ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TWICE | OS/SF : #Xslibrary

    ลำดับตอนที่ #11 : [แก้วตาสุมาลี] หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์ : ดอกกาหลง ๒

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 584
      49
      22 ก.ค. 62


     

    เวลาผ่านไปคล้ายกับสายลมที่พัดผ่าน อีกไม่นานการถ่ายทำของเธอก็ลดน้อยลงเต็มทีเพราะการทำงานที่ค่อนข้างไปได้อย่างรวดเร็วเพราะฝีมือของบรรดาทีมงานทุกคน เมื่อการถ่ายทำเหลืออยู่อีกไม่มากนัก ผู้กำกับหนุ่มก็เอ่ยปากบอกให้วันนี้กลายเป็นวันพักของทุกคนได้



    หญิงสาวเจ้าของผิวขาวราวน้ำนมยืนยืดเส้นยืดสายอยู่หน้าประตูห้องนอนหลังจากใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการพักสายตาไปก่อนหน้านี้ ลมที่พัดผะแผ่วกับแดดอ่อนๆ ทำให้มันเป็นวันที่เหมาะสมแก่การพักผ่อนมากทีเดียว ก่อนที่สายตาจะมองไปเห็นคนอาศัยอยู่ร่วมเรือนไม้เดียวกัน นั่งจดจ้องสมาธิของตนเองไปยังกระดานวาดรูปขนาดเล็กที่เธอเองก็ไม่แน่ใจนักว่าหล่อนพกพามันมาที่นี่ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่อยู่บนพื้นดินข้างล่าง แต่พอเห็นสีหน้าที่จริงจังและมีความสุขในสิ่งที่ทำของอีกฝ่ายดี ดารารินทร์ก็อดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะเธอไม่ได้คาดคิดเลยว่านักแสดงดาวรุ่งอย่างหล่อนจะมีฝีมือทางด้านนี้ด้วยเหมือนกัน



    คุณรดา



    แต่พอกำลังจะก้าวลงจากบันไดชานบ้าน ร่างของหญิงสาวบอบบางในชุดที่ดูโดดเด่นกว่าชาวไร่ชาวสวนทั่วไปแต่ก็คงไว้ด้วยความเรียบร้อยนั้นยืนรออยู่ตรงทางขึ้นบันไดอยู่ก่อนแล้ว หล่อนคือลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านเจ้าของไร่มนธา ดวงหน้าใสประดับด้วยดวงตาที่หรี่ลงอย่างมีความสุขเมื่อเห็นว่าเธอหันมองหล่อนตามคำ




    คุณยิ้ม มีอะไรให้ช่วยหรือคะ” ดารารินทร์ยิ้มรับอย่างสุภาพ เพราะหล่อนเองก็เป็นคนจัดการดูแลข้าวปลาอาหารให้พวกเธอทุกคนมาตลอดตั้งแต่วันแรกของการถ่ายทำ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ตัวเธอจะผูกมิตรกับคนที่มีน้ำใจเหลือล้นขนาดนี้ คุณยิ้มเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้าน แต่บางอากัปกิริยาก็เหมือนหล่อนได้รับการสั่งสอนมาจากในพระนคร ยิ่งเสริมให้หล่อนดูมีความสุภาพเรียบร้อยน่ามองแตกต่างจากหญิงสาวคนอื่นๆ ที่พบเจอระหว่างทาง  




    ไม่มีหรอกค่ะ แต่ว่า ยิ้มมีของมาให้” หญิงสาวก้าวเข้ามาใกล้ แล้วจึงยื่นมือที่มีเม้าท์ออร์แกนแบบพลาสติกอยู่ข้างหลังนั้นมาหาเธอ



     ได้ยินว่าคุณรดาเล่นดนตรีเก่ง ฉันไปตลาดในเมืองแล้วเห็นว่า ถ้าคุณรดาเล่นมันได้ระหว่างที่อยู่ที่นี่ น่าจะแก้เบื่อได้บ้างน่ะค่ะ



    ดารารินทร์เบิกตาขึ้นน้อยๆ อย่างประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าที่นอกพระนครจะมีเครื่องดนตรีแบบนี้ขายตามตลาด ถึงแม้จะทำขึ้นจากพลาสติก แต่หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงราคาที่อีกฝ่ายซื้อมันมาให้เธอ



    ขอบคุณมากนะคะ จริงๆ ไม่ต้องก็ได้ ซื้อมาให้แบบนี้..มันจะเปลืองงบคุณยิ้มเปล่าๆ นะคะ



    หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็หลุบตาลงอย่างไม่ปิดบังไม่เปลืองหรอกค่ะ ยิ้มตั้งใจให้คุณ



    ความดีใจของหล่อนถูกแสดงออกออกมาอย่างนั้น แน่นอนว่าผู้ที่อยู่ไม่ไกลกันอย่างโชษิตาได้ยินและจับความรู้สึกของหญิงสาวเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนหล่อนจะปกปิดความเขินอายของตัวเอง แต่ก็ทำให้น่ามองอย่างเป็นธรรมชาติ ร่างบางสังเกตท่าทางเหล่านั้นอยู่เงียบๆ ระหว่างละสายตาจากภาพวาดวิวทิวทัศน์ตรงหน้า



    หากเป็นใครมาเห็นแบบนั้นก็คงอดเอ็นดูหล่อนไม่ได้หรอกนะ



    โชษิตาจ้องมองคนทั้งสองเป็นระยะจนกระทั่งหญิงสาวเจ้าของบ้านจากไป และคนรู้จักคุ้นเคยนั้นทำท่าจะเดินกลับมายังทิศทางของเธอ 



    ดารารินทร์นึกสงสัยในใจก่อนจะก้าวเดิน เมื่อครู่เธอว่าตนเองไม่ได้ตาฝาดหรือแดดส่องจนเผลอเห็นไปว่าคนอายุน้อยกว่าที่นั่งอยู่ตรงนั้นมองมาใช่ไหม?



    น้องโชวาดอะไรอยู่หรือคะ



    ก็ทั่วไปค่ะ ธรรมชาติ ดอกไม้นั่นแหละ” หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่ติดห้วนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองอะไรให้เห็น หญิงสาวเองก็ยังไม่อยากจะเย้าแหย่อะไรเสือตัวน้อยมากนัก จึงได้ค่อยๆ เอ่ยปากชวนเชิญให้เจ้าของดวงหน้าคมนั้นสนอกสนใจกันขึ้นมา 



    “…งั้นอยากไปชมไร่ด้วยกันไหมคะ



    เพราะเห็นเจ้าตัวกำลังสร้างสรรค์ทิวทัศน์ในไร่มนธา หล่อนจึงน่าจะสนใจพื้นที่โดยรอบมากกว่าที่จะเห็นอยู่แค่ในบริเวณที่พักของเรา และมันก็เป็นเช่นนั้น เมื่อหล่อนหยุดชะงักมือที่ประคองทั้งพู่กันและจานที่เปื้อนสีลง



    หมายถึงทั่วทั้งไร่น่ะหรือคะ


    พี่ได้ยินจากเด็กๆ ว่าที่ไร่มีให้ขี่ม้าชมด้วย” เธอเอ่ยถามขณะที่เรียวคิ้วนั้นขยับขึ้นอย่างเชิญชวนตามนิสัยตัวเอง ไปด้วยกันไหมคะ?



    โชษิตามองท่าทางนั้นด้วยความรู้สึกประหลาด ไม่แปลกใจเลยหากหล่อนจะเป็นหนึ่งในดอกไม้แห่งวังทัตพงศ์มาลีที่มีบรรดาผึ้งน้อยมาหลงเสน่ห์มากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นโชษิตาก็พยายามข่มใจที่จะให้รู้สึกรู้สากับมัน เพราะเธอหาใช่บรรดาแมลงพวกนั้นที่จะหลงกลกับท่าทางที่เข้าถึงง่ายของหล่อนอย่างง่ายดายเสียหน่อย



    คุณรดา คุณรดาครับ



    ไม่ทันที่การตกลงจะได้เกิดขึ้น เสียงของชาวสวนผู้หนึ่งที่วิ่งมาจากบ้านของผู้ใหญ่นั้นทำให้เจ้าของชื่อจำต้องละบทสนทนาของตัวเองไป เพราะสีหน้าที่ค่อนข้างจะลำบากใจและเป็นกังวล 



    มีอะไรหรือคะ?



