คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2 "ชีวิตใหม่"(100%) Rewrite 1
"ชีวิตใหม่"
ยามเช้าเมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่มาเยือน แสงแรกของวันใหม่ส่องสว่างที่ขอบฟ้าเป็นสีทองรำไร สายลมเย็นเอื่อยๆพัดมาช้าๆ หมู่ใบไม้พัดพริ้วไปตามกระแสลม เสียงเหล่าวิหกขับร้องบทเพลงไพรเราะดังแว่วทั่วทั้งผืนป่า บรรยากาศอันแสนสดชื้นของวันใหม่อันบริสุทธิ์แผ่ซ้านไปทั่วท้องทุ่งและผืนป่า สายหมอกขาวบริสุธิ์ที่เกิดจากไอน้ำของทะเลสาบที่ปะทะกับความหนาวเย็นของทะเลทรายยามเช้าแผ่ปกคลุมพื้นที่โดยทั่ว ดวงอาทิตย์คู่ที่ดูแปลกตาแต่ก็เป็นเรื่องปกติสำหลับดาวดวงนี้ค่อยๆโผ่พ้นขอบฟ้าฉายแสงให้ความสว่างแก่ทุกชีวิต
ณ บริเวณที่เค็ปซูลตกลงมาเมื่อวาน มังกรยังคงนอนอยู่ด้วยท่าทีอ่อนร้า แสงสว่างจากดวงอาทิยต์เผยให้เห็นตัวมังกรที่ดูแปลกตา มันเป็นมังกรที่มีสี่ขา ลำคอยาว หัวมีเขาแหลมยาวงอไปข้างหลังหนึ่งคู่ มีปีกแบบค้างคาวขนาดใหญ่มากหนึ่งคู่ หางยาวปลายเป็นตุ้มมีหนามคล้ายใบมีดสี่ใบรอบตุ้ม ผิวหนังเป็นสีดำสนิดผิวมันวาวแบบโลหะ ไม่มีเกร็ด มีลายคล้ายวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกสีเขียวเข้มที่กำลังเคลื้อนไหลไปทั่วร่าง ซักพักผิวหนังก็ค่อยๆกลายสภาพเป็นผิวมีเกร็ดสีน้ำตาลส้มทั้งตัว ความจริงแล้วมันคือ BATสิ่งมีชีวิตในตำนานสายพันธุ์ที่หายากที่สุดนั่นเอง มันกำลังหมอบหลับอยู่ในรังโดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเดินไปใหนเลย
อีกฟากของป่า ณ ชายขอบโอเอซิสที่บันจบกับทะเลทราย เป็นบริเวณที่พื้นดินปกคลุมไปด้วยหญ้าต้นเล็กๆใบสั้นแหลม และก้อนหินน้องใหญ่เรียงรายอยู่เป็นหย่อมๆ(หรือลักษณะภูมิประเทศแบบทุ่งหญ้าสเตปส์(Steppes)) เบื้องหน้าคือผืนป่าเบื้องหลังคือทะเลทราย กลุ่มชาวนาที่ออกเดินทางมาตั้งแต่เช้ามืดกังลังพักทำอาหารเช้ากินก่อนจะเดินทางต่อไปยังสถานที่ทำการเกษตร กองไฟถูกก่อขึ้นแบบง่ายๆโดยการนำเศษไม่เศษฟืนมากองรวมกันแล้วนำหินมาวางรอบเป็นวงกลม บนพื้น ไฟถูกจุดจากปลายนิ้วมือของชาวนาบางคน เปลวไปเล็กลอยเหนือนิ้วมือ และทันทีที่ชี้นิ้วไปที่ไม้ลูกไฟเล็กๆก็ลอยไปติดที่ไม้และลุกโชนขึ้นทันที เหล่าชาวนาจับกลุ่มกันรอบกองไฟที่จุดขึ้น พวกเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ธรรมชาติจากวัสดุตามแต่จะหาได้ไม่ว่าจะเป็นก้อนหินหรือท่อนไม้ บ้างก็ยื่นมือออกมาข้างหน้าเพื่อให้ความอบอุ่นจากกองไฟคลายความหนาวเย็นของทะเลทรายในยามเช้าลงได้บ้าง เนื้อของบางสิ่งที่ถูกหั่นคล้ายสแต็กและหมักเครื่องเทศเก็บไว้จนเข้าเนื้อถูกนำมาเสียบไม้แล้วนำไปย่างบนกลองไฟ กลิ่นของเนื้อย่างที่หอมหวนลอยคะคุ้งไปทั่วบริเวณ เมื่อกินเสร็จกลุ่มชาวนาก็ออกเดินต่อทันที
“เวลาไม่รอใครนะรีบๆกันหน่อย ยังอีกไกลกว่าจะถึงที่หมาย ถ้าช้ากว่านี้ความร้อนจะทำให้เราเดินทางลำบากนะ” ชายวัย 30กว่าๆ ท่าทางบึกบึนพูดขึ้นหลังจากขะเมือบเนื้อก้อนโตเข้าไป เขาเป็นชายร่างใหญ่ ผมสั้นสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล สวมชุดคล้ายทหารพราง
“ทราเวีย….. คุณอยู่ใหนนะ เราจะออกเดินทางแล้วนะ” ชายคนเดิมตะโกนรากเสียงเพื่อเรียกหาใครบางคน
“ฉันอยู่นี่ค่ะ….คุณก็น่าจะมาช่วยฉันขนของพวกนี่บ้างนะ เทีอริโอ” ทราเวียหรือก็คือหญิงวัย30กลางทุ่งเมื่อวานนั้นเอง เธอมีผมยาวสีดำสรวย ดวงตาสีฟ้าอ่อนๆ ผิวเนียนสวยสีน้ำผึ้ง หน้าตาสวยสมวัย เธอตะโกนกับมาขณะกำลังขนอุปกรณ์ทำการเกษตรทั้ง คราด มีด ตะกล้าจำนวนมาก และอื่นๆอีกมากมาย ขึ้นบนเกวียนไม้อย่างทุลักทุเล เกวียนนี้มีลักษณะไม่ต่างจากเกวียนที่เรารู้จักมากนัก แต่ที่ต่างกันคือสัตว์ที่ลากเกวียนอยู่ไม่ใช่วัว ม้า หรือควาย แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่หน้าตาคล้ายวัวสีน้ำตาลมีขนยาวรุงรังทั้งตัว มีเขาที่เหมือนเขากวางอยู่บนหัวหนึ่งคู่ มันเป็นสัตว์ที่คนแถวนี้เรียกว่า “ตัว เดียร์บอฟ” มันเป็นสัตว์ทะเลทรายที่อาศัยอยู่ทั่วไปในทะเลทรายแถบนี้ มันกำลังก้มเร็มหญ้าต้นเตี้ยที่ขึ้นอยู่ทั่วไป ในบริเวณใกล้ๆกันก็มีเกวียนแบบเดียวกันของชาวนาคนอื่นๆอีกนับ10เกวียน
