัวแล้วจึงถอนหายใจออกมา


    แต่พี่จะยกโทษให้ในส่วนของทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปแล้ว เพราะพี่เองก็ผิด ที่เอาแต่ยัดเยียดให้พวกหล่อน


    หญิงสาวทั้งสี่คนต่างเคลื่อนสายตามองชายหนุ่มที่ขยับตัวลงมานั่งคุกเข่าที่พื้นในระดับเดียวกันด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความสำนึกผิดที่มีส่วนทำให้บรรดาน้องสาวต้องอยู่ในสถานะที่ลำบากใจเช่นนี้


    พี่ชายใหญ่..”


    “…พี่เป็นห่วงพวกหล่อนนะ


    เพราะพวกเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ทั้งสี่จึงขยับตัวเข้าไปสวมกอดสมาชิกผู้หลักผู้ใหญ่ที่สุดของวังทัตพงศ์มาลีพร้อมกันอย่างปลอบประโลมกันเอง ซึ่งชายหนุ่มก็เพียงยิ้มน้อยๆ แล้วลูบแผ่นหลังน้องสาวที่เคยเป็นเด็กตัวเล็กๆ วิ่งตามเขาเมื่อสมัยก่อนอย่างเข้าอกเข้าใจ

     




     

     

    หนึ่งเดือนต่อมากับฤดูกาลและบรรยากาศที่แปรเปลี่ยน กลิ่นหอมรัญจวนเจียนจากควันสีขาวฟุ้งที่ลอยอยู่ในหม้อที่เต็มไปด้วยบรรดาขนมหวานสีเหลืองทอง หญิงสาวในชุดเดรสลายดอกไม้สีชมพูอ่อนคอกว้าง เส้นผมของเธอถูกดัดลอนเล็กน้อยตรงส่วนปลายอันบ่งบอกถึงการแต่งตัวที่ได้รับการดูแลมากกว่าปกติตั้งแต่เกิดมานั้นกำลังค่อยๆ วางเทียนสำหรับอบขนมที่ส่งกลิ่นหอมลงตรงกลางก่อนจะปิดฝาหม้อเอาไว้เพื่อให้บรรดาขนมหวานได้ซึมซับมันเป็นอย่างดี


    คุณภัสมีฝีมือเหมือนกันนะคะ” หม่อมจีรัญนภาที่คอยยืนดูอยู่นั้นเอ่ยปากชื่นชมคนที่เพิ่งจะทำขนมอีกชุดหนึ่งเสร็จไป


    สรภัสส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ภัสเพิ่งเคยทำสองสามครั้งเอง เพราะเป็นลูกมือให้คุณช่อแหละค่ะ ถึงได้ทำได้ดีขึ้น


    แต่ถ้าคุณภัสไม่เสนอเรื่องทำขนมส่งขายให้ตลาด วันๆ ของฉันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยค่ะ


    แม้สิ่งที่คุณช่อม่วงพูดจะมีส่วนที่เป็นความจริงอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่อาจรับความดีความชอบได้ทั้งหมด นับตั้งแต่ที่ได้มาอาศัยอยู่ในวังทัตพงศ์มาลี เธอก็ไม่อาจทำงานอะไรได้ดั่งใจเหมือนตอนอยู่ที่บ้านไพรวัน แต่กระนั้นก็ได้การชักชวนจากภรรยาของคุณชายเจตน์นั่นแหละที่ไม่ทำให้ชีวิตประจำวันของเธอน่าเบื่อจนเกินไปนัก


                หลังจากการจับกุมในคราวนั้นก็ตกเป็นข่าวใหญ่ในพระนครเพียงชั่วขณะหนึ่ง สรภัสมารู้ทีหลังว่าคุณวายุนั้นถูกจับกุมแล้วยังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่คุกอีกนาน แต่เสี่ยเม้งกลับโชคร้ายเพราะโดนลูกหลงของการปะทะกันระหว่างตำรวจและอดีตลูกน้องของตัวเองจนเสียชีวิต