    คือ มีรถของคุณผู้หญิงท่านหนึ่งมาจอดที่ด้านหน้าไร่..กระผมยังไม่ให้เข้ามา แต่เธอยืนยันว่ารู้จักกับคุณรดาครับ



    ใช้เวลาไม่นานนักจากตัวบ้านพักมาถึงด้านหน้าทางเข้าเล็กๆ ดารารินทร์พาร่างตัวเองจากท้ายกระบะของรถขนผักที่คนงานชายคนนั้นเป็นคนพามา เรียวคิ้วบนใบหน้าขาวราวน้ำนมขมวดเข้าหากันเพราะไม่แน่ใจนักว่ารถยนต์คลาสสิคสีแดงจัดจ้านนั้นเป็นของคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน



    กระทั่งเห็นร่างบอบบางในชุดกระโปรงเข้ารูปชวนมอง หญิงสาวนั้นยืนอยู่ข้างรถสีแดงไม่ห่างกันพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบหนึ่งด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ทว่าก็ยังมองเห็นความมั่นอกมั่นใจมาจากตัวของหล่อนเองเพราะการที่เป็นถึงอดีตนักแสดงผู้มากฝีมือ



    พี่มน?



    ดารารินทร์เอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกมาอย่างไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง มนต์นภาที่ควรจะอยู่ที่พระนครและไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่กลับมาปรากฏกายที่ด้านหน้าของไร่มนธาเสียอย่างนั้นไป



    รดา!” เมื่อเห็นเธอสีหน้าไม่สบอารมณ์ของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ หล่อนตรงเข้ามาหาด้วยท่าทางดีอกดีใจและสอดแขนได้รูปนั้นเข้ามาคล้องกันอย่างเคยชิน



     “คิดถึงจังเลยค่ะ ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนานเลย



    หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์รู้สึกจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ออก หล่อนเป็นคนรู้จักกันอย่างที่คนงานคนนั้นบอกกล่าว เพียงแต่ความ คุ้นเคยที่เคยมีต่อกันนั้นมันมากกว่าญาติพี่น้องหรือสหายทั่วไป มนต์นภาในตอนนั้นเป็นคนสวยและบริหารเสน่ห์เก่ง บรรดาชายและหญิงในร้านชาลิสารู้ดีว่าหล่อนเป็นถึงนักแสดงมากฝีมือที่ระยะหลังมานี้ไม่ได้มีผลงานอะไรใหม่ๆ แต่กระนั้นผลงานที่เคยทำมาก็ทำให้หล่อนพอจะมีหน้ามีตาในสังคมและเป็นที่เกรงใจของผู้กำกับอยู่ไม่มากก็น้อย  



    แล้วทำไมตอนนั้นเธอถึงจะไม่สนอกสนใจหล่อนที่โดดเด่นที่สุดในร้านกันเล่า จริงมั้ย



    คือ..พี่มนมาที่นี่ได้ยังไง? แล้วทำไมหารดาเจอล่ะ?


    กี่อาทิตย์มาแล้วคะที่พี่ติดต่อรดาไม่ได้ ก็เลยต้องไปเค้นถามจากเพื่อนของรดาเอานั่นแหละ



    มองหญิงสาวกล่าวด้วยท่าทีกระเง้ากระงอด ดารารินทร์ก็รับรู้ว่าตัวเธอนั้นคงต้องพบกับปัญหาใหญ่เสียแล้ว เพื่อนทั้งสองที่อยู่พระนครในตอนนี้ก็รู้ทั้งรู้ว่าเธอพยายามตีตัวออกห่างหล่อนที่เริ่มจะแสดงอาการเจ้าข้าวเจ้าของและทำตัวไม่ดีมาเป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าต้องการจะกลั่นแกล้งกันหรืออย่างไร ถึงได้บอกที่อยู่ให้หล่อนตามมาถึงที่นี่ได้



    “..พอดีรดาค่อนข้างยุ่งน่ะค่ะก็เลยไม่ได้ติดต่อไป ไว้จะติดต่อกลับไปหานะคะดารารินทร์บอกปัดพร้อมกับค่อยๆ จัดแจงให้เรียวแขนนั้นเคลื่อนออกจากตัว รดาว่าพี่มนกลับก่อนดีกว่า กว่าจะถึงพระนครคงมืดค่ำน่าดู



    หล่อนมองมาที่เธอด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินอย่างนั้นใครบอกว่าพี่เจอรดาแล้วจะกลับกันล่ะคะ?


    “…หา?








     

    สุดท้ายแล้วเมื่อมีคนมาเพิ่มอีกหนึ่งคน ผู้ใหญ่บ้านจึงได้จัดแจงเรือนพักเล็กๆ อีกหลังให้กับหล่อนอาศัยอยู่ไม่ห่างกันมากนักเพราะเรือนถูกจับจองไปเกือบหมด ครอบครัวชาวสวนแม่ลูกที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นจึงจำต้องย้ายออกไปเพื่อให้เป็นห้องว่างแก่หญิงสาวแทน ดารารินทร์จึงต้องขอโทษขอโพยที่ทำให้พวกเขาต้องลำบากใจต่างจากมนต์นภาที่ออกจะไม่พอใจด้วยซ้ำที่ตัวหล่อนได้ห้องนอนที่สกปรกและคับแคบแบบนี้



    ใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าจะปลีกตัวออกมาจากห้องนอนของหญิงสาวได้อย่างปลอดภัย ดารารินทร์ใช้พลังงานไปกับการช่วยจัดแจงข้าวของและป้องกันตัวเองจากมือปลาไหลของหล่อนจนเกือบจะหมด พอคิดว่าจะเดินกลับไปที่ห้องพักเพื่อให้หายเหนื่อยเอาแรง ก็บังเอิญกับที่ดวงตาเรียวคู่เล็กนั้นมองเห็นร่างของเสือตัวน้อยกำลังจะเดินไปยังทิศทางของโรงเลี้ยงม้าที่เธอเคยพูดถึงไว้ก่อนหน้าพอดี



    น้องโช จะไปขี่ม้าหรือคะ



    เอ่ยถามในทันทีที่พาร่างของตนเองไปหยุดยืนอยู่ข้างกายของคนอ่อนกว่า ซึ่งหล่อนเองก็ปรายตามองเธอมาด้วยความเรียบสงบก่อนจะเอ่ยปากตอบราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร


    ใช่สิคะ


    งั้นพี่ไปด้วยค่ะ


    โชษิตาเลิกคิ้วใส่คนข้างกาย จะไม่เหนื่อยเอาหรือคะ เพิ่งจะช่วยเพื่อนจัดห้องเสร็จไม่ใช่หรือ


    ดารารินทร์รีบตอบด้วยรอยยิ้มและท่าทางสดชื่น ได้ไปขี่ม้ากับน้องโช จะไปเหนื่อยได้อย่างไรกันคะ

     




    ตรงนั้นเป็นบ่อเลี้ยงปลาน่ะครับ แต่ไม่กว้างมากนัก เพราะพื้นที่เรายังไม่เยอะ



    เสียงของชายหนุ่มผู้มีสถานภาพเป็นบุตรชายของผู้ใหญ่บ้านลอยเข้าหูเป็นระยะเมื่อเจ้าสัตว์สี่ขาเคลื่อนตัวไปรอบๆ บริเวณทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อครู่ของหม่อมราชวงศ์ดารารินทร์เลือนหายไปราวกับเม็ดฝนที่จางเพราะแดดออก ใบหน้าขาวนิ่งเฉยไม่ได้รู้สึกมีความสุขหรืออภิรมย์เหมือนคราแรก มันกลับทดแทนด้วยความขุ่นเคืองและน่าเบื่อมาตั้งแต่ที่เขาช่วยให้คนอายุน้อยกว่าเธอขึ้นม้ามาตั้งนานแล้ว



    ไม่ต้องเกร็งนะครับ มันไม่ค่อยได้ออกจากโรงม้าเลยอาจจะตื่นเต้นไปบ้าง” เขาหันไปบอกหญิงสาวที่อยู่บนม้าอีกตัวด้วยน้ำเสียงห่วงใย



