ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] First Kris First Kiss (Kris x Suho)

    ลำดับตอนที่ #14 : {OS} FOOLERY (Kai x Suho)

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 56


     

    FOOLERY

    Kai x Suho

    By

    Pee Elle Ae

     

     

    ไคน่ะร้าย!

     

    ก็เล่นทำแบบนี้แล้วใครจะไปรู้ล่ะ ...

    เด็กนี่ก็ทำอะไรโง่ๆพอกับที่ซูโฮไม่รู้น่ะแหละ!

     

    ด้วยหน้าที่ ซูโฮก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการต้องตื่นนอนก่อนคนอื่นๆในวงรวมอยู่ในหน้าที่ที่ต้องรับชอบด้วยหรือไม่ แต่หัวหน้าวงตัวขาวมิหนำซ้ำโครงสร้างร่างกายยังดูเล็กกว่าน้องๆทั้งหมดก็ทำมันจนกลายเป็นความเคยชินและเป็นกิจวัตรไปแล้ว

    อันดับแรกที่ลีดเดอร์ต้องทำก็คือการงัดรูมเมทผู้ซึ่งควบตำแหน่งมักเน่ไปด้วยให้ลุกขึ้นจากเตียง ไม่ใช่เรื่องยากในคราวแรก เซฮุนจัดอยู่ในประเภทที่ไม่ดื้อมาก แต่มักจะใช้ความเป็นน้องเล็กที่สมควรจะมีนิสัยขี้อ้อนติดไว้พอเป็นพิธีมาแสดงฤทธิ์เดชเอาทีหลัง และทุกครั้ง...คล้อยหลังจากที่เขาเดินออกจากห้องออกไปสำรวจความเคลื่อนไหวภายในหอ แล้วกลับเข้ามาหลังจากพบว่ามีคยองซูอีกคนที่ตื่นแล้ว เจ้าเด็กอมมืออย่างเซฮุนก็เหวี่ยงหัวลงหมอนในท่าทางกลับหัวกลับหางแทบจะทุกที พอจะบ่นบ้างก็เจอลูกอ้อนพันแข้งพันขาเล่นเอาไปไม่เป็นแทบจะทุกครั้ง สุดท้ายก็เลยต้องยอม... เซฮุนมักจะได้นอนต่ออีกครึ่งชั่วโมงหรือไม่ก็มากกว่านั้น ในช่วงเวลาที่พี่ๆในวงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปอาบน้ำ ในตอนนั้นคนที่มีอายุน้อยที่สุดในวงอย่างโอเซฮุนก็สบโอกาสได้หลับต่ออีกสักงีบ

    ภารกิจยังไม่จบสิ้นแค่นั้น ยังเหลืออีกหลายเสือที่ยังซุกตัวอยู่ในถ้ำ งานง่ายอยู่ที่ชานยอลกับแบคฮยอนเพราะแค่เคาะประตูป๊อกสองป๊อกแล้วได้ยินเสียงขานรับของใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมาก็หมดห่วง สองคนนี้ดูแลกันเองได้ ทะเลาะตบตีกันเองได้หากใครสักคนงอแงและไม่ยอมลุก

    อีกห้อง...ที่รูมเมทมีนิสัยการนอนและการตื่นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนั่นน่ะแหละน่าเป็นห่วง ปกติแล้วคยองซูมักจะตื่นก่อนเขาด้วยซ้ำเพราะต้องทำอาหาร กระนั้นนักร้องเสียงหลักตาโตเทียบเท่าดวงตาของนกฮูกกลับไม่เคยกล้าปลุกไค ไม่ใช่ว่าเด็กนั่นมีนิสัยการนอนที่ดุร้ายและกว่าจะตื่นแต่ละทียากเย็นแสนเข็ญจนกว่าคนหนึ่งคนจะรับมือไหว แต่เพราะคยองซูเป็นคนขี้เกรงใจเห็นว่าน้องคนที่ขี้เซาสุดๆหน้าง่วงในทุกๆที่หลับอยู่ก็เลยไม่อยากกวน

     

    เป็นไงล่ะ...ทีนี้ความซวยก็เลยมาอยู่ที่พี่ใหญ่อย่างเขานี่ไง

    ซวยเหรอ...? ความจริงก็ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง...

     

    ก็แค่...

     

    หลังจากมาถึงมาเลตั้งแต่เช้า ซูโฮเป็นคนเดียวในยูนิตเคที่ไม่ได้หลับต่อจากบนเครื่อง แน่นอนการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานๆก็เล่นเอาเพลียได้เหมือนกัน พอมาถึงที่พัก สมาชิกของเอ็กโซที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสมาชิกที่มีมากคน ก็ต่างพากันเอะอะโวยวายเดินเข้าห้องนู้นออกห้องนี้ แต่ทำแบบนั้นกันได้ไม่เท่าไรก็ทยอยผล็อยหลับกันไปทีละคนสองคนเพราะความอ่อนล้า

    มีเพียงซูโฮที่ไม่ยอมนอน และก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าการรื้อข้าวของออกจากกระเป๋าเดินทางเป็นหน้าที่ของลีดเดอร์อย่างเขาที่จำเป็นต้องทำด้วยหรือไม่ แต่เขาก็วุ่นวายอยู่กับมันจนจวนได้เวลาที่จะปลุกไคแล้ว

