ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบรรดาศักดิ์ | MarkBam (THAI)

    ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่ ๒๐ จบบริบูรณ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.02K
      338
      18 ก.ค. 59

    ลงครั้งแรก 18 กรกฏาคม 2559


    ๒๐

     

    ความเอ๋ย ความรัก

    เริ่มสมัคร ชั้นต้น ณ หนไหน

    เริ่มเพาะ เหมาะกลางหว่างหัวใจ

    หรือเริ่มใน สมอง ตรองจงดี

     

    ดนตรีคลาสสิคที่บรรเลงประกอบคลอเคล้าไปกับเสียงหวานใสราวกับระฆังแก้วเนื้อดีของนักร้องสาวดูสอดผสานอย่างลงตัวราวกับถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันอย่างไรอย่างนั้น แขกเหรื่อมากหน้าหลายตาทยอยเดินเข้ามาในงานวันเกิดหม่อมมารตี โรจรัตติกรตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน


    เรือนกายอวบอัดในชุดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งกับกางเกงผ้าใส่สบายตัวหนึ่งยืนเคียงข้างอยู่กับผู้เป็นมารดาคอยยิ้มแย้มและเอ่ยต้อนรับสหายสนิทพระญาติของทั้งท่านชายตฤณกฤตและหม่อมแม่ของตน มือน้อยๆยกขึ้นกระพุ่มไหว้แขกทุกคนอย่างไม่ถือตัวเรียกร้อยยิ้มเอื้อเอ็นดูได้เป็นอย่างดี


    “ชายไปนั่งพักก่อนไหมลูก ยืนนานๆแบบนี้เดี๋ยวก็ปวดขา” เอื้อนเอ่ยกับลูกชายแสนดื้อของตนเมื่อเห็นว่าร่างน้อยที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาจากการตั้งครรภ์ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ไม่ขยับตัวไปไหนมาหลายชั่วโมงแล้ว คนถูกไล่ให้ไปนั่งในงานสังคมน่าเบื่อคนเดียวส่ายหน้าไปมาจนผมสีน้ำตาลเข้มเกือบจะดำสนิทกระจายฟุ้งไปทั่ว เพราะช่วงนี้ยุ่งๆผมเผ้าที่เคยตัดจึงถูกละเลยไปอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าหวานสวยที่ถูกล้อมรอบด้วยกรอบผมยาวสีน้ำตาลนั่นดูหวานสวยน่าจับจองเป็นเจ้าของขึ้นมาอีกมากโข แม้จะได้ชื่อว่าเคยแต่งงานและกำลังตั้งครรภ์ลูกของนายทหารหนุ่มคนนั้นอยู่ก็ตาม


    ชายหนุ่มหลายคนในพระนครต้องใจในตัวของอดีตหม่อมราชวงศ์คนนี้อยู่ไม่น้อย หากแต่ว่าเจ้าตัวกลับไม่เคยคิดจะสนทนาอะไรกับใครไปในทิศทางนั้น เอาแต่บอกว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่าหรือไม่ก็ตัดเยื่อใยโดยการไม่พบหน้าไปเลย การกระทำแสนใจร้ายนั่นทำให้ใครหลายคนนึกอิจฉาฆนากรนัก


    นายทหารหนุ่มคนนั้นมีดีขนาดไหนกันถึงทำให้คุณชายไม่สนใจใครอีกเลยเช่นนี้


    มือน้อยๆลูบลงไปบนหน้าท้องนูนของตนอย่างแสนรัก ดวงตาคู่สวยทอประกายความอ่อนโยนออกมาอย่างเต็มเปี่ยม จากการที่ไปหาคุณหมอเป็นประจำทำให้แบมแบมได้รู้ว่าตาหนูของเขาปลอดภัยดีและคงจะออกมาวิ่งเล่นด้านนอกได้ในเร็ววันนี้


    คนเป็นแม่มีความสุขเพียงใดที่ได้ยินคำพูดนั้นไม่มีใครรู้ แต่จากรอยยิ้มบางเบาที่ริมฝีปากบางนั่นก็คงจะบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกเช่นไร


    การใช้ชีวิตเพียงคนเดียวไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรเท่าไหร่นัก หากจะหนักก็คงจะเป็นแค่เรื่องความคิดถึงก็เท่านั้น ร่างน้อยไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเศร้าอย่างที่เคยเป็น เขาออกไปช่วยจิณภัทรที่ร้านขนมบ้างเท่าที่เวลาว่างและสังขารจะเอื้ออำนวย งานที่มหาวิทยาลัยก็ถูกพักไปยาวๆจนถึงคลอดลูกตามคำสั่งของผู้เป็นบิดาซึ่งหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ยอมให้ลูกท้องโย้เดินทางไปสอนนักศึกษาแน่ๆ หากหลานชายคนแรกของโรจนรัตติกรเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบไหว


    กันต์พิมุกต์มีเวลาว่างอยู่กับตัวเองมากขึ้นซึ่งเขาก็ไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาเหล่านั้นผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ เสื้อผ้าตัวน้อยๆสำหรับลูกรักถูกถักทอด้วยมือเรียวสวยของผู้เป็นแม่ แบมแบมมักจะหอบกองไหมพรมแสนรักของตนไปยังศาลาในสวนเพื่อใช้เวลาแทบจะทั้งวันขลุกอยู่กับการถักนู่นถักนี่ให้ลูกไปเรื่อย


    มันดูจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขายกยิ้มขึ้นมาได้อย่างจริงใจที่สุด แค่ได้นึกถึงภาพของเด็กน้อยที่จะได้ออกมาใส่เสื้อผ้าและสิ่งของที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ ดวงใจของคนเป็นแม่ก็อบอุ่นวาบไปทั่วทั้งอกแล้ว


    “คนดีของแม่เหนื่อยไหมครับ” เอ่ยถามลูกน้อยในท้องเสียงแผ่วก่อนจะได้รับแรงสัมผัสเบาๆกระทุ้งกลับมา แบมแบมยกยิ้มให้กับเจ้าตัวแสบที่รู้เรื่องเสียจนเกินเด็ก สงสัยว่าตาหนูคงจะไม่อยากจะอยู่ตรงนี้นานไปกว่านี้แล้วสินะ ดวงตาคู่สวยช้อนมองใบหน้าหวานของผู้เป็นแม่ หม่อมมารตียังคงจ้องมองเขาด้วยความเป็นห่วง


    สงสัยทั้งยายทั้งหลานจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่เขาทำตัวเป็นเด็กดื้อยืนขาแข็งมาเป็นชั่วโมงแบบนี้


    “งั้นเดี๋ยวแบมขอตัวไปนั่งเล่นแถวน้ำพุแล้วกันนะครับ ถ้ามีอะไรให้ชายช่วยหม่อมแม่ก็ส่งคุณข้าหลวงไปตามชายนะครับ” หม่อมมารตีหยักหน้ารับคำของลูกชาย ดวงตาคู่สวยมองตามร่างอวบอัดนั่นไปจนสุดสายตาก่อนที่จะหันกลับมาสนใจบรรดาแขกเหรื่ออีกครั้ง


    หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ถอนหายใจออกมาแรงๆหนึ่งที เธอล่ะเบื่องานสังคมแบบนี้ชะมัด แต่มันก็เป็นข้ออ้างเดียวที่จะจัดงานรื่นเริงนี้ขึ้นมาได้ เธอไม่อยากเห็นลูกชายเศร้าหมองอยู่อย่างนั้น บอกให้ออกไปข้างนอกบ้างเจ้าตัวก็เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว ครั้นจะออกไปก็ออกไปแค่ร้านขนมของหม่อมหลวงจิณภัทรเพื่อนรักแล้วก็ให้นายสนพากลับมาส่งที่วังเช่นเคย


    เอาความรื่นเริงมาให้ถึงที่ขนาดนี้ เสียงเพลงเพราะๆคงได้ดังผ่านแก้วหูของลูกไปบ้างไม่มากก็น้อยนั่นแหละนะ


    “แสดงความยินดีด้วยนะคะหม่อม” มารตียกมือกระพุ่มไหว้ขอบคุณคุณนายทหารท่านหนึ่งก่อนจะผายมือเชื้อเชิญอีกฝ่ายเข้าไปด้านในและให้ข้าหลวงรับหน้าที่พาหญิงชราเดินไปยังโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งที่ยังว่างอยู่



     

    “โอ๊ย..” ทิ้งตัวนั่งลงบนที่นั่งข้างสระน้ำพุด้วยความเมื่อยขบ มือน้อยทุบลงบนขาบอบบางของตนแรงๆหลายทีเพื่อขับไล่เจ้าความเมื่อยล้าทั้งหลายที่เข้ามาทักทาย น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจวนจะสิบกิโลทำให้กันต์พิมุกต์มีความลำบากต่อการเดินเหินและการยืนไม่มากก็น้อย จะเดินขึ้นบันไดทีก็ได้แต่เกาะราวจับเอาไว้แน่น กลัวว่าจะกลิ้งเป็นลูกขนุนตกลงมาเสียจนเจ้าตัวน้อยในท้องได้รับอันตราย ยามที่ยืนก็ยืนได้ไม่นานเท่าเมื่อก่อนด้วยน้ำหนักของใครอีกคนที่ต้องแบกเอาไว้ด้วย


    หากจะถามว่าเหนื่อยไหม เขาตอบได้เลยว่าเหนื่อยมาก คุณชายตัวเล็กรับรู้ความรู้สึกของคนที่จะเป็นแม่คนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก็ตอนที่ตาหนูอายุมากขึ้นเรื่อยๆนี่แหละ ปวดเท่าไหร่ก็ได้แต่กัดฟันทน ลูกกระทุ้งหน้าท้องให้ร้าวไปทั้งแถบก็ได้แต่ขบเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น


    อยากจะมีใครสักคนให้ออดอ้อน ให้บ่นด้วยเหลือเกินว่าเหนื่อยมากๆ แต่ก็รู้ว่าคงไม่มีโอกาสที่จะได้ทำอะไรแบบนั้น เสียใจไหมเขาคงตอบได้ว่าเสียใจมาก แต่ไม่ได้เสียใจเพราะไม่มีคนเคียงข้างเหมือนคนอื่นๆ ที่เสียใจก็เพราะอีกคนไม่ได้มีโอกาสรับรู้การเติบโตของลูกไปด้วยกันต่างหาก


    อยากจะเล่าให้ฟังว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง อยากจะชวนคุยเกี่ยวกับพัฒนาการของเจ้าหนูตัวน้อย


    อยากจะตะโกนเสียงดังโวยวายด้วยความตื่นเต้นให้ได้ยินในวันที่ลูกเริ่มกระทุ้งหน้าท้องของเขาครั้งแรก


