คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ ๖
ลงครั้งแรก 3 กรกฎาคม 2559
๖
“คุณชายตื่นได้แล้วค่ะ”
“ฮื่อออ..”
“ตีสี่แล้วนะคะคุณชาย
เดี๋ยวหม่อมแม่มาเอ็ดเอาได้นะคะ” ดวงหน้าหวานซุกเข้าหาหมอนนิ่มพลางวาดมือกอดเกาะกำบังที่ว่าเอาไว้แน่น
เสียงเล็กครางฮื่อในลำคอด้วยความง่วงงุนที่ทำให้ไม่อาจจะลืมตาตื่นขึ้นมาตอนนี้ไหวได้จริงๆ
ปกติคุณชายไม่ใช่คนตื่นสาย เขามักจะตื่นไปช่วยหม่อมแม่ใส่บาตรอยู่ทุกเช้า
หากแต่เมื่อวานโดนพี่สาวคนสวยเรียกไปนั่งอบรมมารยาทสำหรับงานแต่งเสียจนดึกดื่น
กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสาม
ไม่ใช่เพราะออกจากห้องพี่หญิงตอนตีสามหรอก
คุณหญิงกันติภาปล่อยน้องชายตัวน้อยออกมาตั้งแต่สามทุ่มแล้ว
มีแต่คุณชายเองนั่นแหละที่ตื่นเต้นเสียจนนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงกว้าง
กว่าจะข่มตาหลับได้ก็ปาเข้าไปเช้าวันใหม่
เพราะแบบนั้นถึงมัวโอ้เอ้ซุกหน้าเข้าหาหมอนอยู่นี่อย่างไร
“พี่ชายตื่นเถอะค่ะ กว่าจะแต่งตัวกว่าจะแต่งหน้า
หญิงกลัวว่าจะไม่ทันถ้ายังนอนอยู่แบบนี้” คุณหญิงกานต์นพิศพยักหน้าให้ช่างแต่งหน้าช่างแต่งตัวทั้งหลายขนอุปกรณ์เข้ามาในห้องนอนของพี่ชายอย่างเงียบๆ
มือเรียวพยายามอย่างยิ่งที่จะยื้อยุดฉุดกระชากหมอนหนุนใบใหญ่ออกมาจากมือเรียวของผู้เป็นพี่
แต่ก็นั่นแหละ มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน
“รับปากจะแต่งกับเขาแล้วจะมาดื้ออย่างนี้ไม่ได้นะคะ”
“หญิงงงงง… พี่เพิ่งจะได้นอนเองนะคะ”
เพราะมัวเผลอส่งเสียงเถียงน้อง เรี่ยวแรงที่เคยรั้งหมอนเอาไว้จึงน้อยลงส่งผลให้คุณหญิงกระชากเกราะกำบังด่านสุดท้ายออกไปจากมือเล็กได้อย่างรวดเร็ว
เธอส่งหมอนใบโตให้กับคุณข้าหลวงคนสนิทก่อนจะรั้งแขนเรียวของพี่ชายให้ลุกขึ้นมานั่ง
หลังจากนั้นจึงดันหลังให้เข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับออกคำสั่งให้พี่ชายตัวดีอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย
โดยไม่ลืมยืนรอคุมอยู่ด้านหน้าพร้อมกับกุญแจสำรองในมือด้วย
เผื่อว่าพี่ชายนอนหลับอยู่ในนั้นเธอจะได้ไขเข้าไปลากตัวออกมาได้
“รีบๆอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ไม่อย่างนั้นหญิงจะให้คุณข้าหลวงเข้าไปอาบให้!!” ตะเบ็งเสียงให้ดังขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม วันนี้เป็นวันดีเธอก็ควรที่จะอารมณ์ดีตามไปด้วย คุณหญิงลุกขึ้นมาช่วยหม่อมแม่เตรียมเรื่องสถานที่ตั้งแต่เมื่อเช้ามืดก็คงจะเวลาเดียวกับที่หม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์เพิ่งจะข่มตาหลับได้นั่นแหละ จนเมื่อตอนเกือบจะตีสี่พี่หญิงกันก็บอกกับเธอว่าจะเป็นคนดูเรื่องสถานที่และอาหารทั้งหลายต่อให้เอง เธอจึงถูกย้ายหน้าที่มาเป็นปลุกเจ้าสาวให้ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวแทน
ซึ่งตอนนี้หม่อมราชวงศ์กานต์นพิศนึกอยากจะลงไปช่วยจัดสถานที่ข้างล่างเหมือนเดิมเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด
ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ชายกลายเป็นคนขี้เซาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แค่ลากร่างน้อยนั่นขึ้นมาจากเตียงเธอก็เสียพลังงานราวกับปีนต้นไม้ขึ้นไปจัดไฟประดับเองแล้ว
“พี่ชาย!!”
