ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EFM ขุมพลังทางช้างเผือก

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3 "โศกนาทกรรม คือจุดเริ่มต้น"(99.99%)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 55





    บทที่3

    โศกนาทกรรม คือจุดเริ่มต้น

     

                รุ่งเช้ามาเยือนหมูบ้านเล็กๆแห่งนี้อีกครั้ง ทุกอย่างเงียบสงบเป็นปกติเช่นทุกวัน ดวงอาทิตย์คู่โผ่พ่นแนวสันเขาหลังหมู่บ้านส่องแสงให้ความอบอุ่นแก่ทุกชีวิต สายลมเย็นยามเช้าพัดผ่านเป็นระยะๆทำให้ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่กลางหมู่บ้านสั่นไหวไปตามแรงลมและหล่นร่วงลงจากต้นราวสายฝนที่ตกปลอยๆ ถ้าสังเกตุดูบนต้นไม้ดีๆก็จะเห็นว่าใบไม้สวนใหญ่เริ่มกลายเป็นสีเหลืองส้มปนน้ำตาลทั่วทั้งต้นแล้ว ไม่ใช่เพราะต้นไม้ขาดน้ำ หรือกำลังจะตาย แต่มันเป็นเพราะช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงที่ทุกๆปีต้นไม้จะทิ้งใบ และผลัดใบใหม่เพื่อเตรียมเข้าสู่ฤดูกาลต่อไป บางกิ่งก็ใบร่วงหมดจนทำให้ดูเหมือนกิ่งของต้นไม้ที่กำลังจะตาย แต่ถ้าสังเกตุดีๆก็จะเห็นตุ่มเล็กสีชมพูขึ้นอยู่ทั่วทั้งกิ่ง นั่นก็คือตาดอกของพืชที่จะกลายเป็นช่อดอกอันสวยงามในอนาคตนั้นเอง และชาวบ้านจะจัดงานเลี้ยงกันในคืนเดือนเพ็ญของช่วงนี้ในทุกๆปี เพื่อบูชาเทพแห่งพฤกษา หรือก็คือต้นไม้ใหญ่กลางหมู่บ้าน และขอพรให้มีความสุขตลอดฤดูกาลต่อไป(คล้ายการจัดงานปีใหม่ในยุกของเรา) ช่วงนี้เป็นช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยว ที่ท้องทุ่งตอนนี้ไม่มีการปลูกข้าวหรือพืชผักใดๆ พื้นดินถูกปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้พืนดินได้พักตัว และอีกอย่างช่วงสามเดือนต่อจากนี้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วอากาศจึงไม่เหมาะจะปลูกพืช แม้ว่าพื้นที่แถวนี้จะเป็นทะเลทรายแต่ก็เป็นเพราะที่ตั้งอยู่ค่อนไปทางขั้วเหนือของดาว บวกกับอิฐิพลจากการแสน้ำ ทำให้มีอากาศแบบเขตหนาวในช่วงฤดูหนาวซึ่งกินเวลากว่า3เดือน และแบบเขตร้อนในช่วงฤดูร้อน อีก7เดือน ที่เหลือ2 จะเป็นช่วงฝนตกพายุเข้า เพราะแหตุนี้จึงทำให้ช่วงสามเดือนต่อจากนี้จะไม่มีการทำการเกษตร แต่ด้วยพืชผลที่ชาวบ้านเก็บเกียวได้ ส่วนที่เหลือจากขายแล้วยังพอเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านได้อย่างสบายๆ

                ชาวบ้านหลายคนเริ่มตื้นมาจัดตกแต่งบ้านเรือนต้อนรับงานเลียงที่จะจัดขึ้นเย็นนี้กันแล้ว หลายบ้านเริ่มทำความสะอาดบ้านกัน บางบ้านก็จัดตกแต่งด้วยดอกไม้ และป้ายต่างๆ ผู้คนมากมายต่างกะตือลือล้นกันเตรียมงานกันอย่างเต็มที่ จะมีก็แต่สองพี่น้อง เทียล่า และเฟรย่าเท่านั้นที่ยังไม่ยอมตื่นยังคงนอนหลับอย่างสายอารมณ์อยู่ในเตียงนอนสีขาวอันนุ่มฟูแสนอบอุ่น

