คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 "ปฐมบท" (100%)Rewrite 1
"ปฐมบท"
ณ ดวงดาวอันไกลโพ้นสุดขอบอีกฝากของจักรวาล
“องค์ราชัน และองค์ราชินี พวกท่านไม่ต้องทรงเป็นกังวน ข้าจะต้องพาเจ้าหญิงหลบหนีจากสงครามอันโหดร้ายนี้ได้แน่” เสียงของชายหนุ่มรูปงามผิวพรรณขาวเนียนไร้มนทิน ดวงตาสีเขียวมรกตที่ดูเป็นกังวล กับเรือนผมสั้นสีดำสนิด ผู้กำลังบังคับยานอวกาศรูปร่างประหลาดพูดขึ้น
ภายในห้องบังคับยานไม่มีปุ่มหรือคันบังคับใดๆ มีเพียงหน้าจอครึ้งวงกลมคล้ายลูกแก้ว สีฟ้าอ่อนอยู่ด้านหน้าของชายผู้บังคับยานเท่านั้น มีกระจกที่สามารถมองออกไปสู่ด้านนอกได้180องศา ตัวยานกำลังพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศของดาวที่เคยสงบสุขเขียวขจีแต่เมือมองลงไปยังพื้นดิน บัดนี้กับเต็มไปด้วยสงคราม แสงจากการระเบิดรุนแรงเกิดขึ้นเป็นระยะๆทั่วพื้นดาวเบื่องล่าง ตัวยานเมื่อมองจากภายนอกจะเห็นเป็นยานสีขาวเงินยวงรูปร่างคล้ายเครื่องบินที่ปีกร้นไปทางด้านหลังจนสุดลำและงอลงตรงปลายปีก ไม่มีหาง แต่มีไอพ่นขับดันสี่ตัว ที่กำลังพ่นเปลวเพลิงสีเขียวอ่อนออกมาที่ท้ายยาน ยานพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศด้วยความเร็วสูงทำให้เกิดความร้อนขึ้นจนส่วนหัวยานกลายเป็นสีเดง ซักพักยานก็หลุดจากชั้นบรรยากาศของดาว ออกสู่ห่วงอวกาศอันดัมมืด เบื่องหน้าของเขามีเพียงความมืดและแสงดาวเท่านั้น
“ตรวจพบเป้าหมายแล้ว…” เสียงของบางสิ่งที่ฟังดูคล้ายเสียงหุ่นยนดังมาจากเงามืดที่ใหนซักแห่งในห่วงอวกาศ พร้อมกับการปรากฏของจุดกระพริบสีแดง6จุดบนจอลูกแก้วสีฟ้า มีบางสิ่งกำลังไล่หลังยานของเขามาด้วยความเร็วสูง มันเป็นยานบินสีดำทมึนที่มีจำนวนมากถึง6ลำ อาจเป็นเพราะพวกมันรู้ว่านี่เป็นยานหลบหนีที่นำตัวเจ้าหญิงองค์สุดท้ายของดาวนี้ออกมาก็ได้ ตัวยานที่กำลังไล่ตามเป็นยานที่เหมือนกับของพวกเขาแต่มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยตัวยานเป็นสีดำสนิด พร้อมทั้งอาวุธครบคลันทั้งปืนลำแสงยาวสองกระบอกที่ติดไว้ปีกทั้งสองข้าง ปืนกลนอวกาศ และอาวุธอื่นๆอีกมากมาย ราวกับป้อมปืนบินได้ก็ไม่ปาน
“องค์หญิง ข้าจะต้องปกป้องท่านให้ได้แม้ต้องแรกด้วยชีวิตข้าก็ตาม” ชายผู้ขับยานพูดขณะมองดูทารกน้อยซึงกำลังหลับสนิดในเค็ปซูลสีทองด้านข้างเขาด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับไปควบคุมยานต่อด้วยความร้อนรน
“ดำเนินการทำลายเป้าหมาย” สิ้นเสียงหุ่นยนตร์ ยานรบสีดำทั้ง6ลำก็ระมดยิงลำแสงเลเซอร์สีแดงออกมาแบบไม่ยั้ง การไล่ล่าในอวกาศที่มืดดำแต่ระยัยด้วยแสงดวงดาราจึงเริ่มขึ้น
“กระจอก แค่นี้ไม่มีทางทำอะไรสุดยอดทหารเอกอย่างข้าได้หรอก” ชายหนุมพูดด้วยความมั้นใจในฝีมือตนเอง เพราะเขาจะทำพราดไม่ได้เด็จขาด ชตากรรมของดาวบ้านเกิดของเขาอยู่ในมือเขาแล้ว เมล็ดพันธุ์สุดท้ายแห่งราชวงค์ องหญิงตัวน้อยคือความหวังเดียวของอาณาจักร ยานบินของพวกเขาบินควงสว่านไปมาเพื่อหลบลำเลเซอร์ และก็หลบได้ทุกลูกซะด้วย ชายหนุมพยายามเร่งความเร็วยานอย่างเต็มที่เพื่อให้พ่นจากเขตสังหารนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
