ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กบฏหัวใจซาตานร้าย

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 50%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 126
      1
      13 มิ.ย. 58

    “พรีม รู้เรื่องรึยัง”

    “รู้เรื่องอะไรคะหัวหน้า” พริมาเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

    “ก็เรื่องบัญชีกำไรไตรมาสสุดท้ายน่ะสิ ทางผู้จัดการตีกลับมาให้พี่ เพราะทางนั้นตรวจสอบแล้วพบว่ามันมีจุดบกพร่อง กำไรที่ควรจะได้หายไปเกือบสิบล้านบาท” สีหน้าตื่นตระหนักของหัวหน้า บอกให้พริมารู้เลยว่าสิ่งที่ได้ยินเธอไม่ได้หูฝาด

    “พี่กบหลอกพรีมเล่นรึเปล่าคะ”

    “จะบ้าเหรอพรีม เรื่องแบบนี้ใครเขาจะพูดเล่นกัน ตอนนี้เขากำลังเรียกคนสอบสวนกันให้วุ่น  แผนกเราทุกคนต้องโดนสอบสวน พรีมก็เตรียมตัวไว้นะ”  ปลายมือเท้าของพริมาเย็นเฉียบเมื่อได้ยินคำว่าสอบสวน เพราะถ้าหากผิดพลาดอะไรขึ้นมาจริงๆ คนสรุปรายงานนี้จะต้องเป็นคนรับผิดชอบ ซึ่งก็คือเธอนั่นเอง

    แล้วก็ถึงลำดับของพริมาที่จะต้องเข้าไปสอบสวนหาตัวคนผิด เพราะถ้าดูจากรายงานแล้ว แทบจะไม่มีจุดบกพร่องเลย ถ้าไม่ตรวจสอบให้ดีๆ นั่นหมายความว่า งานนี้มีคนกำลังยักยอกเงินบริษัท ซึ่งสิบล้าน มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย

    “คุณพริมา ใช่มั๊ยครับ” โจชัวร์ซึ่งรับหน้าที่สอบสวนทุกคนภายในบริษัท เอ่ยถามผู้เข้ามาใหม่เพื่อย้ำให้แน่ใจว่าสอบสวนไม่ผิดคน 

    “ใช่ค่ะ” เมื่อผู้เข้ารับการสอบสวนไม่ผิดคน การสอบสวนจริงเริ่มขึ้น

    พริมาบังคับตัวเองไม่ให้ตอบคำถามเสียงสั่น แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย เมื่อปลายสั่นยังคงสั่นเครือ  เธอจึงเรียกความมั่นใจและสติด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างช้าแล้วค่อยๆ ผ่อนมันออกมา โดยที่สายตายังคงสบกับโจชัวร์อยู่ไม่คลาดเพื่อเป็นตัวยืนยันอีกทางหนึ่งว่าเธอไม่ได้กำลังโกหกอยู่

    “เอาล่ะครับคุณพริมา ทุกข้อสอบถามที่ผมถาม คนได้ปฏิเสธหมดทุกข้อ ซึ่งหลายๆ คนก่อนหน้านี้ ก็ปฏิเสธและให้เหตุผลคล้ายๆ คุณ แทบจะทุกข้อ แต่สำหรับคุณ ผมมีอีกข้อที่จะต้องถาม” โจชัวร์สีหน้าเคร่งครึมขึ้น เมื่อก้มลงไปหยิบเอกสารฉบับหนึ่งที่อยู่ในซองก่อนที่จะนำมันมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว “เอกสารฉบับนี้คืออะไร แล้วทำไมคุณต้องเก็บมันไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของคุณด้วย”

    “มะ...มัน ไม่ใช่ของฉันนะคะ รายงานผลกำไร พนักงานทุกคนต้องส่งงานดิบให้กับหัวหน้าเพื่อตรวจสอบก่อนที่จะพิมพ์และนำเสนอต่อผู้บริหาร  ไม่มีทางที่ฉันจะเก็บเอกสารพวกนี้ไว้กับตัวแน่นอนค่ะ” น้ำเสียงหนักแน่นและท่าทีที่จริงจังของหญิงสาวเริ่มทำให้โจชัวร์เริ่มคิดไม่ตก

