สันดานละลายรัก
การกระทำที่จะทำให้ความรักของเราละลายหมดไป
ผู้เข้าชมรวม
190
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตัวอย่างที่ 1 เป็นเวลากว่าค่อนศตวรรษมาแล้ว พระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศล ทรงตกหลุมรัก มารี ยูยีเน่ เคาน์เตสแห่งทีบา ซึ่งกล่าวขวัญกันว่าเป็นสตรีที่สวยที่สุดของโลกยุคนั้น และทรงอภิเษกกับเธอท่ามกลางการคัดค้านของหลายคน กษัตริย์ฝรั่งเศสและพระราชินีมีพระพลานามัยดี มีพระราชอำนาจ มีความมั่งคั่งในราชสมบัติ มีความสง่างามและความรัก เปลวไฟใดๆก็ไม่โชติช่วงชัชวาลเท่าคบเพลิงแห่งความรักของทั้งสองพระองค์
ทว่าหลังพิธีอภิเษกสมรสไม่นาน เปลวไฟนั้นก็มอดมลายลงเหลือเพียงซากเถ้าถุลี นโปเลียนแต่งตั้งให้ยูยีเน่เป็นราชินี ได้มอบสมบัติทุกสิ่งของฝรั่งเศสให้เธอได้ รวมถึงความรักทั้งหมดให้เธอได้ แต่สิ่งที่พระองค์ทำไม่ได้คือ ไม่อาจหยุดนิสัยวุ่นวาย จู้จี้ขี้หึงของเธอลงได้ ยูยีเน่ขี้หึงอย่างร้างกาจระแวงไปเสียหมด และไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ กระทั่งไม่ยอมให้พระเจ้าแผ่นดินมีความลับส่วนพระองค์ใดๆ
บางทีเธอบุกพรวดเข้าไปในท้องพระโรงขณะที่พระองค์กำลังทรงปรึกษาราชการกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เธอไม่อยากให้พระองค์มีโอกาสอยู่ลำพังพ้นไปจากสายตาของเธอ หวาดระแวงพระองค์จะไปมีหญิงอื่น เธอมักไปพบพี่สาวพร่ำรำพันถึงความเลวร้ายของพระเจ้าแผ่นดินให้พี่สาวฟัง บางทีเธอชี้หน้าด่าประจานพระองค์ต่อหน้าธารกำนัล
นโปเลียนที่ 3 มีพระราชวังใหญ่โตมโหฬาร เป็นพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่จะหาที่สักเล็กน้อยนิดเพื่อหลบให้พ้นจากการตามรังควานของยูยีเน่ไม่ได้
ยูยีเน่ได้อะไรบ้างจากการที่ตนเองทำอย่างนั้น เราดูได้จากข้อเขียนของไรน์ฮาร์ในหนังสือเรื่อง "นโปเลียนกับยูยีเน่" โศกนาฏกรรมและเรื่องชวนหัวของราชอาณาจักรแห่งหนึ่ง หนังสือเขียนไว้บางตอนว่า "บางคืน นโปเลียนแอบย่องหนีออกทางประตูด้านข้างสวมหมวกใบหนึ่งหลุบพระพักตร์ มีผู้ติดตามหนึ่งคน แอบไปพบกับสาวงามที่กำลังรอคอยอยู่จริงๆ พระองค์ทรงเตร็ดเตร่ไปทั่วมหานคร เส้นทางที่ผ่านไปคล้ายกับสวรรค์ที่พระองค์เคยพานพบ พระองค์ทรงสูดกลิ่นอายที่ประหลาดล้ำนั้นอย่างชื่นพระทัย"
นี่คือผลตอบแทนที่ยูยีเน่ได้จากการสร้างความวุ่นวายไม่รู้จบท่ามกลางบรรยากาศเลวร้ายที่เธอสร้างขึ้น พระสิริโฉมและตำแหน่งพระราชินีที่สูงส่งไม่สามารถรักษาความรักให้ยืนยาวต่อไปได้ ในที่สุดเธอต้องกู่ร้องอย่างน่าเวทนาพร่ำร้องว่า "สิ่งที่ฉันหวาดกลัวที่สุดได้เกิดขึ้นกับตัวฉันเองแล้ว"