“จ้าๆที่รักผมจะไปเดี๋ยวนี้ละ” เทิอริโอ ขานรับด้วยท่าทางเบื่อเล็กน้อย
ทั้งสองช่วยกันขนของขึ้นเกวียนจนเสร็จ แล้วคณะชาวนาก็ออกเดินทางต่อ
เพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อมาความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่มีถึงสองดวงก็แผ่ซ้านไปทุกอนูเมล็ดทราย ผืนทรายร้อนระอุไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆ แปลวแดดโบกพริ้วสะไหวไปมาเหนือพื้นทรายที่ร้อนจัด แต่ภายในโอเอซีส กลับร่มรื้นเย็นสบายราวกลับอยู่คนละโลก
ซักพักกลุ่มชาวนาก็มาถึงที่หมาย ทั้งหมดแยกย้ายกันไปตามที่ทำการเกษตรของตน และลงมีประฏิบัติภารกิจของตนเหมือนทุกวัน บ้างก็ใช้มีดถางวัชพืชออก บ้างก็ตักน้ำสีเขียวจากทะเลสาบไปรดพืชผักของตน ใช้แล้วไม่ผิดหรอกพืชผัก เพราะแต่ละครอบครัวจะมีพื้นที่ทำการเกษตรของตน พวกเขาจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ(คล้ายกับเศษฐกิจพอเพียงในยุกของเรา)เพื่อปลูกพืชต่างๆ ตั้งแต่ต้นข้าว พืชผัก สมุนไพร ไม้ผล ไม้พุ่ม ไปจนถึงไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ก็มี
“วาย…….”เสียงกรีดร้องของผู้หญิง ที่ฟังดูคุ้นๆดังลั้นมาจากจุดหนึ่งของป่า
“มมมมัง…มังกร!!!.....” ผู้หญิงนาม ทราเวียพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เบิกตากว้าง ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ข้างหน้าเธอคือสัตว์ยักษ์สีน้ำตาลที่หน้าสะพึงกลัว มันนอนขดอยู่ในหลุมบนพื่นที่ไร่นาของเธอ มันลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงกรีดร้องเมื่อครู่มันช่างรบกวนประสาทรับเสียงของมันซะเหลือเกิน ดวงตาสีส้มแดงของมันจับจ่องมาที่ ทราเวีย
“ทราเวียๆ….คุณเป็นอะไรไปนะ” เทอริโอร้องตะโกนวิ่งหน้าตื่นมาพร้อมกับกลุ่มชาวนาที่ได้ยินเสียงร้องอีกหลายคน
“โอ่แม่เจ้า…..เป็นไปไม่ได้” เทอริโอเอ่ยเบาๆด้วยความตกตะลึก พร้อมๆกับเหล่าชาวนาที่วิ่งตามมาต่างก็แสดงกิริยาต่างๆแต่ด้วยความรู้สึกเดียวกันคือตลึงเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“ทราเวีย…คุณไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวผมจะเข้าไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้ละ” เทอริโอเอ่ยเบาๆพลางขยับเข้าไปหาเธออย่างระมัดระวัง
มังกรตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ มันใช้ขาคู่หน้ายันตัวลุกขึ้นยืน และกางปีกออก อ่าปากกว้างขู่คำรามดังลั้น แรงกระแทกจากเสียงคำรามดันให้ทราเวียล้มลงกับพื้นในท่าหงายหลังก้นจ้ำเบ้า มันยื้นหน้าเข้ามาใกล้เธอแล้วสูดอากาศเข้าไปเหมือนจะดมกลิ่น ก่อนจะพ้นกลับออกมาอย่างแรง ทำให้ทราเวียกลัวจนหมดสติ
“นิไอ้สัตว์ร้าย คู่ต่อสู่ของแกอยู่ทางนี้ต่างหากโวย เข้ามาเลยซิ” เทอริโอ พูดขึ้นพลางกวักมือเข้าหาตนเองเป็นเชิงท่าทาย หลังจากขว้างก้อนหินก้อนโตใส่มังกรไปหนึ่งดอกเพื่อเรียกความสนใจ และมันก็ได้ผลดีซะด้วยมังกรหันไปเล่นงานเขาแทน ชาวนาคนอื่นๆรีบวิ่งเข้าไปพยุงร่างของทราเวียที่หมดสติไป มันหันหน้าไปอ้าปากร้องคำรามขู่ ก่อนจะพ่นลูกไฟออกมาหนึ่งลูก ลูกบอลเพลิงมุ่งตรงไปยังเป้าหมายอย่างแม่นยำ แต่เทอริโอก็กระโดดม้วนตัวหลบไปได้อย่างเฉียดฉิว ลูกไฟพุ่งชนพื้นดินก็ระเบิดออกเป็นกองไฟบนพื้น
“ไม่เห็นมีใครบอกฉันเลยว่ามันพ้นไฟได้ด้วย” เทอริโอบ่นขณะลุกขึ้นแล้วใช้มือปัดดินตามตัวออก“อย่างนี้ค่อยสมหน่อย” เทอริโอพูดต่อพลางหยิบปืนพกสีแดงประจำตัวออกมา ควงเล่นซักหนึ่งรอบ แล้วค่อยเล็งไปยังมังกร ออล่าสีแดงเป่งออกมาเป็นรัศมีบางๆรอบตัวเขา ปากกระบอกปืนเริ่มปรากฎเส้นแสงสีแดงที่ถูกดูดเข้าไป และปรากฎจอ4มิติขึ้นบนกระบอกปืน เป็นกอบสี่เหลี่ยมมีเครื่องหมาย+ตรงกลาง และตัวอักษรอธิบายรายละเอียดต่างๆ เขานำจุดกลางเคริ่งหมาย+ไปตรงกลางหัวของมังกรอย่างชำนาญ นิ้วมือเกี่ยงไกรปืนเตรียมยิง