    ส่วนการมีอยู่ของเธอในสังคม แรกเริ่มนั้นมันค่อนข้างจะเป็นที่ครหาของผู้คนอยู่ไม่น้อย เพราะต่างก็พากันเรียกว่าเธอนั้นคือหนูตกถังข้าวสารที่ได้ระเหเร่ร่อนเข้ามาใช้ชีวิตในวังทัตพงศ์มาลี พอขุดคุ้ยประวัติกันก็บอกว่าเป็นแค่นางรำเก่าๆ บ้างก็ว่าเธอเป็นคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง บ้างก็ว่าเป็นแค่ เพื่อนสาว’ เหมือนอย่างข่าวคราวของเหล่าดอกไม้แห่งทัตพงศ์มาลีที่เคยมีเท่านั้น แต่พอเวลาผ่านไปก็มีบางจำพวกที่ยอมรับเธอ หรือไม่ก็รับรู้ผ่านหนังสือพิมพ์ว่าเธอเป็น ผู้หญิงของคุณหญิงจิลลาภัทร’ ตามที่พวกเขาเขียนข่าวไป


    สรภัสเดินออกห่างจากส่วนครัวเรือนได้สักพักแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเธอจะต้องกลับไปนั่งพักผ่อนเฉยๆ หรือเย็บปักถักร้อยอะไรอีกเสียเมื่อไหร่ เพราะว่ายังมีอีกเรื่องสำคัญที่หญิงสาวจะต้องไปทำในวันนี้


    “?” 


    แต่พอกำลังจะเดินผ่านซุ้มทางเดินซึ่งอยู่ติดกับสวนดอกไม้ สรภัสก็รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองถูกดึงให้ถอยหลังกลับไป แผ่นหลังบางสัมผัสกับความอบอุ่นและกลิ่นกายที่คุ้นเคย จนเธอพยายามที่จะปลดล็อคเรียวแขนที่ตวัดรอบเอวบาง และกำลังคลอเคลียปลายจมูกโด่งนั้นกับไหล่ของเธอ


    คุณหญิง ทำอะไรคะ?เธอถามคนตัวสูงที่ไม่รู้ว่ามาอยู่แถวนี้ได้อย่างไร


    จิลลาภัทรเงยหน้ามองคนตัวบางด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจเล็กน้อย อะไรกัน หล่อนลืมหรือว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว


    สรภัสมองหน้าอีกฝ่ายแล้วนิ่งไปเล็กน้อย เธอพยายามประมวลผลว่ามีเรื่องอะไรอีกหนอที่ทำให้คุณนักแสดงอย่างหล่อนนับวันรอคอยได้ทั้งๆ ที่ตัวเองก็งานยุ่งเสียเหลือเกิน จนเมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอเคยคุยกับคุณชายใหญ่ของบ้านเอาไว้หนึ่งเรื่องต่อหน้าครอบครับสมาชิกทุกคน


    คุณภัสห้ามให้เจ้าจิลเข้าใกล้หรือแตะต้องเป็นเวลาหนึ่งเดือนนะครับ นี่เป็นคำสั่งของผม ถ้าพบเห็นล่ะก็ ผมจะให้คุณภัสไปช่วยที่มหาลัยแน่


    ครบหนึ่งเดือนแล้ว..”


    ไม่คิดเลยว่าบทลงโทษของพี่ชายใหญ่จะทรมานขนาดนี้” ร่างสูงโปร่งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราวกับตัดพ้อ มีแต่ฉันหรือที่นับวันเหมือนคนใจจะขาด


    ตอนแรกก็คิดว่าโชคดีไปที่พี่ชายใหญ่ไม่ได้ดุด่าเท่ากับพี่สาวคนอื่น แต่สุดท้ายแล้วจิลลาภัทรก็ได้รับบทลงโทษที่ไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะทรมานขนาดนี้ 