                ที่ระเบียงบ้านชายชราผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ เขาสวมชุดที่ทำจากผ้าธรรมชาติสีน้ำตาลอ่อน สวมเสื้อคลุมลวดลายคล้ายผ้าไหมมัดหมี่ ใส่ผ้าโพกหัวสีน้ำตาลอ่อน(ดูคล้ายชุดอาหรับแบบลายไทย) ในมือถือไม้เท้าโดยจับที่ลูกแก้วส่วนบนสุดของไม้เท่าค้ำไว้ข้างตัว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนๆจ่องมองไปยังท้องฟ้าที่กำลังมีเมฆตั้งเค้าอยู่ไกลๆ แววตาของเขาดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด สายลมอ่อนๆพัดเข้ามานำเศษใบไม้ให้ปลิวว่อนไปในอากาศ

                “มีอะไรหรอครับท่านพ่อ” เทอริโอที่พึ่งเปิดประตูบานเลื่อนเดินออกมาจากบ้านเอ่ยถามขึ้น

                “เจ้าเห็นเมฆดำนั้นมั้ย” ชายแก่เอ่ยปากพูดในที่สุดหลังจากยืนเงียบอยู่นาน ดวงตายังคงจ่องมองที่หมู่เมฆอย่างไม่ละสายตา

                “เห็นซิครับ”เทอริโอ ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พลางเดินตรงมาที่ชายแก่

                “มันคือรางร้าย มีเหตุร้ายบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นกับหมู่บ้านของเรา” ชายแก่ละสายตาจากเมฆหันมามองที่เทอริโอ

                “เหตุร้ายหรอครับ…. แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเมฆดำละครับ คิดมากไปแล้วครับมีเมฆดำแล้วเกิดเหตุร้าย ถ้าจะเกิดก็คงเป็นน้ำท่วมทะเลทรายมั้งครับ ฮาๆๆ” เทอริโอพูดแล้วหัวเราะอย่างขบขัน แม้ว่าเขาจะรู้แก่ใจว่าชายตรงหน้าเป็นผู้มีความสามารถในการทำนายที่แม้นยำก็ตาม

                “กลับเข้าบ้านก่อนเถอะครับท่านพ่อ อยู่ข้างนอกลมมันแรงเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะครับ”เทอริโอพูดแล้วก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่ชายแก่กลับหันไปมองเมฆดำและมองก้มมองดูลูกแก้วที่ไม้เท้าในมือซึ่งกำลังเกิดแสงใหลไปมาอย่างปั่นป่วนภายในลูกแก้ว ชายแก่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินตามกลับเข้าบ้านไป

                ทุกอย่างของหมูบ้านในตอนเช้าดูปกติดีดังเช่นทุกเช้า แต่วันนี้บางสิ่งที่ไม่คาดฝันกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

    ห่างออกไปจากหมู่บ้านหลายร้อยกิโลเมตรในทะเลทรายอันเวิ้งว้าง กองทับสีดำทมินของบางสิ่งที่ดูเหมือนฝูงนกขนาดยักษ์กำลังมุ่งหน้ามายังหมู่บ้านแห่งนี้ มันเป็นยานบินขนาดกลางสีเทาดำรูปร่างเหมือนปลาวาฬ มีขนาดใหญ่พอๆกับเรือดำน้ำนิวเครียร์1ลำ และหุ่นรบHBRขนาดเล็ก (ใหญ่กว่าคน5เท่า) สีเทาดำ6เครืองบินคุ้มกัน รูปร่างดูเข็งแกรงเหมือนทหารใส่ชุดเกราะโลหะสีดำ ที่ใหล่ขวาของแต่ละเครืองติดสัญลักษณ์รูปหัวมังกรสีแดงบนพื้นหลังรูปดาวเคราะสีเขียวที่มีวงแหวนสีน้ำเงินโดยรอบอันเป็นสัญลักษณะของดาวออโลล่า มีตัวอักษรคล้ายภาษาอังกฤษเขียนว่า ออลินเนียส G7 (allinneas G7) อยู่ พวกมันทยานบินไปในอากาศโดยใช้ไอพ้นจากท่อขับดันที่ด้านหลังบริเวณใหล่ และฟ่าเท้า ซึ่งกำลังพ้นเปลวเพลิงสีส้มขาวออกมาอยู่ตลอดเวลาที่บิน 

    “เราใกล้ถึงที่หมายแล้วครับท่าน” เสียงชายคนหนึ่งดังมาในความมืดพร้อมกับการปรากฏขึ้นของหน้าจอสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีภาพของนายทหารในชุดเครืองแบบสีม่วงเข้ม ซึ่งกำลังพูดอยู่

    “งั้นหรอ”เสียงของชายผู้หนึ่งตอบกลับจากเงามืดพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก จนเห็นฟันเล็กน้อย