    ถ้าคุณไม้ว่าอย่างนั้น โชจะพยายามไม่ตื่นเต้นแล้วกันนะคะ” โชษิตาตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนกังวล 



    ตัวนั้นก็เหมือนกันนะครับ คุณรดาบังคับได้เก่งมากเลย


    ก่อนที่เขาจะหันมาสนใจเธอที่อยู่ข้างหลังสุดราวกับเป็นมารยาท


    พอดีว่าเคยเรียนขี่ม้าน่ะค่ะ



    ตอบออกไปด้วยรอยยิ้มที่มีไม่ถึงดวงตามากนัก ระหว่างทางที่เธอเองก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีทักษะมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการทรงตัวหรือจัดวางร่างกาย ล้วนแล้วแต่ได้รับการฝึกปรือมาจากงานอดิเรกของตัวเอง



    ม้าทั้งสามตัวมาถึงบริเวณไร่ที่ถูกตัดเตียนเป็นระดับเพื่อให้ง่ายแก่การเก็บเกี่ยว จากตรงนี้ทำให้ทั้งสามคนมองเห็นอาณาเขตทั้งหมดของไร่มนธาที่เต็มไปด้วยผลและพรรณไม้นานาชนิด บวกกับลมสบายและแดดอ่อนๆ ของช่วงเย็น ทำให้โชษิตาได้ใช้เวลาเก็บเกี่ยวภาพทิวทัศน์เหล่านั้นเอาไว้ไม่วางตา



    ชายหนุ่มหันมายิ้มให้กับเธออย่างภูมิใจ เป็นอย่างไรครับ หวังว่าไร่ของพ่อผมจะไม่ทำให้คุณโชผิดหวังนะ


    หญิงสาวส่ายหน้า โชว่า ถ้าในอนาคตข้างหน้ามีผู้ใหญ่ที่ไหนมาเห็น คงจะได้กลายเป็นแหล่งงานสำคัญของชาวบ้านและชาวสวนที่นี่แน่เลยแหละค่ะ



    คงไม่ขนาดนั้นหรอกครับ นี่แค่กองถ่ายของคุณโชเลือกไร่ของเรา พ่อของผมก็คุยไปทั้งอำเภอแล้ว



    บทสนทนาของทั้งสองเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะต่อมาหลังจากนั้น จริงอยู่ที่หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์รู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ารอยยิ้มของหล่อนทำให้เธอรู้สึกดีอย่างไร รอยบุ๋มข้างแก้มลึกยิ่งเสริมให้เสือน้อยดูเหมือนเด็กที่กำลังมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้า หรือไม่ก็เพราะวันนี้ทั้งวันยังไม่ได้เห็นมันสักครั้งกระมัง ดารารินทร์ถึงรู้สึกว่าตนเองละสายตาจากมันได้ยากเหลือเกิน



    คือว่า..คุณโชครับ” เสียงที่ชายหนุ่มเอ่ยเรียกทำให้โชษิตาละสายตาจากทิวทัศน์ด้านหน้ามามอง และพอเห็นสีหน้าจริงจังระคนอ้ำอึ้งของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงว่ามีเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า



    เดี๋ยวมะรืนนี้จะมีงานเก็บเกี่ยวแถวๆ ใกล้กับตัวเมือง คุณโชกับทีมงาน..จะไปด้วยกันไหมครับ



    ราวกับยกหินออกจากอก สีหน้าของชายหนุ่มผ่อนคลายลงในทันทีที่กล่าวออกไปเช่นนั้น มันจึงทำให้โชษิตาพอจะเข้าใจความคิดของเขาได้บ้าง แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับออกไป



    น่าสนใจดีจังเลยค่ะ


    นายน้อย ผู้ใหญ่ให้มาตามครับ ประจวบกันกับที่ชายหนุ่มกำลังยินดีกับประโยคที่ได้ฟัง คนงานคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหา ชายหนุ่มจึงจำต้องขอตัวไปจากตรงนี้และฝากฝังให้หญิงสาวทั้งสองเลือกได้ว่าจะเอาม้าไปเก็บหรือเที่ยวชมต่อก็ตามสบาย



    โชษิตาปรายตามองคนทางด้านหลังซึ่งบัดนี้ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน อันที่จริงเธอก็สังเกตอาการของคุณหญิงดารารินทร์มาได้สักพัก สีหน้าอันมีความมั่นใจในตอนแรกที่ร้องขอจะมาขี่ม้าเล่นด้วยกันเลือนหายไปแทบจะทันทีที่คุณไม้ หรือลูกชายของผู้ใหญ่บ้านอาสาจะพาเที่ยวชมรอบๆ ไร่มนธาด้วยตัวเอง



    ทำเหมือนกับเด็กเล็กที่อยากจะอวดสิ่งของอย่างไงอย่างงั้น


    มีด้านแบบนี้ด้วยสินะ


    ไม่สนุกหรือคะพี่หญิง



    ดารารินทร์รู้สึกถึงน้ำเสียงหยอกเย้าของหญิงสาวที่เคลื่อนบังเหียนเข้ามาใกล้ ก่อนจะตอบออกไปด้วยท่าทีราวกับไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยจริงๆ 


    จริงๆ ก็เพิ่งรู้แหละค่ะว่าการชมนกชมไม้มันก็ไม่ได้อภิรมย์เท่าไหร่






     ม้าสีน้ำตาลสองตัวเดินนวยนาดกลับมาถึงคอกของมันเมื่อผู้บังคับตัดสินใจจะกลับเข้าที่พักของตัวเอง หญิงสาวผิวขาวราวน้ำนมลงจากอานม้าโดยไม่ลังเลตามความเคยชินก่อนจะผูกเชือกคล้องเก็บให้เข้าที่แล้วหันมองใครอีกคนที่ดูเหมือนว่ากำลังจะมีปัญหาเสียแล้ว



    ให้พี่ช่วยไหมคะ



    ร่างเล็กส่ายหน้าก่อนจะพยายามก้าวลงที่ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยตลอดเวลา ไม่เป็นไรค่ะ โชว่าคุ้นกันแล้วล่ะ



    และเหมือนเจ้าม้าตัวนี้จะรับรู้ถึงความกังวลใจของเธอ มันถึงได้เริ่มขยับเท้าหลังอีกครั้งราวกับจะกลั่นแกล้งและตัดความรำคาญเพราะการเคลื่อนไหวที่ชักช้าลง ส่งผลให้โชษิตาที่ยังทรงตัวไม่ได้ดีกำลังจะผลัดตกลงมา



    ระวังค่ะ-!”



    สิ้นเสียงร้องของคนอายุมากกว่าและแรงกระแทกที่ควรจะเกิดขึ้น โชษิตาค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อความกลัวเมื่อครู่นั้นเข้ามาเล่นงาน ก่อนที่เธอจะพบว่าคนที่อยู่ใต้ล่างและนอนบนกองหญ้าแทนเธอคือคุณหญิงดารารินทร์



    ขณะเดียวกันที่ความจุกแล่นเข้าใส่จนต้องครวญออกมาเบาๆ ดารารินทร์ก็ค่อยมองตรวจดูว่าไม่มีร่องรอยบาดแผลใดให้น่าเป็นห่วงบนร่างกายของคนที่เธอเอาตัวเข้าไปโอบรับ ก่อนจะไม่อาจเคลื่อนสายตาไปไหนได้อีกเมื่อพบว่าหล่อนเองก็จ้องมองกลับมาด้วยความรู้สึกที่อ่านไม่ออก ดวงตาสีเข้มที่มักจะแสดงความถือตัวและมั่นอกมั่นใจในเวลานี้ราวกับว่าได้เลือนหายไป หลงเหลือเพียงแค่เด็กสาวเยาว์วัยที่ไม่รู้ว่าตนควรทำอย่างไรจนใครก็ตามต้องนึกเอ็นดู



    พี่รดา..” หญิงสาวเป็นฝ่ายเอ่ยปากเมื่อดวงตาคู่เล็กตรงหน้านั้นเอาแต่จับจ้องใบหน้าของเธอไม่ไปไหน ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ข้างในโดยที่เธอไม่สามารถอ่านมันออกได้เลย คือ โช..ลุกไม่ได้ค่ะ



