ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบรรดาศักดิ์ | MarkBam (THAI)

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่ ๑๙

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.22K
      232
      1 ส.ค. 59

    ลงครั้งแรก 17 กรกฎาคม 2559

    ๑๙

     

    ร่างกายของคนเราจะทำงานโดยปราศจากเสียงเต้นของหัวใจได้จริงๆอย่างนั้นหรือ


    กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ในยามเช้าเรียกให้ดวงตากลมซึ่งหลับใหลมานานกว่าหลายชั่วโมงให้ค่อยๆลืมขึ้นอย่างไม่ยากเย็น กายบอบบางที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนากระชับอ้อมแขนที่โอบกอดร่างน้อยของตนเอาไว้แน่น เรียวปากสีสดถูกขบเม้มด้วยฟันขาวที่หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงโดนใครบางคนเอานิ้วมาคลึงเข้าที่อวัยวะสีสวยนี่และส่ายหน้าบอกว่าให้หยุดการกระทำนั้นไปซะ


    ภาพความทรงจำทุกอย่าง ความรู้สึกจากการถูกสัมผัสยังคงตราตรึงอยู่ไม่ห่างหายไปไหนแม้จะผ่านมากว่า 4 เดือนแล้วก็ตาม 4เดือนที่กันต์พิมุกต์เฝ้าหลอกตัวเองอยู่ทุกวี่วันว่าถ้าหากยังไม่พบศพก็ยังสรุปไม่ได้ว่าฆนากรจากไปแล้วจริงๆ แหวนแต่งงานวงใหญ่ถูกแขวนเข้าไว้ด้วยกันกับแหวนทองเหลืองแสนคุ้นเคยและห้อยเอาไว้ติดลำคอระหงส์ตลอดเวลา


    หม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ย้ายกลับมาอยู่ที่วังแล้วเมื่อไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องขอใช้บ้านหลวงอีกต่อไป ในเมื่อไร้เงาของฆนากร ที่ทางตรงนั้นก็ควรจะเป็นของนายทหารผู้อื่นแทน ทุกๆอย่างยังคงถูกเก็บเอาไว้ที่เดิม ห้องหับและสวนน้อยๆยังคงไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงอะไร หากจะเปลี่ยนก็คงจะเป็นข้าวของส่วนตัวของทุกคนที่ถูกขนย้ายออกมาหมดแล้ว


    หม่อมราชวงศ์ร่างบางขนข้าวของของสามีกลับไปที่บ้านวิรุฬห์ธนกิจด้วยตัวเอง ภาพในวันนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำของทุกคน ภาพที่คุณชายตัวน้อยละทิ้งแล้วทุกอย่าง ไม่ยึดติดว่าก่อนที่จะแต่งงานกับฆนากรนั้นตัวเองเคยสูงส่งเพียงใด กายบอบบางทรุดลงกับพื้นราวกับเรี่ยวแรงที่เคยมีมลายหายไปหมด มือน้อยๆแตะเข้าที่ข้อเท้าของคุณนายนวล กล่าวคำขอโทษอย่างเดิมซ้ำๆอยู่แบบนั้นจนแทบจะหมดสติ


    ลูกแก้วคู่สวยแดงก่ำเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสไร้สีอย่างน่าสงสาร นับเป็นความหดหู่รองจากข่าวร้ายของฆนากรที่ทุกคนได้รับรู้ เป็นฆนรุจที่ประคองพี่สะใภ้ให้ลุกขึ้นและบอกกับร่างเล็กว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิด ไม่มีเลยสักคน


    ฆนากรไม่ผิดที่เลือกจะไป


    กันต์พิมุกต์เองก็ไม่ผิดที่ไม่ได้ห้าม


    ไม่มีใครผิดเพราะทุกอย่างเกิดจากการตัดสินใจที่ดีแล้ว คุณนายนวลโอบกอดคนที่เป็นเหมือนลูกชายของตนอีกคนแน่น น้ำตาเม็ดโตของคนเป็นแม่ไหลลงอาบแก้ม หัวใจของเธอที่แตกสลายไปคงไม่ต่างอะไรจากหัวใจของคนตัวน้อยตรงหน้านี้หรอก แม้จะไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดแต่เธอเชื่อว่ากันต์พิมุกต์รักฆนากรไม่ได้น้อยไปกว่าเธอเลย


