ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ LOUDER ] YOU ARE MY RISK. {HUNSUN/ETC.}

    ลำดับตอนที่ #3 : #RISK | 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 231
      2
      6 เม.ย. 61

        

    LOUDER







    RISK -2 | Meet again.





    "เเค่ขายลูกสาวของคุณให้ผม เเลกกับหนี้ 1000ล้านวอน" 

    "หา...คือผมจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ลูกสาวผมทั้งคน" คนเป็นพ่อถึงกับช็อคไม่คิดว่าวันนึงจะมีคนมาพรากลูกสาวไป เเล้วใครจะมาหาเงินให้พวกเข้าได้กินได้ใช้

    "ถ้าพวกคุณตกลงผมจะยกหนี้ให้ เเละให้เงินพวกคุณไว้ตั้งตัว"

    "ทำไมถึงต้องซื้อลูกสาวฉันไปด้วยหล่ะค่ะ" ผู้เป็นเเม่ถามด้วยความอยากรู้ ทำไมต้องลูกสาวของเธอ 

    "พวกคุณคิดดูนะครับ ถ้าหากลูกสาวของพวกคุณได้ไปอยู่กับท่านประธานเธอจะไม่ต้องลำบากทำงานหนัก เเละพวกคุณก็จะหมดหนี้ อีกอย่างพวกคุณจะได้เงินจำนวนนึงไว้ตั้งตัว พวกคุณมีเเต่ได้กับได้ อย่าถามท่านประธานเซ้าซี้เลยครับ ท่านไม่ชอบ พวกคุณจะไม่ยอมรับข้อเสนอของท่านก็ได้...เเต่ต้องหาเงินมาคืนภายในอาทิตย์หน้า" ลูกน้องของเค้าพูดเเทนอีกครั้ง

    "อาทิตย์หน้า!! พวกผมหาไม่ทันหรอก"

    "อย่าพูดเห็นเเก่ตัวอีกเลยครับคุณลี ท่านประธานเมตตาคุณมามากพอเเล้ว ถึงเวลาที่ต้องใช้คืนเเล้วครับ"

    "ผมขอร้องหล่ะครับ ขอเวลาอีกหน่อย"

    "ท่านให้เวลาคุณมามากแล้วนะครับ ห้าปีกับหนี้พันล้านวอนมันมากพอแล้วครับ ท่านเเทบไม่ได้อะไรจากพวกคุณเลย ไม่คิดดอกเบี้ยด้วยซ้ำ พวกคุณก็ยังไม่พยายามหามาคืน นอนสบายให้ลูกสาวออกไปทำงานตัวคนเดียว" ลูกน้องของท่านประธานพูดเเบบนั้นทำให้คนเป็นพ่อเป็นเเม่ต้องคิดหนัก เห็นเค้าใจดีเข้าหน่อยเลยได้ใจไม่คิดว่าวันนึงเค้าจะมาทวงเงินคืนแบบนี้...มันก็จริงที่ว่าเค้าให้ใช้หนี้มามากพอแล้ว คงต้องเลือกทางใดสักทาง

    "แล้วคุณจะทำยังไงกับลูกสาวของผม?"

    "เธอจะอยู่สุขสบายไม่ต้องห่วง" คราวนี้ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ ไม่รู้อะไรดนใจให้เค้าอยากได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นของตัวเอง การที่ได้เจอกันถ้าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ก็คงเป็นโชคชะตา..

    "ผมให้เวลาคิดนะครับ สัญญาอยู่นี้ถ้าตกลงก็ปั๊มลายนิ้วมือยอมรับ" ลูกน้องของเค้ายื่นสัญญาให้พ่อของซันนี้ เค้ารับมันมาอย่างลังเล หันไปหาภรรยาก็รู้ว่าเธอคิดเหมือนกัน พวกเค้าตัดสินใจปั๊มลายนิ้วมือลงบนสัญญา

    "เงินจะถูกส่งมาให้เย็นนี้พร้อมกับที่ผมมารับตัวคุณซันนี่นะครับ" ลูกน้องของท่านประธานโค้งให้พ่อและเเม่ของซันนี่ก่อนเดินตามเจ้านายที่เดินออกไปก่อนหน้านี้แล้ว...