    หนึ่งเดือนเหมือนหนึ่งปีคนที่รักอยู่ตรงหน้าแต่ทำอะไรไม่ได้เก็บสีหน้าให้เป็นปกติมาจนได้ถึงปานนี้ จิลลาภัทรก็คิดว่าทักษะการแสดงของตนเองคงพัฒนาไปแล้วอีกขึ้น 


    คุณหญิงก็..พูดเกินไปไหมคะเนี่ยคนฟังหัวเราะออกมาเบาๆ แม้พวงแก้มนั้นจะมีสีแดงระเรื่อน่าเชยชม หญิงสาวร่างสูงจึงก้มลงมามองเจ้าของดวงตาเป็นประกายดั่งเพชรเม็ดงามพร้อมรอยยิ้มชอบใจที่จะได้ทำอะไรตามใจเสียที


    ยังอีกนาน กว่าขนมจะเสร็จใช่ไหม?


    ดวงตาคู่สวยนั้นฉายประกายแวววับเมื่อจ้องมองใบหน้าของคนตัวบาง สรภัสรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทันทีที่มือคู่นั้นดึงรั้งให้เธอเข้าหาเพื่อใกล้กว่าที่เคย ไม่คิดเลยว่าเพียงเดือนเดียวที่ห่างหาย จะทำให้หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวเต้นแรงเสียจนไม่คุ้นเคยกับมัน แต่เธอก็ยังอ่านรอยยิ้มที่มีรอยบุ๋มเล็กๆ ชวนน่าสงสัยนั่นออกอยู่ดีว่าหล่อนกำลังจะร้องขออะไรจากเธอ


    สรภัสรีบผินใบหน้าหนีปลายจมูกโด่งนั่น ให้หล่อนสัมผัสได้แค่ผิวแก้มอย่างเฉียดฉิวเท่านั้น ไม่ได้ค่ะ ภัสต้องไปดูที่โรงเรียนก่อน บอกกับคนขับรถไว้แล้วด้วย ป่านนี้คงจะใกล้มาถึงแล้ว


    อันที่จริงหญิงสาวก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก แต่การจะปล่อยให้คนเอาแต่ใจทำอะไรตามใจทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว มันค่อนข้างที่จะกระดากอายสำหรับเธอไปสักหน่อย


    แล้วดูคุณหญิงสิ..ไม่กลัวว่าใครจะมาเห็นหน่อยเลยหรือไงกัน 


    พอพูดไปอย่างนั้นเจ้าของใบหน้าสวยคมก็ถอนหายใจยาวก่อนจะปล่อยกันให้เป็นอิสระ เธอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้พอใจนัก แต่ก็ยอมเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด


     งั้นฉันไปด้วย


     ใช้เวลาไปไม่ถึงสามสิบนาทีรถยนต์คลาสสิคก็มาถึงพื้นที่เปิดกว้างไม่ไกลจากบรรดาตึกแถวนัก ที่ตรงนั้นถูกสร้างขึ้นเป็นเรือนอิฐแต่ตกแต่งด้วยศิลปะความเป็นไทยในขนาดพื้นที่ที่ไม่มาก แต่ก็มีเด็กตั้งแต่วัยสี่ถึงสิบขวบปีออกมาอยู่ที่สนามหญ้าด้านนอก แล้วเด็กๆ เหล่านั้นก็สวมแค่เสื้อแขนสั้นสีขาวและผ้าโจงกระเบนสีแดง รวมทั้งกำลังทบทวนท่าร่ายรำตามที่หญิงกลางคนกำลังสอนอยู่ด้วย 


    เมื่อสรภัสกับคุณหญิงมาถึงด้านหน้าทางเข้า เด็กๆ ทั้งหลายก็พร้อมใจกันหยุดและสวัสดีกันอย่างมีมารยาท


    คุณโช วันนี้ก็มาอีกแล้วหรือคะร่างบางเดินมาถึงในตัวอาคารก่อนจะเอ่ยปากทักหญิงสาวตัวเล็กที่รู้จัก หล่อนอยู่ในชุดเหมือนนักเรียนคนอื่นที่สนใจมาที่นี่ โรงเรียนสรสุนทรีย์’ ที่สอนด้านศิลปะการร่ายรำโดยเฉพาะซึ่งเพิ่งเปิดตัวมาได้เมื่อเดือนก่อนนี้เอง


