[inazuma go]Summer Time
หน้าร้อนครั้งนี้เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้สารภาพความในใจนะ(Taiyou x Yukimura)
ผู้เข้าชมรวม
1,965
ผู้เข้าชมเดือนนี้
10
ผู้เข้าชมรวม
เรื่องสั้นของคู่ที่พลิกแผ่นดินหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอโมเม้นต์สักที!?
แต่งมาให้ดูน่ารักๆ แต่กลับมึนๆสะได้ ชิ!!
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ยูคิมูระเกลียดหน้าร้อน
บ้านเกิดเขาอยู่ตอนเหนือของประเทศอากาศหวานเย็นเสียครึ่งปี มีเวลาเพียงไม่นานที่พวกเขารับรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า “ร้อน”....ต่างกับโตเกียว
ใบไม้เขียวชอุ่มและไม้ดอกแย้มบานสะพรั่ง ท้องฟ้าสีครามไร้มลทินแสงอัสดงสะท้อนสาดซัดเข้านัยน์ตาพร่ามัว อุณหภูมิร้อนอบชวนอึดอัด ไหนจะเสียงแมลงรีดร้องดังรอบกาย สะท้อนต่อเนื่องไม่ขาดยาวนานจนเขาอยากรู้จริงๆว่าแมลงพวกนี้รู้จักคำว่าเหนื่อยไหม
ยิ่งคิดว่าเขาต้องอยู่โตเกียวตลอดปิดเทอมความทุกข์ทรมานยิ่งเหลือพรรณนา
เขาล้มตัวนอนบนพื้นระเบียงอย่างหมดอาลัย มือเล็กกวาดทางบริเวณเหนือศีรษะเพื่อปรับความแรงอุปกรณ์ยันชีพหน้าร้อน ไล่ยังปุ่มริมเพื่อปรับเป็นความแรงสูงสุด ซึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะเขากดปุ่มนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มตัวเล็กพลิกตัวเข้าหาภายในห้องอย่างหงุดหงิด ถึงเขาจะเป็นคนอารมณ์เย็นจนออกเฉื่อยๆเนื่อยๆแต่หน้าร้อนแบบนี้ทำให้ใจเขาวุ่นอยู่ไม่เป็นสุขเลยสักนิด!
“ยูคิมูระ ยูคิมูระ อยู่มั้ย”เสียงแตกหนุ่มคุ้นชินดังขึ้นหน้าประตู คิ้วเรียวกระตุกเข้าหากันอย่างงุนงง เขาค่อยๆลากสังขารตัวเองออกจากพัดลมคู่ชีพเพื่อเปิดประตูต้อนรับแขก
“ไทโยมาทำไม?”คนมาใหม่ยิ้มแฉ่งสมความหมายของชื่อ
“อยู่บ้านจริงด้วย ปกติเห็นกลับฮอกไกโดตลอด”ไม่ว่าเปล่ารุ่นน้องตัวสูงกว่าเดินเข้าในห้องเขาทั้งที่ไม่ได้อนุญาต ไทโยอยู่ในชุดไปรเวทเนื้อบางลวดลายสะดุดตากับกางเกงยีนส์สีเข้มซึ่งมองคร่าวๆยังรู้ว่าเป็นของมีระดับ แค่การแต่งตัวสบายๆแต่กลับดึงเสน่ห์ขี้เล่นของเจ้าตัวออกมาได้ดีเยี่ยม
“ใส่ยีนส์หน้าร้อน? นับถือเลย”ยูคิมูระเดินไปนั่งข้างคนผมสีส้มบริเวณระเบียง
“นี้ๆ ทำไมปีนี้ไม่กลับฮอกไกโดหรอ?”ดวงตาสีฟ้าจ้องเขา
“รุ่นพี่ไม่อยู่นะ เลยไม่รู้ว่าจะกลับทำไม”เด็กหนุ่มตอบ
“ผมไม่เคยฟังเรื่องครอบครัวยูคิมูระเลย เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย?”เขายิ้มให้อย่างใสซื่อ คนเหนือหันหน้าหลีกเลี่ยงการสบตาพิจารณาว่าควรบอกเรื่องนี้ไหม
