คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Friend เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ (Chanbaek ft.Kaido) (Part 1)
Title:Friend เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ (Part 1)
Couple:Chanbaek
Author:BTScorpii, CrescenDo.STAR5
Music: Zen me ban(What Shold I Do)-S.H.E
Note:ปิดเพลงหน้าบทความก่อนนะค่ะ
คุณรู้จักคำว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อหรือเปล่า
ผมคิดว่า ผมกำลังทำอยู่ในขณะนี้
ทั้งๆที่ผมอาสาจะเป็นแม่สื่อแม่ชัก
แต่ผมกลับดันไปปิ๊งไอ้โย่งหูกางนั้นจนได้
"ไอ้เหี้ยย!!!"ผมกระเด้งตัวจากที่นอนทันทีหลังจากที่ผมตื่นมามองนาฬิกาบนหัวเตียง ก็นาฬิกามันบอกว่าตอนนี้เวลาเจ็ดโมงกว่าแล้ว ผมมีเรียนตอนแปดโมงนี้ดิ จะทันไหมละเนี่ย? ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำแต่งตัว ขนาดเสื้อผ้าที่ผมใส่ตอนนี้ยังไม่ได้รีบเลยด้วยซ้ำ ช่างมัน ใส่ลวกๆไปก่อนเอาเสื้อแขนยาวทับก็ไม่มีใครรู้ว่าแบคกี้คนน่ารักคนนี้ไม่ได้รีดเสื้อ คุคุ รีบกินนมแก้วหนึ่งวิ่งไปยังหน้าห้องพักของตัวเอง ใส่ร้องเท้า วันนี้เอาสีส้ม แนวๆหน่อยก็แล้วกัน นี้ขนาดผมรีบนะเนี๊ย -*- ผมเปิดประตูออกไปก็เจอผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันคือ…สาย ไอ้กางหัวฟูห้องตรงข้ามนั้นเอง -.- ชายตรงหน้าผมนั้นเป็นใครมาจากไหนนั้นไม่มีใครทราบ ผมรู้จักเพียงว่ามันชื่อชานยอลเพื่อนสนิทผมเท่านั้นเอง เราสนิทกันมาก ถึงมากที่สุด สันดารพอๆกัน ทำให้เราเข้าใจกันและสนิทสนมกลมกลืนกันอย่างรวดเร็วมาได้หนึ่งปี
"ไอ้หมาสายว่ะ!"
"ทำอย่างกับมึงไม่สายนิ ไอ้กาง หมาตัวไหนคุยกับกูนะเวลานี้"
"กรี๊ด!! มึงนะหยาบคาย"
"มึงกรี๊ดทำไม!? มึงว่ากูเป็นหมาแล้วคุยกับกูได้นี้ก็คงเผ่าพันธุ์เดียวกัน"
"กรี๊ดคือคำกริยาแสดงอาการตกใจ และก็หยุดพล่ามได้แล้วไอ้หมา หรือจะให้กูเรียกแบคกี้แบบคนอื่น ไม่เอากูไม่ชอบเหมือนคนอื่นว่ะ "
"เอ่อ ไม่อยากเถียงแล้วเดี๋ยวเข้าสาย" ผมพูดจบก็ถูกไอ้กางนั้นผลักหัวและกอดคอเดินลากออกจากหน้าห้องของเราไป
ผมกับไอ้กางรีบวิ่งเข้ามามอมาเพราะว่าเพื่อนผมโทรมาบอกว่าอาจารย์เข้าแล้ว ความชิบหายมาเยือน เพราะถ้าคาบนี้ผมเข้าไม่ทันเช็กชื่อมีหวัง หมดสิทธิ์สอบกลางภาคชัวร์ ผมรีบวิ่งสุดฤทธิ์แต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้คนข้างหลังผมมันวิ่งตามทำไม ทั้งๆที่ถึงวันนี้มันขาดหรือเข้าสายก็ไม่มีผลอะไรกับมัน แต่ก็ช่างมันเถอะ ระยะทางจากหน้ามอมาถึงหน้าคณะผมไม่ได้ไกลนะ แต่ทำไมผมถึงเหนื่อยอย่างนี้ -3- แล้ววันนี้ผมมีเรียนชั้น5 แต่หน้าลิฟต์ดันมีนักศึกษายืนรออยู่เต็มเลย แถมที่คณะผมดันมีลิฟต์อยู่เพียงแค่ตัวเดียวอีกด้วยนะ ถ้าผมรอลิฟต์ผมว่าผมเช็กชื่อไม่ทันแน่ แต่มันชั้น5เลยนะT^T เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน ขาผมเปลี่ยนทิศทางไปยังบันไดทัน แต่ยังไม่ทันก้าวขึ้นบันไดเลยเสียงไอ้กางก็ดังขึ้นจนทำให้ผมหันไปมองมัน โอ้โห*0*สภาพมันนี้หอบเหมือนหมาขาดน้ำเลยครับ ขาก็ยาวกว่าผมนะแต่ทำไมวิ่งช้าก็ไม่รู้ -__-“
"ไอ้หมา มึงจะไปไหน"ไอ้โย่งถามผมทั้งที่เสียงมันยังหอบอย่างหมาอยู่
"ก็ขึ้นไปเรียนไง สัด!ชวนกูคุย เดี๋ยวกูหมดสิทธิ์สอบขึ้นมามึงตายแน่"ผมหันไปด่ามันก่อนรีบวิ่งขึ้นบันได สาบานว่าบันไดมีไม่ถึงร้อยขั้นแต่มันทำให้ผมแทบหมดแรงเดิน ผมมาหยุดอยู่หน้าห้องก่อนรีบเปิดประตูเข้าไป
"บยอน แบคฮยอน"
"มาครับ"
ความเหนื่อยล้าเข้ามาหาขาผม ผมเดินเข้าไปนั่งข้างคนตัวเล็กข้างๆซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเอกของผม โด คยองซู เกือบซวย -___- พร้อมกับเสียงไอ้กางที่ดังตามมา
"ขอบใจนะคยองซูที่โทรมาบอก" ผมพูดพร้อมกับเหลือบไปมองชานยอลที่ทิ้งน้ำหนักลงข้างๆ
"ไม่เป็นไร โชคดีแล้วนะที่มาทัน เส้นยาแดงเลยนะเนี่ย"
"สวัดดีคยองซู^__^" ชานยอลทักคยองซูด้วยเสียงร่าเริง ทั้งทีมันวิ่งหอบอย่างกับหมาไม่หยุด
"สวัดดี ชานยอล ^^" คยองซูทักอย่างเป็นมิตรพอเป็นพิธีก่อนจะสนใจข้างหน้าที่อาจารย์สอน ผมกับคยองซูเป็นเพื่อนกันมานมนานแล้วล่ะครับ เราเป็นเพื่อนร่วมแก็งอนุบาลอมยิ้ม ไม่อยากคุยโว้ ผมนี้แหล่ะหัวหน้าและคยองซูคือเพื่อนและลูกสมุนในแก็งของผมแต่คนอื่นแยกย้ายกันไปตามกาลเวลาและเหลือผมและคยองซู ทำให้ผมและคยองซูสนิทและติดกันมาก จนเราเรียนด้วยกันมาจนถึงมหาลัย และชานยอลก็คือเพื่อนในรอบหลายปีของผม ซึ่งตลอดมานั้นผมไม่เคยคิดที่จะคบกับใครเป็นเพื่อนเลย เพราะผมคิดว่าผมมีแค่คยองซูก็พอแล้ว แต่ที่ผมคบกับชานยอลนี้เพราะความบังเอิญล้วนๆครับ ผมเหลือบไปดูไอ้กางข้างผมที่ทำท่าสลิดสดิ้ง เมื่อคยองซูส่งยิ้มมาให้ผมแต่มันเสือกคิดว่าเป็นมัน อย่างคิดว่าผมไม่รู้ว่าชานยอลคิดอะไรกับคยองซูนะ ไม่งั้นผมจะใช้คำว่าเพื่อนสนิทกับมันได้อย่างไร เห็นหน้าก็รู้ใส้รู้พุงรู้ตับรู้ไตหมดแล้วไอ้โย่งนี้ดูง่ายจะตาย
"มึงหุบยิ้มหน้าบานเป็นดอกตะวันแรกแย้มเห็นพระอาทิตย์ได้แล้ว" ผมพูดพร้อมกับเอาปากกาชี้ไปยังบนกระดาน
"เอ่อ" มันพูดพร้อมเชิดใส่หน้าผมแล้วหันไปสนใจกระดาน เห็นแลัวหมั่นใส้ว่ะ -___-!!
