ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] First Kris First Kiss (Kris x Suho)

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 1

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 56


    CHAPTER 1

     

     

     


     

     

    แบคฮยอนกำลังเดินตรงดิ่วไปที่ห้องเรียน ถ้านับจากเวลาตอนนี้จริงๆก็จะเหลือเวลาประมาณสิบห้านาทีก่อนอาจารย์เข้า จากที่เพื่อนเคยได้บอกไว้เขาก็เลยรู้ว่าห้องที่เป็นจุดมุ่งหมายนั้นไม่ได้มีคลาสไหนใช้เรียนก่อนหน้านี้ เพราะฉะนั้นห้องมันถึงได้ว่างและโดยปกติที่มีเรียนวิชาประวัติศาสตร์ชาติเกาหลีสองวันในหนึ่งสัปดาห์ วันละสองชั่วโมงรวมแล้วหนึ่งอาทิตย์สี่ชั่วโมง เพื่อนของเขาก็มักจะเข้าไปจองที่นั่งไว้ก่อนจะถึงเวลาเรียนเสมอ

     

     

    วันนี้ก็เหมือนกันละมัง...

     

     

    เพราะงั้นแบคฮยอนก็เลยไม่ได้โทรถามกันก่อนหน้านี้เพราะมั่นใจว่าเพื่อนตนจะต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ ...!

     

     

     

    เอาความจริงมั้ย...?

     

     

     

    เรื่องจริงคือเขาไม่ได้เติมตังค์โทรศัพท์ต่างหากล่ะ

     

     

     

    และเพราะเพื่อนของเขา...

     

    เพื่อนของเขาถึงทำให้ต้องรีบจ้ำอ้าวมาขนาดนี้...

     

     

     

    ก็ตามปกติแล้วอ่ะนะแบคฮยอนก็คงยังนั่งตีดอทอยู่ที่ศูนย์คอม กว่าจะเข้าห้องเรียนก็นู้นแหละหลังจากอาจารย์สอนไปแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง

     

     

     

    เขามักจะเผื่อเวลาไว้เสมอ จะลุกอาบน้ำและรีบมามหาวิทยาลัยให้ไวที่สุดก่อนจะถึงเวลาเรียนในแต่ละวัน แต่ไม่ใช่เพราะขยันหรือว่ามีวินัยในตัวเองมากมายขนาดนั้นหรอกนะ เขาจะต้องเผื่อเวลาไว้เพื่อจะได้มาตีดอทฟรีต่างหาก

     

     

     

     

    ขาเล็กจ้ำพรวดๆอย่างรวดเร็ว วันนี้ในขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปศูนย์คอมพิวเตอร์อย่างทุกวันเขาก็ได้ยินเรื่องๆหนึ่งผ่านเข้ามาในโสตประสาท เรียกว่าตลอดเส้นทางที่เดินมาเลยก็ว่าได้

     

     

    และจะไม่อะไรเลย ...ถ้าคนที่อยู่ในหัวข้อสนทนานั้นไม่ได้มีชื่อว่าน้องพี่ซีวอนน่ะ!

     

     

    ให้ตาย ...จะมีสักกี่คนกันที่รู้จักชื่อหมอนั่นจริงๆบ้าง นี่ถ้าไม่ได้บารมีของพี่ซีวอนแล้วล่ะก็ ...คิมจุนมยอนมันจะมีตัวตนผุดขึ้นมาในสังคมบ้างมั้ยนะ...?

     

     

     

     

     

    “เกิดอะไรขึ้น!” ทันทีที่เปิดประตูห้องเรียนเข้าไป คนตัวเล็กเทียบเท่ากับลูกหมาก็ส่งเสียงดังแหวกอากาศโดยไม่ใส่ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น

     

     

    ดวงตาเรียวไม่ได้สนใจบุคคลที่ถือว่าเป็นคนนอกสำหรับเขาที่มองมาเสียเท่าไร แบคฮยอนกำลังสนใจแต่เพื่อนตัวเอง เห็นอยู่แล้วว่าเพื่อนสองคนนั่งอยู่แถวหลังๆในลักษณะที่นั่งที่เป็นแบบสโลป ในตอนนั้นเขาก็กระชับเป้บนหลังแน่นก้าวต่อก้าวขั้นต่อขั้นเดินขึ้นไป

     

     

