อินเทอร์เน็ตกับความเป็นส่วนตัว - อินเทอร์เน็ตกับความเป็นส่วนตัว นิยาย อินเทอร์เน็ตกับความเป็นส่วนตัว : Dek-D.com - Writer

    อินเทอร์เน็ตกับความเป็นส่วนตัว

    เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ จากนิตยาสารฉบับหนึ่ง

    ผู้เข้าชมรวม

    471

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    471

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 มี.ค. 49 / 13:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      คอมพิวเตอร์ของคุณเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่หรือเปล่า ? ถ้าใช่.. ชีวิตส่วนตัวของ

      คุณอาจหายไปในพริบตา! ประมาณสองปีก่อน สก็อตต์ แมคนีลลี ประธานบริษัท

      ซัน ไมโครซิสเต็ม เคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าคุณใช้อินเทอร์เน็ต คุณไม่มีทางได้ความเป็น

      ส่วนตัวหรอก ดังนั้นทำใจเสียเถอะ" คำกล่าวนี้ อาจจะเป็นการมองในแง่ร้ายมากไป

      สักหน่อย แต่หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีข่าวการจับกุมแคร็กเกอร์ ชาวรัสเซียที่เจาะ

      เข้าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเพื่อขโมยหมายเลขบัตรเครดิตของลูกค้า และเร็วๆ นี้

      ไมโครซอฟต์ออกมายอมรับว่าระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 2000 ทุกเวอร์ชันมีปัญหา

      ด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ทำให้แคร็กเกอร์สามารถเจาะเข้าควบคุมหรือ

      โจรกรรมข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ไม่ยาก ไมโครซอฟต์แนะนำให้ผู้ใช้งาน

      ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 2000 ทุกเวอร์ชันให ้ดาว์นโหลดโปรแกรมแก้ไขและทำการ

      ปิดช่องโหว่เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวบนอิน

      เทอร์เน็ตจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นทุกวัน จากการสำรวจของนิตยสารไทม์พบว่าผู้ใช้

      งานอินเทอร์เน็ต 61 เปอร์เซ็นต์ต่างกังวลว่าข้อมูลส่วน ตัวจะรั่วไหลผ่านทาง

      อินเทอร์เน็ต และอันที่จริงแล้ว ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเราๆ ท่านๆ อาจจะไม่รู้ มา

      ก่อนเลยว่า เวลานี้ข้อมูลส่วนตัวของคุณบางอย่างได้รั่วไหลออกไปในอินเทอร์เน็ต

      แล้ว อย่างน้อยที่ สุดก็ผ่านทางการเยี่ยมชมเว็บไซต์หลายๆ แห่งที่มีอยู่ทั่วทุกหนทุก

      แห่ง คุณต้องเสี่ยงกับอะไรบ้างเมื่อคุ ณออนไลน์ ? และคุณจะหาทางปกป้องตัวเอง

      ได้อย่างไร ? วันนี้เรามีคำตอบให้กับคุณ

      โจรกรรม "ตัวตน" ของคุณ

      ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ทุกวันนี้ตัวตนของคุณไม่

      ได้พิสูจน์ด้วย หน้าตา ลักษณะเฉพาะทางร่างกาย หรือลายเซ็นของคุณเท่านั้น การ

      ทำธุรกิจหลายๆ อย่าง คุณไม่ จำเป็นต้องปรากฏตัวเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

      ธุรกิจที่กระทำผ่านอินเทอร์เน็ต และนั่นเป็น ช่องโหว่ที่ทำให้ผู้คนสามารถปลอมเป็น

      ตัวคุณได้ หากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวคุณมากพอ ตัวอย่างที่ เกิดขึ้นมาแล้ว คือ

      กรณีของนายอับราฮัม อับดุลลาห์ ซึ่งถูกตำรวจจับกุมในข้อหาโจรกรรม

      "ตัวตน" (identity) ของดารา และผู้มีชื่อเสียง เพื่อนำไปแอบอ้างหาเงินผ่านทางระบบ

      ออนไลน์และวิธี การอื่นๆ ขณะถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจพบนิตยสาร Forbes ฉบับ