“เป้าหมายยังอยู่ ดำเนินการยิงต่อไป!” ยานรบสีดำยังคงระดมยิงอย่างไม่หยุดหย่อน
“ไม่ได้การแล้วถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป มันต้องยิงโดยเราเข้าซักครั้งแน่” ชายหนุมพูดด้วยความกังวรเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาเรื่อมไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะหลบลำแสงพวกนี้ได้อีกนานเท่าใหล
“คงมีแต่วิธีนี้เท่านั้นซินะ” สิ้นเสียงชายหนุ่มก็บังคับยานให้พุ่งด้วยความเร็วสูงสุดมุ่งไปยังดงอุกกาบาตเบื่องหน้า เศษหินใหญ่น้อยมากมายลอยคว้างไปมารอบตัวยาน เขาสามารถหลบอุกาบาตได้ทุกลูกผ่านดงอุกาบาตไปได้อย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์ธรรมดาจะทำได้ หลังจากพ้นดงอุกกาบาตไปซักพังก็ถึงพื้นที่โล่งว่างเปล่าเหมาะสมมากที่จะใช้วิธีการนี้
“อุกาบาตพวกนั้นคงพอถ่วงเวลาพวกมันได้ซักพัก หวังว่ามันคงนานพอที่ยานจะชาร์ตพลังเสร็จนะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นพลางยื้นมือไปข้างหน้าใช้นิ้วกดไปมาบนลูกแก้วครึ่งวงกลมเบื่องหน้า ซักพักลูกแก้วก็เรืองแสง และมีภาพฉายในรูปแบบสามมิติหรือโฮโลเกล็มปรากฎขึ้นจากลูกแก้ว เป็นรูปวงกลมหลายวงที่กำลังมีขีดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เริ่มกระบวนการไฮเปอร์จั้ม(*1) กรุณาละบุเป้าหมาย” เสียงสังเคราะห์ซึ่งเป็นเสียงผู้หญิงดังจากตัวยาน
“ที่ใหนก็ได้ที่ห่างไกลจากสงครานี้” ชายหนุ่มตอบออกไปอย่างไม่มีป้าหมาย
“รับทราบเป้าหมาย เริ่มนับถอยหลังไฮเปอร์จั้ม 10 9 8” เสียเดิมพูดจากตัวยานอีกครั้ง ชายหนุ่มเอื่มมือไปยิบเข็มขัดข้างที่นั้งมาคราด แล้วยกเค็ปซูขององค์หญิงมากอดไว้ ในอ้อมกอด องค์หญิงตัวน้อง นอนเกือกกลิ้ง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หัวเราะอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่าองค์หญิงน้อยไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“องค์หญิงท่านต้องปลอดภัยแน่ข้าขอรับรองด้วยชีวิต” ชายหนุ่มพูดในขณะที่มองดูองค์หญิงอันเป็นที่รักยิ่ง ด้วยสายตาอ่อนโยน ที่แฝงไปด้วยความกังวน องค์หญิงตัวน้อยกลับยื้นมือน้อยๆของเธอขึ้นมาจับที่กระจกเค็ปซูลและลูบไปมา เหมือนอยากที่จะบอกกับเขาว่า ‘เราต้องปลอดภัยแน่’ เขาตื้นตันใจแทบจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ต้องกันเอาไว้
“4 3” การนับถอยหลังดำเนินต่อไป
“องค์หญิง…….”ชายหนุมตะโกนลั้นด้วยความรักและเป็นห่วงองค์หญิง ในขณะที่ตัวยานเริ่มมีสภาพแปลกๆคล้ายจะกลายเป็นเส้นแสง
“พบพวกกบฏแล้ว ทำลายมัน” ยานรบสีดำตามมาถึง พร้อมทั้งยิงลำเลเซอร์ พุ่งตรงไปยังตัวยานที่เป็นเป้านิ่ง
“ 2 1” ลำเลเซอร์พุ่งไปยังยาน พร้อมๆกับการนับถอยหลังที่ดำเนินต่อไป
ตูม……!!!! ลำเลเซอร์กระทบตัวยานพร้อมกับการนับ “ 0 ” การไฮเปอร์จั้ม ยังคงดำเนินต่อ ยานพุ่งหายไปภายในกลุ่มควันจากการระเบิด