“ครอบครัวฉันตายแล้วนะ....ทุกคนเลย”ดวงตาไทโยเบิกกว้าง
“แล้วมันก็เป็นสาเหตุด้วยว่าทำไมฉันไม่ชอบหน้าร้อน....เพราะทุกคนตายในหน้าร้อน”คนผมสีส้มทำหน้าเลิกลั่น เขาไม่ควรถามถึงเรื่องนี้เลย
“ขอโทษครับ...”เขาเอ่ยด้วยเสียงสำนึกผิด พรางเหลือบมองรุ่นพี่ผมน้ำเงิน สีหน้าเขาไม่มีความทุกข์หรือโศกเศร้าเลยสักนิด
“เรื่องมันก็ตั้ง10ปีกว่า ทำใจได้แล้วละ”เขาหันมายิ้มบางๆให้
“แล้วยูคิมูระเลยอยู่กับรุ่นพี่หรอ?”ถึงจะเสียมารยาทแต่ไทโยยังอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับคนตรงหน้ามากขึ้น
“อือ รุ่นพี่เป็นคนในครอบครัว แล้วยังเป็นพี่ชายที่ฉันรักมากที่สุดเลยละ”ยูคิมูระเอนตัวนอนบนพื้นไม้
“.......”ไทโยมองรุ่นพี่ต่างโรงเรียนที่นอนให้พัดลมเป่าไอร้อนอ้าวเข้าหาตัวเอง เขาอดยิ้มกับใบหน้าไร้เดียงสาไม่ได้ เวลาพูดคุยแม้จะเข้าหายาก พูดจาขวานผ่าซาก แต่ยังสัมผัสถึงความอบอุ่น อ่อนโยนในน้ำเสียง เขาใช้นิ้วตัวเองเกลี่ยผมสีน้ำเงินที่ปกใบหน้าหวานละมุน รุ่นพี่ใส่แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นสีขาวเผยให้เห็นแขนเล็กไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อ ช่วงขาเรียวยาวสวยผสมด้วยผิวสีสว่างราวหิมะเริ่มแรกของฤดู หยดเหงื่อเล็กๆจากอุณหภูมิภายนอกทำให้เขายิ่งละสายตาจากร่างบอบบางตรงหน้าไม่ได้
“ร้อน เอามือออกไป”เขาปัดมือไทโยออกอย่างไร้เยื่อใยพรางหมุนตัวเข้ารับลมร้อนที่มาจากอุปกรณ์ไฟฟ้า
“ว่าแต่ นายมาหาฉันทำไม?”ในที่สุดรุ่นพี่ก็เปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งชันเข่า เขาเขยิบใบหน้าเข้าใกล้เสียจนรับรู้ถึงไอร้อนจากตัว
“ตอนกลางคืน ตอนกลางคืนมีงานเทศกาล..... ไปด้วยกันนะ”เขาพูดตะกุกตะกักด้วยอาการตื่นเต้น
“งานเทศกาล....? ไม่เอาอะ คนเยอะ ร้อนก็ร้อน”ยูคิมูระปฏิเสธแบบไม่คิด
“โถ่ ตอนกลางคืนมันไม่ร้อนหรอกนะ อีกอย่างนายจะได้ชอบฤดูร้อนด้วยไงละ”เขาเขย่าตัวรุ่นพี่ไปมา
“ความชอบไม่ชอบมันเปลี่ยนกันได้ง่ายที่ไหนเล่า!”เขาเจอมือเล็กตะปบหน้าเสียสมดุลจนเอนล้มไปด้านหลัง ไทโยลุกขึ้นมาพรางเอามือประคองหัวลดอาการมึน พอมองยังตัวการเขาส่งเสียงขู่ไม่ให้เข้าใกล้เหมือนลูกเสือดาวพยายามป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายยังไงยังงั้น
“ไปเถอะ ผมไม่มีเพื่อนไปด้วย”อ้อนวอนต่อ
“ปกติงานเทศกาลเขาไปกับแฟนไม่ใช่รึไง”
