HEAVEN ≌ MINA X CHAEYOUNG (TWICE) - HEAVEN ≌ MINA X CHAEYOUNG (TWICE) นิยาย HEAVEN ≌ MINA X CHAEYOUNG (TWICE) : Dek-D.com - Writer

    HEAVEN ≌ MINA X CHAEYOUNG (TWICE)

    'ONLY TRUST THE GOD :)' MYOUI MINA 'FUCK GOD, LET ME GO!' SON CHAEYOUNG #สวรรค์มิแชง , @_trewdaq

    ผู้เข้าชมรวม

    1,739

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    1.73K

    ความคิดเห็น


    22

    คนติดตาม


    33
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 มิ.ย. 59 / 23:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    HEAVEN ≌ MINA X CHAEYOUNG (TWICE)

     

    twice's fiction by trewdaq

     

    #สวรรค์มิแชง











     

    “เชื่อในพระเจ้าสิที่รัก” หล่อนยิ้มเย็น ขยับมือข้างขวาที่มีมีดแหลมคมไปมาเพื่อให้ใบมีดสะท้อนหน้าของเด็กสาว “ถ้าเธอดื้อ เธอก็จะไม่ได้อยู่ในอ้อมอกของพระเจ้านะ”

     

     

     

    “ช่างพระเจ้าเถอะ ปล่อยหนู!” เด็กน้อยอยู่อย่างแข็งทื่อในอ้อมกอดของคนอายุมากกว่า เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากตะเบ็งเสียงด่าพระเจ้า

     

     

     

    ให้ตายสิ นี่มันเรื่องห่าเหวอะไรกัน

     

     

     

    พระเจ้า?

     

     

     

    อ้อมอกของพระเจ้า?

     

     

     

    ขอโทษที หนูเกลียดพระเจ้า

     

     

     

    .......... 

     

     

        

     

     

    “I am the light of the world. Whoever follows me will never walk in darkness, but will have the light of life.”

     

    John 8:12

     

     

    B E R L I N ❀
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      HEAVEN

       

      WARNING : แฟนฟิคชันเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เรื่อราวทั้งหมดที่ท่านได้อ่านเป็นเพียงเรื่องสมมุติตามจินตนาการของผู้แต่ง ไม่ได้มีเจตนากล่าวว่าร้ายหรือป้ายความผิดให้ตัวละครทั้งหมดในเรื่อง โปรดอ่านด้วยความระมัดระวัง

       

       

       

       

       

       

       

      “ปล่อย! ปล่อยฉันนะ!” เสียงของเด็กสาวมัธยมปลายกรีดร้อง ร่างเล็กๆพยายามขัดขืนแรงของผู้ฉุดกระชากตัวของเธอ ทั้งๆที่หล่อนเป็นเพศเดียวกันแท้ๆ แต่ทำไมแรงถึงได้เยอะนัก “พ่อคะ! แม่! ช่วยด้วย! ช่วยหนูด้วย! ปล่อยนะ!

       

       

       

                  “ชู่ว..” เสียงของผู้ฉุดกระชากส่งสัญญาณเบาๆเพื่อเตือนร่างเล็กว่าควรเงียบได้แล้ว เขากระชากร่างเล็กให้หันหลังเข้าหาตัว มือเรียวนั่นเลื่อนขึ้นมาปิดปากของแชยองแน่น “..ซอยเปลี่ยวแบบนี้ฉันยิ่งมีอารมณ์นะตัวเล็ก”

       

       

       

      หล่อนแค่นยิ้ม

       

       

       

      “แล้วยิ่งเธอแหกปากดังไปทั่วแบบนี้ฉันยิ่งอารมณ์เสีย...”

       

       

       

                  “...ฮึก” ร่างเล็กหยุดดิ้น เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัว มือเรียวคลายออกช้าๆ เกลี่ยผมสีน้ำตาลเข็มที่ซอยสั่นเลยลาดไหล่มาเพียงไม่กี่นิ้วเบาๆด้วยความใคร่ “คุณ..คุณคือใคร..” น้ำตาไหลพรากอาบข้างแก้ม ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าพะงาบๆเพื่อเอาอากาศหายใจจากซอยข้างซอกตึกที่เต็มไปด้วยขยะ “คุณจับหนูทำไม..แล้วคุณจะพาหนูไปไหน...”

       

       

       

                  “คำถามอื่นเดี๋ยวจะบอกทีหลัง แต่สำหรับคำถามสุดท้ายมันคือสวรรค์...ที่รัก สวรรค์” หล่อนล้วงห่อผ้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวใหญ่ เลื่อนขึ้นมาเหนือใบหน้าของร่างเล็กช้าๆ แล้วประกบมันเข้ากับจมูกน้อยๆ กดอย่างแน่นจนมั่นใจว่าส่วนผสมของยาที่เธอเตรียมมานั้นออกฤทธิ์เรียบร้อยแล้ว “สวรรค์ของเรา”

       

       

       

                  ทันทีที่พูดจบ ร่างอ่อนเปลี้ยของเด็กน้อยก็ค่อยๆไหลลงไปบนพื้นตามกฎของนิวตันหรือแรงโน้มถ่วงของโลก ร่างโปร่งแค่นยิ้มอีกคราราวกับว่าชาตินี้จะยิ้มแบบนี้ไปตลอด หล่อนล้วงบุหรี่ราคาถูกเท่าที่กำลังทรัพย์ของตัวเองจะพอซื้อมาสูบให้หายอยากได้ขึ้นมาจุดสูบด้วยซิปโป้ถูกๆที่หาซื้อได้ตามคลับเห่ยๆทั่วไป

       

       

       

                  แน่ล่ะ หล่อนไม่ได้ทำงานกินเงินเดือนเพื่อที่จะซื้อบุหรี่อย่างเดียวนี่

       

       

       

                  หึ

       

       