    เพราะแขนที่เข้ามาคว้าตัวเอาไว้เป็นดั่งเชือกที่รั้งให้กายคนสองคนแนบสนิท ทำให้โชษิตาไม่อาจเคลื่อนกายออกได้อย่างที่ใจต้องทำ แต่แค่ได้ยินดังนั้น หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์ก็กลับหัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับชอบใจเหลือเกินที่เห็นว่าเธอพลาดท่าง่ายๆ แบบนี้ 



    ไหนน้องโชบอกว่า..คุ้นกันแล้วไงคะ



    ไม่รู้ว่าเพราะความหมายที่กำกวมหรือดวงตาที่ทอประกายกรุ้มกริ่ม โชษิตาถึงได้รู้ตัวว่าแท้จริงแล้วเพราะเธอพลาดท่าต่อหล่อนไปต่างหากอีกฝ่ายถึงได้มัวแต่หัวเราะชอบใจและไม่ยอมแม้แต่จะลดมือลง พอรับรู้ถึงความคิดของคนใต้ล่างที่เป็นอันตรายต่อตนเอง เธอก็รีบยันกายออกมาโดยที่เจ้าตัวก็ยินยอมเมื่อเล่นสนุกจนพอใจเสียที



    โชหมายถึงม้าต่างหาก



    กล่าวอย่างนั้นให้คนที่ค่อยๆ ยันตัวขึ้นมานั่งพร้อมกับจับเส้นผมของตนอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งส่งผลให้คนอายุมากกว่าหัวเราะออกมาอย่างชอบใจคนเดียว



    มันคงยังไม่อยากจะกลับเข้าคอก คงเพราะนานๆ ทีจะได้ออกมา ก็เลยดื้อขึ้นมาเลย” ดารารินทร์เปิดปากอธิบายเมื่อหยุดเสียงหัวเราะของตัวเองไว้ได้พอสมควร ก่อนจะมองไปเห็นคนที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่สับสนและไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วจึงนึกอะไรบางอย่างออกมาได้พอดี



    อืมน้องโชจะไม่ช่วยพี่หน่อยหรือคะ


    ได้ยินน้ำเสียงที่ถามขึ้นมาจนเผลอสะดุ้งเล็กน้อย โชษิตาจึงรีบมองไปทั่วกายของอีกฝ่ายเพื่อมองหาบาดแผลที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า


    พี่หญิงรดาเจ็บอะไรหรือไงเล่าคะ ทีตอนล้มในแม่น้ำไม่เห็นจะให้เด็กคนไหนช่วยเลย



    “…แต่พี่ว่าศอกพี่เจ็บนะ



    เธอขยับเรียวคิ้วจนยุ่ง ว่าไงนะคะ?


    หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นกังวล ขณะหมุนข้อมือและศอกของตัวเองเพื่อเช็คสภาพไปมา ข้อมือก็หน่วงๆถ้าพลิกล่ะแย่แน่เลย



    ได้ฟังประโยคเหล่านั้นโชษิตาก็ถึงกับเม้มริมฝีปาก เห็นได้ชัดเลยว่าหล่อนกุอาการพวกนั้นขึ้นมาเองทั้งนั้น ทว่ามันกลับให้ใจของหญิงสาวรู้สึกผิด หากเธอไม่ยื่นมือออกไปให้หล่อนได้สัมผัส โชษิตาก็คงกลายเป็นคนไร้น้ำจิตน้ำใจกันพอดี และแม้จะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งทำขึ้นมา แต่โชษิตาก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ชอบใจมันสักนิดเลย



    ลุกได้แล้วค่ะ



                ได้ยินเสียงที่อ่อนลงพร้อมกับมือที่ยื่นออกมาดารารินทร์ก็อดไม่ได้ที่จะคลายยิ้ม เธอสัมผัสมือของหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะยืนกายขึ้นเต็มความสูง และค่อยยอมปล่อยให้มือเล็กนั้นจากไปหาเจ้าของมันอีกครั้งอย่างนึกเสียดายนัก



    น้องรดา..”



    ประจวบกับที่เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น ดารารินทร์หันไปมองก็พบว่าเป็นหญิงสาวที่เธอเองคิดว่าหล่อนน่าจะหลับอยู่ในห้องพักมากกว่าจะออกมาเดินเล่นรอบๆ ในเวลานี้



    “..พี่มน มาทำอะไรคะ



    มนต์นภาปรายตามองหญิงสาวอีกคนที่อยู่ไม่ไกลนัก ดวงตาคู่สวยแปรเปลี่ยนเป็นแววเรียบนิ่งและเหยียดหยามอยู่ในทีระหว่างที่ก้าวเท้าเข้ามาคว้าเรียวแขนขาวของหม่อมราชวงศ์ดารารินทร์เอาไว้กับตัวราวกับจะประกาศตำแหน่งของตัวเอง



    พี่อยู่ในห้องคนเดียว มันน่าเบื่อ ก็เลยออกมาเดินเล่นน่ะค่ะ…” หล่อนปรายตามองบุคคลที่สาม แต่ตอนที่รดาบอกว่ามาดูแลกองถ่ายก็ไม่คิดนะคะว่าจะมีคุณโชษิตาอยู่ด้วย



    “…”


    คราวนี้รับบทอะไรล่ะคะ? เอ แต่ว่าบทก่อนๆ ที่เป็นชาวบ้านน่ะ พี่ว่าเหมาะกับคุณโชมากเลยนะ



    แน่นอนว่าหญิงสาวเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีนัก โชษิตาไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าหล่อนกำลังกระแหนะกระแหนบทบาทที่เธอเคยรับมาอย่างไร แต่ขณะเดียวกันนั้นก็เพราะไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆ โชษิตาจึงไม่เกรงกลัวที่จะตอบโต้รุ่นพี่ในวงการนักแสดงด้วยสิ่งที่ใครต่อใครก็รับรู้มันมา



    ขอบคุณที่ชื่นชมการแสดงของฉันนะคะ” เธอคลายยิ้ม แต่นักแสดงที่ดีน่ะ ไม่ควรที่จะเลือกบทบาทหรือว่าเลือกงาน แล้วก็เอาเวลาทำงานไปหาความสุขเสียหมด



    ดารารินทร์มองเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแต่ก็ยังคงไว้ด้วยท่าทีที่มั่นใจ หล่อนกล่าวประโยคนั้นทั้งยิ้มไม่เชิงยิ้มแล้วทำท่าจะหันหลังจากไป แต่หญิงสาวเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดในเวลานี้ ด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วงและไม่ดีนัก



    เดี๋ยว..”


    มาจากเส้นสายก็ควรจะระวังปากระวังคำเสียบ้าง เดี๋ยวใครมาได้ยินแล้วเอาไปพูด ระวังจะเป็นดาวดับโดยไม่รู้ตัว



    คนที่ครอบครองแขนอีกข้างของเธอกล่าวขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่ชัดเจน หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์หันมองหล่อนด้วยสายตาตำหนิในทันทีที่ได้ยินคำกล่าว เพราะการที่น้องสาวคนเล็กพาโชษิตาเข้าวงการมาในตอนแรก ไม่ได้หมายความหล่อนไม่มีฝีมือมาเลยอย่างที่เจ้าตัวกำลังพูดจาถากถางในเวลานี้  



    พี่มน


    มนต์นภาหันมองคนที่กำลังส่งสายตาตำหนิเธอ อะไรคะ พี่ก็แค่สอนในฐานะรุ่นพี่ของวงการก็เท่านั้นเอง



    โชษิตาที่หันหลังฟังอยู่นานแล้วรู้สึกถึงเส้นความอดทนที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่กระนั้นเธอก็ยังจะข่มใจ แล้วหันไปตอบด้วยรอยยิ้มไม่ถึงดวงตาอย่างไม่ยอมกันก่อนจะจากไป



    ขอบคุณมากนะคะ..ที่กล้าจะสั่งสอนโชเรื่องมารยาท



    หล่อนเดินจากไปแล้ว ความรู้สึกโหวงใหญ่ที่เข้ามาทักทายทำให้หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์อึดอัดจนไม่กล้าจะสลัดแขนบางที่เกาะกุมตัวเองเอาไว้แล้วตามหลังหล่อนไป เธอได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ และหวังจะตามไปขอโทษหล่อนในภายหลังของวันนี้ 