    มันเป็นรักที่เกิดมาต่างสถานะ


    หากแต่ก็เป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่าความรักเหมือนกัน


    ‘ไม่เป็นไรเลยลูก หนูไม่ผิดเลย พี่เขาคงไม่เสียใจเลยที่เลือกแบบนี้’


    ‘ฮึก..’ มีเพียงเสียงสะอื้นที่ตอบกลับไปผ่านความเงียบเท่านั้น ความโศกเศร้าลอยตัวอยู่ในอากาศเมื่อทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงความจริงในข้อนี้ได้ ฆนากรผู้เคยสร้างเสียงหัวเราะและความอบอุ่นให้กับทุกคนคงไม่มีวันเดินกลับเข้ามาในบ้านหลังนี้อีก


    ความทรงจำในวันนั้นย้ำเตือนให้คุณหม่อมตัวน้อยจำต้องปกปิดความเจ็บปวดของตนลงไปบ้างหากไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง หม่อมมารตีร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นว่าลูกชายของเธอเหม่อลอย หัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้จะไม่ได้ร้องออกมาให้ลูกเห็นแต่เสียงสะอื้นที่ดังจากห้องนอนใหญ่นั่นก็ทำให้หัวใจของกันต์พิมุกต์ชาด้านหนักขึ้นกว่าเดิม


    เสียใจคนเดียวไม่พอ ยังจะส่งความเศร้าสร้อยนั้นไปให้คนอื่นอีก


    หากเขาไม่เข้มแข็ง คนที่อยู่ข้างๆจะมีความสุขได้อย่างไร


    หากเขาไม่เข้มแข็ง ลูกน้อยในท้องจะมีใครเป็นที่พึ่ง


    เหตุการณ์ที่ต้องเผชิญคือสิ่งที่ทำให้อดีตหม่อมราชวงศ์ต้องก้าวขึ้นเป็นผู้ใหญ่อีกก้าวหนึ่งเมื่อไม่มีไหล่กว้างของใครให้พักพิงอีกต่อไปแล้ว จากนี้เขาต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทำให้ได้อย่างที่เคยลั่นวาจาบอกกับฆนากรไว้


    คนเป็นสามีจะตายตาหลับได้อย่างไรหากเห็นว่าเขายังไม่สามารถจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งเช่นที่เป็นอยู่วันนี้ ฆนากรจะจากไปได้อย่างไรถ้าเขายังเข้มแข็งพอที่จะดูแลลูกในท้องไม่ได้


    กันต์พิมุกต์ไม่อยากให้ความห่วงรั้งฆนากรเอาไว้อีกต่อไปแล้ว


    บางที.. คนเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง




     

    หนังสือประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องทหารผู้เสียชีวิตจากสงครามถูกประกาศหลังจากที่เรื่องราวแถบชายแดนทุกอย่างสงบลง ข่าวดีของทางฝั่งเราคือประเทศไทยชนะสงครามในครั้งนี้ หากแต่รายชื่อผู้เสียชีวิตที่ยาวเป็นหางว่าวก็สร้างความสะเทือนใจให้แก่ประชาชนในประเทศไม่น้อยเลย


    ทุกคนต่างไว้อาลัยให้กับทหารกล้าเหล่านั้นและเชิดชูว่าพวกเขาไม่ต่างอะไรจากวีรบุรุษ


    แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อพวกเขาไม่ได้กลับมาชื่นชมผลงานของตนเองด้วยซ้ำ ไม่ได้กลับมาสู่อ้อมอกของครอบครัวและภรรยาที่รัก มีเพียงสิ่งของบางสิ่งบางอย่างที่สามารถเก็บกลับมาได้เท่านั้นที่ถูกส่งกลับมา หากแต่ไร้ซึ่งร่างกายของคนที่เป็นดั่งดวงใจของทุกคน