    เขานั่งอยู่บนเบาะหนังสวมหมวกคล้ายหมวกกันน็อก สวมชุดรัดรูปมิดชิดสีเทา มีชุดคล้ายชุดเกราะสีดำสวมที่แขนและขา มีสายไฟขนาดใหญ่หลายเส้นโยงจากแขน ขา และ หมวกไปยังความมืดโดยรอบ มีแสงสีเขียวๆวิ่งไปมาในสายระหว่างตัวเขากับความมืด รอบตัวเขาเต็มไปด้วยความมืด มีเพียงแสงสว่างจากหน้าจอสนทนาเมื่อครู่ และแสงจากหน้าจอสีเขียวที่แสดงภาพท้องฟ้าคราม ก้อนเมฆขาว และผืนทรายเบื่องล่าง เท่านั้น

     “รอก่อนเถอะ ฮาร์ด ออฟ ดากอน” ชายปริศนาคนเดิมพูดขึ้นเสียงก้องกังวาล

    หลายชั่วโมงผ่านไป เวลาก็ร่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่ายแก่ๆของวัน

    บนป้อมยามหน้าหมู่บ้านพวกยามที่เฝ้าอยู่ต่างขยันขันแข็งเฝ้ายามอย่างดีซะเหลือเกิน บางคนก็แอบหลับ บ้างก็ชวนกันเล่นไพ่ซึ่งก็พอจะรู้ตัวได้บ้างเมื่อมีเหตุอะไรเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ดันสามัคคีกันนอนกลางวันซะงั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยมีสตรูมา แม้แต่หนูหนูตกมัน(ไม่ใช้ช้างนะ)ซักตัวยังไม่มีเลย แล้วยังจะยืนเก็กเป็นหุ่นไล่กากันทำไม สู่นอนพักเอาแรงดีกว่า

    เสียงของเครื่องยนตร์ของหุ่นรพดังกระหึ่มคล้ายเสียงของฝูงผึ่งขนาดใหญ่ที่กำลังบินพร้อมๆกัน ยิ่งเข้าใกล้หมู่บ้านมากเท่าไหลเสียงก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น

     “แย่แล้วๆมีกลุ่มยานบินกำลังมาทางนี้แล้ว” ยามคนหนึ่งซึ่งพึ่งสดุ่งตืนขึ้นมาเพราะเสียงเครื่องยนตร์ ร้องขึ้นอย่างแตกตื่นที่เห็นหุ่นรพขนาดใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา

    “ใจเย็นๆก่อนอาจเป็นพวกนักเดินทาง หรือ ทหารหสพันก็ได้นะ” ยามคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องดู เขาส่ายกล่องไปมาเพื่อมองหาสัญลักษณะหรืออะไรก็ได้ที่พอจะบอกได้ว่าหุ่นรพพวกนี้เป็นมิตรหรือสตรู เขาส่ายกล่องหาอยู่นานจนพบสัญลักษณ์รูปหัวมังกรสีแดงบนพื้นหลังรูปดาวเคราะสีเขียวที่มีวงแหวนสีน้ำเงินโดยรอบอันเป็นสัญลักษณะของดาวออโลล่า มีตัวอักษรคล้ายภาษาอังกฤษเขียนว่า ออลินเนียส G7 (allinneas G7)

    “พวกเขาเป็นทหารของสหพันออลินเนียส”ยามผู้ส่องกล่องพูดขึ้น โดยที่ตายังส่องกล่องอยู่

    “งั้นก็เป็นมิตรนะซิ รีบส่งข่าวไปบอกท่านหัวหน้าเร็วเข้า” ยามอีกคนพูดขึ้น

    “ครับผม”หนึ่งในหมู่ยามขานรับแล้วรับปีนลงจากป้อม แล้ววิ่งอย่างสุดแรงตรงไปในหมู่บ้าน

    ยานบินและหุ่นรพบินข้ามกำแพงเข้าไปยังลานกลางหมู่บ้านโดยไม่มีการตอบโต้ไดๆ แต่ถึงจะอยากตอบโตก็คงสู้ไม่ได้ การต่อสู้จึงไม่ใช้หนทางของหมู่บ้านนี้ จึงเป็นเหตุให้สร้างที่หลบภัยขึ้นในภูเขาหลังหมู่บ้าน

    “ท่าน เทอรัน ครับเกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ” ยามคนเมื่อครู่ร้องตะโกนรายงานด้วยอาการกะหืดกะหอบ ขณะวิ่งมาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง

    “เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรอ”ชายแก่คนหนึ่งเปิดประตูบ้านออกมา เขาสวมชุดที่ทำจากผ้าธรรมชาติสีน้ำตาลอ่อน สวมเสื้อคลุมลวดลายคล้ายผ้าไหมมัดหมี่ สวมผ้าโพกหัวสีน้ำตาลอ่อน ในมือถือไม้เท้าโดยจับที่ลูกแก้วส่วนบนสุดของไม้เท้าแล้วค้ำไว้ข้างหน้า เขาก็คือหัวหน้าหมู่บ้านนั้นเอง

    “คือ ที่หน้าหมู่บ้านมียานบินขนาดใหญ่กำลังมาทางนี้ครับ” ยามรายงานด้วยท่าทีที่แสดงถึงความตกใจและร้อนใจมาก

    “ยานบินงั้นหรอ งั้นคงต้องไปต้อนรับกันหน่อยแล้วละ” เทอรัน ตอบเสียงเรียบโดยไม่มีอาการตกใจเลยซักน้อยราวกับว่าเขารู้อยูแล้วว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น

    ยานลงจอดที่ลานกลางหมู่บ้านแรงลมจากท่อไอพ้นขับดันพัดให้ทรายที่ปกคลุมผิวดินอยู่บางๆกระจายออกเป็นควันสีน้ำตาลโดยรอบ ยานลอยนิ่งซักพักก่อนจะดับเครื่องและจอดนิ่งสนิด สายลมพัดพาให้กลุ่มควันจางหายไปอย่างช้าๆเพยให้เห็นยานบินลำใหญ่สีดำทมิฬ และหุ่นรพที่น่าแกรงขามอีก6เครื่อง โดยมีเครื่องหนึ่งที่ดูแปลกตากว่าทุกเครื่อง คือมันมีแขนและขาท่อนบนเป็นสีแดงเข้ม สวมเกราะหนาสีดำ มีลูกแก้วสีม่วงที่ถูกปิดทีบด้วยเกราะรูปตัวXอีกที ที่กลางอก แถมยังมีขนาดใหญ่มากกว่าทุกเครื่อง10เท่าคือสูงกว่าตึก10ชั้นซะอีก

    “สวัสดีครับมีทุระอะไรที่หมู่บ้านนี้หรอครับ” เทอรันพูดด้วยเสียงแหบแห้งในขณะที่กำลัง เดินมาพร้อมกับชาวบ้านอีกหลายคน รวมทั้ง ทราเวีย เทิอริโร เฟรย่า และ เทียล่า ด้วย

    “ที่นี่คือหมู่บ้าน มาโอกุ ใช่มั้ย”เสียงพูดผ่านไมล์ดังออกมาจากหุ่นตัวหัวหน้า

    “ใช่แล้วครับ”เทอรันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นมิตร

    “พวกท่านมีทุระ อะไรที่หมู่บ้านนี้ หรือว่าจะมาร่วมงานเทศกาลฤดูหนาว” เทิอริโอพูดขึ้นแบบยิ้มๆ เพราะ ไม่มีคนภายนอกมาร่วมงานเทศนานแล้ว และอีกอย่าง กองยานเหล่านี้อาจเป็นกองยานของ เทอไมล์เพื่อนเก่าในสนามรบของเขาก็ได้

    “ถ้าจะมางานเทศกาลนะก็ต้องรอให้ค่ำก่อนซิ” เทียล่าพูดด้วยน้ำเสียและท่าทางน่ารักไร้เดียงสาตามประสาเด็ก

    “เปล่าหรอกพวกเราแค่มาทำภารกิจบางอย่างเท่านั้น” เสียงเดิมตอบกลับมา ทำให้ทุกคนรู้สึกงงไปซักพัก ชาวบ้านต่างพากันมองหน้ากันไปมา “ทหารกำจัดพวกกบฏ ซะ” เสียงพูดดังออกมาจากหุ่นหัวหน้าอีกครั้ง สิ้นเสียงดวงตาของหุ่นรพก็เปล่งประกายสีแดงออกมา

    “ว่าไงนะ…..” เทิอริโอตะโกนด้วยน้ำเสียงตกใจ ส่วนชาวบ้านคนอื่นๆต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความงง และวิภากวิจารไปต่างๆนานา แต่ยังไม่มีใครทำอะไรเพราะคิดว่าอาจเป็นเรื่องล่อเล่น