    ทำแบบนั้นไม่ถูกนะคะพี่มน



    มนต์นภาหายใจฟึดฝัด รดา จะไปใส่ใจคนไม่มีมารยาททำไมคะ เด็กนั่นน่ะก็เป็นซะแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าพวกผู้ใหญ่เห็นอะไรในตัวหล่อน ถึงได้ยังให้โอกาสเสียเหลือเกิน



    หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าให้นิสัยและคำพูดของอีกฝ่าย ขณะที่สุดท้ายแล้วก็ทำได้แค่ยังคงทอดสายตาไปยังทิศทางที่โชษิตาได้เดินจากไปแล้วด้วยความห่วงใย

     

       









    ร่างของชายหนุ่มฉกรรจ์คนหนึ่งเดินเข้าไปในกระท่อมหลังเล็กที่ถูกล้อมรอบด้วยป่าไม้ เขามีท่าทีระมัดระวังและคอยมองไปรอบตัวอยู่ตลอดว่าไร้ซึ่งคนสะกดรอบตาม ก่อนจะผลักบานประตูเข้าไป และย่อตัวลงนั่งอย่างนอบน้อมเพื่อพูดคุยกับชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่อาศัยอยู่ก่อนแล้ว



     พี่โจม เราจะเอายังไงดี อีกเดี๋ยวเสบียงกับยาจะไม่พอคนอื่นแล้ว



    ชายหนุ่มไม่ได้หยุดมือที่กอบกุมผ้าเพื่อทำความสะอาดกระบอกปืนคู่ใจเมื่อได้ยินคำถาม กลับกันแล้วเขานั้นโต้ตอบมันด้วยท่าทางนิ่งสงบด้วยซ้ำไป



    ต้องรอเวลาก่อน ตอนนี้พวกมันยังไม่มีอะไรให้เราเก็บเกี่ยวหรอก



    ชายหนุ่มอีกคนกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวลแต่ร่างกายของไอ้จ้อย จะไม่ไหวแล้วนะพี่


    ยื้อชีวิตมัน” เสือโจมตอบด้วยแววตาเย็นชา เราจะรอจนกว่าพวกชาวบ้านจะจัดงานเก็บเกี่ยว

     

     



    บรรยากาศแบบนี้นี่มันอะไรกันนะ..



    หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์มีคำถามเกิดขึ้นในใจประมาณกี่รอบก็ไม่อาจจำ ทั้งๆ ที่บรรยากาศโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่ทำหน้าที่ของตัวเองให้เดินควักไขว่ และอากาศภายในวันนี้ก็ไม่ได้มืดหม่นเสียจนชวนให้ใจเหงา แต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่าเธอไร้ตัวตน เพราะโชษิตาไม่แม้แต่จะชายสายตามองหรือคุยกันสักครั้งตั้งแต่ย่ำรุ่งของวัน 



     เมื่อคืนนี้เธอไม่มีโอกาสไปพูดคุยกับหล่อนอย่างที่ตั้งใจนัก เพราะกว่าจะปลีกตัวจากมนต์นภาที่กักตัวเธอไว้ที่บ้านของผู้ใหญ่และทีมงานก็ดึกมากเสียจนได้แต่ยืนอยู่หน้าประตูห้องของโชษิตาโดยที่ไม่กล้าจะทำอะไร พอเช้าวันนี้ตั้งใจจะสอบถามอาการ ก็กลับกลายเป็นว่าเธอถูกร่างแหจากผลการกระทำของมนต์นภาเมื่อวานเสียแล้ว  



    รดาคะ น้ำค่ะแม้แต่ในวันนี้คนที่ไม่ถูกกับอากาศร้อนอย่างมนต์นภาก็ยังจะของตามมายังกองถ่ายบริเวณทุ่งนาและน้ำโคลน ถึงอากาศจะไม่ได้ร้อนอะไรมากนัก แต่ดารารินทร์ที่รู้จักหล่อนมานานแล้วรู้ดีว่าแค่นิดๆ หน่อยๆ ที่ไม่ได้ดั่งใจหล่อนก็ทนมันได้ยากเย็น นับประสาอะไรกับจังหวัดนี้ที่ไร้ความสะดวกสบายไม่เหมือนในพระนคร ไม่ใช่ครั้งแรกเลยที่จะเห็นความไม่พอใจบนใบหน้าสวยของหล่อนเอง 



    รดาไม่หิวค่ะ พี่มนดื่มเถอะ



    ตอบออกไปโดยไม่สนใจสีหน้าที่ถูกขัดของหล่อน เพราะดารารินทร์เอาแต่จ้องมองหญิงสาวที่นั่งพักอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่รอเวลาถ่ายทำในฉากต่อไปอย่างนั้นเอง



    ในระหว่างที่ดูเหมือนทุกสายตาจะจับจ้องไปที่เรือนร่างของหญิงสาวในเดรสสีดำที่เปิดให้เห็นเนื้อหนังเพราะเจ้าตัวนั้นบอกว่าใส่มันเพื่อระบายความร้อน เมธาวีก็จับสังเกตถึงบางสิ่งบางอย่างระหว่างคุณหญิงทหารอากาศและเพื่อนสาวของเขาที่กำลังอ่านบทอยู่ได้



    คุณหญิงดูท่าจะเจอปัญหาใหญ่นะชายหนุ่มถามหยั่งเชิง เธอว่าอย่างไรล่ะ



    ฉันต้องมีความเห็นอะไรด้วยหรือโชษิตาเลิกคิ้วตอบอย่างไม่ใส่ใจ



    เขาปรายตามองไปยังหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ในมุมห่างๆ หล่อนคือลูกสาวคนเล็กของผู้ใหญ่บ้านเจ้าของไร่มนธา และกำลังมีสีหน้าไม่สู้ดีนักหลังจากเห็นแม่ดาราที่มีดีแต่ชื่ออยู่ข้างกายคุณหญิงดารารินทร์ไม่ห่างเลย



    ฉันก็ยังเป็นสุภาพบุรุษอยู่นะ ทำไมจะมองไม่ออกกันเล่าว่าสายตาของคุณหญิงดารารินทร์น่ะอึดอัดที่โดนหล่อนกักตัวไว้จะตาย



    เมธาวีถองศอกเข้าใส่ไหล่ให้เจ้าตัวแสดงปฏิกิริยา ไม่ขัดหูขัดตาเลยหรือ



    โชษิตาถอนหายใจออกมาหนักๆ เขารู้จักกันมาก่อน ก็ให้หล่อนจัดการความอึดอัดนั่นเสียเองสิ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเสียหน่อย



    อากัปกิริยาที่ไม่บ่อยนักที่จะได้รับจากเพื่อนสนิททำให้ชายหนุ่มรับรู้ถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของคุณหญิงน่าจะมีผลลกระทบต่อจิตใจของเพื่อนสาวอยู่พอตัว เมธาวีหันมองไปรอบๆ และมองเห็นฝูงควายที่จะต้องนำมาใช้ในฉากถ่ายทำอยู่ไม่ไกล สลับกับสไตล์เสื้อผ้าของมนต์นภาที่ไปไกลกว่ายุคสมัยนี้ด้วยแววตามีเลศนัย



    ดูท่ากองถ่ายเราค่อนข้างจะเหนื่อยกันเสียแล้วจริงๆ สินะ



    โดยที่ไม่มีใครรู้สึกตัวหรือผิดสังเกต เดรสสีดำของมนต์นภาก็ถูกผูกเข้ากับหญ้าสีเขียว เป็นที่ต้องตาต้องใจของสัตว์สี่เท้าขึ้นมาเสียแล้ว



    หึ เหม็นจริงๆ เลยนะ พวกกลิ่นโคลนสาปควาย



    หล่อนกล่าวอย่างนั้นเมื่อเห็นชายคนหนึ่งจูงเชือกเจ้าควายเข้ามา และคอยแนะนำให้หญิงสาวผู้เป็นนักแสดงหญิงฟังถึงการขึ้นขี่มัน