ในบรรดาเปลวไฟที่ร้อนแรงหรือสิ่งสุดแสนกักขฬะซึ่งปวงปีศาจร้ายจากขุมนรกคิดสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายความรักนั้นก็คือการบ่นจู้จี้ก่อเรื่องวุ่นวายไม่สิ้นสุด สิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดนี้ เปรียบดั่งอสรพิษร้ายที่ทำลายและเข่นฆ่าความรักให้มอดดับลงได้ตลอดกาล
ตัวอย่างที่ 2 เคาน์เตส ตอลสตอย พบความวิบัติของการทำตัวจู้จี้ขี้บ่นต่อเมื่อสายเสียแล้ว ก่อนที่เธอจะสิ้นลมได้กล่าวกับบุตรีทั้งหลายของเธอว่า "พ่อของพวกเธอตายเพราะฉันแท้ๆ" พวกบุตรีทั้งหลายไม่ส่งเสียงตอบใดๆ ต่างได้แต่ร้องไห้โฮ พวกเธอทราบดีว่าสิ่งที่มารดาพูดเป็นความจริง ตอนที่บิดาของพวกเธอยังมีชีวิต มารดาของพวกเธอใช้วิธีตอแย ตำหนิด่าว่าเคาน์เตส ตอลสตอย อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น จนเป็นเหตุให้เขาโกธรถึงตาย
ถ้าว่าไปแล้ว เคาน์ตอลสตอยและภรรยาควรจะมีชีวิตครอบครัวที่สุดแสนสบาย เพราะเขาเป็นนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งนับแต่สมัยโบราณเป็นต้นมา บทประพันธ์ยิ่งใหญ่ของเขาสองเรื่อง ได้แก่ "สงครามและสันติภาพ" กับ "แอนนา คาเรนินา" ต่างส่องประกายฉายแสงอยู่ในบรรณพิภพตราบนานเท่านานนิรันดร์กาล
ตอลสตอยมีชื่อเสียงกึกก้อง คนที่คอยติดตามเขาต่างจดชวเลขทุกถ้อยคำที่เขากล่าวออกมา รัฐบาลรัสเชียจดบันทึกทุกประโยคที่เขากล่าวไว้นำมาพิมพ์เป็นหนังสือรวมร้อยบท เพื่อให้ชาวโลกได้อ่านกันอย่างชื่นชม นอกจากชื่อเสียงเกียรติยศ ตอลสตอยและภรรยายังมีทรัพย์สมบัติมหาศาล มีฐานะทางสังคม และครอบครัวสมบูรณ์ด้วยบุตรทั้งหลาย แทบจะไม่มีการแต่งงานใดๆ จะมีอุทยานที่แสนสดชื่นมาเทียมทัน
ในตอนแรกๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความสุขเปี่ยมล้นสมบูรณ์ถึงขนาดยากที่จะพรรณนาได้ ดังนั้น ทั้งคู่คุกเข่าลงสวดมนต์ภาวนาขอพระเจ้าประทานพรให้พวกเขามีความสุขอย่างนี้ตลอดไป แต่แล้วเรื่องประหลาดก็บังเกิดขึ้น ตอลสตอยค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเขากลายเป็นคนที่แตกต่างจากเดิมไปหมด เขารู้สึกละอายใจในเรื่องยิ่งใหญ่ที่ตนเองเขียนขึ้นมา นับแต่บัดนั้นเขาลงมือเขียนเรื่องสัพเพเหระ อุทิศตนกับการเขียนเรื่องส่งเสริมสันติภาพและต่อต้านสงครามกับความยากจน เขานำสมบัติออกมาแจกจ่ายให้กับผู้อื่น ส่วนตนเองกลับอยู่อย่างยากไร้ ทำงานตรากตรำในไร่นา ผ่าฟืน ดายหญ้า ทำรองเท้าใส่เอง กวาดบ้านเรือน กินข้าวด้วยชามไม้ อีกทั้งพยายามรักคนที่เป็นศัตรูกับเขา
ชีวิตจริงของตอลสตอยเป็นละครเศร้า เรื่องเศร้าในชีวิตของเขาคือการแต่งงาน ภริยาของเขาชอบความหรูหราฟุ่มเฟือย ขณะที่ตัวเขาไม่ชอบ เธอชอบแสวงหาชื่อเสียงเกียรติยศ ถ้อยคำสรรเสริญ แต่ตอลสตอยไม่ไยดีกับเกียรติยศจอมปลอมเหล่านั้น เธออยากได้ใคร่มีสมบัติเงินทอง ส่วนตอลสตอยกลับรู้สึกว่าความมั่งคั่งสมบัติทั้งหลายเป็นความบาป
