คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : Krisyeol Miniseries: Chanyeol’s story3
Krisyeolminiseries:Chanyeol’s story
Chanyeol at University.3
****เนื้อหามีถ้อยคำหยาบคาย เตือนแล้วนะจ๊ะJ****
ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อตอนที่โดนพยุงลงมาข้างล่างหอ
นี่ไม่ใช่ฟิควัยใสที่จะโดนอุ้มตามที่เคยลงหน้าแผงหนังสือ แต่มันคือเรื่องจริง
เรื่องจริงที่ว่าขนาดตัวผมและคนอื่นๆนั้นมันไล่เลี่ยกัน
จึงทำได้แค่หิ้วปีกพยุงกันลงมา แต่ด้วยความที่พี่คริสนั้นตัวใหญ่กว่าผมเล็กน้อยและอีกฝั่งคือไอ้เซฮุนที่ตัวเล็กกว่าผม
ทำให้ผมต้องทิ้งตัวไปทางของพี่คนโต
พี่มันก็สอดแขนประคองเอวผมไว้แล้วพยุงลงมาอย่างทุลักทุเล
เพิ่งรู้สึกว่าชั้นสามมันช่างยาวนานก็วันนี้นี่เอง....
ผมยังคงร้องไห้ต่อเพราะอาการเริ่มกำเริบเมื่อผมได้สติอีกครั้ง
เสียงหวีดร้องไปทั่วตึกทำให้หลายๆคนสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ชั้นล่างสุดมีพี่ผู้ชายสองคนตัวใหญ่ยืนอยู่
เห็นพี่คริสพูดอะไรซักอย่าง พี่คนตัวใหญ่ล่ำบึกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาผม
“สภาพนี้เดินไปขึ้นรถไม่ไหวแน่ว่ะ”
เค้าหันไปพูดกับพี่คริส
ก่อนจะมองหน้าผมอีกครั้ง
“พี่ขอโทษนะน้อง” พูดจบ
ร่างของผมก็ลอยหวือขึ้นสู่อ้อมแขนแกร่งของพี่คนนั้น โดยมีพี่คริสช่วยประคองหลังให้
เพราะตัวผมไม่ใช่เล็กๆ ผมที่ปวดหัวก็ทั้งดิ้นทั้งร้องลั่น
กว่าจะถึงรถยนต์ของพี่เค้าก็เล่นพี่แกหอบใหญ่อยู่เหมือนกัน
“คริส
มึงเข้าไปรับน้องข้างในรถดิ” พี่คนที่อุ้มผมสั่ง แล้วอุ้มผมเข้าไปข้างในรถ
โดยมีพี่คริสประคองอยู่ข้างใน
มือใหญ่พยายามปัดเส้นผมที่ปรกปิดหน้าของผมให้พ้นๆไปด้านข้าง
แล้วช้อนหัวผมให้นอนพิงที่ไหล่กว้างนั้นไว้ แขนยาวอีกข้างตวัดโอบผม แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป
โดยพี่ผู้ชายอีกคนขับ แล้วคนที่อุ้มผมนั่งเบาะข้างหน้าคู่คนขับ
ไม่มีเสียงพูดใดๆ
แข่งกับเสียงร้องไห้ของผม
ผมได้แต่นั่งสะอื้นจมอยู่ในอ้อมอกของคนที่ตัวโตกว่า
พี่มันก็มีหน้าที่ลูบหัวปลอบประโลมไปตลอดทาง
เมื่อถึงโรงพยาบาล ผมถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินโดยที่คนอื่นๆนั่งรออยู่ด้านนอกเพื่อรอฟังผลอาการของผม
ผมถูกยึดด้วยบุรุษพยาบาลสองคนก่อนที่พยาบาลจะเอาเข็มฉีดยามาฉีดที่หัวไหล่ของผม
ผมจึงสงบลงด้วยฤทธิ์ยา
ภาพรอบตัวเริ่มเลือนราง สิ่งที่ผมเห็นครั้งสุดท้ายคือใบหน้าพี่คริสที่โผล่เข้ามาในห้องฉุกเฉิน
แล้วทุกอย่างรอบตัวผมก็ดับมืดไป
“อึก...”