    “ถ้ายังงั้นคุณก็ต้องอธิบายมาว่า เอกสารฉบับนี้อยู่กับคุณได้ยังไง และที่สำคัญ เอกสารชุดนี้กับชุดที่ส่งผู้บริหาร มีจุดต่างกันหลายจุด คล้ายกับมีใครบางคนพยายามปิดบังข้อผิดพลาดและความผิดของตัวเอง”

    “ฉันบอกไม่ได้หรอกนะคะว่าเอกสารฉบับนี้อยู่กับฉันได้ยังไง แต่ฉันขอบอกเลยว่าฉันไม่เคยเห็นเอกสารฉบับนี้มาก่อน”

    “แล้วถ้าผมจะบอกคุณว่า บนกระดาษแผ่นนี้มีลายมือของคุณอยู่ คุณจะทำยังไง ที่สำคัญก็คือ มันมีแค่ลายมือเดียวด้วยนะคุณพริมา” โจชัวร์ต้องใช้เสียงที่เข้มขึ้นเพื่อกดดันอารมณ์ของผู้หญิงตรงหน้า  และหลักฐานฉบับสุดท้ายที่ถูกหยิบมาร่วมกับการสอบสวนก็ทำให้พริมาน้ำตาคลอเบ้าทันที ทำให้โจชัวร์รับรู้แล้วว่าชัยชนะกำลังจะเป็นของเขา

    “ผมจะบอกอะไรคุณให้นะคุณพรีม เจ้านายของผมเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น จำฝังใจ และค่อนข้างเอาแต่ใจเพราะตอนเด็กๆ โดนตามใจมาค่อนข้างเยอะ และเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคุณยังไม่ตอบตกลง”

    “ถ้าอย่างนั้นก็บอกเจ้านายของคุณให้ไปตายซะ!!” พริมาตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มตาน้ำข้าวตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวเพราะความเครียดที่สะสมทำให้หญิงสาวกล้าได้มากปกติ ส่วนคนโดนไล่ไปตายนั้นแอบเข่นเคี้ยวลูกน้องที่ใส่สีตีไข่เขาซะจนเละ รวมถึงคนไล่เขาไปตายด้วย

    ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดสนิท โดมินิกก็เดินออกมาจากหลังม่านที่กั้นกระจกเอาไว้ ใบหน้าคมเข้มทมึงทึงราวกับโกรธใครมาเป็นสิบชาติ

    “เอ่อ...”

    “ไม่ต้องพูดอะไร ถ้านายยังไม่อยากปากมีสี”

    โจชัวร์สงบปากสงบคำทันทีที่เจอประโยคนี้  ทั้งๆ ที่ในใจอยากจะถามคนตรงหน้าเสียเหลือเกินว่า ไม่สงสารสาวน้อยที่วิ่งออกไปเมื่อสักครู่นี้บ้างหรือ  เพราะขนาดเขาที่ต้องมาสอบสวนเองยังอดสงสารไม่ได้

    “ในเมื่อใช้ไม้นี้ไม่ได้ เธอก็จะเจออะไรที่หนักกว่านี้พริมา แล้วเรามาดูกันสิว่า ระหว่างเธอกับฉัน ใครจะชนะ” โดมินิกเอ่ยอย่างแค้นใจ มือหนายกผ้าเช็ดหน้าเนื้อนิ่มที่ยังมีกลิ่นหอมจางๆ ขึ้นมามองแทนใบหน้าของเจ้าของ ก่อนที่จะขย้ำผ้าผืนนั้นจนยับยู่

    000000000000000000000000000000

    พริมาลืมตามองตัวเองในกระจก หลังจากที่เข้ามาอยู่ในห้องน้ำนานพอสมควร ... เธอมองใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วงด้วยความสงสารตัวเอง จนอดคิดไม่ได้ว่าเธอทำกรรมอะไรมา ถึงต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ และมันคงจะไม่จบจนกว่าเธอจะตอบตกลง ซึ่งมันจะไม่มีวันนั้นแน่นอน

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    “พรีม อยู่ข้างในรึเปล่า พรีม ยัยพรีม”

    “ค่ะพี่กบ พรีมอยู่ข้างใน”

    พริมารีบล้างหน้าล้างตาก่อนที่จะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเอาทั้งน้ำและน้ำตาออกจนแห้ง แล้วจึงเปิดประตูห้องน้ำเมื่อรู้ว่าผู้ที่มาเรียกคือผู้บังคับบัญชา