ร่างบอบบางที่กำลังจะหลับคาอ่างอาบน้ำสะดุ้งจนตัวโยนหลังจากได้ยินเสียงของน้องหญิงตะโกนผ่านประตูห้องน้ำเข้ามา
มือเรียวสวยตบลงไปบนหน้าของตนเองเบาๆพร้อมกับพยายามจะลืมตาขึ้นมาอาบน้ำอย่างที่น้องสาวตัวดีเจ้ากี้เจ้าการสั่งให้เขาทำ
ง่วง..
ง่วงมากจนอยากจะนอนหลับอยู่ตรงนี้..
สายน้ำเย็นที่ไหลวนอยู่รอบกายทำให้คุณชายกันต์พิมุกต์รู้สึกว่าตนเองตาสว่างขึ้นมาบ้าง
มือเรียวลูบไล้ไปทั่วร่างกายอ้อนแอ้นเกินชายของตนอย่างแผ่วเบาแต่ก็เร่งรีบไปในที
หากช้ากว่านี้น้องหญิงคงจะได้ไขประตูเข้ามาแล้วให้คุณข้าหลวงอาบน้ำให้เขาจริงๆอย่างที่ว่าแน่
ซึ่งราชนิกุลหนุ่มไม่มีวันยอม!
จะให้คนอื่นมาเห็นร่างกายของตนได้อย่างไรกัน อายุอานามก็ไม่ใช่ว่าน้อยๆแล้ว
น่าอายจะตายไป!
“คุณชายมาใส่ชุดทางนี้เลยค่ะ”หลังจากที่ลากสังขารออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าบางส่วนที่ใส่ออกมาแล้ว
ร่างบอบบางก็ถูกช่างแต่งตัวผู้จะว่าว่าเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิงลากไปยังตู้เสื้อผ้าพร้อมกับส่งมอบชุดไทยประยุกต์ตามแบบสมัยรัชกาลที่ห้ามาให้
ด้านบนเป็นเสื้อราชประแตนสีครีมพอดีตัวสวมเข้าชุดกันกับโจงกระเบนผ้าตาดสีชมพูอ่อน
ดูแล้วทำให้คุณชายเหมือนเจ้าชายตัวน้อยๆที่วิ่งเล่นอยู่ในรั้วในวังสมัยนั้น
“นั่งเลยค่ะคุณชาย”
“ครับ”
ครางรับออกไปเสียงเบาก่อนปิดเปลือกตาสีไข่ปอกของตนลงให้ช่างแต่งหน้าละเลงเครื่องสำอางที่เตรียมมาลงบนใบหน้าหวานราวกับกำลังระบายสีน้ำอยู่บนผ้าใบ
กันต์พิมุกต์แทบจะปล่อยให้ตนเองนอนหลับไปทั้งๆที่ยังนั่งอยู่ ไม่สิ
เขาหลับไปแล้วต่างหาก ถ้าไม่มีมือของคุณข้าหลวงดันหลังเอาไว้ให้ร่างน้อยคงหงายตัวตกเก้าอี้ไปแล้ว
ความง่วงนี่มันไม่เข้าใครออกใครเลยจริงๆ
“โอ๊ยพี่ชาย!!
หญิงไม่รู้จะปลุกยังไงแล้วนะคะ!!”
ในขณะที่อีกฝ่ายนอนหลับคอพับคออ่อนอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอีกคนกลับเตรียมตัวทุกอย่างเรียบร้อยแล้วอย่างชนิดที่ว่าไม่ต้องมีใครมาเรียกหรือมาปลุกให้เสียแรง
นายทหารหนุ่มนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกเพื่อรอสมาชิกในครอบครัวที่ไม่รู้ว่าจะแต่งตัวช้าอะไรกันนักหนา
หัวใจของเขามันลอยละล่องไปจนถึงวังโรจนรัตติกรแล้วด้วยซ้ำในตอนนี้น่ะ!