    ยานใหญ่เปิดประตูออกโดยมีทางยื่นลงมาบริเวณด้านหน้าเหมือนปลาวาฬอ้าปากไม่มีผิดเหล่าหุ่นยนตร์หน้าตาเหมือนทหารขนาดเท่าคนจริงต่างกลูกันออกมาราวกับมดแตกรัง ทันทีที่ได้เห็นกองทัพหุ่นยนตร์ที่มีปริมาณเทียบเท่ากับกำลังพลหนึ่งกองร้อยบวกกับคำพูดที่ว่า “กำจัดพวกกบฏ” ทำให้หลายคนต่างพากันวิ่งหนีกันอย่างแตกตื่น มีแต่ทราเวีย เทิอริโร เฟรย่า เทียล่า และเทอรันเท่านั้นที่ยังไม่วิ่งยังคงยืนดูพวกมันด้วยความอึ้ง ซักพักดวงตาพวกมันก็ปรากฤฎไฟสีแดงสว่างวาบขึ้นเหมือนเป็นการเปิดเครื่อง เทิอริโอเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาทุกคนวิ่งไปหลบที่หลังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก

    ไม่กี่วินาทีต่อมาเหล่าหุ่นยนตร์ก็เปิดฉากยิงลำแสงเลเซอร์สีม่วงออกมาจากปืนที่ติดอยู่กับข้อมืออย่างไม่ยั้ง ยิงกวาดไปตามบ้านหลังต่างๆจนพังพินาท เกิดไฟใหม้ขึ้นทั่วทั้งหมู่บ้าน ผู้คนที่บาดเจ็บร้องโอดโอยกันระงม ส่วนที่ยังวิ่งไหวก็วิ่งเอาตัวรอดอย่างสุดกำลัง บางคนถึงกับลืมว่าตัวเองเป็นอัมพาทอยู่ก็มี

    ณ ด้านหลังของบ้านหลังหนึ่งที่พอใช้เป็นที่หลบวิถีกระสุนเลเซอร์ได้ “พวกนี้มันเป็นใครกันแน่นะ” เทอริโอพูดขณะชะโงกหน้ามองไปที่กองทัพหุ่นรพนั้น  ก่อนจะหลบเข้ามาอย่ารวดเร็วโดยที่ไม่ทันให้เซ็นเซอร์ของมันจับได้ “สหพันออลินเนียส ไม่มีทางทำอย่างนี้แน่” เทอริโลหันมาพูดกับทุกคนที่หลบอยู่ด้วย

    “พวกเราจะทำยังไงดีค่ะ ทำมัยพวกเขาต้องมาพังหมู่บ้านของเราด้วยละ ฮือๆ” เทียล่าพูดเสียงสันแล้วร้องให้ออกมาดวงตาสีเขียวมรกตของเธอสะท้อนเปลวเพลิงที่กำลังเผาผลาญหมู่บ้านที่เธอรักให้วอดวายไปกับตา น้ำตาใสๆใหลอาบแก้มทั้งสองข้างและหยดลงสู่พื้นดินทรายเบื่องล้าง

    “ค้นดูให้ทั่วทุกซอกทุกมุมมันต้องซ้อนอยู่ที่ใหนซักแห่งในหมู่บ้านนี้แน่ๆ” หุ่นยนตร์ตัวหัวหน้าออกคำสังอีกครั้ง พวกหุ่นยนตร์ทหารต่างพากันวิ่งแยกย้ายกันออกค้นหาบางสิ่งบางอย่าง บางอย่างที่นำพวกมันมาที่นี่          

    ……ซักพัก….

    “ท่านครับเราค้นหาจนทั่วแล้วแต่ไม่พบ อาร์ก ของหมู่บ้านเลยครับ” หุ่นตัวหนึ่งรายงานต่อหัวหน้าของมัน

     “พวกมันเก็บไว้ที่ใหนกันนะ…….”หุ่นหัวหน้าลำพึงกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะออกคำสั่งต่อ “ทำลายทุกอย่างให้เกลี้ยงเดี๋ยวมันก็จะโผ่ออกมาเอง” ออกคำสังให้ลูกน้องทำลายหมู่บ้านต่อไป

    “อาร์ก…. หรือว่าจะเป็น” เทอริโอกล่าวอย่างคุ่นคิด “ฮาร์ด ออฟ ดรากอน” เทอริโอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจอย่างมาก “ฉันไม่ยอมยกให้พวกแกหรอก ลองชิมนี้ดูก่อนเป็นไง”เทอริโอพูดแล้วยกปืนคู่ใจขึ้นตั้งท่าเตรียมยิง ออล่าสีแดงปรากฎขึ้นรอบกายเทอริโอ ลำแสงสีแดงหลั่งไหลเข้าไปในปากกระบอกปืน เทอริโอเหนี่ยวไกรเต็มแรง ลำแสงสีแดงที่มีเปลวไฟหมุนโดยรอบพุ่งแหวกอากาศตรงไปยังเป้าหมายอย่างแม่นยำ ลำแสงปะทะเข้ากับตัวหุ่นยนตร์ตัวหัวหน้าอย่างจัง เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง แต่เมื่อกลุ่มควันจางหายไปภาพที่ปรากฎขึ้นกลับเป็นหุ่นรพที่ไม่มีความเสียหายอะไรเลย