    สรภัสยอมรับว่าในทีแรกเธอไม่อาจรับสิ่งที่คุณหญิงจิลลาภัทรมอบให้ได้ แต่หล่อนกลับพูดว่าอยากจะเห็นเธอได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเองรักอีกครั้ง โรงเรียนแห่งนี้จึงมีวังทัตพงศ์มาลีเป็นผู้สนับสนุนหลัก รวมทั้งยังเป็นโอกาสให้บรรดาญาติและครอบครัวของเธอที่จังหวัดราชบุรีนั้นกลับมาทำในสิ่งที่รักด้วยกันอีกครั้งหลังจากที่ขอโทษขอโพยและทำความเข้าใจกับความจำเป็นในตอนนั้นแล้ว


    โชษิตาผู้ซึ่งเดินหลบออกมาจากแถวเด็กๆ ยิ้มให้กับคนที่เพิ่งมาถึง ยอมรับเถอะค่ะพี่ภัส ว่าการที่โชมาทำให้ที่นี่ยิ่งเป็นที่รู้จักนะ


    สรภัสพยักหน้าพลางหันมองไปที่บรรดาผู้ปกครองที่บ้างก็มาแอบดูลูกหลานตัวเองด้วยรอยยิ้มอยู่นอกรั้ว ถ้าไม่มีคุณโช ที่นี่ก็ไม่มีนักเรียนเยอะแบบนี้หรอกค่ะ


    จิลลาภัทรมองคนตัวบางเดินหายเข้าไปสอนเด็กๆ ร่วมกันกับมีนที่กลายมาเป็นหนึ่งในครูฝึกหัดเช่นกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปพิงกายกับขอบประตูเพื่อพูดคุยกับแม่นักแสดงดาวรุ่งอย่างโชษิตา


    ช่วงนี้พักงั้นหรือ?  


    เรียกว่าช่วงเรียนรู้ดีกว่า” หญิงสาวร่างเล็กตอบ เดี๋ยวเดือนหน้าก็เริ่มถ่ายใหม่แล้ว ต่างจังหวัดเสียด้วยสิ


    แล้วทำไมทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากเลยล่ะ


    โชษิตาเป่าลมออกจากปากอย่างคิดหนัก ฉันต้องไปที่เมืองนคร


    ร่างสูงโปร่งชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าเธอเพิ่งจะได้ยินข่าวคราวที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมามาไม่นานนี้เอง


    แต่ ตรงนั้นมันเพิ่งมีข่าวปล้นไปไม่ใช่หรือ?


    ฉันปฏิเสธผู้กำกับได้ที่ไหน เพราะอย่างนั้นก็เลยยังหนักใจอยู่ไงล่ะ” ร่างเล็กมีสีหน้าคิดไม่ตก ทางนั้นเขาก็กำลังวุ่นวายที่จะหาคนไปคอยดูแลไม่ให้เกิดเรื่องทำนองนั้นอยู่


    จิลลาภัทรนิ่งราวกับใช้ความคิดไปเล็กน้อย แล้วจึงค่อยๆ เผยรอยยิ้มชอบใจออกมาให้อีกคนได้เห็น


    ถ้าอย่างนั้นฉันแนะนำใครคนหนึ่งที่เหมาะสมจะคอยดูแลเธอและทีมงานให้ เอาไหม?