    “บ...เบค่อน” ไอ้คนที่ทำให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจถึงขนาดทิ้งดอทเอมาหาได้ เรียกคำแทนตัวตนของเขาออกมาอย่างแผ่วเบาและอาจจะลอยคว้าง

     

     

    ในตอนที่เข้าไปใกล้และเห็นใบหน้านั้นชัดแบคฮยอนก็พบว่าสีผิวบนใบหน้าที่เคยขาวจัดของเพื่อนตัวดีไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว

     

     

    เด็กหนุ่มตัวเล็กนั่งลงข้างๆเพื่อนอีกคนที่ดันนั่งถัดจากไอ้เจ้าตัวการของเรื่องทั้งหมด ความจริงเขาอยากจะแทรกกายเข้าไปนั่งเบียดคนผิวขาวหรือไม่แน่...ก็อยากจะนั่งบนตักเลยด้วยซ้ำ กระนั้นกลับทำแบบนั้นไม่ได้ในเมื่อที่ว่างที่อยู่อีกฝั่งของตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนั้นดันมีหนังสือวางกองไว้อยู่แล้ว เป็นการบอกชัดเจนแจ่มแจ้งเห็นจริงนั่นแหละว่า ...ตรงนี้กูจองนะ!

     

     

    ส่วนฝั่งนี้ก็ไอ้นี่ ...

     

     

    “เฮ้ย...ไคมึงหลบดิ๊!” ไม่พูดเปล่า ทีนี้ก็ใช้มือดันให้เจ้าชื่อนั้นตัวติดพนักเก้าอี้ไป

     

     

    “สรุปว่าจริงชะ?” มือเล็กตีแก้มแดงๆของเพื่อนเบาๆ ตอนแรกก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อแต่พอมาถึง เห็นหน้าเพื่อนตัวเองชัดๆแบคฮยอนก็กระจ่างแก่ใจว่าคงจะจริง หน้าแดงแปร๊ดซะขนาดนั้นแล้วไหนจะคอยหลบตาทุกครั้งในตอนที่เขาจ้องมองไปอีก

     

     

    ว่าแต่ ...ก็อยากรู้ว่าไปทำกันอีท่าไหนกันล่ะนั้น...

     

     

    “สรุปว่าจุนมยอนถูกจูบกลางห้องอาหารกลางวันแสกๆจริงๆใช่มั้ย?” เขาหันหน้าเข้าไปหาคนที่ตัวเองเรียกว่าไคไปก่อนหน้านี้ เพราะรู้ว่าไอ้คนที่นั่งหน้าแดงอยู่นั้นคงได้ใบ้แดกและก็ไม่สามารถตอบคำถามเขาได้อีกแล้วอย่างแน่นอน

     

     

    ไคได้แต่นั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่เงียบๆ หน้างี้บึ้งตึงเหมือนคนฮอร์โมนเพศผิดปกติ สำหรับแบคฮยอนหน้าของหมอนั่นจากที่ไม่ค่อยหน้ามองอยู่แล้วเพราะผิวคล้ำๆของมัน ในตอนที่หน้าเหมือนตูดก็ยิ่งทำให้ไม่น่ามองมากขึ้นไปใหญ่

     

     

    ที่สุดแล้ว มันก็ทำให้แบคฮยอนหมั่นไส้มากถึงกับเอามือไปตบหัวมันหนึ่งฉาดใหญ่!

     

     

    “ไคกูถาม”

     

     

    คราวนี้เด็กหนุ่มผิวเข้มก็ยิ่งหน้ายับกันเข้าไปใหญ่ “แม่ง! ...มึงก็ได้ยินคนพูดกันมาหมดแล้ว มึงจะมาถามให้กูเจ็บใจอีกทำไมวะ?”

     

     

    อ่อ...

     

     

    แบคฮยอนเข้าใจในความหมายพวกนั้นชัดเจนทันที ก็ไคมันโอ๋จุนมยอนของมันจะตาย ทั้งหวงแหนทั้งพิทักษ์ปกป้อง ยุงไม่มีทางให้ไต่ ริ้นไรไม่ให้ตอม นี่ถ้าอุ้มเดินไปไหนมาไหนชนิดที่เรียกว่าไม่ให้จุนมยอนขาถึงพื้นเลยได้ ไคก็คงทำไปแล้ว

     

     

    น่าสงสารไคมันจริงๆ ...