เพียงแค่นึกถึงว่าที่เจ้าสาวผู้สูงศักดิ์ของตนหัวใจมันก็เต้นตึกตักขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
บอกได้อย่างเต็มปากว่าฆนากรเฝ้ารอวันนี้มาตลอดหลายอาทิตย์
เฝ้ารอตั้งแต่วันที่ได้เจอกับว่าที่เจ้าสาวของตนครั้งแรก
มันจึงไม่แปลกอะไรที่วันนี้เขาจะลุกจากที่นอนในเวลาเช้าตรู่ชนิดที่ไม่ต้องให้สาวใช้ไปเคาะประตูเรียกแต่อย่างใด
“อื้อหืออ
นี่มันคุณฆนากรจริงๆใช่ไหมเนี่ย”สมชายเอ่ยทักเสียงดังหลังจากที่เดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของพี่ชายคนสนิทพร้อมกับรวีวิทที่เดินเข้ามาเคียงข้างกัน
ใบหน้าหล่อเหลาของว่าที่เจ้าบ่าวดูเบิกบานเสียจนเพื่อนสนิททั้งสองอดจะหมั่นไส้ไม่ได้
ทีตอนอยู่ในค่ายผู้บัญชาการเรียกเข้าพบเช้าหน่อยทำไม่พอใจ
แต่พองานแต่งของตัวเข้า ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อเจ้าประคุณตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่กี่โมงกี่ยาม
แต่ดูแล้วก็น่าจะก่อนไก่ตื่นขึ้นมาขันเสียอีก
เล่นแต่งซะเรี่ยมเร้เรไรนั่งรอคนอื่นได้ตั้งแต่เช้าแบบนี้น่ะ
“วะไอ้นี่ งานแต่งกู
มึงจะให้กูแต่งตัวมอซอไปรับภรรยาเข้าบ้านหรือยังไง!”
“แน่ะ อย่ามาเสียงดังใส่แขกนะเฮีย
แล้วนี่พร้อมหรือยังผมกับพี่บีมารับไปที่งาน”
“กูน่ะพร้อมแล้ว”นายหทารหนุ่มกวาดสายตาไปมองทั่วห้องรับแขกแต่ก็ยังไร้เงาของบุคคลในครอบครัวที่ควรจะลงมาเตรียมตัวกันได้แล้ว
ฆนากรถอยหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“มองหาใครวะ?”
“ก็บ้านกูน่ะสิ
ไม่รู้ว่าแต่งตัวช้าอะไรกันนักหนา” เพียงได้ยินคำตอบรวีวิทและสมชายก็หันไปมองหน้ากันก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียจนเจ้าบ่าวได้แต่นั่งงง
ในหัวคิดแต่ว่ามันหัวเราะอะไรกันแต่ก็ยังไม่คิดจะถามให้ตัวเองดูฉลาดน้อยว่าพวกมันสองคนออกไปตอนนี้
“รอไปจนเย็นเค้าก็ไม่ลงมาหรอกเฮีย”
“หือ??”
“เค้าไปบ้านเจ้าสาวกันตั้งแต่เมื่อเช้ามืดนู่นแล้ว!!”
