ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เส้นทางแห่งแสง [ จบ ]

    ลำดับตอนที่ #49 : บทที่ 22 พี่น้องพร้อมหน้า ภาค ราชันย์ผยองเดช

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.94K
      179
      17 ธ.ค. 59

    ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง

    ภายใต้บรรยากาศอันร่มรื่นที่สุดแสนจะสบายหูสบายตายิ่งชายหนุ่มอายุราว 16-17 ปีนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ได้ลืมตาขึ้นจากสมาธิใบหน้าที่หล่อเหล่าและผิวสีแทนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนผมสีดำและดวงตาสีมรกตทำให้ดูมีเสน่ห์ยิ่ง

    "อวิ้นหลัน !! อวิ้นหลัน !!"

    ชายหนุ่นหันไปมองต้นเสียงก็พบกับหญิงงามหยดย้อยผู้หนึ่งที่กำลังค่อยๆสาวเท้าเดินมาอย่างสง่างาม

    "ท่านแม่ !!"

    อวิ้นหลันเห็นมารดาของตนก็รีบลุกเร่งวิ่งเข้าไปหาทันที

    "อีกไม่กี่ชั่วยามเจ้าก็จะได้มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงแล้ว...ใยเจ้าถึงมาเอ้อระเหยอยู่แถวนี้กัน"

    "ลูกอดเป็นห่วงท่านมิได้ขอรับท่านแม่...ข้าเกรงว่าจะไม่มีผู้ใดอยู่ดูแลท่านแม่น่ะขอรับ"

    หญิงสาวลูบหัวบุตรของตนอย่างรักใคร่

    "โถ...เด็กโง่...แม่ยังมีสาวใช้อยู่อีกตั้งมากมายเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหากเจ้าไม่รีบเข้าประเดี๋ยวท่านผู้นั้นออกจากเมืองหลวงไปเจ้าจะลำบากเอา"

    "ขอรับ...ข้าจะต้องขอให้ท่านผู้นั้นรับข้าเป็นศิษย์ให้ได้ !!"

    "ขอสวรรค์คุ้มครองเจ้า..ลูกรัก.."

    .........

    ณ เขาพันลี้ที่สูงเสียดฟ้าพรรคพวกของหลินเฟยได้มาถึงที่นี้กันแล้วหลินเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเขาลูกนี้และหน้าผานี้มันคุ้นตามากๆ

    "ใช่แล้ว !! เขาลูกนี้ที่ข้าพาพวกเจ้ามาฝึกตนนี้ !!"

    ทั้งสามสาวแปลกใจนักเพราะทั้งสี่คนสัมผัสอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อยขนาดที่หลินเฟยยังคาดไม่ถึงเพราะตนมั่นใจว่าสัมผัสของตนนั้นน่าจะดีที่สุดในโลกแล้วคงมีแต่ผู้ที่มีอาคมด้านการวางค่ายกลที่มีพลังมหาศาลมากนักเพื่อที่ปิดบังจากสัมผัสของตนได้

    "คงต้องขึ้นไปสูงกว่านี้อีกสินะ..."

    หลินเฟยและสามสาวกระโดดขึ้นไปทีล่ะขั้นๆจนในที่สุดก็สัมผัสได้ถึงสามตัวตน
    เท่าที่หลินเฟยรู้มามันก็น่าจะมีเพียงแค่วานรเพลิงนพเก้าและหงส์แดงสิแล้วอีกตัวตนที่หลินเฟยสัมผัสได้นั้นคืออะไรกันแถมพลังยังด้อยกว่าสัมผัสของหงส์แดงเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

    "พวกเจ้าสัมผัสอีกตัวตนนึงได้รึไม่ ?"

    ทั้งสามสาวก็ต่างพยักหน้าและกล่าว

    """เจ้าค่ะ"""

    หลินเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยก็จะได้ยินเสียงคำรามที่ดังก้องมาจากอีกฝากของยอดเขา

    โฮกกกกก !! เจี๊ยก ๆ !! หวูก ๆ !!

    หลินเฟยรีบไปดูที่ต้นเสียงทันทีก็พบสัตว์รูปร่างหมีตัวใหญ่กว่าหมียักษ์เหมันต์มากนักตัวของมันสีดำขลับทั้งตัวเกล็ดที่ห่อหุบตัวมันส่องสะท้อนแสงราวอัญมณีซึ่งตอนนี้มันกำลังปะทะกับวานรยักษ์ที่มีขนสีแดงปนส้มและเหลืองมีรอยเหมือนรูปดวงไฟใหญ่อยู่กล่างอกดวงตาสีส้มอมเหลืองที่กำลังเหวี่ยงแขนใส่หมีดำอย่างไม่หยุดยั้งหมีดำที่ทนแรงไม่ไหวก็รีบดิ้นสะบัดก่อนวานรเพลิงนพเก้าตัวนั้นจะคว้าคอและหักจนเสียงดัง

    กร่วบ !!