    สิ่งที่อยากทำ ทำได้แค่เพียงเอ่ยไปเบาๆกับสายลมแผ่วๆที่พัดมา ฝากลมเจ้าช่วยพาคำพูดทั้งหมดไปส่งให้คนที่อยู่บนท้องฟ้านั้นที


    ‘ฆนากรครับ ฆนากรที่แปลว่าเมฆ’ ประโยคแนะนำตัวในวันวานดังก้องขึ้นในห้วงความคิด เขาเองก็ลืมไปว่าฆนากรแปลว่าเมฆ เมฆที่ต้องอยู่บนผืนฟ้าอันสวยงามกว้างขวางนั่น


    ฆนากรไม่ได้จากไปไหนหรอก เขาแค่กลับไปในที่ที่เคยจากมาก็เท่านั้น


    สมควรแล้วที่เมฆจะต้องอยู่กับท้องฟ้า


    อยู่บนนั้นเพื่อคอยโอบล้อมและปกป้องทุกๆคนที่เขารัก


    พี่กำลังมองผมกับลูกอยู่ใช่ไหมครับ..


    “อ๊ะ!” ริมฝีปากสีสดเบ้ออกเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด เท้าเล็กๆของลูกรักกระทุ้งเข้าที่ข้างท้องถี่ๆอย่างที่ไม่เคยทำราวกับจะบอกอะไรบางอย่าง กันต์พิมุกต์ขมวดคิ้วมุ่นเสียจนหน้ายุ่งไปหมด มือเล็กทาบลงบนตำแหน่งที่ถูกกระทุ้งก่อนจะลูบลงไปเบาๆ ให้เจ้าตัวน้อยเบาแรงลงหน่อย


    “แม่เจ็บนะครับคนดี หนูเตะแม่แรงขนาดนี้แม่เจ็บนะรู้ไหมลูก” ผมนุ่มปลิวไปตามแรงลมเบาๆ บรรยากาศรอบตัวเงียบงันทั้งที่เสียงจากงานรื่นเริงดังออกมาเป็นระยะๆ คุณชายตัวน้อยเหมือนกำลังจมลงไปกับความคิดของตนเองอีกครั้ง เขาโอบประครองหน้าท้องโป่งนูนของตัวเองเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังดวงดาวในคืนเดือนมืดที่พร่างพราวไปทั่วท้องฟ้า


    ริมฝีปากสีสดยกขึ้นเล็กน้อยจนกลายเป็นรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ราวกับคนที่กำลังยกยิ้มอยู่นี้เป็นนางฟ้าตัวน้อยๆองค์หนึ่ง ลูกแก้วคู่สวยค่อยๆหลับลงปล่อยให้การมองเห็นของตนปิดการรับรู้ไป เขาแค่อยากอยู่ตรงนี้เงียบๆสักพัก อยู่เงียบๆให้รู้สึกถึงอ้อมกอดของก้อนเมฆ


    กันต์พิมุกต์คิดถึงอ้อมกอดแสนอบอุ่นนั่นเหลือเกิน


    หากย้อนเวลากลับไปได้เขาอยากจะรักฆนากรให้เร็วกว่านี้ อยากให้ความรู้สึกดีๆเติบโตในหัวใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักกัน แต่เพราะนาฬิกาไม่เคยเดินวนกลับไป เพราะสายน้ำไม่เคยไหลย้อนทางกลับไปที่เดิม สิ่งที่อดีตหม่อมราชวงศ์คนนี้ทำได้ก็แค่ทำตอนนี้ให้ดีที่สุด


    เราอาจจะเริ่มรักกันช้า


    ...แต่เราจะไม่มีวันเลิกรักกัน


    น้ำตาเม็ดโตไหลลงอาบแก้มนุ่ม ความรู้สึกลึกๆในใจอยากให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในสักวัน แต่เขาคงลืมไปว่านี่มันคือเรื่องจริงหาใช่นิยายประโลมโลกที่ใครสักคนเขียนขึ้นมา แม้ใจจะอยากให้เกิดแค่ไหนกันต์พิมุกต์ก็ไม่สามารถจะหลอกตัวเองได้ว่าความน่าจะเป็นของมันมีน้อยเหลือเกิน


    หากชีวิตของคนเราสวยงามดั่งนิยายที่ถูกเขียนขึ้นมาก็คงจะดี


    หากนี่เป็นแค่ช่วงเวลาเศร้าสร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงอย่างสมบูรณ์แบบก็คงจะดี


    แต่ไม่เลย ชีวิตจริงไม่เคยมีอะไรสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครเกิดมาดีเลิศไปในทุกๆเรื่อง ไม่มีใครเกิดมาโชคดีไปเสียทุกอย่าง ไม่มีคนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวเอกของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ชีวิตของพวกเขาถูกสร้างให้เป็นไปตามวิถีของมัน ไม่มีใครจะมีความสุขไปตลอดชีวิต เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครต้องทนทุกข์ไปจนสิ้นลมหายใจ


    วันนี้เขาอาจจะต้องร้องไห้จนน้ำตาแทบหมดตัวเพราะเสียฆนากรไป


    แต่สิ่งหนึ่งที่คนเป็นสามีทิ้งเอาไว้ให้คือทายาทตัวน้อยที่กำลังเจริญเติบโตราวกับดอกไม้ดอกหนึ่งที่พวกเขาช่วยกันเอาลงดิน ช่วยกันรดน้ำพรวนดินทุกวี่วันจนเติบโตขึ้นมาผลิดอกออกผล


    วันนี้เขาทุกข์แต่ในวันหน้าตาหนูคนนี้จะทำให้กันต์พิมุกต์เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก


    เพราะเขามั่นใจว่าสายเลือดของโรจนรัตติกรและวิรุฬห์ธนกิจจะหล่อหลอมให้เด็กน้อยคนนี้เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีแบบที่เขาเลือกที่จะเป็น


    !!!