พิธีตอนเช้าไม่มีอะไรมาก
บ่าวสาวเพียงทำบุญเลี้ยงพระด้วยกันก่อนจะรอให้ถึงฤกษ์ตอนเจ็ดโมงครึ่งเพื่อแห่ขบวนขันหมากเท่านั้น
แขกเหรื่อที่มาในงานมีทั้งบรรดาราชนิกุลฝั่งของทางท่านชายตฤณกฤติและเหล่าคู่ค้าของท่านเจ้าสัว
ทุกคนต่างก็พากันเข้ามาแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่เรื่อยๆ
มือเรียวของคุณชายถูกกอบกุมเอาไว้ด้วยมือใหญ่ของเจ้าบ่าวตัวสูงตลอดเวลาแทบไม่ห่างไปไหนแม้แต่วินาทีเดียว
เมื่อใกล้ฤกษ์ฆนากรจึงโดนพาตัวออกไปนอกวังโรจนรัตติกรอีกครั้ง
ส่วนคุณชายก็ถูกพาไปนั่งรออยู่ที่ห้องนอนของตนเอง ดวงตากลมมองตามแผ่นหลังกว้างของว่าที่เจ้าบ่าวไปพลางคิดไปด้วยว่าอีกคนจะตื่นเต้นเหมือนที่เขาเป็นไหม
เจ้าสาวตัวน้อยมือเย็นเฉียบเสียจนเพื่อนสนิทอย่างหม่อมหลวงจิณภัทรต้องลูบแผ่นหลังบางเบาๆเพื่อปลอบโยน
“ใจเย็นๆก่อนคุณเจ้าสาว”
ขบวนขันหมากถูกแห่เข้ามาในเขตของวังโรจนรัตติกรอย่างยิ่งใหญ่
ประตูเงินประตูทองถูกกั้นเอาไว้ด้วยบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนสนิททางฝั่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
ส่วนใหญ่ก็เป็นของทางฝั่งเจ้าสาว มีเพียงประตูแรกสุดเท่านั้นที่สองทหารหนุ่มยืนถือเข็มขัดทองเส้นใหญ่กั้นเอาไว้
รวีวีทยืนส่งยิ้มบางเบาไปให้เจ้าบ่าว ความจริงแล้วเขาควรจะไปช่วยทางฝั่งนั้นแบกข้าวของอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ในขบวน
ถ้าไม่ติดว่าโดนสมชายลากมายืนอยู่ตรงนี้ก่อนแล้ว
“เอามาสองซองเลยเฮีย ฝั่งละสองซอง”
“เค้ากั้นกันเอาแค่คนละซองเท่านั้นแหละ”
“ก็ผมจะเอาสอง” ยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้วตามที่เอ่ยปากขอ
ฆนากรส่ายหน้าแต่ก็หันไปบอกกับบิดาว่าให้ส่งซองแดงนี่ไปให้เพื่อนสนิทของตนสองซองอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ
มัวเถียงกับไอ้สมชายเขาได้เจอหน้าเจ้าสาวคนสวยอีกทีตอนบ่ายแน่ๆ
ประตูก็มีอีกตั้งเยอะ..
“มึงล่ะ”
“กูขอให้มึงตอบคำถามอะไรสักอย่างออกมาก็พอ”
รวีวิทส่ายหน้าปฏิเสธซองเงินที่ท่านเจ้าสัวยื่นให้
ใบหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยรอยยิ้มแบบที่มีมาตั้งแต่เช้า
เรียวปากบางขยับเป็นคำพูดแค่ไม่กี่พยางค์แต่กลับทำให้คนทั้งงานนิ่งงันรอฟังได้อย่างไม่ยาก
“รักคุณหม่อมจริงๆใช่ไหม
ถ้ารักก็ตะโกนดังๆให้ว่าที่เจ้าสาวมึงที่อยู่บนห้องได้ยินหน่อยสิ”
ฆนากรหูเหอแดงไปหมดเพียงแค่เพื่อนขอให้ทำอะไรบางอย่าง ถามว่ามั่นใจในความรู้สึกของตนไหม
เขามั่นใจตั้งแต่ที่หนีไปบินลาดตระเวนตอนนั้นแล้ว
ต้องการหนีไปให้เขานึกถึงแต่กลับกลายเป็นคิดถึงเขาจนนับเวลากลับอยู่ทุกวี่ทุกวัน
“คุณหม่อมครับ!! ผมรักคุณ!!”
