หมอเทวดาเคน - หมอเทวดาเคน นิยาย หมอเทวดาเคน : Dek-D.com - Writer

    หมอเทวดาเคน

    พ่อหมอเคน ได้ชื่อว่าเป็น "หมอเทวดา" ที่รักษาโรคร้ายอย่างไม่มีใครทำได้อย่างเขา แต่นี่เป็นการละเมิด "กรรม" หรือไม่ พลังวิเศษจะอยู่กับพ่อหมอไปจนถึงเมื่อไหร่ ถ้าหมดกรรมแล้ว พลังวิเศษจะช่วยอะไรเขา ?

    ผู้เข้าชมรวม

    83

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    83

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ก.พ. 66 / 15:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    “พ่อหมอเทวดาเคน” ใครๆ ก็เรียกเขาอย่างนี้ เคนอิจิ หนุ่มชาวญี่ปุ่นที่มาอยู่เมืองไทยกว่า 30 ปีแล้วนึกกระหยิ่มในใจ ใช่ซิ คำว่า “หมอเทวดา” เป็นคำที่คู่ควรกับเขา และจะว่าไป เขาไม่ใช่คนที่ควรจะเรียกว่าชายหนุ่ม เพราะหากดูอายุจากวันเกิดของเขาแล้ว ตอนนี้ เคนอิจิ มีอายุอานามปาเข้าไปตั้ง 73 ปี แต่ทั้งใบหน้า ท่าทาง และความแข็งแรงของร่างกาย ทำให้ดูเหมือนพ่อหมอเทวดาคนนี้มีอายุเพียงราวๆ 40 เศษ

    “ใครก็คงเดาอายุของฉันไม่ถูก” พ่อหมอเทวดาเคนบอกกับลูกศิษย์ลูกหาที่มีอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง และนอกจากอายุของเขาแล้ว “ความสามารถพิเศษ” ของเขา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ใครๆ ก็เดาไม่ได้ ว่ามันมาจากไหน ความสามารถที่ทำให้ผู้คนมากมายต้องมากราบกรานเขา หลายคนยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินทั้งหมดที่มีในชีวิตให้เขา เศรษฐี นักธุรกิจ นักการเมืองต่างๆ ล้วนปวารณาตัวเป็นลูกศิษย์ที่จงรักภักดีกับเขา เพราะสิ่งที่พ่อหมอเทวดาเคนให้ แม้จะไม่ใช่สิ่งของเงินทอง แต่มันก็สำคัญยิ่งกว่า เพราะมันคือ “ชีวิต”

    ใช่ซิ ชีวิต คือสิ่งสำคัญที่สุดที่เคนอิจิมอบให้ผู้ที่ต้องการได้ ไม่ว่าใครจะเจ็บป่วยหนักมาจากไหน ขอเพียงพ่อหมอเทวดายอมออกหน้าช่วย ก็เป็นต้องหายทุกรายไป โดยเฉพาะคนที่เป็นมะเร็ง หรือจะว่าไป คนที่ “เคย” เป็นมะเร็ง ล้วนแล้วแต่หายราวปาฏิหาริย์เมื่อเคนอิจิให้การช่วยเหลือ

    เขาช่วยชีวิตคนไว้มากมาย แต่ตอนนี้ พ่อหมอเคนที่เคยเดินอย่างสง่างามแวดล้อมไปด้วยบรรดาลูกศิษย์กำลังป่วยเสียเอง วัยหนุ่มอันยาวนานของเขาหดหายไป หากใครมาเห็นเคนอิจิในตอนนี้ คงรู้ดีว่า เขาก็แค่ชายชราคนหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยโรคภัย และใกล้จะถึงวันสุดท้ายของชีวิต ชีวิตที่เขาไม่เคยคิดเลยว่า จะต้องมาเจ็บป่วยด้วยโรคที่เขาเองรักษาคนไว้มากมาย

    เคนอิจิเป็นมะเร็ง!

