ทะลุมิติไปเป็นนางร้ายที่สวามีเกลียดชัง. - นิยาย ทะลุมิติไปเป็นนางร้ายที่สวามีเกลียดชัง. : Dek-D.com - Writer
×

    ทะลุมิติไปเป็นนางร้ายที่สวามีเกลียดชัง.

    เมื่ออยู่ๆ ก็ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของนางร้ายที่สวามีเกลียดชังซึ่งจุดจบถูกสวามีสั่งเผาทั้งเป็น ซวยแล้วไง แล้วจะเลี่ยงโชคชะตานี้อย่างไร ..ถ้าไม่อยากตาย เช่นนั้น จะหลีกหนีจุดจบนี้ยังไง เพื่อให้รอดปลอดภัย

    ผู้เข้าชมรวม

    569

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    569

    ผู้เข้าชมรวม


    569

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    21
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  25 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  21 พ.ย. 67 / 19:27 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “ฟึบ!”เสียงหวายฟาดลงบนหลังของเอกอัครชายาวราสิกะครั้งแล้วครั้งเล่า “ฟึบ!”

                “ ..”อคิรามองดูการลงโทษโบยด้วยสีหน้าราบเรียบ

                ข้างกายเขามีชายารองชื่อลลิตยานั่งเคียงข้าง

                “ ..”วราสิกะมองพระสวามีที่นั่งอยู่บนตั่ง มองกำลังมองการลงโทษโบยนางด้วยสายตาเย็นชา “เหตุใดข้ารักท่าน ทั้งๆ ที่ท่านไม่คู่ควรต่อความรักของข้าด้วยซ้ำ”

                นางเกลียดตัวเองที่ไม่อาจตัดใจจากเขา 

                และเพราะความรัก ทำให้นางมือเปื้อนเลือด ทำเลวมากมาย

              นางกลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจก็เพราะความหึงหวงพระสวามี

                เพราะไม่รู้ว่าควรควบคุมใจอย่างไร

                ความรู้สึกของนางไม่อาจยับยั้ง

                เมื่อรักก็ทุ่มไปทั้งใจ ไม่เหลือไว้ให้รักแม้กระทั่งตัวเอง

                นานเพียงใดแล้วที่นางมีเพียงเขาทุกลมหายใจ

                รู้สึกเหมือนเขาคือทั้งชีวิต

                ไร้เขา ..นางก็แทบไม่อยากหายใจ

                “คงมีเพียงความตาย ที่ทำให้ข้าหยุดรักท่าน”วราสิกะน้ำตาไหลเพราะความเจ็บทั้งร่างกายและหัวใจ

                นางปรารถนาให้ชีวิตสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ความทุกข์ทรมานจะได้สิ้นสุดเสียที

              “อัก!”วราสิกะกระอักเลือดออกมา พร้อมทั้งร่างกายที่หมดสติไป

                นานเพียงใดไม่อาจรับรู้

                ราวกับตัวเองกำลังอยู่ในอีกโลกก็ไม่ปาน

                หรือนี่ อาจจะเป็นความฝัน

                “ ..”วราสิกะมองร่างของตัวเองแล้วมีเพียงร่างกายที่โปร่งแสง

    “ข้าตายแล้วหรือ”นางได้แต่สงสัย

    “แล้วตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหน”วราสิกะเดินทะลุกำแพง แล้วเดินมายังผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนอนอ่านหนังสือนิยาย

    ที่น่าแปลกใจ ทำไมผู้หญิงคนนั้นหน้าตาคุ้นอย่างบอกไม่ถูก

    นางเพ่งมองอย่างพิจารณา

    “นั่นข้านี่ ..”วราสิกะพูดกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ

    “เหตุใดนางเหมือนข้ายิ่งนัก”นางสงสัย “หรือว่าจะเป็นฝาแฝดของข้า”