ตลอดเวลาหลายปีที่เธอตีโพยตีพายหาเรื่องวุ่นวายเพราะตอลสตอยยืนยันจะละทิ้งลิขสิทธิ์ในหนังสือที่เขาเขียน และไม่ยอมรับค่าเขียนเรื่อง แต่เธอยืนกรานที่จะเอาเงินทุกเม็ดที่ได้จากงานเขียนนั้น เมื่อเขาคัดค้านเธอเกิดความคลุ้มคลั่ง นอนลงดิ้นพราดอยู่กับพื้น หยิบยาฝิ่นมาก้อนหนึ่งคาบไว้ที่ปาก สาบานว่าจะฆ่าตัวตาย ขู่ว่าจะกระโดดน้ำ
ตลอดชีวิตคู่ของพวกเขา มีสิ่งหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นตอนเศร้าที่สุดของชีวิตอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว เมื่อแรกเริ่มชีวิตสมรส พวกเขามีความสุขเหลือล้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป 48 ปี ตอลสตอยไม่อาจทนเห็นหน้าภริยา ราตรีหนึ่งภรรยาวัยดึกซึ่งปรารถนาจะได้ความรักคุกเข่าลงต่อหน้าสามี ขอร้องให้อ่านคำว่ารักที่เขาแต่งไว้เมื่อ 50 ปีก่อน และจดบันทึกไว้ในสมุดอนุทินด้วยถ้อยคำที่พรรณนาถึงความงามวิไลของเธอ เมื่อตอลสตอยอ่านถ้อยคำสุดสวยและหวานซึ้งของความรักที่บัดนี้มลายหายสิ้นไปแล้ว ทั้งคู่ต่างพากันร่ำไห้
ชีวิตจริงกับสิ่งที่พวกเขาเคยมีมาในความฝันครั้งเก่าก่อนช่างแตกต่างกันลิบลับ ช่างเจ็บปวดเหลือทน เมื่อตอลสตอยอายุ 82 ปี เขาไม่อาจทนอยู่ในครอบครัวที่ปราศจากความรักต่อไป ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1910 ราตรีที่หิมะตกหนักคืนหนึ่ง เขาผละหนีไปจากภรรยา หนีไปในราตรีที่มืดมิดหนาวเย็นโดยไม่รู้ว่าตนเองจะไปที่หมายใดๆ อีก 11 วันต่อมา เขาอยู่ที่สถานีรถแห่งหนึ่ง สิ้นใจด้วยโรคปอด ก่อนตายเขาขอร้องวิงวอนเป็นครั้งสุดท้าย ขออย่าให้ภรรยามาอยู่ต่อหน้า นี่คือการตอบแทนต่อการกระทำของภรรยาที่ขี้บ่นรำคาญไม่รู้จบ
ตัวอย่างที่ 3 ชีวิตที่น่าเศร้าที่สุดของประธานาธิบดีลินคอล์นก็มาจากการสมรสของเขา โปรดสังเกตไม่ใช่เรื่องที่เขาถูกฆาตกรรม แต่เป็นเรื่องการสมรสของเขา ชีวิตแต่งงานที่เลวร้ายกับนางลินคอล์นผู้ใช้ความขี้บ่นน่ารำคาญสร้างความทรมานให้ลินคอล์นทั้งชีวิต เธอขี้บนตลอดกาล ชอบวิพากษ์ข้อพกพร่องของสามีทุกอย่างเลวร้ายไปทั้งหมด บ่นว่าเขาหลังค่อมเดินแล้วดูน่าเกลียด ท่าเดินเหยาะย่างเหมือนกับพวกอินเดียนแดง ไม่มีท่วงท่าสง่างาม เธอหัวเราะเยาะการเดินของเขา แล้วยังสอนให้เขาเดินตามแบบที่เธอเดิน ให้ใช้ปลายเท้าจิกพื้นอย่างที่เธอได้รับการฝึกสอนมาจากโรงเรียนกินนอนของนางเมเธล เธอไม่ชอบหูยาวใหญ่ของลินคอล์น บอกว่าเหมือนงอกตรงๆ ออกมาจากศีรษะ ทั้งยังบอกเขาว่าจมูกเบี้ยว ริมฝีปากยื่นออกมา ท่าทางเหมือนคนป่วยเป็นวัณโรค แขนขายาวมากไป แต่ศีรษะเล็กไปหน่อย
ลินคอล์นแตกต่างกับภริยาในทุกเรื่อง ในด้านการอบรม ในเรื่องชาติกำเนิด ในเรื่องอารมณ์ ในเรื่องรสนิยม ในเรื่องทัศนคติต่างโกรธเข้าใส่กันด้วยเรื่องดังกล่าวเสมอ อดีตวุฒิสมาชิกเบเวอริดจ์ผู้มีชื่อเสียงที่สุดในการเขียนชีวประวัติของประธานาธิบดีลินคอล์น ได้เขียนถึงชีวิตสมรสที่แสนเศร้าของลินคอล์นไว้ว่า "เสียงตะโกนกรีดร้องของคุณนายลินคอล์นดังทะลุไปถึงข้ามฟากถนน เสียงโวยวายของนางเป็นสิ่งที่เพื่อนบ้านได้ยินเป็นประจำ นางมักแสดงความโกรธออกมานอกเหนือจากคำพูด"