    มะเร็งระยะสุดท้าย มะเร็งที่แผ่กระจายไปทั่วทุกอวัยวะของเขา

    เขาแทบไม่เชื่อเลยว่ามันจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาเดินทางมาแสนไกลเหลือเกิน กว่าจะมาถึงจุดนี้

    ด้วยดวงตาฝ้าฟางอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความเจ็บปวดทั้งสรรพางค์กายกำเริบขึ้น เคนอิจินึกถึง “หลวงพ่อคง” อย่างอ่อนล้า เวลาของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว

     

    ย้อนไปเมื่อ พ.ศ.2488 อาซาโกะ สาวน้อยในวัยที่กำลังสวยสะพรั่งตั้งท้องแก่ใกล้คลอด ในบ้านเกิดที่ฮิโระชิมะ เมืองที่ยังถือว่าเงียบสงบพอประมาณ เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ที่ไฟแห่งการต่อสู้ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ลุกลามไปทั่ว แต่อาซาโกะก็ยังคิดว่า ตัวเองอยู่ห่างจากสงครามมากนัก เรียว สามีของเธอก็เอาใจใส่ภรรยาเป็นอย่างดี แต่ในวันที่อาซาโกะเจ็บท้องคลอด เหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้น

    6 สิงหาคม สหรัฐอเมริกาโจมตีฮิโระชิมะด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีกว่า 80,000 คน และอีกนับแสนได้รับผลกระทบจากกัมมันตรังสี และในตอนนั้นเอง ที่อาซาโกะให้กำเนิดลูกน้อย นามเคนอิจิ

    ในฐานะผู้แพ้สงคราม ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบหนัก เศรษฐกิจตกต่ำไปทั่ว ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป เรียวเปลี่ยนจากสามีที่แสนดีมาเป็นชายขี้เมาที่ระบายอารมณ์กับภรรยาที่เคยทะนุถนอม อาซาโกะต้องอดทนเลี้ยงเคนอิจิมาอย่างยากลำบาก แต่ถึงกระนั้น เคนอิจิก็ตระหนักดีว่า ตัวเอง “พิเศษ” กว่าคนอื่น แต่เขายังไม่รู้ว่าความพิเศษนั้นอยู่ตรงไหน

    ตอนที่เคนอิจิล่วงเข้าสู่วัยรุ่น อาซาโกะล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เด็กหนุ่มรับรู้สิ่งที่มารดาบอกอย่างปวดร้าว เขาเอื้อมมือไปจับมือแม่เอาไว้แนบแน่น และทันใดนั้นเอง เคนอิจิก็เข้าใจ

    เขาเกิดมาในวันที่มีกัมมันตรังสีฟุ้งเต็มเมืองฮิโระชิมะ แม่ของเขาได้รับผลกระทบของมัน และกลายเป็นมะเร็งเหมือนที่อีกหลายคนเป็น แต่สำหรับเคนอิจิ เขาไม่เพียงแต่จะมีภูมิต้านทานเป็นพิเศษ แต่เมื่อจับมืออาซาโกะไว้แน่นๆ ด้วยความตั้งอกตั้งใจ เขาสัมผัสได้ ถึงความรู้สึกที่ว่า เซลส์มะเร็งในตัวของอาซาโกะอยู่ตรงไหน และกำลังขยายตัวอย่างไร

    อย่างอัศจรรย์โดยไม่คาดคิด เขา “ดูด” เอาเซลส์มะเร็งออกมาจากตัวแม่ของเขา อาซาโกะรู้สึกดีขึ้นทันทีทันใด สวนทางกับเคนอิจิ ที่ซึมซับเอามะเร็งมาสู่ตัวเอง แต่ด้วยความหนุ่มแน่น เขายังไม่เจ็บปวดกับมันมากนัก และเขารู้ได้ทันทีในตอนนั้นว่า เขาควบคุมมันได้