    ทว่า ความรู้สึกกลับคัดค้าน

    “นางไม่ใช่ฝาแฝด”ร่างโปร่งแสงของวราสิกะยื่นไปแตะสัมผัสแขนของอีกฝ่าย

    ทันใดนั้น เรยารู้สึกขนลุกซู่

    “อะไรวะ”เธอไม่เข้าใจ ทำไมอยู่ๆ รู้สึกขนแขนตั้งชันแบบนี้

    เรยาไม่สนใจ จึงกลับมาอ่านนิยายด้วยความสนใจอีกครั้ง

    ทันทีที่วราสิกะสัมผัสร่างนั้น นางก็รู้ได้ว่า ..นั่นไม่ใช่ฝาแฝด 

    หากแต่ เป็นตัวตนของนางในอนาคต

    “นี่คือตัวข้า”วราสิกะบอกตัวเองอย่างนั้น

    นางประหลาดใจกับสิ่งที่ได้พบเจอ

    “โง่จริงๆ”เรยาสบถด่านางร้ายในนิยายที่กำลังอ่าน

    วราสิกะมองหนังสือเล่มที่ตัวเองในโลกอนาคตกำลังอ่าน

    ด้วยสายตาของนาง สามารถเห็นแสงส่องประกายจากหนังสือเล่มนั้น

    มันไม่ใช่นิยาย

    แต่มันคือหนังสือเกี่ยวกับกงกรรมกงเกวียน

    บันทึกเกี่ยวกับเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน

    ทว่า ตัวนางในอนาคตในชื่อเรยา กลับเข้าใจว่า นั่นเป็นหนังสือนิยาย

    สายตาของวราสิกะมองแสงสว่างที่ปรากฎออกมาจากหนังสือเล่มนั้น

    นางมองหนังสือแล้วเหมือนกำลังย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ได้บันทึกเล่าไว้ในหนังสือเล่มนั้น 

                วราสิกะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้พระสวามีกลับคืนมา ต่อให้ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็จะเอาด้วยกล

                นางจึงให้แม่หมอมนต์ดำทำไสยเวทย์ เพื่อให้สวามีลุ่มหลง

                ทว่า นางหารู้ไม่ว่า มนต์นั้น กลับเป็นมนต์ที่ต้องสังเวยด้วยโลหิต

                ทุกวันเพ็ญจะต้องดื่มเลือดเพื่อให้ตัวเองมีความสาว สวย และมีเสน่ห์มัดใจสวามี

              “เลือด ..”วราสิกะหิวกระหาย “ข้าต้องการเลือด”

                “พระเอกอัครมเหสี”ตองนวลร่ำไห้กับสิ่งที่ผู้เป็นนายเรียกร้อง “ฮือๆ ฮือ”

                นางเห็นผู้เป็นนายแล้วแสนจะสงสาร

                “แม่คุณของบ่าว”ตองนวลมองวราสิกะที่ถูกมัดตัวไว้ เพื่อไม่ให้อาละวาด “ตอนนี้เราต้องหลบซ่อนตัวนะเพคะ ไม่สามารถออกไปหาเลือดได้”

                “ข้าต้องการเลือด เอาเลือดมาให้ข้า”วราสิกะทุกข์ทรมานเจียนจะขาดใจ “ผีฟ้ากำลังกระหาย ข้ากำลังจะตาย นางตองนวล ไปหาเลือดมาให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้”

                “ ..”ตองนวลอดทนมองผู้เป็นนายทรมานเช่นนี้ไม่ได้อีกต่อไป นางจึงเดินมาแกะเชือกที่มัดรอบตัวอีกฝ่ายออก

                “เจ้าทำอะไร ห้ามปลดเชือกออก ไม่เช่นนั้นข้าจะอาละวาด”วราสิกะกล่าว

                “ดื่มเลือดจากหม่อมฉันเถิดเพคะ”

                “ไม่”

                “หม่อมฉันไม่อาจจะหาเลือดมาให้พระนางได้ในเวลานี้เพราะพวกเราหนีมาอยู่กลางป่า ไร้บ้านผู้คน ดังนั้น เพลานี้จึงมีเพียงหม่อมฉันเท่านั้นที่จะบรรเทาอาการทุกข์ทรมานของพระองค์ได้”

                “ห้ามปลดเชือกที่มัดตัวข้าออก ข้าไม่อนุญาต”วราสิกะสั่ง

                ทว่า ตอลนวลไม่รับฟัง

                นี่ถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่นางขัดคำสั่งของผู้เป็นนาย