                เด็กๆ หลายคนอยู่ในขั้นพื้นฐาน แน่นอนว่าเมื่อมีเวลาว่างสรภัสจะตรงมาที่นี่เพื่อทำการเรียนการสอนด้วยตัวเอง แต่มันก็เริ่มใช้พลังงานมากขึ้นเมื่อมีคนสนใจเข้ามาเรื่อยๆ ช่วงสัปดาห์แรกๆ เธอกลับถึงวังก็แทบจะหลับในทันที แต่หลังๆ เมื่อมีคณะแสดงละครรำเก่ากับมีนมาคอยช่วย หญิงสาวก็พอจะได้พักหายใจหายคอ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้บ้าง 


    พี่ภัส


    เสียงของมีนที่หายไปด้านนอกเพราะได้ยินว่ามีคนมาสนใจที่จะเรียนละครรำดังขึ้น ทำให้สรภัสละสายตาออกมาจากบรรดาเด็กๆ ที่กำลังตั้งวงอยู่


    “…ตายศ 

    ครู


    หญิงสาวเดินตรงออกไปหาเขา เด็กหนุ่มที่เธอเคยสอนเขาร่ายรำตอนอยู่ที่บ้านไพรวัน นักเรียนคนแรกในชีวิตที่เอ่ยปากเรียกเธอว่าครู เขาอยู่ในเสื้อคอปกสีเขียวแก่กับกางเกงสีกากี เพียงไม่นานแต่ก็ดูห่างหายไปมากพอที่จะทำให้เธอสังเกตว่าเขาดูสุขุมและเติบโตขึ้น ผิวพรรณที่ดูจะกร้านขั้นทำให้เขาดูเข้าใกล้กับคำว่าชายหนุ่มเข้าไปเต็มที


    เป็นยังไงมายังไงเนี่ย


    เธอจับตัวเขาอย่างโล่งอกและดีใจนักที่ได้พบกันอีกครั้ง เขาบอกเธอหลายๆ อย่างตั้งแต่วันที่ถูกเจ้าหนี้มาตามจนต้องย้ายถิ่นมาอาศัยไม่เป็นที่เป็นทางในพระนคร แล้วก็ช่วงเวลาที่ทำงานพร้อมกันเพื่อมาหาค่าใช้จ่ายจนปลดหนี้ก้อนสุดท้ายได้หมด วันนี้เขาจึงเดินทางมาที่นี่ เพราะได้อ่านข่าวของการเปิดตัวโรงเรียนแห่งนี้นี่เอง


    ในที่สุดแม่ก็เข้าใจแล้ว แม่ยอมให้ผมเรียนกับครูต่อแล้วนะครับเด็กหนุ่มกล่าวด้วยประกายดวงตาแห่งความสุข สรภัสเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีไปกับเขาด้วยเช่นกันที่เห็นว่าเขาได้ทำในสิ่งที่รักเสียที


    ดีแล้วล่ะ” เธอกล่าว ดีแล้ว

     

     




     

    ยามค่ำคืนที่เงียบสงบเยือนมาถึง สรภัสในชุดคลุมสำหรับนอนนั้นกำลังบรรจงใช้หวีจัดการเส้นผมของตัวเองด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก เพราะนี่เป็นค่ำคืนแรกที่เธอได้ย้ายข้าวของที่อยู่ในห้องนอนอื่นมาตลอดหนึ่งเดือนนั้นมาที่ห้องของคุณหญิงจิลลาภัทรทั้งหมด หญิงสาวเองก็เหลือบมองคนที่เอนหลังอ่านหนังสืออยู่บนที่นอนเป็นระยะ น่าแปลกที่ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนจนถึงยามเข้าห้องนอน หล่อนก็ทำท่าเหมือนไม่สนใจเธอเลยแม้แต่นิด


    ร่างบางสูดหายใจเข้าลึก แล้วจึงค่อยๆ ย้ายตัวเองไปนั่งตรงพื้นที่ข้างๆ คนตัวสูงที่สายตาก็ยังจับจ้องบนหนังสือไม่ไปไหน คุณหญิง ไม่ดื่มชาสักหน่อยหรือคะ


    หล่อนไม่ตอบ มีเพียงแค่เสียงของการพลิกกระดาษในมือเท่านั้นที่ยิ่งทำให้ใจของสรภัสรู้สึกไม่ดี


    ภัสทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ?

    “….”

