ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] First Kris First Kiss (Kris x Suho)

    ลำดับตอนที่ #1 : PROLOGUE

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.2K
      5
      26 ก.ย. 56

     

    PROLOGUE

     

     

     

     

     

    “เฮ้...!

     

     

    ร่างสูงในเสื้อแจ็คเก็ตเบสบอลหันกลับมาหลังจากถูกแขนคู่หนึ่งรั้งเอาไว้ เสียงดังนั้นไม่ได้ออกแนวตวาดหรือคิดว่าอยากจะตะคอกแต่เป็นเพราะตกใจและคาดไม่ถึงต่างหากว่าในตอนที่หันหลังกลับมาจะเจอกับคนหน้าแป้นแล้นที่ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนก็เจอ...

     

     

    จนให้ความรู้สึกเหมือนมีเงาตามตัวอยู่ตลอดเวลา

     

     

    ซึ่งมันเป็นอะไรที่หลอนเขามาก ...คิดดูแล้วกัน ...แม้แต่ในความฝันก็ยังตามเข้าไป จนตอนนี้คริสนึกไม่ออกแล้วว่าจะมีหนทางไหนที่จะสามารถหนีจอมตื๊อคนนี้พ้นได้อีก

     

     

    “ลู่ฮาน....” เสียงเรียกชื่อนี้ดังขึ้นอย่างละเหี่ยใจ อารมณ์เป็นไปในทางที่แตกต่างจากวินาทีแรกที่เจอกับร่างบางคนนี้โดยสิ้นเชิง

     

     

    “แหม ...ดีใจล่ะสิ” ลู่ฮานก็ยังคงมีใบหน้าที่ระรื่นชื่นบานอยู่เหมือนเดิม รอยยิ้มแต่งแต้มบนดวงหน้าน่ารักไม่ว่าจะใครก็คงคิดว่ามันช่างน่ามองเสียเหลือเกินสินะ ทว่าสำหรับคริสแล้วมันก็เปรียบเสมือนยาเบื่อดีๆที่ทำให้เขาอยากจะลงไปชักดิ้นชักงอลงกับพื้นเสียให้ได้

     

     

     

    หรือถ้าจะเป็นไปได้ ...ถ้ารุนแรงถึงขั้นทำให้ตายได้

     

    คริสก็พร้อมและยินยอมที่จะหนีตายไปเลยเสียยังดีกว่าทนให้อีกฝ่ายตามติดแจกันแบบนี้

     

     

     

    “มาได้ยังไง?” หัวคิ้วของเขาสามัคคีขมวดเข้าหากัน ตอนนี้มีหลากอารมณ์ตีกันจนปรากฏออกมาว่ายุ่งไปซะทั้งใบหน้า

     

     

    “เนี่ย ...ก็เดินมาเรื่อยๆ”

     

     

    “ลู่ฮาน ...ไม่ใช่แบบนี้!

     

     

    “เอ้า! ฉันก็ตอบแบบตรงๆของฉัน” ปากเล็กยู่ลงนิดหน่อยอย่างคนถูกเอาใจจนเคยตัว

     

     

    “ลู่ฮาน” และก็เห็นว่ามีแต่คริสคนเดียวเท่านั้นละมังที่พอจะสามารถปรามคนตัวเล็กผู้ที่เอาแต่ใจตัวเองรวมทั้งชอบเอาชนะจนติดเป็นนิสัยแบบนี้ได้บ้าง

     

     

    คราวนี้เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของพ่อรูปหล่อ คนหน้าหวานปากเล็กสีแดงสดก็จำเป็นต้องขย้อนออกมาทีละส่วน

     

     

    “ก็ตามมานั่นแหละ

     

     

    ยังไงอีก ...หน้าของคริสถามแบบนั้น...

     

     

    ...เคลียร์คลอสภาษาอังกฤษที่ลงไว้เสร็จแล้วก็รีบตามมาเลย”

     

     

    ตะขิดตะขวงใจในคำว่า เคลียร์เสร็จของเสี่ยวลู่ฮานอยู่นิดนึง คนตัวสูงจึงได้เอ่ยปากถามย้ำออกไปถามหาความแน่ใจอีกสักครั้ง

     

     

    “เคลียร์เสร็จ...?”