    "เราจะบอกลูกยังไงดีค่ะคุณ"

    "อธิบายไปตามความจริง ซันนี่ต้องเข้าใจ" พ่อเเละเเม่ของซันนี่ยังคงเป็นกังวล เเต่ถ้าเป็นอย่างที่เค้ารับปาก ลูกสาวคงไม่ต้องได้ลำบากอีก...














    Rrrrrrr Rrrrrrrr..

    เสียงเรียกเข้าจาดโทรศัพท์ที่ทำได้เเค่รับสายกับโทรออกทำให้ฉันต้องล้วงไปหยิบมันขึ้นมาดู อ่า...พ่อนั่นเอง

    "ฮัลโหลค่ะพ่อ"

    "ซันนี่วันนี้กลับบ้านเร็วหน่อยได้มั้ยลูก พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย"

    "พ่อคะ งั้นรายได้ของซันก็จะหายไปหลายวอนนะคะพ่อ"

    "เรื่องนั้นอย่าเพิ่งคิดเลย เลิกงานจากร้านกาฮีเเล้วรีบกลับบ้านนะลูก"

    "ก็ได้ค่ะพ่อ" ฉันกดวางสายพร้อมกับถอนหายใจยาวๆออกมา เฮ้อออ....รายได้หายไปอีกแล้วสิวันนี้ แต่มันก็ช่วยไม่ได้นะคงต้องกลับบ้านเเล้วหล่ะ ฉันกดโทรออกหาน้าจีวอนเพื่อลางานวันนึง เรียบร้อยก็กลับมาล้างเเก้วต่อ เเละไปประจำที่เค้าเตอร์เพื่อรับออเดอร์ลูกค้า

    "เฮ้!ซันนี่" เสียงทักทายมาพร้อมกับคนที่ก้าวเข้ามาในร้านเรียกฉันให้เงยหน้าขึ้นมอง

    "อ้าวมาร์ค ว่างเหรอวันนี้ถึงโผล่มาได้" ฉันยิ้มกว้างให้เพื่อนสนิทที่เดินตรงมาหาฉัน

    "คิดถึงฉันมั้ย อาทิตย์นี้เพิ่งได้มาหารู้น่าว่าคิดถึง เอาเหมือนเดิมนะ" มันเป็นปกติที่มาร์คจะหยอดฉันทุกครั้งที่เจอกัน เค้าสั่งกาแฟเเละไปนั่งที่โต๊ะรอ แปลกนะลูกคุณหนูอย่างเค้าชอบมากินกาแฟที่ร้านธรรมดาๆแบบนี้เเทนที่จะกินสตาร์บัคอะไรทำนองนั้น บางวันถ้าว่างก็มานั่งจนฉันเลิกงานด้วย

    "ได้ละค่าคุณชายยยยย" ฉันลากเสียงยาวพร้อมกับเสิร์ฟลาเต้เย็นให้เค้า เค้ายิ้มรับและดูดมันกินทันที

    "อ๊าา ฝีมือเธอนี่กินกี่ทีก็อร่อย" มาร์คยิ้มจนตาหยี๋โชว์ฟันที่เรียงสวยของเค้า

    "วันนี้มาทำไมเนี่ยะว่างเหรอ" ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับมาร์ค ตอนนี้ลูกค้ายังไม่มีเลยพอจะอยู่คุยกับเค้าได้

    "คิดถึงไงมาหาเพื่อนไม่ได้รึไง"

    "นายไม่เบื่อเหรอมาที่เเบบนี้บ่อยๆ แถมมานั่งดูฉันทำงานเนี่ยะ"

    "ไม่ๆ ก็ฉันชอบมองเธอนี่เล้วอาทิตย์นี้ว่างมั้ย ไปดูหนังกันฉันเลี้ยงเอง"

    "นายมาชวนฉันเนี่ยนะรู้ทั้งรู้ว่าไม่ว่างฮ่าๆ"

    "โธ่ซันนี่วันอาทิตย์ใครเค้าทำงานกัน ฉันเห็นมีเเต่เธอเท่านั้นเเหละ นะๆไปดูหนังกันนะ"

    "มาร์คส่งสายตาออดอ้อนมาให้ฉัน"

    "เฮ้อไม่ได้จริงๆนั้นแหละ นายก็รู้นี่หน่ามาร์ค.."

