คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ขบวนกาม
ขบวนกาม
ปรัศนีย์แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสังคมรอบ ๆ ตัวในปัจจุบันนี้มากมีไปด้วยเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วแทบทั้งสิ้น เมื่อก่อนการมีลูกสาวและลูกชายหากได้รับการตั้งคำถามว่าเป็นห่วงใครมากกว่าคำตอบมักจะเป็น “ห่วงลูกชายมากกว่า” ขอย้ำอีกครั้งอย่างชัด ๆ ว่านี่คือคำตอบของคนเป็นพ่อเป็นแม่ในอดีตจริง ๆ เพราะปัญหามากมายไม่ว่าจะเรื่องยาเสพติดหรือปัญหาการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ผู้ที่มักจะถูกล่อลวงเข้าไปสู่วงจรเหล่านี้มักจะเป็นเด็กผู้ชายหรือวัยรุ่นที่เป็นผู้ชายนั่นเอง
ปัจจุบันนี้ทุกสรรพสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วทุก ๆ ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นกับเด็กผู้ชายเกิดขึ้นได้ในเด็กผู้หญิงเช่นกัน แต่สิ่งที่ปรัศนีย์รู้สึกสะดุดหูเหลือเกินกับคำสนทนาของเพื่อนสองคนที่ได้ติเตียนผู้อื่นลับหลังนั่นคือ ความร้ายกาจของเด็กผู้หญิงวัยรุ่นซึ่งมีวิธีการหาเงินที่แสนง่าย เรามาฟังคำนินทาของสองคนนั้นกันเถอะ
“ฉันล่ะปวดหัวจริง ไอ้...ลูกชายของน้องสาวน่ะมันพาผู้หญิงไปนอน ทั้ง ๆ ที่บอกมันแล้วว่าให้ระวัง ๆ แต่มันก็อวดดีบอกว่าดูแลตัวเองได้ เป็นไงล่ะทีนี้” ฝ่ายแรกเอ่ยอย่างต้องการจะระบายความอัดอั้น
“แล้วทางผู้หญิงเขาจะให้ทำยังไงล่ะทีนี้” อีกฝ่ายถามกลับไปด้วยใจอยากรู้
“ฉันก็พาแม่ของมันไปคุยกับแม่ของผู้หญิง เขาบอกว่าทางเราต้องรับผิดชอบเพราะลูกเขาไม่เคยมาก่อน” จบประโยคนี้ฝ่ายแรกถอนหายใจใหญ่ก่อนจะกล่าวต่อ
“เฮ้อ...ถ้าเกิดแก้ปัญหานี้ไม่ได้น้องสาวฉันจะต้องเป็นบ้าแน่ ๆ เลย...ถ้ามันได้เด็กผู้หญิงคนนั้นมาเป็นสะใภ้ก็นับว่าเป็นคราวเคราะห์ของมันจริง ๆ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็จะมีเด็กผู้หญิงที่ไม่เคยคนไหนบ้างล่ะจะหยอกล้อโดยถึงเนื้อถึงตัวกับผู้ชายทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกับเขาได้เพียงไม่กี่วันเขาจะพาไปไหนก็ไป ดึกดื่นเที่ยงคืนพ่อแม่ผู้ชายบอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับ เก้าอี้มีตั้งหลายตัวแต่เวลานั่งก็ดันไปนั่งตักหลานชายฉันเสียอย่างนั้น น้องสาวฉันเห็นแล้วยังรู้สึกอายแทนแต่ยัยเด็กนั่นไม่เห็นจะอายอะไร”
“อืม...อย่างนี้ก็แย่ซินะแล้วตอนนี้เขาแก้ปัญหากันได้รึยังล่ะ”
