ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลืมรักร้าย

    ลำดับตอนที่ #6 : แรกพบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.15K
      9
      9 เม.ย. 57

    วันนี้ก็เหมือนอย่างเช่นทุกวันที่นายหญิงของบ้านลงมือเข้าครัวเองเพื่อทำอาหารให้กับลูกสาวและสามีได้ทาน เพราะตั้งแต่ที่ลูกสาวของเธอกลับมาเธอก็เข้าครัวด้วยตัวเองไม่เคยขาด เพราะต้องการจะทำอะไรให้ลูกสาวบ้างเพื่อเป็นการชดเชยช่วงเวลาที่หายไปของทุกคนในครอบครับ ทั้งๆที่เธอเป็นนายหญิงใหญ่ของบ้านแท้ๆแต่กลับมาเข้าครัวลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม เพียงแต่ได้เห็นลูกสาวทานอาหารที่ตนทำจนหมดถึงแม้จะไม่มีคำชมจากปากเธอก็พอใจแล้ว

    “ไอจังเดี๋ยวเอาปลาจาโคะออกมาล้างให้หน่อยนะจ๊ะ”

    นายหญิงเรโกะเอ่ยบอกคนที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องครัวให้ช่วยเตรียมล้างปลาให้กับเธอ เพราะนึกว่าเป็นสาวใช้ที่พึ่งก้าวเข้ามา เพราะร่างบางนั้นไม่เอ่ยตอบอะไรเลยและทำตามที่เธอบอก จึงทำให้นายหญิงของของบ้านเอะใจอะไร ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารต่อไป แต่พอจะหันมาหยิบของก็ต้องตกใจเมื่อเห็นลูกสาวของตนเองกำลังยืนล้างปลาตัวเล็กๆให้กับเธออยู่

    “แบบนี้ใช้ได้ไหมค่ะแม่?....”

    เรโกะตกใจไม่น้อยที่อยู่ดีลูกสาวของตัวเองนั้นเข้ามาช่วยทำอาหารถึงในครัว เลยนิ่งอึ่งไป

    “หรือว่าหนูต้องล้างมันอีกค่ะ?

    “ไม่ต้องแล้วลูก พอแล้วล่ะจ๊ะ....”

    “แม่มีอะไรให้หนูช่วยอีกไหมค่ะ”

    “เอ่อ....งั้นลูกช่วยแม่หันผักหน่อยละกันนะ”

    นัทชาเดินไปหยิบผักมาหันแม่ผู้เป็นแม่ก็เดินเข้ามาช่วยสอนอีกแรง

    “เราจะหันตามแนวขวางแบบนี้นะนัทซึกิ แบบนี้มันจะดูน่าทานกว่าลูกว่าไหม”

    นายหญิงของบ้างส่งยิ้มให้ลูกสาวขณะที่กำลังสอนงานครัว และแล้วนัทชาก็เอ่ยความในใจของเธอออกมา

    “หนูขอโทษนะคะ ที่ที่ผ่านมาหนูทำตัวให้พ่อกับแม่ลำบากใจและเสียใจมาโดยตลอด.....”

    “นัทซึกิ....”

    “หนูไม่รู้จะทำตัวยังไง หนูกลัวเกินกว่าที่จะเปิดใจรับใครเข้ามา หนูกลัวว่าถ้าหากหนูเปิดใจให้กับใครหรือหลงไปกับความสุขที่มีอยู่ สักวันหนึ่งหากทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าหนูมันหายไป หรือมันไม่ได้เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้หนูจะทำยังไง หนูคงทนไม่ได้หากมันเป็นแบบนั้น หนูเลยสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวหนูเองจากทุกคน แต่ไม่คิดเลยว่ากำแพงที่หนูสร้างมันจะเป็นหอกสองด้านทิ้งแทงทั้งหนูและทุกคนที่รักหนู หนูขอโทษคะแม่.....”

    นายหญิงใหญ่ดึงตัวลูกสาวเข้ามากอดก่อนที่จะร้องไห้ออกมา

    “ไม่เป็นไรลูก...... ไม่เป็นไร แม่เข้าใจนะ แต่ต่อไปนี้หนูสัญญากับแม่ได้ไหมว่าไม่ว่ามีอะไรที่ทำให้หนูไม่สบายใจหรือเมื่อหนูมีปัญหาหนูจะบอกแม่กับพ่อทุกครั้ง เราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาไปด้วยกัน ดีไหมลูก เราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกันนะลูกนะ”

