ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียเหนือดวง

    ลำดับตอนที่ #2 : พายุโซนร้อน PP [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.68K
      111
      20 ต.ค. 64

    กลับมาแล้วค่าาาาา คิดถึงรี้ดอย่างแรงงงงงงง

    มาแบบใหม่กิ๊กเลยนะคะ เพราะงั้นเคลียร์ของเก่าออกจากความทรงจำก่อนะคะรี้ดขา 

    ****************************

    พายุโซนร้อน PP

     

            การประชุมครั้งนี้ใช้สถานที่เป็นห้องประชุมเล็กเพราะมีเฉพาะทีมผู้บริหารเพียงแปดคนเท่านั้น นั่นคือวรัทที่เป็นประธานการประชุม อเนก อันนพ โอฬาร ภัคภณและเลขาประจำกลุ่มธุรกิจทั้งสามคน ด้วยวาระที่ทำให้ซีอีโอกลุ่มโทรคมนาคมหัวร้อนจนแทบคลั่ง หลังจากถกเถียงในห้องประชุมใหญ่แล้วได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร คนที่ดื้อดันเป็นนิสัยก็แทบอยู่เฉยไม่ติด วรัทจึงต้องเชิญทุกคนมาประชุมนอกรอบอีกครั้ง 

              “ทำไมต้องมาประชุมใหม่ ทั้งที่ผมเป็นซีอีโอของกลุ่มโทรคมนาคม ผมควรมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” ภัคภณที่ออกอาการหงุดหงิดเอ่ยถามเสียงดุดัน 

    “โต ใจเย็น ๆ ก่อน” วรัทเอ่ยปรามน้องชายเสียงระอา ตอนประชุมที่ห้องใหญ่ มีผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ เข้าร่วมด้วย หากเรื่องที่เป็นหัวข้อการประชุมสร้างความโกรธให้ภัคภณเป็นอย่างมาก และถ้าเขาไม่จบการประชุมแบบกะทันหันเสียก่อน คาดว่าน้องชายคงได้ซัดใครสักคนในห้องนั้นให้เสียภาพพจน์แล้วเป็นแน่ 

    “ใจเย็นเหรอ ผมเป็นซีอีโอกลุ่มโทรคมนาคม เป็นคนมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจเรื่องที่เกี่ยวกับสถานีของเรา แต่พี่ไม่ให้สิทธิ์นั้นกับผม ผมควรใจเย็นงั้นเหรอ” 

    เอดับบลิวกรุ๊ปของครอบครัวอัศววงศ์ธรรมมีธุรกิจด้วยกันสามกลุ่มหลักใหญ่ ๆ ธุรกิจหลักทำเกี่ยวกับการเงินการธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ มากมาย ตอนนี้มีวรัทซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเป็นคนดูแลกลุ่มนี้อยู่ กลุ่มที่สองคือกลุ่มโทรคมนาคม ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเครือข่ายมือถือ อินเทอร์เน็ต และสถานีดิจิทัล อดีต...วรัทเคยดูแลกลุ่มนี้มาก่อน แต่พอเขาขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ภัคภณซึ่งเป็นรองประธานเลยต้องมาดูแลแทน กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับค้าปลีกต่าง ๆ ทั้งมินิมาร์ท และห้างสรรพสินค้า ซีอีโอประจำกลุ่มนี้คือโอฬาร 

    “นายมีสิทธิ์ตัดสินใจโต แต่ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรมันควรผ่านการไตร่ตรอง ผ่านการประชุมที่ช่วยกันคิด ช่วยกันแสดงความคิดเห็นอย่างใจเย็นและรอบคอก่อน เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่ จะมาเอาแต่อารมณ์ไม่ได้”

    “เรื่องใหญ่แล้วไง พี่คิดว่าผมตัดสินใจได้ไม่ดีพองั้นเหรอ” ภัคภณยังไม่ลดดีกรีความหัวร้อนลงเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ทุกคนยังนั่งเงียบให้เขาสาดอารมณ์ให้พอใจเสียก่อน 

    “หึ! มาประชุมกันแบบนี้ สุดท้ายเสียงข้างมากก็ไม่ตกมาที่เราแน่นอน” อเนกผู้เห็นด้วยกับลูกชายเอ่ยขึ้นเสียงหยัน 

    วรัทได้แต่ผ่อนลมหายใจออกยาว การทำงานที่แม้จะบอกว่าแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แต่เมื่อคนที่นั่งประชุมอยู่เป็นคนสายเลือดเดียวกัน จะแยกอย่างไรให้ขาดจากความรู้สึกได้เด็ดขาด 

    “เหนก ทำไมพูดแบบนั้น คุณพ่อให้เราช่วยทำงานกันมานาน น่าจะรู้แล้วว่างานก็คืองาน เรื่องนี้เป็นการสินใจของโตก็ใช่ แต่ถ้าพลาดขึ้นมา มันเสียหายในนามเอดับบลิวกรุ๊ป ไม่ใช่ในนามกลุ่มโทรคมนาคมเพียงอย่างเดียวนะ” อันนพ ผู้เป็นลูกชายคนรองของเจ้าสัวอัศวินเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ และคำว่า ‘พลาด’ ก็สร้างความขุ่นใจให้ภัคภณไม่น้อย แต่เพราะรักอันนพไม่ต่างจะบิดาแท้ ๆ ชายหนุ่มเลยทำเพียงเงียบ “โต ลุงไม่ได้ไม่เชื่อมือโต ที่ผ่านมาโตพิสูจน์ฝีมือการทำงานมาชัดเจนแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีวันผิดพลาดไม่ใช่เหรอ”