    แบบนั้นครับ ค่อยๆ” 


    โชษิตายิ้มตอบอย่างจริงใจขอบคุณนะคะคุณไม้


    และแน่นอนว่ามันทำให้ดารารินทร์รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย



    เฮ--เฮ้ย เดี๋ยว ไปไหน



    จู่ๆ เสียงของคนงานผู้ควบคุมฝูงควายอยู่บริเวณทุ่งก็ร้องขึ้นเมื่อจู่ๆ พวกมันก็เดินหนีจากมุมใต้ต้นไม้ไปยังทิศทางของกองถ่ายแม้ว่าเขาจะพยายามดึงรั้งมันไว้ก็ตามที ทำให้ทุกคนทั่วบริเวณนั้นต่างพากันมีสีหน้าตกใจและทำอะไรไม่ถูกกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่



     “ว้าย!--อะไรเนี่ย!” มนต์นภาเองก็ร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อจมูกชื้นแฉะของสิ่งมีชีวิตสัมผัสเข้าที่หลังอันเปลือยเปล่าของเจ้าตัว ดารารินทร์มองภาพนั้นอย่างประหลาดใจที่เห็นหญ้าสีสดจำนวนหนึ่งถูกผูกเกี่ยวไว้กับเสื้อผ้าของหล่อน และมันก็ขยับไปตามจังหวะมากขึ้นเมื่อหล่อนเองนั้นพยายามเดินถอยหลังแล้วเตรียมจะวิ่งหนีเจ้าสัตว์สี่เท้า



    พี่มน อย่าวิ่ง--” 


    แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่ได้ยินที่เธอพูดเสียแล้ว


    ออกไปนะ ทำไมมันถึงเดินตามฉันล่ะ!?”



    มองเห็นบรรดาวัวควายวิ่งและเดินเยาะๆ ตามผู้คนไปทั่วจนกองถ่ายทั้งกองวุ่นวาย ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของคนงานก็รีบเอ่ยปากบอกให้คนที่เหลือนั้นได้สติ ช่วยกันวิ่งต้อนควายเข้าคอกกันอย่างชุลมุน 



    อยากใส่ล่อตาเสือสิงห์กระทิงนัก รับความรักไม่หวั่นไม่ไหวเลยเชียวแม้สิ่งที่เกิดกับมนต์นภาจะเหนือความคาดหมายของเมธาวีไปสักนิด แต่ชายหนุ่มก็อดหัวเราะให้กับภาพตลกๆ ที่กำลังเกิดขึ้นเสียไม่ได้ อันที่จริงเขาแค่ตั้งใจอยากให้วัวควายสักตัวเข้ามาทำให้หล่อนดีดดิ้นเล่นๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับเกินคาดขึ้นมาเสียนี่



    ธาวี” โชษิตาเอ็ดถามเมื่อเห็นสีหน้ามีความสุขของเพื่อน เธอก็เลยพอจะเดาได้ว่าเขาคงจะเข้าไปมีส่วนร่วมมาแน่ๆ ทำอะไรของเธอน่ะ



    ชายหนุ่มไหวไหล่นิดๆ หล่อนไม่ขัดหูขัดตาคุณโชษิตา แต่ฉันยอมให้ชุดเดรสนั่นลอยหน้าลอยตาอยู่ตลอดการทำงานไม่ได้หรอก--” 



    และด้วยความผิดพลาดรวมทั้งการพูดจาอย่างมีอรรถรส ทำให้ข้อมือที่คล้องไปด้วยหมอนปักเข็มนั้นกระทบด้านปลายแหลมเข้าที่ผิวหนังของเจ้าควายที่โชษิตานั่งอยู่ ส่งผลให้มันส่งเสียงร้องลั่นและออกวิ่งหนีด้วยความเจ็บจนคนที่นั่งอยู่ตกใจและได้แต่คว้าเชือกบนตัวด้วยความกลัว



    น้องโช!”



    หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์ออกวิ่งตามหลังไปเมื่อเห็นดังนั้น เธอวิ่งลัดเลาะผ่านบริเวณทุ่งโดยไม่คำนึงว่าเท้าจะเปรอะเปื้อนโคลนหรือกิ่งไม้ที่ขวางทางหรือไม่ หญิงสาวเพียงจะหาทางที่เข้าใกล้ทิศทางที่เจ้าควายวิ่งไปให้เร็วที่สุด และเมื่อก้าวข้ามผ่านโคลนมาได้จนใกล้จะถึงตัว ดารารินทร์ก็กระโดดเข้าคว้าตัวคนตัวเล็กให้ลงมาจากบนหลังของมันได้ในที่สุด



    ถึงจะกล้ากระโดดเข้าไปเพราะพื้นด้านล่างเป็นบ่อโคลน แต่กระนั้นมือที่จับไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวเอาไว้ก็ทำให้ดารารินทร์ต้องสอดส่องถามหาอาการของหล่อนอย่างกังวลใจ



    ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ?



    โชษิตาที่เพิ่งจะหายใจเอาอากาศเข้าไปส่ายหน้า แล้วพอเงยหน้าขึ้นมาจะเอ่ยปากขอบคุณคนที่กล่าวถามมาด้วยความกังวล ใบหน้าที่ยังคงตกตกใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะตลกขบขันขึ้นมาเสียไม่ได้



    ดารารินทร์แสดงสีหน้างุนงงในตอนแรก แต่พอเห็นคราบดินคราบโคลนที่เปรอะไปทั่วตัวจวบจนใบหน้า เธอก็จำต้องคลายความตึงเครียดออกมาแล้วมองคนที่เปื้อนดินโคลนไปไม่น้อยกว่ากันด้วยแววตาที่โล่งใจ



    อะไรกัน พี่เป็นห่วงแท้ๆ เลยนะ



    ช่วยไม่ได้นี่คะ” หล่อนพยายามกลั้นเสียงกลั้วหัวเราะ ก็พี่รดาเปื้อนไปหมดแล้ว



    ตอบไปอย่างนั้นพลางหยิบบางอย่างออกมาจากกระโปรงชุดที่สวมใส่ ดีหน่อยที่ผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยที่กำลังจะถูกยื่นมานั้นไม่ค่อยเปื้อนรอยโคลนมากนัก แต่ถึงจะมีดารารินทร์ก็ยิ้มยินดีที่หล่อนบรรจงเช็ดคราบดินคราบโคลนให้บริเวณใบหน้าของตนเอง ความรู้สึกดีๆ ที่เริ่มก่อตัวมากขึ้นในหัวใจ ทำให้หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์ไม่ได้พบว่ามีหญิงสาวอีกคนที่วิ่งตามมาด้วยความเป็นห่วงเธอนั้นยืนมองอยู่ไกลๆ ด้วยสายตาที่ปวดร้าวอยู่เลย





     

     หลังจากเหตุการณ์นั้นทีมงานทั้งหมดก็ใช้เวลาช่วงบ่ายเกือบทั้งหมดในการถ่ายทำต่อ และเมื่อการทำงานวันนี้เสร็จสิ้นลงพร้อมกับแสงสีส้มอมทองบนท้องฟ้า ต่างก็แยกย้ายพากันไปพักผ่อนตามตั้งใจไว้ มนต์นภากลับไปห้องพักด้วยร่างกายที่ห่อเหี่ยว ส่วนดารารินทร์ถูกทีมงานชายและหญิงบางคนเชิญชวนไปหาเครื่องดื่มผลไม้ข้างนอกตามประสาคนคุ้นเคยกันซึ่งเธอก็บอกตกลง ระหว่างนั้นเองที่บุตรสาวของผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาหา และเรียกขานชื่อของเธอเอาไว้เสียก่อน



    คุณรดาคะ



    ดารารินทร์ยิ้มรับอย่างสงสัย คะ คุณยิ้ม?



