ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบ) [Fic Tom x Hermione] My demon รักชั่วนิรันดร์...ปีศาจของฉัน

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 คุ้นเคย

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 63


    ตอนที่ 3 คุ้นเคย


    เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งเท้าคางเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างที่นกฮูกมักจะบินมาเกาะบนขอบหน้าต่างอยู่เสมออาจเป็นสถานที่อันดีเยี่ยมในการแวะพักระหว่างทางส่งจดหมายพร้อมกันนั้นเสียงพูดไม่หยุดของอาจารย์ใหญ่ดิพพิทในห้าสิบปีก่อนนับจากวันที่เธอจากมา เขายังคงหยุดพูดไม่ได้เรื่องที่ว่าดีใจแค่ไหนที่จะได้นักเรียนจากโบซ์บาตงส์ย้ายมาเรียนที่ฮอกวอตพร้อมคะแนนอันดีเยี่ยมเกือบทุกวิชา(แน่นอนว่ามันคือผลในอนาคตที่เธอปลอมให้เป็นของยุคสมัยนี้)


    เอาล่ะ ทีนี้” ในที่สุดดิพพิทก็เข้าเรื่องเสียที “แน่นอนว่าด้วยจดหมายรับรองจากมาดามมักซีมและผลคะแนนดีเลิศเช่นนี้ ช่างเป็นเกียรติของฮอกวอตที่ได้รับนักเรียนชั้นเยี่ยมเพิ่มเข้ามา ก่อนอื่นเราต้องคัดสรรคุณเข้าบ้านเสียก่อน” อมานโด ดิพพิทพยักหน้าให้ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์


    ดัมเบิลดอร์หยิบหมวกเก่าๆ ลงมาจากชั้นวางของก่อนบรรจงวางบนศีรษะของเธอ รอยย่นของหมวกกลายเป็นปากและตา


    “นักเรียนใหม่รึ?!” หมวกพูดก่อนนิ่งเงียบไปชั่วครู่แล้วตะโกนชื่อกริฟฟินดอร์ออกมา ดัมเบิลดอร์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาเดินมาเอาหมวกจากศีรษะเธอแล้วนำมันวางไว้ที่เดิม อาจารย์ใหญ่ดิพพิทปรบมือยินดีอย่างยิ่ง เขาชื่นชมถึงขนาดยกหนังสือใหม่ๆ หลายเล่มที่เธอลงเรียนในปีหกทุกวิชาและใหม่เอี่ยมทุกเล่มนอกจากนี้เขายังให้ปากกาขนนกสีน้ำตาลแก่เธออีกด้วยแม้ว่ามันจะเชยแค่ไหนในสายตาเฮอร์ไมโอนี่ทว่าเพื่อรักษาน้ำใจ ยังไงเธอก็ต้องรับไว้


    ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เดินมาส่งเฮอร์ไมโอนี่ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน เขาไม่อาจที่จะอนุญาตให้นักเรียนเข้ามาพักอาศัยในฮอกวอตได้ก่อนวันเปิดเรียนซึ่งนั่นเป็นกฎของโรงเรียน แม้เฮอร์ไมโอนี่อยากจะกลับไปอยู่ที่ห้องต้องประสงค์ตามเดิมทว่าก็นึกได้ว่าตนอาจต้องซื้อชุดนักเรียน เธอไม่ได้นำมันติดตัวมาด้วยครั้งที่จัดกระเป๋าเตรียมเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน


    สาเหตุก็คงเป็นเพราะเธอเองก็ไม่นึกว่าตัวเองจะบ้าบิ่นพอย้อนเวลาไปอดีต


    เฮอร์ไมโอนี่จึงเลือกหายตัวไปจากด้านนอกของโรงเรียนหลังจากเอ่ยลากับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ในวัยหนุ่ม เธอเลือกไปที่ร้านหม้อใหญ่รั่ว โชคดีที่ยังมีเงินของแฮร์รี่ติดตัวไว้บ้าง เธอจึงเช่าห้องเอาไว้หนึ่งวันหนึ่งคืน


    ถ้าฉันได้กลับไป ฉันจะคืนเงินให้เธอนะแฮร์รี่เฮอร์ไมโอนี่คิดกับตนเองขณะนอนแผ่หลาบนเตียงไม่ใหญ่นัก นอนคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นาน นั่งฟังเสียงรถไฟวิ่งผ่านจนอาคารทั้งหลังสั่นสะเทือนเงียบๆ เธอคิดถึงทุกอย่างในอนาคต คิดถึงสีหน้าของเพื่อนรักสองคนว่าจะเป็นยังไงหากได้อ่านจดหมายลาที่ทิ้งเอาไว้


    เธอเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้และก็ไม่มั่นใจอีกเช่นกันว่าจะสามารถเผชิญหน้ากับลอร์ดโวลเดมอร์ในวัยนักเรียนได้ไหม ยิ่งคิดยิ่งสร้างความกังวลใจและยิ่งทำให้เธอรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นนั่งและมองแผลเป็นที่ถูกเบลลาทริกซ์กรีดเป็นคำว่า ‘Mud blood’


    เฮอร์ไมโอนี่เพียงจ้องมองนิ่งก่อนเสกคาถาปกปิดและแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางไปตรอกไดแอกอน


    +---+

     

    ที่ตรอกไดแอกอน ผู้คนยังคงพลุ่กพล่านไม่ต่างจากยุคสมัยเธอเลย เด็กๆ ปีหนึ่งหลายคนตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้เข้าเรียนฮอกวอต คอยดึงพ่อแม่เข้าร้านนั้นร้านนี้เรื่อยๆ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้กับภาพนั้นไม่ได้รู้เลยว่าโลกจะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ จะต้องอาศัยอยู่ด้วยความกลัวเพราะโวลเดอมอร์ไม่ต่างจากกรินเดลวัลด์เลย


    เฮอร์ไมโอนี่เลือกเข้าร้านเสื้อผ้าก่อนเป็นอันดับแรก เจ้าของร้านมองมาอย่างสงสัยทว่าก็ยังยิ้มกว้างและเดินเข้ามาบริการ


    “ชุดฮอกวอตหรือจ้ะ” หญิงสาววัยกลางคนรูปร่างท้วมเอ่ยถามอ่อนโยน


    “ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบ “ชุดเก่าของฉันมันขาดหลายชุดเลยต้องซื้อใหม่ค่ะ”


    “อ้อ! ทางนี้เลยจ้ะ” หญิงสาวดึงแขนเธอให้ขึ้นไปยืนบนแท่นกลมๆ หน้ากระจกพลางวัดตัวไปมา หมุนตัวเธอไปรอบๆ จนตาลาย ทันทีที่วัดเสร็จ หญิงสาววัยกลางคนก็หายเข้าไปหลังร้านและบอกให้เฮอร์ไมโอนี่นั่งรอ


    ระหว่างนั่งรอเธอเลือกอ่านหนังสือนิยายรักแฟนตาซีของมักเกิ้ล ไม่สนใจผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว่ เสียงพูดคุยดังมากภายในร้านทว่าก็ยังมีเสียงนินทาเสียดหูลอยตรงเข้าหูเธอฝ่าเสียงพูดคุยของผู้คน


    “พวกมักเกิ้ล!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งผู้มีผมสีบลอนด์ ผิวขาวซีดและดวงตาสีเทาพูดกับเด็กหนุ่มอีกคนผมดำสนิทยุ่งๆ ดวงตาสีดำสนิทเย็นชาไร้อารมณ์


    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกได้ถึงสายตาจิกกัดส่งถึงเธอทว่าเธอเมินไป


    “ฉันเกลียดมักเกิ้ล มันทำให้อากาศสกปรก!” เด็กหนุ่มผมบลอนด์เอ่ยเสียงกร้าวพร้อมสบถใส่


    เฮอร์ไมโอนี่ยังคงเมินเฉย


    “พอแล้วมัลฟอยเราแวะมาเพียงซื้อเสื้อคลุมตัวใหม่ อย่าหาเรื่องใครที่นี่และอีกอย่างนายยังใช้เวทมนต์นอกโรงเรียนไม่ได้” เด็กหนุ่มผมดำเตือนโดยไม่ได้หันมองตามสายตาของเด็กหนุ่มอีกคนเลย สายตาเขาจดจ่ออยู่แต่กับเสื้อคลุมบนหุ่นโชว์


    “แต่” เด็กหนุ่มผมบลอนด์นามสกุลมัลฟอยแย้งทว่าเมื่อสบกับดวงตาสีดำสนิทลุกโชน เขาก็ต้องยอมสงบปากสงบคำอย่างไม่เต็มใจ ทว่าดวงตาสีเทายังคงมองเด็กสาวผมสีน้ำตาลหยักเป็นลอนสลวยด้วยสายตารังเกียจ


    เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินทุกบทสนทนาระหว่างสองหนุ่ม เธอคิดในใจว่ามัลฟอยก็ยังเป็นมัลฟอยวันยังค่ำ แม้แต่เดรโกก็ไม่ได้ต่างไปจากคนในตระกูลเมื่อห้าสิบปีก่อนเลยสักนิด เวลานั้นเองที่หญิงสาวร่างท้วมกลับมาจากหลังร้านพร้อมยื่นถุงกระดาษให้ เธอจ่ายเงินและรีบเดินออกจากร้านทันทีเพราะเธอไม่อยากอยู่ที่เดียวกับผู้ที่เชื่อว่าเลือดบริสุทธิ์คือผู้สูงส่ง


    เมื่อออกจากร้าน เฮอร์ไมโอนี่เดินตรงเข้าร้านขายส่วนผสมสำหรับปรุงยา เลือกซื้อส่วนผสมสองสามอย่างที่จำเป็นในการใช้ที่ฮอกวอตโดยไม่ลืมซื้อตาชั่งสำหรับวัดส่วนผสมกับหม้อปรุงยาที่ไม่ได้เตรียมเอาไว้ในกระเป๋าสีแดงและแวะเข้าร้านตัวหนังสือและหยดหมึก พยายามมองหาหนังสือเกี่ยวกับการย้อนเวลาเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้างทว่าเจ้าของร้านส่ายหน้าทันที


    “เราไม่มีหนังสือเกี่ยวกับพวกนี้เลย เสียใจด้วย” เขาส่ายหน้า


    เฮอร์ไมโอนี่จึงต้องเดินออกมาด้วยความผิดหวัง เมื่อแน่ใจว่าของทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับฮอกวอตครบถ้วนจึงกลับไปที่ร้านหม้อใหญ่รั่วและนอนอ่านหนังสือเรียนทบทวนทุกวิชา


    +---+

     

    ในที่สุดก็ถึงวันที่ 1 กันยายน ปี 1943 เฮอร์ไมโอนี่ตื่นแต่เช้ามาจัดเตรียมของและเลือกเสื้อผ้าให้เข้าสำหรับคนในยุคสมัยนี้มาสวมใส่และรีบออกเดินทาง


    เฮอร์ไมโอนี่เดินทางมาถึงสถานีคิงส์ครอสก่อนถึงเวลารถไฟออกเพียงสิบนาที ทันทีที่เดินทะลุกำแพง บรรยากาศที่ชวนคิดถึงทำให้เธอเผลอยิ้มอย่างเป็นสุข นักเรียนทั้งหลายกำลังเอ่ยลากับผู้ปกครองก่อนก้าวขึ้นรถไฟ ส่วนนักเรียนปีสูงก็จับกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนวันปิดภาคเรียน นักเรียนหลายคนมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความสงสัย


    เธอจึงขึ้นรถไฟทันทีและเดินไปเรื่อยๆ พยายามมองหาที่นั่งว่างๆ จะได้ไม่ค่อยมีใครมารบกวนมากนักทว่าส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยกลุ่มนักเรียน ถ้าเดินข้างหน้ามากกว่านี้มักจะเป็นตู้ที่นักเรียนบ้านสลิธีรินจับจองกัน เธอไม่มั่นใจว่าจะเหมือนยุคสมัยของเธอไหมทว่าปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่า


    เฮอร์ไมโอนี่เดินมาเห็นเด็กสาวสามคนนั่งคุยซึ่งในตู้นี้ยังเหลือพื้นที่อีกมากมาย เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขอนั่งด้วย


    “โทษทีนะ” เสียงเรียกของเธอเรียกความสนใจจากทั้งสาม “ขอนั่งด้วยคนได้ไหม ตู้อื่นเต็มหมดแล้ว”


    สามสาวมองหน้ากันด้วยความงุนงงแต่สุดท้ายก็พยักหน้า ทันทีที่เธอนั่งลงข้างเด็กสาวผมสีบลอนด์ยาวเหยียดตรง ดวงตาสีฟ้าสดใส เด็กสาวสองคนที่นั่งตรงข้ามก็ชะโงกหน้าชวนคุยทันที