    นัทชาได้แต่พยักหน้าตอบเท่านั้นเธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกในตอนนี้ เพราะความรู้สึกที่โล่งอกและความรู้สึกผิดที่ได้ทำเย็นชากับคนที่เธอรักมันแน่อยู่ในอกไปหมด แต่เธอสัญญากับตัวเองว่าต่อแต่นี้เธอจะปรับปรุงตัวเองซะใหม่ เธอจะเปิดใจให้กับคนในครอบครัว ครอบครัวที่รักและเฝ้าค่อยเธอมาตลอด

    ภาพของสองแม่ลูกที่ยืนกอดกันอยู่ในครัวทำให้คนที่ค่อยแอบมองอยู่อย่างนายท่านชินอิจิและซาโตชิต่างปลื้มใจมากเมื่อสมาชิกคนสำคัญของบ้านยอมเปิดใจรับครอบครัวสักที

    “ขอบใจนายอีกครั้งนะซาโตชิ”

    “ไม่เป็นไรครับนายท่าน เพราะคุณหนูก็เหมือนกับน้องสาวของผมคนหนึ่งเหมือนกันอะไรที่เป็นความสุขของเธอและของนายท่านกับนายหญิงผมก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างครับ”

    “แต่ยังไงก็ต้องขอบใจนายมากจริงๆ ที่ทำให้ลูกสาวของฉันและเมียของฉันรวมทั้งตัวฉันเข้าใจกัน”

    “ครับนายท่าน”

    .....................................................................................................................................................................

    นับตั้งแต่วันนั้นบ้านฟุจิวาระก็แต่รอยยิ้มและความเข้าใจ ไม่นานนัทชาก็ขอนายท่านและนายหญิงไปเรียนต่อที่อเมริกาเพื่อจะได้สานฝันของตัวเองให้เป็นจริงอีกครั้งนั้นก็คือการเป็นหมอ  ซึ่งในตอนแรกนายหญิงของบ้านอาจจะคัดค้านอยู่บ้างที่ไม่เท่าไรลูกสาวก็จะไปไกลอกอีกแล้ว แต่พอหลังๆเธอก็อนุญาตโดยการที่ตัวเองจะย้ายไปอยู่กับลูกสาวเดือนเว้นเดือนแทน การไปใช้ชีวิตที่อเมริกาของนัทชานั้นไม่ได้อยากลำบากอะไรมากนักเพราะนายท่านชินอิจิได้ลงทุนซื้อบ้านอีกหลังไว้ที่นั้นทันทีเมื่อใบตอบรับการเข้ามหาลัยของลูกสาวส่งมาถึงที่บ้าน ทั้งๆที่ตอนแรกท่านบอกว่าจะใช้เส้นสายให้ลูกสาวคนเดียวได้เข้าเรียนในมหาลัยที่เธอต้องการก็ตามแต่นัทชาก็ปฏิเสธและบอกว่าจะสอบเข้าเช่นคนทั่วไป เพราะถ้าหากใช้เส้นสายของพ่อเพื่อเข้าไปเรียนมันก็เท่ากับว่าเธอนั้นไม่ได้พิสูจน์ตัวเองอะไรเลย และก็คงไม่มีค่าหากเธอได้เรียนในที่ๆเธอต้องการเพราะเส้นของพ่อ เธอจึงยื่นเรื่องด้วยตัวเองทั้งหมด และเพราะคะแนนของเธอกับผลการเรียนที่โดดเด่นจึงทำเธอสามารถเข้าเรียนที่นี่ได้อย่างที่หวังเอาไว้

    เมื่อได้เข้าเรียนที่นี่แรกๆเธอต้องพยายามหนักกว่าคนอื่นมากเป็นสองเท่าเพราะเธอนั้นได้ด๊อปเรียนไปเกือบสองปีเธอจึงต้องพยายามเพื่อให้ตามเพื่อนๆทัน ในตอนแรกๆนัทชารู้สึกท้อไม่น้อยกับการเรียนที่หนักหน่วงและสภาพแวดล้อมที่ไม้คุ้นเคย แต่เธอก็ผ่านมันมาได้เพราะว่ามีซาโตชิที่ค่อยมาอยู่ดูแลเธอด้วยและพอไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็ตามมาอยู่ด้วยเดือนเว้นเดือนอย่างที่เคยบอกไว้ จึงทำให้เธอมีกำลังใจต่อสู้กับการเรียนที่เรียกได้ว่าโหดพอตัว เพราะเธอเลือกเรียนเป็นศัลยศาสตร์นั้นก็คือแพทย์ผ่าตัด แต่นัทชาก็ไม่เคยย่อท้อ เธอสามารถสอบได้เป็นอันดับหนึ่งของชั้นเรียนเสมอ และเหมือนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่นานเธอก็เรียนจบแพทย์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ก่อนที่จะย้ายกลับไปทำงานในโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นที่ครอบครัวของเธอถือหุ้นใหญ่อยู่