“ไม่พบสัญญาณเป้าหมาย เป้าหมายถูกกำจัดแล้ว ภารกิจเสร็จสิ้น กลับไปรายงานศูนย์บัญชาการ”
สิ้นเสียง ยานรบสีดำก็ตีโค้งกลับลำและบินจากไป
ห่างไกลออกไปในห่วงจักรวาล ณ อวกาศที่ใหนซักแห่ง
“การไฮเปอร์จั้มเสร็จสิ้น ถึงเป้าหมายแล้ว” เสียสังเคราะดังรายงานจากตัวยาน หลังจากที่ยานปรากฏตัวขึ้นมาที่ใหนซักแห่งในห่วงอวกาศ ตัวยานลอยลำอยู่เหนือชั้นบรรยากาศของดาวเคราะสีเขียวขนาดใหญ่ ดาวดวงมีแถบอุกกาบาตและฝุ่นน้ำเข็งสีฟ้าสวยงามเป็นวงแหวนรอบดาว ยานลอยลำช้าๆไปรอบดาวไกล้กับชั้นบรรยากาศของดาวมากขึ้นๆทุกขณะ บริเวณด้านหลังและปีกของยานปรากฎมีกลุ่มควันและร่องรอยที่แสดงถึงความเสียหายอย่างหนักจากลำเลเซอร์เมื่อครู่ปรากฎอยู่
“ยานได้รับความเสียหายบริเวณปีกขวา และไอพ้นขับดันสามตัวเสียหายหนัก ไม่สามารถควบคุมยานได้ ยานกำลังลดระดับลง อีกไม่นานจะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาว ขอให้เตรียมรับแรงกระแทกด้วย” เสียสังเคราะจากระบบของยานรายงานความเสียหายต่อผู้ควบคุม
ไอพ้นขับดันทั้งสามตัวดับสนิดแล้วแต่ยานยังคงไปข้างหน้าอย่างช้าๆด้วยการขับดันของไอพ้นตัวสุดท้ายที่มีอาการติดๆดับๆ ยานพุ่งเข้าสู่บรรยากาศหนาแน่นของดวงดาวด้วยอำนาจของแรงดึงดูด การเสียดสีของผิวนอกยานกับอากาศก่อให้เกิดเสียงหวีดหวิว และตามมาด้วยความร้อนที่สูงมาก ทำให้ยานยิ่งเสียหายหนักขึ้น แรงกระชากของสายลมทำให้ชิ้นส่วนเล็กของยานที่เสียหายแตกหลุดลอยออกไป และถูกเผาไหม้เป็นเถ่าธุรีในชั้นบรรยากาศ
“อันตราย! อันตราย! ขอให้ทำการสระยานโดยด่วน เตาปฏิกรณ์พลังงานปฏิสสาร(*2) ได้รับความเสียหาย ตอนนี้แกนปฎิกรณ์ (*3) กำลังหลอมละลายแล้ว ขอให้สระยานโดยด่วน” เสียงสังเคราะดังขึ้นพร้อมกับไฟสีแดงที่แสดงถึงสถานการฉุกเฉิน และเสียงเตือนภัยดังลั้นไปทั่วยานที่กำลังพุ่งตกลงอย่างไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย
“องค์หญิง…ท่านต้องเสด็จหนีไปก่อน แล้วเด๋ยวกระหม่อมจะตามไป” ในความคิดของชายหนุ่มตอนนี้เขาไม่ได้นึกถึงตัวเองแม้แต่น้อง เขาคิดเพียงว่าให้องค์หญิงปลอดภัยเท่านั้น เขาใส่เค็ปซูลขององค์หญิงตัวน้อยลงในกระสาวฉุกเฉินซึ่งมีอยู่เพียงลำเดียว และมันก็เล็กเกินไปถ้าเข้าจะเข้าไปอยู่ด้วย เขากำมือทุบลงที่ปุ่มสีแดงข้างตัวยานอย่างเต็มแรงเพื่อปล่อยกระสวยออกไป น้ำตาของชายหนุ่มใหลพรากออกมาทั้งที่เจ้าตัวไม่อยากให้มันออกมาเลย แต่ก็ไม่อาจห้ามได้เพราะชาตินี้เขาคงไม่ได้พบองค์หญิงอีกแล้ว กระสวยฉุกเฉินดีดตัวออกจากยานแม่ด้วยความเร็วเหมือนกระสุนปืนใหญ่ เสียดสีกับบรรยากาศ และล่อนลงสู่พื้นดินเบื่องล่างอย่างช้าๆ
“ล่าก่อนองค์ราชธิดา ความหวังของพวกเรา ข้าขอวิงวอนต่อทวยเทพผู้สถิด ณ ดาวดวงนี้ และเทพแห่งจักรวาลทั้งปวง ถ้าพวกท่านมีจริงข้าขอให้ท่านช่วยคุ้มครององค์หญิง ให้ชาวดาวดวงนี้มาพบองค์หญิงและเลียงดูท่านให้เติบใหญ่อย่างปลอดภัยด้วยเถิด” ชายหนุ่มพูดทั้งน้ำตา พลางมองดูกระสวยขององค์หญิงผ่านทางกระจกรอบตัวยานอย่างไม่ละสายตา