    แน่นอน...เพราะสมาชิกคนอื่นๆเริ่มตื่นได้ด้วยตัวเองกันบ้างแล้วเหมือนกัน บ้างก็ถูกเมเนเจอร์เรียกให้ตื่นพร้อมทั้งเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานประกาศรางวัลที่จะมีเกิดขึ้นในเย็นนี้

    จะเหลือก็แต่ไค...ที่ไม่มีใครยอมไปปลุก

    ไม่รู้สิ...เขาทำมันจนเป็นกิจวัตรไปแล้วด้วยล่ะมัง ช่วงแรกๆที่ถูกยัดเยียดให้ปลุกไค ซูโฮเองก็ยังแปลกใจอยู่เลยนะว่าทำไมทุกคนถึงไม่อยากทำ ตอนแรกเขาก็คิดว่าน้องคงตื่นยาก ขี้เซาและคงงอแงไม่อยากตื่นชนิดที่ว่าทุกคนเจอแล้วเข็ดขยาด แต่พอมาประสบกับตัวเองเขากลับพบว่าไคไม่ได้เป็นแบบนั้น

    ออกจะเป็นคนที่ตื่นง่ายกว่าเซฮุนด้วยซ้ำไปเสียอีก

     

     

     “ไค...” มือขาวเขย่าเข้าที่บ่าน้อง รอบแรกไคยังคงนอนนิ่ง หลังจากหยุดนิ่งนั่งเบะปาก ทำใจเพื่อที่จะใช้แรงที่เพิ่มขึ้นเพื่อที่จะปลุก ซูโฮก็เริ่มปฏิบัติการใหม่โดยการใช้ทั้งสองมือเขย่าจนร่างของรองมักเน่คลอนเข้าจังหวะการเขย่านั่นแหละ

     “ไคตื่นได้แล้ว” ได้ยินเสียงครางในลำคอดังเข้ามาในกระทบโสตประสาทก็ชัดเจนว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัว เด็กหนุ่มพลิกตัวจากท่านอนตะแคงมาเป็นนอนหงาย ซ้ำร้ายยังเหวี่ยงแขนยาวเข้ามาตรงหัวกลมๆของเขาพอดี

    ซูโฮรู้ว่าน้องคงไม่ได้ตั้งใจแต่มันก็...เจ็บ

    “โอ!” เสียงร้องดังขึ้นมาอัตโนมัติหลังจากโดนท่อนแขนหนักๆเหวี่ยงตึบเข้าที่หัว

    “ฮื้อออ ...พี่ยุ่งไรเนี่ย!” ชัดเจน...ว่าไครู้ว่าเป็นเขาแม้จะยังไม่ได้ลืมตาขึ้นด้วยซ้ำ เพราะถ้าเป็นคนอื่น เด็กนี่จะไม่มีทางเอ่ยวาจาทำนองว่าถูกรบกวนแบบนี้

    ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนอาวุโสที่สุดในวงประเภทไหนกันแน่ น้องๆถึงได้ดูให้ความเคารพกันน้อยเสียเหลือเกิน หรืออาจเป็นเพราะจุนมยอนยิ้มง่ายเกินไป ใจอ่อนให้กับลูกอ้อน ใจดี ที่สำคัญคือช้าและไม่ค่อยเข้าใจเมื่อถูกอำทั้งด้วยการกระทำหรือแม้กระทั่งคำพูด ข้อหลังนี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ถูกแหย่ถูกแกล้งอยู่บ่อยครั้งไปด้วยเลยล่ะมั้ง

    แต่มาตระหนักเอาได้ตอนนี้จะมีประโยชน์อะไรล่ะ จะมาเก๊กดุทำเคร่งขรึมมันก็ไม่ทันแล้วนี่ ใครหน้าไหนเขาจะกลัวในเมื่อธาตุแท้มันเปิดเผยออกมาตั้งแต่ก่อนเดบิวต์ที่เขามักทำตัวใจดีชอบซื้ออาหารมาเลี้ยงน้องๆแล้ว

    ยิ่งกับไค ก็ยิ่งไม่เข้าใจ เขารู้ว่าน้องชอบแกล้ง อ่อ...ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่เขาพยายามเข้าใจว่าไคแค่แกล้งเขา อย่างเช่นเวลาที่อยู่หอพักแล้วเล่นเกมอะไรสักอย่างที่ต้องจับคู่กัน เมื่อไรก็ตามที่มีผู้จัดการอยู่ด้วย ซูโฮก็มักจะถูกไคเจ้ากี้เจ้าการปัดให้เป็นเศษ พอทุกอย่างดำเนินไปแบบนั้นแล้ว คงไม่ต้องพูดถึงสมาชิกทั้งหมดที่เหลือ เจ้าพวกนั้นอ่ะนะหัวเราะกันท้องขดท้องแข็งชอบใจกันใหญ่เชียว