“ผมมีแฟนที่ไหนเล่า อีกอย่างปีนี้ยังเป็นปีสุดท้ายไม่ใช่หรอที่นายอยู่โตเกียวนะ รู้จักกันมาตั้งนานยังไม่เคยได้ไปงานเทศกาลฤดูร้อนด้วยกันเลยนะ”เขานั่งหน้ามุ่ยเบี่ยงสายตาไปทางอื่นไม่ยอมสบตาคนตรงหน้าสักที เขารู้ตัวมานานแล้วว่า ตกหลุมรัก ยูคิมูระ เฮียวกะ แต่เพราะอยู่ต่างโรงเรียนทำให้พวกเขาไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรเป็นพิเศษนอกจากเพื่อนกลับบ้าน ช่วงปิดเทอมเจ้าตัวยังกลับบ้านในฮอกไอโดเสียทุกครั้งจนเขาไม่มีโอกาสชวนเที่ยวด้วยกันแม้แต่น้อย
ยูคิมูระอยู่มัธยมปลายปี3 ปีสุดท้ายที่เขาจะเรียนในเมืองหลวง เขาอุตส่าห์รวบรวมความกล้าถึงขั้นนี้แล้ว สมมุติโดนปฏิเสธเขาคงไม่กล้าเอ่ยชวนในโอกาสต่อไป และความรู้สึกในใจเขาคงถูกปิดผนึกไว้ไม่มีใครได้รู้ละมั้ง
“เฮ้อ ไปก็ไป....”เพียงเสียงตอบรับทำให้ดวงตาสีฟ้าของเด็กหนุ่มเป็นประกาย
“สักทุ่มกว่าๆเดี๋ยวผมมารับนะ อย่าลืมนัดละ”เขาพยักหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย ถ้าหมอนั้นไม่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้เขาก็ไม่มีวันทำตามคำขอนั้นหรอก
เขากำลังรอเด็กที่บอกว่าจะมารับเขาอยู่หน้าบ้าน
ท้องฟ้าสีสว่างไร้มลทินเมื่อกลางวันแปรเปลี่ยนเป็นสีมืดเข้มแต่ยังคงความสว่างไสวจากแสงจันทร์และแสงนีออน ทั้งยังไม่ใช่คืนเดือนมืดทำให้เขามองเห็นสิ่งรอบข้างอย่างชัดเจน ยูคิมูระใส่เสื้อไปรเวทที่เรียกว่าธรรมดาสุดๆ เสื้อเชื้ตตัวหนึ่ง กางเกงขายาวเท่าเข่า รองเท้าหนีบส้น ก็เขาเป็นเด็กผู้ชายหนิจะให้ใส่ชุดยูกาตะไปงานอะไรพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใช่ไหมละ
“ยูคิมูระ มาแล้ว”ก่อนเห็นร่างก็ได้ยินเสียงก่อน รุ่นน้องผมสีส้มดวงอาทิตย์โบกไม้โบกมือให้เขาตรงหัวมุมถนนเป็นนัยให้เดินเข้าหา
“ไม่ร้อนใช่มั้ยละตอนกลางคืนเนี้ย”ไทโยยิ้มสดใส เขาก็ไม่ใช่พวกยึดติดความคิดตัวเองหรือไม่ยอมรับความจริง ยามค่ำปกติเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้านทำให้เขาไม่รู้เลยว่าอากาศยามดวงอาทิตย์ลาลับมันเย็นสบายเพียงนี้
“แล้วทำไมถึงอยากให้ไปงานเทศกาลด้วยกันละ?”เขาถามในสิ่งที่ค้างคา
“ก็อยากให้เป็นความทรงจำสนุกๆของเฮียวกะไง”รอยยิ้มกวนประสาทประดับบนหน้าคนผมสีส้มอีกครั้ง
“เรียกฉันด้วยนามสกุลห้วนๆยังพอรับได้ แต่ไอ้เรียกชื่อต้นเนี่ยมันใช่เรื่องมั้ย”
“ก็นายยังเรียกฉันไทโยเลย”
“นายอยากให้เรียกเองไม่ใช่รึไง”
“งั้นต่อจากนี้ผมเรียกนายว่าเฮียวกะนะ”
“ไม่ได้”เสียงบูดบึ้งดังจากคนตัวสูงกว่า พอรุ่นน้องเริ่มอ้อนด้วยแววตาเขาก็ใจอ่อนทุกทีสิ....