ทั้งๆที่มันเหมือนจะทำตามที่ผมบอกแต่ตอนแรกแล้วนะ แต่ก็.........ทั้งคาบครับ ไอ้ชานยอลยังคงนั่งมองหน้าคยองซูทั้งคาบ ไอ้ตัวเล็กที่นั่งข้างผมนี้ก็ไม่รู้เลยว่าใครมองอยู่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียว ผมก็เป็นโรคจิตอะไรไม่รู้หงุดหงิดทั้งคาบ ยิ่งเห็นไอ้กางยิ้มหน้าบานยิ่งฟัน19ซี่นี้ผมก็ยิ่งหงุดหงิด หงุดหงิดจนผมทนไม่ไหว
"มึงช่วยหุบยิ้มหน่อยดิ เห็นแล้วรำคาญตา"ผมกระซิบบอกมันอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียงดังระหว่างอาจารย์สอน
"มึงก็อย่ามองดิ กูไม่ได้ยิ้มให้มึงนะ"แทนที่มันจะทำตามที่ผมบอก แต่ครั้งนี้มันกลับเถียงผมครับ แต่ก็จริงอย่างมันพูดนะ -_-
"ก็มันอยู่ในรัศมีตากูอะ กูเห็น ไม่รู้แหละ ถ้ามึงไม่หุบยิ้มกูก็ไม่ช่วยมึงเรื่องคยองซู"ชานยอลรีบหุบยิ้มทันทีหลังจากที่อีกฝ่ายเอ่ยชอบคนที่เขาแอบรักออกมา คำขู่นั้นเหตุผลทันที ที่ทำให้ผมชนะชานยอลได้นั้นมันเป็นเรื่องเมื่ออาทิตย์ที่แล้วจู่ๆไอ้โยงมันก็มาสารภาพกับผมว่ามันชอบคยองซู ถามว่าผมอึ้งไหม? ผมบอกได้เลยว่านิดหน่อยจริง แค่ไม่คุยกับมันวันหนึ่งเต็มๆ !! -__- ก็ผมงอนนิ ถึงจะสนิทกับมันมากรู้ทุกเรื่องของมันยกเว้นเรื่องเดียว ที่ผมไม่เคยรู้คือ หัวใจ ของมันนั้นเอง
หลังจากเรียนมาทั้งเช้าเสร็จหมด คาบบ่ายพวก ผมก็ว่างกันทันที คยองซูขอกลับก่อนเพราะมีนัดจงอิน เพื่อนต่างคณะที่เห็นรู้จักกันมาตั้งแต่เข้ามหาลัยใหม่ๆผมก็รู้จักผ่านๆ
ผมโบกมือลาคยองซูกับเสียงโหยหวนล่ำลาของชานยอล ผมเตรียมตัวกลับหอไปนอน เพราะเมื่อคืนด็อดเอตีด่านนานไปหน่อย ง่วงสาดๆ!!เลย -3- ในขณะที่กำลังจะหันกลับนั้นก็ถึกแรงช้างพรานช้างที่แรงเยอะม๊ากกกมากกกก!! นั้นดึงเอาไว้
"ไอ้หมา จะไปไหน" ชานยอลถามผมล็อกคอผมไว้แน่นหนา
"นอน" ผมบอกพร้อมกับแกะมือมันออก แต่มันก็ไม่ออกสักที
"ไปดูหนังเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ" ไม่พูดเฉยๆเสือกมากระซิบข้างหู ให้ขนแขนผมลุกเต้นทันที
"เฮ้ย!! อะไรของมึงว่ะ"
"แบคกี้ สุดน่าร็อค^++++^ ไปดูหนังกับยอลลี่หน่อยได้เปล่าครับ?"
"หนังไร?"
"เถอะน่า" พูดเท่านั้น มันก็ลากผมมามันที ไม่รอคำตอบแต่ใดมา....