    “…ยิ้มขอไปกับคุณรดาด้วยได้มั้ยคะ” หล่อนมีท่าทีอ้ำอึ้งเล็กน้อยเมื่อกล่าวประโยคนั้น



    มองเห็นแววตามุ่งมั่นที่ไม่รู้สาเหตุของหล่อน ดารารินทร์ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าตัวถึงได้อยากไปขนาดนั้นทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนชอบดื่มเลยสักนิด แต่พอได้ฟังเหตุผลตอนท้ายที่คิดว่าไม่น่ามีอะไรเสียหาย เธอก็เลยพยักหน้าตอบตกลง



    อย่างน้อยฉันก็เป็นคนที่นี่ น่าจะแนะนำที่ดีๆ ให้แก่พวกคุณรดาได้


    งั้นก็ ได้สิคะ



    จะไปดื่มกันหรือคุณหญิงดารารินทร์” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังเข้ามาใกล้ ขอเพิ่มอีกสักสองคนได้หรือเปล่าครับ



    และเมื่อหันไปก็พบว่าเป็นเพื่อนของโชษิตา ทำให้ดารารินทร์รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเลยที่เห็นเขาออกตัวว่าอยากจะไปข้างนอกด้วยกัน คุณเมธาวี



    ฉันไม่ได้บอกว่าจะไปด้วยสักหน่อยนะ” โชษิตาที่เดินกอดอกตามหลังมาเอ่ยบอกกับเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ เพราะอยู่ๆ เจ้าตัวก็เหมารวมให้เธอเข้าไปอยู่ในคำขอร้องนั่นเสียแล้ว



    เอาน่า อยู่ที่นี่ใช่เสียว่าเธอจะได้ชิมเครื่องดื่มดีๆ ได้ง่ายเสียหน่อย ก็แค่ไปนั่งคุยกันเท่านั้นเอง จะได้สนิทสนมกันขึ้นยังไงล่ะ



    พอฟังชายหนุ่มอธิบายก็คล้ายกับจะรับรู้ถึงบางสิ่งที่เพื่อนชายกำลังตั้งใจจะทำ เธอส่งสายตาคาดโทษไปให้เขา แต่พอเห็นหญิงสาวผิวขาวที่ยืนรอคำตอบอยู่เอนศีรษะมามองกันด้วยแววตาคาดหวัง โชษิตาก็รู้สึกว่ากำแพงของเธอเปราะบางลงมากโขกว่าช่วงอาทิตย์แรกเสียแล้ว



    ไปด้วยกันสิคะ น้องโช



    “…ก็ได้ค่ะ

     

     







     

    ไม่คิดเลยนะคะ ว่าจะมีที่แบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย” หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์กล่าวด้วยความชื่นชมหลังจากชิมเครื่องดื่มที่ถูกหมักจากผลไม้ไปครึ่งแก้ว เธอมองไปรอบๆ เรือนไม้ที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถันตามกำลังของชาวบ้าน แต่กระนั้นก็ให้ความรู้สึกแบบที่ร้านชาลิสาเคยให้ผู้ไปเยี่ยมชมไม่ได้ อาจจะเพราะความเป็นกันเองของกลุ่มชาวบ้านไม่กี่คนที่คอยมาลงแรงลงใจสาธิตอธิบายวิธีทำ ไม่ก็เพราะรสชาติที่นุ่มละมุนเพราะมันได้ผ่านการใส่ใจ



    คุณยิ้มอาสาให้คนงานพาพวกเธอทั้งหมดมาที่เรือนไม้แห่งนี้ แท้จริงแล้วมันเป็นสถานที่ที่มีไว้ให้ครอบครัวของคนงานได้มีโอกาสในการทำงานอื่นนอกเสียจากดูแลพรรณไม้ต่างๆ ในไร่มนธา และหนึ่งในงานที่หล่อนให้พวกเขาทำก็คือผลิตสินค้าขึ้นมาออกขายให้เป็นรายได้อีกทางหนึ่งของชุมชน เหล้าผลไม้ที่ถูกหมักขึ้นเป็นหนึ่งในสินค้าที่ส่งเข้าไปให้ตลาดในเมือง และค่อนข้างเป็นที่พูดถึงในแง่ดีพอสมควร 



    ต้องเป็นคนในพื้นที่ถึงจะพอรู้ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย แต่พวงแก้มระเรื่อนั้นก็บ่งบอกถึงความภูมิใจได้ไม่ยากนัก



    เครื่องดื่มก็ดี แถมบรรยากาศก็ยิ่งทำให้มันอร่อยด้วยล่ะค่ะ



    ตอนนี้คนงานปล่อยให้พวกเธอดื่มด่ำกับรสเหล้าและชมธรรมชาติไปพลางๆ ท้องฟ้าสีส้มและลมสบายๆ บวกกับเสียงนกบางชนิดที่เริ่มเตรียมจะกลับรังทำให้ไม่มีใครคิดจะเร่งรีบอะไร  



    “…คือ คุณรดาคะ..” 



    ดารารินทร์หันมองหญิงสาวตามคำ หล่อนกอบกุมแก้วทรงสูงของตัวเองไว้ประมาณเอวบางก่อนจะเคลื่อนดวงตาคู่นั้นขึ้นมามอง



    ยิ้มอยากจะชวนคุณไปงานเก็บเกี่ยวด้วยกันคุณรดาจะตอบตกลงได้ไหมคะ



    วันเก็บเกี่ยวที่เคยได้ยินพี่ชายของหล่อนพูดกับโชษิตามาก่อนเมื่อวันที่ไปขี่ม้าชมสวน อันที่จริงถึงไม่มีใครชวนหม่อมราชวงศ์ดารารินทร์ก็จะหาทางพาตนเองไปที่งานนั้นให้ได้อยู่แล้ว เพราะงั้นระหว่างที่กำลังจะตอบรับคำของคนที่เชิญชวน เสียงของชายผู้หนึ่งก็ดังขึ้นขัดเอาไว้ก่อนที่เธอจะได้กล่าวจบพอดี 



    “..คือวันนั้นฉัน-”



    คุณยิ้ม มาช่วยแนะนำตรงนี้ให้พวกผมหน่อยสิครับ   



    เมธาวีเดินเข้ามาด้านหลังของหญิงสาวเจ้าของนาม เขาถือแก้วเครื่องดื่มแบบเดียวกันมาหาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย และเอ่ยปากขอตัวหล่อนให้ไปช่วยแนะนำในสิ่งที่คนงานกำลังปรุงแต่งกันอยู่ไม่ไกล 



    ไม่รู้ว่าตรงนั้นเป็นเหล้าอะไรบ้าง เผื่อผมจะลองทำมันทานที่บ้านดูน่ะครับ


    เอ่อ..ได้ ได้ค่ะ



    ระหว่างที่หญิงสาวกำลังมีสีหน้าลังเล เจ้าหล่อนจึงไม่สามารถมองเห็นสายตาที่ชายหนุ่มส่งมาเพื่อสื่อสารกับหม่อมราชวงศ์ดารารินทร์ได้ก่อนที่คนทั้งสองจะปลีกตัวออกไป



    หญิงสาวผิวขาวถอนหายใจออกมาเพียงเล็กน้อยอย่างโล่งอก ใช่ว่าเธอจะดูไม่ออกเสียหน่อยว่าเจ้าหล่อนนั้นสนใจในตัวเธออย่างไร ที่จะตอบรับก่อนหน้าก็เป็นการตอบแบบกลางๆ ไปไม่ได้เอนเอียง การที่เมธาวีเข้ามาได้ถูกจังหวะทำให้ดารารินทร์รู้สึกขอบคุณยิ่งนัก 



    เมื่อได้ความเป็นส่วนตัวกลับ ดวงตาคู่เรียวก็หันมองไปยังทิศทางของหน้าต่างเรือนไม้ ที่มีร่างร่างหนึ่งกำลังเหม่อมองไปยังธรรมชาติด้านนอก ในขณะที่มือคู่เล็กของหล่อนประคองแก้วทรงสูงเอาไว้ไม่ต่างกัน ท่าทางใจเย็นและสงบนิ่งของหญิงสาวทำให้หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์ค่อยๆ เยื้องกายไปอยู่ข้างกายของหล่อนอย่างแผ่วเบา 



      ดวงตาสีเข้มปรายตามองเธออย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจนัก ก่อนที่เจ้าของมันจะหันมาสนใจกันอย่างเต็มที่เพราะเห็นรอยยิ้มแกนๆ ของเธอ



    ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะ



    ก็..พี่ไม่รู้ว่าพี่ทำอะไรผิดไปหรือเปล่า” ดารารินทร์ตอบขณะพิงหลังกับขอบหน้าต่างเอาไว้และไหวไหล่ไปพลาง เลยไม่รู้ว่าน้องโชจะคุยกับพี่ได้หรือยัง



    หล่อนกลั้วหัวเราะพลางกระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก ไม่คิดว่าพี่รดาจะสนใจรอบข้างเหมือนกันนะคะ


    นี่พี่ทำอะไรผิดจริงๆ ด้วยสินะ” เธอขมวดคิ้วอย่างไม่จริงจังนัก 


    ช่างมันเถอะค่ะ โชปล่อยผ่านมันไปแล้ว



    หล่อนตอบด้วยท่าทางสบายดีราวกับว่าบรรยากาศที่ว่างเปล่าและหมางเมินเมื่อช่วงเช้าเลือนหายไปหมดแล้วจริงๆ เหลือเพียงไว้แต่หญิงสาวที่กำลังสงบนิ่งเพราะได้ลิ้มรสเครื่องดื่มดีๆ เอาไว้เท่านั้นเอง



    ไปเดินเล่นข้างล่างกันไหมคะ




    ด้านนอกของเรือนไม้เป็นพื้นที่กว้างๆ ที่เต็มไปด้วยผืนหญ้าสีเขียวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แก้วเครื่องดื่มไม่ได้อยู่ในมือของพวกเธอทั้งสองคนอีกแล้ว จะมีก็แต่บทสนทนาสัพเพเหระที่เกิดขึ้นเป็นระยะเมื่อหญิงสาวทั้งสองคนเดินชมรอบๆ สถานที่อย่างใจเย็นราวกับจะใช้เวลาช่วงนี้ให้ยาวนานมากกว่าเดิม



    โชนึกว่าพี่รดาอยากจะดื่มมากกว่าเสียอีก” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงประหลาดใจน้อยๆ 


    พี่มาเพราะมีหน้าที่ดูแลกองถ่ายนะ ไม่ใช่พักผ่อนเสียหน่อย


    คำพูดแบบนี้จากปากคนที่เคยกลับเข้าที่พักช้าตลอดน่ะหรือคะ” หล่อนตอบพร้อมรอยยิ้มขบขัน ทำเอาคนฟังอย่างหม่อมราชวงศ์ดารารินทร์ถึงกับตบอกตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวดแบบเกินขนาดมาหนึ่งครา



    เจ็บจังเลย



    สิ้นเสียงหัวเราะขบขันเพียงครู่ ร่างของคนทั้งสองก็หยุดลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ออกดอกสีขาวนวล บนพื้นหญ้าเองก็มีดอกที่ร่วงหล่นมาแล้วอยู่จำนวนหนึ่ง ดารารินทร์ก้มลงหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือสักพัก ก่อนที่จะใช้เวลาอึดใจหนึ่งมองมันเงียบๆ ไปให้โชษิตาแอบนึกสงสัยอยู่คนเดียว



    อันที่จริงพี่ก็เคยไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าจิลถึงอยากให้พี่มาทำหน้าที่นี้  



    โชษิตากอดแขนใต้เสื้อแขนกุดของตนเองเพราะสายลมที่พัดผ่านเริ่มจะเย็นลง แล้วทำไมพี่รดาถึงตอบตกลงล่ะคะ



    คงเพราะโชเป็นเพื่อนของหล่อนกระมัง


    คนอายุมากกว่าหันมายิ้มให้อย่างจริงใจ


    หญิงจิลน่ะชอบทำตัวเกินวัย เธอค่อนข้างสนิทกับพี่หญิงและพี่ชายใหญ่มากกว่าพี่ เพื่อนวัยเดียวกันเองก็มีไม่กี่คน



    จริงอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวถึง เมื่อก่อนหม่อมราชวงศ์จิลลาภัทรหรือเพื่อนของเธอนั้นดูเป็นคนเข้าถึงยากไม่ใช่เล่น แต่เมื่อรู้จักและไว้ใจกันแล้ว หล่อนจะเป็นให้ยิ่งกว่ากำลังสำคัญเสียอีก 



    พี่ก็เลยอยากจะลองมาพบหน้าเพื่อนคนสำคัญของน้องสาวคนเล็กดู



    หลังจากนั้นก็เลยตกลงยอมงั้นหรือคะ



    ดารารินทร์คลายยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม คนสูงกว่าหันกายทั้งตัวมามองเจ้าของคำกล่าวเมื่อครู่นี้ ก่อนจะตอบออกไปอย่างที่ใจนั้นรู้สึกจริงๆ 



    หลังจากที่พี่ได้รู้จักกับนักแสดงคนนั้น..” เธอว่า พี่คิดว่าหน้าที่นี้ก็ไม่เลวนะ



                ดารารินทร์ไม่เคยสนใจใครก็ตามที่เคยอยู่ในวงการภาพยนตร์เช่นน้องสาวของเธอจริงๆ จังๆ นอกเหนือจากว่าหนึ่งในนั้นที่เข้ามาจะโดดเด่นในสายตาของหญิงสาวจริงๆ เช่นเดียวกันมนต์นภาที่ทำได้ในคราวนั้น แต่สำหรับโชษิตามันต่างออกไป หล่อนมีผิวสีที่ค่อนข้างแตกต่างจากผู้หญิงสวยคนอื่นๆ แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกของคนที่รักษาร่างกายได้ดีมาก เถรตรงแต่สุภาพ ฉลาดและไม่อ่อนแอ ที่สำคัญมากกว่านั้น หล่อนไม่ได้โดดเด่นเพราะสวยที่สุด แต่หล่อนโดดเด่นเพราะหม่อมราชวงศ์ดารารินทร์มองเช่นนั้นต่างหาก



                ส่วนคนอ่อนกว่าก็ได้แต่จ้องมองคนที่กล่าวประโยคนั้นออกมาด้วยลมหายใจที่ติดขัดขึ้นมาอย่างไม่ทันได้เตรียมใจ ใครจะไปรู้กันเล่าว่าสายตาและรอยยิ้มของดอกไม้แห่งวังทัตพงศ์มาลีจะร้ายกาจเสียจนชวนให้เข้าใจความหมายเป็นอย่างอื่นขนาดนี้



    ถ้าไม่ว่าอะไร พี่อยากให้เราพึ่งพาพี่ได้ เหมือนที่หญิงจิลรู้สึกต่อโช



    พี่รดาเป็นพี่สาวของหญิงจิลโชคงไม่อาจทำให้พี่หญิงต้องเหนื่อยใจได้หรอกค่ะ” โชษิตาพูดออกไปอย่างนั้นด้วยใจที่ยังคงไม่ได้คิดเป็นอื่น คุณหญิงดารารินทร์มีเหล่าผึ้งหวานรายล้อมไม่ใช่น้อยๆ อย่างที่เคยเห็นมาแล้ว อีกอย่างเพราะเธอไม่ชอบคาดหวัง หรือแม้กระทั่งคิดอะไรที่เข้าข้างตนเองจนเกินไป 



    เธอบอกแล้วว่าเธอจะไม่มีทางหลงกลแม้แววตาของหล่อนในตอนนี้จะบ่งบอกความรู้สึกที่คล้ายคลึงกันแค่ไหนก็ตาม



    แล้วถ้าพี่ไม่ใช่พี่สาวของเจ้าจิลล่ะ?




    ยังไงโชก็ยังเกรงใจอยู่ดีค่ะ พี่รดาเป็นถึงคุณหญิง แค่ตอนรู้ว่าพี่ตอบตกลงจะมาทำหน้าที่ดูแลกองถ่าย โชก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว



                “ถ้าอย่างนั้นก็ตอบแทนพี่ตอนนี้เลยสิ” หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์ตอบอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าจริงจังที่ยังไม่คลายความรู้สึกภายในใจของตัวเอง


                “….” 


                “…มองพี่เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งได้มั้ย   







    นักแสดงรับเชิญ 


    ยิ้ม : ซง ฮายอง

    ไม้ : ยูตะ NCT

    มนต์นภา : ควอนมินอา aoa 





    TBC.

    #ฟิคแก้วตาสุมาลี #หม่อมราชวงศ์ดารารินทร์ 

    ______________________________________________________________________________________________________






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×