      แสดงรายชื่อผู้ที่ร่ำรวยที่สุด 400 อันดับแรกของอเมริกา นอกจากนี้อับดุลลาห์ยังมี

      หมายเลขบัตรประกันสังคม หมายเลขบัตรเครดิต ข้อมูลบัญชีในธนาคาร หรือแม้แต่

      ชื่อก่อนแต่งงานของมารดาเหล่าคนดังทั้งหลาย เช่น สตีเวน สปีลเบิร์ก โอปราห์

      วินฟรีย์ และมาร์ธา สจ๊วต ว่ากันว่าเขาสามารถทำเงินได้นับล้านเหรียญสหรั ฐจาก

      ข้อมูลที่เขามีในมือ หนึ่งในกรณีที่เป็นข่าวคือการปลอมอีเมล์อ้างตัวป็น

      โธมัส ซีเบล ผู้ก่อตั้งบริษัทซีเบล ซิสเต็มส์ โดยส่งไปยังเมอร์ริล ลินช์ เพื่อขอให้

      โอนเงิน 10 ล้านเหรียญเข้าบัญชี คดีของอับดุลลาห์กลายเป็นเรื่องที่คนทั้งสหรัฐให้

      ความสนใจ เอฟบีไอประมาณตัวเลขไว้ว่าทุกๆ ปี ชาวอเมริกันถูกโจรกรรม

      ตัวตนมากกว่า 500,000 ราย ปัจจุบัน ตัวเลขที่สูงลิ่งนี้ทำให้บริษัทประกั นบางแห่ง

      เริ่มเสนอขายกรมธรรม์คุ้มครองตัวตนกันแล้ว หลายคนอาจกลัวว่าผู้ร้ายอาจนำตัว

      ตนของคุณไปใช้ก่ออาชญากรรมบนอินเทอร์เน็ต แต่ที่น่ากลัวที่สุดในเรื่องนี้ เห็นจะ

      เป็นกรณีที่ผู้ร้ายใช้ตัวตนของผู้อื่นเมื่อถูกจับกุม หากเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายไหวตัว

      ไม่ทัน ตัวตนของเหยื่อจะมีคำว่า " อาชญากร" ติดตัวไปตลอด กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็น

      อะไร ก็ยากที่จะแก้ไขเสียแล้ว

      การโจรกรรมตัวตนนี้มักเริ่มจากวิธีที่ไม่ต้องอาศัยระบบออนไลน์ เช่น การเฝ้าดู

      พฤติกรรมของเหยื่อ การค้นขยะหาเศษเอกสารที่เหยื่ออาจจะทิ้ง เมื่อได้ตัวตนของ

      เหยื่อแล้ว ขั้นต่อไปจึงเป็นการอาศั ยระบบออนไลน์เพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ครั้งหนึ่ง

      ชาร์ล กลูอิค ทำกระเป๋าเงินหล่นหาย ผู้ร้ายที่ พบกระเป๋าเงินดังกล่าว นำใบขับขี่ของ

      เขาไปทำบัตรเครดิต 15 ใบในชื่อของกลูอิค และใช้บัตรเครดิ ตไปรูดจ่ายเงินไปกว่า
      30,000 เหรียญสหรัฐ "คุณจะปลอมตัวเป็นใครก็ได้หากคุณให้ใช้ คอมพิวเตอร์เป็น"

      เขากล่าว

      คุณอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเสียเองโดยไม่ได้ตั้งใจ

      การเยี่ยมชมเว็บไซต์อาจจะดูเหมือนเป็นการเข้าชมโดยทางเว็บไซต์ไม่มีทางรู้ว่าคุณ

      เป็นใคร ที่จริงแล้วมันไม่เป็นอย่างนั้น มีเว็บไซต์หลายแห่งที่ใช้คุกกี้ เพื่อเก็บรวบรวม