ภายในยานที่กำลังตกลงสู่พื้นโดยแรงดึงดูด ยานเครื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ (มาแบบเรียบตามพื้นดาวแล้วต่ำลงเรื่อยๆ)ไปตามพื้นดาว ชายหนุ่มล้มตัวนั่งลงบนที่นั้งคนขับอย่างสิ้นหวัง ภาพพื้นพิภพเบื่องล่างชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ปรากฎภาพพืนน้ำทะเลสีเขียวกว้างใหญ่ แม่น้ำสีเขียวมรกตแผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วพื้นดิน ขุนเขาสูงใหญ่มากมาย ป่าไม้เขียวขจี เมืองที่อยู่กันเป็นหย่อมๆ และภาพสุดท้ายคือภาพของป่าไม้อันเขียวชอุ่มกระจุกหนึ่งกลางทะเลทราย ซึ่งยานกำลังมุ่งตรงไปยังป่านั้น
“เข้าประทะในอีก 3000 เมตร จุดประทะคือ ป่าไม้กลางทะเลทราย” เสียงสังเคราะห์ดังรายงาน
“ไม่ได้การแล้วถ้าขืนยานพุ่งชนพื้นด้วยความเร็วขนาดนี้บวกกับผลังงานจากปฎิกรณ์ ปฎิสสาร มีหวังดาวดวงนี้หายไปครึ่งดาวแน่ ต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว” ชายหมุ่มพูดขณะทำท่าทางคุ่นคิดอย่างจริงจัง
“เข้าประทะในอีก 2000 เมตร” เสียงสังเคราะดังรายงานอีก ยิ่งทำให้ชายหนุ่มกังวนยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
“เข้าปะทะในอีก 1500เมตร” เสียงสังเคราะยังคงรายงาน แต่ชายหนุ่มไม่อาจทำอะไรได้ เขาได้แต่นั้งนิ่ง หลับตา และกั้นใจรับสภาพ
‘ทั้งที่หนีมาจนถึงที่นี่แล้วแท้ๆ เรายังไม่อาจปกป้ององค์หญิงได้ เรานี่มัน…. เรานี่มัน…. โถ่เวิ่ย’ ชายหนุ่มไม่อาจทำอะไรได้ ได้แต่โทษในความไร้ความสามารถตัวเอง
“เขาปะทะในอีก 1000 เมตร” เสียงสังเคราะดังรายงานด้วยเสียงที่ขาดๆหายๆ ทั้นไดนั้นชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นปุ่มสีแดงซึ่งมีฝากระจกใสครอบไว้
“คงมีแต่วิธีนี้ซินะ” เขาไม่รีรอรีบเปิดฝาแล้วตะปบลงที่ปุ่มนั้นอย่างเต็มเรง
ทุกอย่างเงียบไปซักพัก
…………….
“เริ่มนับถอยหลัง 10วินาที สู่กระบวนการทำลายตัวเอง” เสียงสังเคราะรายงานขึ้น แม้ว่าจะเหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ชายหนุ่มกลับไม่นึกเสียใจเลย ตรงกันข้ามมันกลับทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกต่างหาก
“10 9 8 7 6 5 4”
“จุดปะทะอีก 500เมตรงั้นหรอก็ช่วยไม่ได้แฮะ คงต้องหายไปทั้งป่า แต่ก็ยังดีกว่าให้หายไปทั้งทวีป หรือทั้งดวงดาวละนะ” ชายหมุมพูดขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นหน้าปัดวัดระยะที่จอควบคุม
“1 0 ทำการจุดระเบิดได้”
“ล่าก่อนชั่วกาลองค์หญิงของข้า” เสียงสุดท้ายของชายหนุ่มพูดด้วยความโศกสันอาลัยยิ่งเกินบรรยาย
‘…….การจะดำรงค์สิ่งใดไว้บางที่ก็ต้องแรกด้วยการสูญไปของอีกสิ่ง แต่หากเป็นการทำเพื่อให้องค์หญิงมีชีวิติอยู่รอดแล้ว ต่อให้ข้าต้องตายเสียอีกกี่ครั้งข้าก็ยอม ดวงวิญญาณของข้าจะยังอยู่เคียงข้างท่านเสมอไป…. องค์หญิงของข้า….’ ความคิดสุดท้ายของข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ยังคงดังก้องอยู่ในจิตวิญญาณของดาวดวงนี้ไปตลอดการ