    บ่อยครั้งที่ไคชอบสะบัดสะบิ้งไว้ตัว หวงตัวกับเขา ไอ้ตอนที่อยู่หอไม่เท่าไร แต่เมื่อไรก็ตามที่ออกสื่อและมีกล้องจับจากทุกทาง ซูโฮรู้ว่าสิ่งที่ไคปฏิบัติต่อเขามันไม่ได้อยู่ในความสนใจของพวกสื่อมวลชนมากนักหรอก เขาจึงไม่จำเป็นต้องสนใจหรือว่าแคร์ในเรื่องของภาพลักษณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไคที่ซูโฮเองรู้สึกเป็นกังวลลึกๆอยู่ในใจ หากแต่เหล่าบรรดาแฟนคลับล่ะ จะมองว่าอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ก็ในเมื่อมันมีทั้งภาพและคลิปกระจายให้เห็นอยู่ถมเถ ขนาดตัวเขาเองยังเคยเห็นเลย

    ซูโฮไม่ได้อยากคิดอะไรมาก ก็เพราะว่าเท่าที่เห็น เขาก็เห็นว่าไคทำมันพร้อมกับหัวเราะราวกับมีความสุขไปด้วย แต่ก็นะ...บ่อยๆเข้ามันก็เสียเซลฟ์เหมือนกันนี่นา ก็ทีกับคนอื่น...เซฮุน คยองซู แบคฮยอนงี้ เด็กขี้เซาอย่างไคก็ไม่เห็นทำเหมือนกับที่ทำกับเขาเลย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะบอกแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะน้อยใจ แต่แค่รู้สึกนิดๆ แค่เรื่องเสียความมั่นใจในช่วงเวลานั้น พอมันผ่านไป...เขาก็ลืมรวมทั้งเดินเข้าหาน้องจนในที่สุดก็ได้การตอบสนองกลับมาในรูปแบบเดิมๆ

     

    และถ้าให้นิยามก็คงต้องบอกว่า...ซูโฮไม่เข็ด

    ก็ไม่รู้จะทำยังไงหรือจัดการยังไงกับความรู้สึกพวกนี้ บางทีเขาก็รู้สึกนอยด์ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล...แต่ในอีกใจหนึ่งเขากลับรู้สึกตื่นเต้นและสนุกดีด้วยซ้ำ

     

    และ...

     

    ถ้าจะมีใครสักคนที่แปลกคน ...เห็นทีว่าจะต้องเป็นเขานี่แหละมั้ง ที่ชอบพาตัวเองไปให้น้องกระทำ(?)

     

     

    “แขนนายฟาดหัวพี่รู้ตัวมั้ย?” มือเล็กจากที่จับบ่าของไคตอนนี้กลับใช้ยกขึ้นมากำหัวตัวเองทั้งสองข้าง

    ไคลุกขึ้นมานั่ง สภาพก็เหมือนกับที่ทุกคนเคยเห็นนั่นแหละ เส้นผมที่ยาวกว่าคนอื่นๆทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วง หัวไม่ได้ยุ่งมากนัก อีกภาพที่เห็นจนชินตาก็คือมือที่ขยี้เปลือกตาไปมาโดยไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพของดวงตาเสียเท่าไร

    “อ่อ...เหรอ?” ลืมตาข้างที่มือไม่ได้ขยี้เพื่อกับพูดกับพี่ใหญ่ พอคว้าแขนได้ก็คว้าอย่างเอาแต่ใจ วินาทีที่ได้ร่างนั้นมาแนบชิด เด็กหนุ่มก็ถือโอกาสใช้อีกแขนโอบรอบเอวเอาไว้เสียเลย

    “โอ๊ยยย” ซูโฮเปล่งเสียงร้องออกไปเพราะความเจ็บจากแรงกระชากอีกครั้ง

    “ทำไมชอบเล่นแรงๆ” ใบหน้าขาวจัดขึ้นสี ก็โมโหอยู่นิดๆ แต่ก็เปลี่ยนไปเป็นเขินแทนถัดจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที พอเป็นอะไรที่เป็นอารมณ์มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมองออกไปอย่างหาเรื่องด้วยแหละ  ช่วงจังหวะหนึ่งที่เห็นดวงตาไคที่จ้องมองมา ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองพลาดเสียเผลอกระแทกเสียงถามออกไปแบบนั้น

    “ผมแค่อยากรู้ว่าพี่เจ็บมากมั้ย?” มือที่เคยจับแขนเปลี่ยนมาเป็นจับศีรษะของคนอายุมากกว่าแทน

    คนตัวเล็กได้แต่นั่งนิ่งๆ ก้มหน้าอีกทั้งยังเม้มริมฝีปากแน่น เขาอายุมากกว่าไคสามปี ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าพี่น้องร่วมวง แล้วมันสมควรแล้วหรือไงที่ยอมให้น้องมาจับหัวเล่นหัวกันง่ายๆแบบนี้

    แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละ...เขาจะไปกล้าอะไร กลัวว่าน้องจะไม่พอใจด้วยซ้ำที่อยู่ๆเขาก็ขึ้นเสียง

    “ก...ก็เจ็บ...แต่ว่าตอนนี้หายแล้ว”

    “อืม” นิ้วมือเรียวของไคกำลังม้วนเส้นผมสีแดงของลีดเดอร์เล่นไปมา ไม่รู้ว่าสนุกมากหรือไม่และจะมีสีหน้าที่พึงพอใจมากด้วยมั้ย ซูโฮก็ไม่รู้เพราะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง เขารู้แค่ว่าแขนแข็งแรงข้างเดิมยังคงรัดรอบเอวเอาไว้อยู่อย่างนั้น และมันก็ทำให้ร้อน ร้อนมากทั้งร่างกาย ซูโฮรู้สึกเหมือนคนกำลังเป็นไข้เลยด้วยซ้ำ