    "งั้นฉันจ้างเธอให้ไปดูหนังด้วยหนึ่งวัน เอาเท่าไหร่ว่ามา" มาร์คทำหน้าจริงจังเเต่ฉันรู้ว่าเค้าเเค่อยากไล่ต้อนฉันให้จนมุมจนปฏิเสธไม่ได้

    "ไม่ได้ๆจริงๆคะคุณชาย พอดีรับงานอื่นไว้เเล้ว ดิฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ" ฉันโค้งให้เค้าเป็นเชิงเหมือนรู้สึกผิด เรามักจะหยอกกันอย่างงี้ประจำ

    "โธ่...งั้นฉันมาเฝ้าเธอทำงานเเทนเเล้วกัน"

    "อย่าเลยหน่า ที่นี้ไม่สบายเหมือนคฤหาสน์นายนะ จะมานั่งให้ตัวเองลำบากทำไม"

    "ก็คนมันอยากอยู่ด้วยนี่หน่า" มาร์คกอดอกทำแก้มป่องใส่ฉันอย่างน่ารัก...เค้ามันน่ารักจริงๆนั่นแหละ หล่อรวยเเถมยังผู้ดี เเต่ดันเป็นเพื่อนกับคนอย่างฉันที่ครอบครัวล้มละลายเเถมไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

    "ตามใจคุณชายเลยคะ งั้นฉันกลับไปทำงานก่อนนะ" เค้าพยักหน้าให้เเต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มของเค้าให้ฉัน

    พอคนเริ่มเข้าร้านช่วงบ่ายฉันก็วุ่นวายเเทบจะไม่ได้พักเลย เวลาล่วงเลยไปจนถึง 6 โมงเย็นเป็นเวลาเลิกงานพอดี ใจก็อยากอยู่ช่วยพี่กาฮีต่อเเต่เพราะพ่อบอกให้รีบกลับ ฉันเลยลาพี่กาฮีเเละตรงไปหามาร์คที่ยังอยู่จนฉันเลิกงาน

    "ให้ไปส่งนะ"

    "อ่าฉันเอารถมาอ่ะ ไม่อยากจอดไว้ด้วย" ฉันบอกมาร์คไปแบบนั้นคนฟังถึงกับหน้าหงอย

    "ฉันจะไม่มีโอกาสได้ไปส่งเธอที่บ้านบ้างเลยเหรอเนี่ยะ"

    "เอาน่า ยังไงวันนี้ก็ขอบใจน้าที่มาอยู่เฝ้าฉันทำงานเเถมยังอุดหนุนกาแฟไปหลายเเก้ว ตาค้างเเน่ๆคืนนี้"

    "ช่วยไม่ได้นิ งั้นเธอขับรถกลับดีๆหล่ะ วันหลังฉันจะมาใหม่นะ" ฉันพยักหน้าเเละโบกมือให้เค้า เราสองคนเเยกกันตรงหน้าร้านพี่กาฮีเเละฉันก็ตรงกลับบ้านทันที





    .......LOUDER......




    พอมาถึงที่หน้าบ้านฉันก็ต้องเเปลกใจกับรถตู้คันหรูที่จอดอยู่หน้าบ้านฉัน ฉันเอารถเข้าไปจอดเรียบร้อยก็เดินเข้าบ้านเเละก็ต้องเเปลกใจอีกเมื่อเห็นชายชุดดำอยู่ในบ้านเป็นขโยง เเถมยังมีชายที่ใส่ชุดขาวนั่งอยู่ตรงเก้าอี้รับเเขกตัวเก่าของบ้านอีก

    "นี่..มันอะไรกันคะ" ฉันก้าวเข้ามาด้วยอาการงงงวย เดินบ่ายเบี่ยงชายชุดดำจนมาถึงที่พ่อเเม่ฉันนั่งอยู่ บ้านฉันไม่ได้กว้างใหญ่อะไร พอมีคนอยู่เยอะๆเลยอึดอัดขึ้นมาทันที

    "มาเเล้วเหรอลูก นี่ประธานโอ บริษัทโอกรุ๊ปสวัสดีท่าสิจ๊ะ" แม่ฉันผายมือไปทางชายชุดขาวที่นั่งอยู่ พอฉันหันไปมองลมหายใจก็ขากห้วงไปในทันที...หล่ออะไรเบอร์นี่ นี่มันใช่คนรึเปล่านะ แล้วไหนจะออร่าที่แผ่ขยายออกมาจากตัวเค้าอีกมาที่นี้ทำไมกันนะ เเต่เดี๋ยว...โอกรุ๊ปงั้นเหรอ? นั่นมันบริษัทที่ฉันเอาเงินไปคืนวันนี้นี่