    เพราะถูกเผาไหม้แหลกสลายไปพร้อมกับเพื่อนสนิทคู่ใจอย่าง F-86F ไปแล้ว


    “ผมขอให้ทุกท่าน ณ ที่แห่งนี้ยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้พลทหารทุกคนด้วยครับ” ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณเมื่อสิ้นเสียงทรงอำนาจของนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ดวงตากลมโตหลับลงปล่อยให้สายลมแผ่วๆพัดผ่านร่างกาย มือเล็กยกขึ้นแตะที่หน้าท้องบางที่นู่นออกมาด้วยอายุครรภ์กว่า 6 เดือนผ่านผ้าเนื้อดีสีดำสนิท


    ‘หนูไม่โกรธคุณพ่อใช่ไหมครับลูก’ เอ่ยเสียงเบากับลูกภายในหัวใจ พยายามเหลือเกินที่จะส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดไปให้กับลูกน้อย สงสารตาหนูเสียจริงที่ไม่อาจได้เห็นหน้าของผู้เป็นบิดาเช่นเดียวกับสงสารคนที่หลับใหลไปตลอดการคนนั้น


    รับรู้ไหมครับว่าแกอยู่ตรงนี้กับผม


    แกกำลังส่งคุณไปสวรรค์พร้อมๆกับที่ผมกำลังทำ


    ตาหนูอยู่ที่นี่นะครับ คุณรับรู้ได้ใช่ไหม คุณฆนากร..


    ‘ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ คุณหลับให้สบายเถอะนะ’ หวังว่าฆนากรจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนี้ หวังว่าคนเป็นสามีจะนอนหลับไปได้อย่างหมดห่วง เขาไม่ต้องการให้อะไรก็ตามเหนี่ยวรั้งฆนากรเอาไว้อีกแล้ว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมากันต์พิมุกต์เฝ้าหลอกตัวเองอยู่ซ้ำๆว่าสิ่งที่คุณสมชายแจ้งมานั้นไม่ใช่เรื่องจริง


    มันต้องมีอะไรผิดพลาด ฆนากรอาจจะแค่บาดเจ็บจึงยังไม่ได้กลับมาหาทุกคน แต่เมื่อเวลาผ่านไปความหวังก็เหมือนจะถูกริบรอนตามไปด้วย สงครามจบลงพร้อมกับความหวังครั้งสุดท้ายของเขา นายทหารผู้รอดชีวิตทุกคนกลับคืนสู่พระนครด้วยรอยยิ้มของครอบครัว


    นั่นเป็นการยืนยันครั้งสุดท้ายแล้วว่าฆนากรไม่ใช่คนที่ถูกเลือก


    เขาไม่ใช่คนที่ถูกเลือกให้กลับมา..


    “ในวันนี้พวกเรามาที่นี่เพื่อส่งนายทหารกล้าทุกคนไปสู่สรวงสวรรค์ ขอบคุณที่ยอมอุทิศเลือดเนื้อของตนเพื่อรักษาเอาไว้ซึ่งเอกราชของประเทศ ขอบคุณที่กล้าหาญเพื่อประชาชนทุกชีวิตบนผืนแผ่นดินนี้ ผมและประชาชนชาวไทยทุกคนขอบพระคุณทุกท่านด้วยหัวใจ” ความเจ็บปวดที่หัวใจไม่เคยจางหายไปแม้แต่วินาทีเดียว มือน้อยๆจิกเข้าหากันแน่นในขณะที่อีกข้างก็วางแตะเอาไว้บนแขนแกร่งของน้องชายสามี ฆนรุจจ้องมองใบหน้าของพี่ชายในรูปที่ถูกตั้งเอาไว้เบื้องหน้า


    ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้


    ไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าเขาสองพี่น้องต้องจากกันเช่นนี้