      พฤติกรรมของคุณ คุกกี้เป็นข้อ มูลเล็กๆ ที่ทางเว็บไซต์ส่งมาฝังไว้ในเครื่อง

      คอมพิวเตอร์ของคุณ ทำให้เว็บไซต์สามารถติดตามพฤติ กรรมของคุณได้ว่าคุณ

      คลิ้กดูข้อมูลอะไรบ้าง สนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ มันดูไม่ค่อยเป็นอันตรายมาก นัก

      จนกระทั่งบริษัท Doubleclick ประกาศว่าสามารถติดตามหาตัวตนของชาวอเมริกัน

      กว่า 88 ล้านคนได้

      ด้วยการตรวจสอบคุกกี้ วิธีการดังกล่าวสามารถได้ข้อมูลทั้งชื่อ ที่อยู่ และหมายเลข

      โทรศัพท์ แม้บริษัทจะยกเลิกโครงการนี้ไปแล้ว แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่าการสืบหาตัว

      ผู้ใช้จากคุกกี้มี ความเป็นไปได้ แม้แต่เว็บเบราว์เซอร์ที่คุณใช้ ก็อาจจะเป็นตัว

      กระจายข้อมูลส่วนตัวของคุณเสียเอง เว็บเบราว์เซอร์ หลายๆ ตัวมีช่องให้คุณกรอก

      ชื่อ ที่อยู่ อีเมลแอดเดรส และข้อมูลอื่นๆ เพื่อความสะดวกในการใช้ งานอิน

      เทอร์เน็ต ข้อมูลเหล่านี้เว็บไซต์สามารถดึงมาจากเว็บเบราว์เซอร์ได้เมื่อคุณเข้า

      เยี่ยมชม

      เมื่อเว็บไซต์ขายข้อมูลลูกค้าให้กับผู้อื่น

      เว็บไซต์หลายๆ แห่ง โดยเฉพาะ ไซต์ที่ขายสินค้าออนไลน์ ต้องการทราบข้อมูล

      เกี่ยวกับตัวคุณ ก่อนจะขายสินค้า หรือบริการ หากคุณจะซื้อหนังสือจากเว็บไซต์ คุณ

      จำเป็นต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวและหมายเลขบัตรเครดิตให้กับเว็บไซต์อย่างน้อยใน

      ครั้งแรกที่คุณสั่งซื้อ ข้อมูลเหล่านี้จะ เก็บในฐานข้อมูล ซึ่งสามารถนำมาประมวลผล

      ได้ว่าใครชอบซื้อหนังสือประเภทไหนบ้าง เพื่อที่ทาง เว็บไซต์จะได้แนะนำหนังสือ

      ประเภทเดียวกันให้กับคุณ

      เมื่อเข้ามาเยี่ยมชมครั้งต่อไป ลองคิดดูเล่นๆ ว่า หากเว็บไซต์หนังสือเกิดประสบ

      ปัญหาทางการเงิน ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าทางเว็บไซต์จะนำข้อมูลของ ลูกค้าออกมา

      ขาย คุณอาจจะแปลกใจว่าข้อมูลเหล่านี้มูลค่าสูงมากกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ

      บางบริษัทยอมจ่ายถึงห้าพันเหรียญสหรัฐเพียงแค่อีเมลแอดเดรสของพนักงานทั้ง

      หมดในบริษัทเล็กๆ แห่งเดียว เว็บไซต์ขายหนังสือออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง อเม

      ซอน.คอม แต่เดิมยอมให้ลูกค้า เลือกปกปิดข้อมูลส่วนตัวของตัวเองได้ แต่เวลานี้

      อเมซอน.คอม เปลี่ยนนโยบายใหม่โดยเขียนไว้ ชัดเจนว่าอาจมีการนำข้อมูลของ

      ลูกค้าไปขาย หรือแลกเปลี่ยนกับไซต์อื่นๆ ในอนาคต เมื่อสองปีก่อน Egghead.com

      ออกมายอมรับว่าแคร็กเกอร์สามารถเจาะเข้าถึงฐานข้อมูลของลูก ค้าและอาจได้

      หมายเลขบัตรเครดิตของลูกค้านับล้านไปด้วย (ในภายหลังพบว่าบัตรเครดิตของลูก
      ค้าไม่ได้ถูกขโมยไป) การโจรกรรมหมายเลขบัตรเครดิตครั้งใหญ่ที่สุดเกิดกับ บริษัท