    “หา….มันสร้างจากอะไรวะเนี่ย” เทอริโออุทานอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

    “กระจอกน่า แค่นี้คิดว่าจะทำอะไร ฮาออน ได้อย่างงั้นหรอ จงหายไปซะเจ้าพวกแมลงเม่า” สิ้นเสียง หุนรพหัวหน้าก็ยื่นมือออกมาแล้วกำเข้าไป ปรากฏปืนกระบอกใหญ่ขึ้นมาทึ่หลังมือ และเล็งตรงมาทางเทอริโอ ออล่าสีม่วงแดงหลั่งไหลเข้าไปในปากกระบอกปืนอย่างรวดเร็ว “จงหายไปซะ,…” ลำแสงสีม่วงที่มีแปลวเพลิงหมุนวนโดยรอบพุ่งมาทางเทอริโอ

    “ฮะ….” เทอริโอออกเสียงเบาๆในลำคอ ดวงตาเบิกกว้าง ทำอะไรไม่ถูก

    ลำแสงปะทะเข้ากับบางสิ่งที่ใหญ่โตและเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อกลุ่มควันจางหายไป ปรากฎบางสิ่งที่มองไม่เห็นแผ่รัศมีปกป้องพวกเขาไว้จากลำแสงพิฆาต แต่พอสังเกตจากกลุมควันได้ว่ามันเป็นเกาะสนามแม่เหล็กที่ถูกสร้างขึ้นจากที่ใหนซักแห่ง

    “รีบพาทุกคนหนีไปเร็วเข้า เกาะนี้ต้านได้อีกไม่นานหรอกนะ” เสียของทอรัน พูดขึ้น ทำให้เทอริโอหันไปมองต้นเสียง เห็นทอรันถือไม้เท้าปักไว้ที่พื้นเบื่องหน้า ลูกแก้วที่ปลายไม้เท้าเรืองแสงสว่างสีเขียวมรกต

    ทุกคนทำตามโดยดี และเมื่อทุกคนวิ่งไปหลบหลังตึกที่ห่างออกไประยะหนึ่งเกาะสนามพลังก็แตก ทอรันล้มลงกับพื้นเพราะแรงสะท้อนจากสนามพลัง หุ่นยักษ์เดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆดวงตาสีแดงของมันส่องประกายดูราวกับอสุรร้ายที่กระหายเลือด

    “แก่แล้วยังไม่เจียมอยากมายุ่งไม่เข้าเรื่อง จงโทษในความจอมแส่ของแกเถอะ” พูดจบหุ่นยนตร์ยักษ์ก็ยิงลำแสงใส่ทอรัน แรงระเบิดมหาสารจนเกิดกลุ่มควันพุ้งกระจายโดยทั่ว บ้านหลังใกล้ๆพังทลายแทบไม่เหลือซาก

     “คุณตาคะ…..”เทียล่าร้องตะโกนลั้น

    “แกบังอาจนำร้ายคุณตาของฉันแกจะต้องรับโทษ” เทียล่าพูดด้วยความโกธรอบตัวเธอเปล่งออล่าสีแดงออกมามากมายมหาสารจนดูเหมือนเปลวเพลิงที่ลุกโชน

    “โอ้ๆ มีพวก เอสเปอร์ สปีริด อยู่ด้วยหรอเนี่ย..... ฮึแต่ยังเป็นแค่เด็กอยู่เลยนิ” หัวหน้าหุ่นยนตร์ดูเหมือนจะแอบตกใจเล็กในตอนแรก แต่กลับพูดออกมาด้วยอารมณ์ตลก เมื่อรู้ว่าเป็นแค่เด็กเท่านั้น

    “เทียล่าลูกฟังพ่อนะ ลูกทำอะไรมันไม่ได้หรอกขนาดคุณตาทอรันยังสู่มันไม่ได้เลย” คำพูดของเทอริโอ ดึงความสนใจของเทียล่าได้เป็นอย่างดี ออล่ารอบกายของเทียล่าเริ่มจาง “ลงลูกเทียล่าลูกต้องไปที่เมืองโยเดีย ไปหานายพลเทอไมล์  บอกเขาว่าพ่อต้องการให้เขาช่วย”