“แกเสร็จฉันแน่เจ้าตัวอัปลักษ์” เทอริโอ ยิ้มมุมปากก่อนจะเหนี่ยวไกรไปเต็มที่
ลำแสงสีแดงที่มีเปลวเพลิงลุกโชมหมุนวนอยู่โดยรอบพุ่งควงสว่านตรงไปยังเป้าหมาย ส่วนตัวผู้เหนี่ยวไกรก็ถอยลากไปกับพื้นเป็นทางยาวระยะหนึ่ง ทุกอย่างดูช้าลงเหมือนอยู่ในโหมดSlow พริบตาก่อนที่ลำแสงจะถึงตัวมังกร ผิวหนังของมังกรก็กลายสภาพเป็นสีดำสนิด มีลวดลายกระแสไปฟ้าทั่วร่าง ตัวแหวกออกเป็นทางให้ลำแสงพุ่งผ่านทรุไปโดยไม่สร้างความเสียหายต่อตัวมังกรเลยแม้แต่น้อย ลำแสงที่ทรุไปพุ่งชนก้อนหินขนาดใหญ่ระเบิดออกจนไม่เหลือซาก
“ไม่จริงน่า….ทททำไมมันถึงไม่เป็นอะไรเลยละ” เทอริโอ พูดเสียงสั่นด้วยอากรหวอสุดๆ
มังกรสีดำคืนสภาพและคำรามอีกครั้ง ราวกับว่ามันอยากจะบอกว่า “ทีข้าบ้างละ” มันเปลี่ยนจากมังกรกลายเป็นของเหลวสีดำกองอยู่ที่พื้น และค่อยๆก่อตัวขึ้นเป็นปืนใหญ่พร้อมฐานตั้งและที่ตัวปืนมีตาติดอยู่ ดวงตากลอกไปมาเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง ถ้าคุณสามารถมองเห็นในสิ่งที่มังกรเห็นคุณจะเห็นภาพที่ไม่ต่างอะไรเลยกับจอเล็งเป้าของปืนเทอริโอ ซักพักมันก็หยุดกลอกตา ปากกระบอกปืนปรากฎลำแสงเล็กๆสีฟ้าจำนวนมากที่กำลังวิ่งเข้าไปในปากกระบอก ขณะเดียวกันเทอริโอที่ตั้งหลักได้ก็กำลังทำแบบเดียวกันอยู่ เขาเหนี่ยวไกรเต็มแรงอีกครั้ง มังกรก็เช่นกัน ลำแสงสีแดงที่มีเปลวเพลิงวนรอบปะทะเข้ากับลำแสงสีฟ้าที่มีสายลมหมุนวนรอบ ลำแสงทั้งสองปะทะกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นพร้อมกับการระเบิดที่รุนแรง ทำให้เทอริโอกระเด็นลอยออกไปจากจุดที่ยืนอยู่กว่า5เมตร และตกลงบนพื้นด้วยอาการย่ำแย่ ปืนสีแดงประจำตัวของเขาหลุดจากมือลงที่พื้น มันเกิดลอยร้าวขึ้นพร้อมกับกลุ่มควันสีขาวมากมายที่ออกมาจากปากกระบอก
“เทอริโอคุณอย่าเป็นอะไรนะ……เทอริโอพูดกับฉันซิ……เทอริโอ” ทราเวียที่ได้สติขึ้นมาวิ่งไปกอดร่างของเทอริโอที่เต็มไปด้วยบาดแผลและลอยถลอกไว้ พลางเขย่าไปมาพร้องเรียกชื่ออยู่หลายครั้ง
“ไม่เป็นไร….ไม่ต้องห่วง…ผมไม่ตายง่ายๆหรอกน่าที่รัก คุณก็รู้ว่าผมมันเป็นพวกเดนตาย ไปรบมาไม่รู้ว่ากี่สมรภูมิต่อกี่สมรภูมิจะมาตายง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไงเล่า” เทอริโอลืมตาขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงพลางยกมือขึ้นช้าๆมาจับที่หน้าของทราเวีย
“คนบ้าที่หลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ถ้าคุณเป็นอะไรไปแล้วฉันกับลูกจะทำอย่างไงกันละ พวกเราจะอยู่อย่างไง” ทราเวียก้มมองหน้าเทอริโอดวงตาของเธอมีน้ำใสใหลออกมาเล็กน้อย
ทราเวียมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนเธอชื่อ เฟรย่า อายุประมาณ2ขวบกว่าๆตอนนี้ฟากไว้กับยายที่หมู่บ้าน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะฝากลูกๆไว้ที่หมู่บ้านแล้วออกมาทำงานที่ไร่นาอย่างนี้
“ได้จ้า….ไม่ทำอีกแล้วจ้า ที่รัก” เทอริโอลุกขึ้นมาใช้มือปาดน้ำตาให้ภรรยาสุดที่รักก่อนจะลุกขึ้นยืนมองดูสตรูที่ปะรองความแรงของปืนกับเขาเมื่อครู่ ภาพที่เขาเห็นคือมังกรที่คืนสภาพเป็นมังกรเช่นเดิมอาการของมันย่ำแย่มากวงจรไฟฟ้ารวนไปทั้งตัวบางจุดเริ่มมีการช๊อตเกิดประกายไฟออกมาเป็นระยะ บางเส้นที่เคยมีแสงสว่างก็ไม่มีแสง มันเริกคิดโจมตีและหันหลังจากไป มันค่อยๆเดินอย่างช้าๆไปยังรังของมัน มันก้มหน้าลงมองไข่ทั้งสองใบในรังของมันซักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองทราเวียและเทอริโอ แต่ไม่ใช่ด้วยสายตาอาฆาตแต่กลับเป็นสายตาที่โศกเศ้าเหมือนมันจะรู้อยู่ในใจว่ามันอ่อนแรงมากไม่นานคงต้องตายแน่ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ปะรองปืนกับเทอริโอในวันนี้มันก็จะต้องตายก่อนที่ไข่จะฟักตัวอยู่ดี และลูกมันต้องอดตายหรือไม่ก็โดนสัตว์ป่าแถวนี้คาบไปกินเป็นแน่ มันเข้าใจถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี ต้อนนี้มันคงอยากจะบอกว่า ‘ข้าขอฟากลูกข้าด้วย เจ้าเป็นผู้มีฝีมือสามารถปะรองกับข้าได้ถึงขนาดนี้ ข้ามั้นใจว่าเจ้าจะต้องปกป้องลูกข้าได้แน่’ มันจ้องมองไปยังในตาของทราเวียอย่าไม่ละสายตา ดวงตาของทราเวียเริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่ไร้แววตา