    แม้มันจะไม่ดังมากแต่พวกของหลินเฟยนั้นได้ยินกันอย่างชัดเจนวานรเพลิงนพเก้าปล่อยร่างไร้วิญญาณของหมีดำลงก่อนมันจะมานั่งอยู่ที่หน้าถ่ำและเหมือนกำลังเฝ้าอะไรสั้กอย่างอยู่หลินเฟยจึงเรียกร่างอวตารของตนออกมาและพวกสามสาวก็เรียกร่างอวตารออกมาและร่างครึ่งมนุษย์ออกมาเช่นกันทันใดนั้นจู่ๆลิงยักษ์ตัวนั้นก็ลุกขึ้นทันทีมันหันซ้ายหันขวาด้วยท่าทีร้อนใจ

    มันมองหาจุดที่มันสัมผัสพลังออกมาได้จนไปพบกับกลุ่มคนกลุ่มนึงเข้ามันถลึกตาออกจนแทบจะถลนออกมามันรีบคุกเข่าทันทีทันใดนั้นเสียงก็ดั่งก้องไปทั่วขุนเขา

    "คราวะท่านบรรพบุรุษขอรับ !!"

    วานรเพลิงนพเก้าพูดด้วยเสียงที่ยังดูหนุ่มแน่นแต่แฝงด้วยความอันตราย
    หลินเฟยพุ่งตัวลงมาทันทีก่อนจะกล่าว

    "ลุกขึ้นเถอะ...ไม่ต้องมากพิธี"

    "มิได้ขอรับ...ตัวข้านั้นแสนต่ำเตี้ยเรี่ยดินมิอาจหาญยืนค้ำหัวท่านบรรพบุรุษขอรับ"

    เสียงของมันฟังดูหวาดกลัวอย่างแท้จริงในหัวมันคิดแต่เรื่องทางรอดของมันอย่างเดียวเท่านั้น

    เหตุใดผู้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ถึงมาอยู่ที่นี้ได้และเหตุใดถึงต้องมาหามันมันทำอะไรให้ท่านผู้นี้มิสบอารมรึไม่ความคิดเหล่านี้ปะปนในหัวสมองของวานรเพลิงนพเก้าจนมั่วไปหมด
    ทันใดนั้นได้มีแสงสีแดงและสีขาวพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วปรากฏร่างของหงส์แดงที่ตัวใหญ่กว่าวานรเพลิงนพเก้าเสียด้วยซ้ำปีกมันกางออกและร่างอีกร่างนึกที่หลินเฟยไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่รวมกันนั้นคือเสือขาว

    หงส์แดงรีบคลายร่างของจตุรเทพก่อนจะค่อยๆกลายเป็นร่างมนุษย์ที่แสนจะงดงามใบหน้าดุดันที่แสนจะหยดย้อยและผมสีแดงอมชมพูที่ยาวจนถึงกลางหลังดวงตาสีส้มทอประกายแวววับดุจดั่งเพชรพลอยชุดเกราะที่ดูน้อยชิ้นแต่กลับดูองอาจในเวลาเดียวกัน

    เสือขาวกลับกลายเป็นหญิงงามที่ดูน่าจะอายุราวๆเท่าๆกับหลินเฟยนางตัวเล็กดูบอบบางผมสีเงินที่มัดรวบปล่อยออกมาจากศีรษะทั้งสองข้าง(ผมหมายถึงทรงทวินเทลน่ะครับ)ช่างดูน่ารักน่าเอ็อดูดวงตาสองสีที่ข้าขวาเป็นสีฟ้าส่วนอีกข้างเป็นสีทองทำให้นางดูลึกลับอย่างน่าประหลายชุดเกาะสีเงินที่ส่องสว่างออกมาราวกับมันกำลังอวดความสวยงามของมันใบหน้าที่จิ้มลิ้มน่ารักของนางช่างดูเหมาะสมกันวัยยิ่งนัก

    ""คราวะท่านบรรพบุรุษทั้งสองเจ้าค่ะ!!""

    และเป็นอีกครั้งที่ลี่เอ๋อถูกเข้าใจผิดคิดว่านางนั้นคือราชันย์มังกรแห่งแสงนางจึงทำได้เพียงอธิบายแบบเดิมอย่างครบถ้วนหลินเฟยก็หัวเราะออกมานิดหน่อยเมื่อตนได้เห็นเดจาวูอีกครั้ง

    "ซุนเฉิน !! เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ในร่างนี้อยู่อีกเล่า !! ข้าเคยบอกเล่าเรื่องของท่านผู้นี้แล้วใช่มั้ย !! รีบกลายร่างมนุษย์เร็วสิ !!"หงส์แดงที่นั่งคุกเข่าอยู่เห็นวานรเพลิงนพเก้านามว่าซุนเฉินอยู่ในร่างสัตว์จึงรีบสั่งให้แปลงร่างทันที

    "ขอรับ !!"