     

     

    ลู่ฮานกัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างขัดใจ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันทั้งที่มีคนมากมายเต็มใจรวมทั้งพร้อมเสมอที่จะดาหน้าเข้ามาให้เขาเลือก แต่ลู่ฮานก็เลือกที่จะตามอยู่แค่คนๆเดียว อาจเป็นเพราะคริสเป็นคนเดียวที่ขัดใจเขาและทำให้เขารู้สึกขัดใจก็ได้มั้ง...

     

     

    ข้อนี้ทำให้ลู่ฮานดูแปลกคน ...ที่เลือกคนที่ไม่เคยตามใจตัวเขาเองเลยอย่างคริสคนนี้

     

     

    แต่เพราะลู่ฮานซุกซนเกินกว่าจะทำอะไรที่รู้ผลลัพท์ตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว ถ้าขออะไรแล้วได้อย่างนั้น ได้เดี๋ยวนั้นเลยมันจะสนุกอะไรล่ะ ...ว่าจริงมั้ย? มันก็เหมือนกับของขวัญเปลือยที่ไม่มีกระดาษห่อติดโบว์พันด้วยริบบิ้นนั่นแหละ เห็นแล้วมันจะรู้สึกตื่นเต้นอะไร

     

     

    สู้แกะไปลุ้นไปแบบนี้ยังจะดีเสียกว่า...

     

     

    คริสก็เหมือนกัน ...

     

    ลู่ฮานก็เลยชอบที่จะเอาตัวมาอยู่ใกล้ๆเพราะคริสสำหรับเขาแล้วเป็นอะไรที่...

     

     

    เดาไม่ถูกเลย

     

     

     

    “ไม่ได้ทิ้งหรอกน่า ก็เรียนจนจบครอสนั่นแหละ” คำตอบของลู่ฮาน ก็เป็นที่ชัดเจนว่าเข้าใจในความหมายของคริสดีว่าที่ถามออกไปน่ะหมายถึงอะไร

     

     

     

    “ไร้สาระ” ว่าอีกคนได้เท่านั้นแล้วก็จ้วงเดินเร็วทันที แต่มีหรือคนอย่างเสี่ยวลู่ฮานจะไม่ตามน่ะ

     

     

    “อ้าว ...นี่ ! มันก็ไม่ใช่เพราะนายหรือยังไงที่หลอกให้ฉันไปเรียน แล้วตัวเองดันหนีมาอยู่เกาหลีแบบนี้น่ะ”

     

     

    “ก็เนี่ยแหละไร้สาระ”

     

     

    “อะไร?” มือเล็กคว้าหมับเข้าที่แขนยาวอีกครั้ง ลู่ฮานจ้องคนที่มองกลับมาอย่างไม่ยอม ในตอนที่คริสพยายามจะเดินหนีไปอีกรอบ ลู่ฮานก็ยื่นแขนอีกข้างออกไปคว้าไว้ ขาสองข้างขยับออกจากกันให้เว้นระยะห่างมากกว่าเดิมเพื่อใช้เป็นฐานรากที่มั่นคงขึ้น แววตาสีหน้ามุ่งมั่นบอกว่าไม่มีทางยอมแน่

     

     

    “ไร้สาระอะไร?”

     

     

    “ไอ้ที่นายกำลังทำอยู่ทั้งหมด ทุกอย่าง ทุกการกระทำนั่นแหละ ไร้สาระ”

     

     

    “เฮ้ ...นี่! ไม่เจอกันสี่เดือนปากเสียไม่เปลี่ยนเลยนะ”

     

     

    นั่นใช่ประเด็นที่ไหนล่ะ ...คริสโต้เถียงในใจ

     

     

    โดยเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไปอีก นอกจากพยายามอย่างยิ่งที่จะเดินหนี(อีกครั้ง) มันเป็นเพราะเท่าที่ผ่านมา ไม่ว่าจะคำไหนที่ออกจากปากของเขา ถ้อยคำธรรมดาหรือเสียดสีรุนแรงมันก็ไม่เคยบั่นทอนความพยายามที่ลู่ฮานมีได้เลยสักครั้ง

     

     

    ดื้อ ...อาจจะคำนี้

     

     

    คำเดียวนั่นแหละที่จะสามารถจำกัดความคนน่ารักตรงหน้าได้หมด

     

     

    “กลับบ้านเถอะ” คริสเอ่ยราบเรียบ และลู่ฮานก็ยอมปล่อยมือออกจากแขนของคริสและยอมเดินตามไปอย่างเงียบเชียบไม่นึกอยากจะโวยวายอะไรขึ้นมาอีก

     

     