    แต่ในเมื่อทุกอย่างมันเดินทางมาถึงตรงนี้แล้ว เขาจะทำอะไรได้นอกจากต้องเข้มแข็งให้เร็วที่สุดเพื่อเป็นหลักให้กับทุกคนในบ้าน คุณนายนวลเป็นลมหมดสติไปตั้งแต่ที่เห็นรูปของลูกถูกยกลงมาจากเครื่องบิน เป็นท่านเจ้าสัวผู้เป็นพ่อที่พามารดาของเขาไปพัก ส่วนฆนรุจยังยืนอยู่ที่นี่ ยืนอยู่ข้างๆคนที่พี่รักที่สุดเพื่อคอยปกป้องดูแลร่างเล็กนี้ให้ เท่าที่ตนจะสามารถทำได้


    พี่สบายใจเถอะนะ ผมจะดูแลทุกคนแทนพี่เอง


    “นายทหารคนหนึ่งบอกกับผมว่าเขาโชคดีที่สุดแล้วในที่ได้เกิดมาในชีวิตนี้ เพราะเขาได้เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น ได้เจอกับคนที่ดีๆในชีวิต ได้รักใครสักคนหนึ่งจนหมดหัวใจและได้ทดแทนคุณของแผ่นดินที่เกิดมา”


    “...” ท่านนายพลเอ่ยมาถึงตรงนี้ความเงียบงันก็เกิดขึ้นมาพร้อมๆกัน ดวงตาของท่านเต็มไปด้วยความเอื้อเอ็นดูยามจ้องมองไปยังภาพของนายทหารคนที่กำลังกล่าวถึง อาจจะเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก อาจจะเพราะเคยเป็นอาจารย์ที่คอยให้คำปรึกษาศิษย์คนนี้มาตลอด ท่านจึงเจ็บปวดไม่น้อยที่ในวันนี้หลงเหลือเพียงแค่รูปถ่ายของคนที่ท่านเองก็รักไม่ต่างจากลูกจากหลาน


    “เขาเลือกจะเดินเข้าสู่เส้นทางรั้วของชาติด้วยตัวของเขาเองเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ยืนยันแน่วแน่กับผมว่าจะเป็นทหารที่ดีที่สุดให้ได้ ผมเห็นเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากเด็กหนุ่มตัวก้างๆจนกลายเป็นนายทหารร่างใหญ่ที่ใครก็ต้องเกรงขาม”รอยยิ้มกว้างขวางปรากฏขึ้นที่ปากบางเฉียบของคนพูด สายลมเย็นๆพัดผ่านมาราวกับจะพัดคำพูดนั้นให้ลอยไปถึงคนที่กำลังถูกกล่าวถึง


    หวังว่าสายลมจะช่วยพัดพาให้เขาคนนั้นได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความชื่นชมในวันนี้


    “ครอบครัวของเขาสนับสนุนการตัดสินใจของเขาอย่างเต็มที่ ทั้งๆที่ต่อให้อยู่ที่บ้านเฉยๆก็คงจะมีกินไปทั้งชาติไม่ต้องมาหวังพึ่งเงินเดือนข้าราชการที่น้อยแสนน้อยเช่นนี้”


    “...” กันต์พิมุกต์ยกยิ้มขึ้นมา เดาได้ไม่ยากหรอกว่าคนที่นายทหารชั้นผู้ใหญ่คนนี้กำลังพูดนั้นคือใคร


    ได้ยินหรือเปล่าครับ


    รับรู้หรือเปล่าว่ามีคนชื่นชมพี่เยอะขนาดไหน


    “เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งจะได้แต่งงานไปกับคนๆหนึ่งซึ่งเขาบอกกับผมว่าตกหลุมรักคนๆนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น ตั้งแต่ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตัวน้อยที่ร้านขนมนั่นเป็นใครหรือชื่ออะไร”


    นั่นสิ.. คุยกันจริงจังครั้งแรก ยังเรียกชื่อเขาผิดอยู่เลย


    ฆนากรนี่แย่จริงๆ


    ทั้งๆที่กำลังต่อว่าเขาอยู่ในใจหากแต่น้ำตาเม็ดโตกลับกลิ้งไหลผ่านแก้มนวลลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กายบอบบางสั่นไหวแต่ก็ยังฝืนให้ตนยืนอยู่ได้ ฆนรุจมองมาที่เขาด้วยความเป็นห่วง ซึ่งกันต์พิมุกต์ก็ทำแค่ส่ายหน้าน้อยๆบอกว่าตนไม่เป็นอะไรเท่านั้น