      ซีดี ยูนิเวอร์ส ซึ่งทำธุรกิจเทป ซีดี บนอินเทอร์เน็ต ครั้งนั้นแคร็กเกอร์ได้หมายเลข

      บัตรเครดิตไปกว่า 300,000 หมายเลข บริษัท Biblofind ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ

      อเมซอน.คอม ก็เคยถูกโจรกรรมหมาย เลขบัตรเครดิตของลูกค้ากว่า 98,000 ราย

      อย่างไรก็ตาม เรื่องการโจรกรรมบัตรเครดิตนี้ไม่ค่อย เป็นปัญหาสำหรับผู้ถือบัตรมาก

      นัก เพราะบริษัทบัตรเครดิตและร้านค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ไม่ ใช่ของผู้ถือ

      บัตร

      เว็บไซต์ปลอม

      เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว เอฟบีไอสามารถติดตามจับขบวนการแคร็กเกอร์ชาวรัส

      เซียที่สร้างเว็บไซต์ ปลอม เพื่อหลอกลวงผู้ใช้ให้กรอกหมายเลขบัตรเครดิต เจ้า

      หน้าที่ของรัฐกล่าวว่า แคร็กเกอร์กลุ่มนี้ สร้างเว็บไซต์ปลอมของ

      PayPal.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในการโอนเงินที่นิยมใช้กันมากที่สุด PayPal เคยโดน

      ปลอมแปลงเว็บไซต์นี้หลายหนแล้ว โดยที่กลุ่มแคร็กเกอร์จะปลอมอีเมลส่งไปยัง

      ลูกค้าของ PayPal เพื่อให้เข้ามายังเว็บไซต์ PayPai.com หากลูกค้าไม่ทันสังเกตก็จะ

      คิดว่า เป็นเว็บไซต์ของ PayPal.com (บนจอคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องแสดงตัว

      อักษร l และ i คล้ายกันมาก) อีกกรณีหนึ่งเกิดกับเว็บไซต์ของ Bank of America

      (www.bankofamerica.com) ซึ่งมีผู้ สร้างเว็บไซต์ปลอมในชื่อ

      wwwbankofamerica.com เพื่อหวังโจรกรรมข้อมูลทางการเงินของ เหยื่อ

      หน่วยงานของรัฐก็เป็นตัวปัญหา

      ในรัฐโอไฮโอ คุณสามารถหาที่อยู่และราคาบ้านของใครก็ได้

      ที่อาศัยอยู่ในรัฐ โดยสอบถามผ่านฐาน ข้อมูลของแต่ละเขต บางแห่งสามารถบอก

      ได้แม้กระทั่งแบบแปลนของบ้าน รัฐอื่นๆ อีกหลายรัฐ กำลังทำตาม ส่วนรัฐ

      วิสคอนซินมีบริการข้อมูลอาชญากรออนไลน์ ซึ่งเก็บบันทึกการจับกุมและคดีที่

      ดำเนินถึงชั้นศาล ศาลกลางของรัฐให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีจำนวนมากผ่านทางบริการ

      ออนไลน์ และบางคดีจะมีการบันทึก หมายเลขบัตรประกันสังคม ฐานะทางการเงิน

      แม้แต่ชื่อและอายุของบุตรไว้ด้วย นักวิเคราะห์ หลายรายต่างกล่าวกันว่ารัฐบาล

      สหรัฐเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป และง่ายเกินไป ปัจจุบัน รัฐแคลิฟอร์ เนียเริ่มปกปิด

      ข้อมูลดังกล่าวแล้ว

      คุณกำลังถูกจับตามอง ?