    วานรเพลิงนพเก้ารีบกลายร่างทันทีจากร่างลิงกลับกลายเป็นบุรุษที่สวมชุดเกราะหนักทั่วทั้งตัวเกราะสีแดงเพลิงลูกโชนขึ้นหลังจากการแปลงกายราวกับมันเป็นเทพสงครามซุนเฉินถอดเกราะที่สวมอยู่ที่หัวออกและแสดงให้เห็นถึงใบหน้าที่เข้มขรึมผมสีแดงเพลิงที่ไม่สั้นไม่ยาวมากพัดปลิ้วไปตามลมร่างกายที่ใหญ่โตคุกเข่าลงและกล่าว

    "ขออภัยในความไร้มารยาทของข้าน้อยผู้โง่เขล่า !!"

    หลินเฟยโบกมือเชิงว่าไม่เป็นไรก่อนที่ชิงเอ๋อและอี้เอ๋อจะโผล่ออกมา

    ""พี่ใหญ่ !! น้องสี่ !! เหตุใดทั้งสองคนถึงอยู่ด้วยกันหล่ะ !!?""

    ทั้งสองคนพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

    ""พี่/น้องรอง !!? พี่/น้องสาม !!?""

    อีกฝ่ายก็อดแปลกใจมิใช่น้อยก่อนจะรู้สึกว่าหลินเฟยกำลังมองอยู่จึงค้อมหัวลงต่ำและกล่าวพร้อมกัน

    """"ขออภัยในความไร้มารยาทเจ้าค่ะ !!!""""

    หลินเฟยยิ้มอ่อนๆก่อนจะกล่าวถาม

    "อย่างที่ทั้งสองคนนั้นบอก เหตุใดเจ้าถึงอยู่ด้วยกันหล่ะ ? มิใช่ว่าเจ้าแยกกันอยู่หรอกรึ ?"

    หงส์แดงขยับก้าวมาข้างหน้าก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

    "คือข้ากับน้องสี่ที่จริงก็พึ่งพบกันเมื่อไม่นานมานี้เองเจ้าค่ะประมานร้อยกว่าปีที่แล้วข้าและน้องเล็กเดินทางหาที่จำศีลและบำเพ็ญตนจนมาพบกันบนยอดเขาแห่งนี้พวกข้าเสาะหาสถานที่ที่พอจะให้พวกเราซ่อนตัวจากสายตาของพวกมนุษย์ได้ข้าจึงมาเจอถ่ำที่อยู่หลังยอดเขาแห่งนี้ข้าจึงพาน้องสี่เข้าไปข้างในถ่ำแล้วพวกข้าก็มาพบกับซุนเฉินที่เป็นเพียงแค่ลูกลิงอยู่ข้างในข้ากับน้องสี่จึงค่อยๆหาอาหารมาให้จนตัวมันโตเพียงพอที่จะสามารถดูแลตนเองได้ข้าจึงตั้งชื่อให้ว่าซุนเฉินและสั่งให้เฝ้าปากถ่ำไว้มิให้ผู้ใดมาพบเราแต่มีอยู่ครั้งนึงที่มีมนุษย์ปีนป่ายขึ้นมาถึงที่นี้ได้มันเห็นเพียงแค่ปีกของข้าที่อยู่ข้างในไม่ทันไรจึงโดนซุนเฉินเล่นงานเข้ามันถึงถอยกลับไปข้าเลยกลัวว่าเรื่องที่อยู่ของข้ามันจะกระจายออกไปจึงแปลงกายเป็นชาวบ้านไปและลองไปถามถึงเรื่องของจตุรเทพดูก็มีแต่คนบอกว่ามีเซียนผู้นึงบอกว่าพวกข้าอยู่ที่เขาพันลี้แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเพราะคิดว่าเซียนผู้นั้นคงกุเรื่องขึ้นเพื่อหาชื่อเสียงเป็นแน่ตัวข้ากับน้องสี่จึงอยู่ที่นี้มาจนถึงตอนนี้เจ้าค่ะ..."

    หลินเฟยครุ่นคิดครู่นึงเพราะยังตามเรื่องราวไม่ทันก่อนจะสรุปความได้

    "สรุปคือเจ้ากับน้องสี่ของเจ้ากำลังหาที่ฝึกตนจึงมาพบกันโดยบังเอิญและพบถ่ำนี้เข้าและพอเข้าถ่ำไปก็ได้เจอกับลูกของวานรเพลิงนพเก้าและจึงเลี้ยงมันให้เป็นยามเฝ้าหน้าถ่ำและมีวันนึงมีจอมยุทธ์ดันหลุดมาเห็นปีกของเจ้าเข้าเลยนำไปเล่าให้ชาวเมืองฟังเจ้าจึงลงไปเพื่อที่จะแก้ไขข่าวลือแต่กลับไม่มีใครเชื่อมาตั้งแต่แรกแล้วเจ้าจึงไม่โดนรบกวนจากผู้อื่นสินะ.."

    "เจ้าค่ะ !! ท่านช่างหลักแหลมยิ่ง !!"

    ทันใดนั้นหลินเฟยยกยิ้มอย่างซุกซนและกล่าวขึ้นทันที

    "ฮิๆ เจ้าทั้งสาม !! ข้าอยากให้พวกเจ้ามากับข้า !!"

    ...ติดตามตอนต่อไป

    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    ค้างกันหล่ะสิพวกรีดทั้งหลาย ฮ่าๆๆๆๆ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×