คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : แรกพบ
วันนี้ก็เหมือนอย่างเช่นทุกวันที่นายหญิงของบ้านลงมือเข้าครัวเองเพื่อทำอาหารให้กับลูกสาวและสามีได้ทาน เพราะตั้งแต่ที่ลูกสาวของเธอกลับมาเธอก็เข้าครัวด้วยตัวเองไม่เคยขาด เพราะต้องการจะทำอะไรให้ลูกสาวบ้างเพื่อเป็นการชดเชยช่วงเวลาที่หายไปของทุกคนในครอบครับ ทั้งๆที่เธอเป็นนายหญิงใหญ่ของบ้านแท้ๆแต่กลับมาเข้าครัวลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม เพียงแต่ได้เห็นลูกสาวทานอาหารที่ตนทำจนหมดถึงแม้จะไม่มีคำชมจากปากเธอก็พอใจแล้ว
“ไอจังเดี๋ยวเอาปลาจาโคะออกมาล้างให้หน่อยนะจ๊ะ”
นายหญิงเรโกะเอ่ยบอกคนที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องครัวให้ช่วยเตรียมล้างปลาให้กับเธอ เพราะนึกว่าเป็นสาวใช้ที่พึ่งก้าวเข้ามา เพราะร่างบางนั้นไม่เอ่ยตอบอะไรเลยและทำตามที่เธอบอก จึงทำให้นายหญิงของของบ้านเอะใจอะไร ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารต่อไป แต่พอจะหันมาหยิบของก็ต้องตกใจเมื่อเห็นลูกสาวของตนเองกำลังยืนล้างปลาตัวเล็กๆให้กับเธออยู่
“แบบนี้ใช้ได้ไหมค่ะแม่?....”
เรโกะตกใจไม่น้อยที่อยู่ดีลูกสาวของตัวเองนั้นเข้ามาช่วยทำอาหารถึงในครัว เลยนิ่งอึ่งไป
“หรือว่าหนูต้องล้างมันอีกค่ะ?”
“ไม่ต้องแล้วลูก พอแล้วล่ะจ๊ะ....”
“แม่มีอะไรให้หนูช่วยอีกไหมค่ะ”
“เอ่อ....งั้นลูกช่วยแม่หันผักหน่อยละกันนะ”
นัทชาเดินไปหยิบผักมาหันแม่ผู้เป็นแม่ก็เดินเข้ามาช่วยสอนอีกแรง
“เราจะหันตามแนวขวางแบบนี้นะนัทซึกิ แบบนี้มันจะดูน่าทานกว่าลูกว่าไหม”
นายหญิงของบ้างส่งยิ้มให้ลูกสาวขณะที่กำลังสอนงานครัว และแล้วนัทชาก็เอ่ยความในใจของเธอออกมา
“หนูขอโทษนะคะ ที่ที่ผ่านมาหนูทำตัวให้พ่อกับแม่ลำบากใจและเสียใจมาโดยตลอด.....”
“นัทซึกิ....”
“หนูไม่รู้จะทำตัวยังไง หนูกลัวเกินกว่าที่จะเปิดใจรับใครเข้ามา หนูกลัวว่าถ้าหากหนูเปิดใจให้กับใครหรือหลงไปกับความสุขที่มีอยู่ สักวันหนึ่งหากทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าหนูมันหายไป หรือมันไม่ได้เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้หนูจะทำยังไง หนูคงทนไม่ได้หากมันเป็นแบบนั้น หนูเลยสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวหนูเองจากทุกคน แต่ไม่คิดเลยว่ากำแพงที่หนูสร้างมันจะเป็นหอกสองด้านทิ้งแทงทั้งหนูและทุกคนที่รักหนู หนูขอโทษคะแม่.....”