แสบตา.........
“ตื่นละเหรอมึงอ่ะ
ชิบหายหลับเหี้ยไรวันนึงเต็มๆ กูนึกว่าจะต้องไปจับกบจับเขียดมาจุมพิตมึงซะละ”
เสียงบ่นของรูมเมทผมดังขึ้น ไอ้จงแดเดินมายืนข้างเตียง
ก่อนจะส่งน้ำมาให้ผมจิบอย่างรู้งาน
“กูจะได้ออกจากโรงบาลเมื่อไหร่”
“ถ้าวันนี้มึงดีขึ้นแล้วน้ำเกลือหมดก็กลับได้แล้ว”
“แล้ว...”
ก๊อกๆ
ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ เสียงเคาะประตูแรกของวันก็ดังขึ้น ผมขมุบขมิบปากแบบไม่มีเสียงถามไอ้จงแดว่าใครมันก็ส่ายหัวกลับมาเป็นคำตอบก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“อ้าว ฟื้นละเหรอ เป็นไงบ้าง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนำก่อนจะตามมาด้วยร่างสูงในชุดสบายๆธรรมดาแต่ดันดูดีเมื่ออยู่บนเรือนร่างสูงสง่านั่น
คนบ้าไรวะแค่เสื้อยืดก็ยังดูดี
“ก็ดีขึ้นแล้วครับ” ตอบปัดๆแล้วหันข้างมาบึนปากอย่างหมั่นไส้
คิดว่าหล่อแล้วจะทำให้คนอื่นใจสั่นเล่นได้ง่ายๆแบบนี้หรือไง
บ้าไปแล้ว เฮอะ!
“เอ้อ มึงต้องไปเรียนหนิ
ยังไงทางนี้กูดูต่อเอง มึงไปเถอะ” คริสหันไปคุยกับจงแดเป็นนัยๆ
เพื่อให้อีกคนรู้ตัว ซึ่งอีกคนก็ตอบรับได้ทันควัน
“ครับเฮีย ผมฝากมันด้วยนะ
กูไปก่อนนะมึงตอนเย็นๆกูจะเข้ามาพร้อมกับพวกไอ้ฮุนนะ”
ไอ้จงแดหันมายิ้มหวายหยดก่อนจะสะบัดตูดชิ่งออกไป
“อ่าวเฮ้ย!
เดี๋ยวดิ...”
ปึง!
ไปแล้ว....
มันทิ้งกูไปแล้ว....
แล้วทิ้งให้กูอยู่กับไอ้พี่หน้าหล่อนี่สองคนเนี่ยนะ มันกำลังคิดอะไรอยู่ ไปไว้ใจเขาได้ไง
“ไงเราอ่ะ คิดอะไรอยู่หน้านิ่วเชียว
กินไรหน่อยมั้ย พี่ซื้อข้าวต้มมา” พี่มันเดินเข้ามายืนข้างเตียงพร้อมชูถุงข้าวต้มที่ซื้อติดมาขึ้นให้ดู
แต่ขอโทษนะ....
“ผมไม่ชอบกินข้าวต้ม”
“ทำไมล่ะ คนป่วยก็ต้องกินข้าวต้มสิ” พี่มันเลิกคิ้วสูงขึ้น
“แล้วไงก็ผมไม่ชอบ” เออ
คนไม่ชอบกินนี่ก็บังคับจังวะ
“ไม่ชอบเพราะพี่เป็นคนซื้อมาหรือเปล่า...”ใบหน้าหล่อหลาหม่นลงพร้อมกับลดมือที่ถือถุงข้าวต้มนั่นลงด้วย
“เฮ้ย!
เปล่าพี่ผม...”
ชิบหายละไง กูไม่แดกอ่ะเข้าใจป่ะ?
กูแดกข้าวต้มไม่เป็นโว้ยยย!!
“เอาเถอะ
พี่คงจะวุ่นวายกะเรามากเกินไปพี่ขอโทษนะที่..”
ประชัดนักใช่มั้ย..