ตูม!!!!!!!!!! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับเสียงฟ้าผ่าซักหมื่นสายพร้อมกัน ครื่นกระแทกอากาศแผ่กระจายเป็นวงไปทุกทิศทางเป็นบริเวณกว้าง จุดที่ยานระเบิดพรันเกิดเป็นหลุมดำขนาดเล็กขึ้นเว็บหนึ่งดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ไกล้เข้าไปก่อนจะหายวั๊ปไปในพริบตา ความร้อนราวกับเปลวเพลิงโลกัลเผาผานทุกสิ่งเบื่องล่างจนวอดวาย ความร้อนสูงจากการระเบิดทำให้ป่าไม้มอดไม่เป็นเถ่าถ่านในพริบตา ทะเลสาบและแม่น้ำาเหมืดแห้งในทันที ทุกอย่างบนพื้นดินในรัศมี 1กิโลเมตรมอดไหม้เป็นธุรีจนหมด แม้แต่ผืนทรายบางส่วนก็หลอมระลายจนกลายเป็นผลึกแก้ว เหลือไว้เพียงตอต้นไม้ดำสนิดที่กำลังลุกติดไฟอยู่เกลื่อน เสียงกอบแกบของไม้ที่ติดไฟดังลั้นไปทั่วป่า ต้นไม้ทุกต้นเอนออกจากจุดศูนย์กลางการระเบิด เพราะแรงอัดอากาศในตอนระเบิด ทำให้ดูเหมือนดอกไม้สีดำขนาดใหญ่เมื่อมองจากบนฟ้า
ห่างออกไป 10 กิโลเมตรมีโอเอซีสอีกแห่งหนึ่งที่ใหญ่กว่ามาก ที่นั้นมีทะเลสาบและป่าไม้เขียวชอุ่มชุ่มชื้น ต่างกับทะเลทรายรอบๆที่ร้อนราวกับขุมนรกบนดิน กลางดงไม้ที่มีรูปร่างเหมือนต้นปาล์มและต้นกล้วยรวมกัน บางต้นก็เหมือนต้นสน บางต้นเหมือนต้นปรงขนาดยักษ์ ในบริเวณใกล้กับทะเลสาบสีเขียว มีร่องรอยรูปตารางหมากฮอสที่สังเกตุเห็นได้ยากเมื่อมองจากบนฟ้า แต่ถ้าสังเกตุดูใกล้จะเห็นได้ว่าเป็นรูปทรงที่เกิดจากฝีมือของสิ่งมีชีวิตไม่ใช้เกิดตามธรรมชาติแน่ พื้นที่เหล่านี้ความจริงแล้วเป็นสถานที่ทำเกษตรกรรมของชาวดาวดวงนี้นั้นเอง แรงสั้นสะเทือนที่รุนแรงแผ่มาถึงที่นี่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยทำไมอยู่ๆแผ่นดินก็ไหวได้นะ” สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างไม่ต่างอะไรกับมนุษย์เลย ทั้งรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง แต่ออกจะคล้ายชาวยุโรปเสียมากกว่า เธอเป็นผู้หญิงวัย 30ต้นๆ เธอและคนอื่นๆโผ่หัวขึ้นมาจากดงต้นพืชที่ดูคล้ายๆต้นข้าวแต่สูงกว่า ซึ่งกำลังออกรวงสีเหลืองทองเต็มทุ่ง พวกเธอมีหน้าที่ปลูกธัญพืชเพื่อเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านซึ่งอาจเรียกว่าชาวนาก็คงได้ ชาวนาคนอื่นๆทั้งเห็นเหตุการณ์โดยตลอดและไม่ตลอดต่างจับกลุ่ม วิภากวิจารณ์กันไปต่างๆนานา
“มันก็แค่แผ่นดินไหวน่าจะตกใจทำไม”
“แผ่นดินไหว หรือว่าใกล้จะถึงวันสิ้นโลกแล้ว!!!”
“ไม่หรอกน่า มันเป็นแค่เรื่องธรรมดาเราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน”
“แต่ฉั้นว่าไม่ใช่นะ ฉันเห็นมันมีวัตถุบางอย่างตกลงมาจากท้องฟ้าแล้วก็ระเบิดตูม!!!เลย ฉันว่าอาจเป็น ufo ของพวกเอเลี่ยนที่จะมายิดดาวของเราก็ได้นะ”
“ตาดีจังนะ…มันอยู่ตั้งไกลยังอุตส่ามองเห็น”
“แน่ละฉันกินผักบุ้งจนจะเป็นเต่าอยู่แล้วเนี่ย”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย=_=! ”
“มนุษย์ต่างดาวบุกหรอน่ากลัวจัง >0<! ”
“นี่เราจะตายแล้วหรอเนี่ย!!!.........”
