ตอนที่ 28 : ท้องฟ้ากับทะเล : 13 [2/2]
“ทะเล มีคนมาหา” นั่งทำไปสักพักเพื่อนที่เดินออกไปหาของกินก็เดินกลับเข้ามาพร้อมตะโกนบอกผมที่นั่งอยู่คนเดียวตรงมุมข้างกำแพงของห้อง มันเป็นที่ประจำของผมเองแหละ แต่ละคนก็จะมีที่ประจำของตัวเอง ยิ่งห้องสตูฯ แบ่งออกไปตามแต่ละชั้นปีด้วยแล้วยิ่งทำให้พวกเรามีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นบางทีพวกพี่ๆ ก็แวะเวียนมาหามาให้กำลังใจและช่วยงานบ้าง
“ใคร?” ผมหันมองเพื่อนร่วมสาขาด้วยความแปลกใจ ใครมาหาผม? จะว่าท้องฟ้าก็ไม่น่าใช่ เพราะปกติถ้าเขามาเขาก็เดินเข้ามาเลย ไม่ต้องให้ใครมาบอกผมหรือถามหาผมจากคนอื่นแบบนี้
“ไม่รู้จักว่ะ”
อืม ถ้าเพื่อนผมบอกว่าไม่รู้จักแบบนี้ก็คงไม่ใช่ท้องฟ้าแล้วแหละ เพราะในมหา’ลัยนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้จักท้องฟ้า คนที่เป็นเพียงแค่เดือนบริหารปีก่อนแต่กลับดังพอๆ กับเดือนมหา’ลัย และผมมั่นใจว่าไม่มีใครในคณะจะจำหน้าท้องฟ้าไม่ได้ ก็เขาเล่นมานั่งเฝ้าเวลาผมทำงานอยู่แทบจะทุกวัน ผมรู้ว่าหลายคนคงคันปากอยากจะถามแต่ก็ไม่กล้า แต่ถ้าพวกเขาถามจริงผมก็คงตอบไม่ถูก
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับท้องฟ้ามันเหมือนจะชัดเจนแต่ก็ไม่ มันคล้ายกับว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก หลายคนก็บอกว่าเราเหมือนแฟนกันหรือไม่ก็คนคุยๆ กันอยู่ แต่สำหรับผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่เคยถามและท้องฟ้าก็ไม่เคยพูด ผมคิดว่าเราเองต่างก็ชัดเจนกันในระดับหนึ่ง แต่มันก็ยังมีบางอย่างที่ยังคงคลุมเครือ ผมไม่ได้เรียกร้องหาสถานะอะไรเพราะคิดว่าเท่าที่เป็นอยู่มันก็ดีมากพอแล้ว ทุกวันนี้ยังถามตัวเองอยู่เลยว่าผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? มันก็ออกจะน่าเหลือเชื่อไปหน่อยนะสำหรับคนที่แอบชอบเขามานาน แล้วจู่ๆ วันหนึ่งก็ได้ไปใกล้ชิดกับเขา ไปอยู่ในโลกของเขา ผมว่าแค่นี้มันก็ดีมากแล้วนะ
“เรารู้จักกันเหรอ?” ผมมองผู้ชายตัวสูงที่เดินเข้ามาด้วยความแปลกใจ แต่จะว่าไปผู้ชายคนนี้ก็หน้าตาคุ้นๆ อยู่เหมือนกัน
“ไม่ ฉันชื่อเคย์เป็นน้องรหัสพี่ท้องฟ้า” เขาส่ายหน้าเบาๆ แล้วตอบกลับมาด้วยท่าทางนิ่งๆ
“อ่า แล้ว?” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ โอเคผมรู้แล้วว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นหน้า ก่อนหน้านี้ผมเคยเจอเขาที่ห้างตอนไปเดทกับท้องฟ้า อืม ท้องฟ้าบอกว่ามันคือเดท เป็นเดทรอบที่สามมั้งถ้าจำไม่ผิด ผมเห็นผู้ชายคนนี้เข้ามาทักท้องฟ้าตอนที่เราอยู่กันในร้านหนังสือ แต่เขาไม่เห็นผมหรอก เพราะยืนหลบอยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน
“อ้ะ พี่เขาฝากให้ฉันเอามาให้นายเพราะตอนนี้พี่เขาติดพรีเซ้นงานอยู่” ถุงหน้าตาคุ้นๆ ถูกยื่นมาตรงหน้าผม
“ทั้งหมดนี่เลยเหรอ?” ผมมองถุงพิซซ่าที่อยู่ในมือของเคย์อย่างอึ้งๆ มันไม่ได้มีแค่พิซซ่าอย่างเดียวแต่ยังมีของอีกหลายอย่างที่ผมไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่เห็นๆ เลยคือน้ำอัดลมขวดใหญ่และถุงขนมจากร้านชื่อดังอีกหนึ่งถุงใหญ่
“อื้อ รับไปสิ”
“อะ อือ ขอบใจ” ผมเคลียร์บนโต๊ะให้พอโล่งแล้วรับถุงของมาวางไว้ หยิบกล่องขึ้นมาดูทีละอย่างแล้วก็ต้องตะลึงเพราะของที่อยู่ตรงหน้าผมนี้คือของที่ผมบอกกับท้องฟ้าไปในไลน์เมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อน
“นายนี่โชคดีเนอะ ขนาดฉันเป็นน้องรหัสยังไม่ได้ขนาดนี้เลย” เสียงของเคย์ดังขึ้นเรียกให้ผมหันไปมอง
“เอ่อ กินด้วยกันไหม?”