     

     

     

    ในเมื่อ เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่งแบบนี้

     

     

     

    “จุนมยอน...” แบคฮยอนเอ่ยเสียงแผ่ว มือยื่นไปจับแขนเพื่อนแล้วก็ได้ปฏิกิริยาตื่นตกใจมาเป็นของแถม แค่แตะแขนจุนมยอนก็สะดุ้งแล้ว แล้วถ้าจูบล่ะแบคฮยอนไม่อยากจะคิดเลย...

     

     

    “ใครจูบนาย?” อันที่จริงก็พอได้ยินมาอยู่บ้าง ...แต่เขาก็อยากลองถามจากปากเจ้าตัวจริงๆ อยากลองสังเกตอาการจุนมยอนดูสักหน่อยว่าจะเป็นยังไง...?

     

     

    เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ ...รู้ดีว่าคงเขิน ริมฝีปากบางสีแดงสดถึงได้เม้มเข้าหากันราวกับจะสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลให้สร่างซาลงไป

     

     

    และแบคฮยอนเองก็เข้าใจดี ว่าจุนมยอนเป็นยังไง รวมทั้งถ้าเจอกับสถานการณ์แบบนั้นเข้าไปก็คงจะลนลานประหม่าไปหมดจนสุดท้ายก็จะทำอะไรไม่ถูก

     

     

    หึ ...อย่าให้เป็นเขาล่ะ ...จะกัดให้ลิ้นขาดเลยคอยดูเหอะ! ต่อยซ้ำให้หมอบเป็นหมาเลยด้วยเอ้า!

     

     

    “กูไม่ได้จูบซะหน่อย” เสียงง้องแง้งนี้แทบจะทำให้ฝ่ามืองามๆของแบคฮยอนประทับลงไปที่เดิมที่เคยฝากความเจ็บปวดเอาไว้ก่อนหน้านี้

     

     

    แบคฮยอนกำลังคิดว่า ...ไคไม่น่าโง่ถึงขั้นที่ว่าจะแยกคำพ้องเสียงไม่ออก และกำลังแปลกใจในตัวเองว่าเขาคบกับคนโง่ขนาดนี้เป็นเพื่อนเชียวหรือ...

     

     

    “เออ! …อย่างมึงน่ะชาตินี้ชาติหน้าก็อย่าหวังเลย”

     

     

    “โหย มึงอ่ะ” มองดูไคอีกครั้งด้วยความระอาแล้วก็ไม่นึกจะสนใจอะไรกับหมอนั่นอีก พยอนแบคฮยอนมองตรงไปที่จุนมยอนแล้วจึงตัดสินใจถามออกไปอีกครั้ง

     

     

    “ว่าไง? ...เท่าที่ได้ยินมาก็รู้แค่ว่าจูบ ...แต่ฉันไม่รู้ว่ามันยังไง มันหนาหูแล้วก็หลายกระแส เล่าหน่อยได้มั้ยจุนมยอนอา?”

     

     

    “ฮึ้ย! กูไปฉี่ก่อนนะถ้างั้น!” แทนที่จุนมยอนจะพูดกลับกลายเป็นไอ้ดำนี่แทรกขึ้นมาอีกครั้งเสียจนได้

     

     

    “แหม มึง ทนฟังไม่ได้อ่ะดิ!” ตากลมไล่มองตามไคที่ลุกออกไป

     

     

    “จะเอาอะไรกับกูนักหนา แค่นี้ยังไม่พอหรือไง ...แค่กูเห็นเต็มลูกกะตาดำสองข้างของกูเนี่ยยังไม่พอใจมึงอีกหรือไงห๊ะ?” หันมาเหวี่ยงใส่แค่นั้นก็เดินกระฟัดกระเฟียดเปิดประตูออกไปทันที

     

     

    คราวนี้ก็เป็นทีของแบคฮยอนบ้าง ร่างเล็กเขยิบไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ไคเคยนั่งอยู่ก่อนหน้านี้

     

     

    จุนมยอนนั่งก้มหน้ามองนิ้วมือตัวเองที่พันกันจนยุ่ง ภาพที่เห็นก็ทำให้แบคฮยอนอดที่จะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ จะไม่ให้ไคมันหวงแหนได้ยังไง

     

     