    “แต่พ่อคะหนู…..” เทียล่ายังไม่ยอมหยุดเธอเค้นพลังจนออล่าเข้มกว่าเมื่อครู่เสียอีก

    “เทียล่าลูก…..” เทอริโอพยายาม เกลี่ยกล่อมเทียล่าอีกครัง

    “นิเทีย จำเรื่องที่เราแข่งกันเมื่อวานได้มั้ย” เฟรย่าเอ่ยถามขึ้นทำให้ออล่าของเทียล่าจางลงจนหายไป

    “ค่ะหนูจำได้อยู่แล้วค่ะ พี่มีอะไรหรอคะ” เทียล่าถามขึ้นอย่างสงสัย

    “ที่บอกว่าคนชนะจะให้คนแพ้ทำอะไรก็ได้ อย่างหนึ่ง”

    “ใช่ค่ะหนูจำได้” เทียล่าตอบเสียงเรียบเพื่อยืนยันว่าตนจำได้

    “ แล้วพี่ก็ชนะ พี่รู้แล้วละว่าจะให้เธอทำอะไรดี” เฟรย่าพูดพลางยิ้มที่มุมปาก

    “ทำอะไรหรอคะ” เทียล่าพูดด้วยสีหน้างงๆ

    “ก็ทำตามที่พ่อสั่งยังไงละ เทีย”

    “แต่พี่คะ” เทียล่าพูดด้วยอาการกังวนใจ

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่ามีพี่อยู่ทั้งคน ถ้าพวกมันโผ่มาพี่จะอัดไม่เลี้ยงเลย” เฟรย่าพูดพรางทำท่าชกมวยอย่างแข็งขัน

    “อ้าๆคุยกันเสร็จหรือยัง ได้เวลาทัวสวรรค์กันแล้วนะ” หัวหน้าหุ่นยนตร์พูดพลางเล็งปืนมาทางพวกเขา

    “เทียล่า รีบไปเถอะลูกแค่นี้พ่อรับมือได้สบายมาก”

    “คะหนูจะรีบไปรีบกลับนะค่ะ” “โครมอส…..”เธอตะโกนเรียกมังกรคู่ใจ ชั่วอึดใจเจ้ามังกรก็มาตามคำเชิญ เทียล่าขึ้นขี่บนหลังมังกรและมองลงมาดู พ่อ แม่ และพี่สาวของเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะทะยานขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็วและใช้ความคล่องตัวบินหลบหลีกลำเลเซอร์ที่ยิงขึ้นมา มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของแคว้นนี้ เมืองโยเดีย

    ไม่นานเทียล่าก็กลับมาพร้อมด้วยกองทหารของนายพลเทอไมล์ประมาณ2000นาย แต่มันสายเกินไปทุกอย่างพังพินาจเหลือไว้เพียงเศษซากปรักหักพังซึ่งไฟดับไปเพราะหิมะที่ตกลงมาปกคลุมขาวโพนไปทั่วบริเวณ มีเพียงกลุ่มควันเล็กๆและรอยไหม้ในบางจุดเท่านั้นที่บอกได้ว่าสถานที่นี้เคยถูกไฟเผาผาญจนแทบกลายเป็นทะเลเพลิงมาก่อน

    นายกองคนหนึ่งวิ่งมาหาเทอไมล์และหยุดยืนทำความเคารพก่อนจะพูดขึ้น“เราไม่พบผู้ลอดชีวิตครับ เราพบเพียงแต่สิ่งนี้คิดว่าท่านน่าจะสนใจนะครับ” หัวหน้ากองทหารพูดจบก็ยื่นบางสิ่งที่ดูเหมือนสร้อยคอที่มีจี่วงรีอันใหญ่สีเงินห้อยอยู่  เทอไมล์หยิบมันขึ้นพิจารณาดูอยู่ครู่ใหญ่ๆ “นี่มันสร้อย โฮโลลอย รุ่นเก่านิของใครกันนะ” ด้วยความสงสัย เทอไมล์พลิกดูด้านหลังพบว่ามีอักษรออเลียน(อักษรภาษาทางราชการมีลักษณะคล้ายภาษาอังกฤษ) เขียนว่า “สิบเอก เทอริโอ ทอยเรย์ พลประจำการกองผลยุธศาสตร์แนวหน้า N.A. 405(นีโอศักราชที่405)”

    “นั้นมันของท่านพ่อนิ” เทียล่าพูดขึ้นเพราะจำได้ว่าพ่อของเธอจะสวมมันไว้ตลอดเวลาไม่ห่างตัว เทอไทล์เห็นเทียล่าสนใจในสร้อยเส้นนี้มากจึงยื่นมันให้ เทียล่า