                ต่อให้ใครๆ ต่างเกลียดชังวราสิกะ พากันกล่าวว่านางเลวร้าย

                หากแต่ สำหรับตองนวลผู้นี้ ..พระนางวราสิกะ ..ดีที่สุด

                และตองนวลก็รักเจ้านายผู้นี้มากกว่าชีวิตของตัวเอง

                “ ..”เชือกที่ถูกมัดถูกปลดออก ร่างของวราสิกะเป็นอิสระ

                ดวงตานางแดงฉาน ยิ่งดวงจันทร์สาดส่องยิ่งไม่อาจขัดขืนผีฟ้าที่สิงอยู่ในร่าง

                นางไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

                “อึก!”ร่างของตองนวลถูกวราสิกะกัดที่คอ

                “อึก!”เลือดถูกกลืนลงครั้งแล้วครั้งเล่า

                ร่างของตองนวลค่อยๆ ทรุดลง พร้อมกับนางของวราสิกะที่ร่วงลงพร้อมกัน

                “ตองนวล”วรสิกะที่พอจะมีสติกลับมาอีกครั้ง มองร่างของนางกำนัลผู้ภักษ์ดีที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองในตอนนี้ด้วยความรู้สึกผิด

                วราสิกะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

                “ฮือๆ ฮือ”นางมองหน้าตองนวลที่กำลังในอยู่ในอ้อมกอดด้วยความปวดใจ “ข้าขอโทษ”

                “ไม่ ..เป็นไร ..เพคะ”ตองนวลยิ้มให้ทั้งๆ ที่กำลังจะขาดใจ

                นางยินดีพลีชีพ

                ไม่เสียดาย

                ขอเพียงพระนางไม่ทุกข์ทรมานเป็นพอ

                “เพราะข้า ..เพราะข้าที่โง่งมในรัก จึงเดินทางผิด จนถูกคนเลวหลอกให้หลงสู่ไสยเวทย์มนต์ดำ พวกมันหลอกลวงข้าว่าถ้ารับนับถือผีฟ้าแล้วเจ้าพี่จะรักจะหลงข้า ไม่มองหญิงใดอีก ..แต่สิ่งที่ข้าได้รับ กลับกลายเป็นทาสของผีฟ้า ต้องดื่มเลือดเป็นอาหาร ..เพราะข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข้าที่โง่เขลา”วราสิกะกอดร่างของตองนวลร่ำไห้ “ฮือๆ ฮือ อย่าตายนะตอลนวล อยู่กับข้า อย่าจากข้าไป ข้าไม่เหลือใครอีกแล้ว”

                “หม่อมฉัน ก็อยาก ..อยู่กับพระองค์ ..ให้นานกว่านี้”

                “อดทนหน่อย ข้าจะหาทางช่วยเจ้า”วราสิกะกล่าว

                “หม่อมฉัน ..”ตอลนวลรู้ตัวดีว่าไม่อาจฝืนไปมากกว่านี้ “ทนไม่ไหวแล้ว เพคะ”

                “ไม่นะ”วราสิกะใจหายเมื่อใบหน้าของตอลนวลเอนเอียงและหลับตาลงพร้อมกับลมหายใจที่สิ้นสุด

                “ม้ายยยยยย!”วราสิกะกรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจ

                เสียงนั้น ทำให้เหล่าผู้ล่าที่กำลังตามหา พากันวิ่งกรูกันมาทางนี้เพื่อจับตัวนางเผาทั้งเป็น

                “ฮือๆ ฮือ”วราสิกะร่ำไห้ พร้อมกอดร่างของตองนวลแนบแน่น

                สุดท้ายของชีวิต ในที่สุดนางก็ได้สัมผัสรักแท้

                และรักแท้ที่ว่านั้น ก็มาจากนางกำนัลที่นางคอยแต่อาละวาด โมโหและทุบตีเมื่อได้ได้ดั่งใจ 

                นางโหยหารักที่อยู่แสนไกล

                ทำไมจึงไม่เคยมองความรักจากคนใกล้ตัว

                เหล่านางกำนัลหลายคนที่พากันพลีชีพเพื่อให้นางหลบหนีออกมา

                และคนเหล่านั้น นางไม่เคยเห็นค่า ไม่เคยให้ความสำคัญ เพราะเห็นพวกเขาเป็นเพียงทาสรับใช้ ต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างที่นางต้องการ

                ทว่า เมื่อถึงจุดสุดท้ายของชีวิต จึงเข้าใจว่า ..นางควรจะเห็นค่าของพวกเขาให้มาก รักและเห็นใจพวกเขากว่าที่เคยผ่านมา