       

                  เหล้าก็ต้องดื่ม ยาก็ต้องเสพ

       

       

       

                  “สำหรับคำถามแรก ฉันชื่อเมียวอิ มินะ” ร่างโปร่งอัดควันพิษเข้าปอดไปอีกสองหนใหญ่ๆ นิ้วที่คีบบุหรี่อยู่ก็ดีดมันเบาๆเพื่อสะบัดขี้บุหรี่ที่เกินๆออกมา “คำถามที่สอง ฉันไม่ได้จับเธอ ฉันแค่ต้องการเธอ...ซนแชยอง

       

       

       

                  หล่อนหยิบห่อผ้าที่หลุดออกไปจากมือตอนไหนก็ไม่รู้ขึ้นมาสะบัดให้มันแผ่ออกเป็นผืน ถือมันขึ้นเหนือพื้นเท่ากับความสูงของตัวเอง ใช้ซิปโป้อันเดิมจุดไฟเผามันจากปลายด้านล่างเพื่อทำลายหลักฐานเผื่อเรื่องราวเลวระยำของเธอในคืนนี้จะเป็นข่าวขึ้นมา หล่อนปล่อยมันลงพื้น มองดูมันเผาไหม้ไปเรื่อยๆบนพื้นปูนที่เต็มไปด้วยคราบตะไคร่น้ำอันน่าสะอิดสะเอียนก่อนจะก้มลง ค่อยๆอุ้มร่างของแชยอง เหวี่ยงตัวของเด็กน้อยไปด้านหลังเบาๆให้พาดไหล่ของเธอพอดี จากนั้นจึงแบกขึ้น Mercedes 380SL R107 สีครีมที่หล่อนเองก็จำไม่ได้เหมือนว่าขโมยจากเต้นท์รถแถวชานเมืองโกเบหรือในโตเกียวสมัยที่เป็นวัยรุ่น

       

       

       

                  หล่อนขับมันกลับไปที่เพนท์เฮ้าส์ที่เต็มไปด้วยสิ่งน่าสะอิดสะเอียนและเป็นที่รังเกียจของคนหมู่มากอย่างขวดเหล้าดีกรีแรงๆ กระป๋องเบียร์และก้นบุหรี่อีกมากมายนับไม่ถ้วน

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                  วันที่ 1

       

       

       

                  วัยรุ่นหญิงโดนอุ้มหาย! ตร.คาดฝีมือโจรลักเด็กไปขอทาน

       

       

       

                  แชยองลืมตาขึ้นมาพร้อมๆกับหัวสมองอันหนักอึ้งราวกับว่ามีค้อนปอนด์อันใหญ่ยักษ์ตีเข้าที่หัวอย่างจังเมื่อครู่นี้ เด็กสาวกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ความง่วงและน้ำตาที่เอ่อคลอเนื่องจากแสงแดดที่ส่องแยงตาเข้ามาทางหน้าต่างที่ผ้าผ่าน

       

       

       

                  เดี๋ยวนะ.. เธอจำได้ว่าห้องของเธอมีผ้าม่านสีฟ้าน้ำทะเลติดอยู่นี่

       

       

       

                เด็กน้อยเบิกตากว้าง ตระหนักได้ว่าสถานที่ที่เธอเพิ่งตื่นมานั้นไม่มีความคล้ายคลึงแม้แต่เสี้ยวเดียวกับห้องที่หอพักของเธอเลยสักนิด

       

       

       

                  สถานที่แห่งนี้ไม่เคยได้มาอยู่ในเสี้ยวความทรงจำของเธอเลยสักนิดเดียว ไม่เฉียดใกล้คำว่าคุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย ภายในห้องแคบๆ ผนังสีหม่นที่สีทาบ้านราคาถูกลอกออกมาเป็นแผ่นๆ ส่วนตรงที่ไม่ลอกก็มีคราบน้ำจนแผ่นสีนั้นบวมเป่งออกมา เพดานต่ำ หลอดไฟฟลูออเรสเซนท์เก่าๆหนึ่งหลอดบนเพดาน มีหน้าต่างขนาดราวๆสองตารางฟุตเท่านั้นจากการคาดคะเนของเธอเอง อ้อ มีหน้าต่างแค่บานเดียวด้วย บรรยากาศอึดอัด ไม่เหมาะแก่การอาศัยอยู่เป็นอย่างยิ่ง ข้าวของทั้งหมดล้วนอยู่ในสภาพที่กึ่งๆระหว่างคำว่าเก่าและใช้การไม้ได้

       

       

       

       

                  ดูตู้เสื้อผ้าเน่าๆนั่นสิ ..

       

       

       

                  ฟูกที่แข็งอย่างกับโขดหินอูลุรูก็อยู่กึ่งๆระหว่างสองอย่างนั่นเหมือนกัน ตั้งแต่โคมไฟเห่ยๆ นาฬิกาแขวนผนังที่ตายแล้วแถมยังมีถ่านไฟฉายที่ละลายเยิ้มออกมา หน้าต่างก็ถูกเทปผ้าปิดตามขอบราวกับว่าไม่ต้องให้ใครได้เปิดมันได้อีก

       

       

       

                  แชยองตัวสั่นอีกครั้ง เธอตื่นตระหนกมากกว่าตอนที่จับสังเกตได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของเธอก็ตอนที่เธอพยายามจะหนีเมื่อครู่นี้แล้วพบว่ามีโซ่สนิมเขรอะเส้นใหญ่พาดวนไล่ไปตามรอบวงของขาเธอแล้วจบลงตรงที่มันล็อกเข้ากับตัวเอง

       

       

       

                  เธอถูกขัง

       

       

       

                  แชยองกรีดร้อง

       

       

       

                  เธอพยายามแกะงัดข่วนโซ่ออกอย่างบ้าคลั่งจนลืมตัวไปชั่วขณะ นิ้วของเด็กน้อยแดงบวมและอาการเจ็บระบมเริ่มเล่นงานตัวเอง

       

       

       

                  แต่โซ่ไม่ขยับเขยื้อน

       

       

       

                  และกรีดร้องเท่าไหร่ก็ไม่มีแม้แต่เสียงลมตอบกลับมา

       

       

       

                  รวบรวมสติสิซนแชยอง

       

       

       

      ใช่

       

       

       

      ตั้งสติเอาไว้ก่อน .. แชยองหลับตาขมวดคิ้วแน่น พยายามผ่อนลมหายใจ ทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ความทรงจำเลือนๆผุดขึ้นมาในสมอง

       

       

       

      อา ..