“…”
เสียงทุ้มต่ำของนายทหารหนุ่มดังรอดเข้ามาในห้องนอนกว้างที่มีเจ้าสาวต้วน้อยนั่งอยู่
มือเรียวยกขึ้นกอบกุมแก้มนุ่มของตนเอาไว้แบบที่ชอบทำเวลาหน้าเห่อร้อน
ตะโกนขึ้นมาแบบนี้สงสัยเจ้าบ่าวตัวสูงคงจะโดนแกล้งเข้าให้เสียแล้วล่ะสิ
“แหม.. มีบอกรักกันด้วยเนอะ”
“เงียบเลยนะจิณ”
ตวัดดวงตาไปมองคาดโทษเพื่อนรักที่นั่งอยู่เป็นเพื่อน
จิณภัทรยักไหล่ไม่ได้เกรงกลัวเท่าไหร่นักหรอกกับสายตาลูกแมวจอมขู่นั่น
ถ้าเขาคิดจะกลัวนะ
คงเป็นเพื่อนกับหม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์มาไม่ได้นานขนาดนี้หรอก
วางสินสอดทองหมั้นลงกับพื้นกระเบื้องเนื้อดีหน้าโซฟาตัวใหญ่เรียบร้อย
ฆนากรก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตามหม่อมมารตีผู้เป็นมารดาของคนรักขึ้นมายังห้องนอนใหญ่ที่ภายในมีใครบางคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
แม้จะได้เจอกันเมื่อเช้าหนหนึ่งแล้ว แต่ฆนากรก็อดจะตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เจอหน้าเจ้าสาวตัวน้อยของเขาไม่ได้
วันนี้คุณชายน่ารักมาก
มากเสียจนเขารู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้คนที่งามเพียบพร้อมเยี่ยงนี้มาเป็นศรีภรรยา
“แบมลูก คุณฆนากรมารับแล้ว”
ประตูบานหนาถูกเปิดออกด้วยแรงของหม่อมหลวงจิณภัทร
ดวงหน้าหวานสวยเงยขึ้นมองใบหน้าของคนตรงหน้าก่อนจะยกยิ้มบางเบาที่ริมฝีปากไปให้
ฆนากรยื่นมือไปเบื้องหน้าของตนรอคอยให้อีกคนวางมือของตนลงซึ่งกันต์พิมุกต์ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
มือเรียวสวยข้างซ้ายที่วันนี้ไม่มีแหวนทองเหลือประดับเอาไว้ที่นิ้วเรียวแล้ววางลงบนมือใหญ่ของเจ้าบ่าวตัวสูง
มาร์คกระชับมือน้อยแน่นพร้อมกับจับจูงว่าที่ภรรยาให้เดินตามกันลงไปด้านล่างเพื่อเริ่มพิธีต่อไปเสียที
สินสอดทองหมั้นถูกจัดมาอย่างสมเกียรติอย่างที่ท่านเจ้าสัวกล่าวเอาไว้เมื่อวันที่มาสู่ขอ
จะว่าไปมันออกจะดูเยอะเกินไปสำหรับงานแต่งงานเสียด้วยซ้ำ
คู่บ่าวสาวสวมแหวนให้กันต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่ง
แหวนแต่งงานประดับเพชรเม็ดเล็กถูกสวมเข้าที่นิ้วเรียวสวยราวกับลำเทียน
กันต์พิมุกต์ยกมือขึ้นไว้คนที่สวมให้อย่างนอบน้อม
ก่อนจะหยิบแหวนเรียบๆวงหนึ่งในกองขันหมากขึ้นมาสวมกลับไปให้บนนิ้วยาวเรียวของอีกคน
พิธีแต่งงานผ่านไปอย่างชื่นมื่น
เจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกพามานั่งที่โต๊ะสำหรับรดน้ำสังข์
ภาพของคนทั้งสองที่นั่งอยู่เคียงกันถูกช่างภาพฝีมือดีที่ฆนรุจเป็นฝ่ายติดต่อมาให้บันทึกเอาไว้เสียจนครบถ้วน
“อยู่กันด้วยความเข้าใจนะลูก
หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันนะ” ท่านชายตฤณกฤติรดน้ำสังข์ลงที่มือเรียวของลูกรักก่อน ใบหน้าอ่อนเยาว์ของหม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ประดับไปด้วยรอยยิ้มทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกผิดน้อยลงมาบ้าง
อย่างน้อยลูกก็ไม่ร้องไห้ในวันแต่งงานล่ะนะ
“ผมฝากลูกชายผมด้วยนะครับคุณฆนากร”
“หม่อมฉันให้คำสัตย์ว่าจะดูแลคุณชายด้วยชีวิตของหม่อมฉันกระหม่อม”
ท่านชายหยักหน้ารับ