    "นาย!" ฉันพลั้งปากออกมาอย่างเสียมารยาท ลืมไปว่าคนตรงหน้าเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่ที่ใช้เงินฟาดหัวฉันเมื่อวาน

    "วันนี่อย่าเสียมารยาทอย่างงี้สิ" พ่อดุฉันทันทีที่เเสดงอากัปกริยาไม่น่าดูแบบนี้

    "นายสินะที่เอาเงินให้ฉัน? ฉันเอาไปคืนเเล้วนะที่บริษัทฝากไว้ตรงเคาท์เตอร์ ทีหลังอ่ะอย่าใช้เงินฟาดหัวคนอื่นอย่างงี้รู้ป่ะ คนอย่างฉันอ่ะเงินซื้อไม่ได้หรอก เเละไม่ต้องกลัวว่าจะไปแจ้งความฉันไม่ใช่คนที่เอะอะก็จะเอาเรื่องคนอื่น เพราะฉะนั้นันไม่ต้องการเงินของนาย" ฉันรอที่จะพูดประโยคนี้มานานเเล้ว เหอะรวยนักเหรอรวยจนพ่อแม่ฉันต้องเกรงใจ นี่บุกมาถึงบ้านเพราะกลัวฉันจะเเจ้งความสินะ เอาเงินมาฟาดหัวอีกตามเคยล่ะสิ

    "ซันนี่! หยุดพูดจาก้าวร้าวใส่ท่านนะ จริงๆเลยลูกคนนี้!" พ่อของฉันดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนเเทนหมอนี้นะ ทำไมล่ะเค้าเสนอเงินให้ปิดปากเรื่องที่ขับรถชนฉันรึไง ก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่เอาเรื่องๆ จะอะไรนักหนา

    "แล้วเค้ามาที่นี้ทำไมกัน" ฉันพยายามทำใจให้สงบนิ่งอีกครั้ง

    "เค้าเป็นคนที่พ่อติดหนี้อยู่..." อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ชนฉันเมื่อวานยังไม่พอ เเถมวันนี้กลายเป็นเจ้าหนี้ของครอบครัวฉันซะงั้น

    "เค้ามาทวงหนี้เราเหรอ?" ฉันเครียดขึ้นมาทันที เพราะถ้ามาทวงบอกตรงๆว่าไม่มีปัญญาจ่ายนะ จะให้ขายใตก็ยอม

    "เปล่า...เค้ามารับลูก" ใจฉันกระตุกทันที มารับฉัน? หมายความว่าไงนี่อย่าบอกนะว่าฉันต้องโดนเอาอวัยวะไปขายจริงๆเพราะพ่อกับเเม่ไม่มีทางเลือกเเล้วไม่นะหมดกันชีวิตฉัน

    "มะ มะ หมายความว่าไงคะ นี่ นี่ หนูต้องขายใตจริงๆเหรอ"

    "ไม่ใช่..เค้ามารับลูกไปอยู่ด้วย" ไปอยู่ด้วย? ไปอยู่ด้วยคืออะไรยังไง อย่าบอกนะว่าพ่อกับเเม่ให้ฉันไปขัดดอกเหมือนในหนังหน่ะ หรือว่าจะเอาไปเป็นคนใช้จนกว่าจะหมดหนี้อะไรกันเนี่ยยย

    "พ่อคะ ซันไม่เข้าใจ พ่อกับเเม่จะส่งซันไปขัดดอกหรือไปเป็นคนใช้เค้า อย่างงี้รึเปล่าคะ?"

    "เปล่า...เราเป็นหนี้เค้าอยู่ 1000ล้านวอน...เเละพ่อขายลูกใช้หนี้ไปแล้ว" พอพ่อพูดจบก็เหมือนฉันถูกผลักลงเหวลึกที่ไม่มีวันตกลงไปถึงก้นเหว...ขายฉันงั้นเหรอ ขายฉันให้คนมีเงินเพื่อใช้หนี้ ไม่คิดเลยว่าวันนึงมันจะมีเรื่องน่ารังเกียจเเบบนี้เกิดขึ้น ฉันกหล่ะเกลียดพวกคนมีเงินจริงๆ!