    แต่การที่เธอเข้าทำงานในโรงพยาบาลในฐานะลูกสาวเจ้าของมันก็ไม่ได้ทำให้เธอถือตัวเลยแม้แต่น้อยแต่ในทางกลับกันเธอกับถ่อมตนและนอบน้อมกับหมอที่อาวุโสกว่าทุกคนและนางพยาบาลที่เธอทำงานรวมด้วย จึงทำให้เธอเป็นที่รักของทุกๆคนในโรงพยาบาล และเมื่อออกเวรเธอก็มักจะขับรถเล่นชมวิวไปเรื่อยปล่อยตัวปล่อยใจให้ร่องลอยไปตามสายลมที่พับโชยเข้ามาในรถแลมโบกินี่คันสวยสีดำสนิทของเธอที่เธอจะเปิดหน้าต่างรถเอาไว้  วันนี้อากาศดีกว่าทุกๆวันนัทชาจึงก้าวเดินออกมาจากรถเดินตรงไปยังท้องทะเลที่อยู่ตรงหน้า เธอถอดรองเท้าออกเพื่อให้ตัวเองได้สัมผัสกับเม็ดทรายนุ่มละเอียดของชายหาด ก่อนที่ความทรงจำหนึ่งจะผุดขึ้นมาทั้งๆที่มันขาดหายไปนานกว่าสิบเอ็ดปีกว่าๆแล้วก็ตาม

    พี่ก็รักนัท เราจะมีกันและกันตลอดไป พี่สัญญา......

    คำสัญญาของผู้ชายใจร้ายที่เป็นเหมือนคำหลอกลวงให้เธอต้องเจ็บช้ำดังแววขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่หัวใจดวงนี้ไม่อยากจะจดจำ แต่เขาว่ากันว่าอะไรที่เป็นครั้งแรกและอะไรที่เรารักมากมันมักจะตราตึงลงไปในหัวใจเสมอ ใช่ไม่ไม่ผิดเลย เพราะเธอจะไม่หลอกตัวเองว่าเธอได้ลืมมันไปแล้วจริงๆ ทั้งๆที่หัวใจของเธอยังจำคนใจร้ายคนนั้นได้ดีไม่เคยลืม แต่สิ่งที่เธอจะทำนับตั้งแต่นี้ไปก็คือ เธอจะลืม จะลืมรักร้าย ครั้งเก่านั้นให้ได้ในสักวันไม่ว่ามันจะนานแค่ไหนก็ตาม

    ร่างบางหันหลังให้กับทะเลตรงหน้าก่อนจะเดินกลับไปที่รถที่ตอดอยู่แต่เพราะความเหนื่อยล้าหลังออกเวรจึงทำให้เธอเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมา เพราะเธอไม่ได้ทานอะไรเลยเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วมั่วแต่ยุ่งอยู่กับงานจนลืมเวลาทานอาหารเมื่อเคย แต่ก่อนที่ร่างบางจะล้มลงไปกับมีมือหน้าของใครบ้างคนเข้ามาพยุงเอาไว้ก่อน

    “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ผมว่าคุณไปนั่งพักตรงเสื่อของผมตรงนั้นก่อนไหมหน้าคุณดูซีดมากนะ”

    “ไม่เป็นไรคะขอบคุณมาก ฉันยังไหว แค่เหนื่อยและไม่ได้ทานอะไรเลยก็เท่านั้น ฉันอยากกลับไปที่รถของฉันมากกว่า”

    “อย่าดื้อสิครับ ผมว่าสภาพคุณตอนนี้ไม่สามารถขับรถกลับบ้านได้ไหวหรอก ตรงเสื่อของผมตรงนั้นมีแซนวิสง่ายๆอยู่ถ้าคุณไม่รังเกียจละก็....”

    “ไม่! ฉันบอกว่าอยากกลับไปที่รถของฉันไง ขอบใจมากนะคะที่เป็นห่วงแต่ฉันเป็นหมอฉันดูแลตัวเองได้”

    “เป็นหมอ.... แล้วทำไมปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ได้ล่ะครับ ทำไมไม่ดูแลตัวเอง ถ้าเป็นแบบนี้คนไขที่ไหนอยากจะฝากผีฝากไข้ด้วย เชื่อผมสิไปนั่งพักตรงนู้นก่อน รับรองผมไม่ได้เป็นพวกโรคจิตหรือมิจฉาชีพอะไรแน่ผมไม่ได้มาหลอกทำมิดีมิร้ายคุณหรอก”

    นัทชามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งก่อนที่จะยอมให้เขาพยุงไปนั่งที่เสื่อของเขาแต่โดยดี บนเสื่อนั้นมีของว่างง่ายๆวางอยู่พร้อมกับกล้องถ่ายรูปที่ดูก็รู้ว่าราคาแพงลิบลับแน่ๆ

    “ผมชื่อเรียว... เรียว ซูซูกิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

    ชายหนุ่มยื่นแก้วน้ำส่งให้หญิงสาวด้วยท่าทีเป็นมิตร แต่นัทชานั้นไม่คิดจะรับมันมาเพราะเธอเกรงว่าเขาจะวางยาอะไรเธอรึเปล่า ข่าวมากมายเดี๋ยวนี้ทำให้เธอหวั่นกับท่าทีของเขาไม่น้อย และดูเหมือนกับว่าชายหนุ่มจะรู้ดีว่าเธอคิดอะไรอยู่จึงดื่มน้ำโชว์คนตรงหน้า ก่อนจะเทน้ำใส่แก้วให้เธอใหม่ นั้นแหละหญิงสาวถึงรับมันมา

    “ฉันชื่อ นัทซึกิ ฟุจิวาระ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันคะ”

    “ครับคุณนัทซึกิ..... กว่าจะเป็นหมอได้คุณคงลำบากไม่น้อย และเมื่อได้เป็นหมอคุณก็คงต้องรับผิดชอบต่ออะไรๆมากมาย...... อย่าหาว่าผมยุ่งเลยนะครับ แต่คุณควรจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้เพราะอาชีพของคุณคืออาชีพที่พวกเราฝากชีวิตเอาไว้ในมือของคุณ ไม่ว่าคุณจะเหนื่อยหรือยุ่งมากแค่ไหนคุณก็ต้องกินและพักบ้างอย่าปล่อยให้เป็นแบบนี้อีกนะครับ”

    นัทชามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่พอใจที่เขากล้ามาสั่งสอนเธอแต่สิ่งที่เขาพูดนั้นก็เป็นความจริง เธอจึงไม่สามารถที่จะเถียงเขาได้

    “คุณจะไม่ถามหรือครับว่าผมทำงานทำการอะไร...”

    “ฉันคิดว่าไม่จำเป็นเพราะอีกเดี๋ยวพอฉันอาการดีขึ้นฉันก็จะไปแล้ว และเราสองคนก็คงไม่บังเอิญเจอกันอีกเพราะฉะนั้นฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นที่เราจะต้องรู้จักกันไปมากกว่านี้ ขอโทษนะค่ะที่ฉันเป็นคนพูดตรงแบบนี้”

    “ไม่เป็นไรครับผมชอบ.....”

    เรียวส่งสายตาหวานมาให้นัทชาหญิงสาวรู้ดีว่าเขานั้นรู้สึกอย่างไรจึงลุกขึ้นยืนเมื่อรู้สึกดีขึ้นมาแล้ว หมายจะเดินกลับไปที่รถของตน

    “ขอบคุณมานนะคะที่ช่วย....”

    เธอเดินจากเขาไปโดยที่ไม่สนใจที่จะมองกลับมาด้วยซ้ำ แต่เรียวก็ยิ้มให้เธอแม้เธอจะไม่เห็นก็ตาม ก่อนจะตะโกนไปหาเธอก่อนที่เดินห่างออกไปว่า

    “ผมเป็นช่างภาพ!!! หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก และเมื่อถึงตอนนั้นคุณคงจะยอมมาเป็นนางแบบให้ผมได้ถ่ายรูปนะครับ”

    นัทชาไม่สนใจก่อนจะขับรถจากไปด้วยความรวดเร็ว
    ..........................................................................................................................................................................
                ช่วงนี้เขาเหนื่อยมากเลยอ่าตะเอง สองสามวันมานี้เขายุ่งกับการย้ายของเข้าหอใหม่มากเลย เลยเบี้ยวพวกตะเองตั้งสองวัน เขาขอโทษน้า..... วันนี้เลยจัดให้สองตอนกันไปเลยนะ 
                ส่วนเรื่องคำผิดที่มีมากนั้นเขาจะพยามตรวจทานและสังเกตให้มากกว่านี้ หากมทีอะไรที่พวกตัวเองอยากแนะนำเขาสามารถบอกได้เสมอ เพราะเหมือนอย่างที่เขาบอกกับพวกตัวเองเสมอคือเราจะเติบโตไปด้วยกันนะ 
    และขอบคุณนะคะที่ติดตามผลงานของเขา อยู่ด้วยกันไปนานๆนะ รักนะคร้า ฝันดีคร้าทุกคน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×