    “ไปเตรียมตัวได้แล้วไค”

    “อ่อ” ไคตอบรับให้พอรู้ว่าตัวเองรับรู้แล้ว ก่อนจะคลายมือออกจากร่างของพี่ชายตัวเล็ก ในตอนที่รู้สึกถึงอิสระ ซูโฮจึงค่อยๆเขยิบออกห่างน้องและพยายามช้อนสายตาขึ้นมองก็พบว่าไคลุกขึ้นไปแล้วเดินออกไปข้างนอกโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเขาอีก

    ซูโฮเบิกตาโตแล้วนั่งนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น...ทั้งมึน งง และสงสัย ไคไม่เคยปฏิบัติต่อเขาราวกับมีมาตรฐาน เหมือนจะเอาแต่ใจตัวเองมากกว่า ตามอารมณ์รวมทั้งไม่เคยแคร์ วันไหนอยากกอดก็กอด อยากยิ้มอยากหัวเราะใส่ก็ทำ วันดีคืนดีก็ผลักไสเล่นบ้างจริงบ้าง ซูโฮก็แทบจะแยกไม่เคยออกเลย

    แต่นั่นมันไม่สำคัญเลย เรื่องสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่าเขาจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงต่างหาก ...ถ้าพบว่าสิ่งที่ตัวเองคิดรวมทั้งรู้สึกมาตลอดเกี่ยวกับความรู้สึกของไคที่มีต่อเขาเป็นเรื่องจริง

    เหมือนจะมีปัญหาระหว่างเขากับรองน้องเล็ก แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เพราะว่าเขาเป็นลีดเดอร์ แม้จะไม่จำเป็นที่จะต้องแบกรับในทุกๆเรื่องของสมาชิก แต่ทว่าในเรื่องที่รู้สึกเองรวมทั้งเกี่ยวข้องกับตัวเองโดยตรงแบบนี้แล้วล่ะก็มันจะสามารถปล่อยผ่านไปได้อย่างไร

    ยิ่งนานวัน...แม้จะพยายามไม่คิดแต่มันก็รู้สึกได้อยู่ดีว่าปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า...น้องไม่ชอบเขา

    แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นเพราะอะไรและเกิดขึ้นได้ยังไง เรื่องงานหรือว่าเรื่องนิสัยส่วนตัวกันแน่

    เขาเคยเป็นกังวลในเรื่องนี้ถึงขนาดเคยไปนั่งถกปัญหานี้กับทั้งคยองซูและเซฮุนมากกว่าหนึ่งครั้ง เขาไม่อยากให้น้องเกลียด ไม่อยากให้น้องไม่ชอบแล้วไหนจะกังวลว่าบรรดาแฟนคลับจะมองความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นยังไง ซูโฮแคร์และไม่อยากให้แฟนคลับไม่สบายใจหากพบว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามีปัญหา ไม่ต้องการแม้เพียงแต่จะให้รู้สึกระแคะระคายใจเพียงสักนิดก็ไม่อยากเลย

    นี่ถือว่าเขาเป็นคนที่มีความอดทนมากนะ เพราะถ้าเป็นคนอื่นถ้าเริ่มรู้สึกได้ว่ามีใครอีกคนที่ไม่ชอบในตัวเรา คนเราก็มักจะมีเกราะป้องกันตัวเองไม่ให้เข้าไปยุ่งกับคนคนนั้นอีก

     

    แต่ซูโฮทำแบบนั้นไม่ได้...

    เขาเลยได้แต่พยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้น...กระนั้นตัวแปรทั้งหมดมันก็ไม่ได้อยู่ที่เขาเลย มันอยู่ที่ไคต่างหากว่าจะเอายังไง

     

    เพราะบางทีเขาก็รู้สึกเบื่อเหมือนกันน่ะแหละ

     

    วันนี้...หลังจากทำหน้าที่ปลุกไคเสร็จเขาก็เลยพยายามไม่เข้าไปวุ่นวายเจ้ากี้เจ้าการกับเด็กนั่นมากนัก ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง และก็อย่างที่บอกว่าเขาเองก็เบื่อเหมือนกัน เพราะฉะนั้นในวันที่มีงานรวมกับยูนิตเอ็ม เขาย่อมมีทั้งเพื่อนทั้งน้องเพิ่มขึ้นให้ต้องดูแล จึงดูไม่น่าแปลกเลยหากเขาจะสนใจไคน้อยลง

    ซูโฮสามารถทำเป็นตัวติดกับคริสก็ได้ คุยเล่นกับจงแด เล่นกับลู่ฮานหรือไม่ก็เทาโดยที่ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงไค แต่จะหลีกเลี่ยงให้ได้ทั้งหมดก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นได้ยากอยู่ดีเพราะตำแหน่งในการยืนนั้นมันไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่ยืนข้างไคได้ เท่านั้นไม่พอ ถ้าไม่ยิ้มก็ไม่ได้อีก