    "พ่อขายซัน หึ? พ่อขายลูกตัวเองใช้หนี้ นี่หนูนะพ่อ หนูเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับเเม่นะ ทำไมทำกับหนูแบบนี้!" ฉันเเผดเสียงดังด้วยความเจ็บปวด เเต่แขกที่อยู่ในบ้านไม่สะทกสะท้านอะไรกับบทสนทนาของเราพ่อแม่ลูก ได้แต่ยืนนิ่งนั่งนิ่งราวกับเค้าไม่อยากรู้สึกอะไรเลยที่ทำให้พ่อแม่ต้องขายลูกตัวเองเพื่อใช้หนี้เค้า พวกชั่ว!

    "ซัน ซันนี่จ๊ะฟังเเม่ก่อนนะลูก"

    "ไม่ ไม่ฟัง! หนูอดทนทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว 18 ชม.ต่อวันแทบไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเอง เสียสละเพื่อพ่อแม่เเค่ไหน สุดท้ายก็โดนพ่อกับเเม่เอามาขายตีมูลค่าเป็นเงินงั้นเหรอ นี่ยังเห็นหนูเป็นลูกอยู่รึเปล่า!!"

    "ถ้าไม่ทำแบบนี้ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาคืนเค้าหล่ะ ลำพังเเกคนเดียวหาได้เหรอ1000ล้านวอน แค่ทุกวันนี้พอกินไปวันๆแกก็ต้องทำงานหนัก นี่ฉันหาทางทำให้แกสบายแล้วนะ ยังไม่เข้าใจอะไรอีก!" พ่อตวาดลั่นใส่ฉัน น้ำใสๆพลั่งพลูออกมาจากเบ้าตาเหมือนน้ำก๊อก...ให้ฉันสบายงั้นเหรอ ถามฉันรึยัง

    "พ่อกับเเม่ต่างหากที่ไม่เข้าใจ...พ่อกับเเม่ขายหนูทิ้งเหมือนเป็นสิ่งของ หนูไม่เคยทำให้พ่อกับเเม่ลำบากเลยสักครั้ง หนูอดทนทำงานทุกอย่างเพื่อเเบ่งเบาภาระพ่อกับเเม่ เเต่นี้คือสิ่งที่พ่อกับเเม่ทำเพื่อหนูเหรอ?" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เเสดงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน

    "เห็นแก่เเม่กับพ่ออีกสักครั้งเถอะนะลูก เราไม่มีทางเลือกเเล้วจริงๆ" เเม่ร้องไห้เเละเดินเข้ามาจับไหล่ฉันอย่างขอร้อง มันไม่มีทงเลือกเเล้วจริงๆเหรอ เหมือนหมดหวังทุกๆอย่างเเล้วจริงๆสินะ

    "ได้...นี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่หนูทำเพื่อพ่อกับเเม่" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเเผ่วเบาราวกับเหมือนขาดอากาศจะหายใจ...มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันให้พวกท่านจริงๆ พอฉันพูดจบชายชุดดำที่นิ่งราวกับหุ่นเมื่อครู่ก็ขนกระเป๋าสีดำใบใหญ่มาให้พ่อกับเเม่สามใบ พวกท่านเปิดมันดูและฉันก็เลยเห็นว่าข้างในคืออะไร เงินมากมายถูกยัดอยู่ในกระเป๋าพวกนั้น...เป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาซะเลย...ขายลูกตัวเองเเลกหนี้เเถมเค้ายังให้เงินใช้อีก

    "พ่อกับเเม่จะไปบอกที่ทำงานของลูกให้ว่าต่อจากนี้ไปลูกจะไม่ได้ไปทำงานที่นั่นอีกแล้ว ไปอยู่กับประธานโอมีเเต่สบายนะลูก"

    "สบาย? หนูจะต้องไปเป็นนักโทษเหรอ? หึ" ฉันจะไม่ได้ไปทำงาน ไม่ได้เจอกับคนรู้จักหรือไม่ได้ทำอะไรอย่างที่อยากทำเลยงั้นเหรอเเค่ไปอยู่กับไอ่บ้านี้เนี่ยะ