       

       

       

      เธอจำได้ว่าฝนตก ท้องถนนไม่มีรถสักคัน เธอเอากระเป๋านักเรียนบังฝน รีบเดินกลับจากสถาบันกวดวิชา แต่ยังไม่ทันจะถึงถนนใหญ่ มีคนเข้ามาประชิดด้านหลังเธอ พูดประโยคน่ากลัวๆราวสองสามประโยค จากนั้นก็ปิดปากเธอด้วยผ้าในมือ เธอได้กลิ่นคลอโรฟอร์ม

       

       

       

      แล้วก็มืดสนิท

       

       

       

      คิดได้เพียงเท่านี้ความกลัวก็พุ่งพรวดออกมา

       

       

       

      นี่เธอโดนลักพาตัว?

       

       

      โจร? โรคจิต? พวกค้ามนุษย์?

       

       

       

      ฉับพลันสายตาอันวอกแวกก็เหลือบไปเห็นประตูไม้เก่าหนึ่งในสองของห้องนี้ มันถูกทาด้วยสีครีมและยังดูใหม่ไม่เหมือนผนังห้อง เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหลอนก็คือคราบสีแดงที่เกิดจากการกระทำที่ใช้แรงเป็นหลัก

       

       

       

      ราวกับว่าเป็นเลือดที่ถูกสาดเข้าใส่ประตูอย่างไรอย่างนั้น

       

       

       

      แชยองตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดลุกขึ้นด้วยขาสั่นๆ เธอสำรวจหาทางออกรอบห้องเท่าที่ระยะโซ่ล็อกเท้าจะยาวพอให้เดินไปได้ แต่ค้นหานานเท่าไหร่เด็กน้อยก็ยิ่งพบว่าโอกาสที่จะหลบหนีนั้นเป็นศูนย์ ไม่มีอะไรที่พอจะใช้ตัดโซ่ ลิ้นชักข้างหัวเตียงมีซองบุหรี่และถุงยางเต็มไปหมด ตู้เสื้อผ้าก็มีเพียงโค้ทตัวใหญ่ตัวนึงกับเสื้อผ้าลำลองอีกไม่กี่ชุด

       

       

       

      แชยองเริ่มรู้สึกหมดแรง คอแห้งผาก ปวดหัว ท้องร้อง ความรู้สึกทุกอย่างจุกอยู่ตรงท้อง เธอพาตัวเองกลับมานั่งกอดเข่าอยู่มุมหนึ่งของเตียง ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ห่างประตูมากที่สุด เธอร้องไห้จนน้ำตาหยุดไหล ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ สติเลือนรางแต่ยังรู้สึกทรมานจนหลับไม่ลงเพราะความกลัวหล่ออยู่ทั่วทั้งก้อนเนื้อหัวใจ สายตาจ้องลูกบิดประตู..จนกระทั่งมันขยับ ร่างเล็กๆนั่นสะดุ้งเฮือก

       

       

       

      เสียงปลดล็อกกลอน

       

       

       

      เธอกอดเข่าแน่น แนบแผ่นหลังเข้ากับผนัง

       

       

       

      ดวงตาที่สุกใสเป็นปะกายราวกับลูกเสือตัวน้อยๆของแชยองเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เพราะคนที่ถือชามกระเบื้องใบใหญ่มีตะเกียบวางพาดอยู่บนขอบคู่นึงนั้นไม่ใช่ผู้ชายตัวโตเท่าหมี มีหนวดเคราเฟิ้มหรือใครก็ตามที่มีใบหน้าเหมือนตัวโกง

       

       

       

      คนที่ถือชามนั่นกลับเป็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ารูปไข่นั่นรับกับดวงตาสวย สันจมูก ริมฝีปากอิ่ม และสันกรามได้เป็นอย่างดี ท่าทางของเธอสุภาพแต่ภาพลักษณ์ทั้งหมดที่แชยองเห็นก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงความหยาบคายและเงาของซาตานได้เป็นอย่างดี

       

       

       

      ผู้หญิงคนนั้นสาวเท้าเข้ามาใกล้ วางชามอาหารที่แชยองเดาจากกลิ่นว่ามันคงเป็นราเมงเอาไว้บนโต๊ะ แน่นอนว่าเธอรู้สึกไม่ไว้วางใจแม้แต่นิด ถึงภาพลักษณ์ภายนอกจะดูไม่มีพิษภัยก็ตาม เธอกลัวจนไม่กล้าอ้าปากถาม เหงื่อท่วมฝ่ามือ ทำได้แค่จ้องทุกความเคลื่อนไหวเหมือนลูกแมวจรจัดมองเจ้านายคนใหม่ของมัน

       

       

       

      อีกฝ่ายดูท่าจะสังเกตเห็นความกลัวนั้นจึงนั่งลงบนเตียงด้วย ร่างเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือที่ถือวิสาสะวางบนเท้าของเธอ  น้ำตาของเธอไหลหยดลงจากหางตาโดยไม่รู้ตัว ฝ่ามือข้างนั้นเลื่อนขึ้นมาจนถึงไหล่บาง ลูบไปมาเป็นเชิงปลอบ

       

       

       

      เมื่อวานเธอถามชื่อฉัน...แต่คงไม่ทันได้ฟัง” หล่อนยิ้ม “เมียวอิ มินะ – นั่นคือชื่อฉัน” หล่อนยิ้มอีก

       

       

       

      เมียวอิ มินะยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนอารมณ์รุนแรงมากมายเอาไว้และรอยยิ้มนั้นมันน่ากลัวที่สุดในโลก

       

       

       

       

       

       

       

       

      วันที่ 8

       

       

       

      ตร.เร่งทำคดีเด็กสาวหาย ทราบภายหลังชื่อน.ส.แชยอง

       

       

       

      “อย่าเข้ามานะ!