    อันนพไม่ได้คิดจะตอกย้ำหลานชายไม่ว่าเรื่องใด ถ้าพูดถึงเรื่องงานภัคภณทำได้ดีเยี่ยมเสมอ แต่ในเรื่องการใช้ชีวิตเขาสอบตกแบบคะแนนติดลบ โดยเฉพาะเรื่องที่โดนยิงจนต้องเข้าโรงพยาบาลเมื่อเดือนก่อน นั่นเป็นสิ่งที่บอกชัดว่าจิตใจของภัคภณต้องการการเยียวยา และเหตุการณ์นั้นทำให้เขาพลาดงานครั้งใหญ่ ไม่มีใครกล่าวโทษเขา มีเพียงตัวเขาเองที่รู้สึกผิดจนอยากแก้ไขงานต่อไปให้ดีกว่าเดิม แต่มันเป็นความอยากแก้ที่ผสมรวมกับการอยากเอาชนะแบบผิด ๆ ทุกคนเลยต้องคอยช่วยเขา โดยเฉพาะในเรื่องของอารมณ์ร้อนไม่ฟังใคร

    “ผมว่าเราเริ่มประชุมกันเลยดีกว่านะครับ” โอฬารเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นภัคภณไม่โต้ตอบอะไรอีก คาดว่าคงจะใจเย็นลงบ้างแล้วแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม 

    อุบลเลขาวัยสี่สิบปีของวรัทยื่นแฟ้มเอกสารการประชุมที่สรุปมาจากห้องใหญ่ให้อย่างรู้หน้าที่ ชายหนุ่มรับมาแล้วเปิดอ่านผ่านตาในจุดที่มีรายละเอียดปลีกย่อย ส่วนหัวข้อหลัก ๆ ทุกคนในห้องนี้รู้ดีแล้ว 

    “จากที่ห้องประชุมใหญ่คุยกันว่ารายการ ‘สัพเพเหระ’ ของช่องเราถูกรายการของอีกช่องก็อปไป โปรดิวเซอร์กับทีมผลิตรายการเขายังอยากทำต่อ แต่โตเห็นว่าควรเปลี่ยนรายการ ผมเลยอยากคุยกับทีมผู้บริหารอีกรอบว่าทุกคนเห็นว่ายังไงครับ”  

    “ผมว่า...” โอฬารเอ่ยไม่ทันจบเจ้าของกลุ่มธุรกิจที่เป็นเจ้าของประเด็นก็เอ่ยแทรกขึ้นอย่างตั้งใจขัด

    “รายการนั้นมันเป็นความคิดของทีมผลิตรายการของเราก็จริง แต่ฝ่ายนั้นเอาไปทำเหมือนเป๊ะขนาดนั้น แถมยังเชิญแขกกิตติมศักดิ์ระดับนั้นมาออกตั้งแต่เทปแรก สปอร์นเซอร์ใหญ่ ๆ ถอนไปตั้งกี่ราย ผมไม่ได้กลัวหรือยอมแพ้พวกมันหรอกนะ แต่แค่คิดว่าถ้าลองกล้าทำขนาดนี้ แปลว่าการประกาศผลรางวัลโทรทัศน์อีกสามเดือนข้างหน้าก็อาจจะไม่โปร่งใสแน่ ๆ และถ้าเป็นแบบนั้นเราจะกลายเป็นผู้แพ้ยับเยิน”

    “ธุรกิจมันคือการแข่งขันน่ะใช่ แต่แค่ต่างคนต่างทำงานของตัวเองไปมันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องคิดเรื่องแพ้ชนะขนาดนั้น” โอฬารผู้ทำธุรกิจอย่างสะอาดโปร่งใสและใส่ใจคนรอบข้างเอ่ยในสิ่งที่ตัวเองคิด 

    “นายคิดอย่างคนไม่กล้าสู้กับใครหรือกับอะไรเลยน่ะสิ ถึงได้...” คำว่า ‘แพ้ทุกเรื่อง’ ถูกยั้งเอาไว้ เพราะอย่างน้อยเรื่องล่าสุดโอฬารก็ชนะอย่างที่เขาไม่มีวันเอาชนะได้เลยในชาตินี้

     

    ________________________________

    เปิดมาตอนแรกพี่ก็หัวร้อนเลย งานนี้พี่ไม่ยอมง่าย ๆ หรอกบอกเลย 

    ฝากติดตามด้วยนะคะ ไรต์พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ถูกใจไม่ถูกใจอย่างไร

    คอมเมนต์ติชมกันได้เลยนะคะ ฝากติดตามด้วยค่ะ จะมา 4 รอบทุกวัน 

    เพราะฉะนั้นบางรอบแอปอาจไม่แจ้งเตือนนะคะ ใจจะแจ้งที่เพจค่ะ www.facebook.com/jiamjaibooks 

    รอบต่อไปเจอกันตอนสิบเอ็ดโมงครึ่งนะคะ รักรี้ดมากที่สุดเลยค่าาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×