    เรียวเดินเมาเข้ามาในห้องที่อาซาโกะกำลังฟื้นตัว เช่นเคยกับทุกวัน เขาเริ่มอาละวาดดุด่าภรรยาและลูกด้วยสารพัดคำหยาบคายที่สรรหามาได้ เคนอิจิรู้ดีว่า มันจะจบลงด้วยการที่พ่อทุบตีแม่ ทุบตีเขา แต่คราวนี้ เคนอิจิจะไม่ทนอีก เขาเป็นฝ่ายเดินตรงไปจับแขนเรียวเอาไว้ และถ่ายทอดโรคมะเร็งที่รับมาจากแม่เข้าสู่เม็ดเลือดขาวของพ่อ เรียวทรุดตัวล้มลงอย่างเจ็บปวด และเพียงไม่กี่วันต่อมา เรียวก็เสียชีวิต ในขณะที่อาซาโกะหายป่วยอย่างปลิดทิ้ง เธอมีเครื่องหมายคำถามอยู่ในหัว แต่ไม่มีคำตอบ มีเพียงเคนอิจิที่รู้แล้วว่า ความพิเศษตั้งแต่เกิดของเขาคืออะไร เขาสามารถดูดมะเร็งจากคนหนึ่งเข้ามาสู่ตัวเขา แล้วถ่ายทอดโรคร้ายนั้นออกไปสู่คนที่เขาต้องการให้เป็นผู้รับกรรมแทนได้ เคนอิจิทดลองกับคนใกล้ตัวอีกหลายครั้ง จนมั่นใจในความสามารถพิเศษนี้ เขาดูดเอามะเร็งจากญาติสนิทหลายคน และเลือกไปโยนใส่พวกคนจรจัด แต่เมื่อเล่าให้ผู้เป็นมารดาฟัง อาซาโกะกลับบอกเขาว่า อย่าใช้ความสามารถพิเศษนี้อีกเลย

    “มันอาจจะเป็นเรื่องดีกับแม่ ที่ลูกช่วยให้แม่รอดชีวิต แต่พ่อของลูกต้องมาตายแทน และเมื่อลูกทำอย่างนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ต้องมีคนตายแทนอีกเหมือนกัน มันไม่ถูกต้องนะลูก” อาซาโกะพร่ำสอนเขา

    “แต่ผมคิดว่า ถ้าผมช่วยคนดี และเอาโรคไปใส่ให้คนไม่ดี มันเท่ากับผมช่วยคนดี และกำจัดคนเลว หรือคนที่สังคมไม่ต้องการนะครับแม่” เคนอิจิพยายามเถียง

    “เชื่อแม่เถอะลูก ไม่มีใครควรจะตายแทนใคร ไม่ว่าอย่างไร คนที่ลูกเลือกโยนโรคร้ายใส่เขา เขาก็ต้องเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก หรือเป็นญาติมิตรของใครสักคนหนึ่ง ที่จะต้องเสียใจในการตายอย่างไม่สมควรของเขา” แม่ของเคนอิจิยังยืนยันความคิดของเธอ และแม้ว่าในระยะหลัง เรียวจะเป็นสามีที่เลวร้าย แต่เธอก็ไม่คิดว่า เขาควรจะจากไปเพื่อให้เธอได้อยู่ ที่สำคัญ เขาไม่ควรตายเพราะลูกชายของตัวเอง!

