ตอนที่ 29 : ท้องฟ้ากับทะเล : 14 [1/2]
14
“มึง อย่าลืมนะ ตอนเย็นเจอกันที่ร้าน A.T.P. นะ” เสียงของเมธดังลอยเข้ามาในหูของผมเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวันนี้
“รู้แล้ว มึงย้ำกูมาหลายรอบแล้วนะ” ผมกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย
“ก็พวกกูกลัวมึงลืม” นทีตอบกลับเสียงอ่อยก่อนจะหยิบเอาขนมขึ้นมาป้อนใส่ปากผมอย่างเอาใจ
งงล่ะสิว่าทำไมวันนี้เพื่อนของผมถึงมีเวลาว่างมาสุมหัวกับผมได้ทั้งที่ตอนนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอมหนึ่ง แต่ถึงจะบอกว่าปิดเทอมแต่ก็เรียกได้ไม่เต็มปากนัก เอาเป็นว่าเป็นช่วงเวลาพักฟื้นหลังไฟนอลก็แล้วกัน วันนี้เป็นวันเกิดของผม และเมื่อเช้าเราก็ไปทำบุญกันที่วัด พอช่วงสายๆ ก็ไปหาอะไรกินกันแล้วกลับมานอนอืดที่ห้องของเมธ ส่วนที่พวกมันย้ำนักย้ำหนาเรื่องไปที่ร้าน A.T.P. ก็เพราะมันอยากจะเลี้ยงฉลองวันเกิดผมที่นั่น ร้านนี้เป็นผับหรูๆ แห่งหนึ่งที่นักศึกษามหา’ลัยผมไปกันค่อนข้างจะเยอะ เมธบอกว่าพี่รหัสผมก็จะไปด้วย แต่จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้บอกใครหรอกนะว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผม ที่พี่รัญรู้ก็เพราะเราเคยคุยกันและแลกเปลี่ยนประวัติส่วนตัวให้กัน
“ไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้นไหม?” พูดรอบเดียวก็รู้เรื่องแล้วนะ
“เออ กูลืมไปว่ามึงมันความจำดี โดยเฉพาะเรื่องของท้องฟ้า” พูดจบมันก็หันไปแท็กมือกันอย่างชอบอกชอบใจ
“เกี่ยวอะไรกับท้องฟ้า?” คนเขาไม่อยู่ก็ยังจะลากมาเกี่ยวเนอะ
“แล้วนี่มันรู้ไหมว่าวันนี้วันเกิดมึง?” นทียื่นหน้ามาใกล้ผมพร้อมฉีกยิ้มหวาน
“เขาจำเป็นต้องรู้เรื่องกูด้วยเหรอ?” ผมชะงักก่อนจะกระแอมไอเล็กน้อยแล้วหันกลับไปดูหนังต่อ ผมไม่ได้บอกใครแม้แต่ท้องฟ้า แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าวันนี้วันเกิดผม
“มึงยังรู้เรื่องของมันทุกเรื่องเลย” เมธปรายหางตามามองผมเหมือนเคืองอะไรสักอย่าง
“มันไม่เหมือนกันไหม?” ผมถอนหายใจ ผมแอบชอบท้องฟ้า การที่ผมรู้เรื่องของเขามันก็ไม่แปลก แต่นี่มันต่างกัน มันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ท้องฟ้าจะต้องมารู้เรื่องของผม
“เอาจริงๆ นะทะเล ให้พวกกูมองจากดาวพลูโตยังรู้เลยว่ามึงกับท้องฟ้าแม่งมีซัมธิงกัน” นทีจับไหล่ผมให้หันไปมองสบตากับตัวเอง และเมื่อได้สบตากันก็เป็นผมเองที่รู้สึกพ่ายแพ้
“ถ้าไม่ใช่แฟนก็เหมือนคนที่กำลังคุยๆ กันอยู่” เมธเอ่ยเสริมขึ้นมาอีก
“ถึงจะไม่ได้หวือหวาแต่คนรอบข้างเขาก็ดูออกนะเว้ย”
“พวกมึงอย่ามาไร้สาระน่า” ผมเบือนหน้าหนีสายตาที่มองมาด้วยดวงตาเป็นประกายหยอกล้อ