    ใช่ว่า...จะไม่รู้ว่าบ้านที่คริสหมายถึงนั้นคือที่ไหน คริสก็คงไล่ให้ให้เขากลับไปจากที่ที่จากมานั่นแหละ ใครล่ะจะเชื่อแล้วยอมทำการกัน เขาคือเสี่ยวลู่ฮาน คนที่ชอบตีตาใสใส่และถ้าคราวนี้จะทำอีกมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรซะหน่อยนี่

     

     

    “นี่ ...ว่าแล้วยังเดินตามมาอีกแน่ะ!” คริสหันมาดุและลู่ฮานก็เลยเบะปากโชว์มันซะเลย

     

     

    “ก็ฉันจะกลับไปกับนาย ...มาที่นี่ก็ใช่ว่าจะหาที่พักได้ง่ายๆเสียหน่อย นายอยู่ที่ไหนฉันก็จะอยู่ที่นั่นแหละอู๋ฟาน” อู๋ฟาน ...ตามอย่างที่ลู่ฮานเรียกเป็นชื่อจีนของคริส และชื่อเต็มๆของเขาก็คือ...อู๋อี้ฟาน ซึ่งที่นี่ไม่ค่อยจะมีคนรู้กันสักเท่าไร

     

     

    “ไม่ได้!” คริสยื่นคำขาด ลู่ฮานเอียงคอมองยู่ปากเล็กน้อยอย่างน่ารัก ท่าทางดูเหมือนเด็กตัวน้อยขี้สงสัยร้องเรียกหาในสิ่งที่ตัวเองไม่ค่อยเข้าใจอย่างนั้น

     

     

    “ทำไมล่ะ?”

     

     

    คริสนิ่งไปชั่วอึดใจ ชายหนุ่มกำลังพยายามค้นความคิดในสมองอยู่ว่าจะมีเหตุผลไหนบ้างมั้ยที่จะสามารถพาให้เขารอดพ้นลูกตื้อของลูกเพื่อนพ่อคนนี้ที่ติดเขาแจตั้งแต่เด็กๆได้บ้างมั้ย

     

     

     

    แต่พอรื้อไปสักพักก็รู้สึกว่าจะใช้ไปจนเกือบหมดแล้วแฮะ ...แต่ก็ไม่เคยได้ผลเลย...

     

     

     

    “ฉันอยู่กับแฟน” แต่แล้วจู่ๆเขาก็โพลงออกมา หลังจากพูดมันออกไปแล้วคริสกลับรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจเลย จริงอยู่ที่เขาไม่ชอบให้ลู่ฮานมาตามติดแจ เพราะนอกจากจะเหมือนการปิดโอกาสตัวเองของลู่ฮานกลายๆแล้ว มันก็ยังลามมาถึงเขาด้วย

     

     

    ย้ำตรงนี้ว่าคริสก็ไม่ได้รำคาญ ...ไม่เลย แต่มันเป็นเพราะเขาไม่สามารถมีความรู้สึกให้ในแบบที่อีกฝ่ายต้องการได้ต่างหาก ชายหนุ่มถึงได้เลือกกระทำการหลีกเลี่ยงทุกวิถีทาง เป็นการป้องกันไม่ให้มีอะไรเลยเถิดไปมากกว่าความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่

     

     

    เขายืนยันได้ว่าไม่ได้ชอบลู่ฮานแต่ก็ไม่ได้เกลียดอีกทั้งยังมองเห็นเป็นเพื่อน พวกเขาเป็นเพื่อน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆคริสถึงได้รู้ว่าลู่ฮานเป็นยังไง

     

     

    และก็คงไม่ได้เสียใจอะไรกับเรื่องนี้มาก

     

     

    หมอนี่ก็แค่อยากได้เขา ...เพราะคิดว่าเขาเป็นบางอย่างที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองก็เท่านั้น มันคงไม่ได้มีความรู้สึกในแง่รักใคร่ชอบพอพิศวาสหมายจะเอามาเป็นคู่รักคู่ชีวิตอะไรทำนองนั้นหรอก

     

     

    และถึงจะลองคบกันจริงๆก็ไม่มีทางไปรอด ...ข้อนี้เป็นอะไรที่คริสมั่นใจสุดๆ

     

     

    แต่พอเผลอหลุดพูดแบบนั้นไปแล้วก็อดเป็นห่วงความรู้สึกของอีกฝ่ายไม่ได้ ...กลับกันถ้าลองเป็นเขาที่เป็นผู้ฟังประโยคนั้นเข้าไปเต็มๆก็คงรู้สึกหน้าชาเอาได้เหมือนกัน

