คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : พายุโซนร้อน PP [2]
อิมเมจ
**********************
“นายคิดอย่างคนไม่กล้าสู้กับใครหรือกับอะไรเลยน่ะสิ ถึงได้...” คำว่า ‘แพ้ทุกเรื่อง’ ถูกยั้งเอาไว้ เพราะอย่างน้อยเรื่องล่าสุดโอฬารก็ชนะอย่างที่เขาไม่มีวันเอาชนะได้เลยในชาตินี้ “รางวัลรายการโทรทัศน์มันจะทำให้คนผลิตรายการมีกำลังใจ ภูมิใจในฝีมือ เพราะฉะนั้นเราต้องเปลี่ยนรูปแบบรายการที่ไม่ต้องชนกับรายการนั้น แต่จะทำให้ดีกว่าดังกว่า แล้วคว้ารางวัลสาขาอื่นมาแทน”
“ใช่ รางวัลมันคือสิ่งบ่งบอกได้ชัดเจน ว่าอะไรดีหรือไม่ดี สังคมจะยอมรับมากขึ้นถ้ามีรางวัลมาการันตี” อเนกเสริมคำพูดลูกชาย ทำเอาผู้บริหารอีกสามคนถึงกับนิ่งเงียบ เพราะอเนกสอนลูกแบบนี้มาตลอด ภัคภณเลยเป็นคนแพ้ไม่เป็น รางวัลเป็นเครื่องตัดสิน และใช้การยอมรับของสังคมเป็นความภูมิใจ
“แล้วความรู้สึกของทีมผลิตรายการของเราล่ะ พวกเขาคิดรายการนี้มาด้วยสมองลงมือทำด้วยแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีจนเรตติ้งพุ่งขึ้นสูงตั้งแต่สามเดือนแรก สปอร์นเซอร์ที่ถอนไป ก่อนหน้านี้ก็เข้ามาเพราะพวกเขา ถ้าโดนก๊อปไปแล้วยอมเปลี่ยนรูปแบบรายการ มันก็เท่ากับว่าพวกเขายอมให้คนอื่นชุบมือเปิบกับสิ่งที่สร้างมานะ”
อันนพให้ความเห็นบ้าง และอเนกก็คิดในทำนองเดียวกันกับที่คนอื่นคิดต่อเขา คืออันนพเป็นแบบนี้ ไม่ชอบเอาชนะใคร ทำงานแบบเน้นความใส่ใจคนอื่นมากกว่าการแข่งขัน เลยเลี้ยงโอฬารมาแบบนั้น...แบบที่ยอมถอยให้จนน่าสมเพช
“ในเรื่องของธุรกิจ กำไรขาดทุน ต้องมาก่อนเสมอนะครับ และถ้าอะไรที่มันช่วยซัพพอร์ตให้ธุรกิจเรามีทางทำกำไรได้มากขึ้น เราต้องเลือกสิ่งนั้นมากกว่าความรู้สึกของคนกลุ่มน้อยที่กินเงินเดือนเรา”
อเนกแสยะยิ้มในขณะที่คนอื่น ๆ ได้แต่ถอนหายใจบางเบา เออับบลิวกรุ๊ปเป็นกลุ่มธุรกิจชั้นแนวหน้าของประเทศ เรียกได้ว่าถ้าเอ่ยชื่อขึ้นมาแทบจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก นั่นแปลว่ากำไรต่อปีสูงลิ่วขนาดทำให้คนในองค์กรทุกคนกินดีอยู่ดี ครอบครัวอัศววงศ์ธรรมเองก็ติดอันดับท็อปเท็นของมหาเศรษฐี ดังนั้นสิ่งที่เจ้าสัวอัศวินเน้นย้ำเสมอก็คือการทำงานด้วยคุณธรรม ใส่ใจคนใบองค์กรให้เหมือนคนในครอบครัว
“งั้นก็คงต้องโหวตเสียงสามในห้าของทีมผู้บริหาร” วรัทเอ่ยขึ้นในที่สุด
“ไม่ต้องโหวตก็รู้ผลแล้วครับพี่ใหญ่ สามในห้าของห้องประชุมนี้คือพี่ใหญ่ลุงนพแล้วก็...ยักษ์ ผมเป็นฝ่ายแพ้แน่นอน แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ เพราะนี่มันคืออำนาจที่ผมควรได้มีสิทธิ์ตัดสินใจ ผมไม่มีทางยอมรับคะแนนเสียงที่ได้มาจากการเข้าข้างเด็ดขาด”
“โต...พูดแบบนี้มันเกินไปหน่อยนะ พวกเราทุกคนรู้ว่านี่คือการทำงาน ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่จะมาเข้าข้างกัน ต่อให้ไม่เชื่อใจคนในครอบครัว นายก็น่าจะเชื่อในความเป็นอาชีพของทุกคนบ้าง” วรัทน้ำเสียงเข้มขึ้นเพราะเขาไม่ชอบใจคำพูดน้องชายที่ทำเหมือนว่าโดนรังแก ทั้งที่ทุกคนต่างหวังดีกับคนเป็นน้องชายทั้งนั้น