“ทำเป็นเฉไฉ อะไรเป็นอะไรมึงก็รู้ตัวเองดีแหละทะเล”
อืม เรื่องแบบนั้นผมรู้ดี ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอกน่า ความสัมพันธ์ของผมกับท้องฟ้าก็เป็นอย่างที่พวกมันพูดกันนั่นแหละ ถึงเราทั้งคู่จะไม่ได้พูดกันออกมาตรงๆ แต่มันก็ชัดเจนในความรู้สึก
ชัดเจน แต่บางครั้งก็เหมือนมีไอหมอกจางๆ ที่ลอยปกคลุมอยู่
บางทีอาจต้องหาโอกาสพูดคุยกันอย่างจริงจังแล้วล่ะ
ผมเบ้หน้าด้วยความไม่ชอบใจกับเสียงเพลงที่เปิดดังลั่นไปทั่วทั้งร้าน ก็รู้นะว่ามาผับแล้วมันจะต้องเป็นแบบนี้แต่ผมก็ทำใจให้ชินกับเสียงดังๆ แบบนี้ไม่ได้เลย มันขัดใจคนที่รักความสงบแบบผมสุดๆ
“เฮ้ย! มาแล้วๆ” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นเมื่อผม เมธ และนทีเดินเข้าไปถึงโต๊ะที่จองเอาไว้ พวกพี่ๆ ที่รู้จักกันดีนั่งอยู่กันเต็มโต๊ะ รวมไปถึงเพื่อนๆ เดือนทั้งหลายด้วย ผมหันไปทักรุ่นพี่และเพื่อนๆ อย่างเป็นกันเอง ไม่คิดว่าคนจะมากันเยอะขนาดนี้ เกน นานะ พี่รีมาด้วยนะครับ สงสัยพี่รัญเป็นคนบอกแน่ๆ เลย
“ทำไมวันนี้ทะเลมันดูน่ารักจังวะ?” เสียงเอ่ยแซ็วจากพี่คชาดังมาจากท้ายโต๊ะ ยังไม่ทันไรพี่แกก็มีสาวสวยมานั่งขนาบข้างแล้ว
“หล่อต่างหากเล่า!” ผมเถียงกลับทันควัน ผู้ชายที่ไหนเขาน่ารักกัน แล้ววันนี้ผมก็แต่งตัวธรรมดามากเลยนะ แค่เสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงยีนสีดำขาดๆ ที่มีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว
“เอาที่มึงสบายใจเลย” ซินกรอกตามองผมอย่างเอือมระอา ผมก็เลยยกนิ้วกลางให้มันด้วยความรักและเกลียดชัง
“นั่งๆ ทะเลน้องรักมาหาพี่รัญเร็ว” ผมชะงักแล้วหันไปยกยิ้มหวานให้พี่รหัสคนดี พยายามจะมองหาใครอีกคนแต่ก็ไม่เจอ
ท้องฟ้าหายไปไหน?
เขาไม่ได้มาด้วยเหรอ?
“คิดถึงพี่รัญ” ผมเดินเข้าไปกอดอ้อนพี่รัญอย่างเต็มที่ ยิ่งนานวันยิ่งรู้สึกเหมือนมีพี่ชายจริงๆ
พี่รัญของผมน่ารักที่สุดเลย
“คิดถึงเหมือนกัน” คนที่สูงกว่าผมเพียงไม่กี่เซนติเมตรกอดตอบผมแน่นจนคนรอบข้างหันมาเบะปากมองอย่างหมั่นไส้ แต่ผมสองคนก็ไม่ได้สนใจ
“พวกมึงเพิ่งเจอกันเมื่อวานนะ” พี่พนาปรายตามองมาทางพวกผมด้วยสายตาเหยียดๆ ปนรำคาญ
“ก็กูรักของกู มึงจะทำไมเหรอ?” พี่รัญหันไปฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีก่อนจะก้มลงมากดจูบที่หน้าผากผมแรงๆ หนึ่งทีเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดของตัวเอง ผมเบิกตากว้างก่อนจะหลุดหัวเราะร่วนออกมาให้กับความขี้เล่นของพี่รหัสของตัวเอง
“เอ้อ! แล้วแต่มึง” แต่ละคนก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่ก็จะมองมาแบบรำคาญผสมหมั่นไส้
“พวกมึง! ตอนนี้กี่โมงแล้ว” อยู่ดีๆ เมธมันก็ตะโกนเสียงดังจนผมสะดุ้งตกใจ
“สะ...”
พรึบ!