“แต่ดูจากการระเบิดที่รุนแรงอย่างนี้ บางทีมันอาจเป็นการทดลองอาวุธชนิดใหม่ของพวกรัฐบาล ก็ได้นะ”ผู้หญิงวัย30ในตอนแรกกล่าวขึ้น ซึงดูเหมือนจะมีเหตุผลกว่าพวกเมื่อกี้อยู่พอควร
“ไม่น่าใช่หรอกมั้ง ทดลองอาวุธในทะเลทรายเนี่ยนะ”
“ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรแต่ฉันคงไม่อยู่ดูตอนมันมาถึงที่นี่หรอกนะ”
“ใช่ อีกอย่างมันก็เย็นมากแล้วนะ เรากลับหมู่บ้านกันเถอะ” หญิงในตอนแรกกล่าวแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง
“เห็นด้วย” ทุกคนประสานเสียงกันแข็งขัน
ทุกคนคอยๆทยอยกันกลับไปยังหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่กว่า5กิโลเมตร
และเมื่อทุกคนกลับไปหมด
กระสวยฉุกเฉินที่พุ่งออกจากยานเมื่อครู่ร่อนมาด้วยความเร็วสูง มันพ้นไอน้ำออกไปด้านหน้าเพื่อชละความเร็ว และทันไดนั้นฝาคลอบยานพลันเปิดออกเค็ปซูลสีทองถูกดีดตัวออกจากกระสวย เพียงชั่วอึดใจ ก่อนที่กระสวยจะพุ่งตรงไปยังทะเลสาบสีเขียวเบื่องล่าง กระแทกเข้ากับผิวน้ำอย่างแรง ก่อนจะจมลงสู่ก้นทะเลสาบ และจอดนิ้งสนิดหลับไหลภายใต้ท้องน้ำอย่างสงบไปนานแสนนาน
ตุบตูม!!!!! เค็ปซูลรูปไข่สีทองตกกระทบพื้นดินด้วยความเร็วสูง แรงกระแทกทำให้เกิดเป็นหลุมลึกกว่า1เมตรรัศมีปากหลุม3เมตร ขึ้นกลางทุ่งทัญพืชในบริเวณที่หญิงวัย30 โผ่หน้าขึ้นมาในตอนแรก เค็ปซูลปักนิ่งอยู่กลางก้นหลุมซักพัก
“อุณหภูมิพื้นผิว 27 องศาเซลเซียส ความดันบรรยากาศ1.12 ATM (*4) ความชื้นสัมพัทธ์50% องค์ประกอบของอากาศ ไนโตรเจน 77% ออกซิเจน 22% อื่นๆ 1% ปริมาณรังสีอันตราย 0.00001 rad ทุกอย่างปกติอยู่ในระดับปลอดภัย” เสียสังเคราะห์ผู้ชายดังออกมาจากเค็ปซูล
ไม่นานเค็ปซูลก็พ้นควันสีขาวออกมาฟูดหนึ่งพร้อมกับเสียงซี่ๆ… ช่องระบายอากาศ และฝาคลอบโลหะสีทองถูกเปิดออกเหลือเพียงฝาครอบแก้วใสไว้เท่านั้น ทำให้มองเห็นองค์หญิงน้อยซึ้งยังปลอดภัยดีไม่ได้รับอันตรายจากแรงกระแทกเลยแม้แต่น้อย ยังคงหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไปดวงอาทิตย์เล็กใหญ่สองดาวสีส้มขาวและแดงเข้ม ก็ค่อยๆค้อยต่ำลง ฉายแสงสะท้อนท้องฟ้า และผืนทรายจนเป็นสีเหลืองทองทั่วทั้งบริเวณ ดวงอาทิตย์ทั้งสองค่อยๆลับขอบฟ้าของดวงดาวไปบนสันทรายสีส้มขาวที่ทอดตัวยาวเหยียดสุดสายตา
ยามราตรีอันมืดมิดเข้าครอบงำ ดวงจันทร์ดวงโตสีฟ้านวลค้อยโผ่ขึ้นจากขอบฟ้าที่ประดับด้วยแสงดาวนับแสนล้านระยิบระยับราวเมล็ดพลอยหลากสีเต็มท้องฟ้า เส้นสีฟ้าอ่อนจางๆของวงแหวนรอบดาวพาดผ่านท้องฟ้าจนดูเหมือนแม่น้ำบนท้องฟ้า ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อที่ชาวบ้านเรียกมันว่า “แม่น้ำแห่งสวงสวรรค์” สายลมทะเลทรายอันหนาวเหน็บยามราตรีพัดมาเป็นระรอก