    เคนอิจิรักแม่ เธอเลี้ยงเขามาด้วยความรัก เมื่ออาซาโกะไม่เห็นด้วย เขาก็เชื่อฟัง และตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อมาอีกเป็นสิบๆ ปี แต่ชีวิตก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น และอย่างไม่คาดฝัน อาซาโกะได้รับอุบัติเหตุ เสียชีวิตลงในตอนที่เคนอิจิอายุเกือบ 40 ปี และยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันในการตั้งตัว เขาไม่มีโอกาสสร้างฐานะเพื่อให้แม่ได้อยู่ดีกินดีอย่างที่หวัง เคนอิจิยิ่งรู้สึกว่า โลกนี้เลวร้ายกับเขา จนได้เจอกับบังอร หญิงสาวชาวไทยวัย 20 ปี ที่พยายามมาหาโอกาสทำงานในญี่ปุ่น แต่เธอก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เขาตกหลุมรักเธอ แม้จะอายุห่างกันเท่าตัว แต่เธอก็รักตอบเขา และเมื่อแต่งงานกัน เคนอิจิก็ย้ายภูมิลำเนามาอยู่กับบังอรที่ขอนแก่น ในตอนนั้นเอง ที่เขาบอกความลับกับเธอ ความลับที่ว่า เขาสามารถดูดมะเร็งจากคนหนึ่ง ไปโยนให้อีกคนหนึ่งได้ และบังอรก็ไม่รอช้าที่จะเปิดสำนักพ่อหมอเคน รับรักษาโรคมะเร็งให้คนป่วยที่หมดหวัง

    บังอรไม่เหมือนอาซาโกะ เธอมองเห็นโอกาส และตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เธอร่วมมือกับสามี ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง เมื่อมีคนสิ้นหวังจากการรักษามาหา เคนอิจิเพียงใช้พลังพิเศษของเขาดูดเอาเซลส์ร้ายนั้นมาสู่ตัวเอง แล้วออกไปหาพวกขอทาน คนจร คนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า เพื่อปล่อยโรคทิ้งออกจากตัวไป ในระยะแรกมันเป็นเรื่องยากที่จะสร้างสำนักพ่อหมอเทวดา เพราะกว่าจะมีคนเชื่อถือก็ต้องใช้เวลานาน แต่ในคราวหนึ่งที่เขารักษาเศรษฐีคนดังของประเทศได้ ชื่อเสียงของพ่อหมอเทวดาเคนก็ขจรขจายไปทั่ว เขากลายเป็นหมอเทวดาที่มีคนนับหน้าถือตา คนสำคัญของเมืองไทย และรวมไปถึงประเทศอื่นๆ ต่างมาให้เขารักษา บังอรถือโอกาสเก็บค่ารักษาสูงลิ่ว และไม่ว่าแพงแค่ไหน ผู้ป่วยก็ยินดีจ่ายเพื่อแลกกับชีวิต เคนอิจิมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมแล้ว ชีวิตในแบบที่แม่ของเขาไม่เคยได้รับ เขานึกเสียดายที่แม่ไม่เข้าใจความพิเศษของเขาเหมือนที่บังอรรู้ ความพิเศษที่ทำให้ใครๆ ก็มองว่า พ่อหมอเคนเป็นเทวดาเดินดิน

    แต่เมื่อ 2 ปีก่อน หลวงพ่อคง พระภิกษุชราที่ไม่มีใครรู้ว่าจาริกมาจากไหน แต่จู่ๆ หลวงพ่อก็มาโผล่ที่ขอนแก่น และปักหลักอยู่ที่วัดในชานเมือง แถมจู่ๆ หลวงพ่อเดินมาหยุดที่หน้าบ้านพ่อหมอเทวดาเคน เมื่อเคนออกมาจากบ้าน ก็ได้เจอกับหลวงพ่อคง ที่พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “หยุดเถิดโยม การละเมิดกรรมของผู้อื่น ไม่เพียงแต่จะเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง แต่มันยังเป็นการสร้างกรรมหนักให้ตัวเองด้วย” หลวงพ่อคงพูดในสิ่งที่คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ แต่เคนอิจิรู้ ว่าหลวงพ่อคงพูดถึงสิ่งที่เขาทำ สิ่งที่ทำให้เคนอิจิเป็นเทวดา และมีความเป็นอยู่ดีมานับสิบๆ ปี ทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้ ว่าทำไมหลวงพ่อคงถึงได้รู้ความลับของเขา

    “มันจะเป็นกรรมของผมได้ยังไงครับหลวงพ่อ ในเมื่อสิ่งที่ผมทำ คือการช่วยเหลือผู้คน” เคนอิจิตอบผู้ทรงศีล