“เขากำลังเรียกฉันอยู่” ทราเวียที่ดูท่าทางเหมือนคนไร้สติ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ค่อยๆเดินตรงไปหามังกรอย่างช้า
“นิแกจะทำอะไรกับเธอกันนะ” เทอริโอพูดพลางยกปืนคู่ใจขึ้นมาเตรียมยิง ถึงแม้สภาพมันจะบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าคงยิงไม่ออกแน่ๆก็ตาม
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าไม่ทำอะไรนางหรอก ข้าแค่อยากจะคุยอะไรกับนางก็เท่านั้น” ทราเวียหันกลับมาแล้วพูดด้วยคำพูดแปลกๆเหมือนจะเป็นสิ่งที่มังกรอยากพูด แต่สื่อผ่านทางร่างของทราเวียแทน
เทอริโอลดปืนลง และได้แต่ยืนดูอย่างลุ้นระทึกเท่านั้น ร่างไร้สติของทราเวียค่อยๆย่างกรายไปยังรังของมังกรอย่างช้าๆ
ช้าๆ ทีละก้าว ทีละก้าว
เมื่อไปถึงกลางรัง ทราเวียหยุดชงักไปครู่หนึ่งแววตาดูเหมิ่อลอยจ่องไปที่ตาของมังกรโดยไม่กระพริบ แล้วเธอก็ทรุดตัวล้มลงกับพื้นอย่าคนหมดสติ มังกรกางปีกออกบินขึ้นสู่ท้องฟ้าหายลับไปในอากาศ เทอริโอที่เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดจึงรีบวิ่งเข้ามารับร่างของทราเวียไว้ก่อนถึงพื้น
ซักพักทราเวียก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าเหมือนคนพึ่งตื่นนอนใหม่ๆ
“นิมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ทราเวียเอ่ยถามด้วยอาการที่ยังมึนๆอยู่
“เธอก็โดนมังกรมันสกดจิตนะซิ” เทอริโอตอบกลับทันที
“สกดจิตงั้นหรอ” ทราเวียยังคงงงๆไม่หาย
“นิเธอจำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรอ” เทอริโอเอ่ยถามด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย
ทราเวียใช้มือกุมหัวส่ายไปมาเพื่อไร่ความมืนออกจากหัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างคุ่นคิด “ไม่รู้สิแต่ฉันจำได้เพียงว่าฉันมองในตามังกรแล้วก็…..แล้วก็….”เธอหยุดไปซักพัก “ต่อจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้เลย”
“แต่ว่านะ เมื่อกี้ฉันฝันด้วยละ ฉันฝันเห็นผู้หญิงแก่ๆคนหนึ่งเธอสวมชุดขาวทั้งชุดท่าทางเธอดูไม่ค่อยดีเลย ฉันก็เลยเขาไปพยุงเธอไว้ เธอเอื่อมมือมากุมมือของฉันไว้ มือเธอนะสั่นไปหมดเลยละแล้วก็เย็นมากด้วย เธอบอกให้ฉันแบมือ แล้วเธอก็เอาหินสองก้อนมาวางบมมือฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ออกมาจากหินนั้น ซักพักหินก็แตกออกกลายเป็นเด็กทารกสองคน”
“ทารกสองคนงั้นหรอ!!!!” เทอริโอพูดแทรกขึ้นมา
“อึม เป็นผู้หญิงหนึ่งผู้ชายหนึ่ง ฉันตกใจมากเลยละ ฉันถามเธอไปว่านิมันอะไรกัน เธอก็ตอบกลับมาว่า ฉันขอฝากเด็กสองคนนี้ไว้กับเธอนะ เธอเป็นคนดีต้องดูแลพวกเขาได้แน่ แล้วเธอก็หายไป รู้สึกตัวอีกทีฉันก็มาอยู่ตรงนี้แล้วละ” ทราเวียเล่าเหตุการณ์ให้ฟังด้วยท่าทางมีความสุข
เทอริโอพยุงทราเวียขึ้นยืนแล้วทั้งสองก็เดินออกจากรังมังกรไป
“เดี๋ยวคงต้องเก็บกวาดกันครั้งใหญ่เลยนะเนี่ย ก็เจ้ามังกรนั้นมันเล่นทำไว้ซะเละอย่างนี้แล้วก็หายตัวไปซะดื้อๆ คนที่อยู่รอดอย่างฉันเลยต้องตามล้างตามเช็ดให้มัน เบื่อจริงพวกทำเละแล้วชิ่ง” เทอริโอ บ่นพึมพัมขณะเดินจากไป