สร้างความเครื่อนไหวให้กับเหล่าต้นไม้ ที่พากันชูกิ่งก้านไหวตามลม และเมื่อมันปะทะกับเค็ปซูลสายลมที่หนาวเห็บจนสุดขั้วหัวใจก็เข้าจู่โจมร่างของทารกน้อยจนหนาวสั้น ทันไดนั้นเค็ปซูลก็เรืองแสงสีเหลืองขึ้นจากภายใน ช่องระบายอากาศถูกปิดลง และอากาศอุ่นที่เกิดจากการนำอากาศภายนอกไปทำให้อุ่นถูกเติมเข้าไปแทน วัสดุเหมือนปุยเมฆที่อยู่ภายในก็ค่อยฟูมากขึ้น ทำให้ทารกน้อยคลายความหนาวลงไปได้และผอยหลับไปในที่สุด จากภายนอกเค็ปซูลแถบพลังงานของเค็ปซูที่เหลื่อเพียงขีดเล็กๆไม่กี่ขีด บ่งบอกว่าพลังงานใกล้จะหมดเต็มที ถ้าหากถึงค้ำคืนวันพรุ่งนี้ยังไม่มีใครมารับตัวองค์หญิงไปเลี้ยง องค์หญิงน้อยคงหมดทางรอด แสงสว่างของดวงจันทร์ดวงโต และแสงจางของดวงเล็กอีก4ดวง สาดส่องให้เหล่าสัตว์หากินกลางคืนออกล่า เสียงที่โหยหวนของสัตว์กลางคืนต่างๆดังลั้นไปทั่วผืนป่า ดวงตาสีแดงฉานหลายคู่จับจ่องมาที่เค็ปซูลอย่างหิวกระหาย บนฟ้าเงาทมินขนาดใหญ่ของบางสิ่งบินผ่านดวงจันทร์ทำให้เกิดเงาทาบลงมายังพื้นเบื่องล่าง เหล่าสายตาแดงฉานที่จับจ่องเค็ปซูลอย่างกระหายเมือครู่ต่างหวาดกลัวเงาทมินนี้ จนหนีหายไปหมด เงานั่นบินวนไปมาไกล้ๆกับบริเวณที่เค็ปซูลอยู่ เหมือนมันกำลังมองหาอะไรบางสิ่ง
ฟืบ!!!มันบินลงมาที่พื้นตรงเค็ปซูลวางอยู่พอดี แสงสว่างสรั่วๆจากดาวจันทร์ทำให้เห็นตัวของเจ้าของเงาทมินไม่ชัดนัก แต่ก็พอบอกได้ว่ามันคือมังกรสายพันธุ์มังกรภูเขาขนาดใหญ่ แต่ไม่อาจรู้สีและรูปร่างโดยระเอียดได้ แสงจันทร์ที่ส่องลงมาที่ตัวของมันสะท้อนแวววับคล้ายผิวโลหะ ดวงตาสีส้มแดงที่ดูน่ากลัวของมันจ่องมอกไปยังองค์หญิงตัวน้อยอย่างไม่ละสายตา ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันคิดอะไร แต่ทันไดนั้นมันเปลี่ยใจแทนที่จะกินไข่ประหลาดใบนี้ซะแต่มันไม่ทำ มันพ้นไฟเบาๆใส่พื้นที่โดยรอบหลุมวงกลมจนทำให้พื้นดินอุ่นขึ้น และมันก็เริ่มออกหารวบรวมก้อนหิน เศษไม้ และเศษหญ้าบริเวณใกล้ๆมารวมไว้ในหลุมทีละน้อยๆ
ดวงดาวและดวงจันทร์ก็ค่อยๆเคลื้อนคล้อยไปตามกาลเวลา ยิ่งดึกสายลงที่หนาวเย็นยิ่งพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนักมันก็รวบรวมได้มากจนดูเหมือนรังนกบนพื้นดิน ใช้แล้วเจ้ามังกรมันกำลังสร้างรังของมันอยู่นั่นเอง มันเป็นแม่มังกรท้องแก่ที่ดูอ่อนแรงมาก มันนั้งลงบนรังที่มั้นสร้างขี้น และแหงนหน้าขึ้นบนฟ้าทำท่าทางเหมือนหายใจไม่ออกราวกับมีอะไรบางอย่างติดคอมันอยู่ มันเริ่มคะย้อนบางอย่างออกมาจากท้องของมัน วัตถุกลมรีค้อยเครื่อนที่ขึ้นไปตามลำคอยาวๆของมัน