    “เราไม่คุ้นหน้าเธอเลย นักเรียนใหม่เหรอ” เด็กสาวผู้มีผมสีดำสนิทพร้อมดวงตาสีเขียว ใบหน้าเรียวเข้ารูปเอ่ยปากถามด้วยความเป็นมิตร


    เธอพยักหน้า “ใช่แล้ว ฉันเป็นนักเรียนใหม่” เธอตอบ “เพเนโลพี เคลียร์วอเตอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”


    เด็กสาวผมดำยิ้มกว้างยื่นมือออกมาจับกับมือของเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่นึกรังเกียจแม้ว่านามสกุลที่เธอใช้จะเป็นนามสกุลของมักเกิ้ล แสดงว่าสามคนนี้คงไม่ได้อยู่สลิธีริน


    “เอมิเลีย มอนเทส เรียกฉันว่าเอมก็ได้ เด็กสาวผมดำแนะนำตัวเองบ้างก่อนผายมือไปยังเด็กสาวข้างๆ “ส่วนนี่ดาโกต้า แอลเลนหรือโคลและคนที่นั่งข้างเธอคือลูเซียน่า เชฟีคค์เรียกเขาว่าลูได้ เธอไม่ว่าหรอก”


    เด็กสาวผมแดงชื่อดาโกต้าโบกมือทักทายทว่าเด็กสาวผมบลอนด์ชื่อลูเซียน่ากลับเพียงปรายตามองและหันกลับไปสนวิวนอกหน้าต่างต่อ ตอนนั้นเองที่รถไฟเริ่มเคลื่อนขบวนอย่างช้าๆ จนความเร็วคงที่


    “เธอย้ายมาเรียนปีอะไร เพเนโลพี” เอมิเลียถาม


    “ปีหก” เธอตอบ “ฉันย้ายมาจากโบซ์บาตงส์” เด็กสาวสองคนแสดงสีหน้าประหลาดใจและดีใจในคราวเดียวพร้อมกัน


    “ว้าว! เรามีนักเรียนจากฝรั่งเศสมาเรียนในอังกฤษด้วย!” ดาโกต้าสะกิดเพื่อน


    เอมิเลียยิ้มกว้าง “เราก็อยู่ปีหกเหมือนกัน พวกเราอยู่บ้านกริฟฟินดอร์แหละ”


    เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้าง ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เพื่อนจากบ้านกริฟฟินดอร์เร็วขนาดนี้ ไม่แปลกใจที่ว่าทำไมทั้งสามถึงไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนามสกุลมักเกิ้ลเลย ถ้าหากเป็นสลิธีริน ทันทีที่รู้ว่านี่คือสกุลมักเกิ้ล พวกเขาคงไล่เธอออกไปนั่งที่อื่นแล้วล่ะ


    “ฉันก็อยู่บ้านกริฟฟินดอร์” เธอยิ้มกว้างให้เพื่อนใหม่ทั้งสาม


    “เธอมีชื่อเล่นไหม เพเนโลพี เคลียร์วอเตอร์” เด็กสาวผมบลอนด์ชื่อลูเซียน่า เชฟิคค์เอ่ยถามขัดบทสนทนาเพื่อนสองคน ดวงตาสีฟ้านั่นหันมาสบกับดวงตาของเธอ


    “เพนนีหรือเปล่า” ดาโกต้าเดา

    เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า “เรียกฉันว่าไมล่ะกัน ปกติคุณยายชอบเรียกฉันแบบนี้”


    “ได้เลยไม” เอมิเลียยิ้มอีกครั้ง ส่วนลูเซียน่าเพียงพยักหน้าเข้าใจ


    ทั้งสี่สาวยังคงพูดคุยแลกเปลี่ยนกันไปมาแม้ว่าลูเซียน่าอาจดูไม่เป็นมิตรทว่าพอได้พูดคุยมากขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าเด็กสาวคนนี้เพียงแค่ไม่ชอบเข้าหาใครก่อนและที่สำคัญหล่อนเป็นหนอนหนังสือประจำบ้านกริฟฟินดอร์และถูกโหวตจากคนในบ้านให้เป็นดาวเจิดจรัสประจำบ้านกริฟฟินดอร์เช่นกัน ทั้งเฮอร์ไมโอนี่และลูเซียน่าจึงค่อนข้างคุยกันถูกคอมากที่สุด