      ตามกฎหมาย บริษัทมีสิทธิในการตรวจสอบพฤติกรรมการใช้ เว็บ อีเมล และการรับ

      ส่งข้อความผ่าน อินเทอร์เน็ตของพนักงานได้ และมีบริษัทหลายๆ แห่งทำเช่นนั้นไม่

      ว่าจะบอกพนักงานก่อนหรือไม่ก็ ตาม ดังนั้นขณะที่คุณทำงานอยู่ในบริษัทก็ลืมเรื่อง

      ความเป็นส่วนตัวไปได้เลย

      บริษัทหลายๆ แห่ง รวมทั้ง นิวยอร์ค ไทม์ เคยไล่พนักงานออกเพราะพบว่าส่ง

      อีเมลที่ไม่เหมาะสมมาแล้ว บริษัทสเปคโตรซอฟต์ผลิตซอฟต์แวร์สปายชั้นนำ พบ

      ว่าบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นห้าเท่าทันทีที่ เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายจากผู้ปกครองและ

      เจ้าของกิจการ มาเป็นกลุ่มสามีภรรยาและบรรดาคู่รักทั้งหลาย ลูกค้าของบริษัทราย

      หนึ่งซื้อซอฟต์แวร์ดังกล่าวไปติดตั้ง ภายในวันเดียวเธอก็ทราบถึงพฤติกรรมที่แท้

      จริงของแฟนหนุ่ม และยังได้รายชื่อของคู่ควงทั้ง 17 คนของแฟนหนุ่มอีกด้วย

      ซอฟต์แวร์ดังกล่าว เก็บข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ไม่ว่าคุณจะเข้าชม

      เว็บไซต์ เข้าห้องสนทนาในอินเทอร์เน็ต หรือส่งอีเมล โปรแกรมจะเก็บบันทึกไว้

      อย่างลับๆ เพื่อที่ผู้ที่ต้องการตรวจดูพฤติกรรมของคุณเข้ามาดู ได้ในภายหลัง บริษัท

      ขายซอฟต์แวร์นี้ได้มากกว่า 35,000 ก๊อปปี้ และกลายเป็นผู้นำในตลาดทันที

      ซอฟต์แวร์สปายนี้ดูจะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับคู่รักหรือเปล่า ? ดั๊ก ฟาวเลอร์

      ประธานบริษัทสเปคโตรซอฟต์กล่าวว่า "หากคุณกำลังมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับใคร

      คนหนึ่ง แล้ว ถูกจับได้ด้วยหลักฐานออนไลน์พวกนี้ เท่าที่ผมคิดดู ผมว่าคุณสมควร

      โดนแล้วล่ะ"

      เมื่อแคร็กเกอร์ต้องการข้อมูลส่วนตัวของคุณ

      หากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่ได้รับการป้องกันดีพอ แคร็กเกอร์อาจเจาะเข้ามาวาง

      ซอฟต์แวร์ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของคุณ หรือค้นข้อมูลส่วนตัวของคุณที่เก็บใน

      เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ แคร็กเกอร์ไม่จำเป็นต้องเจาะเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณโดย

      ตรง ไวรัส หนอนอินเทอร์เน็ต โทรจัน เป็นซอฟต์แวร์พิเศษที่แคร็กเกอร์หลายๆ ราย

      ใช้ในการล้วงความลับของคุณ หากจำกันได้ ไวรัส "I Love You" เคยระบาดอย่าง

      รุนแรงในอินเทอร์เน็ต

      ไวรัสดังกล่าวจะพยายามขโมยรหัสผ่านของ คุณแล้วส่งกลับไปยังผู้เขียนไวรัส

      ไวรัสตัวอื่นๆ อาศัยอีเมลแอดเดรสที่คุณเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ในการกระจาย โดย

      การสำเนาตัวเองติดไปกับอีเมลส่งไปทุกๆ แอดเดรสที่คุณเก็บไว้ โทรจันบาง

      ตัวอย่างเช่น Black Orifice เปิดช่องให้แคร็กเกอร์สามารถควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์