เราสองคนมาอยู่หน้าโรงหนังพร้อมกับสีหน้าของผมที่คิ้วขมวด ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันลากผมมาดูด้วยเพราะชานยอลมันชอบดูหนังผี แต่กลัวผีนั้นเอง ผมลืมไปเลย -___-”
เมื่อหนังเริ่มฉาย ตอนแรกก็เหมือนเรา2คนต่างคนต่างดู แต่พอผ่านไปสักพักหนึ่ง มือของผมก็ถูกไอ้กางนั้นกุมไว้แล้ว จริงๆผมอยากจะแกะมือมันออกนะ แต่ทำไมสมองผมถึงไม่สั่งการให้สะบัดมืออกละ เป็นเวลา2ชั่วโมงเต็มๆที่ไอ้กางเอาแต่จับมาผมไว้แน่น ทุกครั้งที่ผีโผล่ออกมามือข้างที่มันกุมไว้จะถูกมันยกขึ้นไว้ที่ปากและมือข้างที่อยู่ตรงปากมันคือ มือผม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาใจผมเต้นแปลกๆผมไม่ได้กลัวผีหรือว่าอะไรนะ ผมไม่รู้จริงๆว่าทำไมใจผมถึงเต้นผิดปกติอย่างนี้ พออกมาจากโรงหนังผมรีบขอกลับบ้านทันที ทั้งๆทีมันชวนผมกินข้าวก่อน แต่คือตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จริงๆ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรแต่ใจผมมันสั่นแปลกๆความง่วงของผมหายไปหมด อาการแบบนี้มันเกิดตั้งแต่ตอนที่ชานยอลยิ้มให้คยองซู ถามถึงคยองซู หรือพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับคยองซู ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรจริงๆ
ผมมานอนคิดทบทวนกับสิ่งที่ทำให้ผมเกิดอาการแบบนี้นั้นเพราะอะไร นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนอนม้วนตัวเป็นดักแด้เผื่อจะคิดออก แต่กับคิดไม่ออกว่าผมเป็นโรคอะไรร้ายแรงเปล่า? แต่แล้วเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ผมแตกตัวเป็นผีเสื้อบินออกมายังหน้าประตู เมื่อเห็นว่าใครมา ผมอยากกลับเป็นดักแด้อย่างเดิมจัง -___-
"มีอะไร" ผมถามไอ้กางที่อยู่ข้างหน้าผม
"หิว ขอมาม่าหน่อย" พูดเสร็จก็เบียดตัวเข้ามาในห้องของผมอย่างกับห้องตัวเอง
"มึงกินไรยัง?"
"ยัง" ผมพูดจบมันก็ต้มมาม่าเผื่อผมด้วยอย่างหมารู้หน้าที่ ผมนั่งอยู่บนเตียงดูมันทำ เมื่อมันทำเสร็จมาว่างโต๊ะกลางห้องทำให้ผม ต้องย้ายตัวเองตามกลิ่นนั้นมาด้วย เพราะผมรีบหลบหน้ามันเพราะอาการแปลกที่เป็นถี่ช่วงนี้ ทำให้ผมไม่ได้กินข้าวด้วยเหมือนกัน ไอ้กางรู้หน้าที่ของมันเตรียมให้ผมเรียบร้อยก่อนที่เราทั้งคู่จะลงมือทาน ไม่วายที่ผมจะถามมันด้วยว่าทำไมถึงมาขอมาม่าห้องนี้
"ก็กูไม่มีเพื่อนกินข้าว" มันพูดผมก็พยักหน้ารับพร้อมกับคีบมาม่าเข้าปากอย่างเร็วเพราะไม่อย่างนั้นไอ้กางกินหมด ไม่เหลือให้แดกแม้แต่น้ำ
"หมา มึงจะช่วยกูเรื่องคยองซูเมื่อไหร่ กูขอร้องมึงเป็นอาทิตย์แล้วนะ นานแล้ว" ผมเหลือบไปมองพร้อมกับพูดทั้งๆที่มาม่ายังเต็มปากตัวเอง
"แล้วแต่พฤติกรรมที่น่าพอใจของมึง ถ้าไม่ผ่านมาตราฐานกู มึงก็อย่าหวังว่าจะได้จีบคยองซูเลย ไอ้กาง"
"เอ่อ กูจะแสดงให้เห็น" มันพูดพร้อมกับคีบมาม่าแข่งกับผม เพราะเราเอาแต่คีบกินอย่างรีบและผมที่กลัวมันแย่ง อย่างกับหมาห่วงข้าว ทำให้ผมสำลักน้ำลายตัวเอง
"แค่กๆ นะ..น้ำ"
"เอ้า! กินเหี้ยยังไงว่ะ มาม่าติดคอ"มันพูดขึ้นพร้อมกับลูบหลังให้ผมเบาๆ
"สะ.." เสือก คำนี้หายไปเพราะหน้าของชานยอลที่เข้ามาใกล้พร้อมกับมือที่สัมผัสแก้มของผมอย่างเบาๆ นั้นทำให้ผมรับรู้ถึงลมหายใจขัดของชานยอล.... ความรู้สึกผมกับมารับรู้อีกที่เมื่อลมหายใจของเราใช้ร่วมกันแล้ว เพราะอะไรไม่รู้ทำให้ผมหลับตาและชานยอลที่มอบจูบแผ่วเบานั้นให้ผม มันอาจเป็นเพราะมาม่าอืดๆนั้น
ก็ได้ ...