    “การช่วยเหลือผู้คนของโยม เป็นการบิดเบือนกรรม เป็นการช่วยเหลือคนหนึ่ง และนำความตายไปให้อีกคนหนึ่ง คนที่ไม่รู้โหน่อิเหน่” คำพูดของหลวงพ่อคงทำให้เคนดิจิหวนคิดถึงแม่ของเขา ก็นี่แหละ อีกคนหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ว่าสิ่งที่เขาทำมันดีแค่ไหน

    “หลวงพ่อครับ คนบางคนก็สำคัญกว่าคนอื่นๆ คนดีๆ มีค่าแก่การอยู่ต่อ แต่คนไม่ดี เขาก็ไม่ควรจะได้โอกาสอยู่เป็นขยะสังคมนะครับท่าน คนบางคนตายไป ก็ไม่มีใครใส่ใจ ไม่มีใครรับรู้ด้วยซ้ำ”

    “ไม่มีใครเป็นขยะของใครหรอกโยม แต่กรรมนั่นแหละ ที่เป็นของแต่ละคนอย่างแน่แท้” หลวงพ่อยังพยายามสอนเขา เคนอิจินึกอยากใช้คำพูดแรงๆ ใส่หลวงพ่อ แต่เอาเถอะ เขาไม่อยากมีเรื่องมีราวกับพวกที่ไม่เข้าใจโลก เคนอิจิเลือกที่จะเดินหนี และเมื่อไหร่ที่มีเหตุให้ต้องเจอหลวงพ่อคง หลวงพ่อก็เอาแต่เพ่งมองเขา เหมือนเขาเป็นคนผิดเสียเต็มประดา ทั้งๆ ที่ทั่วบ้านทั่วเมืองต่างก็ยกย่องพ่อหมอเทวดา

    หลวงพ่อคงเริ่มถ่ายทอดความคิด และเทศนาให้ผู้คนยอมรับกรรมของตน รักษาการเจ็บป่วยกับโรงพยาบาล ไม่ใช่กับหมอเทวดา แต่จะมีประโยชน์อะไรล่ะ คำพูดของพระแก่ๆ รูปหนึ่ง ใครจะสนใจเล่า แต่มันก็รบกวนจิตใจเคนอิจิ อันที่จริง เคนอิจิเป็นคนเฉยๆ ไม่เคยโกรธใครจริงจัง แต่หลวงพ่อทำให้เขานึกโกรธ เขาขัดใจกับการเที่ยวพูด เที่ยวป่าวประกาศของหลวงพ่อมา 2 ปีเต็มๆ

    จนเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง ฯพณฯ รัฐมนตรีคนสำคัญของประเทศมาหาพ่อหมอเคน ท่านรัฐมนตรีเป็นมะเร็งตับอ่อนขั้นสุดท้าย ใครๆ ก็บอกว่าไม่รอดแน่ แต่เมื่อมาถึงมือเคนอิจิ บวกกับบังอรที่เรียกค่ารักษาแพงลิ่ว เคนอิจิเพียงแต่แสดงท่าทางให้ดูมีมาดสมเป็นพ่อหมอ แล้วเอื้อมมือไปจับตัว ฯพณฯ รัฐมนตรีเอาไว้ อาการหนักทีเดียว แต่เคนอิจิก็ดูดมะเร็งร้ายมาจนหมด ท่านรัฐมนตรีดีขึ้นทันตาเห็น แล้วยังแถมเงินก้อนโตให้มากกว่าที่บังอรเรียกเอาไว้

    แล้วก็เหมือนทุกครั้ง หลังการรักษา เคนอิจิจะป่วย จนต้องหายหน้าหายตาไปหลายวัน เขากับบังอรออกไปตระเวนหาพวกขยะสังคม พวกที่ต้องรับมะเร็งไปแทน แต่ระยะหลัง พวกคนจรจัด และขอทานในขอนแก่นหายากเต็มทน เนื่องจากถูกเคนอิจิ “ใช้งาน” ไปเกือบหมดแล้ว บังอรต้องพาเขาออกไปไกลเรื่อยๆ สู่ต่างอำเภอ เลยไปต่างจังหวัด แต่จนเย็นก็ยังหาใครไม่ได้สักคน เคนอิจิเหนื่อยล้ามาก จนต้องขอกลับบ้านก่อน แล้วค่อยออกไปตามหาคนที่จะต้องรับกรรมต่อในวันพรุ่งนี้