“ไม่ล่ะ ว่าแต่ ขอนั่งอยู่ในนี้ได้ไหม?”
“อืม” ผมดันถาดพิซซ่าไปให้เคย์แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าเบาๆ แล้วขอนั่งลงข้างผมแทนซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร
“นี่ของนายเหรอ? ดูได้ไหม?” เคย์ชี้ไปที่สมุดวาดรูปของผม
“อืม” เล่มนั้นเป็นเล่มที่ผมเอาไว้ฝึกฝีมือในการวาดรูป ไม่ได้มีรูปของท้องฟ้าแต่อย่างใด เพราะงั้นสบายใจได้หายห่วง สามารถให้คนอื่นเยี่ยมชมได้อย่างสะดวกใจ
“วาดเก่งเนอะ สอนบ้างสิ” เขามองรูปที่ผมวาดอย่างทึ่งๆ ส่วนผมก็นั่งกินพิซซ่าไปเงียบๆ หันไปเรียกเกนกับนานะให้มากินด้วยกันด้วย สองคนนั้นก็เดินมาหยิบใส่ปากคนละชิ้นแล้วเดินกลับไปทำงานต่อโดยที่พิซซ่าก็ยังคงคาอยู่ในปาก
เป็นคนยุ่งๆ ที่ใช้ชีวิตโคตรยุ่งเหยิงเลย
“อยากสอนนะ แต่สอนไม่เป็น” ผมเคี้ยวพิซซ่าที่อยู่ในปากจนหมดแล้วดันชีสบอลไปให้เคย์คะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายกินเพราะผมรู้ว่าตัวเองกินไม่หมดแน่ๆ ก็ไม่คิดว่าท้องฟ้าจะบ้าจี้ซื้อมาทุกอย่างให้จริงๆ แบบนี้นี่ และเคย์สมควรจะได้รับส่วนแบ่งเพราะเขาอุตส่าห์เอามาให้ผมถึงที่นี่เลยนะ คนมีน้ำใจแบบนี้ก็ควรจะได้อะไรตอบแทนบ้างสิ
“อืม เข้าใจ” ผู้ชายตรงหน้าผมพยักหน้ารับแล้วเอื้อมมือมาหยิบชีสบอลกินอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะถูกผมมองจ้องอยู่ ดีมาก ผมสามารถหาตัวช่วยในการกินได้แล้ว ผมจะไม่ทำให้เงินเกินพันที่ท้องฟ้าเสียไปหมดไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่นอน
ครืด ครืด
ท้องฟ้าสีคราม
ทำอะไรอยู่? 14.06
แชทของท้องฟ้าเด้งขึ้นมาอีกแล้ว
ทะเลสีฟ้า
14.07 *ส่งรูปภาพ*
14.07 ขอบคุณครับ
ผมถ่ายซากอารยธรรมที่ผมและบรรดาเพื่อนๆ ทำเอาไว้ไปให้ท้องฟ้าดู เชื่อเถอะว่าถ้าเขาเห็นแล้วจะต้องปลื้มใจแน่ๆ ที่เงินที่เขาเสียไปมันได้ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อดอยากที่กำลังจะกลายเป็นซากศพเพราะขาดแคลนอาหารในห้องสตูฯ ได้ ราวกับเทพผู้ให้ลงมาจุติยังห้องสตูดิโอของเด็กปีหนึ่ง อีกสาเหตุหนึ่งที่เพื่อนร่วมรุ่นของผมจดจำท้องฟ้าได้ก็คือทุกครั้งที่ท้องฟ้ามาหาผมเขาจะไม่ได้มามือเปล่า น้ำขนมมาต้องพร้อมทุกครั้ง เคยมีครั้งหนึ่งที่ผมฝากให้เขาซื้อข้าวมาให้เพื่อนๆ ด้วย และเมื่อเขาซื้อมาเขาก็ไม่เอาเงิน ทำตัวเป็นป๋าเลี้ยงเพื่อนผมมากกว่าสิบชีวิต หลังจากนั้นมาเวลาท้องฟ้ามาหาผมทุกคนก็มักจะดูมีความหวังในชีวิตขึ้นมาทันที และก็เป็นท้องฟ้าเองนี่แหละที่มักบอกผมเสมอว่าให้เอาของกินไปแบ่งเพื่อนด้วย
