คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : Krisyeol Miniseries: Chanyeol’s story2
Krisyeolminiseries:Chanyeol’s story
Chanyeol at University.2
****เนื้อหามีถ้อยคำหยาบคาย เตือนแล้วนะจ๊ะJ****
หลังจากวันนั้น
ไอ้พี่คริสก็เริ่มเสนอหน้าแวะมาห้องผมบ่อยขึ้น บางทีก็ไปเล่นที่ห้องเพื่อนชั้นบน
แต่ก็ไม่วายแวะเวียนมาทักทายผมอยู่บ่อยๆ บางทีก็ซื้อขนมมาฝาก
บอกว่าถือว่าเป็นการเทคน้องต่างสาขาละกัน
ทุกวันดูผ่านไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
จนอาทิตย์ที่เด็กปีหนึ่งจะต้องเตรียมตัวเข้ารับเข็มประดับไทด์...
จู่ๆผมก็ไม่สบายก่อนวันงานจริงสองวัน...
“
กูว่ามึงนอนพักเหอะ ชิบหายล้มกลางงานไม่มีใครแบกมึงไหวหรอกนะ ตัวเท่าควาย”
จงแดเดินมาวางข้าวต้มกับยาให้กับผมที่นอนแผ่หลามีแผ่นคูลฟีเว่อร์แปะเด่นอยู่กลางหน้าผาก
“
เออหน่า กูหายทันพรุ่งนี้แน่นอน กูไม่ตายง่ายๆหรอก” ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า จริงๆผมมีเรื่องเล่านะ....
แต่ขี้เกียจ....
รู้ว่ากำลังด่าผมกันอยู่ล่ะสิ...งั้นเล่าก็ได้
ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน....
บอกก่อนว่าพื้นเพ ผมเป็นคนมีเซ้นส์ เซ็นส์อะไรก็น่าจะเดากันได้นะ...นั่นแหละเอาเป็นว่า ถ้าผมประสบหรือพบเจอเรื่องทำนองนั้นเมื่อไหร่ ผมจะไม่สบายทันที ก็อย่างว่าแหละเคมีคงไม่เข้ากัน ล่ะมั้ง....
ผมจำได้ว่าตอนที่พ่อกำลังขับรถมาส่งผมที่ท่ารถ ผมก็ดันเห็นในสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นถึงสองครั้งติดกัน จะถามพ่อว่าเห็นเหมือนกันมั้ย ก็เกือบลืมเพราะคนโบราณเค้าถือว่าห้ามทัก ผมจึงได้แค่เงียบมาตลอดทาง พอกลับมาถึงมอก็เป็นอย่างที่เห็น ไข้แดกมาสามวันละ ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายซักนิด แต่ด้วยความที่สปิริตสูงไง...พิธีนี้ก็เป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ ครั้งนึงในชีวิตผมก็แค่อยากรับมันด้วยความภาคภูมิใจในมหาลัยของตัวเอง...และแล้วมันก็มาถึง
วันงานพิธีมอบไทด์ประดับเข็ม.....
“
ชานยอลมึงไหวแน่นะ...”
“หน้าซีดเลยมึง
ไม่ไหวก็สะกิดกูละกัน...”
“กูสลับที่กับไอ้มยองซูละ
เผื่อมึงหงายเงิบมาข้างหลังกูจะได้รับทัน..”
และอีกหลายประโยคของเพื่อนๆที่ถาโถมเข้ามา
ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มรับในความหวังดีของพวกมัน..
ผมเห็นพี่คริสอะไรนั่นมองมาทางผมอยู่เป็นระยะ
แต่ไม่ได้เข้ามาทักทายหรือถามไถ่อะไรมาก เพราะพี่มันเป็นประธาน
เลยวุ่นวายอยู่กับงานในพิธี
พิธีดำเนินไปเรื่อยๆ
ความศักดิ์สิทธิ์ ความขลังของพิธีที่ผมได้สัมผัสทำให้ผมขนลุกซู่ ไอร้อนจากภายในกระจุกกองรวมกันอยู่ตรงใบหน้า
ทั้งที่เหงื่อออกแต่ร่างกายผมสั่นสะท้านราวกับว่าผมยืนท่ามกลางฤดูหนาวที่ปารีสโดยใส่แค่เสื้อกล้ามตัวเดียว ดวงตาที่พร่ามัวและหูที่เริ่มอื้ออึง
ทำให้โฟกัสสิ่งต่างๆรอบตัวไม่ชัดเจน รู้ตัวอีกทีคือร่างกายผมกองไปอยู่บนพื้นสนามหญ้าเรียบร้อยแล้ว...
.
.
.
“
ดีขึ้นมั้ยคะ”
“ครับ”
“
ปากยังสั่นอยู่เลย ไปโรงพยาบาลกับพี่มั้ยหรือจะกลับหอ”
“
กะ...กลับหอครับ”
“งั้นรอเพื่อนมารับเนอะ”
“
ฮะ”
ผมนอนรอพวกจงแดมารับที่ห้องพยาบาลซักพัก
พวกมันก็แห่เข้ามาจนห้องพยาบาลแออัดไปเลยทีเดียว
“
เห็นมั้ยกูบอกแล้วว่ามึงไม่ไหว ยังจะเสือกมาอีก”ไอ้จงแดที่ถึงเตียงผมก่อนก็เปิดปากด่าคนแรก
“กูบอกมึงให้ล้มมาข้างหลังๆ
กูจะได้รับได้ เสือกล้มเหี้ยอะไรเอนไปข้างหน้า” ตามมาด้วยไอ้เซฮุน
..แต่เดี๋ยวนะ
คนจะล้มนี่บังคับทิศทางได้เหรอวะไอ้ห่านี่....