    ลีดเดอร์ซูโฮก็เลยทำได้แค่ยิ้มสู้แสงแฟลชจากกล้องจากทุกทิศทุกทางจนเหงือกแห้งเพียงเท่านั้น

     

    และมันก็ราบรื่นดี ถ้าไม่จำเป็นต้องบอกกับน้องว่าควรยืนตรงไหนหรือจัดการกับตัวเองยังไงในยามที่กล้องจับหรือแม้กระทั่งตอนรับรางวัล ซูโฮก็ไม่มีการเล่นหรือเข้าไปหยอกล้ออะไรกับไคทั้งที่ปกติมักจะทำ

    ทุกอย่างดำเนินไป...โดยที่ไม่มีใครเอะใจในเรื่องอะไรเลย

     

    จนถึงกระทั่งตอนเอนดิ้ง

     

    ในตอนที่ศิลปินกว่าหลายสิบชีวิตเดินกันเต็มเวที สวนกันไปมาจนหัวแทบจะชนกันโดยที่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครนัก ซูโฮถึงเริ่มรู้สึกว่าไคมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆเขา มันมากเกินไปกว่าปกติด้วยแหละ ซูโฮที่เห็นก็เลยกำลังจะเดินหนีไปอีกทางแต่พอเห็นใบหน้าบึ้งๆของน้องก็อดไม่ได้ที่จะเอามือไปแตะทั้งที่ก่อนหน้านั้นในหัวไม่ได้มีความคิดพวกนั้นอยู่เลย ซูโฮเพียงแค่อยากให้เด็กเอาแต่ใจตัวเองรู้สึกเสียบ้างเมื่อไม่มีเขามาคอยตามเอาใจ แต่เชื่อว่าถึงตอนนี้ไคก็คงยังไม่รู้สึกและกำแพงความตั้งใจเตี้ยๆของเขาก็พังทลายไปหมดแล้วด้วย

    เหมือนรอโอกาส...พอซูโฮเริ่มต้นทำเท่านั้นแค่นั้นแหละไคก็โผเข้ากอดเขาทันที กอดไม่พอยังพาหมุนเหวี่ยง เขากำลังจะปั้นหน้าให้บึ้งตึงแข่งกับน้อง แต่เพียงแค่ซูโฮพบว่าไคพาตัวเองเข้าสู่อ้อมกอดจนหมุนไปแล้วจนจะครบสองรอบนั่นแหละ เขาก็รู้สึกหวิวในใจจนเกือบจะยิ้มออกมา ก็อย่างนี้ทุกที ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าเขากำลังพยายามที่จะทำเป็นไม่สนใจหรือลองทำเป็นไม่ชอบน้องดูบ้าง ซูโฮมักจะหายจากอาการต่างๆก่อนทุกพร้อมทั้งยิ้มหน้าระรื่นก่อนที่ทุกคนจะเริ่มเอะใจ ยิ่งถ้าเป็นตัวการอย่างไคด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางที่จะรู้

    จังหวะที่กำลังจะคลายอ้อมกอดออกจากกัน และมือของเขากำลังไล้ลงต่ำมาเรื่อยๆจนถึงเอวน้อง ช่วงจังหวะที่กำลังจะทิ้งแขนให้ตั้งฉากไปกับพื้น อีกฝ่ายกลับยังไม่ยอมปล่อย ไคใช้แขนข้างเดิมคว้าคอของซูโฮเอาไว้ ก่อนจะยกอีกข้างขึ้นมาโอบรอบคอของลีดเดอร์ตัวเล็กแน่น และเพราะหมั่นเขี้ยวหรืออะไรไม่รู้ อยู่ๆ ไคก็กดจมูกเข้ากับเรือนผมของเขา

    ซูโฮถึงกับช็อค!

    เหมือนเจ้าตัวจะรู้ด้วยนะว่าทำอะไรลงไป เพราะหลังจากที่เขารู้สึกได้ว่ามันคือการหอม ซูโฮก็รีบพยายามที่จะดึงศีรษะออกมาเพื่อมองดูปฏิกิริยาของฝ่ายกระทำ แต่ไคกลับยังไม่ยอมปล่อยแขนที่ล็อคเอาไว้ กอดเอาไว้อีก หมุนอีกรอบราวกับทำมันกลบเกลื่อนและไม่ต้องการให้เขาถามอะไร แล้วก็ใช้จังหวะในช่วงที่เขายังตกใจผละเดินหนีออกไป

    เพราะว่าตกใจเขาก็เลยยังยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่ก็พยายามที่จะมองสำรวจปฏิกิริยาน้องไปด้วย แล้วเขาก็พบว่าสิ่งที่ไคกำลังทำอยู่ตอนนี้ที่เขามองเห็นเหมือนจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากให้เขาถามถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นอีก ทั้งการที่ไม่มองมาที่เขาอีกแล้วไหนจะการจัดเสื้อที่อยู่บนตัวการ ชุแขนขึ้นสองข้างเหมือนจะบิดขี้เกียจ

     

    ไม่แน่ใจว่าอาการแบบนั้นเรียกว่าเขินได้หรือไม่นะ...