“วันเดียวก็ได้”ในที่สุดเขาก็ทำตามไอ้เด็กนี้อีกจนได้
“เฮียวกะน่ารักที่สุดเลย”นอกจากน้ำเสียงดีใจน่าหมั่นไส้มือที่ใหญ่กว่ารุ่นพี่เกือบเท่าตัวยังเนียนกุมมือเขาไว้อีก ถึงเด็กหนุ่มจะห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์สินะ
“เอ๊ะ เห...”เขากระชับมือให้แน่นเข้าไปอีกจนทำให้ใบหน้าของคนตัวสูงขึ้นสีแดงระเรื่อ
“จะจับมือก็จับสิ กลัวอะไรละ”เพราะคำพูดตรงไปตรงมาทำให้สมองไทโยหมุนติ้ว เขาแน่ใจว่าตัวเองกำลังเขินยิ่งการกระทำเมื่อครู่ที่มือคู่เล็กแนบชิดปลายนิ้วเขาทำให้เด็กหนุ่มผมสีส้มทำอะไรต่อไม่ถูก ได้แต่เป็นฝ่ายโดนคนตัวเล็กลากไปอย่างเดียว
เอกลักษณ์ของงานเทศกาลฤดูร้อนคือรื่นเริง สดใส มีชีวิตชีวา จากบริเวณว่างเปล่าเมื่อก่อนเต็มไปด้วยโคมไฟสีแดงประดับประดา ทำนองดนตรีประสาน ซุ่มเกมต่างๆตั้งแต่ของกินถึงของที่ระลึก ผู้คนเดินขวักไขว่ด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน เป็นภาพที่ไทโยเห็นทุกปีจนชินชาเว้นแต่ครั้งนี้เขามีคนที่อยากอยู่ด้วยมากกว่าใครอยู่เคียงข้าง
“ปกติคนเยอะขนาดนี้เลยหรอ?”ยูคิมูระบ่น ไทโยรู้ดีว่าคนตัวเล็กไม่ชอบที่มีคนเยอะ
“งั้นไปเล่นดอกไม้ไฟกันมั้ยครับ?”เด็กหนุ่มเสนอ รุ่นพี่พยักหน้าเชิงเห็นด้วย
ไทโยตัดสินใจซื้อดอกไม้ไฟขนาดเล็กกับขนมอีกสองสามอย่าง เขาวางแผนไว้แล้วว่าจะสารภาพความในใจวันนี้..โอกาสครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
เสียงป้อกแป้กดังสะท้อนภายในหูของเขา ปลายแท่งไม้สีขาวเต็มไปด้วยประกายไฟสีสวยงดงาม ไม่ใช่เพียงพวกเขาที่เล่นดอกไม้ไฟนี้แต่รวมถึงทั่วบริเวณรอบข้าง ไทโยเงยหน้ามองรุ่นพี่ผมน้ำเงิน มุมปากเขาอมยิ้มสนุกสนานดวงตาสีฟ้าเข้มดูมีความสุขมากกว่าเวลาปกติ ยิ่งแสงประกายรอบด้านทำให้เขารู้สึกถึงหัวใจดวงน้อยที่เต็มระรัวผิดปกติ
ยูคิมูระเป็นคนหน้าตาดีแถมยังสวยหวานกว่าผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ การที่ได้เห็นใบหน้าคนที่ชอบยิ้มแย้มอบอุ่นทำให้เขาไม่สามารถบรรยายความรู้สึกยามนี้ได้จริงๆ
“มีอะไรรึเปล่า?”เป็นอีกฝ่ายที่สบตาและไถ่ถามเขาก่อน ไทโยสะบัดหน้าพรางพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้เรื่อยเปื่อยไม่อยากให้เด็กหนุ่มจับได้ว่าเขาแอบมองอยู่
“ฮะๆ”เสียงใสเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย
“เฮียวกะหัวเราะทำไมนะ?”
“แค่คิดถึงสมัยก่อนนะ ฉันไม่ได้มางานเทศกาลตั้งแต่พ่อแม่เสีย”ดวงตาสีฟ้าฉายแววอ่อนโยนขึ้น
“ลืมไปแล้วนะว่าสนุกอย่างนี้นะ”เขากลืนน้ำลายลงไปในคอ
“สำหรับเฮียวกะแล้วใครสำคัญที่สุดหรอ?”คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้น
“ก็ต้องรุ่นพี่ฟุบุกิสิ เขาเป็นทั้งพี่ชาย เป็นทั้งอาจารย์ เป็นทั้งผู้ปก...”