    ก็ดูสิ ...เจ้าตัวเล่นน่าทะนุถนอมซะขนาดนี้ สำหรับแบคฮยอนถ้าเปรียบเทียบกับไคแล้วเขาเองก็รักและก็ทั้งหวงทั้งห่วงจุนมยอนไม่ต่างจากไคนักหรอก แต่ที่ดูเทียบกับไคไม่ได้ อาจเป็นเพราะการแสดงออกของพวกเขาไม่ได้เหมือนกันก็เท่านั้นเอง

     

     

    “นี่ ...ตอนนี้เหลือแค่ฉันแล้วนายจะเล่าได้ยัง?” ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กๆไปให้เพื่อน ตามคาด ...จุนมยอนพอหันมาเห็นก็ยู่หน้าใส่แบบกลั้นๆยิ้มก่อนจะเสหนีไปอีกที

     

     

    “จุนมยอนอา~” แบคฮยอนเริ่มถึงเนื้อถึงตัว มือบางยื่นออกไปจับแขนเพื่อนพลางโยกไปมาเบาๆเป็นเชิงอ้อน

     

     

    “ก...ก็” เสียงหวานเริ่มแปร่งออกมายังไม่ทันจะประกอบเป็นคำแรกแบคฮยอนก็ลุ้นจนเหมือนจะหายใจไม่ทันเอาได้แล้ว

     

     

    เห็นทีแบคฮยอนคงต้องใช้วิธีไล่ต้อนเสียแล้วกระมัง เพราะถ้ารอให้เพื่อนแพร่งพรายกว่าจะออกมาได้หมดเบค่อนของจุนมยอนคนนี้คงได้หมดลมไปเสียก่อนแน่ๆ

     

     

    “คริสเหรอ? ...ใช่ ...เจ็กเอกเกาหลีนั่นจริงๆใช่มั้ย?” จุนมยอนชะงักไปหนึ่งจังหวะก่อนจึงค่อยตอบ

     

     

    “อื้อ” พยักหน้าจนผมกระเด้งกระดอนและใบหน้าก็ยิ่งแดง ความร้อนที่เพิ่มขึ้นในตอนที่ได้ยินชื่อฝ่ายคู่กรณีก็ลามไปจนถึงใบหู ส่งผลให้ดูแดงเถือกไปหมดแล้ว

     

     

    “เฮ้ย! จริง?” พอได้ยินจากปากก็รู้สึกว่าจะตกใจไม่น้อยเลย

     

     

    “ช...ใช่”

     

     

    “แล้วมันมาจูบนายได้ยังไง มาจูบทำไม ทำเพื่ออะไรวะ?” ทั้งงง ทั้งเดือด ทั้งโมโห รวมถึงอึ้งด้วย มันเยอะมากจนแบคฮยอนก็แยกไม่ออกจริงๆว่าความรู้สึกที่แท้จริงของเขาคืออะไรกันแน่

     

     

    ตอนนี้ภายในหัวเหมือนได้ยินเสียงระฆังดังเหวิ่งๆยังไงก็ไม่รู้...

     

     

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอ่า”

     

     

     

    “เดี๋ยวนะ ยังไง ? ...นายกับหมอนั่นก็ไม่ได้รู้จักกัน ไม่เคยคุยหรือแม้แต่จะเฉียดกันก็ไม่เคยเลยสักหน่อย มันจูบเลยเหรอ?”

     

     

     

    “อือ”

     

     

     

    “บ้า ...นี่อย่าบอกนะว่าแค่เดินผ่านกันไปเฉยๆแล้วมันก็จับนายไปจูบเลยอย่างนั้นอ่ะนะ” เงียบไปอย่างรอคอยคำตอบ จุนมยอนทำเพียงแค่กะพริบตาปริบๆมองแบคฮยอน และมันก็เหมือนจะช่วยยืนยันในสิ่งที่แบคฮยอนเพิ่งจะสรุปไป

     

     

    “ก...ก็ ไคแยกเอาขยะไปทิ้ง แล้วฉันก็กำลังจะเดินไปรอไคที่ประตู พอเดินผ่านชั้นวางจานก็ถูกคว้าไว้ แล้วก็....” ถึงตรงนี้มือบางก็ยกขึ้นมาแตะปากตัวเองเบาๆ

     

     

    “จูบเลยเหรอ?” แบคฮยอนถึงกับอ้าปากค้าง คำถามนี้ไม่ได้มีคำตอบเป็นคำพูดให้ แต่สังเกตปฏิกิริยาของเพื่อนแล้วก็ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร

     

     

    แบคฮยอนนิ่งไป ตัวเขาชาไปชั่วขณะเหมือนถูกจับยัดใส่ตู้ฟรีซ เรื่องนี้มันตลกนะจะว่าไป... แต่ทำไมถึงขำไม่ออกก็ไม่รู้...