    "กลับ" นายประธานโอไรนั่นหลังจากที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งพูดขึ้น ชายชุดดำลูกน้องเค้าก็เดินมาจับตัวฉันให้เดินตามไป

    "อย่าเอามือสกปรกของพวกนายมาเเตะตัวฉัน" ฉันสะบัดเเขนที่ถูกพวกนั้นจับออกเเละเดินตามนายประทานโอนั่นไป ฉันถูกดันให้ขึ้นรถซึ่งตรงข้ามเป็นเค้าที่นั่งอยู่ก่อน เกลียดเหลือเกิน เกลียดจนเข้าไส้เข้ากระดูกดำ ฉันจ้องเค้าไม่กระพริบด้วยสายตาอาฆาตเเค้นถึงขีดสุด เเต่สิ่งที่เค้าทำกลับมาคือสายตานิ่งเเละฉันสัมผัสได้ถึงความเย็นชาแฝงอยู่ในนั้น ฉันยอมทำตามก็จริง...เเต่ใครบอกว่าฉันจะไม่หนีทีหลังหล่ะ?





                                                  .......LOUDER......






    ร่างสูงมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาไร้ความหมาย...ท่าทางที่บ่งบอกว่าคนตรงหน้าไม่พอใจ เเถมน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ยอมหยุดนั่นไม่ได้ทำให้เค้ารู้สึกสงสารหรือเห็นใจเเต่อย่างใด...

    "นายเห็นชีวิตคนมีค่าเเค่ไหนเหรอ" จากที่เงียบมานานเธอเอ่ยปากถามเค้าเเต่ยังคงจ้องเค้าด้วยความโกรธ

    "ไม่รู้สิ" สิ่งที่เค้าอีกฝ่ายเป็นการกระตุ้นความโกรธที่วันนี่มีอยู่เเล้วให้เพิ่มมากขึ้น ไม่รู้งั้นเหรอ เสียงนั้นก้องอยู่ในหัวของซันนี่ ไม่รู้ว่าชีวิตคนมีค่าเเค่ไหน นายมันทุเรศ

    "เเล้วนายจะทำยังไงกับฉัน?"

    "ไม่รู้"

    "เเล้วนายจะเอาฉันเเลกหนี้ทำไม ถ้าไม่รู้ว่าจะเอาฉันมาทำอะไร"

    "ก็ไม่รู้"

    "นี่นายตั้งใจจะทำอะไรกันเเน่ห่ะ!"

    ".........." ครั้งนี้เค้าไม่ตอบเเต่กลับส่ายหัวเบาๆแทน

    "โอ๊ย!! นี่มันอะไรกันเนี่ย!" ซันนี่เเผดเสียงขึ้นมาอีกครั้งเพราะหงุดหงิดที่คนตรงหน้าไม่พูดไม่จา ตอบเเต่คำว่าไม่รู้ใส่เธอ

    "เธอเงียบเป็นมั้ย?" เค้าพูดเเค่นั้นแต่บรรยากาศรอบข้างกลับเย็นเฉียบ เสียงทุ่มต่ำเอ่ยออกมาเบาๆแต่กลับเเฝงไปด้วยความหงุดหงิด ท่าทีที่ซันนี่เห็นเค้าคือคนรวยโง่ๆที่ใช้เงินซื้อทุกอย่างเเละยังดูงี่เง่าเพราะมีใบหน้านิ่งๆไม่มีความรู้สึกใดๆเลยบนหน้าหล่อๆนี่

    "ฉันยังยืนยันคำเดิม..เงินซื้อฉันไม่ได้ ไม่ว่านายต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่มีวันทำตามเเน่ๆ" ซันนี่พูดออกมาด้วยความเเน่วเเน่ เเล้วเงียบลงอีกครั้ง จนกระทั่งรถจดอยู่ตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ ใหญ่จนเรียกได้ว่าเป็นปราสาทดีๆนี่เอง ซันนี่ลงมาจากรถด้วยความลังเล เธอไม่เคยเห็นบ้านหลังใหญ่เท่านี้มาก่อน