    แต่ที่หน้าบ้าน ภิกษุชรายืนอยู่เหมือนจะรอเขา เคนอิจิเดินอย่างอ่อนล้าลงจากรถ ยกมือไหว้หลวงพ่อคงอย่างเสียไม่ได้

    “หลวงพ่อมายืนหน้าบ้านผม มีอะไรหรือเปล่าครับ” เคนอิจิเอ่ยถามอย่างยากลำบาก อาการป่วยที่เขาดูดมาจากรัฐมนตรี หนักหนาเหลือทน

    “อาตมาแค่อยากมาบอกโยมว่า อย่าทำอีกเลย มันเป็นกรรมหนัก” หลวงพ่อคงเอ่ยอย่างอ่อนโยน แต่ทำให้เคนอิจิโกรธนักหนา เขาเองก็กำลังป่วยจากอาการที่รับมาจากรัฐมนตรี แถมหาคนปล่อยโรคให้ไม่ได้ แล้วหลวงพ่อจะมาพูดอะไรกับเขาตอนนี้ และนั่นเอง ทำให้เคนอิจินึกออก

    ชายผู้มีพลังพิเศษเดินตรงไปหาหลวงพ่อ เอื้อมมือไปจับแขนผู้ทรงศีลไว้ แต่ไหนแต่ไรมา เขาโยนมะเร็งให้เฉพาะพวกไร้ค่า พวกขยะสังคม แต่วันนี้แหละ เขาจะโยนมันใส่พระสงฆ์ พระที่พูดมากจนน่ารำคาญ

    เคนอิจิตั้งใจโยนโรคร้ายใส่หลวงพ่อคง แต่ประหลาดเหลือเกิน โรคร้ายไม่ยอมออกไปอย่างที่เขาต้องการ แถมยังเหมือนกับว่า เขายิ่งเจ็บป่วยมากขึ้น เพราะหลวงพ่อคงเองก็เป็นมะเร็งลำไส้ มันถูกส่งถ่ายผ่านเข้ามาในตัวเคนอิจิอย่างไม่หยุดยั้ง เขาชักมือออกมาจากหลวงพ่อไม่ได้ ได้แต่รับถ่ายถอดมะเร็งมาเต็มที่

    หลวงพ่อเสียอีก ที่พยายามถอยห่างจากเคนอิจิ แต่แรงดึงดูดนั้นก็มากเกินกว่าที่หลวงพ่อคงจะถอยหลังได้ หลวงพ่อสวดมนต์เงียบๆ ก่อนที่เคนอิจิจะทรุดตัวลงกับพื้น บังอรตกใจจนต้องถลาเข้ามาพยุงสามีไว้

    “อาตมาไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ อาตมาไม่ได้อยากให้มันถ่ายทอดสู่โยม อาตมาทำกรรมหนักไว้เสียแล้ว” หลวงพ่อคงพูด

    “นี่หลวงพ่อทำอะไรหมอเคน ทำไมเป็นอย่างนี้” บังอรละล่ำละลักอย่างเสียขวัญ “หลวงพ่อทำคุณไสยใส่หมอเคนหรือ”

    “เปล่าหรอกโยม อาตมาไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม โยมนำสามีไปรักษาตัวให้ดีเถิด อาตมาจะกลับไปสวดแผ่เมตตาให้” หลวงพ่อคงพูดเนิบๆ ก่อนจะเดินจากไปในความมืด

    บังอรตกใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่สามีดูดโรคร้ายมาแล้วยังไม่ได้ปล่อยออกไป เขาจะป่วย แต่นี่ มันยิ่งกว่าทุกครั้ง เคนอิจิถึงกับลุกไม่ขึ้น เขาร้องอย่างเจ็บปวดในช่องท้อง ภรรยาที่ร่วมสุขกันมานานรีบพาสามีเข้าไปในบ้าน ในขณะที่เคนอิจิสลบไป

    เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา เคนอิจิบอกบังอรว่า พลังพิเศษของเขาหมดลงไปเสียแล้ว บังอรถึงกับร้องกรี๊ดกร๊าด เธอไม่เชื่อเลยว่าจะมีวันนี้ แต่มันก็มีข้อพิสูจน์ ที่เคนอิจิมีอาการทรุดลงเรื่อยๆ

     

    วันนี้ เคนอิจิมองออกไปนอกหน้าต่างผ่านสายตาฝ้าฟางของเขา เขาขอให้บังอรนิมนต์หลวงพ่อคงมาที่บ้าน

    เมื่อมาอยู่หน้าเตียง เคนอิจิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

    “มันเกิดอะไรขึ้นกับผม หลวงพ่อมีพลังพิเศษเหมือนผมหรือ” เคนอิจินึกออกได้เพียงเท่านี้ มันคงต้องเป็นอย่างนั้น หลวงพ่อน่าจะมีพลังที่เหมือนเขา พลังที่สามารถถ่ายโอนโรคร้าย และหลวงพ่อโยนมันมาใส่เขา

    “ไม่ใช่หรอกโยม แต่มันเป็นกรรม โยมฝืนกรรมมานานมากพอแล้ว และตอนนี้ กรรมกำลังเรียกหาโยมเท่านั้นเอง” ว่าแล้ว หลวงพ่อก็จับมือเขาเอาไว้ ทีแรกเขาคิดจะดึงมือหนี เพราะกลัวว่าหลวงพ่อจะโยนโรคร้ายมาเพิ่มเติมให้เขาอีก แต่ไม่ใช่ สิ่งที่แผ่ออกมากหลวงพ่อ คือความสงบเย็น คนไทยเรียกมันว่าอะไรนะ ความเมตตาอย่างนั้นหรือ แล้วพ่อหมอเทวดาอย่างเขา เคยมีความเมตตาบ้างไหม

    วันสุดท้ายมาถึงแล้วกระมัง เคนอิจิคิดถึงคำพูดของแม่ คิดถึงวันที่พ่อตายด้วยน้ำมือของเขา คิดถึงพวกขอทาน คนจรจัดหลายร้อยคนที่ทรุดตัวลงหลังถูกถ่ายโอนโรคภัย แต่นั่นแหละ ก็เขาเป็นหมอเทวดา เคนอิจิเป็นคนพิเศษที่ได้รับพลังมาจากวันที่ระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงที่ฮิโรชิมะนี่นะ แล้วตอนนี้ พลังของเขาหายไปหมดแล้ว นี่หรือ คือสิ่งที่หลวงพ่อคงเรียกว่ากรรม

    เคนอิจินิ่งคิด พลังพิเศษของเขา มันติดมาตั้งแต่เกิด เพื่ออะไรกันเล่า ไม่รู้หรอก แต่แม่ครับ สิ่งที่แม่พูดคงจะถูกต้อง ไม่มีใครควรจะตายแทนใคร!

     หมอเทวดา หลับตาลง น้ำตาหยดสุดท้ายค่อยๆ ไหลออกมาจากหางตาของเขา

    “พ่อครับ...ผมขอโทษ” มโนสำนึกสุดท้ายของเคนอิจิบอกกับตัวเอง และอยากให้แม่ได้รู้ .. เขาเป็นหมอที่ช่วยผู้คนมากมาย แต่ก็ทำให้มีคนตายอย่างไม่สมควรในจำนวนที่เท่ากัน

    พลังพิเศษ ไม่ได้มีมาเพื่อให้เขาเป็นหมอเทวดา แต่มันคือพลังที่มาพรากลมหายใจสุดท้ายของเขาออกไป

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×