    อ้อมแขนแข็งแรงของใครบางคนโอบรอบเอวบางก่อนจะออกแรงดึงรั้งอย่างแรงให้แผ่นหลังแคบแนบชิดไปกับอกแกร่ง หัวใจดวงโตเต้นถี่รัวเสียจนคนถูกกอดรับรู้ได้ ม่านน้ำตาเอ่อล้นบดบังลูกแก้วคู่สวยเสียจนภาพตรงหน้าพร่ามัว ลมหายใจร้อนๆผ่อนออกมาละกับผิวแก้มนุ่ม


    เสียงหัวใจที่ได้ยินช่างไพเราะเหลือเกิน


    คางแหลมวางลงบนไหล่บอบบาง


    มือใหญ่ลูบลงไปบนแขนกลมกลึงนั่นเบาๆอย่างจาบจ้วง กันต์พิมุกต์ควรจะผลักไสและดิ้นรนออกมาจากอ้อมแขนของคนแปลกหน้าคนนี้ แต่แปลกที่เขายังยืนอยู่ที่เดิม ยืนนิ่งเพื่อให้คนด้านหลังโอบประครองร่างอวบอัดของตนเอาไว้ แรงกระทุ้งจากฝ่าเท้าของเจ้าตัวดีหยุดลงไปราวกับล่วงรู้ว่าสิ่งที่ตนกำลังต้องการจะบอกนั้นได้เกิดขึ้นมาแล้ว


    เวลาล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครล่วงรู้ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ราวกับนาฬิกาหยุดเดิน ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกกำลังหยุดการเคลื่อนไหว อ้อมแขนแข็งแรงกระชับอ้อมกอดของตนให้แน่นขึ้น แผ่นอกกว้างขวางส่งผ่านความอบอุ่นไปให้กับคนตรงหน้า ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันเช่นเคย


    แต่แปลกที่ความเงียบในวันนี้ไม่ได้น่ากลัวเท่ากับทุกครั้งที่ผ่านมา


    มันไม่ได้เงียบงันจนกรีดแทงเข้าไปถึงขั้วหัวใจอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว


    อ้อมกอดของก้อนเมฆสินะ..


    ความอบอุ่นของก้อนเมฆจริงๆใช่ไหม..


    “ผิวคุณนี่เนียนละเอียดจังเลยนะครับ” สุรเสียงทุ้มต่ำที่แสนคุ้นเคยเอ่ยออกมาทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้นเป็นเวลาพักใหญ่ ก้านนิ้วยาวเกลี่ยไล้ผิวนุ่มลงมาจากหัวไหล่บางผ่านเสื้อเชิ้ตเนื้อดี ความร้อนลากผ่านมาตามสัมผัสของเขาอย่างห้ามไม่ได้


    โจรร้ายในสวนคนนั้นกลับมาแล้วสินะ..


    “ฮึก..” สะอื้นเสียจนร่างเล็กๆสั่นไหวอย่างน่าสงสาร หากแต่คนเบื้องหลังก็ยังไม่คิดจะหยุดการกระทำของตนลง


    เป็นโจรที่เคยใจร้ายอย่างไรก็ยังเป็นโจรที่ใจร้ายอยู่อย่างนั้น


    “ปะ.. ปล่อย” เอ่ยออกไปตามสัญชาตญาณในวันวาน บทสนทนาที่แสนคุ้นเคยถูกต่อกลับไปให้โดยไม่ต้องใช้เวลาคิด ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมเพียงแค่ถูกเปลี่ยนสถานที่ก็เท่านั้นเอง


    “ตัวก็ห๊อมหอม” จมูกโด่งไล้เล็มเข้าที่ข้างแก้มนุ่มของคนตรงหน้า แม้จะสัมผัสได้ถึงหยาดน้ำใสไร้สีที่เปรอะไปทั่วก็ตาม


    “ผะ ผมมีสามีแล้ว”


    “มีสามีแล้วยังไงล่ะ ผมไม่ได้สนใจหรอก”


    สนหน่อยสิ.. ผมบอกอยู่นี่อย่างไรว่าผมมีสามีแล้ว


    กรีดร้องอยู่ในใจแต่ก็ยังยอมให้เจ้าโจรใจร้ายสวมกอดตามแต่ที่ใจของเขาต้องการ กลิ่นหอมแสนคุ้นเคยโชยมาเตะจมูก ผ้าเนื้อดีสีเขียวเข้มจนเกือบจะกลายเป็นสีเทานี้ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นผ้าที่ใช้เพื่อตัดขึ้นเป็นชุดอะไร ร่างบอบบางปล่อยให้น้ำตาของตนไหลลงมาโดยไม่คิดจะเอื้อมมือไปเช็ดหรือกลั้นเสียงสะอื้นแห่งความอ่อนแอของตนเอาไว้


    ปล่อยให้ความเจ็บปวดถูกถ่ายทอดออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง


    เพราะคนเบื้องหลังคือๆคนเดียวที่หม่อมราชวงศ์ตัวน้อยจะปลดปล่อยทุกความรู้สึกออกมากับเขาได้


    “ผม.. ผมฮึก ผมรักสามีของผมมาก” ร่างเล็กๆถูกจับให้หมุนไปเผชิญหน้ากับเจ้าโจรใจร้ายคนเดิมกับในสวนสวยวันนั้น ใบหน้าหวานสวยถูกเชยให้เงยขึ้นสบตากันดีๆ ดวงตาแสนอบอุ่นทอดมองมาที่เขาอย่างแสนรัก อ้อมแขนแข็งแรงยังคงอบอุ่นเช่นวันวาน


    เขาคนนั้นอยู่ตรงหน้ากันต์พิมุกต์แล้วในวันนี้


    ก้อนเมฆที่เขารักกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว


    กลับมาแล้ว..


    พี่มาร์คกลับมาหาน้องแล้ว..


    “ร้องไห้ทำไมคนดี” ก้านนิ้วเรียวเกลี่ยเข้าที่ข้างแก้มนุ่มเพื่อเช็ดหยาดน้ำตาทั้งหลายออกไปให้หมดสิ้น เขาไม่เคยชอบน้ำตาของคนๆนี้เลย ไม่ว่าจะร้องด้วยเหตุผลใดเขาก็ไม่ชอบทั้งนั้น


    ยิ่งถ้าน้ำตานี้เกิดขึ้นเพราะเขาแล้วล่ะก็ ตัดหัวใจทิ้งไป  ณ ตรงนี้ยังเจ็บปวดน้อยกว่าเสียอีก


    “พี่ขอโทษนะครับ”


    “...”


    “พี่ขอโทษที่กลับมาช้านะครับคุณหม่อม” กายแกร่งดึงรั้งร่างของน้องให้ซบลงกับอกกว้าง โอบกอดเอาไว้เต็มแรงเสียจนร่างนุ่มแทบจะจมหายไปกับร่างกายใหญ่โตของอีกฝ่าย ความชื้นที่หน้าอกบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของหัวใจยังคงไม่หยุดสะอื้นไห้


    ตัวก็มีแค่นี้ไปเอาน้ำตามาจากไหนนักหนากันนะ


    มือใหญ่ยกขึ้นลูบเลือนผมนุ่มมือนั่นเบาๆ ใช้อกของตนซับน้ำตาเม็ดโตให้ภรรยาเนิ่นนานเพื่อทดแทนช่วงเวลาที่ขาดหายไป


    ฆนากรยืนอยู่ตรงนี้จริงๆหาใช่เพียงภาพหลอนที่ใครสร้างขึ้นมา ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงหรอก ที่เขามายืนตรงนี้ได้ก็เพราะความรักของใครบางคนต่างหาก ความรักและความห่วงใยที่โอบล้อมอยู่รอบๆกายของเขาเสมอ ในนาทีสุดท้ายก่อนเครื่องจะระเบิด คำพูดว่าโชคดีของใครบางคนดังก้องอยู่ในหัวของนายทหารหนุ่ม มือใหญ่พยายามจะกดเครื่องบังคับให้ฝาครอบด้านบนเหนือตัวคนขับเปิดออก แต่ด้วยระบบที่ถูกทำลายไปจนแทบจะไม่เหลืออะไรแล้วทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม


    ฆนากรคิดอยากจะยอมแพ้และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีที่มันควรจะเป็น


    ความเย็นจากแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายบอกว่าเขาไม่ควรจะยอมแพ้ง่ายๆเช่นนี้ ทางเลือกสุดท้ายของฆนากรคืองัด เขาทุบลงไปแรงๆบนหลังคาสีใสก่อนจะหาทางดันมันให้เคลื่อนไปด้านหลังให้เหลือช่องว่างมากพอที่เขาจะพาตัวเองออกไปได้


    ฆนากรใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายของเขาก่อนจะพบว่าทางออกมันยังมีอยู่เสมอ แต่เราอาจจะไม่อดทนพอจะได้เจอมันก็เท่านั้น แต่เพราะครั้งนี้เขาอดทน เพราะครั้งนี้เขาเลือกจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ฆนากรจึงสามารถกระโดดร่มหนีออกมาจากตัวเครื่องได้ทันก่อนที่ F-86F รหัส 4322 จะระเบิดกลางอากาศและร่วงลงสู่แผ่นพื้นพสุธา


    ไม่เคยคิดว่าจะรอด


    แต่ก็รอดมาได้


    ฆนากรเชื่อมั่นว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะปาฏิหาริย์หากแต่เกิดขึ้นเพราะความรักจากใครบางคนต่างหาก ความรักที่ฉุดเขาเอาไว้ให้สู้จนถึงวินาทีสุดท้าย


    สู้จนได้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าคนที่รักที่สุดในชีวิตเช่นนี้


    “หายไปไหนมาครับ ฮึก.. น้องรอตั้งนาน ตาหนูก็รอพี่ตั้งนาน” ฆนากรยกยิ้มกว้างขวางเสียจนปากแทบจะฉีกลากยาวขึ้นไปถึงกกหู กายแกร่งทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งข้างสระน้ำพุ ก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างอวบทิ้งตัวลงมาบนตักแกร่งอย่างรวดเร็ว คนน่ารักขบเม้มริมฝีปากของตนแน่น