อวก!!!!!มังกรสำรอกวัตถุทรงกลมรีขนาดพอๆกับเค็ปซูออกมา ใช้แล้วสิ่งนั้นคือไข่มังกรอันมีค่านั้นเอง บางทีไข่มังกรนี้อาจเป็นดวงวิญญาณของข้ารับใช้ผู้สื่อสัตย์ที่กลับมาหาเจ้านายอีกครั้งก็เป็นได้ มันจัดวางไข่ไว้ข้างๆเค็ปซูลเหมือนมันคิดว่าเค็ปซูลเป็นไข่อีกใบของมัน มันนอนลงช้าๆเอาปีกโอบอุ้มไข่ทั้งสองใบไว้ เพื่อจะปกป้องสิ่งอันมีค่าของมันจากอันตรายทั้งปวง สายลมยามราตรีที่หนาวเหน็บยังคงพัดมาเป็นระยะไม่ขาดสายตลาดทั้งคืน ดวงดาวฉายแสงสว่างสไหวเต็มท้องฟ้าซึ่งเป็นนิมิตรหมายอันดีให้กับองค์หญิงน้อยผู้มาเยือนจากต่างภิภพ ค้ำคืนอันแสนพิศวงบนโลกใบใหม่ค้อยๆผ่านไปอย่างช้าๆราวกับว่าราตรีนี้จะไม่มีวันจบสิ้น โลกอันโหดร้ายจะคงดำเนินไปจนกว่าจะถึงรุ้งเช้า เวลาที่ดวงสุริยะจะโผผ้นขอบฟ้าเหนือม้านเมฆาขึ้นมาอีกครั้ง……
แม้ว่าที่โลกของเธอ เธอจะเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ที่นี่บนดาวดวงนี้เธอเป็นแค่ผู้อาศัยคนหนึ่งเท่านั้น……
………………………………………………………………………………………..
อธิบายศัพท์
1. การไฮเปอร์จั้ม เป็นการเครื่อนที่ด้วยความเร็วสูงผ่านห่วงอวกาศจากที่แห่งหนึ่งไปยังที่แห่งหนึ่งที่ใกลออกไปมากๆๆๆ ภายในพริบตา
2. เตาปฏิกรณ์พลังงานปฏิสสาร เป็นเตาปฏิกรที่ใช้พลังงานจากปฏิสสาร หรือ สสารตรงข้าม เป็นอนุภาคระดับอะตอม ที่มีมวลเท่ากันแต่ประจุต่างกัน เช่น อิเล็กตรอนประจุลบ กับ โพรซิตรอนประจุบวก เมื่อ ปฏิสสารทั้งสองมาเจิอกันจะทำลายร้างซึ่งกันและกัน และปลดปล่อยพลังงานมหาสารออกมา
3. แกนปฎิกรณ์ คือส่วนของเตาปฏิกรณ์ ที่เป็นแกนที่อยู่ของสารกำมันตรังสี หรือก็คือจุดที่เกิดการแผ่รังสีนั้นเอง
4. ATM หน่วยวัดความกดอากาศ ซึง1 ATM มีค่าเท่ากับความดันบรรยากาศของโลกที่ระดับน้ำทะเล
………………………………………………………………………………………………………………
นักเขียนอยากคุย
ในที่สุดก็เสร็จสมบูรณ์จนได้ สำหลับบทแรก ใช้เวลานานพอดูเลยทีเดียว เพราะว่าอย่างที่บอกไว้ผมไม่ได้เป็นนักเขียนมืออาชีพ เขียนเล่นเป็นงานอดิเรก เขียนเอาสนุกเท่านั้น และอีกอย่างงานที่โรงเรียนก็เยอะมาก เยอะจนแทบไม่มีเวลาจะเขียนนิยายเลย แต่ดีหน่อยช่วงนี้ปิดเทอมพอมีเวลาว่างบ้างเป็นช่วงที่สบายที่สุดในชีวิติ แต่ถ้าเปิดเทอมเมื่อใหล อาจต้องทะยอยลงอย่างช้าๆถึงช้ามาก นะครับคงไม่ว่ากันนะ อาจมีขอผิดพลาดเยอะหน่อยนะเพราะแค่เวลาจะเขียนก็ยังหายากแล้ว จึงไม่ค่อยมีเวลาได้ตรวจสอบความเรียบร้อยซักเท่าไหล่
ขอบคุณทุกคนที่เสียสระเวลาอันมีค่ายิ่งของพวกท่านมาเพื่ออ่านนิยายห่วยๆของคนไร้ชื่อผู่นี้นะครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนอ่านอย่างสนุกสนานนะครับ ให้เหมือนผมที่แต่งด้วยความสนุก เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปนั้น เจ้าหญิงน้อยเป็นใครกันแน่ เธอจะรอดพ้นค้ำคืนอันโหดร้ายนี้ไปได้หรือไม่ ก็คงต้องติดตามเป็นกำลังใจกันต่อไป
ความคิดเห็น