    “เป็นอะไรรึเปล่า พี่เห็นพรีมเข้าไปนานแล้วนะ มีอะไรก็พูดกับพี่ได้นะพรีม” ประภัสสรเอ่ยถามด้วยความห่วงใย หญิงสาวตรงหน้าเป็นเด็กดีมาตลอดกว่าสองปี ทั้งขยัน ซื่อสัตย์และมีน้ำใจ เธอไม่คิดเลยว่าคนอย่างพริมาจะทำอะไรแบบนี้ได้ ถึงแม้ว่าจะได้ยินเรื่องเม้าท์กันมาหนาหูว่าเพราะแม่ป่วยหนักจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เธอจึงต้องทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร

    “ไม่เป็นอะไรค่ะพี่กบ ขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วง” หญิงสาวส่งยิ้มให้กับหญิงสาวผู้เป็นเจ้านายก่อนที่จะก้มหน้าลงซ่อนรอยน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมาราวทำนบแตก

    “พรีม ไม่รู้ค่ะ พี่กบ พี่ไม่รู้ ฮึก ฮึก ฮือๆๆ” ร่างระหงโถมเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างคนหมดกำลังใจ คงจะมีประภัสสรนี่ล่ะมั๊ง ที่เข้าใจเธอ เพราะตั้งแต่เดินออกจากห้องนั้นมา เสียงกระซิบที่ดังแว่วเข้าหูมีทั้งสงสาร สมน้ำหน้า และต่อว่าสารพัด ความเข้มแข็งที่มีจึงพังทลายหมด จนต้องแอบมาร้องไห้ในห้องน้ำเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ

    “พี่รู้จ๊ะ พี่รู้ ไม่ต้องร้องนะ พรีมยังมีพี่อยู่นะ รู้มั๊ย”  ไม่รู้ว่าเธอปลอบไม่ดีหรืออะไร เพราะยิ่งปลอบ พริมาก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปทุกที และเสียงร้องของคนในอ้อมกอดก็เรียกร้องให้ร่างสูงของใครคนหนึ่งที่ยืนซ่อนตัวอยู่หลังประตูอีกด้านต้องยืนกำหมัดแน่น

    โดมินิกยืนอยู่หลังประตูบานนี้มาร่วมสิบนาทีตั้งแต่เห็นพริมาเดินฝ่าดงฝูงชนหนีเข้าห้องน้ำไป แล้วไม่กี่อึดใจถัดมา เสียงร่ำไห้สะอื้นก็ดังมาให้ได้ยิน ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เสียงสะอื้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนคนฟังคันหัวใจยิบๆ อย่างบอกไม่ถูก อาจจะด้วยไม่คิดว่าการบีบเธอทางอ้อมของเขาจะทำให้เธอเครียดจัดขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หญิงสาวก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะยอมรับข้อเสนอของเขาเลยสักนิด

           “ไม่ต้องร้องแล้วนะ พี่ไปถามผู้บริหารมาแล้ว เขาบอกว่าเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้ง ผู้ใหญ่จะจัดหาทีมมาตรวจสอบบัญชีอีกครั้ง ส่วนพรีม ท่านให้พักงานไปก่อน พี่ช่วยพรีมได้เท่านี้” ยิ่งได้เห็นสีหน้าของคนที่นับเป็นน้องก็ยิ่งทำให้ประภัสสรไม่กล้าแจ้งต่อ

    “สองอาทิตย์เท่านั้นนะพรีม แค่สองอาทิตย์ ถูกพักงานก็ดีกว่าถูกไล่ออก จริงมั๊ย!? ไปเถอะ พี่จะช่วยเก็บของ”

    “ขอบคุณพี่กบมากนะคะที่ช่วยเหลือพรีมมาตลอด และขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้พี่กบต้องผิดหวัง” มือบางเช็ดน้ำตาที่ยังไหลไม่ยอมหยุดก่อนที่จะยกมือไหว้ขอบคุณหัวหน้าที่เธอรักเหมือนพี่สาวคนหนึ่งอย่างซาบซึ้ง

    “ดูท่าคุณพรีมเธอจะเสียใจมากนะครับ เจ้านายไม่น่าจะเล่นหนักขนาดนี้”

    “นายก็คิดดูเอาเองแล้วกันว่า โดนขนาดนี้เธอยังกล้าที่จะปฏิเสธฉัน และคนอย่างฉันไม่ชอบการถูกปฏิเสธ นายก็รู้” โดมินิกเอ่ยเสียงหนักจนคนฟังยังเสียวสันหลังวาบ ไม่ต้องไปพูดถึงคนถูกกระทำอย่างพริมาหรอก เชื่อเถอะว่า วิธีการทรมานของเจ้านายเขายังมีอีกเยอะ