เป็นคนดีสุดๆ ไปเลยนะท้องฟ้าเนี่ย ยกนิ้วโป้งให้เลย
ท้องฟ้าสีคราม
อืม จะกลับกี่โมง? 14.08
ทะเลสีฟ้า
14.08 งานเสร็จเมื่อไหร่ก็กลับ
แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่
ขอไว้อาลัยให้ตัวเองสักสองวินาที
ท้องฟ้าสีคราม
ถึงคิวพรีเซ้นงานแล้ว 14.09
เดี๋ยวเสร็จแล้วไปหา 14.09
ทะเลสีฟ้า
14.10 ซื้อนมปั่นมาให้ด้วย
ท้องฟ้าสีคราม
ครับ 14.10
ถามว่าที่กินไปไม่อิ่มเหรอ? ก็บอกได้เลยว่าอิ่มมาก แต่มันยังมีขนมที่ท้องฟ้าซื้อมาให้อีกไง ทั้งเค้กทั้งคุกกี้ทั้งพาย กินเปล่าๆ มันก็จะแห้งๆ คอนะ ต้องมีน้ำด้วยสิ
“รู้จักพี่นทีด้วยเหรอ?” ผมหันไปมองเคย์และก็เห็นว่าเขากำลังจ้องไปที่สมุดเล่มหนึ่งของผมอยู่
“เพื่อนกัน” มันเป็นสมุดจดงานของผมเอง เล่มนั้นนทีให้มาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อน ด้านหน้าก็เป็นดีไซน์เรียบๆ ไม่ได้มีอะไร แต่ด้านในมีรูปของผม นที แล้วก็เมธแปะอยู่ พอดีลมมันพัดเลยทำให้สมุดมันเปิดเห็นหน้าที่มีรูปแปะอยู่พอดี
“รู้จักกันนานแล้วเหรอ?”
“ตั้งแต่มัธยม สนใจ?” จากสายตาที่อีกฝ่ายมองรูปของนทีแล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย
“อืม สนใจ”
“นทีไม่ชอบคนเด็กกว่า” ที่ท้องฟ้าเคยบอกว่านทีถูกเด็กตามอยู่นี่คงจะหมายถึงเคย์สินะ
“แค่ปีเดียวเองนะ” เคย์หันมาสบตากับผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากไหวไหล่เบาๆ
“พี่นทีชอบผู้ชายหรือเปล่า?” นี่คงเป็นสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอด แต่ไม่เคยได้คำตอบสินะ
“ชอบก็คือชอบ จะผู้หญิงหรือผู้ชายมันไม่สำคัญหรอก เจ้าตัวเขาเคยพูดแบบนี้ตอนถูกรุ่นพี่ผู้ชายมาจีบตอนม.5” ผมหันกลับมานั่งทำงานต่อโดยที่ปากก็ยังคงพูดกับเคย์อยู่ จากที่มองผ่านๆ เขาก็ดูน่าจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ก็เป็นน้องรหัสของท้องฟ้านี่ เห็นอย่างนั้นท้องฟ้าก็เป็นคนที่เลือกคบคนอยู่เหมือนกันนะ ถึงจะเป็นน้องรหัสแต่ถ้านิสัยไม่โอเคท้องฟ้าก็ไม่สนใจหรอก เรื่องนี้ผมรู้เพราะเขาเคยตอกหน้าเพื่อนในสาขาของตัวเองมาแล้ว ผมไม่รู้รายละเอียดหรอก และเราก็อย่าไปสนใจเลย
“แล้วพี่นทีคบกับรุ่นพี่คนนั้นไหม?” เคย์ยังคงถามต่อด้วยความอยากรู้ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงหุ่นหนาๆ หน่อยเหมือนพวกนักกีฬา ส่วนเรื่องหน้าตาก็จัดว่าดีใช้ได้ ถ้าพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกก็ถือว่าผ่าน ส่วนเรื่องนิสัยก็ต้องดูกันยาวๆ
“ไม่ได้คบ”
“ทำไม?”