       

       

       

      เสียงจานข้าวถูกปัดทิ้งดังขึ้นเป็นหนที่สองของวัน เม็ดข้าวที่ถูกเคลือบไปด้วยแกงกะหรี่กระเด็นไปทั่วพื้น

       

       

       

      มินะมองตามจานข้าวที่ถูกปัด หล่อนกัดฟันกรอด

       

       

       

      “ซนแชยอง” มินะเขวี้ยงช้อนลงกับพื้น “ครั้งที่สองแล้วนะ!

       

       

       

      “หนูไม่หิว” แชยองพึมพำตอบ เสียงของเธอแหบแห้งเหมือนขาดน้ำมานานนับสิบวัน

       

       

       

      “ใครถาม” มินะเริ่มพาล

       

       

       

      หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเด็กน้อยที่ไปลักมาต้องทำตัวให้ยุ่งวุ่นวาย วันนี้เป็นวันที่พาตัวของเธอมาวันที่แปดแล้ว แต่ข้าวเข้าปากของยัยนั่นไม่ถึงห้ามื้อด้วยซ้ำ น้ำอีกไม่เกินยี่สิบแก้ว

       

       

       

      ประสาท

       

       

       

      บ้าบอสิ้นดี

       

       

       

      ถ้าแชยองเกิดตายขึ้นมาเพราะอดข้าวอดน้ำ

       

       

       

      หล่อนก็ไม่สนุกน่ะสิ J

       

       

       

      “ถ้าเธอยังดื้ออยู่แบบนี้...เราจะไปถึงสวรรค์กันได้ยังไงล่ะเด็กน้อย” มินะถือวิสาสะเอื้อมมือไปเกลี่ยแก้มที่เคยอวบอิ่มเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

       

       

       

      มินะสาวเท้าเข้าไปใกล้

       

       

       

      ร่างโปร่งแนบลำตัวประชิดกับแชยองบนเตียทันทีแบบไม่ต้อให้มีใครหน้าไหนคอยบอก

       

       

       

      แม้แต่พระเจ้าก็ไม่ต้องเสียเวลาบอก

       

       

       

      “ม ไม่รู้..หนูไม่รู้” น้ำตาของเด็กสาวไหลลงเป็นหนที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ กายเล็กสั่นสะท้านราวกับเปลือยกายวิ่งอยู่ในแถบขั้วโลกเหนือ

       

       

       

      “เดี๋ยวพระเจ้าก็ลงโทษเราทั้งคู่กันพอดี” มินะตอบ “เธอก็รู้ว่ามนุษย์เราย่อมอยากกลับไปหาอ้อมอกของพระเจ้าน่ะ หืม โรงเรียนไม่สอนหรือไง”

       

       

       

      “..ฮะ ฮึก” แชยองสะอื้น

       

       

       

      มินะเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้

       

       

       

      “พระเจ้าน่ะ...อยู่บนสวรรค์นะตัวเล็ก”

       

       

       

      ใกล้อีก

       

       

       

      “ถ้าเธอไม่อยากไปสวรรค์ เธอก็จะไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้านะ”

       

       

       

      ใกล้อีก

       

       

       

      “อย่าทำตัวไร้สาระให้ฉันเห็นอีกเลย...เด็กดี”

       

       

       

      ใกล้อีก

       

       

       

      “อย..อย่า” เสียงเล็กๆนั่นร้องห้ามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร

       

       

       

      ไม่ทันเสียแล้ว

       

       

       

      กระต่ายแววตาใสซื่อกำลังโดนเสือร้ายในคราบของมนุษย์เดินดินกำลังถูกรุกราน

       

       

       

      ลิ้นเรียวของมินะเคลื่อนนำใบหน้าไปแล้วปลายของกล้ามเนื้อในโพรงปากก็ตวัดเอาหยาดน้ำที่กำลังไหลลงไปตามแก้มของแชยอง หล่อนโลมเลียแก้มของเด็กสาวจนพอใจแล้วจึงผละออก

       

       

       

      “อา..พระเจ้าสั่งมาอีกทีน่ะเด็กน้อย”

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      วันที่ 27

       

       

       

      คดีน้องแชยองไม่คืบหน้า พ่อแม่เริ่มถอดใจ คาดหนีตามผู้ชาย!

       

       

       

      “กินข้าวสักหน่อยเถอะ” สีหน้าเอือมระอาปรากฏอยู่บนใบหน้ารูปไข่

       

       

       

      หล่อนเบื่อแชยองที่ไม่ยอมแตะอาหารเต็มทน

       

       

       

      แต่หล่อนก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าแชยองน่ะ...มีเสน่ห์เหลือล้นมากมายเหลือเกิน

       

       

       

      ถ้าเป็นคนอื่นๆคงไม่ทำให้มินะมีความอดทนมากขนาดนี้

       

       

       

      เด็กน้อยส่ายหน้าช้าๆอย่างหมดแรงเมื่อเห็นช้อนข้าวจ่ออยู่ตรงริมฝีปาก

       

       

       

      “กิน” เสียงนุ่มนวลที่เคยขอร้องให้อีกฝ่ายทานอะไรข้างกระด้างมากขึ้นเป็นเท่าตัว “แชยอง ฉันบอกให้กิน”