แต่เหมือนมีบางสิ่งดนใจ ทั้งสองหันหลังกลับไปที่รังมังกรพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย และได้พบกับบางสิ่งที่น่าตกใจ มันคือไข่มังกร เมื่อแว๊บแรกที่เห็นความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวทั้งสอง พวกเขาทั้ง งง ทั้งตลึง ตกใจ และไม่รู้จะทำอะไรกับมันดี ทั้งสองเดินเข้าไปหามันอย่างระมัดระวัง เมื่อเข้าไกล้ไข่มังกรก็เรืองแสงออกมาเหมือนจะบอกว่า “อย่ามายุ่งกับฉันนะ” ทราเวียค่อยๆเดินเขาไปช้าๆเธอก้มลงไปจับเบาๆที่ไข่มังกร แสงที่สว่างออกมาเมื่อครู่พลันสงบลงอย่างน่าประหลาด
“ถ้าที่คุณบอกฉันเป็นความจริง นี่คงเป็นไข่ของมังกรตัวนั้นและมันก็ได้ฝากไข่ไว้กับฉัน ฉันจะเลี้ยงพวกมันเอง” ทราเวียหันกลับมาพูดกับเทอริโอ ทั้งที่มือยังคงจับไข่มังกรอยู่
“แต่ว่ามัน…..”เทอริโอยังคงไม่วางใจมังกร
“ฉันจะดูแลมันเองรับรองว่ามันไม่ทำร้ายใครแน่” ทราเวียทำน่าตาจริงจังว่าทุกที
“ก็ได้ ก็ได้ ฉันยอมเธอแล้ว แต่ถ้ามันก่อเรื่องละก็ฉันนี้แหละจะเป่ามันให้กระจุยด้วยไอ้นี่” เทอริโอ พูดเสร็จก็เอาปืนขึ้นมาเช็ดๆถู แล้วยกขึ้นทำท่าเร็งยิง
“แต่ไข่อีกใบนี่ซิมันดูแปลกๆนะเหมือนมันจะเป็นโลหะเลยนะ” ทราเวียพูดขึ้นพลางทำท่าเคาะๆขีดๆบนไข่มังกร
“เหมือนจะมีเสียร้องของเด็กดังออกมาจากมันด้วยนะ” ทราเวียพูดขึ้นขณะใช้หูแนบที่ไข่ประหลาดนั่น
“เอาน่าอย่าไปสนใจมันเลยรีบเก็บๆมันไปซะก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ” เทอริโอพูดแบบเซ็งๆ
ทราเวียยังคงลูบๆคำๆ ไม่หยุด และทันไดนั้นเอง ฟูดๆ…..มีเสียงดังออกมาจากไข่พร้อมกับควันสีขาวที่ถูกปล่อยออกมา ด้วยความตกใจทราเวียจึงวางมันลงที่พื้น
“ตรวจพบสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ ทำการปลดตัวล็อก เปิดฝาคลอบได้” เสียสังเคราะห์ดังออกมาจากเค็ปซูลเช่นเคยแต่คาวนี้มันกับสร้างความตกใจให้กับผู้พบเห็นไม่น้อยเลยทีเดียว ฝาคลอบค่อยๆเลื่อนเปิดออก เผิยให้เห็นเด็กทารกในนั้น ทารกน้อยร้องร่างอแงขึ้นมา ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี แม้แต่เทอริโอที่ดูจะไม่สนใจในตอนแรกยังหันมามองด้วยสายตากึ่งสนใจเล็กน้อย
“เป็นเด็กผู้หญิงด้วยนิ….” ทราเวียพูดขึ้นเมื่อเห็นทารกน้อย เธอค่อยอุ้มทารกออกมาและกอดไว้ในอ้อมอกอันอบอุ่นของเธอ น่าประหลาดที่ทารกน้อยหยุดร้องไห้ในทันทีที่เธออุ้มไว้
“ใหนขอฉันดูหน่อยซิ อึม….น่ารักน่าชังเหมือน เฟราย่าไม่มีผิด” เทอริโอพูดขณะมองดูทารกน้อยที่กำกังหลับสบายอยู่ในอ้อมอกของทราเวีย
“มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงนะเด็กคนนี้นะ” ทราเวียเอ่ยถามขึ้น
“คงจะถูกมังกรจับตัวมามั้ง แล้วเธอจะทำยังไงกับทารกนี้ดีละ”
“ฉันก็จะเลี้ยงเอาไว้นะซิ เฟรย่า ก็คงดีใจที่ได้มีน้องสาวกับเขาซักที”
“เป็นความคิดที่ดีไม่เบา ปล่อยไว้เด็กน้อยน่าสงสารก็คงต้องตาย แล้วเธอจะตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่าอะไรดีละ”
“อึม…นั้นนะสิชื่ออะไรดีนา….” ทราเวียทำท่าคุ่นคิดซักพัก“เทียล่าเป็นไง เฟรย่า กับ เทียล่า ดูเข้ากันดีออก”ทราเวียมองดูทารกน้อยอย่างคุ่นคิด ก่อนจะหันไปพูดกับเทอริโอ
“เทียล่า งั้นหรอ ฟังดูไม่แลวนิ เพราะมากเลยที่เดียว”
“งั้นตกลงแล้วนะ เทียล่าต่อไปนี้หนูคือลูกของแม่ แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายลูกได้อีกแม่ขอสัญญา” ทราเวียพูดขณะมองที่ทารกน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน ทารกน้อยส่งเสียงหัวเราะชอบใจ
ทั้งคู่ยืนอยู่ในรังของมังกรท่ามกลางการมุงดูอยู่ห่างๆของเหล่าชาวนาผู้อยากรู้อยากเห็นทั้งหลาย
กาลเวลาผันผ่านไป วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า เป็นเวลากว่า12ปี ฤดูกาลต่างๆผ่านเข้ามาเยือนและจากไป ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเวลาผันผ่าน
ณ ใจกลางดงไม้ของโอเอซีส ในยามเช้า แสงแดดอ่อนๆฉายเป็นเลาผ่านเงาของแมกไม้มายังผืนดินเบื้องล่าง สายลมอ่อนๆพัดโชยเป็นระรอก ทุกอย่างในป่านี้ดูเงียบสงบ มีเพียงเสียแว่วเบาๆของสายลมที่พัดผ่านกิ่งต้นไม้ กับเสียงร้องเบาๆของนกที่ดังอยู่ไกลเท่านั้น และในความเงียบนั้นเองเสียงของบางสิ่งที่ไพเราะก็ถูกบันเลงขึ้น มันเป็นเสียงของขลุ่ย บันเลงเป็นเพลงช้า ที่ฟังดูไพเราะ สงบสุข แต่แฝงไปด้วยความมีชีวิตชีวา บทเลงอันไพเราะดังกังวาลทั่วผืนป่าแว่วไปตามสายลม ที่พัดมา