ทั้งที่เราจูบกันไปเมื่อคืนทำให้ผมนอนไม่หลับ เมื่อวานชานยอลขอโทษแล้วออกไป เพราะเขาบอกว่ามันคืออุบัตติเหตุ ตอนนั้นผมกับคิดว่าชานยอลอาจจะชอบผม แต่ผมลืมไปว่าชานยอลชอบคยองซูอยู่ ทำไมพอพูดถึงเรื่องนี้มันถึงเจ็บจี๊ดในใจนะ ทั้งๆที่ตั้งใจจะช่วยให้ทั้งสองคนรักกันแล้วแท้ๆ แต่พอถึงเวลาจริงๆกับไม่อยากทำ วันนี้ผมจึงหนีหน้าชานยอล โดยรีบออกจากหน้าแต่เช้า(เมื่อคืนนี้ผมนอนไม่หลับ=_=)เพื่อไม่ให้เจอหน้าชานยอล อย่างน้อยเจอตอนนี้เรียนดีกว่าเจอตอนนี้
เนื่องจากออกมาจากหอเช้าทำให้ถึงมหาลัยเร็วกว่าปกติ ผมรีบเดินไปหน้าคณะผมทันที เมื่อถึงหน้าคณะผมเจอคยองซูกำลังนั่งคุยอยู่กับจงอิน ดูเหมือนว่าคู่นี้จะสนิทกันเป็นพิเศษ เพราะเวลาจะชานคยองซูไปไหน เจ้าตัวก็จะบอกว่า นัดกับจงอินไว้แล้วไปไม่ได้ ผมเดินเข้าไปหาคยองซู และดูเหมือนว่าจงอินจะเห็นเลยเดินออกไปผมได้แต่งงกับท่าทีของจงอิน เขาแค่จะมานั่งด้วยแต่ทำไมต้องทำท่ากลัวอะไรขนาดนั้น
"อ้าว แบคกี้ทำไมวันนี้มาเช้าจัง"คยองซูเอ่ยขึ้น ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดแปลกๆของตัวเอง
"เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับอะ” ที่จริงไม่ได้หลับเลยต่างหาก
"เป็นอะไรรึป่าว"
"ป่าว ไม่มีอะไร"คยองซูได้แต่พยับหน้ารับ พร้อมกับก้มลงมองหน้าจอมือถือ
"คยองซู ขอถามอะไรหน่อยสิ"
"ว่าไง"ผมเงียบก่อนนิดนึงก็ที่เอ่ยถามออกไป
"ถ้าเวลาเราอยู่ใกล้ใครแล้วใจสั่นแปลกๆ ไม่ชอบเวลาเขาพูดถึงใครที่ไม่ใช้เรา โกรธทุกครั้งทุกเขาทำเหมือนไม่สนใจเรา แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรหรอ?"คยองซูได้ยิ้มออกมาตามแบบฉบับของคยองซู
"แบคฮยอนแบบนี้เขาเรียกว่า รัก นะ^++++^" รักหรอ? เขาเนี้ยนะรักไอ้กาง ไม่ใช่มั้ง?
*รอติดตามPart2 ต่อนะค่ะ
ครั้งนี้ไรท์แต่งร่วมกับไรท์ CrescenDo.STAR5(ไรท์เรื่อง730วัน ‘ฉันรักนาย’)ค่ะ
ครั้งนี้ลองแต่งชานแบคดูบางไม่รู้ว่าจะออกมาดีรึป่าวแต่งไรท์ทั้งสองตั้งใจแต่งเต็มที่นะค่ะ ช่วยเป็นกำลังใจให้พวกเรากันเยอะๆนะค่ะ ^^
ทวิตของไรท์ทั้งสองค่ะ
มาพูดคุยกันได้นะค่ะ
Writer BTScorpii: @BTScorpii
Writer CrescenDo.STAR5: @ Crescendo_5
ความคิดเห็น