    ยังจะมีหน้ามายิ้มให้กันแบบนี้อีก


    ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองทำให้ใครเขาเสียน้ำตาไปมากมายเท่าไหร่กัน


    “พี่โดดร่มออกมาทันก็จริง แต่การโดดร่มทั้งที่ไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนั้นก็ทำให้พี่บาดเจ็บไม่น้อยตอนตกลงมาถึงพื้น พี่สลบไปสักสองหรือสามวันได้นี่แหละ ชาวบ้านคนที่ช่วยพี่ไว้บอกกับพี่ว่าพี่หยุดหายใจไปตั้งสองครั้ง แต่สุดท้ายพี่ก็ดื้อจนตื่นขึ้นมาได้อยู่ดี”


    “...” ดวงตากลมช้อนมองใบหน้าของคนรักราวกับต้องการซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ได้นานที่สุด ริมฝีปากสีชาที่กำลังขยับไปมาเพื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังนั้นช่างน่ามองกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา


    แบมแบมไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าฆนากรอยู่ตรงนี้จริงๆ


    คนเป็นสามีกำลังโอบกอดเขาที่นั่งอยู่บนตักแกร่งนี้จริงๆ


    “เอกสารอะไรก็ไม่มี ตื่นมาอีกทีเลยกลายเป็นคนเถื่อนที่ไม่มีที่มาที่ไป พี่ต้องใช้เวลาตั้งเกือบสองเดือนกว่าจะฟื้นตัว ไหนจะจัดการเรื่องยืนยันตัวตนอีก กว่าจะติดต่อกับทางกรมและกลับมาได้ก็เลยนานแบบนี้นี่แหละ”


    “...”


    “ไม่โกรธพี่ใช่ไหมคนดี พี่กลับมาหาคุณหม่อมแล้วนะ” ใบหน้าหวานส่ายไปมาตอบรับคำพูดของคนที่โอบกอดร่างของตนเอาไว้อยู่ ในหัวใจหาได้มีความขุ่นเคืองที่อีกคนกลับมาช้าไม่ มันมีเพียงแค่ความตื้นตันและตกใจเท่านั้น ความสุขเอ่อล้นขึ้นมาเสียจนกันต์พิมุกต์ได้แต่ซบหน้าลงกับไหล่กว้างที่เขาคิดถึง


    ปล่อยให้ตัวเองกอดอีกคนแน่นๆอยู่แบบนั้นโดยไม่นึกเขินอายต่อใครหรืออะไร


    จากนี้เขาจะกอดฆนากรให้แน่นที่สุด กอดให้ไม่ต้องเสียดายหากวันที่ต้องจากลากันจริงๆมาถึง


    “ตัวเล็กดื้อกับคุณแม่หรือเปล่าครับ หืม” ทอดเสียงต่ำถามลูกตัวน้อยที่อยู่ในท้องของภรรยา มือใหญ่วางแตะลงบนหน้าท้องโป่งนูนนั่นเบาๆ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหน้าท้องเพียงแค่มือใหญ่แตะลงกับเสื้อเนื้อดี ความรู้สึกอบอุ่นจริงๆมันเป็นอย่างนี้เองสินะ


    ตาหนูครับ คุณพ่อกลับมาหาหนูแล้วนะ


    “ถ้าดื้อกับคุณแม่ ป๊าจะดุหนูจริงๆนะ”


     

    ไม่รู้หรอกว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงฝัน แต่ถ้าหากมันเป็นแค่ความฝันจริงๆ


    กันต์พิมุกต์ก็อยากจะนอนหลับอยู่แบบนี้ นอนหลับอยู่กับฝันดีๆแบบนี้ตลอดไป




     

     

    “ฮื่ออ.. มานอนอะไรแบบนี้กันล่ะครับ” มือนุ่มแตะลงที่ข้างแก้มสากของคนเป็นสามีเบาๆยามที่ตักน้อยๆถูกนอนทับด้วยศีรษะของใครบางคน ใครบางคนที่โมเมมาทิ้งตัวนอนลงบนตักเขากลางสนามหญ้าในสวนหลังบ้านแบบนี้ กายบอบบางขยับตัวนั่งพับเพียบเพื่อให้ร่างสูงของคุณทหารเขานอนพักได้สบายตัวมากขึ้น


    สายลมเย็นๆพัดผ่านมาเบาๆโอบล้อมคนทั้งคู่เอาไว้ กลิ่นหอมอ่อนๆจากมวลดอกไม้ที่ถูกปลูกเอาไว้เสียจนแทบจะทั่วทั้งสวนสวยลอยโชยมาเบาๆเรียกรอยยิ้มหวานๆจากริมฝีปากสีสดได้เป็นอย่างดี


    “ถ้าลูกมาเห็นจะว่ายังไงกันครับ”


    “ตาวีร์ไปหาท่านพ่อของคุณหม่อมไม่ใช่หรือ กว่าจะกลับมาก็คงค่ำๆนู่นแหละ” ว่าถึงลูกชายตัวแสบที่อายุย่างเข้าปีที่ 6 แล้วอย่างอารมณ์ดี ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะได้ออดอ้อนภรรยาเช่นที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ นาวาอากาศเอกฆนากร วิรุฬห์ธนกิจล่ะชอบนักแลเวลาที่ท่านชายตฤณกฤตคิดถึงธีรวีร์จนต้องให้นายสนขับรถมารับจากบ้านไปหาถึงวังเช่นนี้