พร้อมกับเดินกลับไปส่งคืนสังข์ที่ได้รับมาและเวียนให้แขกผู้ใหญ่คนอื่นๆได้ขึ้นมารดน้ำสังข์ให้บ่าวสาวบ้าง
ตลอดพิธีฆนากรและเจ้าสาวของเขาได้รับคำอวยพรมากมาย ทั้งบอกให้อยู่กันดีๆ
อภัยให้กัน เปิดใจให้กัน รวมถึงเรื่องมีทายาท
ใบหน้าหวานของคุณหม่อมตัวน้อยเห่อร้อนอย่างน่ารักหลังจากได้รับคำอวยพรอย่างนั้น
ฆนากรนึกอยากจะกระซิบที่ข้างหูน้อยๆนั่นเหลือเกินว่าเขาพร้อมเสมอ
ถ้าคุณหม่อมอยากมีเมื่อไหร่ก็ขอแค่ให้บอกกัน
เขารับรองได้เลยว่าไม่มีทางจะทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
หลังจากรดน้ำสังข์กันเสร็จเจ้าหน้าที่จากอำเภอก็ถูกเรียกมาให้มาทำหน้าที่
พอถึงตรงนี้หม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์กลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไรไม่รู้
หัวใจดวงน้อยวูบโหวงเพียงแค่ได้เห็นใบคำขอจดทะเบียนสมรสตรงหน้า
หากเอกสารสำคัญนี้มีทั้งลายเซ็นของเขา ลายเซ็นของฆนากร และลายเซ็นของนายอำเภอทุกอย่างก็จะเสร็จเรียบร้อย
หลังจากวันนี้จะไม่มีหม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์
โรจนรัตติกรอีกแล้ว จะหลงเหลือก็เพียงแค่ นายกันต์พิมุกต์ วิรุฬห์ธนกิจเท่านั้น
ดวงตากลมเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ฆนากรรวบมือน้อยของเจ้าสาวตัวบางมากุมเอาไว้ ดวงตาคมจ้องผ่านม่านน้ำตาของอีกคนเข้าไป เขาเข้าใจดีว่าคุณหม่อมคงใจหายและเสียใจไม่น้อยกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ไปผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด”
“…”
“สิ่งเดียวที่ผมรักษาเอาไว้ให้คุณไม่ได้คือยศนำหน้าชื่อเท่านั้น..”
“…ฮึก..”
ร่างน้อยสะอื้นเสียจนตัวโยน แขกเหรื่อทั้งหลายที่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าดีก็ได้แต่เฝ้ามองร่างบางพลางส่งกำลังใจไปให้
รวมถึงท่านชายตฤณกฤติด้วย หัวใจของท่านเจ็บปวดไม่ได้ต่างอะไรจากลูกชายเลย มาได้เห็นว่าคุณชายตัวน้อยจะต้องถูกถอดยศกลายเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาแบบนี้
ท่านเองก็เสียพระทัยไม่น้อย หม่อมมารตรีลูบแขนแกร่งของพระสวามีเบาๆ
อย่างไรก็คงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว
“ไว้ใจผมนะครับ ไว้ใจผมนะคนดี”
ร่างน้อยของหม่อมผู้สูงศักดิ์ถูกดึงเข้ามากอดเอาไว้แน่น
คุณชายตัวเล็กซบใบหน้าลงกับอกแกร่งของอีกคนจนแทบจะจมหายไปกับมัน
ใบหน้าหวานพยักรับคำของอีกคนอย่างจำยอม
มือเรียวรับปากกาจากคุณเจ้าหน้าที่มาถือเอาไว้ ช้อนดวงตากลมมองท่านพ่อที่ประทับอยู่บนโซฟาไม่ไกลกันนักเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจะจรดปากกาลงไปบนกระดาษเพื่อเซ็นชื่อและยอมรับการถูกถอดยศอย่างเป็นทางการ
ฆนากรเซ็นลงไปในช่องที่ว่างเอาไว้สำหรับตนหลังจากที่เจ้าสาวของเขาเซ็นในส่วนของตัวเองลงไปเรียบร้อยแล้ว
เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนยกเอกสารสำคัญของทั้งคู่ขึ้นในระดับสายตา
ระบายยิ้มออกเพื่อแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่อย่างจริงใจ
“ยินดีด้วยนะครับ
จากนี้ต่อไปคุณสองคนคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของกันและกันแล้ว..”