“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเด็กเกินไป นทีไม่ชอบ” ใช่ นทีไม่ชอบคนงี่เง่า ถึงจะชอบผู้ชายคนนั้นแต่ก็ไม่ยอมคบเพราะรู้ว่าคบกันยังไงก็ไปไม่รอดแน่ๆ นทีเป็นพวกฉลาดคิด เขามักจะใช้สมองมากพอๆ กับความรู้สึก เพราะอย่างนั้นนทีเลยเป็นคนเดียวที่มักจะยึดถือเหตุผลมากกว่าความรู้สึก
“ที่บอกว่าไม่ชอบเด็กนี่หมายถึงนิสัยสินะ”
“ก็นะ” อายุไม่ได้เป็นตัววัดวุฒิภาวะทางด้านอารมณ์และความคิดนี่
“ต้องทำยังไง?” เป็นคำถามที่ตอบยากจริงๆ
“ถ้านายชอบนทีจริง การเข้าหาโดยการเป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีที่สุดแล้ว” จากที่สังเกตดูแล้วเคย์ก็ดูเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ และดูจะไม่ใช่พวกเด็กงี่เง่าหรือพวกลูกคุณหนูที่เอาแต่ทำเรื่องไร้สาระไปวันๆ
“คนชอบพี่นทีเยอะ” จริงอย่างที่เคย์ว่านั่นแหละ นทีฮอตจะตาย ทั้งผู้ชายแล้วก็ผู้หญิงเขามาจีบอยู่บ่อยๆ
“แต่จะมีสักกี่คนที่ทนนทีได้?” เห็นแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วนทีน่ะเข้าถึงยากจะตาย คนส่วนใหญ่ต้องถอยทัพไปเพราะเข้าไปไม่ถึงหัวใจของนที นั่นคือข้อเสียของคนที่ใช้เหตุผลมากกว่าความรู้สึกไง
“...”
“กับเรื่องของความรักน่ะ บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องคิดเยอะหรอก แค่ทำตามความรู้สึกของตัวเองก็พอ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สุดท้ายแล้วก็แค่ทำใจยอมรับกับผลลัพธ์ที่ออกมาให้ได้ก็พอแล้ว”
เราไปบังคับใจใครไม่ได้ แม้แต่ตัวเราเองก็ยังบังคับไม่ได้ เพราะอย่างนั้นถ้าอยากที่จะรักแล้วก็ต้องไปให้สุดแล้วหยุดเมื่อมันไม่ใช่ และเมื่อกล้าที่จะรักก็ต้องกล้าที่จะยอมรับกับผลที่ตามมา ครั้งหนึ่งในชีวิตเราทุกคนก็ต้องเคยผิดหวังนั่นแหละคืออีกรสชาติหนึ่งของความรัก
“นั่นสิ รู้ดีเหมือนมีความรัก” คนข้างตัวผมขานรับก่อนจะหรี่ตามองมาที่ผมอย่างจับผิด
“...” ผมหันไปสบตากับเคย์พลางยกยิ้มบางออกมา การที่ผมไม่ตอบก็ถือว่าเป็นคำตอบที่ชัดเจนของคำถามนี้แล้ว
“อ่า เข้าใจแล้ว นี่ ฉันขอไลน์นายหน่อยสิ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ และผมคิดว่าเขาคงรู้ด้วยว่าคนที่อยู่ในใจของผมคือใครเขาถึงได้ยกยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาแบบนั้น
“ฉันคงช่วยอะไรนายไม่ได้ แต่ถ้าอยากรู้เรื่องนทีก็จะตอบให้ แค่บางเรื่องที่ตอบได้” ผมพูดดักทางอีกฝ่ายไว้ก่อน ไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับความรักของใคร แต่ถ้าพอจะมีสักทางให้เพื่อนได้เจอกับความรักดีๆ ผมก็อยากจะทำ
“แค่นั้นแหละที่ฉันต้องการ ขอเบอร์ด้วยได้ไหม?”