    แต่ซูโฮก็อยากที่จะสรุปแล้ว

     

    หลังจากนั้นซูโฮก็เลยทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ ปกติในแบบที่เขาเคยทำกับไค โดยไม่พูดถึงเรื่องนั้น เดินเข้าหาไคแล้วพาน้องโบกมือไปมาให้แฟนๆ ทำราวกับไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เรื่องที่อยู่ดีๆตัวเองก็ถูกขโมยหอม ทั้งที่ในใจน่ะ...โคตรคิด

    เดายากนะไคน่ะ แต่เขาก็พอจะรู้ว่าทำไมน้องดูมีท่าทีเหมือนจะเขิน กับคนที่ไม่เคยแสดงออกและยิ่งต้องแสดงออกในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเคยชิน พอจะทำมันแต่ละทีก็เลยยากอย่างนี้ ด้วยความไม่ถนัดก็เลยไม่รู้ว่าจะออกมาดีหรือเปล่า พอไม่มั่นใจก็เลยพลอยทำให้รู้สึกเคอะเขิน

     

    แต่เขาก็ชอบนะ

     

    เวลาที่เป็นแบบนี้...คิมจงอินก็น่ารักดีนะ

     

     

    ลีดเดอร์ตัวเล็กฝั่งเคเป็นคนแรกที่เดินมาที่รถ ซูโฮเปิดท้ายรถตู้เพื่อเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าที่ทีมงานเตรียมมาไว้สำหรับให้พวกเขาเปลี่ยน ยังไม่ทันเรียบร้อยดีเขาก็พบว่ามีอีกคนตามมาและกำลังจะทำในสิ่งเดียวกัน คนตัวเล็กยิ้มให้จนดวงตาหยิบหยีเมื่อพบว่าคนที่เพิ่งเพิ่มเติมเข้ามาคือเด็กหนุ่มที่ทำให้เขาอารมณ์ดีเมื่อครู่ ไคกำลังช่วยเขายกกระเป๋าขึ้นรถสต๊าฟอีกคันอย่างขันแข็ง

     

    ไม่รู้ว่านี่ใช่หน้าที่ของลีดเดอร์ด้วยมั้ย... แต่ซูโฮก็จัดการมันสองคนกับไคเสียจนเรียบร้อยหมดแล้ว...

     

    “พี่ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?”

    “ฉันทำทุกอย่างเท่ากับนาย...ถ้านายบอกว่าเหนื่อยฉันก็คงต้องเหนื่อยเหมือนกัน” ซูโฮยิ้มให้แผ่นหลังของอีกคนหลังจากที่เขาถอยหลังออกมาเพื่อยืนรอให้ไคปิดประตูหลังของรถตู้

    “พี่เหนื่อย” ไคเป็นคนพูดเองและก็หัวเราะเอง

    “งั้นก็แสดงว่านายเหนื่อย” คราวนี้ก็เลยมีเสียงหัวเราะใสกังวานของซูโฮประสานเข้าไปด้วย

    “ขอโทษที่ทำให้พี่เหนื่อย” ไคมองหน้าเขา เสี้ยวหนึ่งที่เขามองเห็นเหมือนกับว่า ซูโฮกำลังเห็นไคกำลังรู้สึกผิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจริงๆ เสียงหวานก็เลยเลือกที่จะพูดด้วยประโยคติดตลกขึ้นมา

    “บ้า...นี่เชื่อจริงๆหรือไง นายคิดว่าฉันจะเหนื่อยเพราะแค่ว่านายบอกว่าเหนื่อยเท่านั้นอ่ะนะ ตลกเกินไปแล้วล่ะไค”

    “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก...มัน...” แล้วไคก็พูดอะไรออกมาต่อไปไม่ได้สักที เล่นเอาซูโฮต้องกระตุ้น เขารู้สึกได้เลยตอนนี้ว่าตัวเองกำลังตัวโตขึ้นเรื่อยๆ บางทีอาจจะสูงใหญ่กว่าคริสด้วยซ้ำละมั้ง

    ก็ดูสิ...คิมจงอินตอนนี้เหมือนจะอ่อนข้อให้กันนี่นา ถ้าซูโฮไม่เบ่งตอนนี้แล้วจะไปเบ่งตอนไหน

    “แล้วอะไรล่ะ...ขอทราบ”

    “ผมรู้ว่าพี่คิดมากเรื่องผม” ยืดได้ไม่แค่ไม่ถึงนาทีตัวก็ฟีบลงมาภายในพริบตา เขาไม่ค่อยชอบสถานการณ์แบบนี้ ไคสบตาเขาหากแต่เป็นเขาที่ไม่กล้าเองและรีบหลบตา ซูโฮไม่เคยกล้าเมื่อเข้าสู่สถานการณ์ที่ต้องเปิดใจจริงๆ เขาก็แค่กลัวว่าจะรับความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่น้องไม่ชอบเขาไม่ได้ เพราะถึงวันนั้น...ต่อให้พยายามต่อไปอีกแค่ไหนทุกอย่างก็ไม่มีวันเรียกกลับมาได้เหมือนเดิม

    “ฉันไปคิดมากเรื่องของนายตอนไหนกัน!” คนตัวเล็กเชิดหน้าแสดงออกว่ารั้นหน่อยๆ

    “ก็คยองซูฮยองบอก” ซูโฮพลาดแล้ว...เขาคิดว่าถ้าจะมีใครสักคนที่ปากสว่างก็น่าจะเป็นเซฮุนมากกว่าด้วยซ้ำ แต่นี่ดันเป็นคยองซูคนที่เขาไว้ใจสุดๆ

     

    ซูโฮใช้ฟันคมกัดลงที่ริมฝีปากล่างพลางใช้ความคิดไปด้วย

    แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ...ถึงขั้นนี้แล้ว ...ตายเป็นตาย

     

    เอาวะ!