“ผมจะเชื่อความเป็นมืออาชีพได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ผมถูกลิดรอนอำนาจอยู่”
วรัทพยายามข่มใจอย่างมากที่จะไม่พูดออกไปว่าอำนาจสูงสุดในที่นี้เป็นของเขา เพราะแม้เจ้าสัวอัศวินจะบอกว่าเขาสามารถใช้อำนาจของประธานบริษัทเอดับบลิวกรุ๊ปในการตัดสินใจได้ทุกอย่าง แต่ด้วยนิสัยที่ไม่เคยวางอำนาจกับใคร และไม่อยากให้น้องชายรู้สึกแย่ไปมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงเงียบและพยายามคิดหาทางออกอื่น
“ได้ งั้นหนึ่งเสียงของพี่ พี่จะยกให้คนอื่น”
“คุณอุบลเป็นเลขาพี่ คุณเอ้ยเป็นเลขายักษ์” ภัคภณเอ่ยขึ้นลอย ๆ หากทุกคนเข้าใจดี
“โอเค งั้นเสียงของพี่ยกให้คุณอณิมาก็แล้วกัน”
คนที่นั่งบันทึกการประชุมเงียบ ๆ มาตลอดตัวเกร็งขึ้นเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นกวาดมองทุกคนก่อนจะมาหยุดที่เจ้านายตัวเอง เขามองสบตาเธอเป็นดวงตาว่างเปล่าที่ไม่บ่งบอกอะไรทั้งสิ้น
ภัคภณจ้องมองเลขาตัวเองที่เพิ่งทำงานร่วมกันได้ไม่กี่เดือนอย่างชั่งใจ อณิมาทำงานเก่ง ช่วยงานเขาได้มาก หลายเรื่องยาก ๆ เธอสามารถจัดการได้อย่างน่าทึ่ง แต่เรื่องความคิดจิตใจเธอค่อนข้างเข้าพวกกับอีกฝั่ง กระนั้นถ้าต้องเลือกใครสักคนให้ออกเสียงสุดท้าย เธอก็คงเหมาะสมกว่าใคร เพราะอย่างน้อยเธอก็เป็นเลขาที่ต้องทำงานกับเขาต่อไป คงจะพอรู้ว่าควรเลือกฝั่งไหน
“ดี ผมเห็นด้วย”
“แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ดิฉันคิดว่า...” อณิมาตั้งใจจะปฏิเสธ
“ตามนั้นแหละหนูณิ ถ้ามันจะทำให้เจ้านายหนูณิเชื่อว่าการโหวตเสียงครั้งนี้โปร่งใสได้ ลุงว่าก็ดีนะ” อันนพหันมาขัดคำพูดเลขาของภัคภณเพราะรู้ว่าถ้าเธอปฏิเสธต้องสร้างความขุ่นใจให้เจ้านายหนุ่มของเธออย่างแน่นอน
กระนั้นคิ้วหน้าของซีอีโอกลุ่มโทรคมนาคมก็ยังขมวดเข้าหากัน นับแต่อณิมามาทำงานที่เอดับบลิวกรุ๊ป ทั้งเจ้าสัว อันนพ อรุณประไพต่างก็เรียกเธอว่าหนูณิกันทั้งนั้น ทั้งที่แทบไม่เคยพูดกับพนักงานคนอื่นด้วยความสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน อันนพเองถึงขนาดแทนตัวว่าลุง แปลว่าต้องเอ็นดูมากเป็นพิเศษ ทำให้บางทีเขาเกิดความคลางแคลงใจในตัวเธอ
“เอาล่ะ เราเสียเวลามามากแล้ว คุณณิออกเสียงได้เลยครับว่าเห็นควรกับเรื่องนี้ยังไง” วรัทสังเกตสีหน้าน้องชายแล้วรีบบอกอณิมา เกรงว่าถ้าขืนช้าไปพายุลูกใหม่จะก่อตัวขึ้นอีก
ทุกคนจับสายตามาทางอณิมาจนเธอรู้สึกอึดอัด เพราะสายตาของภัคภณกับบิดากดดันและคาดหวังจากเธออย่างมาก ส่วนคนอื่น ๆ มองมาอย่างรอคอย ไม่มีใครส่งกระแสบีบบังคับใส่เธอเลย หากนั่นทำให้เธอค่อนข้างลำบากใจ
________________________________
อ้าวววว หนึ่งเสียงของพี่ใหญ่ตกมาที่หนูณิแบบนี้ก็แย่เลยสิคะ
สี่โมงครึ่งมาดูกันว่าคุณอณิมาเขาจะตอบว่าอย่างไร
งานนี้พายุจะสงบหรือพัดแรงกว่าเดิมก็ขึ้นอยู่กับอณิมาคนเดียวแล้วแหละ
ความคิดเห็น