    0000000000000000000000000

    หลังจากเก็บของเพื่อหยุดพักงานสองสัปดาห์เสร็จ พริมาก็นำทุกอย่างกลับมาเก็บไว้ที่บ้านด้วยความช่วยเหลือของปภัสสรที่ขับรถมาส่ง หญิงสาวก็ตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลทันที เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่มารดาให้ยาเคมีบำบัดเป็นครั้งแรก หลังจากรักษาอาการเหนื่อยหอบและไข้ขึ้นจนหายดีแล้ว

    “แม่เป็นยังไงบ้างคะ ยังเหนื่อยอยู่มั๊ย” ใบหน้าที่ดูมีสีขึ้นมานิดนึงทำให้พริมามีกำลังใจขึ้นมากโข

    “ไม่เหนื่อยแล้วล่ะ แล้วพรีมล่ะลูก ทำไมถึงได้มาตอนนี้ได้” นางศรีสอางค์ส่งยิ้มให้กับลูกสาวก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วพริมาไม่เคยมาเวลานี้หากเป็นช่วงวันธรรมดา

    “อ่อ พรีมลาพักร้อนน่ะค่ะแม่ จะได้มาดูแลแม่ตอนให้ยาเคมีไงคะ”

    “มาดูทำไม แม่อยู่ได้ แล้วลามาที่ทำงานไม่วุ่นวานกันหมดเลยเหรอ” คำถามของมารดาทำให้สีหน้ายิ้มแย้มของพริมาเศร้าสลดลงทันที แต่ดีที่มารดาหันไปสนใจกับข่าวในโทรทัศน์มากกว่าจึงไมได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง

    “ไม่หรอกค่ะ ทุกคนใจดีน้า พอรู้ว่าพรีมจะมาดูแลแม่ เขาก็ให้พรีมลาหยุดเลย นี่ก็ได้หยุดตั้งสองอาทิตย์เลยนะคะ แม่ดีใจมั๊ย ที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดเลย” น้ำเสียงร่าเริงทำให้มารดาพลอยยิ้มออกไปด้วย

    “แม่นั่งดูข่าวไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพรีมไปคุยกับคุณหมอคุณพยาบาลแป๊บนึง”

    “พรีมไปเถอะ แม่อยู่ได้” นางศรีสอางค์ว่าแล้วก็หันไปสนใจข่าวต่อ พริมาจึงค่อยถอยห่างออกมาเพื่อไปคุยความก้าวหน้าทางการรักษาของมารดา

    “สวัสดีค่ะคุณหมอ คุณพยาบาล” ทั้งคุณหมอและพยาบาลยกมือรับไหว้สาวหน้าหวานพร้อมกันอย่างอัตโนมัติ ก่อนที่คุณพยาบาลจะส่งยิ้มให้แล้วแยกตัวออกไปทำงานต่อ

    “วันนี้มาเฝ้าเองเลยเหรอครับ ไม่ได้ทำงานหรือ?” คำถามของหมอหนุ่มตรงหน้าทำเอารอยยิ้มของพริมาเลือนหายไปเล็กน้อย

    “ลาพักร้อนน่ะค่ะ เลยมีโอกาสมาเฝ้าแม่ อาการของแม่เป็นยังไงบ้างคะ”

    “ตอนนี้คนไข้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก อาจจะด้วยกำลังใจของทั้งคุณและตัวคนไข้เอง แต่เราคงต้องรอดูอีกทีว่าหลังให้ยาเคมีบำบัดแล้วว่า ร่างกายของคนไข้ตอบสนองมากน้อยแค่ไหน” นพ.อภิวัฒน์อธิบายพลางลอบมองใบหน้าหวานที่ใครหลายๆ คนที่นี่ รู้ดีความหมายของสายตานั้นดี คงจะมีแต่เธอเท่านั้นแหละ ที่ไม่เคยคิดอะไรเลย

    อะฮึ่ม!!