“กดเอาเอง” ผมยื่นโทรศัพท์ที่ปลดล็อกหน้าจอเรียบร้อยแล้วส่งไปให้อีกฝ่าย กับแค่โทรศัพท์ผมไม่หวงหรอก มันไม่ได้มีอะไรสำคัญอยู่แล้ว ถึงจะเพิ่งรู้จักกันแต่ผมว่าเคย์ก็ดูน่าจะไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง
“พี่รหัสฉันบอกว่ากำลังมาหานาย ไม่ได้แอบเปิดอ่านนะ แค่เห็นมันเด้งขึ้นมาเฉยๆ”
“อืม” ผมที่กำลังเพ่งอยู่กับการประกอบโมเดลก็ชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่หันมายกยิ้มยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมอย่างหยอกล้อ
“อยู่กับนายก็ดีนะ พูดแค่สิ่งที่จำเป็น ไม่พูดมากจนน่ารำคาญ” เขายื่นโทรศัพท์กลับมาให้ผม ซึ่งผมก็เอามาเปิดข้อความแล้วตอบกลับท้องฟ้าไป ถ้าไม่ตอบเดี๋ยวก็โดนโวยอีก
“เราไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่เราคิดนี่” ก็ไม่ได้เป็นคนปากรั่วอะไรขนาดนั้นไหมล่ะ
“พับผ่าสิ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นเพื่อนกับพี่นทีได้” ผมหันไปยกยิ้มกว้างให้เคย์หนึ่งทีก่อนจะกลับมาตั้งใจทำงานต่อ
เพื่อนกันก็ต้องเหมือนกันสิจริงไหม?
“ฉันไปก่อนดีกว่า ยังไงก็โชคดีนะ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือมาตบบ่าของผมเบาๆ
“นายก็เหมือนกัน” ผมส่งยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เคย์จะเดินออกไป ผมกลับมานั่งทำงานของตัวเองด้วยความเงียบสงบอีกครั้ง งานผมก็ทำไปได้เยอะแล้วแต่ก็ยังเหลืออีกเกือบครึ่ง ที่ยากที่สุดคงเป็นการเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เนี่ยแหละ
“ทะเล” ผมหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นหู ท้องฟ้าเดินเข้ามาโดยที่ในมือข้างหนึ่งมีแก้วนมปั่นที่ผมอยากกินอยู่ด้วย
“ขอบคุณ” ผมรับแก้วนมปั่นมาด้วยรอยยิ้มกว้างแล้วขยับที่ให้ท้องฟ้านั่ง ปัดๆ เอาเศษกระดาษเศษขยะที่ไม่ได้ใช้ลงพื้นไปก่อน เดี๋ยวทำเสร็จแล้วค่อยเก็บกวาดทีเดียว
“จะกลับกี่โมง?”
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว?” ผมลืมใส่นาฬิกามาเลยหันไปถามอีกคนที่ติดนาฬิกาและบ้านาฬิกาเป็นที่หนึ่ง
“สี่โมงครึ่ง”
“ไม่เกินหกโมงงานก็น่าจะเสร็จ” ก็ภาวนาขอให้มันเสร็จล่ะนะ
“อืม เดี๋ยวไปส่ง” ประโยคเดิมๆ ดังเข้ามาในหู เดี๋ยวไปรับ เดี๋ยวไปส่ง ได้ยินทุกวันจนชินละ
“ว่าง?” ไม่ได้ตั้งใจจะกวนนะก็แค่สงสัยเฉยๆ ว่าเขาว่างขนาดมานั่งรอผมเลยเหรอ?