    แทบจะทันทีที่เทียล่าสัมผัดมัน ภาพสามมิติและเสียงก็ถูกฉายออกมาจากสร้อย เทียล่าค่อยๆวางมันลงบนเศษอิฐแถวๆนั้นอย่างระมัดระวัง ภาพและเสียงนั้นเป็นของเทอริโอ ซึ่งมีท่าทางดูกังวนอย่างมาก

    “เทียล่าลูกรัก พ่อรู้ว่าลูกต้องหาสร้อยนี้จนพบ พ่อเสียใจที่ไม่ได้ลาลูกด้วยตัวเองแต่พ่อยอมให้ลูกถูกจับไปไม่ได้ ชีวิตลูกสำคัญเกินกว่าที่จะเสียไป” เสียเงียบไปซักพัก ภาพที่ฉายอยู่ดูเหมือนเทอริโอจะก้มหน้าปาดน้ำตา

    “พ่อค่ะ…..” เทียล่าร้องเรียก เหมือนได้ยินเรียงเรียกภาพฉายเงยหน้าขึ้นและมองมาทางเทียล่า

    “เทียล่าต่อไปนี้พ่อคงไม่ได้เจอลูกอีกแล้ว เทอไมล์เพื่อนรักฉันรู้ว่าถ้าฉันขอนายต้องมาช่วยแน่ๆ ขอบใจมากนะเพื่อนที่ไม่ทิ่งกัน ฉันขอฟากเทียล่าลูกสาวสุดที่รักของฉันให้นายดูแลหน่อยได้มั้ย ฉันรู้นายต้องรับแน่ๆเพราะเป็นคำขอร้องจากฉัน และนายก็ยากมีลูกสาวกับเขาเหมืนกันนินะ แต่นายต้องรับปากฉันนะว่านายจะดูแลเธออย่างดีเหมือนที่ฉันดูแล”คำพูดหยุดซักพัก “เทียล่าลูกพ่อลูกต้องเชื่อฟังคุณลุงเทอไมล์นะ อย่าดื้อมากนักละ พ่อรักลูกนะเทียล่า” คำพูดหยุดไปนานพอควน

    “พ่อค่ะ….” เทียล่าพูดทั้งน้ำตาคลอเบ้า ภาพของเทอริโอหายไปจากจอ และปรากฎภาพของทราเวียค่อยๆ เด่นชัดขึ้นมา

    “แม่ก็รักลูกนะเทียล่า”

    “แม่ค่ะ….” ภาพของทราเวียหายไป และปรากฎภาพ เฟรย่าค่อยๆปรากฏขึ้น

    “เทีย อย่าร้องไห้ซิ เสียชื่อน้องสาวพี่หมด”

    “พี่เฟรย่า….” ภาพฉายเริ่มขาดหาย น้ำตาของเทียล่าเริ่มใหลออกมาเล็กน้อย

    ภาพสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นคือภาพหุ่นรพทหารถือปืนยิงลำเลเซอพุ่งมา และภาพก็ดับลง

    ภาพฉายจบลง เทียล่าทรุดตัวลงคุกเข้ากับพื้น น้ำตาไหลโฮอย่างหยุดไม่อยู่ หิมะเริ่มตกลงมาอีกระลอกรวกกับท้องฟ้าที่เยือกเย็นต้องการจะซ้ำเติมเธอ เทียล่ากรีดร้องอย่างทรมานและเศ้าเกินบันยาย

    ความรู้สึกของเทียล่าตอนนี้นั้นราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกได้มืดมิดลงและจบสิ้นทุกอย่าง แต่มันหาได้เป็นอย่างนั้นไม่เหตุการณ์นี้กับเป็นเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดต่างหาก

     

    ………………………………………………………………………………………………………………………..

    นักเขียนอยากคุย

    18/02/2555 อัพครั้งที่1 99.99%

    รู้สึกว่าผมจะหายไปนานมากๆๆๆๆเลยนะครับครั้งนี้ (กว่า3เดือน) ต้องขอโทษผู้ที่ติดตามด้วยนะครับ ตอนท้ายๆของตอนนี้รู้สึกผมจะแต่งไม่ค่อยได้เรื่องซักเท่าไหลนะครับออกแปลกๆหน่อย (สงสัยหยุดไปนานเลยลืมเนื้อเรื่อง = =!) เอาเป็นว่าจะ Rewrite อีกทีแล้วกันนะครับ มีคำแนะนำดีๆเชิญได้เช่นเดิมเลยนะครับยินดีรับฟังเสมอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×