    โกรธเรื่องเมื่อเช้าใช่ไหมคะ


    ในที่สุดจิลลาภัทรก็ต้องเหลือบสายตามอง ฉันดูไม่มีเหตุผลขนาดนั้นเลยหรือ


    พอได้ยินคำตอบที่จะโกรธก็ไม่ใช่จะสุขุมก็ไม่เชิง หญิงสาวก็เผลออมลมจนแก้มเนียนนั้นป่องขึ้นมาอย่างเด็กที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร สรภัสจึงขยับตัวด้วยการนั่งพิงหลังกับหมอนใบใหญ่เหมือนเจ้าตัว แล้วตบลงเบาๆ ที่หน้าตักของตัวเอง


    อ่านอย่างนั้นไม่สบายตา ขยับมาตรงนี้มั้ยคะ


    จิลลาภัทรเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่อ่านได้ยากยิ่ง ราวกับจะชั่งใจว่าจะโต้ตอบเช่นไรดีอยู่นานจนหญิงสาวที่เอ่ยปากบอกนั้นถึงกับทำสีหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะ แต่แล้วร่างสูงโปร่งก็ปิดหนังสือลงแล้วเอนศีรษะลงบนตักของอีกคนโดยที่ไม่ได้พูดอะไร


    สรภัสลอบถอนหายใจน้อยๆ เมื่อเห็นว่าหล่อนยังคงเออออตามคำของเธอบ้าง ระหว่างที่มีหนังสือคั่นกลางระหว่างเธอกับคุณหญิง ร่างบางก็ลอบยิ้มออกมาน้อยๆ พลางลูบศีรษะคนอายุน้อยกว่าอย่างเบามือ


    เวลาผ่านไปได้ไม่นานนัก หนังสือเล่มที่คั่นกลางอยู่ก็ค่อยๆ ปิดลงด้วยน้ำมือของคนที่อ่านมัน ดวงตาคู่สวยของร่างสูงโปร่งนั้นค่อยๆ เหลือบมองใบหน้าของอีกคนผ่านสันหนังสือก่อนจะสบเข้ากับดวงตาเป็นประกายที่มองลงมาอย่างใจเย็น


    ทำไมนะ

    “?” 

    ทำไมแค่มองหน้าหล่อน ฉันก็กลับมาเป็นปกติทุกอย่างเลย


    ขอโทษนะคะ เรื่องเมื่อเช้า..” สรภัสตอบด้วยใบหน้ารู้สึกผิด “…ที่จริงแล้วภัสเองก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่วันนี้มาถึง แต่ ที่ตรงนั้นมันน่าอายเกินไปน่ะค่ะ


    ฟังน้ำเสียงรู้สึกผิดที่ปะปนไปด้วยอาการเขินอาย จิลลาภัทรก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แล้วจับมือบางที่กำลังลูบเส้นผมของตัวเองอย่างชอบใจขึ้นมากอบกุม


    หล่อนอึดอัดใจหรือเปล่า


    “…คุณหญิงหมายถึงเรื่องอะไรหรือคะ


    ดวงคู่สวยนั้นมองเข้าไปยังคู่สนทนาราวกับจะตามหาอะไรบางอย่าง


    ก็การที่หล่อนเป็นผู้หญิงของฉันเป็นดอกไม้ของฉันที่นี่


    สรภัสมองอีกฝ่ายคล้ายกับจะวิ่งไล่ตามสิ่งที่หล่อนกำลังตามหา เธอคลายยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะตอบคนที่นอนอยู่ไป  


    การที่เป็นดอกไม้ของคนที่ใส่ใจสวนดอกไม้เป็นพิเศษขนาดนั้น ภัสว่าก็ไม่ได้แย่อะไรนะคะคล้ายกับจะเอ่ยถึงสวนในบ้านพักตากอากาศส่วนตัวของหล่อน แต่ดวงตาของหญิงสาวนั้นกลับจับจ้องมาราวกับจะสื่อสารกันอย่างรู้ใจ 