    เสียงไอในลำคอของพยาบาลที่เดินผ่านด้านหลังของทั้งเขาและพริมาจน อภิวัฒน์ต้องเสใบหน้ามองไปทางอื่นก่อนที่จะหันกลับไปมองคุณพยาบาลคนสวยที่หันมาส่งอมยิ้มล้อเลียนให้เบาๆ

    “มีอะไรกันเหรอคะ??” พริมาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะจู่ คุณหมอหนุ่มก็หยุดอธิบายดื้อ แล้วให้ไปมองคุณพยาบาลด้วยสายตาคาดโทษ .. ก็ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดี ทำไมคุณหมอต้องดุคุณพยาบาลด้วยก็ไม่รู้

    “อ๋อ ไม่มีอะไรครับ คุณพยาบาลเขาหาเรื่องผมน่ะ ช่างเถอะๆ” อภิวัฒน์รีบเปลี่ยนเรื่องทันที ด้วยรู้สึกว่าดวงตาคู่งามกำลังมองเขาอย่างค้นคว้า  หัวใจเต้นระรัวจนเขาคิดว่าหากมันยังเต้นอยู่แบบนี้ มันอาจจะทะลุออกมานอกอกได้ “คุณพรีมได้ลาพักร้อนก็ดีครับ เพราะช่วงหลังให้ยาเคมีประมาณ หนึ่งสัปดาห์ อาการตอบสนองของคนไข้ จะแสดงออกมาให้เห็น แต่ผมบอกไม่ได้นะว่า จะออกมาทางที่ดีหรือไม่ดี เราคงต้องรอกันต่อไป ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะ” ชายหนุ่มส่งยิ้มบางๆ ให้เมื่อได้รับรอยยิ้มหวานๆ ส่งมา .. แค่นี้ก็ดีแล้วไอ้โอห์มเอ๊ย!!! อยากจีบสาวสวยน่ารักแบบนี้ ก็ต้องทำใจล่ะวะ

    “แหม หมอโอห์ม มองตาไม่กระพริบเลยน้า ระวังผิวน้องเขาจะลอกนะ จ้องขนาดนั้นน่ะ” เสียงเอ่ยแซวที่ดังมาจากเคาต์เตอร์พยาบาลไม่ได้ทำอภิวัฒน์โกรธ แต่เขินอายมากกว่า เพราะกว่าสองปีที่ดูแลคนไข้รายนี้มาตั้งแต่ยังเรียนเฉพาะทางอยู่จนกระทั่งตอนนี้ที่เกือบจะจบหลักสูตรการเป็นอาจารย์แล้ว สายตาของเขาก็ไม่เคยมองใครอีกเลย นอกจากลูกสาวของเธอ

    “ถ้าลอกมาจริงๆ เดี๋ยวผมจะดูแลเองครับรับรองว่า สวย น่ารักเหมือนเดิม” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ กับคำพูดของตัวเอง เพราะไม่เคยหรอกที่เขาจะพูดอะไรทำนองนี้

    ด้านพริมาก็เดินกลับมาดูแลมารดาต่อ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเป็นหัวข้อสนทนา หญิงสาวจัดแจงปรับเตียงให้มารดาได้พิง ก่อนที่จะเลื่อนโต๊ะที่วางถาดอาหารมาให้กับมารดา

    “แม่ทานเยอะนะคะ จะได้แข็งแรงไวๆ แล้วนี้แม่มีอาการอะไรบ้างมั๊ยคะ ถ้ารู้สึกไม่ดี แม่รีบบอกพรีมเลยนะ” เมื่อเห็นว่ามารดากำลังให้ยาเคมีบำบัดอยู่ หญิงสาวจึงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง เพราะผลข้างเคียงที่ได้รับคำอธิบายมาจากแพทย์เจ้าของไข้ทำให้เธอเริ่มกังวล

    “ยังไม่รู้สึกอะไรเลยพรีม  แล้วนี่หนูกินอะไรรึยัง เที่ยงแล้วนะ” เมื่อบุตรสาวส่ายหน้า นางจึงมองราวกับเธอเป็นเด็กที่กำลังทำผิด “เดี๋ยวก็ปวดท้องกันพอดี ไปๆ ไปหาอะไรกินแล้วค่อยกลับมาหาแม่ ไปเถอะ แม่อยู่ได้” แต่บุตรสาวก็ยังไม่มีท่าว่าจะไปจนนางต้องส่งยิ้มบางๆ บุตรสาวถึงยอมไป


    มาช้า ก็ยังดีกว่าม้ายมานะ .... กระดึ๊บๆ เชื่องช้ายิ่งกว่าตัวสลอธ ... 

    ร้ากที่สุด
    พิริสา


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×