                “ถ้าชาติหน้ามีจริง ข้าจะชดใช้ให้พวกเจ้า”วราสิกะไม่คิดหนี

                นางรู้สึกหมดสิ้นทุกอย่างในชีวิต

                ข้างกายไร้คนของนางอีกต่อไป

                ไม่มีใครรักและต้องการนางอีกแล้ว

                ตอนนี้ต่อให้ต้องตายก็ไม่เสียดาย

                นางคล้านจะมีชีวิตอยู่ท่านกลางผู้คนที่เกลียดชังเหล่านั้น

                นางเหนื่อยเหลือเกิน

                เหมือนเส้นทางชีวิตที่ผ่านมา ช่างยาวนานเหลือเกิน

                นางทนทุกข์มามากพอแล้ว

                ขอสิ้นสุด จบสิ้นทุกอย่างในชาตินี้

                

                “อยู่นี่ เจอแล้ว”เสียงตะโกนเรียกพรรคพวกให้เข้ามาสมทบ

                ทหารล้อมจับวราสิกะที่กำลังนั่งร้องไห้กอดร่างของตองนวลได้อย่างง่ายดาย

                นางไม่ได้ขัดขืนหรือต่อต้านใดๆ

                “พบเจอแล้วหรือ”อคิรารีบควบม้ามาสมทบกับกลุ่มคนที่ล้อมเป็นวงกลมรอบด้านเพื่อป้องกันไม่ให้วราสิกะหนีไป

                “ ..”วราสิกะได้แต่นั่งกอดร่างของตองนวลไว้แนบอก

                น้ำตาไหลรินด้วยความตรอมตรมใจ

                “วราสิกะ”อคิราเห็นสภาพของนางในตอนนี้แล้วก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

                ตัวนางดูอ่อนล้า อ่อนแรง หมดอาลัยตายอยาก

                “ ..”วราสิกะเหมือนจะกลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นสวามี

                สายตานางมองเขาพร้อมน้ำใสๆ ไหลออกมา

                ริมฝีปากของนางเปื้อนเลือดของตอลนวลที่ดื่มเข้าไป

                “จับตัวนางไว้”เอกอัครเสนากลาโหมซึ่งเป็นบิดาของชายาลลิตยาสั่งทหาร จากนั้นก็หันมาถามอคิรา

                “จะให้ทำเช่นไรต่อนางพระเจ้าค่ะ”

                “เผานาง”อคิราสั่ง

                “รับด้วยเกล้า”เอกอัครเสนากลาโหมลอบยิ้มด้วยความสาแก่ใจ เพราะนับจากนี้ไป ..ลลิตยา บุตรีของเขาคงจะได้ขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งเอกอัครชายาของวราสิกะ

                “ ..”อคิรามองทุกอย่างที่พร้อมพรั่งในชั่วพริบตา

              “ ..”วราสิกะยอมจำนน

                ไม่ขัดขืน 

                นางต้องถูกจับเผาทั้งเป็น 

              “ ..”วราสิกะมองกองไม้ที่ถูกล้อมเป็นวงกลมรอบตัวนางก่อนที่ทหารจะใช้น้ำมันราดลง

                “ฟึบ!”ไฟถูกจุด

                “ ..”วราสิกะมองเปลวเพลิงที่ลุกโชน

                ร่างกายนางแสบร้อนด้วยความทรมาน

                “กรี๊ด!!!”วราสิกะกรีดร้องด้วยความทรมาน

                “ ..”อคิรามองนางทุรนทุรายท่ามกลางกองเพลิงราวกับจะสลักไว้ในความทรงจำ

                “ ..”วราสิกะมองเขาเป็นครั้งสุดท้าย “ข้าเกลียดท่าน”

                “ ..”อคิราได้ยินในสิ่งที่นางตะโกนออกมาก่อนจะสิ้นลมหายใจ

                เขาค่อยๆ หลับตาลงด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยาย

                ความตายของนาง ..