“ใช่ แย่จริง ๆ เพราะทางโน้นเขาขู่มาว่าให้ไปสู่ขอหรือไม่ก็ให้ไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้กับลูกสาวเขา ไม่อย่างนั้นแล้วเรื่องจะต้องถึงโรงถึงศาลอย่างแน่นอน เมื่อคืนพวกฉันก็ไปคุยกับทางโน้นมาตกลงจะจ่ายเป็นเงินแล้วขอให้เลิกแล้วต่อกันโชคดีที่เขาตกลง ทันทีที่เห็นเงินยิ้มหน้าบานกันทั้งบ้าน เฮ้อ...โล่งอกไป” ฝ่ายแรกพูดจบเธอถอนหายใจใหญ่อีกครั้ง แสดงให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเรื่องปวดหัวของเธอได้จบสิ้นลงแล้ว
“ก็ดีนะที่เรื่องจบลงได้ มันยังดูไม่น่าเกลียดเท่าไหร่แต่เรื่องที่ฉันรู้มานี่น่ะซิน่าเกลียดจริง ๆ ทำงานกันทั้งบ้านทำกันเป็นขบวนการเลยล่ะ ทั้งลูกสาวฝาแฝดรวมทั้งพ่อกับแม่ของมันด้วย”
“ทำไมเหรอเขาทำอะไรกัน”
“ก็แม่ลูกสาวทั้งสองคนนี่น่ะซิ คบหากับผู้ชายไม่เลือกหน้า เอ...หรือฉันจะพูดผิด เขาก็เลือกนะคือเลือกผู้ชายร่ำรวยแล้วก็ต้องดูฉลาดน้อย ๆ พ่อแม่ของผู้ชายหน้าบางหน่อยนี่ล่ะคุณสมบัติที่พวกเขาค้นหา”
“จริงเหรอ” ฝ่ายแรกมีสีหน้าสงสัยใคร่รู้เมื่อได้ฟังการบอกเล่าจนอีกฝ่ายต้องรีบชี้แจง
“ก็จริงน่ะซิ พูดไปก็เหมือนจะเกินจริงแต่คนแถวบ้านฉันน่ะเขารู้กันทั้งนั้นว่าสองสาวนี่คบกับใครก็ต้องเสียตัวทุกครั้ง แล้วสิ่งที่ครอบครัวนี้ต้องการไม่ใช่การแต่งงานหรือความรับผิดชอบอย่างอื่นหรอกนะ...เงินเท่านั้นที่เขาต้องการ”
“อ้าว!!! ถ้าอย่างนั้นก็ร้ายกว่าผู้หญิงของไอ้หลานชายฉันน่ะซิ”
“ร้ายกว่ามากเชียวล่ะ เขาลือกันว่าถ้าหากอยากรู้ว่าพวกเขาร้ายกันขนาดไหนก็ให้ไปสืบดูว่าคดีพรากผู้เยาว์ที่โรงพักใกล้บ้านที่ครอบครัวนั้นอาศัยอยู่ซิว่ามีกี่คดี คนที่ไปแจ้งก็พ่อกับแม่เขานั่นล่ะ เมื่อไกล่เกลี่ยและยอมความกันในแต่ละครั้งทั้งพ่อและแม่รับเงินกันไม่อั้น...ทั้งครอบครัวอายไม่เป็น”
“ตายล่ะ! อย่างนี้ฉันว่าเขาไม่น่าจะเรียกว่าทำกันเป็นขบวนการหรอกนะน่าจะเรียกว่าทำกันเป็น ‘ขบวนกาม’ เสียมากกว่า สิ่งที่เขาทำนี่น่ะน่าเกลียดกว่าการค้าประเวณีเสียอีกนะเธอ"
“ถึงจะน่าเกลียดกว่าแต่ทุกครั้งลูกสาวของเขาก็ได้เงินมากกว่าโสเภณีนะ”
เรื่องราวที่พวกเขานินทากันนี้เมื่อได้รับรู้ ปรัศนีย์ใช้เวลาในการตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อดีนานเหลือเกิน เพราะบุคคลที่ถูกอ้างถึงนั้นปรัศนีย์ไม่รู้จักใครแม้แต่คนเดียว แต่หากจะเปรียบเทียบความน่าเชื่อถือจากผู้พูดก็น่าจะเชื่อได้ว่าเรื่องนี้น่าจะมีมูลความจริง
ความคิดเห็น