    เพราะนั่นหมายความว่านายทหารหนุ่มจะได้มีโอกาสใช้เวลาสองต่อสองกับภรรยาตัวเล็กของเขาบ้าง


    “ฮื่ออ ก็ใช่ว่าจะมานอนเล่นกันกลางแจ้งแบบนี้ได้นี่ครับ” มุ่ยหน้าใส่พ่อคนชอบฉวยโอกาสอย่างเอาเรื่อง ฆนากรหัวเราะร่วนจำต้องยอมพยักหน้ารับคำของภรรยาอย่างว่าง่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมลุกออกไปจากตักนุ่มนี่อยู่ดี มือใหญ่ยกขึ้นประครองแก้มนวลของเจ้าของดวงใจเอาไว้อย่างแผ่วเบา ยกยิ้มอ่อนโยนส่งไปให้เสียจนกันต์พิมุกต์ต้องทาบมือลงไปทับมือใหญ่ของอีกคนและเอียงหน้าเข้ารับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ


    ไหนๆก็ห้ามไม่ได้แล้วนี่นา..


    “พี่รักคุณหม่อมมากรู้ใช่ไหมคนดี”


    “น้องก็รักพี่มาร์คมากรู้ใช่ไหมครับ” แกล้งเลียนแบบคำพูดของอีกคนเสียจนฆนากรหัวเราะจนตาหยีเหลือเพียงเส้นเล็กๆขีดเดียวเท่านั้น


    “เสียใจหรือเปล่าที่ต้องมาเป็นภรรยานายทหารแบบพี่ คราวหน้าพี่อาจจะไม่โชคดีแบบคราวนี้ก็ได้นะคุณหม่อม” ก้านนิ้วเรียวยาวทาบลงบนริมฝีปากช่างเจรจานั่นเบาๆ ใบหน้าหวานส่ายไปมาน้อยๆเพื่อปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องนี้ต่อไป


    ในวันนี้ยังมีกันอยู่ก็พอแล้ว


    วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไรก็ปล่อยให้มันเป็นไปเถิด


    ไม่มีใครฝืนชะตาของตนเองได้ ไม่มีใครยืนยันได้ว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต แต่แค่วันนี้ยังมีกันอยู่แบบนี้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง


    เราก็แค่ทำชีวิตของเราในวันนี้ให้ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องเสียใจหากเกิดอะไรขึ้นก็พอแล้ว


    แค่รักกันให้มากขึ้นทุกวินาที แค่อยู่ข้างๆกันแบบนี้ทุกวันคืนก็พอแล้ว


    ต่อให้สักวันจะต้องจากกันจริงๆ เขาก็จะไม่เสียใจหรือเสียดายอะไรเลย


    เพราะครั้งหนึ่งเคยได้รักใครสักคนจนสุดหัวใจและได้รับความรักของเขากลับคืนมาแล้ว


    แค่นี้ก็เพียงพอแล้วจริงๆ


    “อยู่กันมาจนลูกจะโตอยู่แล้วนะครับ พี่ควรเลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียหน่อย จะรีบกังวลกับมันไปทำไมกัน”


    “...”


    ก็เพราะเคยต้องพรากจากกันแล้วไง ถึงได้คิดมากเช่นนี้


    ก็เพราะไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอีกแล้วไง ถึงได้ต้องเอ่ยถามขึ้นมาบ่อยๆแบบนี้


    ก็เพราะว่ารักมากไง ถึงได้ห่วงอยู่ทุกลมหายใจอย่างที่กำลังเป็นอยู่


    “ขอให้รู้เอาไว้เถอะครับว่าน้องรักพี่มาร์คจริงๆ แล้วก็คิดไม่ผิดด้วยที่เลือกคนๆนี้มาเป็นสามีและพ่อของลูก” ฆนากรยิ้มเผล่ล้อเลียนร่างน้อยที่ยอมพูดออกมาเสียจนเต็มปากว่ารักเขา ไม่ได้มีแววความเขินอายเหมือนเมื่อหลายปีก่อนอีกต่อไปแล้ว


    มือใหญ่รวบมือเล็กๆนั่นมาจับเอาไว้แน่นก่อนจะดึงลงมาและประทับริมฝีปากลงไปบนหลังมือนุ่มนั่นเบาๆ


    “เจ้าสาวบรรดาศักดิ์ของพี่นี่น่ารักจริงๆเลยครับ”


    “...”


    “ว่าแต่ตาวีร์ยังไม่กลับมาเร็วๆนี้ใช่ไหม” คนถูกถามพยักหน้าตอบคำถามนั้นไปแม้จะยังมีความงงงวยอยู่ก็ตาม วกเข้าไปเรื่องลูกอีกได้ยังไงกันล่ะเนี่ย


    ยิ่งแก่ยิ่งพูดอะไรไม่รู้เรื่องนะคนเรา


    “เห็นท่านพ่อตรัสว่าคงจะให้ลุงสนมาส่งตอนประมาณสองทุ่มน่ะครับ ตอนนี้เพิ่งจะห้าโมงเย็น อีกสักสามชั่วโมงคงจะกลับ” ผินตามองนาฬิกาข้อมือเรือนหรูก่อนจะเอ่ยตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม ฆนากรเผยแววตาเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำว่าสามชั่วโมงจากริมฝีปากบางนั่น