     

     

    “ไม่จริง ...ไม่เชื่อหรอก นายโกหก” และลู่ฮานก็ตอบกลับมาด้วยความดื้อด้านในแบบที่เอาแต่ใจอยู่เหมือนเดิม

     

     

    “ตามใจ” เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วก็ทำให้จำต้องถอนหายใจออกมาด้วยความอ่อนใจ คริสขยับตัวออกเดินหนีไป แต่ทว่ายังก้าวไปได้ไม่ไกลเท่าไรนักก็ได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังตามมาและมันก็ดังชัดเจนทุกถ้อยคำ

     

     

     

    “ก็ถ้า ....เห็นนายกับเขาจูบกันเมื่อไรแล้วค่อยมาว่ากันนะ!

     

     

     

     

     

    ลู่ฮานไม่เชื่อหรอกนะว่าคริสจะมีแฟนอยู่แล้วจริงๆ และถึงจะมีก็คงไม่กล้าจูบโชว์ต่อหน้าเขาหรอก คนหน้าสวยถึงกับยิ้มกริ่มในใจเพราะเรื่องราวพวกนี้ถือเป็นข้อต่อรองที่ทำให้เขาสามารถยุ่งกับคริสต่อไปได้ ก็ตราบใดที่คริสไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าตนเองมีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริงๆแล้วล่ะก็...

     

     

    ลู่ฮานก็ยังคงสามารถตามตื้อคริสได้โดยไร้ข้อกังขา

     

     

     

    สุดท้ายในตอนที่นั่งกินข้าวลู่ฮานก็ยังคงไม่ออกห่างจากคริสอยู่ดี อ้อนไปอ้อนมาก็ได้อาหารกลางวันมากินฟรีๆอีกแน่ะ เดินก็ไม่ต้องเดินไปซื้อหาเอง เพียงแค่นี้ ...แค่ทำให้คริสยอมทำตามใจได้ก็มีความสุขยิ้มหน้าบานไปได้ตลอดทั้งวันละ

     

     

    “เอ่อ ...อู๋ฟานแล้วอยู่ที่นี่เป็นไงบ้างอ่ะ?” ลู่ฮานไม่ค่อยรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวสักเท่าไร ในเวลาเที่ยงนิดๆแบบนี้ไม่ว่าจะที่ไหนก็คงจะเหมือนกันละมัง ห้องอาหารคนก็คงเยอะเหมือนกันทุกที่

     

     

    ใช่ ...นั่นไม่แปลกหรอกแต่เขาค่อนข้างประหลาดใจกับดวงตาหลายๆคู่ที่พอเผลอมองมาด้วยความบังเอิญ โมเม้นท์ถัดไปก็ต้องเป็นจดจ้องแบบหาคำตอบซึ่งทุกคนเกือบจะทำแบบนั้นกันหมด

     

     

     

    ทำไมเหรอ ...เขาคือเสี่ยวลู่ฮานมีอะไรอยากรู้เพิ่มอีกหรือเปล่า...?

     

     

    “คนพวกนี้มองอะไรกัน?” พูดออกไปลอยๆในขณะที่ดวงตาก็จ้องกลับไปที่คนคนหนึ่งที่มองเขาอย่างพิจารณา ลู่ฮานเบิกตาโตใส่จนสุดท้ายไอ้เจ้าคนนั้นก็จำยอมต้องเสสายตาหนีไปเพราะสู้รัศมีความดุดันที่คนตัวเล็กมีในแววตาไม่ได้

     

     

    คริสเงยขึ้นจากจานอาหารแล้วก็พบว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

     

     

    “ก็นายแปลกประหลาด” ชายหนุ่มก้มหน้าลงทานข้าวต่อหลังจากปล่อยประโยคนั้นออกมาจบโดยไม่ได้มีทีท่าใส่ใจกับบรรยากาศรอบกายนั่นเสียเท่าไรนัก

     

     

    “ประหลาด? อะไรคือประหลาด?”