“ไม่ใช่แบบนั้น สำคัญในความหมายอื่นสิ ที่มากกว่าเพื่อน...และไม่ใช่แบบครอบครัว”ดวงตาสีฟ้าแสดงอาการงุนงงกับการกระทำของเขา
“นายเป็นอะไรนะไทโย?”เขาถามอย่างไม่เข้าใจ เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว
“สำหรับผมเฮียวกะเป็นคนสำคัญ ไม่ใช่แบบเพื่อน มันเป็นความผูกพันที่ผมนิยามขึ้นมา ในทุกเวลาผมคิดแต่เรื่องของเฮียวกะ และก็ และก็”เขาสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง
“ผมชอบ.....!”เสียงของเขากลืนหายไปกับดอกไม้ไฟขนาดยักษ์บนท้องฟ้า มันแตกกระจายเป็นหลากสีสันแต่งแต้มท้องฟ้าให้สดงามราวภาพเขียน ยูคิมูระดูสนใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่มากกว่าเขาสะอีก
“ไทโยเมื่อกี้นายพูดว่าอะไรหรอ..?”เขาแทบทรุดลงกับพื้น ให้ตายสิอุตส่าห์ทำใจกล้าสารภาพไปแล้วทำไมพระเจ้าถึงโหดร้ายกับเขาเช่นนี้
“จะว่าไป ไอ้ที่นายพูดตอนประโยคแรกนะ สำหรับฉันนายเป็นคนสำคัญเหมือนกันนะ นอกจากจะเป็นเพื่อนเดินกลับบ้าน ยังคอยอยู่ใกล้ๆเวลาฉันหงุดหงิดหรือร้องไห้ แถมยังทำให้นึกถึงความทรงจำดีๆในหน้าร้อนอีก ”เสียงใสเรียกความสนใจเขาทันที
“นายทำให้ฉันนึกออกเลยละว่าความรักความผูกพันเป็นยังไง”เขาฉีกยิ้มสดใสที่น้อยครั้งจะได้เห็น เป็นรอยยิ้มจากใจที่ทำให้เขาใจเต้นรัว ถึงเขาจะคิดมาตลอดว่านี้อาจเป็นโอกาสสุดท้าย
“เฮียวกะเวลาที่เหลือต่อจากนี้ผมจะทำให้นายรักผมให้ได้นะ!!”
Talk
รู้สึกอยากแต่งคู่นี้แปลกๆค่ะ แต่งเสร็จภายใน5ชั่วโมง TTwTT อาจจะเขียนผิดบ้างไรบ้าง ถ้ามีเวลาจะมาแก้ไขนะคะ
จะว่าไปคู่นี้เขาจิ้นกันตอนไหนนะ(แทบไม่มีโมเม้นต์พอกับคู่อิบุกิกับมาทาทากิ ฟฟฟฟ)
update แก้คำผิด(ที่ไม่รู้ว่าตกหล่นตรงไหนหรือเปล่า)แล้วคะ หวังว่าจะชอบคู่มึนๆคู่นี้นะ ฟฟฟ
ฝากคำถามอย่างเยอะค่ะ 55555
ไม่แน่ใจหรอกค่ะว่าจะแต่งทุกคู่ แต่ทุกคู่มีพล๊อตไว้แล้ว(โดยเฉพาะมาทะมินา ข้ามไป2หน้าละคะ ฟฟฟฟ)
เข้าใจติ่งคู่นี้ด้วยเถอะคะ ว่าโมเม้นต์มันเยอะมากแอบมองกันตลอด(จริงๆนะ ไปดูภาคgalaxyแล้วคุณจะรู้คะ!!) แถมคนแรกที่เข้าใจในตัวทักกี้ก็มินาโฮะด้วย(เทนมะไม่นับนะเพราะมินาโฮะรู้เรื่องdark sideทักกี้คนแรก เอาจริงๆเหมือนมินาโฮะจะสงสัยมาตั้งแต่ตอนgalaxy ฉายช่วงต้นเรื่องเลยคะ) เราสามารถหาโมเม้นต์คู่นี้ได้อีกมากมายคะ ซึ่งถามว่าทำไมเราถึงไม่แต่งอิบุกิกับมาทาทากิ.....เราหาโมเม้นต์ไม่เจอคะ//ใครเจอบอกด้วยเผื่อติดลมบนเอาไปแต่ง กร๊ากกกก
เรากลัวแต่งแล้วเฟลไม่มีคนอ่านคะ ;w;
ผลงานอื่นๆ ของ Hoshi P.P. ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Hoshi P.P.
ความคิดเห็น