บนต้นไม้ใหญ่ เด็กสาวเจ้าของเสียงดนตรีอันไพรเราะ นั่งหย่อนขาอยู่บนกิ่งใหญ่ของต้นไม้ เธอมีผมสีทองยาวสรวยถึงกลางหลัง ผิวขาวอมชมพูดดูสุขภาพดี หน้าตาน่ารักสมวัย เธอสวมเสื้อแขนยาวเปิดอกสีน้ำตาลแต่มีเสื้อยืดสีดำอยู่ข้างในอีกชั้น สวมกระโปงกลีบสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงเข่า สวมรองเท้าคล้ายคอมแบทสีน้ำตาลเข้มยาวครึ่งแข้ง ในมืถือขลุ่ยไม้ไผ่ในท่ากำลังบันเลงอยู่ เธอจับขลุ่ยในแนวยื้นออกไปข้างตัว นิ้วมือขยับเปิดปิดตามจังหวะ เธอหลับตาขณะบันเลงบทเพลง ทำให้ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกผ่านทางแววตาได้ แต่ดูจากใบหน้าแล้วตอนนี้เธอดูมีความสุขมากยิ่งกว่าสิ่งใด
บทเพลงที่ไพเราะดึงดูดเหล่าสัตว์ป่าให้เข้ามาฟัง บนต้นไม้ที่เธอนั่งอยู่มีสัตว์คล้ายกระรอกแต่ตัวมีสีเขียวอมฟ้า ปีนป่ายไปมาอยู่หลายตัวบางตัวก็ฟังเสียเพลงจนเคลิ้มเอนไปมาตามจังหวะ นกหลากสีสันต่างพากันเกาะกิ่งไม้ส่งเสียงร้องและเอนตัวตามจังหวะ บนพื้นสัตว์ป่าคล้ายกวาง ไก่ป่า และกระต่าย ต่างพากันนิ่งเงียบเพื่อรับฟังบทเพลงอันไรเราะ เสียงของลำธารน้ำใสที่อยู่ใกล้ๆส่งเสียงซ่าๆราวกับเสียตบมือของผู้คน สายลมพัดใบไม้ให้ไหวเอนระริก เมื่อสายลมพัดมาถูกผิวกายของเด็กสาวลมก็ม้วนเป็นเกรียวพัดเอาเส้นผมของเธอปริวสรวยตามสายลม บรรยากาศของป่าในตอนนี้ราวกลับถูกสกดไว้ด้วยมนตราแห่งเสียงเพลง
“เธอนิยังเป่าขลุยเพราะขั้นเทพเหมือนเดิมเลยนะ เทียล่า” เด็กสาวนามเฟรย่า ตบมือให้ก่อนพูดด้วยท่าทางยิ้มแย้ม เธอมีหน้าตาน่ารักเช่นเดียวกับเทียล่า ผมสีทองเข้มจนเกลือบน้ำตาลยาวถึงกลางหลังแต่สั้นกว่าของเทียล่าเล็กน้อย ดวงตาสีแดงทัพทิม เธอสวมชุดแบบเดียวกับเทียล่า คำพูดและเสียงตบมือของเธอทำให้เหล่าสัตว์ป่าแตกตื่นหนีไปหมด
เสียงบันเลงหยุดลง เทียล่าค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้า เพยให้เห็นดวงตาสีเขียวมรกตคู่สวย ที่แฝงด้วยแววตาที่ใสซื่อและร่าเริง “ท่านพี่นะ อย่าแซวหนูซิ หนูไม่เก่งถึงขนาดนั้นหรอกน่า เป่าก็ผิดครีย์ แถมเสียงก็เพี้ยนอีก” เทียล่าพูดด้วยท่าทางเขินอาย ชนิดที่เรียกได้ว่าอายม้วนจนแทบตกต้นไม้
“ว่าไปน่าน พูดซะจนฉันไม่อยากเป่าขลุยอีกเลยในชาดนี้” เฟรย่าพูดอย่าเซ็งๆ
“ว่าแต่มีอะไรหรอค่ะพี่” เทียล่า ที่หายจากอาการอายม้วน พูดขึ้นพลางก้มตัวมองลงมาที่เฟรย่า
“ก็จะอะไรซะอีกละ ผลไม้นะเก็บได้กี่ตะกร้า ไม่ซิกี่ลูกแล้วละ” เฟราย่าพูดด้วยสายตาจิกเล็กน้อย
“ผลไม้หรอ….. จริงซิ” เทียล่าทำท่าคลุ่นคิดก่อนจะมองไปยังตะกร้าไม้ที่วางอยู่ข้างเธอมาตลอด “เยิย แย่แล้ว ยังไม่ได้ถึง10ลูกเลย ต้องรีบแล้ว” เทียล่า ออกอาการลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูก
“ไม่ต้องแล้วละ ฉันเก็บ เพื่อส่วนของเธอแล้วละ” เฟรย่าพูดพลาง นำตะกร้าผลไม้ที่มีผลไม้สีแดงอยูเต็ม กว่าสิบใบ มาวางกองให้ดู
“ขอบคุณมากนะค่ะท่านพี่” เทียล่าพูดแล้วดันตัวลุกขึนยืนบนกิ่งไม้ และกระโดดม้วนตัวลงมา ยืนอยู่ที่พื้นหญ้าอย่าสง่างาม ดูทมัดทแมงต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ
“ไม่เป็นไรพี่น้องกันต้องช่วยเหลือกันซิ งั้นเธอช่วยขนมันกลับไปที่นะ”เฟรย่าพูดเหมืนจะเป็นคนดีแค่ตบท้ายด้วยการใช้ให้เทียล่าขนผลไม้กลับบ้าน เล่นเอาเทียล่าถึงกลับงงไปพักใหญ่
“อย่างนี้มันขี้โกงนิ” เทียล่าออกอาการไม่พอใจ