       

       

       

      “หนู – อึก...” ทันทีที่อ้าปาก มินะก็ยัดช้อนแสตนเลสราคาถูกเข้าปากของแชยองอย่างรวดเร็ว

       

       

       

      “เด็กดี...เด็กดี” มินะลูบหัวมองแชยองที่เคี้ยวข้าวตุ้ยๆด้วยใบหน้านองน้ำตา

       

       

       

      แชยองรู้ดี

       

       

       

      รู้ดีเลยล่ะว่าถ้าข้าวเข้าปากแล้วไม่เคี้ยวเธอจะเจอกับอะไร

       

       

       

      ...นรก

       

       

       

       

       

       

       

       

      วันที่ 73

       

       

       

      ผ้าไหม้ไม่พอ! หลักฐานมีอยู่น้อยนิดไม่สามารถตามจับคนร้ายได้

       

       

       

      สองสามวันมานี้มินะปลดโซ่ล็อคขาให้เธอเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่จับมา

       

       

       

      เมื่อสามวันก่อนเธอขย้อนมื้อเที่ยงทั้งหมดออกมาเนื่องจากร่างกายเริ่มไม่รับสารอาหาร และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้มินะคิดจะปลดล็อกโซ่โง่ๆนั่นให้เธอ

       

       

       

      แต่เดี๋ยวนะ

       

       

       

      ..อาหารที่ขย้อนออกมา

       

       

       

      อืม..

       

       

       

      มื้อเที่ยงงั้นเหรอ?

       

       

       

      ตลก

       

       

       

      ตลกสิ้นดี

       

       

       

      ตัวของแชยองไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันวันที่เท่าไหร่และนี่เป็นคืนที่เท่าไหร่หลังจากต้องอยู่ร่วมอาศัยกับปิศาจที่เชื่อในพระเจ้าอย่างมินะ

       

       

       

      แต่ช่างมันเถอะ

       

       

       

      แค่หล่อนยอมปลดโซ่นี่ให้ก็บุญโขแล้ว

       

       

       

      หน้าต่างกรังๆในห้องน่ะ แค่เอาของแข็งเบาๆในห้องฟาดก็แตกแล้ว

       

       

       

      แน่นอนว่าเธอจะหนี หนีออกไปจากขุมนรกนี่ให้ได้

       

       

       

      เมื่อราวๆสองชั่วโมงก่อน มินะรีบเร่งปลุกเธอให้มากินข้าวที่ต้มกับเศษเนื้อจนเละ จากนั้นหล่อนก็รีบร้อนใส่เสื้อโค้ทแล้วออกไปทันที

       

       

       

      แต่ก็ไม่วายหันมาพูดทิ้งท้ายกับเธอ อย่าคิดหนีนะแชยอง

       

       

       

      มินะพลาดแล้ว

       

       

       

      หล่อนพลาดแล้ว

       

       

       

      แชยองคว้าเอาเฟรมแคนวาสที่มีรูปไม้กางเขนกับหัวกะโหลกแต่งแต้มด้วยสีน้ำมันอยู่บนนั้นแล้วเดินดิ่งตรงไปยังหน้าต่างที่ขอบด้านล่างของมัน

       

       

       

      เพล้ง

       

       

       

      เธอทุบมัน

       

       

       

      เศษกระจกกระจายออกไปข้างนอกและยังมีบางส่วนที่ยังคงค้างอยู่ตรงขอบไม้ผุๆ

       

       

       

      แต่ใครจะสนล่ะ

       

       

       

      แชยองกระชากเอาผ้าปูที่นอนอยู่หลายหนเนื่องจากเรี่ยวแรงที่ถดถอยลงซึ่งแปรผกผันกับสภาพวัย เธอพยายามฉีกมันให้เป็นเส้นแต่ก็ไม่สำเร็จ แรงของเธอมีไม่พอ

       

       

       

      สายตาหม่นหมองที่เลื่อนลอยก็เหลือบไปเห็นเศษกระจกคาอยู่บนขอบหน้าต่าง มือเล็กรีบไปดึงมันออกมาอย่างระมัดระวัง

       

       

       

      เธอใช้มันกรีดทึ้งผ้าปูที่นอนออกเป็นเส้นๆ คอยระวังไม่ให้ตัวเองเจ็บเสียก่อนที่จะหนีรอด

       

       

       

      เธอมัดมันต่อกันจนยาวราวๆสามสิบฟุต จึงลากโต๊ะหัวเตียงมาไว้ข้างหน้าต่าง ใช้เฟรมแคนวาสเฟรมเดิมทุบเศษกระจกแหลมคมที่เกินออกมาให้หมด ผูกผ้ากับขาโต๊ะและนำโซ่ที่เคยขังเธอไว้มาล็อคขาโต๊ะอีกที

       

       

       

      เธอทำใจอยู่สักพักราวๆสองนาที แล้วปีนผ่านข้ามหนาต่างออกมา มือเกาะเส้นผ้าที่ทำงานไม่ต่างกับเชือกแน่น หัวใจเธอเต้นแรงเหมือนเจอรักแรกเมื่อพบว่าเพนท์เฮ้าส์นี่สูงไม่เกินสิบห้าฟุตแน่นอน ซึ่งเท่ากับว่าเธอมีโอกาสรอด มองไกลออกไปอีกก็ได้เห็นรั้วสังกะสีที่ดูยังไงๆกพังได้ในครั้งแรกที่ออกแรงถีบมัน

       

       

       

      เธอจะรอดแล้ว

       

       

       

      ใช่

       

       

       

      เธอจะรอด

       

       

       

      ไม่ได้แปลว่าเธอรอดนี่นา .. ถูกไหม

       

       

       

      แชยองยังข้ามไปได้ไม่ทั้งตัวดี เจ้าของห้องที่มีรอยยิ้มนางฟ้าในคราบของลูซิเฟอร์ก็เปิดประตูเข้ามาราวกับรู้เห็นเป็นใจว่าเธอทำอะไร ที่ไหน อย่างไร หรือพูดง่ายๆคือรู้ว่าเธอกำลังจะหนี

       

       

       

      แชยองตื่นตระหนก และพยายามจะไต่ผ้าปูที่นอนลงไปให้เร็วที่สุด

       

       

       

      แต่อนิจจา..