    "จ้องจนพอใจเเล้วก้เดินตามมานะ" ประธานโอบอกเธอเเล้วเดินเข้าบ้านที่มีคนรับใช้ยืนต้อนรับ พอเค้าเดินผ่านทุกคนก็ก้มหัวให้ ซันนี่มองตามเเล้วก็ต้องเบะปาก เพราะมีเงินเท่านั้นแหละถึงทำตัวเเบบนี้ได้ หึ

    ซันนี่เดินตามเค้าเข้าไป เเละทุกคนก็ก้มหัวให้เธอเหมือนกัน สร้างความงงงวยให้ร่างเล็กที่กำลังตื่นตระหนกเพราะเกิดมาเพิ่งจะมีคนเยอะๆมาก้มหัวให้เเบบนี้

    "อ้าวนาย" ฉับพลันสายตาก็ไปปะทะกับคนที่เธอเคยเจอ เค้าคือคนที่ขับรถให้นายประธานโอเเล้วมาชนเธอในวันนั้นนั่นเอง

    "ยินดีต้อนรับครับคุณซันนี่ ผมเลย์ครับ" เค้าโค้งให้เธออย่างสุภาพ

    "เฮ้ย ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ หยุดเลยๆ" เธอปรามเค้าก่อนจะทำหน้าแหยแกเเล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างไว

    "ฉันเกลียดบ้านกว้างๆแบบนี้ที่สุดเลย" ซันนี่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อจะได้ตามให้ทันร่างสูงที่เดินเข้ามาก่อน พอเดินตามเค้ามาเรื่อยๆก็ถึงโต๊ะอาหารที่มีคนจัดไว้พร้อมกับอาหารชั้นเลิศมากมายที่ซันนี่ไม่เคยได้กินมาก่อน

    "นั่งสิคะคุณ" ผู้หญิงที่เหมือนจะเป็นสาวใช้ ไม่ก็เเม่บ้านมาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง

    "วันนี่คุณแบคฮยอนไม่กลับมาทานข้าวที่บ้านนะคะคุณเซฮุน" 

    "อืม" เค้าตอบกลับนิ่งๆเเละค่อยๆกินอาหารตรงหน้าอย่างใจเย็น สายตาเหลือบไปมองซันนี่ที่ตาโตกับอาหารข้างหน้าราวกับว่าเธอไม่เคยเห็นอาหารที่น่ากินขนาดนี้มาก่อน

    "กินซะสิ" เค้าบอกเธอ เเต่ซันนี่ก็ยังนิ่งเค้าเห็นเธอลอบกลืนน้ำลายอย่างหิวโหย

    "ถ้าไม่กินฉันจะให้คนเอาไปเททิ้ง" เค้าเอ่ยเสียงเรียบ คนตัวเล็กหันมามองเค้าอย่างเสียดายก่อนจะเริ่มจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย




                                              



    พอจัดการอาหารตรงหน้าเสร็จ ซันนี้ก็ลูบท้องตัวเองปอยๆ เธอไม่เคยได้กินอิ่มเเบบนี้มาก่อนเลย พลางเหลือบไปมองเซฮุนที่เอามือประสานกันบนโต๊ะเเละมองมาที่เธออย่างเงียบๆ

    "รู้เเล้วหล่ะ" ซันนี่มองเค้าอย่างเเปลกใจเพราะอยู่ๆเซฮุนก็พูดออกมา

    "หืม?" เธอเลิกคิ้วมองเค้าอย่างสงสัย

    "ฉันจะให้เธอมาเป็นเลขาของฉัน" พูดจบเซฮุนก็ลุกจากเก้าอี้ไป ทิ้งให้ซันนี่นั่งนิ่งๆคิดในสิ่งที่เค้าพูด เอาตัวเธอมาเเลกกับหนี้ มีอาหารดีๆให้กิน เเล้วยังจะให้ไปเป็นเลขา....นี่เค้าคิดอะไรอยู่กันเเน่นะ?

    "คุณซันนี่ค่ะ คุณท่านบอกว่าทานเสร็จเเล้วให้ตามไปที่ห้องค่ะ" ตึงโป๊ะ!! นั่นไงฉันว่าเเล้ว มันก็ต้องอิหรอบนี้แหละนะ ฉันมีมูลค่าตั้ง 1000 ล้านวอน ก็คงไม่ได้เเลกมาฟรีๆหรอก เเต่อย่าคิดว่ามันจะง่ายเหมือนที่นายคิดเลยเซฮุน..




















    -------------------------------


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×