      ของคุณได้ ทุกอย่างราวกับว่าแคร็กเกอร์นั่งอยู่หน้าจอเครื่องของคุณเลยทีเดียว ขอ

      เพียงแค่คุณเชื่อมคอมพิวเตอร์ ของคุณกับอินเทอร์เน็ตเท่านั้น คุณอาจต้องเสีย

      ความเป็นส่วนตัวจากทางอื่นๆ อีกมากมายในสังคมออนไลน์ อันที่จริงแม้ว่าคุณไม่

      ได้ ออนไลน์ ก็ยังมีโอกาสที่ตัวตนของคุณจะไปปรากฏในอินเทอร์เน็ตได้ เพียงแค่

      คุณทำกระเป๋าเงิน หล่นหายอย่างที่เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้วข้างต้น เรื่องแบบนี้คงไม่

      มีใครปกป้องตัวคุณได้ดีกว่าตัวคุณเอง สำหรับผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ เรามีข้อ

      แนะนำเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจช่วยคุณได้ อย่าเก็บบันทึกข้อมูลส่วนตัวไว้ในเครื่อง

      คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมกับอินเทอร์เน็ตได้โดยตรง มีผู้ใช้จำนวนไม่ น้อยที่มักบันทึก

      ข้อมูลส่วนตัว หมายเลขโทรศัพท์ ตารางนัดหมาย รหัสผ่าน หรือแม้แต่ รหัสบัตรเอ

      ที เอ็ม ไว้ในคอมพิวเตอร์ หากเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต

      คุณก็มีโอกาส ปล่อยให้ข้อมูลเหล่านี้รั่วไหลไปได้ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม คุณ

      ควรเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้กับตัว เช่น ใช้ออร์แกไนเซอร์ ปาล์มพีซี หรือ คอมพิวเตอร์

      มือถือ ซึ่งพกพาติดตัวง่าย และมี ความสะดวกในการใช้งานไม่แพ้เครื่อง

      คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ติดตั้งโปรแกรมไฟร์วอลและโปรแกรมตรวจจับไวรัสในเครื่อง

      คอมพิวเตอร์ของคุณ โปรแกรม ไฟร์วอลทำหน้าที่กรองการติดต่อสื่อสารทั้งหมดที่

      เข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ จึงช่วยป้องกัน คุณจากการบุกรุกของ

      แคร็กเกอร์ได้ แม้จะไม่ 100% แต่ก็ถือว่าดีมากพอ และคุ้มที่จะใช้งาน โปรแกรม

      ไฟร์วอลยอดนิยมสำหรับพีซีมีอยู่หลายตัว เช่น BlackICE Defender หรือ ZoneAlarm

      ระวังตัวทุกครั้งที่ต้องกรอกข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ข้อมูลสำคัญๆ เช่น ที่อยู่ เบอร์

      โทรศัพท์ ไม่ควร เปิดเผยให้กับคนแปลกหน้า เช่นเดียวกับข้อมูลในโฮมเพจส่วนตัว

      ของคุณก็ไม่ควรมีมากจนเกินไป และพึงระลึกอยู่เสมอว่าข้อความที่คุณโพสต์ใน

      เว็บบอร์ดต่างๆ มักมีการเก็บบันทึกไว้เสมอ แม้ข้อความนั้นจะไม่ปรากฏในเว็บบอร์ด

      แล้วก็ตาม อย่าดาวน์โหลดโปรแกรมหรือรับไฟล์จากผู้อื่น นอกเสียจากว่าคุณไว้ใจ

      เขา อีเมลที่คุณได้รับ อาจมี ไวรัส โทรจัน หรือซอฟต์แวร์สปายติดมาด้วย ดังนั้น

      คุณควรตรวจดูเสมอว่าอีเมลส่งมาจากใคร มีลักษณะผิดสังเกตหรือไม่ เช่น ใช้

      ภาษาอังกฤษทั้งที่อีเมลฉบับก่อนๆ ใช้ภาษาไทย มีข้อความ หรือสำนวนผิดแปลก

      ไป เป็นต้น ควรมีอีเมลอย่างน้อยสองแอดเดรส ตัวหนึ่งเก็บไว้ใช้ติดต่อเฉพาะคนที่

      รู้จัก เพื่อน หรือผู้ร่วมงาน อีกตัวหนึ่งควรสมัครจากบริการฟรีอีเมล เช่น Hotmail.com