                เป็นเพราะเขาใช่หรือไม่

                หากไม่ใช่เพราะความรักมากมายและต้องการจะครอบครองเขาไว้เพียงผู้เดียว จึงทำให้นางหลงผิดเช่นนี้

                “ข้าขอโทษ”อคิราค่อยๆ ลืมตามองร่างของนางที่โดนเผาไหม้ท่ามกลางกองไฟด้วยความหดหู่ใจ

                ไม่คิดว่าสุดท้าย จุดจบของนางจะเป็นเช่นนี้ 

     

                ทางด้านพระภิกษุที่ร่วมออกไล่ล่าในครั้งนี้ ได้ทำการสะกดวิญญาณ 

                การจองจำนับพันปี 

                ชะตากรรมไม่อาจหลีกหนี 

              มีเกิด ย่อมมีดับตามวิถี

                กงกรรมกงเกวียน เวียนมาบรรจบ

                ไม่อาจหลบหลีกโชคชะตา

                เวรกรรมนำพาให้พานพบ

              วัฏจักรก็เป็นเช่นนี้

     

                “บ้าเอ๊ย”เรยาอ่านจบแต่ด่าไม่จบ 

    “โง่จริง”เธอโมโห “ผู้ชายไม่รักแล้วจะแคร์ทำไม เริดเชิดไปสิ เกิดมาเป็นถึงเจ้าหญิง ถ้าผัวมีเมียใหม่ ทำไมไม่ลองมีผัวลับๆ บ้างละ จะได้สาสมกัน ไหนๆ ก็แต่งกันเพราะการเมือง ก็อยู่กันแบบการเมืองไปเลยสิ จะยึดติดอะไรกับแค่ดุ้นเดียว ถ้าตัดใจได้ ก็ไม่ต้องหลงผิด ทำความผิดมากมายแบบนั้น ..เป็นนางร้ายที่โง่จริงๆ”

    “เช่นนั้นก็มาสิ”เสียงหนึ่งดังขึ้น

    “ ..”เรยาชะงักนิ่ง แล้วหยุดฟัง

    เมื่อกี้นี้ ..หูฝาดใช่ไหม

    “ไม่จริงใช่หรือเปล่า”เธอรู้สึกขนลุกชอบกล

    “หึๆ”เสียงหัวเราะเบาๆ ลอยมา

    “ใครอะ”เรยาหันไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกเสียวสันหลัง

    “ฉันถามว่าใคร”

    “ ..”

    ไร้เสียงใดๆ

    เธอหันไปมองรอบๆ แล้วไม่มีอะไร

    “เอ้อ ..หูฝาด”เรยากล่าวอย่างโล่งใจ

    ทันใดนั้นเอง ภาพหญิงสาวในชุดโบราณนางหนึ่งปรากฏ

    “เอิ๊ก!!!”เรยาช็อก หัวใจหยุดเต้นทันใด

    “กลับมา”เสียงราวกระซิบกระซาบของใครดังอยู่ใกล้ๆ หู

    “จงกลับคืนมา”เสียงนั้นราวกับสายลมที่พัดแผ่วเบา หากแต่ชัดเจนในความรู้สึก

    ใกล้สระน้ำมีเหล่านางกำนัลรุมล้อมด้วยความเป็นกังวล

    “พระเอกอัครชายาเพคะ พระเอกอัครชายา”เสียงเรียกนั้นทำให้เรยาค่อยๆ ลืมตา

    คนพวกนี้ ใครกัน

    ทำไมดูแต่งตัวแปลก เหมือนคนหลงยุค

    หรือกำลังถ่ายละครเรื่องใดหรือเปล่า

    “นี่มัน ..”เธอรู้สึกปวดหัวจี๊ด

    ความฝันหรือความจริง

    ภาพต่างๆ ที่ประดังประเดเข้ามา ทำให้เรื่องราวต่างๆ ถูกประติดประต่อ

    ทันใดนั้น ภาพของเรื่องราวต่างๆ ก็กรูเข้ามาในหัว

    ทั้งภาพเก่า ภาพใหม่

    ภพเก่า ภพใหม่

    อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

    จิตวิญญาณที่กระจัดกระจายไปยังทั้งสามภพภูมิ ได้กลับมาหลอมรวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง

    “นี่ฉัน ..เป็นใคร”เรยาถามตัวเองเพื่อให้แน่ใจ

    “พระอัครชายาวราสิกะ ..จำพระองค์เองไม่ได้เหรอเพคะ”นางกำนัลคนสนิทถามด้วยความกังวล

    “ฉัน ..เอ่อ ..”เรยาพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์

    นี่เธอ ..กำลังทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องที่เพิ่งอ่านจบไปงั้นเหรอ

    พระอัครชายาวราสิกะ ..นี่มันชื่อนางร้ายในนิยายไม่ใช่หรือไง

    แล้วทำไมเธอถูกเรียกแบบนั้นล่ะ

    อย่าบอกว่า ..ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย

    ตายห่า!

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น