    กายโปร่งลุกขึ้นยืนเสียจนเต็มความสูงก่อนจะก้มตัวลงช้อนร่างบอบบางขึ้นมาอุ้มแนบอก กันต์พิมุกต์ยกมือขึ้นโอบรอบคออีกคนเอาไว้อย่างรวดเร็ว ดวงตากลมเบิกกว้าง ใจดวงน้อยไหววูบไปหมดกลัวเหลือเกินว่าจะเกาะไม่ทันจนร่วงหล่นลงไปกระแทกกับพื้นและเจ็บตัวเอาได้


    ฆนากรก้มหน้าลงเสียจนจมูกโด่งรั้นแตะลงไปบนแก้มนิ่ม คนถูกขโมยหอมหน้าขึ้นสีอย่างน่ารัก


    “งั้นเราไปลองผ้าปูที่นอนกันใหม่หน่อยไหมคนดี พี่ว่าตั้งแต่ย้ายบ้านมานี่เรายังไม่ได้ทดลองผ้าปูกันเลยนะ” คนเจ้าเล่ห์นี่ต่อให้อายุมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยังเจ้าเล่ห์เหมือนเดิมสินะ มือน้อยฟาดลงไปบนไหล่แกร่งเบาๆ มีอย่างที่ไหนมาพูดเรื่องแบบนี้ในที่โล่งแจ้ง


    ไม่อายเทวดาฟ้าดินบ้างหรือไงกัน!


    “ฮื่ออ คนเจ้าเล่ห์”


    “ไม่ใช่เจ้าเล่ห์อย่างเดียวนะคนดี พี่น่ะเจ้าพลังด้วย” เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ดังสอดประสานกันไปอย่างลงตัว ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจที่เคยด้านชาทั้งสองดวง จากวันนี้ไม่มีใครรู้หรอกว่าหนทางข้างหน้าจะยังมีหนามแหลมรออยู่หรือไม่


    แต่ตราบใดที่มือของพวกเขายังจับยึดกันเอาไว้แบบนี้ก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องหวาดกลัวอีก


    ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน


    ในความเป็นจริงไม่มีใครรับรองได้หรอกว่าเรื่องราวมันจะจบลงด้วยความสุขหรือความเศร้า


    แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้เราทำทุกวันให้ดีที่สุด


    รักษาคนข้างกายของตัวเองเอาไว้ให้ดีที่สุด


    จะได้ไม่ต้องเสียดาย หากสักวันการจากลาจะแวะเวียนเข้ามาทักทาย


    เพราะอย่างน้อยๆเราก็ได้รักใครสักคนด้วยทั้งหมดของหัวใจเราแล้ว..


     

    แด่ความรักอันแสนบริสุทธิ์ของทุกคน

    แด่ทุกชีวิตที่ยอมสละเพื่อผืนแผ่นดินนี้

    แด่ฆนากร วิรุฬห์ธนกิจ

    แด่หม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ โรจนรัตติกร

     

     

     

    ฉันรักเธออย่างไรก็รักไม่เปลี่ยนใจเลย

    จะหยุดใจลงเอยที่เธอคนเดียว

    .. จนตาย

     

     

     

    จบบริบูรณ์

     




     

    TALK

                นี่จะเป็นทอร์คที่ยาวที่สุดที่เคยเขียนมาในเรื่องนี้ ซึ่งถ้าขี้เกียจอ่านสามารถเลื่อนข้ามไปได้เลย 5555

    และแล้วฟิคเรื่องนี้ก็เดินทางมาถึงส่วนที่เรียกว่าตอนจบ มันจบแล้วจริงๆค่ะ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่อยู่ด้วยกันมาถึงวันนี้ ขอบคุณทุกคนที่คลิ๊กเข้ามาอ่าน ทั้งที่ตั้งใจเข้ามา ทั้งที่เผลอกดเข้ามา และทั้งที่มือลั่นเฉยๆ ขอบคุณที่เข้ามาทำความรู้จักกับทุกตัวละครในเรื่องนี้ ขอบคุณที่รักคุณหม่อม ขอบคุณที่ภาคภูมิใจในตัวของคุณฆนากร ตอนจบนี้เป็นเพียงตอนจบแบบหนึ่งเท่านั้น ในชีวิตจริงของคนเรามีตอนจบอีกมากมายหลายแบบที่เราไม่คาดคิดคาดฝันว่าจะได้เจอ ในความเป็นจริงมีทหารหลายคนที่ไม่ได้กลับมา ไม่ได้มีปาฎิหาริย์เกิดขึ้นอย่างในนิยาย มีหลายคนที่ต้องสูญเสียสิ่งที่รักที่สุดในชีวิตของพวกเขาไป สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้ทุกคนได้รับจากเรื่องนี้คือการเห็นคุณค่าของเวลาค่ะ เห็นคุณค่าของคนรอบกาย อย่าทอดทิ้งให้คนที่เรารักต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เวลาไม่เคยหยุดเดินค่ะ เช่นเดียวกันกับที่มันก็ไม่เคยเดินวนกลับไป จงใช้เวลาที่ยังมีต่อจากนี้ให้คุ้มค่าที่สุด จะได้ไม่เสียใจหากว่าเวลานั้นหมดลง

    ขอบคุณที่เข้ามาร่วมสร้างความทรงจำดีๆเอาไว้ด้วยกันนะคะ

    ขอบคุณจริงๆค่ะ

     

    ไอซ์เอง (พิชชากร). 18 กรกฎาคม 2559

     

    *หลังจากที่โดนเรียกว่าพี่มานาน เราอายุ 19 นะคะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×