“พอสมควร” แล้วแต่เลยครับคุณ อยากทำอะไรก็ทำ เห็นแบบนี้แต่ท้องฟ้าน่ะเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ เลยนะ
ผมส่ายหัวเบาๆ แล้วตั้งใจทำงานต่อเพื่อจะได้เสร็จเร็วๆ เห็นหน้ามึนๆ ของคนข้างตัวแล้วก็อยากไล่กลับไปนอน ท้องฟ้านั่งมองผมทำงานไปได้ไม่นานก็ฟุบหน้าหลับลงไปกับโต๊ะโดยที่เอาเสื้อคลุมของผมไปหนุนรองหัว
“ถ้าง่วงก็กลับไปนอนสิ” ผมเอื้อมมือไปลูบผมคนที่นอนหลับอยู่ด้วยความเอ็นดู ทั้งที่ก็เหนื่อยจากการทำงานหามรุ่งหามค่ำขนาดนั้นแท้ๆ แต่ก็ยังจะมารอกลับพร้อมผมอีก จะน่ารักไปถึงไหนนะท้องฟ้า
“เมื่อคืนแก้งานพรีเซ้นดึกไปหน่อย เสร็จแล้วเหรอ?” คนที่หลับไปชั่วโมงกว่าลืมตาขึ้นมามองผมด้วยท่าทางงอแง
“เสร็จแล้ว” ยกมือไปจัดผมที่ยุ่งเหยิงของอีกฝ่ายให้เข้าที่เข้าทางด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ช่วงเวลาที่ท้องฟ้าจะดูน่ารักมากที่สุดก็ตอนเพิ่งตื่นนอนนั่นแหละ ใบหน้าและหัวยุ่งๆ กับท่าทางงอแงเหมือนเด็กๆ ยิ่งถ้าถูกปลุกให้ตื่นโดยที่ยังนอนไม่เต็มอิ่มจะยิ่งงอแงมากเป็นพิเศษ
“จะกลับเลยหรือแวะหาอะไรกินก่อน?” ร่างสูงลุกขึ้นยืนพลางช่วยผมเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ให้เข้าที่
“แวะกินข้าวก่อนก็ได้”
“กินอะไร?”
“นายเลือกสิ” ผมพยักพเยิดหน้าให้เขาเป็นฝ่ายเลือก เพราะที่ผ่านมาท้องฟ้ามักจะให้ผมเป็นคนตัดสินใจอยู่เสมอ เขาตามใจผมมาตลอด ครั้งนี้ผมเลยให้เขาเลือกบ้าง
“อืม บะหมี่เกี๊ยวไหม?” เขามองหน้าผมด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ก็ดี” กำลังอยากกินพอดีเลยแฮะ
---------------------------------------------------------------------------------------
เคย์ครับ (ว่าที่)แฟนนที
---------------------------------------------------------------------------------------
คุณท้องฟ้า~
สายเปย์ที่แท้ทรู
พี่จะไม่พูด แต่พี่จะทำเลย
ผู้ชายในฝันที่มีแค่ในฝัน
นอนฝันเอานะ ฮาาาา
---------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่อยู่เคียงข้างเรานะคะ
ทุกคำตอบของคำถามมีอยู่ในเรื่องแน่นอนค่ะ
ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลของตัวมันเองอยู่แล้ว
มันมีที่มาที่ไปมาตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ
แต่บางเรื่องก็อาจจะอยู่ในตอนพิเศษในเล่มก็ได้นะ
อุ๊บ!
สปอยด์
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว ปมในนิยายก็ไม่ได้เฉลยในตอนเดียวจบเช่นกัน
แฮร่! เกี่ยวเหรอ?
ไม่เกี่ยวหรอก ขำๆ เด้อ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1.ทะเลค้างสอบวิชาสุดท้ายตอน ม.6 เพราะแม่หมอเกิดอุบัตุเหตุ เลยไปนอก 1 ปี แล้วเพื่อนๆเข้าปี 1 พอเพื่อนขึ้นปี2 ทะเลกลับมาอยู่ปี 1 แสดงว่าทะเลมาทำเรื่องสอบแค่วิชาที่เหลือใช่มั้ย เพราะถ้ากลับมาเรียนม.6 ใหม่แล้วค่อยสอบเข้ามหาลัย เพื่อนๆของนทีต้องอยู่ปี3 ใช่มั้ย
2.ทะเลให้รูปวาดท้องฟ้าตอนม.5 เทอม 2 ก่อนย้ายรร. แสดงว่าย้ายไปเรียนม. 6 ที่รร.อื่นสินะ
1. แม่ของทะเลเส้นเลือดในสมองแตก วันที่น้องสอบวันสุดท้ายแล้วนะคะ เท่ากับว่าน้องจบม.6แล้ว
2. ใช่แล้วค่า ทะเลย้ายรร.เพราะแม่ย้ายที่ทำงาน