“ถ้าอยากเอาคืนก็ตามมาให้ทันซิ” เฟรย่าพูดขณะที่เธอขี่อยู่บนบางสิ่งที่คล้ายกลับปลากระเบนเหล็กมีไอพ้นสีส้มสองตัวอยู่ด้านหลัง มีกระจกนูนคลอบที่ขับนักบินอยู่ มันลอยนิ่งอยู่เหนือยอดไม้ในป่า สิ่งนี้คือยานบินที่เรียกว่า สกายเรย์(Sky Ray) เป็นยานบินระดับT-3 (Transport-3) หรือยานขนส่งระดับค่อยข้างต่ำ ไม่มีการติดอาวุธใดๆ เป็นยานใช้ขนส่ง ทั้งหมู่บ้านมีเพียง4ลำเท่านั้น “เอาอย่างนี้ดีมั้ยเรามาแข่งกัน ว่าใครจะไปถึงหมู่บ้านก่อนกัน ถ้าฉันแพ้ฉันจะยอมให้เธอเตะก้นฉัน แต่ถ้าเธอแพ้เธอต้องยอมทำตามที่ฉันบอกทุกอย่างตกลงมั้ย” เสียงเฟรย่าดังมาจากตัวยานที่กำลังบินนิ่งอยู่
“ก็ได้ตกลง แล้วอย่ามาเสียใจที่หลังแล้วกัน” เทียล่าตอบกลับอย่าไม่ลังเล
“งั้นฉันไปก่อนละนะ” เฟรย่าพูดขึ้นแล้วยานบินก็พุ่งไปอย่างรวดเร็ว
“เราก็ไปกับบ้างซิ โครมอส….” เทียล่าตะโกนลั้นเพื่อเรียกหาบางสิ่ง
ชั่วอึดใจบางสิ่งที่เรียกหาก็ปรากฎตัวมาจากบนฟ้าลงมาที่พื้นดิน มันคือมังกรที่เกิดจากไข่มังกรในตอนนั้นนั่นเอง เทียล่ารีบขนผลไม้ใส่ในที่เก็บของซึ่งออกแบบพิเศษบนหลังของ โครมอส แล้วรีบกระโดดขึ้นขี่บริเวณคอของมังกรอย่างรวดเร็ว
“ไปกันเลย โครมอส เราต้องชนะ” เทียล่าออกคำสั่งอย่างมุ่งมั้น สิ้นคำสั่งมังกรสยายปลีกบินขึ้นเหนือป่าแล้วพุ่งไปด้วยความเร็วสูง
ไม่นานเทียล่าก็ตามเฟรย่ามาทัน การประลองความเร็วแห่งฟากฟ้าจึงเริ่มขึ้น ทั้งสองบินฉวัดฉเวียนไปมาเหนือพื้นทรายอันร้อนระอุ ผ่านป่าเขียวขจี และทะเลสาบสีเขียวมรกต ผ่านเสาดินและหน้าผาดินมากมาย สองข้างทางขนาบโอบล้อมด้วยหน้าผาดินสีแดงส้มทั้งสองข้าง เบื้องล่างคือแม่น้ำสีเขียวที่ไหลลงสู่ทะเลสาบขนาดใหญ่ใจกลางโอเอซีสในทะเลทรายที่พวกเขาพึ่งบินผ่านมา ทั้งสองบินลงใกล้ผิวน้ำแรงลมทำให้ผิวน้ำกระจายออกกระเด็นเป็นระอองขึ้นมา ทั้งสองหันไปยิ้มให้กันอย่างมีความสุขและหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน ก่อนจะบินดิ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ารัดเลาะตามแนวหน้าผา มุ่งหน้าไปตามแม่น้ำ เข้าสู่ใจกลางหุบเขาซึ่งเป็นจุดกำเนิดของสายน้ำ ที่นั่นเป็นที่ตั้งของโบราณสถาน ที่ชาวบ้านเรียกว่า “วังมังกร” เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมแล้วลดขนาดลงจนถึงยอด มีลูกแก้วขนาดใหญ่อยูข้างบนก่อนถึงยอด รอบๆมีสิ่งก่อสร้างคล้ายตึกสูงอยู่โดยรอบ ทั้งหมดมีสีเทาและเต็มไปด้วยฝุ่น อยู่ในสภาพทรุดโทรมเสียหาย หักพัง มีต้นไม้เถาวัลขึ้นหนาทึบจนดูแทบไม่ออก ยกเว้นเพียงยอดหอคอยตรงกลางที่โผ่ขึ้นมาเหนือยอดไม้เล็กน้อย ทั้งหมดอยู่กลางเกาะที่ล้อมรอบด้วยน้ำและภูเขาทุกด้าน มีสายน้ำแผ่ออกไปทั้งหกทิศไปสู่ทะเลสาบทั้งหก
ทั้งสองบินผ่านไปโดยไม่ได้สนใจ บินตรงไปตามแม่น้ำอีกสายมุ่งหน้าออกจากเขตภูเขาไปตามสายน้ำ ซักพักก็ถึงทะเลสาบที่ชาวนาใช้ทำการเกษตร มองลงไปเห็นกลุ่มชาวนากำลังทำการเกษตรอยู่เช่นทุกๆวัน ทั้งสองชะลอความเร็วลงโบกมือและส่งเสียงทักทายชาวนาข้างล่าง ชาวนาบางคนก็ตอบกลับและโบกมือกลับเช่นกัน ทั้งสองบินผ่านไปซักพักก็เข้าใกล้หมู่บ้านจนสามารถมองเห็นได้จากบนฟากฟ้า ด้านหน้าหมู่บ้านร้อมรอบด้วยกำแพงไม้ ด้านหลังหมู่บ้านเป็นภูเขาสูง กำแพงและภูเขาเหล่านี้ช่วยปกป้องหมู่บ้านจากพายุทะเลทรายที่รุนแรงได้เป็นอย่างดี นอกกำแพงมีทุ่งหญ้าสีเขียวมากมายและต้นไม้เป็นหย่อมๆ ทีทางดินสีน้ำตาลตัดกับพื้นหญ้าโดยรอบอย่างเห็นได้ชัด เป็นทางยาวออกมาจากประตู หน้าประตูมียามอยู่2คน และบนป่อมข้างประตูอีก2คน ภายในกำแพงคือหมู่บ้าน มีบ้านคนที่สร้างจากไม้มุงหลังคาด้วยใบหญ้า อยู่ราว20หลัง มีร้านอาหารและร้านขายของเล็กอยู่สองสามแห่ง แต่ที่เห็นแด่นชัดมาแต่ใกลคือต้นไม้ขนาดใหญ่2ต้นที่ใจกลางหมู่บ้าน ต้นไม้ทั้งสองพันกันเป็นเกลียวและแผ่กิ่งก้านสาขาเขียวขจีเด่นเป็นสง่าอยู่กลางหมู่บ้าน ที่ลำต้นมีลายสีส้มเรืองแสงขดไปมาโดยทั่ว มันคือพืชพลังงาน เพ้น อี เอ็น นั้นเอง ใต้ร่มไม้นั้นมีบ้านหลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านอยู่หนึ่งหลังเป็นบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านหรือก็คือคุณตาของ เฟรย่าและเทียล่านั้นเอง หน้าบ้านมีลานขนาดใหญ่ที่ใช้ในการทำกิจกรรมงานประเพณีต่างๆของหมู่บ้าน