    “ผมได้ยินเขาพูดกับเพื่อนทุกวันว่าอยากมีลูก อยากมีโซ่ทองคล้องใจเขากับภรรยาของตัวเองเอาไว้ เจ้าเด็กนั่นพูดแต่ว่าไม่ได้อยากใช้โซ่นี้รัดให้คนๆนั้นอยู่กับตัวเองจนหนีไปไม่ได้เพราะหากคนคิดจะหนีต่อให้ล่ามโซ่เอาไว้ก็หนีไปจนได้อยู่ดี แต่ที่อยากมีลูก อยากมีเจ้าตัวน้อยก็เพราะแค่อยากให้มีคนคอยดูแลคนที่เขารักหากว่าอะไรบางอย่างพรากลมหายใจของเขาไป” ถ้าจะพูดกันให้ถูกนี่คือสิ่งที่กันต์พิมุกต์ไม่เคยรู้ เขารับรู้แค่ว่าฆนากรอยากมีลูกแต่ไม่เคยรู้เลยว่าเหตุใดเจ้าตัวจึงมีความต้องการเช่นนั้น พอได้มารู้อย่างนี้แรงสะอื้นจึงหนักหน่วงมากขึ้น สุดท้ายขาเล็กๆก็ไม่อาจจะทนรับน้ำหนักทุกอย่างเอาไว้ได้ไหว อดีตหม่อมราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์ทิ้งตัวลงบนพื้นพรมอย่างหมดแรง ฆนรุจคุกเข่าลงข้างๆและประครองร่างน้อยนั่นเอาไว้ หยิบยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้อย่างใจดี คุณหม่อมตัวน้อยพยักหน้าก่อนจะรับผ้าผืนบางนั่นมากำเอาไว้แน่น


    ตาหนูอยู่นี่แล้วนะครับพี่มาร์ค


    แกอยู่กับผมตรงนี้แล้ว..


    “ตอนที่ผมพูดเรื่องสงครามกับทุกคนในห้องประชุม นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นลูกศิษย์ของผมคนนี้กังวลใจ นายทหารผู้ไม่เคยหวั่นกลัวอะไรเลยกำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับลมหายใจของตนเองเป็นครั้งแรก”


    ใจหนึ่งก็อยากที่จะฟังเรื่องราวของคนๆนั้นต่อ แต่อีกใจก็ร้องตะโกนให้ทุกอย่างจบลงแค่นี้ จะเตรียมใจเอาไว้แค่ไหนก็ยังรับไม่ได้อยู่ดีที่คนที่รักจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาอีก เจ็บกว่าการโดนกระชากหัวใจ เจ็บกว่าความเจ็บปวดใดๆทั้งสิ้นบนโลกใบนี้


    “แม้จะไม่ได้บอกอะไร แต่กับคนที่เห็นแทบจะทุกช่วงในชีวิตของเขาอย่างผม นั่นเป็นวันแรกที่ผมรับรู้ได้ว่าเขาไม่อยากไปรบ เขาไม่อยากไปที่นั่นเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะได้กลับมาหรือไม่” เสียงของนายทหารชั้นผู้ใหญ่สั่นไหวเล็กน้อยยามที่เอ่ยมาถึงตรงนี้


    ดวงตาคมแสนอบอุ่นจ้องมองมายังร่างบางที่ร้องไห้จนแทบจะหมดสติอยู่แล้ว เขาก้มศีรษะลงน้อยๆเหมือนจะบอกว่าขอโทษ


    ขอโทษที่เป็นคนสั่งให้ฆนากรต้องไป


    ขอโทษที่พรากชีวิตของคนๆนั้นไปตลอดกาล


    “เขากลับบ้านไปและผมก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลยจนถึงวันที่เรียกรวมพล นายทหารคนเดิมที่ผมเคยรู้จักกลับมาอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาหาผมในเช้าวันนั้นพร้อมกับบอกว่าพร้อมแล้ว เขาพร้อมแล้วที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”


    “...”