     

     

    ลองนึกดูถ้าเขาเป็นไค ...เป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ในตอนนั้นก็คงได้ต่อยปากไอ้คนที่ฉวยโอกาสกับเพื่อนเขาจนเลือดกลบปากไปแล้ว

     

     

     

    “แย่!” โพลงออกมาเสียงดังจนอีกฟากฝั่งนึงของห้องหันมามอง จุนมยอนที่เห็นอาการไม่ค่อยดีของเพื่อนจึงได้แต่เอามือลูบท่อนแขนของคนที่ตัวเล็กพอๆกันให้ใจเย็นลง

     

     

     

    “ใช้ไม่ได้!” หน้างี้ย่นเป็นหมาพันธุ์ปั๊กจริงๆแล้วด้วย

     

     

    “เบค่อน...” เรียกด้วยน้ำเสียงเบาเป็นเชิงขอร้องให้เย็นลง ทว่าก็ได้ใบหน้าที่ดุดันหันกลับมามองแทน

     

     

    “แบบนี้ ...ใช้ไม่ได้ พ่อมันเป็นใครกัน เจ้าตัวถึงได้คิดที่จะฉวยจูบปากชาวบ้านเขาได้อย่างหน้าตาเฉยแบบไม่รู้สึกกระดากอายอะไรได้ง่ายๆแบบนี้น่ะ” สิ้นประโยคก็ลุกพรวดพราดจนคนที่ลูบแขนและขอให้ใจเย็นลงตกใจ

     

     

    “ไป!” ไม่พูดเปล่า แบคฮยอนยื่นมือออกมาคว้าแขนขาวของเพื่อนตัวเองไปด้วย

     

     

    “ไปไหน? ...เบค่อนไปไหน?” ยังไม่ทันได้รู้จุดหมายปลายทางร่างเล็กของจุนมยอนก็ปลิวตามแรงที่แบคฮยอนใช้ฉุดกระชากเสียแล้ว

     

     

     

    พอดันประตูกำลังจะออกไปก็พบว่าไคกำลังดึงประตูเข้าหาตัวเองพอดี ไคตาโตเมื่อพบว่าเพื่อนสนิทของตนเองทั้งสองคนกำลังจะออกไปไหนก็ไม่รู้

     

     

    “เฮ้! จะไปไหนกันน่ะ?”

     

     

     

    “ไปเอาเลือดหัวใครบางคนออก!” แบคฮยอนตอบด้วยน้ำเสียงขึงขังจริงจัง พร้อมทั้งลากจุนมยอนแทรกผ่านหน้าไป เจ้าของใบหน้าหวานที่โดนลากไปด้วยมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก จุนมยอนมองไคด้วยสายตาวิงวอน ก็เขารู้...รู้ว่าแบคฮยอนกำลังจะทำอะไร รวมทั้งรู้ด้วยว่าไคก็รู้ดีทุกอย่าง จุนมยอนถึงได้ส่งสัญญาณบอกให้ไคห้ามปราบหมาบ้าจอมทัพหน้าอย่างแบคฮยอน

     

     

    แต่แล้วก็ไม่เป็นผล...

     

     

    เมื่อไคกลับเห็นดีเห็นงามกับแบคฮยอนไปด้วย

     

     

     

    “ดีเลย ...” ว่าแล้วก็หักนิ้วตัวเองจนดัง นัยน์ดวงตาคู่คมฉายประกายสุกใส ก็ถ้าตอนนั้นหลังจากที่เขาเข้าไปแยกรวมทั้งผลักไอ้คนตัวสูงนั่นออกจากที่จูบจุนมยอนอยู่ เขาก็คงได้ต่อยปากมันไปแล้วถ้าในตอนนั้นจุนมยอนไม่รีบวิ่งหนีออกมาจนเขาต้องรีบวิ่งตามไปเสียก่อน