ทั้งสองกำลังมุ่งตรงมายังลานแห่งนี้ ด้วยการแบกลับน้ำหนักที่มากกว่า ผู้ที่มาถึงและแตะพื้นดินได้ก่อนคือ เฟรย่า แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที เฟรย่าเปิดกระจกออกและรีบกระโดดลงมาไปใช้ฝ่ามือประทับลงบนพื้นได้สำเร็จก่อนเทียล่า
“ฉันชนะแล้ว….” เฟรย่าร้องด้วยความดีใจ
“โถ่..ก็โครมอสแบกของหนักกว่านิ” เทียล่าออกอาการงอนตุบปล่อง
“ฉันชนะแล้ว….จะให้เธอทำอะไรดีน่า….”เฟรย่าพูดพลางทำท่าทางคุ่นคิด พร้อมกับเดินวนรอบเทียล่าที่นั่งอยู่บนคอมังกร “ยังคิดไม่ออกแฮะ ไว้นึกออกแล้วฉันจะบอกละกัน” เฟรย่าหยุดเดินแล้วจึงหยิบผลไม้สีแดงขึ้นมาหนึ่งลูก ก่อนจะลงมืองับผลไม้ในมือแล้วเคี้ยวกรอบๆ “ผลไม้นี่มันอร่อยจังเลยนะ เธอก็ลองดูบ้างซิ” เฟรย่าพูดแล้วจึงหยิบเอาผลไม้โยนให้เทียล่าหนึ่งลูก
เทียล่ารับผลไม้ได้อย่างสวยงาม แล้วค่อยๆกัดผลไม้คำเล็กๆและเคี้ยวอย่างช้าๆก่อนจะกลืนลงคอไป “ใช่ จะว่าอร่อยมันก่ออร่อยอยู่หรอกนะ แต่ว่า…..” เทียล่าก้มหน้าพูดด้วยเสียงเบาๆ “คาวหน้าหนูไม่แพ้พี่แน่ คอยดูซิ…”
“ได้เลยฉันพร้อมเสมอ”
“ แต่วันนี้…..ฉันขอเตะคนขี่โกงก่อนเถอะ” เทียล่าเงยหน้าขึ้นพูดด้วยแววตาหน้ากลัวแต่แฝงไปด้วยความร่าเริงและอ่อนโยน แล้วกระโดดลงจากมังกรวิ่งไล่เฟรย่าไปรอบ โครมอสและยานบินสกายเรย์ ทั้งสองวิ่งไล่กันแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไปค่ำคืนอันมืดมิดเข้ามาเยือนหมู่บ้านอีกคลา
ท้องฟ้าถูกฉาบด้วยสีดำของรัตติกาล และระยับด้วยแสงของดวงดารานับล้านสายลมยามราตรีพัดมาเบาๆ บนหน้าผาสูงหลังหมู่บ้านต้นหญ้าโบกพัดไหวตามแรงลม เงาของใครบางคนที่ดูคุ้นตานั้งชันเข่าอยู่ริมหน้าผาสายลมพัดปะทะตัวเธอทำให้ผมสีทองยาวสรวยปริวตามสายลมสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย ดวงตาสีมรกตของเธอจ่องมองลงไปยังหมู่บ้านเบื่องล่าง จากจุดนี้สามารถเห็นวิวหมู่บ้านได้ทั้งหมด แสงไฟจากกองไฟที่ถูกจุดขึ้น และดวงตะเกียงภายในบ้าน รวมถึงแสงจากรวดลายสีส้มบนต้นไม้ ส่องสว่างทั่วหมู่บ้านเบื่องล่าง
“นี่คือหมู่บ้านของฉัน เป็นทั้งที่เกิด และที่ตายของฉัน ฉันรักหมู่บ้านนี้มาก” เสียของเด็กสาวพูดขึ้นมัน คือเสียงของเทียล่า
“หากฉันต้องจากมันไป ฉันคงคิดถึงมันจนอยู่ไม่ได้แน่” เทียล่าพูดด้วยเสียงแผ่วเบา แสงระยิบของดาวบนฟ้า และหิ่งห้อยบนพื้นดินต่างพากันส่องแสงระยับราวกับจะแข่งขันกัน สายลมอันหนาวเย็นพัดมาอีกครั้ง ดวงจันทร์สีฟ้าครามดวงโตส่องสว่างอยู่บนฟากฟ้าข้างหลังของเทียล่าพอดี มังกรบินผ่านหน้าดวงจันทร์ทำให้เกิดเงาแวบหนึ่ง มันบินลงมาข้างๆเทียล่าทำให้เธอตกใจเล็กน้อง
“โครมอส…..”เธอเรียกชื่อมังกร พลางใช้มือลูบหัวของมันเบาๆ
“พรุ่งนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ……หมู่บ้านแห่งนี้”
………………………………………………………………………………………………………………
นักเขียนอยากคุย
18/10/2554 อัพครั้งที่1 80% “ขอลงก่อนนะครับเพราะว่ารู้สึกว่าผมจะใช้เวลาแต่งนานไปแล้ว เดี๋ยวคนอ่านคิดว่าผมไม่แต่งต่อแล้ว ก็ผมมันมือใหม่นินา ก็ต้องช้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เดี๋ยวตอนต่อไปจะพยายามให้เร็วกว่านี้นะครับยังไม่ได้เก็บรายละเอียดอะไรเลยอาจมีตกหล่นไม่ถูกต้องบ้างก็ขออภัยนะครับ”
ช่วงนี้อยู่ในช่วงเริ่มแรกอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่ลงตัวบ้าง จนกว่าจะถึงประมาณตอนที่4หรือไม่ก็5 เรื่องถึงจะเริ่มลงตัวครับ
21/10/2554 อัพครั้งที่2 100% “แม้ว่าด้านเนื้อหาจะครบ100%แล้ว แต่เก็บรายละเอียดได้แค่15%เอง คำผิดและข้อผิดพลาดอื่นๆจึงยังมีอยู่มาก จะค่อยๆตรวจสอบแก้ไขไปพร้อมๆกับการแต่งตอนต่อไปนะครับ”
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปนั้นโปรดติดตามตอนต่อไป
23/10/2554 อัพครั้งที่3 100% “เก็บรายละเอียด และแก้คำผิดบางจุดเท่าที่จะทำได้”100%
ความคิดเห็น