       

       

       

      เหมือนแชยองจะลืมไปว่าผ้าปูที่เธอฉีกมันออกเป็นเส้นๆด้วยความฉลาดในคราแรก เหลือเพียงความโง่เขลาที่ลืมทำที่พักของเท้า

       

       

       

      เธอรูดมือแล้วไหลลงไปไม่ได้

       

       

       

      เธอไม่กล้าพอ

       

       

       

      เธอกลัวความตาย

       

       

       

      เธอกลัวมันพอๆกับคนที่กำลังเคลื่อนกายเข้ามาหา

       

       

       

      มินะพาร่างของตัวเองไปยังหนาต่างเพื่อดูว่าแชยองตกลงไปหรือยัง หล่อนไม่ลืมที่จะเอาไม้ไปด้วย เผื่อให้แชยองจับมันแล้วขึ้นมา

       

       

       

      “จะขึ้นมานี่หรือจะลงไปแล้วให้ฉันลงไปรับล่ะแชยองงี่ คิก”  มินะหัวเราะคิกคัก ยื่นไม้ที่ว่าลงไปให้แชยองพรอมกับแกว่งมันไปหมาราวกับล่อลูกหมาด้วยชิ้นเนื้อ

       

       

       

      “..กลัว” ปากเล็กๆนั่นสั่น สั่นมาก “หนูกลัวคุณ”

       

       

       

      “โอ้ เธอไม่เห็นต้องกลัวฉันเลยที่รัก” มินะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นที่สุด “ขึ้นมาเถอะ”

       

       

       

      แชยองค่อยๆคลายมือออกจากผ้าที่เกาะแน่น แต่ก็ต้องส่ายหัวและน้ำตาเล็ดด้วยความกลัว มินะเห็นเช่นนั้นจึงประชิดกายเข้ากับผนังแล้วโน้มตัวออกไปข้างนอก

       

       

       

      ใบหน้าคมนั่นจูบหน้าผากของเด็กน้อยที่หลับตาแน่น ก่อนจะรวบรวมแรงแล้วดึงเธอขึ้นมา

       

       

       

      “ฮึก..ปล่อยหนูออกไป” พอขึ้นมาถึงมินะที่จับแชยอวนั่งบนเตียงก็ถูกทุบด้วยกำปั้นน้อยๆทันที “หนูอยากไปหาแม่!

       

       

       

      “แม่ของเธอไม่ใจดีเท่าพระเจ้าหรอก เชื่อฉัน” หล่อนว่า ไม้ที่ถือเมื่อครู่นี้ถูกนำมาวางไว้ข้างตัวเธอบนเตียง “สงบสติ และรำลึกจิตใจถึงพระเจ้าซะ” มินะทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนหล่อนจะเดินไปปลดโซ่จากขาโต๊ะและนำมันมาล็อคไว้ที่ขาของเธอแทน

       

       

       

      เธอมันโง่

       

       

       

      แชยองได้ยินเสียงของพระเจ้าสบถใส่เธอในอากาศ

       

       

       

      และเช้าวันต่อมา

       

       

       

      หน้าต่างบานนั้นถูกปิดตาย

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      วันที่ 100

       

       

       

      ครบ100วันคดีน้องแชยอง ชาวเนตทั่วโลกพากันร่วมรำลึกติดแฮชแท็ก #PrayforChaeYoung

       

       

       

      “แชยอง รู้ไหมวันนี้เป็นวันวันอะไร”

       

       

       

      “...” แชยองที่ตอนนี้เหลือร่างที่ซูบผอมไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร เด็กสาวทำเพียงแค่เหม่อมองหน้าต่างบานเดิมที่ถูกปิดตายแล้วเท่านั้น

       

       

       

      “เธอคงไม่ได้นับล่ะสิ” มินะกลั้วหัวเราะ “วันครบรอบร้อยวันของเราไงที่รัก”

       

       

       

      “...” ใบหน้าน่ารักที่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าเดิมหันขึ้นไปมอง ดวงตาลึกโหลและแก้มตอบๆนั่นขยับไปมาราวกับว่าอยากพูดอะไรสักอย่าง เพียงแต่เธอไม่มีแรง

       

       

       

      “ฉันรักเธอนะแชยองอา รักตั้งแต่วันแรกที่เจอเลย” มินะนั่งลงข้างๆเตียง ในมือมีช็อคโกแล็ตราคาถูกจากมาร์ทกระจอกๆและดอกกุหลาบสีชาดดอกนึงอยู่

       

       

       

      “...หนู...อึก” เสียงแหบเล็กขาดช่วงไป แต่มินะที่เฝ้ามองทุกอากัปกิริยาของแชยองจับใจความได้ว่า

       

       

       

      หนูไม่ได้รักคุณ

       

       

       

      “...ทำไม” ลำตัวของมินะสั่น นัยน์ตาของหล่อนกลอกไปมาราวกับคนหนีความผิด “ทำไม!” ช็อคโกแล็ตในมือถูกสลัดทิ้งไป หล่อนจับก้านของดอกกุหลาบตรงส่วนที่ไม่มีหนามอย่างแน่นแทน “ซนแชยอง! ตอบฉัน!