     

     

    “ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองแปลกคนแค่ไหนกัน”

     

     

    “เฮอะ!” ลู่ฮานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอออกมา“ ...ไม่แขวะกันสักนาทีเดียวจะตายมั้ยเนี่ย”

     

     

    ในขณะที่นั่งก้มหน้าอยู่นั้นคริสก็ดุนลิ้นเข้ากับกระพุ้งด้วยอาการเซ็งๆ ตักข้าวเข้าปากไปโดยที่ไม่นึกจะสนใจอะไรกับถ้อยคำของร่างบางที่นั่งอยู่ข้างกัน แต่แค่เพียงชั่วอึดใจเขาก็หยุดมือที่จับช้อนเอาไว้ก่อนจะวางมันลงกับจานจนได้ยินเสียงเซรามิกส์กับช้อนสแตนเลสกระทบกันเสียงดังชัดเจนในตอนที่จู่ๆก็นึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา

     

     

     

    ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทวดาจงใจปั้นให้มาเกิดสะบัดดวงหน้าเข้าหาบุคคลข้างๆ ดวงหน้าเดิมนั้นดูมีแววไตร่ตรองอยู่สักเล็กน้อย รอยยิ้มเกิดขึ้นเล็กๆที่มุมปากแล้วจึงค่อยเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง

     

     

    “อยากรู้จริงๆเหรอว่าคนพวกนี้ทำไมมองนายแปลกๆ” ลู่ฮานหันไปมองรอบๆบริเวณอีกครั้งด้วยแววตาครุ่นคิด เจ้าของใบหน้าโดดเด่นเมื่อเทียบกับบุคคลในห้องอาหารพวกนี้หันกลับมาหาเจ้าของคำถาม พเยิดหน้าให้หนึ่งครั้ง ยู่ปากแล้วจึงค่อยตอบ

     

     

    “ถ้ารู้ ...นายก็ควรจะบอกกับฉันไม่ใช่เหรอ?”

     

     

    คราวนี้คริสแทบจะหัวเราะ แต่ก็กลั้นเอาไว้ด้วยการเม้มริมฝีปากให้ปิดสนิท

     

     

    “ฟังนะ ...คนส่วนมากรู้จักฉัน เริ่มแรกเพราะเป็นคนจีน แน่นอนในเรื่องเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันคนพวกนี้ก็เลยนึกสนใจ”

     

     

    ลู่ฮานนั่งฟังนิ่งแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวกับเขายังไง คนพวกนั้นถึงได้มองทำราวกับเขาเป็นสัตว์ประหลาดแบบนี้ คนหน้าเล็กยังคงมีหน้าที่งุนงงอยู่เหมือนเดิมและมันก็เหมือนเป็นการบอกกับคริสในยามที่มองเห็นนั่นแหละว่าต้องการคำอธิบายเพิ่ม

     

     

    “พอตกเป็นคนที่อยู่ในความสนใจ ...นายก็รู้ใช่มั้ย...? ว่าคงไม่มีเรื่องไหนที่เป็นเรื่องส่วนตัว พวกเขารู้เรื่องของฉันแทบจะทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่ว่าตอนนี้ฉันกำลังคบหากับใครอยู่ด้วย” ใบหน้าของลู่ฮานเริ่มยับขึ้นเรื่อยๆ เรียวคิ้วสีอ่อนขมวดเข้าหากัน แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมาอยู่ดีด้วยตระหนักไว้แล้วว่าคนตัวสูงยังคงพูดไม่จบ

     

     

     

    “แล้วพอเห็นคนหน้าตาน่ารักอย่างนายนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันกับฉันแบบนี้ แน่นอนล่ะว่าคงไม่พ้นเรื่องติฉินนินทา นายได้ยินเสียงพวกเขาแต่นายฟังไม่ออกใช่มั้ยล่ะ? ว่าพวกเขาพูดอะไรกัน... ” คริสยิ้มในแบบที่ทำให้ลู่ฮานรู้สึกหน้าชาไปเลย ลู่ฮานไม่ใช่คนเกาหลีและคริสก็ไม่ใช่ พวกเขาเป็นคนจีนแต่แตกต่างกันตรงที่คริสสามารถฟังพูดอ่านเขียนภาษาเกาหลีได้บ้างแล้วหลังจากย้ายมาเรียนที่นี่

     

     

    แต่ลู่ฮานไม่...

     

     

    พูดอะไร ...ว่าเขาเสียๆหายๆใช่หรือเปล่าคริส...?

     

     

    ในตอนนี้พอหันไปมองอีกครั้งเห็นสีหน้าแววตาของคนพวกนั้นเขาก็นึกเดือดขึ้นมาแบบไร้สาเหตุ เพราะจากที่ฟังคริสพูดเขาเริ่มจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้วแต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ...