    “ผมสงสัยไม่น้อยกับการกระทำของเขา แต่พอเขายิ้มแล้วบอกกับผมด้วยเสียงที่มีความสุขว่า เขาเข้าใจผมครับท่าน เขาบอกว่าเขาจะรอผมกลับมา ผมรักคนไม่ผิดจริงๆ’ แค่นั้นผมก็เข้าใจได้ทุกอย่างได้โดยไม่ต้องไตร่ถามอะไรอีก”


    “...”


    “ในฐานะที่เป็นเหมือนพ่อคนหนึ่งของเขา ผมขอขอบคุณหม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์มา ณ ที่ตรงนี้ด้วย ขอบคุณที่ยืนอยู่เคียงข้างลูกชายของผมด้วยความเข้าใจ ขอบคุณในหัวใจที่เข้มแข็งเกินใครของคุณ” ร่างน้อยพยักหน้าอย่างอ่อนแรงอยู่ที่อกของฆนรุจ รอยยิ้มแสนสดใสที่ฆนากรหลงรักมันเสมอประดับขึ้นที่เรียวปากสีซีด


    น้องไม่เป็นไร


    น้องจะไม่เป็นไรครับพี่มาร์ค..


    “นายทหารคนนี้ทำหน้าที่ของตนจนสุดความสามารถ เขาคือหัวหน้าหน่วยบินขับไล่หน่วยสุดท้ายที่พาเครื่องบินขึ้นสู่ฟากฟ้าและต่อสู้เพื่อให้ไทยชนะสงครามในครั้งนี้”


    “...”


    “เขาคือคนที่ขันอาสาขอขึ้นไปขับเครื่องบินทั้งที่รู้ว่าการปะทะกันครั้งนี้ร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา”


    “...”


    “เขาคนนั้นคือเรืออากาศโท ฆนากร วิรุฬห์ธนกิจ”


    “ฮึก... พะ พี่ พี่มาร์ค..” สิ่งสุดท้ายที่ร่างน้อยในอ้อมแขนของฆนรุจรับรู้ได้ก็คือเสียงปรบมือและเสียงสะอื้นไห้ของคนที่อยู่รอบๆกาย ทุกคนกำลังชื่นชมในความกล้าหาญของฆนากร ทุกคนกำลังให้เกียรตินายทหารที่เขารักคนนั้น ความอิ่มเอมและเจ็บปวดในหัวใจเกิดขึ้นพร้อมๆกัน


    ร่างกายไม่อาจทนฝืนความรวดร้าวได้อีกจึงปิดการรับรู้ของตนไป


    ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน จะอยู่ไกลแสนไกลแค่ไหน


    ขอให้พี่รู้เอาไว้เถอะครับว่าผมภูมิใจในตัวของพี่เหลือเกิน


    ผมภูมิใจในหัวใจของคุณเหลือเกินคุณฆนากร



     

    สายฝนร่วงโรยลงมาจากฟ้าราวกับต้องการดับสิ้นความทุกข์ใจของทุกคน มือน้อยแตะลงไปที่บานกระจกในห้องอ่านหนังสือของวังโรจนรัตติกร ดวงตากลมทอดมองออกไปไกลแสนไกล ความเจ็บปวดถูกกดให้อยู่ลึกที่สุดเท่าที่จะได้ เหลือเพียงความเข้มแข็งเท่านั้นที่ถูกแสดงออกมา


    ดวงหน้าหวานสวยกลับมามีน้ำมีนวลอีกครั้งหลังจากที่ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดในชีวิตมาได้ เรียวปากสีสดมักประดับไปด้วยรอยยิ้มหวานสวยอยู่เสมอไม่ว่าจะผินหน้าไปพบกับใคร ความสบายใจทำให้ทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ


    แต่ใครเล่าจะรู้ว่าทุกครั้งที่อยู่เพียงลำพังรอยยิ้มหวานสวยนั่นก็มักจะเลือนหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น


    อีกไม่กี่วันจะถึงงานวันเกิดของหม่อมมารตีซึ่งนั่นทำให้คนในวังล้วนแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงาน งานที่ว่าเป็นงานรื่นเริงงานแรกที่ถูกจัดขึ้นหลังจากเมฆหมอกแห่งความโศกเศร้าลอยตัวอยู่ในอากาศของที่นี่มานานแสนนาน กันต์พิมุกต์ถูกสั่งให้นั่งรออยู่ในห้องและช่วยออกความเห็นได้บ้างเล็กน้อยเท่านั้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใยของทุกคนจากหน้าท้องที่เริ่มจะใหญ่ขึ้นตามอายุครรภ์ อีกไม่นานเจ้าตัวน้อยก็คงจะได้ออกมาวิ่งเล่นกับทุกคนแล้ว


    สวนสวยนี่จะกว้างขวางพอให้วิรุฬห์ธนกิจตัวน้อยออกมาวิ่งเล่นหรือไม่กันนะ


    “นอนหลับสบายอยู่ใช่ไหมลูก” ลูบไล้วนผ่านหน้าท้องของตนอย่างแสนรัก สุรเสียงอ่อนหวานเอ่ยถามเจ้าตัวเล็กของตนทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงจะตอบกลับมาไม่ได้


    “แม่ตื่นเต้นที่จะได้เจอกับหนูจัง” แรงกระทุ้งเบาๆที่ตอบกลับมาทำให้ใบหน้าหวานดูสดชื่นขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อย ฆนากรไม่ได้จากเขาไปไหนเสียหน่อย เจ้าตัวยังอยู่ตรงนี้กับเขาเสมอ อยู่โอบกอดเขากับลูกตัวน้อยเอาไว้


    “คุณพ่อก็คงตื่นเต้นเหมือนกัน”


    ใช่ไหมครับ..


    “คนดีของแม่เองก็ตื่นเต้นใช่ไหมล่ะ” ความเงียบงันทำหน้าที่ของมันได้ดีเสมอ มือนุ่มแตะอยู่ที่หน้าท้องของตนอยู่แบบนั้น ดวงตาคู่สวยหลับลงช้าๆเพื่อระลึกถึงความอบอุ่นที่เคยประทับลงบนหน้าท้องของเขาเช่นนี้ มือใหญ่ที่กล้าๆกลัวนั่นแตะลงบนหน้าท้องของเขาและหลับตาลง


    ตอนนั้นตาหนูคงกำลังก่อตัวขึ้นมาอยู่ล่ะมั้ง ตอนที่ฝ่ามือของผู้เป็นบิดาแตะลงที่หน้าท้องนี้เจ้าตัวเล็กเองก็คงจะสัมผัสได้


    หนูเคยได้ทักทายกับคุณพ่อนะลูก


    หนูได้เอ่ยลาและอวยพรให้คุณพ่อโชคดีไปพร้อมกับแม่ในตอนนั้น


    ภูมิใจในตัวคุณพ่อของหนูนะ


    ภูมิใจอย่างที่แม่ภูมิใจนะ..


    “พ่อกับแม่รักหนูนะลูก แข็งแรงและออกมาเจอกับทุกคนเร็วๆนะ..” หัวใจที่เคยเจ็บปวดกลับอบอุ่นขึ้นมาเพียงแค่ได้นึกถึงช่วงเวลาตอนนั้น ฆนากรคงมีความสุขมากถ้าหากได้รู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูกอย่างที่ต้องการ คนตัวสูงคนนั้นคงกำลังมองมาที่เขาและลูกด้วยแววตาอบอุ่นแน่ๆ


    มีความสุขใช่ไหมครับ


    ..ผมเองก็กำลังมีความสุขอยู่เหมือนกัน



     

     










    TALK

    ตอนหน้าจะจบแล้ววว ^^

    เจอกันได้ที่ #จสบดศ เหมือนเดิมนะคะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×