       

       

       

      “ฮึก...ฮือ” เสียงสะอื้นครางลอดออกมาจากลำคอเมื่อถูกมือของคนอายุมากกว่าเขย่าอย่างแรง หนามกุหลาบที่มินะแนบมันเขย่ากับช่วงแขนของเธอและกำมันแน่นทำให้เธอเจ็บเหลือเกิน เลือดสีเข้มที่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของเธอหรือมินะกันแน่ไหลออกมาตามร่องที่มือของมินะไปได้แนบ เด็กสาวร้องไห้ และพยายามปัดป่ายมินะให้ห่างจากตัวอย่างหมดหนทาง

       

       

       

      “แม้แต่พระเจ้าก็เห็นความรักของฉัน! แต่เธอ...มีบาปกำเนิดติดตัวมาแท้ๆมีสิทธิ์อะไรไม่เห็นความรักที่ฉันมีต่อเธอ ฮะ!” คนโมโหเขวี้ยงกุหลาบในมือทิ้ง มือสองข้างที่ว่างบีบเข้ากับลำคอเล็ก

       

       

       

      “คุณ..คุณมันบ้าไปแล้ว” เด็กสาวพึมพำด้วยแววตาที่เลื่อนลอย เธอเห็นมินะเดินออกไปและกลับเข้ามาด้วยมีดทำครัวที่ดูจากการสะท้อนกับแสงแล้วต้องคมมากแน่ๆ

       

       

       

      “...หึ” หล่อนยิ้มยิงฟัน แล้วส่องไปกับมีดเหมือนกับว่ามันเป็นกระจกวิเศษของแม่เลี้ยงใจร้าย “จงบอกข้าที ว่าทำไมเด็กนั่นถึงไม่รับรักข้า!” ปลายมีดถูกตวัดไปที่ตัวของแชยอง

       

       

       

      “อย่า!” เด็กถดตัวหนีจนชิดหัวเตียง ดวงตาทั้งคู่ไหวหวั่น สะท้อนให้เห็นร่างของมินะที่กำลังคุ้มคลั่งอยู่ “หยุดเพ้อถึงพระเจ้าสักที”

       

       

       

      มินะไม่พูดอะไร หล่อนเดินไปนั่งบนเตียง ขืนลำตัวซูบผอมของเด็กสาวให้ขึ้นมานั่งบนตักของตัวเอง

       

       

       

      เชื่อในพระเจ้าสิที่รักหล่อนยิ้มเย็น ขยับมือข้างขวาที่มีมีดแหลมคมไปมาเพื่อให้ใบมีดสะท้อนหน้าของเด็กสาว ถ้าเธอดื้อ เธอก็จะไม่ได้อยู่ในอ้อมอกของพระเจ้านะ

       

       

       

      ช่างพระเจ้าเถอะ ปล่อยหนู!เด็กน้อยอยู่อย่างแข็งทื่อในอ้อมกอดของคนอายุมากกว่า เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากตะเบ็งเสียงด่าพระเจ้า

       

       

       

      ให้ตายสิ

       

       

       

      นี่มันเรื่องห่าเหวอะไรกัน

       

       

       

      พระเจ้า

       

       

       

      อ้อมอกของพระเจ้า?

       

       

       

      ขอโทษที หนูเกลียดพระเจ้า

       

       

       

      “ปล่อยหนูไปเถอะ” เด็กสาวคร่ำครวญ กลัวใบมีดนั่นจะเฉือนเข้าที่ลำคอของเธอ

       

       

       

      “เธอมันบาป เด็กน้อย” มินะหัวเราะ กดปลายมีดเข้ากับต้นขาขาวของแชยองที่เลยออกมาจากกางเกงขาสั้นเบาๆ เลือดฝาดที่รวมตัวกันอยู่ตรงผิวพากันซึมออกมาเมื่อโดนเปิดทาง

       

       

       

      “โอ้ย!” เรียวขากระตุกขึ้นมา มือน้อยๆปัดมีดออกไปให้ห่างตัว แต่มินะก็เอาเขามาใกล้เธออีกรอบแล้วกดลงไปที่แขนบ้าง

       

       

       

      “เธอต้องได้รับการลงโทษจากพระเจ้า และฉันจะเป็นตัวแทนเอง” หล่อนขยับใบมีดอีกครั้ง เลื่อนขึ้นมาบริเวณใบหน้า และกดมันเข้ากับแก้มใส เลือดไหลออกมาเป็นทาง ราวกับน้ำตาของปิศาจ

       

       

       

      “หนู..หนูรักคุณ!” แชยองสั่นไปหมด ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่โอเค เธอหันตัวของเธอเข้าหามินะ แขนเล็กโอบกอดร่างทั้งร่างของคนอายุมากกว่า ปากก็พร่ำพูดแต่คำว่าฉันรักคุณ

       

       

       

      โกหก

       

       

       

      มินะหัวเราะ

       

       

       

      “เด็กดี...เด็กดี” หล่อนโอบกอดแชยองตอบ “เด็กดีก็ต้องได้ไปสวรรค์นะ”

       

       

       

      “ฮึก...ค่ะ” เธอสะอิดสะเอียนเต็มทน อยากจะเย็บปากตัวเองเมื่อใช้คำว่ารักที่พร่ำเพรื่อพูดออกมาเพื่อไม่ให้ตัวตาย

       

       

       

      มินะไม่ปกติ หล่อนเป็นบ้า

       

       

       

      หล่อนเอาแต่พูดถึงพระเจ้าตลอดร้อยวันที่อยู่ด้วยกัน หล่อนเพ้อถึงพระเจ้าว่าดียังไง ทุกครั้งที่หล่อนขยับปากจะตองพูดถึงการไถ่บาป ไม้กางเขน และอ้อมอกของท่าน

       

       

       

      แชยองไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนที่เคร่งในศาสนาอย่างเธอถึงได้เกลียดพระเจ้าได้ในวันนี้ เธอกล้าพูดได้เต็มปากว่าเธอไม่รู้สึกศรัทธาในพระเจ้าอีกต่อไปแล้ว