     

     

    แน่นอน...ไคก็เลยต้องกดเก็บความเจ็บใจเอาไว้ก่อนเพราะถึงยังไงความรู้สึกของจุนมยอนก็เป็นอะไรที่ควรต้องห่วงที่สุดในตอนนั้น

     

    น ริมฝีปากบางสีแดงสดถึงได้เม้มเข้าหากันราวกับจะสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกูบล่ะไม่อยากจะคิดเล

     

    ตลอดเส้นทางที่เดินมาแบคฮยอนเที่ยวถามคนอื่นไปทั่วว่าเห็นไอ้เจ๊กเอกเกาหลีบ้างมั้ย? นั่นเป็นชื่อที่เขาตั้งให้และเรียกกันในกลุ่ม ทว่าหากแต่เวลาที่ต้องถามออกไปจริงๆเขาก็เรียกหมอนั่นว่า คริส

     

     

     

    ซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าใครก็รู้จัก เพราะนอกจากจะแตกต่างในเรื่องของเชื้อชาติแล้ว ตัวบุคคลก็โดดเด่นสะดุดตาทั้งในเรื่องรูปร่างหน้าตาบุคลิกภาพ โคตรพ่อโคตรแม่หล่อชนิดที่เรียกได้ว่าหาตัวจับยากเลยทีเดียว

     

     

     

    เป็นห้องเรียนของภาควิชาภาษาเกาหลี พวกเขาทั้งหมดรวมทั้งไอ้เจ็กนั่นเรียนคณะเดียวกันอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเรื่องหาตึกเรียนก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร จะวุ่นวายเข้าหน่อยก็ตอนที่หาห้องหับนี่แหละ

     

     

    แบคฮยอนกับจุนมยอนเรียนเอกเดียวกันซึ่งนั่นก็คือภาษาอังกฤษ ส่วนไคก็คงจะเรียนภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ถูกพ่อบังคับให้เลือกเอกจีนเสียก่อน แต่ถึงจะเรียนต่างภาควิชากันแต่ไคก็ไม่เคยห่างไปไหนหรอก ไคมักจะเลือกลงวิชาเสรีตัวเดียวกันกับแบคฮยอนและจุนมยอนเสมอ

     

     

     

    เนี่ยอยู่ด้วยกันจนจะเบื่อขี้หน้ากันอยู่แล้ว ก็ตั้งแต่สมัยมัธยมต้นอ่ะ

     

     

     

     

    แบคฮยอนใช้มือเปิดประตูเข้าไปในห้องห้องหนึ่งตามเสียงบอกเล่าที่ได้ยินมา นักศึกษากระจายอยู่ทั่วพื้นที่ ดวงตากลมสอดส่ายไปจนทั่วจนเจอเข้ากับเป้าหมายร่างบางก็เดินกร่างพร้อมทั้งลากเพื่อนตัวเองปรี่เข้าไปที่โต๊ะและเก้าอี้ที่อยู่อีกมุมห้องหนึ่งทันที

     

     

     

    พอไปถึงก็เอามือตบโต๊ะดังป้าบ!

     

     

     

    ฝ่ายนั้นมองจ้องมานิ่งๆ วินาทีนั้นพยอนแบคฮยอนอึ้งๆไปนิดกับดวงตาที่จ้องเข้ามาประสานกับดวงตากลมกลึงของเขา  

     

     

     

    ให้ตาย...เกิดว่าเขาตายขึ้นมาจะทำยังไง...?

     

     

     

    พอมาประสบกับตัวเองเขาก็เลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงถึงได้กรี๊ดนักศึกษาต่างชาติคนนี้นัก

     

     

     

    “นี่!” ไม่ได้ ...แบคฮยอนบอกกับตัวเองว่าจะเคลิ้มไปกับดวงตาคู่นั้นไม่ได้ “นายทำอะไรเพื่อนฉัน!” เขาพูดด้วยภาษาเกาหลีชัดเจนทุกถ้อยคำราวกับจะสอนให้อีกฝ่ายที่มีทักษะแบบกระท่อนกระแท่นให้รู้สำเนียงที่แท้จริงชัดเจนของภาษาบ้านเกิดของเขา

     

     

     