นายหญิงใหญ่ดึงตัวลูกสาวเข้ามากอดก่อนที่จะร้องไห้ออกมา
“ไม่เป็นไรลูก...... ไม่เป็นไร แม่เข้าใจนะ แต่ต่อไปนี้หนูสัญญากับแม่ได้ไหมว่าไม่ว่ามีอะไรที่ทำให้หนูไม่สบายใจหรือเมื่อหนูมีปัญหาหนูจะบอกแม่กับพ่อทุกครั้ง เราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาไปด้วยกัน ดีไหมลูก เราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกันนะลูกนะ”
นัทชาได้แต่พยักหน้าตอบเท่านั้นเธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกในตอนนี้ เพราะความรู้สึกที่โล่งอกและความรู้สึกผิดที่ได้ทำเย็นชากับคนที่เธอรักมันแน่อยู่ในอกไปหมด แต่เธอสัญญากับตัวเองว่าต่อแต่นี้เธอจะปรับปรุงตัวเองซะใหม่ เธอจะเปิดใจให้กับคนในครอบครัว ครอบครัวที่รักและเฝ้าค่อยเธอมาตลอด
ภาพของสองแม่ลูกที่ยืนกอดกันอยู่ในครัวทำให้คนที่ค่อยแอบมองอยู่อย่างนายท่านชินอิจิและซาโตชิต่างปลื้มใจมากเมื่อสมาชิกคนสำคัญของบ้านยอมเปิดใจรับครอบครัวสักที
“ขอบใจนายอีกครั้งนะซาโตชิ”
“ไม่เป็นไรครับนายท่าน เพราะคุณหนูก็เหมือนกับน้องสาวของผมคนหนึ่งเหมือนกันอะไรที่เป็นความสุขของเธอและของนายท่านกับนายหญิงผมก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างครับ”
“แต่ยังไงก็ต้องขอบใจนายมากจริงๆ ที่ทำให้ลูกสาวของฉันและเมียของฉันรวมทั้งตัวฉันเข้าใจกัน”
“ครับนายท่าน”
.....................................................................................................................................................................
นับตั้งแต่วันนั้นบ้านฟุจิวาระก็แต่รอยยิ้มและความเข้าใจ ไม่นานนัทชาก็ขอนายท่านและนายหญิงไปเรียนต่อที่อเมริกาเพื่อจะได้สานฝันของตัวเองให้เป็นจริงอีกครั้งนั้นก็คือการเป็นหมอ ซึ่งในตอนแรกนายหญิงของบ้านอาจจะคัดค้านอยู่บ้างที่ไม่เท่าไรลูกสาวก็จะไปไกลอกอีกแล้ว แต่พอหลังๆเธอก็อนุญาตโดยการที่ตัวเองจะย้ายไปอยู่กับลูกสาวเดือนเว้นเดือนแทน การไปใช้ชีวิตที่อเมริกาของนัทชานั้นไม่ได้อยากลำบากอะไรมากนักเพราะนายท่านชินอิจิได้ลงทุนซื้อบ้านอีกหลังไว้ที่นั้นทันทีเมื่อใบตอบรับการเข้ามหาลัยของลูกสาวส่งมาถึงที่บ้าน ทั้งๆที่ตอนแรกท่านบอกว่าจะใช้เส้นสายให้ลูกสาวคนเดียวได้เข้าเรียนในมหาลัยที่เธอต้องการก็ตามแต่นัทชาก็ปฏิเสธและบอกว่าจะสอบเข้าเช่นคนทั่วไป เพราะถ้าหากใช้เส้นสายของพ่อเพื่อเข้าไปเรียนมันก็เท่ากับว่าเธอนั้นไม่ได้พิสูจน์ตัวเองอะไรเลย และก็คงไม่มีค่าหากเธอได้เรียนในที่ๆเธอต้องการเพราะเส้นของพ่อ เธอจึงยื่นเรื่องด้วยตัวเองทั้งหมด และเพราะคะแนนของเธอกับผลการเรียนที่โดดเด่นจึงทำเธอสามารถเข้าเรียนที่นี่ได้อย่างที่หวังเอาไว้