ผมเพลียเกินกว่าจะเถียงพวกมัน
ไอ้ไคโทรตามรุ่นพี่ที่ชื่อคยองซูเพื่อขอยืมรถไปส่งผมที่หอพัก
ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกลับไปห้องของตัวเอง
ภายในห้องจึงเหลือแค่ผมกับรูมเมทอย่างไอ้จงแดสองคนเท่านั้น
สี่ทุ่มห้าสิบนาที.......
ผมที่นอนพักอยู่บนเตียงก็รู้สึกเวียนหัวจะอาเจียน
กำลังจะอ้าปากบอกไอ้จงแดที่นอนอยู่ข้างๆก็ไม่ทัน
เหมือนมีน้ำเหม็นๆบางอย่างเอ่อขึ้นมาจนถึงคอ....
ผมรีบพุ่งตรงไปที่ชักโครก
ก่อนจะอ้วกออกมาไม่ขาดสาย
“
เชี่ย! เป็นไรวะมึง”
ไอ้จงแดที่ได้ยินเสียงผมอ้วกลั่นห้องน้ำเลยวิ่งตามมาดู
ก่อนจะใช้มือลูบหลังผมไปด้วย
“ กู
อ่อก! อ้วกก!!”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร
ก็หันกลับมาอ้วกอีกครั้ง ทุกอย่างดูเลวร้ายไปหมด
ผมปวดหัวหนักมากราวกับว่ามีคนใช้คีมเหล็กอันใหญ่บีบหัวผมเอาไว้
ผมผละออกจากโถชักโครก ก็เอามือกดหัวทั้งสองข้างก่อนจะร้องออกมาอย่างทรมาน
“ไอ้เหี้ย!! โอ๊ย!!
ช่วยกูด้วย กูไม่ไหวแล้ว!” ผมนั่งลงพิงกำแพงห้องน้ำ
สองมือทึ้งอยู่ที่หัวพยายามบีบเพื่อให้มันคลายความเจ็บปวดได้บ้าง
น้ำตาแห่งความทรมานไหลเต็มสองแก้ม
จงแดที่ยืนอยู่ก็ลนลานหาโทรศัพท์ติดต่อคนอื่นเพื่อให้มาช่วยผม
ผมร้องไห้ไปปากก็ร้องเรียกถึงป๊ากับม๊าราวกับคนเพ้อละเมออยู่ วินาทีต่อมานอกเหนือจากปวดหัวแล้ว
มีเสียงเล็กแหลมคล้ายเสียงเครื่องวัดชีพจรเมื่อคนสิ้นลมจะเป็นเสียงตี๊ดยาวๆสอดแทรกเข้ามาในหูจนผมต้องเอามือมาทาบทับไว้เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงบ้าๆพวกนั้น
ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
เหมือนผมหลุดออกจากโลกรอบตัวแล้วถูกกลืนเข้ามาอยู่ในห้วงแห่งความทรามาน ทั้งปวดหัว ทั้งแสบแก้วหูไปหมด
น้ำตาผมไหลพรากราวกับว่าไม่กลัวมันจะแห้งเหือดไป
จงแดกับเซฮุนช่วยกันพยุงผมขึ้นมานอนบนเตียง
ส่วนไคก็กำลังโทรศัพท์อยู่
ทุกอย่างดูวุ่นวาย....
ผมใช้หมอนอุดใบหน้ารวมทั้งหู
เพื่อหลบหนีจากความทรมาน ผมไม่รู้ว่าภายในห้องตอนนี้มีใครอยู่บ้าง
เสียงทุกคนดูเครียดและกำลังตกลงเรื่องจะพาผมไปโรงพยาบาลอย่างไร
ผมดิ้นทุรนทุราย
ร้องไห้อย่างไม่อายสายตาใครๆ
ทั้งผ้าห่มทั้งหมอนถูกผมยกขึ้นมาอุดหน้าและหูของตัวเอง
ในตอนนั้นมีมือคู่หนึ่งจับขาผมไว้เพื่อให้หยุดดิ้น
เสียงของใครคนหนึ่งที่หลุดเข้ามาโสตประสาทพร้อมกับฝ่ามือที่พยายามแย่งหมอนออกจากใบหน้าของผม
“
ชานยอล...ชานยอลได้ยินพี่มั้ย อย่าเอาหมอนปิดแบบนั้นเดี๋ยวหายใจไม่ออกนะ
ชานยอลใจเย็นๆนะพี่อยู่ตรงนี้นะครับ”
น้ำเสียงที่อ่อนโยน
เสียงของพี่คริส.....
นั่นคือเสียงที่ผมได้ยินก่อนที่ทุกอย่างจะวูบดับไป.....
.
.
.
TBC.
Talk: เมื่อยตัวมาก นั่งแช่นานเกิน555555555555 อยากรู้ฟีดแบ็คของเรื่องอ่ะ คือ..คือนี่คือฟิคไงไปๆมาๆทำไมกลายเป็นระทึกขวัญแทน55555555555 ก็บอกแล้วว่าเอามาจากเรื่องจริง แต่ละตอนจะเป็นพาร์ทแต่ละช่วงเวลาที่เกิดขึ้นของไรท์เอง
ถ่ายทอดผ่านตัวละคร หากไม่ถูกใจก็บอกได้
ถ้าเนื้อเรื่องมันน่าเบื่อไปก็ติชมกันได้นะครับผม ละจะรับกลับมาต่อนะครัช//ปาใจไปรัวๆๆ
ความคิดเห็น