    คริสมองคนถาม ...ก่อนจะเสสายตาเลยมองไปที่คนตัวเล็กอีกคนที่หลบหลังเพื่อน โดยที่ก็ไม่แน่ใจว่าใครคนนั้นตัวสั่นเล็กๆหรือเปล่า ... พอมองไปด้านข้างของลูกหมาตัวเล็กที่จะมาหาเรื่องกัน เขาก็ร้องอ๋อดังในใจขึ้นมาทันที

     

     

     

    เขาอาจจะจำไม่ได้ในทันที กระนั้นพอเห็นสองคนนี้ หนึ่งคนผิวคล้ำกับอีกคนที่ผิวขาวจัดตัดกันพร้อมๆกันนั้น ก็พอจะประติดประต่อเรื่องราวต่างๆได้แทบจะทันทีเหมือนกัน

     

     

     

    “เพื่อนนายไม่ได้บอกหรอกเหรอ?” สำเนียงแปร่งๆถามกวนกลับด้วยสองคิ้วที่เลิกคิ้ว และทั้งหมดนั่นก็ทำให้พยอนแบคฮยอนเดือดปุดเป็นน้ำที่อุณหภูมิสูงเกินร้อยองศาเซลเซียสเสียอีก

     

     

     

    “เอ๊ะ! นายนี่ยังไงกันห๊ะ!?”

     

     

     

    เริ่มแรกก็เป็นที่สนใจอยู่แล้วด้วย ก็ด้วยเรื่องเมื่อตอนกลางวันที่คงจะมีเกิดขึ้นหนาหู ยิ่งปากต่อปากเรื่องก็คงกระจายไปใหญ่ คราวนี้พอคนที่อยู่ในห้องเห็นแบคฮยอนบุกมาเปิดศึกแบบนี้ทุกคนก็ยิ่งล้อมวงเข้ามามุงดูกันใหญ่

     

     

     

    “ก็ไม่ยังไง”

     

     

     

    “ไอ้บ้า! ที่บ้านนายเขาไม่อบรมเรื่องการให้เกียรติ เคารพสิทธิมนุษยชนกันบ้างหรือไงห๊ะ! ถึงได้คิดจะฉวยใครมาจูบก็ทำได้น่ะ!

     

     

     

    “เบค่อน..” แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงเสื้อที่เรียบตึงของตัวเอง ในตอนนี้จุนมยอนกำลังจับชายเสื้อเขาแน่นและเพราะแบบนั้นเขาถึงได้ใช้มือตัวเองไปกุมมืออีกคนเอาไว้ หมายจะให้จุนมยอนคลายความรู้สึกต่างๆลงไปบ้าง

     

     

     

    “เออ ...มึงแม่งกร่างมาจากไหนวะ?” ไคเสริม ทว่าแบคฮยอนกลับรู้สึกเหมือนว่ามันจะกระทบเขาเบาๆยังไงก็ไม่รู้

     

     

     

    ฝ่ายนั้นรับฟังแล้วก็ทำหน้าเซ็งๆ “แล้วจะให้ทำยังไง?”

     

     

     

    “สะกดคำว่ารับผิดชอบน่ะเป็นมั้ย!

     

     

     

    สิ้นสุดคำนี้ ...คนตัวสูงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เหมือนจำใจ เดินเข้าไปประชิดตัวแบคฮยอนที่เชิดหน้าไล่มองตามใบหน้านั้น ทว่าก็ต้องปล่อยผ่านไปเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้สนใจเขาเลย คริสเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าจุนมยอนแล้วก็ยกมือขึ้นมาแตะบ่าคนตัวเล็ก ในวินาทีนั้นจุนมยอนก็ยิ่งกำเสื้อของแบคฮยอนแน่นขึ้นอีกจนแบคฮยอนรู้สึกและก็อดจะกังวลตามไปด้วยไม่ได้

     

     

     

    “ขอโทษแล้วกัน” หลังจากก้มลงไปจ่อริมฝีปากข้างใบหู เสียงทุ้มก็ปล่อยผ่านคำนั้นออกไป จากที่ฟังน้ำเสียงดูแล้วจะบอกว่าคนตัวสูงไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับถ้อยคำนั้นจริงจังมากนักก็ดูจะไม่ผิดหรอกนักกระมัง

     

     

     

    “โอเคหรือยัง?”