     

    “ก็แล้วไม่จริงหรือไง?”

    “ไม่จริงเรื่อง?”

    “เรื่องที่นายไม่ชอบฉัน” แล้วจงอินก็นิ่งไป จนซูโฮเริ่มรู้สึกกลัวคำตอบขึ้นมาแล้วจริงๆ

     

    “อะไรทำให้พี่คิดแบบนั้น?”

     

    ซูโฮกรอกตาไปพร้อมกับที่ใช้สมองทบทวนไปด้วย แล้วคนผิวขาวก็พบว่าไอ้อะไรที่ไคถามถึงมันเยอะแยะเต็มไปหมดจนเขาไม่สามารถจะปะติดปะต่อออกมาให้เป็นคำพูดแล้วจะดูสมเหตุสมผลได้ แล้วไหนจะยังกังวลว่าจะโดนน้องหัวเราะเยาะเอาได้อีก เขาก็ตอบแบบพยายามเอาตัวรอดให้ได้มากที่สุด

     

    “ไม่รู้...” ร่างบางขบคิดอีกครั้ง “ฉันแค่รู้สึก”

     

    ไคถึงกับถอนหายใจเงยหน้าหาอากาศอย่างเซ็งๆ

     

    “แล้วนี่ยังคิดมากเรื่องที่แฟนคลับจะระแคะระคายว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนจะไม่ดีด้วยใช่มั้ย?” คราวนี้คนอายุมากกว่าหน้างออย่างยอมจำนน ซูโฮทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้า เพราะปฏิกิริยาของไคก่อนหน้านี้รวมทั้งคำถามที่คาดคั้นเขานั้น กำลังทำให้เขารู้สึกได้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่เขาคิดไปเองคนเดียว ซึ่งนั่นแหละเป็นความผิด

    ไคออกจะหงุดหงิดเล็กๆเมื่อเห็นว่าซูโฮพยักหน้ายืนยัน แต่เด็กหนุ่มก็พยายามระงับอารมณ์ อาการตอนนี้ที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนในตอนที่เขาได้ยินจากปากรูมเมทเกี่ยวกับเรื่องนี้ เด็กหนุ่มไม่พอใจที่อีกฝ่ายคิดเองเออเองโดยที่ไม่ยอมเปิดปากถามเขาสักคำ แล้วเป็นไง...ก็เป็นตัวเองคนเดียวที่คิดมากอยู่อย่างนี้ ถ้าถามเขาเรื่องนี้ก็คงจะจบไปแล้วตั้งนาน ไคตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าจะเคลียร์กับหัวหน้าวงในเรื่องนี้ตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาสเหมาะ

     

    ก็มีวันนี้นี่แหละ

     

    ร่างสูงพยายามทำใจให้เย็นลงเหมือนอย่างในตอนแรกที่เขาตั้งใจมาเพื่อคุย และในตอนแรกนั้นไคก็สามารถทำมันได้แล้วด้วย ตอนนี้ก็เลยไม่ใช่เรื่องยากเพราะคนที่ตัวเล็กกว่าเขาก็คงจะรู้แล้วว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้มากเท่าไรนัก เจ้าตัวถึงได้ดูหงอยๆไป

    ไคเดินเข้าไปจนชิดได้อีก และในจังหวะนั้นซูโฮก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาพอดี ดวงตาคมคายไม่ได้สนใจตาคู่สวยอีกคู่ที่ดูมีแววตระหนกขึ้นมาเล็กๆ เด็กหนุ่มเลือกที่จะหลุบดวงตามองแต่กลุ่มผมสีแดงที่อยู่ต่ำลงไป ยิ้มให้มันเล็กๆก่อนส่งนิ้วมือขึ้นมาม้วนมันเล่น

    “เลิกกังวลได้แล้ว...วันนี้แฟนคลับเขาคงรู้แล้วว่าเราไม่ได้เกลียดกัน” ซูโฮประมวลผลในสิ่งที่ได้ฟัง แต่ดูเหมือนว่าประสาทหูของเขาจะจับได้แค่คำเดียวถึงได้รีบเงยหน้าถาม

    “เรา?”