เมื่อได้เข้าเรียนที่นี่แรกๆเธอต้องพยายามหนักกว่าคนอื่นมากเป็นสองเท่าเพราะเธอนั้นได้ด๊อปเรียนไปเกือบสองปีเธอจึงต้องพยายามเพื่อให้ตามเพื่อนๆทัน ในตอนแรกๆนัทชารู้สึกท้อไม่น้อยกับการเรียนที่หนักหน่วงและสภาพแวดล้อมที่ไม้คุ้นเคย แต่เธอก็ผ่านมันมาได้เพราะว่ามีซาโตชิที่ค่อยมาอยู่ดูแลเธอด้วยและพอไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็ตามมาอยู่ด้วยเดือนเว้นเดือนอย่างที่เคยบอกไว้ จึงทำให้เธอมีกำลังใจต่อสู้กับการเรียนที่เรียกได้ว่าโหดพอตัว เพราะเธอเลือกเรียนเป็นศัลยศาสตร์นั้นก็คือแพทย์ผ่าตัด แต่นัทชาก็ไม่เคยย่อท้อ เธอสามารถสอบได้เป็นอันดับหนึ่งของชั้นเรียนเสมอ และเหมือนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่นานเธอก็เรียนจบแพทย์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ก่อนที่จะย้ายกลับไปทำงานในโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นที่ครอบครัวของเธอถือหุ้นใหญ่อยู่
แต่การที่เธอเข้าทำงานในโรงพยาบาลในฐานะลูกสาวเจ้าของมันก็ไม่ได้ทำให้เธอถือตัวเลยแม้แต่น้อยแต่ในทางกลับกันเธอกับถ่อมตนและนอบน้อมกับหมอที่อาวุโสกว่าทุกคนและนางพยาบาลที่เธอทำงานรวมด้วย จึงทำให้เธอเป็นที่รักของทุกๆคนในโรงพยาบาล และเมื่อออกเวรเธอก็มักจะขับรถเล่นชมวิวไปเรื่อยปล่อยตัวปล่อยใจให้ร่องลอยไปตามสายลมที่พับโชยเข้ามาในรถแลมโบกินี่คันสวยสีดำสนิทของเธอที่เธอจะเปิดหน้าต่างรถเอาไว้ วันนี้อากาศดีกว่าทุกๆวันนัทชาจึงก้าวเดินออกมาจากรถเดินตรงไปยังท้องทะเลที่อยู่ตรงหน้า เธอถอดรองเท้าออกเพื่อให้ตัวเองได้สัมผัสกับเม็ดทรายนุ่มละเอียดของชายหาด ก่อนที่ความทรงจำหนึ่งจะผุดขึ้นมาทั้งๆที่มันขาดหายไปนานกว่าสิบเอ็ดปีกว่าๆแล้วก็ตาม
‘พี่ก็รักนัท เราจะมีกันและกันตลอดไป พี่สัญญา......’
คำสัญญาของผู้ชายใจร้ายที่เป็นเหมือนคำหลอกลวงให้เธอต้องเจ็บช้ำดังแววขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่หัวใจดวงนี้ไม่อยากจะจดจำ แต่เขาว่ากันว่าอะไรที่เป็นครั้งแรกและอะไรที่เรารักมากมันมักจะตราตึงลงไปในหัวใจเสมอ ใช่ไม่ไม่ผิดเลย เพราะเธอจะไม่หลอกตัวเองว่าเธอได้ลืมมันไปแล้วจริงๆ ทั้งๆที่หัวใจของเธอยังจำคนใจร้ายคนนั้นได้ดีไม่เคยลืม แต่สิ่งที่เธอจะทำนับตั้งแต่นี้ไปก็คือ เธอจะลืม จะลืมรักร้าย ครั้งเก่านั้นให้ได้ในสักวันไม่ว่ามันจะนานแค่ไหนก็ตาม
ร่างบางหันหลังให้กับทะเลตรงหน้าก่อนจะเดินกลับไปที่รถที่ตอดอยู่แต่เพราะความเหนื่อยล้าหลังออกเวรจึงทำให้เธอเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมา เพราะเธอไม่ได้ทานอะไรเลยเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วมั่วแต่ยุ่งอยู่กับงานจนลืมเวลาทานอาหารเมื่อเคย แต่ก่อนที่ร่างบางจะล้มลงไปกับมีมือหน้าของใครบ้างคนเข้ามาพยุงเอาไว้ก่อน
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ผมว่าคุณไปนั่งพักตรงเสื่อของผมตรงนั้นก่อนไหมหน้าคุณดูซีดมากนะ”
“ไม่เป็นไรคะขอบคุณมาก ฉันยังไหว แค่เหนื่อยและไม่ได้ทานอะไรเลยก็เท่านั้น ฉันอยากกลับไปที่รถของฉันมากกว่า”
“อย่าดื้อสิครับ ผมว่าสภาพคุณตอนนี้ไม่สามารถขับรถกลับบ้านได้ไหวหรอก ตรงเสื่อของผมตรงนั้นมีแซนวิสง่ายๆอยู่ถ้าคุณไม่รังเกียจละก็....”