การแสดงออกทางอารมณ์เลวร้ายของนางมีมากมาย ซึ่งนางยืนยันว่าเป็นความถูกต้องทั้งนั้น อย่างเมื่อแต่งงานไม่นานนักครอบครัวลินคอล์นอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับนางออเดรย์หญิงม่ายคนหนึ่งของเมืองสปริงฟิลด์ ซึ่งเคยมีสามีเป็นแพทย์ นางลินคอล์นไม่ยินดีให้นางออเดรย์อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เช้าวันหนึ่งขณะที่กำลังรับประทานอาหาร ไม่รู้ว่าลินคอล์นทำให้ภรรยาโกรธด้วยเรื่องอันใดไม่มีใครจำได้ ยามที่อารมณ์โกรธจัดนางลินคอล์นคว้าถ้วยกาแฟร้อนๆ สาดใส่หน้าสามี ลินคอล์นไม่กล่าวอะไรสักคำ อดทนนั่งเงียบๆ อยู่กับที่ นางออเดรย์ลุกไปหยิบผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมาเช็ดน้ำกาแฟที่เปรอะเปื้อนตามใบหน้าและเสื้อผ้าของลินคอล์น
ความหึงหวงของนางลินคอล์นไร้เหตุผลและรุนแรง ยากที่จะให้คนเชื่อว่านางทำได้อย่างนั้น ขอยกมาแค่เรื่องน่าสังเวชและน่าอายที่เห็นกันในที่สาธารณะสักหน่อยเมื่อค่อนศตวรรษมาแล้ว แค่ได้อ่านเรื่องดังกล่าวก็ชวนให้ตกใจ ถอนใจในที่สุด นางเสียสติ พวกเราก็ได้แต่วิจารณ์เธออย่างใจกว้างเท่านั้นว่าเธอคงเป็นโรคประสาทกระมัง
การเกรี้ยวกราดบ่นด่าสามารถเปลี่ยนแปลงลินคอล์นได้กระนั้นหรือ ใช่แล้วมันสามารถเปลี่ยนท่าทีที่เขามีต่อภรรยาได้ เขาเสียใจในชีวิตสมรสและพยายามหลีกเลี่ยงไม่ต้องการเห็นหน้านาง ที่สปริงฟิลด์มีทนายความทั้งหมด 11 คน พวกทนายความต่างต้องขี่ม้าติดตามท่านผู้พิพากษาเดวิสไปว่าความตามศาลในเมืองต่างๆ ทนายความคนอื่นๆ มักตั้งตาคอยกลับบ้านในวันเสาร์เพื่อสังสรรค์กับครอบครัวของตน แต่ลินคอล์นไม่ยอมกลับบ้าน เขากลัวการกลับบ้านตลอด 3 เดือนของฤดูใบไม้ผลิ 3 เดือนของฤดูใบไม้ร่วง เขามักแกร่วอยู่ที่อื่น ไม่เคยเฉียดกรายไปใกล้เมืองสปริงฟิลด์ เป็นอย่างนี้ปีแล้วปีเล่า โรงแรมตามบ้านนอกสภาพโทรมมาก แต่ถึงกระนั้นเขากลับชอบพักตามโรงแรมมากกว่า แทนที่จะชอบพักบ้านของตนเองที่มีเมียขี้บ่นปากเปียกปากแฉะ พร้อมที่จะระเบิดอารมณ์เข้าใส่ร่ำไป
ที่กล่าวมาคือนางลินคอล์น เคาน์เตสตอลสตอย พระราชินียูยีเน่ได้ใช้ความขี้บ่นน่ารำคาญสร้างผลลัพธ์อย่างนั้นขึ้นมา นอกจากโศกนาฏกรรมแล้ว พวกนางไม่ได้อะไรเลย พวกนางต่างทำลายสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไปสิ้น ด้วยการขุดคุ้ยทีละนิดหน่อยอย่างไม่หยุดหย่อน สร้างหลุมฝังศพของชีวิตแต่งงานขึ้นมา"
ผลงานอื่นๆ ของ เลี้ยหู้สีชมพู ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เลี้ยหู้สีชมพู
ความคิดเห็น