      หรือ Yahoo.com เมื่อจำเป็น ต้องกรอกอีเมลแอดเดรสในเว็บไซต์เพื่อซื้อสินค้าหรือ

      ใช้บริการอื่นๆ ให้กรอกอีเมลแอดเดรสของฟรี อีเมล วิธีนี้คุณสามารถยกเลิกและ

      สมัครใหม่ได้หากเกิดปัญหาในภายหลังโดยไม่กระทบการสื่อสาร กับเพื่อนฝูงและผู้

      ร่วมงานของคุณ ควรกำหนดให้เว็บเบราว์เซอร์ไม่รับคุกกี้ที่ส่งมาจากเว็บไซต์ วิธีนี้

      ทำให้คุณ ปลอดภัยจากการตรวจสอบพฤติกรรมการใช้งาน อย่างไรก็ตาม คุณควร

      อนุญาตให้เว็บเบราว์เซอร์ ของคุณรับคุกกี้เมื่อจำเป็น เช่น เมื่อคุณสั่งซื้อสินค้า

      ออนไลน์ หรือใช้งานเว็บบอร์ด ลบข้อมูลที่คุณกรอกให้กับเว็บเบราว์เซอร์ เช่น ชื่อ

      ที่อยู่ มายเลขโทรศัพท์ อีเมลแอดเดรส ถ้าไม่ จำเป็น คุณควรลบข้อมูลเหล่านี้ออก

      จากเว็บเบราว์เซอร์จะดีกว่า ดูให้แน่ใจก่อนว่าเว็บไซต์นั้นสามารถสื่อสารผ่านการเข้า

      รหัสลับได้ หากต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวให้กับ เว็บไซต์ คุณสามารถตรวจสอบความ

      สามารถนี้ได้จากสัญลักษณ์รูปกุญแจที่ปรากฏที่เว็บเบราว์เซอร์ ของคุณ หรือตรวจ

      สอบจาก URL ของเว็บเพจที่คุณกำลังกรอกข้อมูลว่าขึ้นต้นด้วย "https" ซึ่ง เป็นการ

      สื่อสารผ่านเว็บที่มีการเข้ารหัสลับ (HTTPS = Secure HyperText Transfer Protocol)

      อ่านนโยบายการรักษาความลับของลูกค้า (Privacy Policy) ก่อนที่จะให้ข้อมูลส่วนตัว

      กับ เว็บไซต์ วิธีนี้คุณสามารถตรวจสอบได้ว่าเว็บไซต์ที่คุณกำลังให้ข้อมูลส่วนตัวนั้น

      ปกป้องข้อมูลของ คุณได้ดีเพียงไร จะนำข้อมูลไปขาย หรือแลกเปลี่ยนกับบริษัทอื่น

      หรือไม่ ลบ Cache ทุกครั้งที่เลิกใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ cache เป็นพื้นที่หน่วยความจำ

      ที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์ ที่คุณเข้าชมเพื่อให้ใช้งานได้เร็วขึ้น คุณควรสั่งให้เว็บเบราว์

      เซอร์ลบ cache ทิ้งเสมอเพื่อป้องกันไม่ ให้ผู้อื่นทราบพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต

      ของคุณ 10 ข้อนี้ คงไม่ยากเกินไปที่จะปฏิบัติตาม หากคุณคิดว่ามันเยอะเกินไปก็ขอ

      ให้จำหลักสั้นๆ ว่า ข้อมูลส่วนตัวของคุณไม่ควรให้กับใครง่ายๆ ไม่ควรเก็บบันทึกใน

      ที่ๆ ไม่ปลอดภัย และอย่าลืมว่า แม้ แต่คอมพิวเตอร์ของคุณเอง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×