เหมือนใครสักคนจะตะโกนตอบกลับแต่ก็ต้องหยุดชะงักไปเมื่อจู่ๆ ไฟก็ดับเฉยเลย
“เฮ้ย! ไฟดับ!” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นทันทีที่ไฟในร้านดับลงจนมืดสนิทและไม่มีไฟสำรองติดขึ้นมาเลยแม้แต่ดวงเดียว
“สวัสดีครับ” แต่ก่อนที่จะเกิดความวุ่นวายไปมากกว่านี้ ไฟตรงเวทีกลางร้านก็สว่างขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคนที่ผมชะเง้อคอมองหาตั้งแต่เข้าร้านมา
“กรี๊ด!”
“ท้องฟ้าแหละแก!”
“หล่อมาก!!!”
ครับ คนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงสูงกลางเวทีของร้านก็คือท้องฟ้า แล้วก็อย่างที่สาวๆ บอกกัน วันนี้ท้องฟ้าหล่อมาก ผมสีน้ำตาลเข้มของเขาถูกเซ็ตขึ้นไปเผยให้เห็นใบหน้าหล่อคมอย่างชัดเจน และแม้ว่าเขาจะแต่งตัวง่ายๆ อย่างเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนสีดำขาดเข่าธรรมดาแต่เขาก็ยังคงความดูดีไว้ได้ไม่มีเปลี่ยน
“ผมขอรบกวนเวลาทุกคนสักครู่นะครับ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นผ่านไมโครโฟนที่อยู่ตรงหน้าเขา
ในมือของเขากำลังกอดกีต้าร์ตัวโปรดอยู่ กีต้าร์ตัวนั้นเป็นตัวที่ท้องฟ้ารักมาก เขาเคยเอามาให้ผมลองฝึกเล่นด้วย แต่มันก็เละไม่เป็นท่า ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเขาจับมันก็เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เขาบอกกับผมว่าเขากำลังฝึกเล่นเพลงเพลงหนึ่งอยู่ ถ้าเล่นได้แล้วจะมาเล่นให้ผมฟัง ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเพลงอะไร ไม่รู้ด้วยว่าเขาลืมที่ตัวเองเคยพูดไปแล้วหรือยัง แต่ผมก็ยังคงรอ รอว่าเขาจะมาเล่นเพลงนั้นให้ฟังอย่างที่บอกกับผมเอาไว้
“ได้ค่า~” เสียงตอบรับของสาวๆ ทำเอาผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
ถึงท้องฟ้าจะมีมนุษยสัมพันธ์ที่แย่แค่ไหนแต่พวกสาวๆ ก็ยังคงตามกรี๊ดเขาไม่เลิก ตามติดมากๆ เลยด้วย ถึงจะไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปวุ่นวายกับเขาก็เถอะ แต่เรทติ้งเขาก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีตก
“ไม่มีอะไรครับ แค่จะมาร้องเพลงเฉยๆ” เป็นครั้งแรกที่เขาหลุดหัวเราะออกมาแผ่วเบาท่ามกลางสายตาผู้คนนับร้อย เหมือนเขาเองก็คงจะเขินๆ อยู่หน่อยๆ ด้วยล่ะมั้งครับ ทำเอาสาวๆ ที่นั่งมองเขาอยู่ร้องวี้ดว้ายชอบอกชอบใจกันใหญ่
“ตั้งใจฟังด้วยนะ” หัวใจของผมเต้นถี่รัวเมื่อนัยน์ตาคมจ้องมองมาที่ผมพร้อมระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา แล้วผมก็ดันบ้าจี้พยักหน้าตอบรับเขาไปด้วย
“กรี๊ด!!!” มีหลายคนที่หันมามองผมตามสายตาของท้องฟ้า และเมื่อพวกเขาเห็นว่าคนที่ท้องฟ้าพูดด้วยเมื่อกี้คือผมเสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งร้าน
ให้ตายสิ ยังไม่ทันได้ฟังท้องฟ้าร้องเพลงผมก็เขินจนตัวจะระเบิดแล้ว
ถ้าผมลุกเดินหนีออกไปตอนนี้เขาจะโกรธผมไหมครับ?
---------------------------------------------------------------------------------------
อ้าว ค้าง!
วิ่งหลบมีดแปบ ฮาาาา
พาร์ทนี้ดูสั้นหน่อยเนอะ เพราะมันจะไปลงหนักที่พาร์ทหลัง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มันค้างมากกกกกกก