“ไม่! ฉันบอกว่าอยากกลับไปที่รถของฉันไง ขอบใจมากนะคะที่เป็นห่วงแต่ฉันเป็นหมอฉันดูแลตัวเองได้”
“เป็นหมอ.... แล้วทำไมปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ได้ล่ะครับ ทำไมไม่ดูแลตัวเอง ถ้าเป็นแบบนี้คนไขที่ไหนอยากจะฝากผีฝากไข้ด้วย เชื่อผมสิไปนั่งพักตรงนู้นก่อน รับรองผมไม่ได้เป็นพวกโรคจิตหรือมิจฉาชีพอะไรแน่ผมไม่ได้มาหลอกทำมิดีมิร้ายคุณหรอก”
นัทชามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งก่อนที่จะยอมให้เขาพยุงไปนั่งที่เสื่อของเขาแต่โดยดี บนเสื่อนั้นมีของว่างง่ายๆวางอยู่พร้อมกับกล้องถ่ายรูปที่ดูก็รู้ว่าราคาแพงลิบลับแน่ๆ
“ผมชื่อเรียว... เรียว ซูซูกิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ชายหนุ่มยื่นแก้วน้ำส่งให้หญิงสาวด้วยท่าทีเป็นมิตร แต่นัทชานั้นไม่คิดจะรับมันมาเพราะเธอเกรงว่าเขาจะวางยาอะไรเธอรึเปล่า ข่าวมากมายเดี๋ยวนี้ทำให้เธอหวั่นกับท่าทีของเขาไม่น้อย และดูเหมือนกับว่าชายหนุ่มจะรู้ดีว่าเธอคิดอะไรอยู่จึงดื่มน้ำโชว์คนตรงหน้า ก่อนจะเทน้ำใส่แก้วให้เธอใหม่ นั้นแหละหญิงสาวถึงรับมันมา
“ฉันชื่อ นัทซึกิ ฟุจิวาระ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันคะ”
“ครับคุณนัทซึกิ..... กว่าจะเป็นหมอได้คุณคงลำบากไม่น้อย และเมื่อได้เป็นหมอคุณก็คงต้องรับผิดชอบต่ออะไรๆมากมาย...... อย่าหาว่าผมยุ่งเลยนะครับ แต่คุณควรจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้เพราะอาชีพของคุณคืออาชีพที่พวกเราฝากชีวิตเอาไว้ในมือของคุณ ไม่ว่าคุณจะเหนื่อยหรือยุ่งมากแค่ไหนคุณก็ต้องกินและพักบ้างอย่าปล่อยให้เป็นแบบนี้อีกนะครับ”
นัทชามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่พอใจที่เขากล้ามาสั่งสอนเธอแต่สิ่งที่เขาพูดนั้นก็เป็นความจริง เธอจึงไม่สามารถที่จะเถียงเขาได้
“คุณจะไม่ถามหรือครับว่าผมทำงานทำการอะไร...”
“ฉันคิดว่าไม่จำเป็นเพราะอีกเดี๋ยวพอฉันอาการดีขึ้นฉันก็จะไปแล้ว และเราสองคนก็คงไม่บังเอิญเจอกันอีกเพราะฉะนั้นฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นที่เราจะต้องรู้จักกันไปมากกว่านี้ ขอโทษนะค่ะที่ฉันเป็นคนพูดตรงแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับผมชอบ.....”
เรียวส่งสายตาหวานมาให้นัทชาหญิงสาวรู้ดีว่าเขานั้นรู้สึกอย่างไรจึงลุกขึ้นยืนเมื่อรู้สึกดีขึ้นมาแล้ว หมายจะเดินกลับไปที่รถของตน
“ขอบคุณมานนะคะที่ช่วย....”
เธอเดินจากเขาไปโดยที่ไม่สนใจที่จะมองกลับมาด้วยซ้ำ แต่เรียวก็ยิ้มให้เธอแม้เธอจะไม่เห็นก็ตาม ก่อนจะตะโกนไปหาเธอก่อนที่เดินห่างออกไปว่า
“ผมเป็นช่างภาพ!!! หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก และเมื่อถึงตอนนั้นคุณคงจะยอมมาเป็นนางแบบให้ผมได้ถ่ายรูปนะครับ”
..........................................................................................................................................................................
ช่วงนี้เขาเหนื่อยมากเลยอ่าตะเอง สองสามวันมานี้เขายุ่งกับการย้ายของเข้าหอใหม่มากเลย เลยเบี้ยวพวกตะเองตั้งสองวัน เขาขอโทษน้า..... วันนี้เลยจัดให้สองตอนกันไปเลยนะ
ส่วนเรื่องคำผิดที่มีมากนั้นเขาจะพยามตรวจทานและสังเกตให้มากกว่านี้ หากมทีอะไรที่พวกตัวเองอยากแนะนำเขาสามารถบอกได้เสมอ เพราะเหมือนอย่างที่เขาบอกกับพวกตัวเองเสมอคือเราจะเติบโตไปด้วยกันนะ
และขอบคุณนะคะที่ติดตามผลงานของเขา อยู่ด้วยกันไปนานๆนะ รักนะคร้า ฝันดีคร้าทุกคน
ความคิดเห็น