“เออกินก็ได้วะ!” หลับหูหลับตาตะโกนปัดๆไป
หันมามองหน้าที่ตอนแรกจะเบะปากเป็นเด็กอนุบาลสามขวบเปลี่ยนเป็นยิ้มแฉ่งในพริบตา
ชั่วร้ายจริงๆ
“ยิ้มอะไรเล่า
เทใส่ถ้วยดิจะให้เอาหลอดเจาะดูดหรือไง” จะยิ้มจะเงิงแห้งหรือไง
จะโชว์เหงือกสีชมพูสุขภาพดีให้ดูว่างั้นเถอะ
“ครับๆจะทำให้เดี๋ยวนี้แหละครับ”
พูดเสร็จร่างสูงก็ลุกขึ้นไปจัดแจงเอาข้าวต้มใส่ถ้วย
รินน้ำใส่แก้ว พร้อมกับเลื่อนโต๊ะเลื่อนสำหรับวางอาหารมาให้ ผมนั่งชั่งใจนิ่งๆ
เกิดมาชีวิตนี้บอกกับตัวเองไว้ว่าจะไม่กินข้าวต้มหรือโจ๊กอีก ผมไม่ชอบกินข้าวแฉะๆหรืออะไรเหลวๆเละๆแบบนี้ ผมกินไม่ได้
กินทีไรผมจะอ้วกออกมาทุกที
“ ต้องป้อนด้วยป่ะ” คงเห็นผมนั่งนิ่งนานเกินไป พี่คริสเลยพูดแซวขึ้นมา
ผมสะดุ้งหันมาอีกทีก็เห็นพี่มันนั่งเท้าคางอยู่ข้างเตียง รอผมยื่นมือไปหยิบช้อน
“ตลกละ มือมีกินเองได้เหอะ”
ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ
กูจะอ้วกอีกมั้ยวะ......
ขอบคุณข้าวต้มที่พี่มันซื้อมามันยังเป็นรูปเป็นร่างของเมล็ดข้าวที่สวยงาม
ผมจึงใช้ช้อนซาวๆเอาแค่เม็ดข้าวตักเข้าปาก...
อร่อย....
เออ...อร่อยว่ะ
“ นิ่งทำไมอ่ะ ไม่อร่อยเหรอ” พี่คริสหน้าถอดสีเมื่อเห็นผมนิ่งไป
“ป่าว ก็อร่อยดีหนิ”
“จริงหรอ ฮ้า~~
ชื่นใจจัง ไม่เสียแรงที่ตื่นขึ้นมาทำ” สีหน้ากับคำพูดที่ดูโล่งใจแสดงออกมาอย่างลืมตัว
“ไหนบอกว่าซื้อมา..”
มึงโกหกกูเหรอ ไอ้พี่คริส!!!
“เฮ้ย อะไรพี่ไม่ได้ตั้งใจจะโกหกนะ
ถ้าพี่บอกว่าพี่ทำเอง เราจะกล้ากินของพี่เหรอ”
ไม่ต้องทำตาปริบๆ!
มันไม่แมน!.....
“รู้งี้แล้วยังจะกินต่อมั้ยอ่ะ”
“ก็ไม่ได้แย่ซักหน่อย...”
ใช่... กูเนี่ยแหละ ดูแด๊ดแด๋ไม่แมนเลย!!!
ยิ้มทำไม....
กูเนี่ยจะยิ้มทำไม!!!
.
.
.
TBC
Talk: ขอตัดจบเพื่อให้ลูกสาวกลับไปพักหาสติสตังก่อนละกันนะ
ก่อนอื่นเราต้องขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานมากๆๆ
ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งช่วงให้นานขนาดนั้น พูดตรงๆเลยคือ เราติดเอฟวิชาหลัก
เรามีปัญหาเรื่องการเรียนจนเราต้องตัดสินใจซิ่วเข้าเรียนใหม่
ทำให้อะไรหลายๆอย่างยังไม่ค่อยลงตัว ไม่มีเวลามาอัพฟิคเลย ขอโทษจากใจจริงนะทุกคน
เราพยายามที่สุดแล้ว ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เราต้องพิสูจน์ตัวเองให้ครอบครัวเห็นถึงความพยายามเรื่องเรียนของเรามากขึ้น
แต่เราสัญญาเลยว่าจะไม่หายไปนานขนาดนี้อีกแล้ว ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกันนะ ^3^
ความคิดเห็น