    “พี่เกลียดผมหรือเปล่าล่ะ?” ไคยิ้มใส่ตาซูโฮ คนตัวเล็กก็เลยรู้สึกเหมือนถูกสะกดจิต เพราะมันเหมือนมีบางอย่างจับให้ศีรษะของเขาส่ายไปมาในตอนนั้น

    สมองของซูโฮกำลังประมวลผลช้าลงเรื่อยๆ กว่าเขาจะสรุปว่าสิ่งที่ไคกำลังพูดให้ฟังมีความหมายว่าอย่างไร ก็หลังจากที่ตัวเองตกไปอยู่ในอ้อมแขนของอีกคนแล้ว ไคกำลังกอดเขาเอาไว้ด้วยสองแขน เป็นกอดที่ไม่ได้รัดรึงออกจะหลวมโพรกแต่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้รู้สึกปลอดภัย ยิ่งในตอนที่รู้สึกถึงแรงโยกไปโยกมาเบาๆซูโฮถึงกับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่

     

    “อย่าโง่นักเลยน่า...ถ้าสิ่งที่ทำให้แล้วไม่เหมือนกับที่ทำให้ใคร นั่นก็แสดงว่า...พิเศษ

     

    ซูโฮไม่ค่อยเห็นด้วย คนตัวเล็กประท้วงด้วยการยกแขนที่ห้อยทิ้งขึ้นมาทุบหลังคนมั่วซั่วเบาๆ แบบนี้มันใช่ที่ไหนเล่า เขาคิดมากนะ เขากลัวว่าไคจะเกลียดเขาจะตาย

     

    “เอาความจริงมั้ย?” ซูโฮพยักหน้าอยู่บนไหล่น้อง

     

    “ผมเขินน่ะ...ก็มันไม่รู้จะแสดงออกยังไงนี่นา” ร่างเล็กถึงกับหัวเราะคิกออกมาเพราะไม่ค่อยเห็นไคในมุมนี้ ...เขาถึงบอกไงว่ามันน่ารักเวลาที่ไคเป็นแบบนี้

     

    แล้วทุกอย่างก็เงียบไป...มีแต่เสียงหัวใจเท่านั้นที่ดังประสานกัน

     

    “จุนมยอน...” ไคเป็นคนทำลายความเงียบพวกนั้นอีกครั้ง คนตัวเล็กอดยิ้มออกมาไม่ได้พบว่าน้องเรียกเขาด้วยชื่อที่ไม่ได้ยินมานานแล้วตั้งแต่เดบิวต์

     

    “หืม”

     

    “ที่นี้รู้แล้วหรือยัง?”

     

    “อื้ม...รู้แล้ว”

     

    “รู้ว่า?”

     

    “ก็รู้ว่าความจริงแล้วนายไม่ได้ไม่ชอบฉัน”

     

    “หวังว่าแฟนคลับของพวกเราจะรู้และเข้าใจด้วยนะว่าคนที่เกลียดกันเขาไม่กอดไม่หอมกันหรอก”

     

    “....”

     

    “แล้วถ้าพี่ยังคิดมากในเรื่องนี้อีก...ผมก็จะทำมากกว่านั้น” ไคเปลี่ยนมือที่กอดร่างเล็กของพี่ชายเอาไว้เป็นจับไหล่ไว้ทั้งทั้งสองข้างเพื่อจะดึงอีกร่างให้ออกห่าง เด็กหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนคนอายุมากกว่าต้องหลับตาปี๊ ซูโฮพยายามจะเอนกายหนีเพราะถ้ายังคงยืนอยู่นิ่งๆงานนี้ไม่รอดแน่

     

    “อย่านะจงอิน”

     

     

    เห็นอาการของลีดเดอร์แล้วรองน้องเล็กก็ได้แต่หัวเราะ ไคยืดตัวกลับมายืนในท่าทางปกติ แม้จะเสียดายแต่เขามีอะไรที่เด็ดกว่านั้นที่อยากจะทำ

     

     

    “ผมไม่จูบพี่ตรงนี้หรอก...ผมจะทำมันต่อหน้าคนอื่น ...เพราะไม่ใช่พี่คนเดียวที่จะรู้ แต่คนทั้งโลกก็จะรู้ไปพร้อมกันว่าผมรัก รักและไม่เคยเกลียดลีดเดอร์เลย”

     

     

    END.

     

     

     

    TALK

     

     

    สั้นๆคั่นเวลา ฮิฮิ

    ทุกคนคะ... คือเค้าไม่ไหวกับไมโล (มันคือไคโฮนั่นแหละค่ะ ฮา) ความจริงก็ไม่ไหวว่ามันตั้งนานละ ==’ แต่เพราะไคโฮเป็นคู่ที่น่าสงสารพลอตที่คิดออกมีได้แค่ไม่กี่แบบ (หรือไม่พยายามจะคิดเองก็ตามแต่(?)) พอดี งาน GDA มันก็นะ... ทุกคนเห็นแล้วใช่มั้ยค้าบบบ อ้ากกกกกก #สติแตก เป็นคู่แรกที่เค้าชิปตั้งแต่แรกที่ชอบเอ็กโซและพยายามอย่างมาก กรอกหูน้องไคอย่างถึงที่สุดว่าขอแบบดีๆให้พี่ชื่นใจหน่อย แล้วก็เพิ่งมาได้ ฮือออ สบโอกาสกับที่อยากแต่งพอดีก็เลยจัด ก็สั้นๆพอเป็นกระสัยละกันเนอะ มากมายไปมันจะไม่ดี

    โฮฮฮฮฮฮฮ

    ขออนุญาตแทรกลงไปในเฟิสคริส เพื่อที่จะได้เป็นการเตือนว่าเมิงยังแต่งเรื่องนี้ไม่จบ - -

    (แต่ความจริงคือเค้าไม่อยากขึ้นเรื่องใหม่ด้วยล่ะ แฮ่ๆ)

    #ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าฮะ! *กราบที่อก*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×