    ฉันมีบางอย่างจะให้


    จู่ๆ คนที่นอนอยู่บนตักก็ยันกายของตัวเองขึ้น จิลลาภัทรใช้แขนข้างหนึ่งยันกายตัวเองไว้ ก่อนที่อีกข้างนั้นจะเอื้อมผ่านตัวคนที่มีสีหน้าสงสัยอยู่ไปยังโต๊ะตัวเล็กตรงมุมที่นอน ร่างสูงโปร่งใช้เวลาไม่มากนักเพื่อหยิบบางสิ่งออกมา แล้ววางมันลงที่ตรงหน้าของคนตัวบาง


    สรภัสมีสีหน้าหลากหลายอารมณ์เมื่อเห็นกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มถูกวางเอาไว้ตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะหวังหรือคิดอะไรในตอนนี้ได้ทั้งนั้น จนกระทั่งร่างสูงนั้นเปิดมันขึ้นซึ่งเผยให้เห็นวงแหวนเล็กสีเงินประดับด้วยเพชรอันพอดีสัดส่วนของมันแล้วเอ่ยปากกับเธอ


    ฉันจะไม่ทำให้หล่อนต้องกลายเป็นแค่ดอกไม้ชั่วคราว หรืออะไรก็ตามที่สังคมพยายามจะยัดเยียดให้เรา” จิลลาภัทรพูด


    ฉันจะดูแลหล่อน มอบความรักและทุกอย่างให้เพื่อล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ของเรา ดั่งเช่นที่หยาดฝนนั้นล่อเลี้ยงต้นไม้ให้เติบใหญ่


    “…” 


    หล่อนจะเป็นหัวใจ ลมหายใจ ดอกไม้ และดวงดาวที่ฉันอยากทะนุถนอมที่สุดเสมอ


    ร่างสูงโปร่งนั้นขยับวงแหวนเล็กเข้ามาใกล้พร้อมกับลูบไล้ปลายนิ้วของเธอ


    “…แล้วภัสจะเป็นสิ่งสำคัญเหล่านั้นของจิลได้มั้ย?


    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่สรภัสพูดอะไรไม่ออกเธอรู้เพียงว่าความรู้สึกมากมายที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นกำลังตีตื้นขึ้นมาจนเอ่อล้นจนกลายเป็นน้ำตา แต่ก่อนที่จะปล่อยให้อะไรมันน่าตกใจไปกว่าเก่า หญิงสาวก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มระหว่างที่อดกลั้นไม่ให้น้ำตาน่าอายนั้นไหลลงไปมากกว่านี้


    ค่ะภัสตกลง


    หม่อมราชวงศ์จิลลาภัทรลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเผยรอยยิ้มอบอุ่นจนเห็นรอยลึกข้างแก้ม เมื่อได้คำตอบดังนั้นแล้วจึงบรรจงสวมวงแหวนสีเงินเข้าล้อมรอบเรียวนิ้วนางพร้อมกับที่เธอนั้นสัมผัสหน้าผากมนอย่างรักใคร่ จิลลาภัทรปล่อยให้จมูกของเธอและหล่อนคลอเคลียกันจนอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ ออกมาด้วยความสุข หญิงสาวจึงค่อยกักขังดวงตาคู่สวยเป็นประกายของคนตรงหน้าเอาไว้แล้วบรรจงมอบจูบหวานให้แก่คนในอ้อมแขนอย่างใจนึก


    หากสรภัสเป็นดอกไม้หล่อนก็คงอยากจะกลายร่างเป็นผึ้งเพื่อถลำลึกลงไปในความหวานนั้น แม้กลิ่นกายหอมร่ำดั่งดอกไม้สดจะทำให้ผึ้งตัวน้อยถูกกักขังแต่มันก็เกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ 



    ดั่งนักกวีที่หลงรักในดอกช้องนาง จนทำให้หวนนึกถึงความรักอันแสนหวานของตน

     



    จบตอน #หม่อมราชวงศ์จิลลาภัทร

    ___________________________________________________________________


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×