     

     

     

    แบคฮยอนได้ยินชัดตั้งแต่ถ้อยคำที่บอกว่าขอโทษจนถึงคำถามที่ถามกลับมา หนุ่มน้อยโกรธจนกำมือแน่นและนึกอยากจะซัดปากซักเปรี้ยงเข้าให้จริงๆ

     

     

     

    กระนั้นก็มีบางอย่างมาหยุดไว้ซะก่อน ...ก็จะอะไรซะล่ะถ้าไม่ใช่เพื่อนตัวเล็กของเขา เขารู้ว่าจุนมยอนคงไม่ได้ต้องการเห็นอะไรแบบนั้นนักหรอก

     

     

     

    “มันง่ายไป” บอกแค่นั้น จนฝ่ายคู่กรณีต้องแสดงสีหน้างงๆออกมา ตอนนี้ไม่มีใครสามารถเดาความคิดของพยอนแบคฮยอนออกได้เลยสักคนแม้กระทั่งคนที่จับชายเสื้อแน่นก้มหน้าไม่ยอมมองใครสักคนอย่างคิมจุนมยอน

     

     

     

    ฝ่ายคริสเองก็ไม่มีคำไหนให้นอกจากรอคอย ทุกคนเงียบกันไปหมดและได้แต่จดจ้องคนที่กำความอึดอัดรวมทั้งคำตอบของทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวอย่างพยอนแบคฮยอน

     

     

     

     

    “เป็นแฟนกับเพื่อนฉันได้มั้ยล่ะ?

     

     

     

     

    “ไม่ได้” เป็นเสียงของไคที่ดังขึ้นมาทั้งที่ไม่ได้ถูกถาม

     

     

     

     

    “มึงเงียบไปไค” แบคฮยอนหันไปใช้สายตาดุเดือดมองเพื่อนตน แล้วไคก็ต้องยอมแพ้ไปแต่โดยดี

     

     

     

     

    “ว่าไง ...ได้มั้ยล่ะ?” ถามออกไปอย่างท้าทาย เชื่อได้แน่ว่าจุนมยอนคงอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ ไม่ว่าคำตอบของมันจะเป็นอะไรก็ตาม

     

     

     

     

    คริสมองคนตัวเล็กอย่างพิจารณา ประมาณจากสายตาน่าจะสูงแค่ไหล่เขาได้กระมัง ผมสีแดงเข้มเหยียดตรงนั่นดูหนาและคงจะนุ่มน่าดู

     

     

     

    บ้าจริง ...นี่เขาเผลอคิดไปถึงการสัมผัสได้ยังไงกันนะ ทว่าทั้งหมดนั่นมันก็เป็นเพราะเขามองไม่เห็นอะไรเลยต่างหากนอกจากกลุ่มผมน่ะ

     

     

     

     

    ดวงตาคมเบือนออกจากคนตัวเล็กที่เขาเคยคว้าตัวเข้ามาจูบไปแล้ว เพื่อสบตากับคนที่รอคอยจะฟังคำตอบจากปากของเขา

     

     

     

     

    จะว่าไปแล้วสำหรับลู่ฮาน ...หมอนั่นก็มีสถานะเป็นแฟนเขาไปแล้วนี่...

     

     

     

    เพราฉะนั้น ...ถ้าจะเป็นที่รู้กันเพิ่มในหมู่คนอื่นก็ไม่เห็นว่าจะแปลกอะไร

     

     

     

     

     

    “ได้”

     

     

     

     

    “ห๊ะ? ...ว่ายังไงนะ?”

     

     

     

     

     

    “ฉันจะเป็นแฟนกับเพื่อนนาย”

     

     

     

     

     

     

    คริสคงไม่รู้ว่าได้ฆ่าคนหนึ่งคนตายไปเรียบร้อยแล้ว ...

     

     

     

     

    TBC…

     

     

     

    -----------------------

     

    มาร้าววว อย่างรวดเร็ว ฮี่~

    พี่คริสใจง่ายเน้อออ แล้วทำไมพยอนแบคที่ดูจะหวงเพื่อนเสียเหลือเกิ๊น

    ตัดสินใจให้เพื่อนแบบนี้ล่ะ มันต้องมีอะไรสักอย่างปร้า กิ้ด

    อ่านเรื่องนี้ไว้คลายเครียดเน้อ ไม่มีม่าหรอก #คิดว่านะ


     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×