     

     

    “ฉันไม่เชื่อ!

     

     

    “หืมม ไม่เชื่อว่า..?” คริสเลิกคิ้ว

     

     

     

    “ไม่เชื่อว่านายจะคบใคร!

     

     

     

    “เอ้า! ก็บอกว่าตามใจไง ไม่เชื่อก็ตามใจ” ถึงตรงนี้ก็อิ่มพอดี ...อาหารยังพร่องไปไม่ทันหมดจานแต่คริสรู้สึกอิ่มหรือนี่อาจเป็นเพราะนึกหนทางที่ทำให้ลู่ฮานที่มั่นใจในตัวเองซะเหลือเกินหน้าซีดหน้าถอดสีได้บ้างแล้ว

     

     

    คริสหันหลังให้คนตัวบางแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันกลับมาแล้วคว้าจานกับแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะเพื่อเอาไปเก็บปกติ

     

     

    “ก็บอกแล้วไง ....ว่าตราบใดที่ฉันยังไม่เห็นนายกับเขาจูบกัน ลู่ฮานคนนี้ก็ไม่มีวันเชื่อหรอก นี่! ได้ยินมั้ยอู๋อี้ฟาน” เสียงหวานตะโกนไล่หลังออกไปเป็นภาษาจีนกลางจนคนแทบจะทั้งห้องอาหารหันมามอง ตอนนี้จากที่เป็นที่สนใจอยู่แล้วคราวนี้ก็เลยยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่

     

    ไม่มีทางซะหรอก ...เสี่ยวลู่ฮานกัดริมฝีปากมองตามร่างของคนตัวสูงที่หยุดวางจานกับแก้วน้ำลงที่ชั้นวาง หยิบจานขึ้นมาเพื่อจะทำในแบบเดียวกับที่คริสทำ

     

     

     

    เดินเข้าไปใกล้คริส อีกเพียงแค่สามก้าวเท่านั้นก็จะถึงตัวคริสอยู่แล้ว ทว่าสุดท้ายกลับได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เมื่อภาพที่เห็นคือคริสคว้าใครอีกคนเข้ามาประชิดตัวใช้มือข้างหนึ่งตวัดเกี่ยวเอวคนที่ตัวเล็กและสูงน้อยกว่าเขาเข้าไป โอบรัดให้คนคนนั้นแนบเข้าหาลำตัวยิ่งขึ้น อีกมือที่ว่างช้อนใต้แนวใบหูเชิดใบหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาขณะเดียวกันก็โน้มใบหน้าตัวเองลงไปพร้อมทั้งประกบจูบ

     

     

     

    เสียงฮือฮาดังอื้ออึงไปทั่วห้องอาหารติดแอร์ ทว่าผิดกันกับคนที่ใกล้ที่สุดระหว่างสองคนนั้นอย่างเสี่ยวลู่ฮานที่ได้ยินเพียงแค่เสียงประท้วงของคนตัวเล็กที่ถูกคริสจูบดังชัดเจนสะท้อนก้องอยู่ในหู

     

     

    “อื้อออ”

     

     

     

    ไม่จริง ...ลู่ฮานท้วงในใจ

     

     

    ในตอนที่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปในตอนนั้นลู่ฮานถึงกับมึนไปเลย มาได้สติคืน ก็ตอนที่จู่ๆเขาก็ถูกใครอีกคนวิ่งเข้ามาชน ไม่พอ ...ไอ้เจ้าคนเดิมที่ชนเขานั่นแหละที่เข้าไปแยกสองคนนั้นออกจากกันด้วยใบหน้าขึงขังพร้อมทั้งพูดอะไรบางอย่างออกมาเสียงดัง

     

     

     

    และแน่นอนที่ลู่ฮานฟังไม่ออก...

     

     

     

     

    “มึงจูบจุนมยอนทำไมวะ!!

     

     

     

     

    TBC…

     

     

     

     

    ----------

     

    ฟิคร้อนๆมาตอนร้อนค่ะๆ

    อายจุง~ เรื่องเก่าไม่ต่อ  คิดไว้น่าไม่น่าจะยาวมาก แต่ดันมี prologue นี่นะ 5555555

    ก็เลยจั่วเป็น FIC ไว้ก่อนกันยาวเน้อออ ฮี่ เป็นไงต่อไม่สปอยละกันค่า

    ตามอ่านกันเอาเอง ฮูเล่~

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×