ร่างบอบบางยืนชิดอยู่ที่ริมหน้าต่างในห้องนอนของตน
ผมนุ่มสลวยปลิวไปตามแรงลมฤดูหนาวที่พัดมาตลอดทั้งวัน ดวงตากลมเหม่อมองออกไปไกลแสนไกล
ช่างเป็นภาพที่ดูเด็ดเดี่ยวเสียเหลือเกิน
อ้อมแขนอบอุ่นของเจ้าบ่าวที่ก้าวเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้โอบกระชับร่างน้อยให้อิงแอบเข้าหาอกกว้างสมชายชาติทหารของตน
มือใหญ่ลูบเรือนผมนิ่มอย่างแผ่วเบา ฆนากรระบายยิ้มให้กับภรรยาคนสวยในอ้อมกอด
กันต์พิมุกต์ไม่ได้ขัดขืนอะไร เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ผิด ในเวลานี้ฆนากรได้ชื่อว่าเป็นสามีของเขาแล้ว
เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายอย่างครบถ้วน
หากคนเป็นสามีจะอยากกอดภรรยาบ้างก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ขอโทษที่ไม่ได้ขออนุญาตก่อน
แต่ผมว่าคุณคงจะอุ่นกว่าถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดของผมแบบนี้”
“มะ ไม่เป็นไร”
อ้อมแอ้มตอบเจ้าของอ้อมแขนกว้างออกไปเสียงเบา
“ผมรู้สึกผิดที่ทำให้คุณถูกถอดยศแบบนี้”
“…”
“แต่ผมไม่เสียใจเลยที่ผมได้คุณมาเป็นภรรยา” มือใหญ่กระชับต้นแขนบางของคนในอ้อมกอดเบาๆ
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปในขณะที่ดวงตาคู่สวยก็จับจ้องเข้าไปในดวงตากลมของภรรยาตัวน้อยตลอดการพูด
“…”
“ขอโทษที่รักษายศของคุณเอาไว้ให้ไม่ได้
แต่คุณหม่อม คุณคือคุณหม่อมของผมตลอดไปนะครับ”
“…” มันเป็นดวงตาที่ทำให้ความหนาวเย็นและเจ็บปวดในหัวใจสลายหายไป
“ไม่ว่าตอนนี้คุณจะเป็นคุณชายหรือเป็นคนธรรมดาที่ไม่มียศศักดิ์
แต่คุณก็เป็นเจ้าสาวบรรดาศักดิ์ของผมเสมอ”
“..ขอบคุณ ขอบคุณนะครับ”
และดวงตาคู่นั้นก็มอบความอบอุ่นเข้ามาสู่หัวใจดวงนี้ได้อย่างไม่ต้องทำอะไรเลย..
“อย่าเสียใจกับการแต่งงานของเราเลยนะครับ” ภรรยาตัวน้อยพลิกตัวหันหน้าเข้าหากายแกร่งของอีกคนเบาๆ
มือเรียวโอบกระชับตอบร่างสูงของคุณทหารพร้อมกับแนบใบหน้าลงกับหน้าอกตำแหน่งที่ภายใจมีหัวใจดวงน้อยกำลังเต้นอยู่
เมื่อได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้
แบมแบมก็ได้รู้ว่าหัวใจของเขาทั้งสองคนมันเต้นแรงไม่ได้ต่างกันเลย
“ยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเสียใจ..”
“…”
“รับปากว่าจะแต่งงานกับเค้าไปแล้วจะเสียใจทำไม
ผมก็แค่ใจหายที่ต้องเปลี่ยนนามสกุลก็เท่านั้นแหละน่า..”
ฆนากรได้รู้ซึ้งก็วันนี้แหละว่าคุณหม่อมของเขาไม่ใช่แค่น่ารัก
แต่น่ารักมากๆเลยต่างหาก..
“คิดไปเองเรื่อยเปื่อยจริงๆเลยคุณสามี..”
TALK
งานฉลองตอนกลางคืนไม่มีนะคะ งบหมด 555555555
แต่เดี๋ยวพี่เขาก็มาคุณภรรยาไปบ้านแน่นอนค่ะ รอฉากเข้าหอกันอยู่ล่ะสิ 5555 ยังหรอกกก เค้ายังไม่ผลิตน้องกันเร็วๆนี้หรอกกก
ไปหวีดความหวานของคุณสามีและคุณภรรยากันได้ที่ #จสบดศ เหมือนเดิมนะคะ เรารออ่านอยู่ 5555
คำผิดมีไหมไม่รู้นะเพราะยังไม่ได้ตรวจ -O- 5555 ด้วยรักนะคะคนดี ^^
ความคิดเห็น