       

       

       

      “เธออยากไปสวรรค์ไหมที่รัก” มินะถาม “เธออยากไปสวรรค์แบบที่ฉันสัญญาไว้ในวันแรกหรือเปล่า”

       

       

       

      เธอไม่มีทางเลือก “ค่ะ หนูอยากไป”

       

       

       

      “เธอได้พรนั้นเดี๋ยวนี้เลยที่รัก” ปลายมีดในมือกดเข้าอย่างแรงกับแผ่นหลังส่วนของแชยอง ตำแหน่งตรงกลางค่อนไปทางซ้ายของตัวแชยองหรือขวาของเธอ

       

       

       

      ตัดขั้วหัวใจพอดี

       

       

       

      “อึ้ก...!” ปากเล็กเป็นกระจับนั่นกระอักของเหลวภายในร่างกาย กลิ่นคาวเลือดแผ่กระจายอยู่ทั่วทุกอณูของห้องเน่าๆ ร่างกายของแชยองกระตุกขึ้นถี่ๆอยู่ร่วมสามนาทีเนื่องจากประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อที่ยังไม่ตายทำงานในวาระสุดท้ายของมัน ก่อนที่ร่างจะนิ่ง ไม่มีแม้แต่เสียงหายใจ

       

       

       

      แน่ล่ะ

       

       

       

      แชยองตายแล้ว

       

       

       

      ตายด้วยน้ำมือของคนที่คลั่งพระเจ้าและบอกว่ารักเธอ

       

       

       

      “ฮ่าๆๆๆๆ” มือเรียวดึงมีดออกมาจากหลังของคนรัก หล่อนผลักร่างของแชยองให้ล้มลงกับเตียง คลานลงมาจากเตียง ชันเข่าขึ้นจนสุด ปล่อยมีดให้ตกลงข้างๆลำตัว แล้วร้องไห้ “ฮึก...น่าสมเพช ที่รัก ฉันมันน่าสมเพช” หล่อนกระซิบกับตัวเอง

       

       

       

      ทันใดนั้น หล่อนก็พุ่งถลาตัวขึ้นไปประคองร่างของแชยอง ร้องไห้ด้วยความบ้าคลั่ง เขย่าร่างของแชยอง “ตื่น! ตื่นเถอะแชยอง!

       

       

       

      ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ

       

       

       

      คุณฆ่าหนู พระเจ้า เสียงของแชยอง

       

       

       

      “ฮึก...” มินะปล่อยร่างของแชยอง นั่งภาวนาข้างๆร่างที่ไร้ลมหายใจ

       

       

       

      “พระเจ้าข้า” มือสองข้างเลื่อนมาประสานกันตรงอก “ได้โปรดให้อภัยลูกด้วย ลูกแค่อยากพาคนของลูกไปสู่อ้อมอกของท่าน” หล่อนยิ้มอีกครั้ง “..อาเมน”

       

       

       

      หล่อนลุกขึ้น ถือมีด

       

       

       

      มินะหัวเราะด้วยเสียงที่ดังที่สุดตั้งแต่เกิดมา

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      พบศพแล้ว! น.ส.แชยอง ถูกลักตัวฆ่าโหด มือก่อเหตุหนีผิดแทงตัวเองตายตาม

       

       

       

      เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 13 มิถุนายน 2016 ที่เพนท์เอาส์ย่านคังดง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางตรวจสอบหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านได้ยินเสียงกรีดร้อง ที่สงสัยอาจจะเป็นบาะแสของคดีน้องแชยอง นางสาวซน แชยอง อายุ17ปี ที่ถูก ลักพาตัวหายจากการเดินทางกลับบ้านตอนเที่ยงคืน

       

       

       

      เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในเพนท์เฮ้าส์ พบรถยนต์โบราณยี่ห้อเมอร์เซเดส – เบนซ์ จอดอยู่ภายในรั้ว จึงตรวจสอบจนพบว่าเป็นรถที่เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินของนักการเมืองใหญ่และรถคันนี้ถูกขโมยมา เจ้าหน้าเข้าคนภายในตัวบ้าน จนพบศพน้องแชยองนสภาพเลือดอาบ มีรอยแผลใหญ่บริเวณหัวใจ หงายหน้า อยู่ในเสื้อนักเรียนและกางเกงซ้อนขาสัน ไม่สวมกระโปรง และพบศพของหญิงสาวคาดอายุไม่เกิน25ปีอีกหนึ่งคน ในสภาพเลือดอาบ มีมีดปักคาอยู่บริเวณหัวใจเช่นกัน สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ และเสื้อโค้ท

       

       

       

      เบื้องต้น สภาพศพน้องแชยองถูกแทงจากด้านหลัง มีดทะลุตัดขั้วหัวใจ จนขาดอากาศเสียชีวิต และมีบาดแผลรอบมีดบาดตรงแกม แขน และขา อย่างละหนึ่งบาดแผล ไม่มีร่องรอยการต่อสู้และไม่โดนข่มขืน

       

       

       

      ส่วนศพหญิงสาวที่นอนเสียชีวิตข้างๆกัน ทราบภายหลังว่าชื่อ นางสาว เมียวอิ มินะ มีเอกสารในห้องที่แสดงว่ามีสภาพทางจิตคือโรคไซโคพาธ ติดสารเสพติดคือเฮโรอีน และศรัทธาในศาสนาอย่างรุนแรง ไม่มีญาติพี่น้อง

       

       

       

      ตำรวจคาดว่านางสาว เมียวอิ มินะ เป็นก่อเหตุฆาตกรรมนางสาวซน แชยอง ก่อนที่จะฆ่าตัวตายตามด้วยมีดเล่มเดียวกัน

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      END

       

       

       

      #สวรรค์มิแชง , @_trewdaq

      B E R L I N ❀

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×