    ขณะที่ดาโกต้าและเอมิเลียก็พูดคุยกันถึงหนุ่มหล่อที่ชื่อว่าเอลดริก ดิกกอรี่ เฮอร์ไมโอนี่ฟังจากสองสาวพูดถึงแล้วรู้สึกอยากเห็นหน้าบรรพบุรุษของเซดริกขึ้นมากะทันหัน พอนึกถึงเซดริกทีไร เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกหม่นหมองทันที ไม่ใช่เพราะชอบเขาหรือหลงรักเขาทว่าเซดริกเป็นเด็กหนุ่มจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟที่กล้าหาญมากคนหนึ่งและจิตใจดี ทว่าก็ต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะโวลเดอมอร์แท้ๆ


    สามสาวเหมือนสังเกตได้ว่าจู่ๆ เพื่อนใหม่ก็เงียบไป เอมิเลียโบกไปมาตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่พลางเรียกชื่อ


    “ไม เป็นอะไรไป” หล่อนถาม


    เมื่อได้สติ เฮอร์ไมโอนี่ส่งยิ้มกลบเกลื่อน “สบายดี ฉันแค่เริ่มง่วงขึ้นมาหน่อยๆ แล้วล่ะ”


    “งั้นเรามาเล่นไพ่สแน็ประเบิดปังไหม” ดาโกต้าเอ่ยชวนทุกคน ลูเซียน่าอิดออดไม่อยากเล่นทว่าสุดท้ายแล้วก็โดนเอมิเลียและดาโกต้าเพื่อนซี้รบเร้าออดอ้อนจนต้องยอม


    สี่สาวคุยเล่นอย่างสนุกสนานไม่ลืมซื้อขนมจากรถเข็นมานั่งแบ่งกันกินอย่างสนุกสนาน เฮอร์ไมโอนี่จะไม่มีวันลืมช่วงเวลานี้เลย


    +---+

     

    เมื่อแสงตะวันกำลังลาลับไปจากขอบฟ้าอาบทุกสิ่งให้เป็นสีส้มของยามเย็น ทั้งเฮอร์ไมโอนี่ เอมิเลีย ดาโกต้าและลูเซียน่าผลัดกันไปเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียนของฮอกวอต ต่อมาไม่นานรถไฟเริ่มเคลื่อนช้าลงจนในที่สุดก็มาถึงสถานีฮอกส์มี้ดส์ขณะดวงอาทิตย์จากไปแทนที่ด้วยดวงจันทร์ส่องแสงสีเหลืองนวลโผล่พ้นออกมาจากหมู่เมฆ


    สามสาวบ้านกริฟฟินดอร์ เพื่อนใหม่ของเฮอร์ไมโอนี่เดินลงจากรถไฟเกือบกลุ่มสุดท้าย ทั้งสามออกความเห็นว่านั่นเป็นเพราะพวกเธอไม่ชอบผู้คนแน่นขนัดเท่าไรนักและการลงจากรถไฟเกือบกลุ่มสุดท้ายทำให้ทั้งสี่สาวต้องพบปะกับนักเรียนชายจากบ้านสลิธีรินกลุ่มใหญ่ซึ่งกำลังรอหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาอยู่


    ทั้งสองกลุ่มต่างส่งสายตาเขม่นใส่กันอย่างไม่ชอบหน้า เอมิเลียและดาโกต้าเกือบจะได้ปะทะฝีปากกับกลุ่มนั้นแล้วถ้าหากลูเซียน่าและเฮอร์ไมโอนี่ไม่ช่วยกันดึงทั้งคู่ขึ้นรถลากซึ่งลากโดยเธสตรอล เมื่อก่อนเธอไม่เคยเห็นมันมาก่อนจนกระทั่งวันที่ได้เห็นเอลฟ์ด๊อบบี้ตายในอ้อมแขนของแฮร์รี่ ไม่น่าแปลกที่เธอจะเห็นมันได้ในครั้งนี้


    นักเรียนทั้งสองบ้านยังคงส่งสายตาเขม่นใส่กันอย่างไม่ลดละ เมื่อรถลากเริ่มเคลื่อนตัว สองสาวผมแดงและดำจึงละสายตาออกและหันมาบ่นกับอีกสองสาวที่เหลือ


    “น่ารำคาญ พวกสลิธีริน” ดาโกต้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม


    “อย่าทำให้บ้านเราถูกหักคะแนนตั้งแต่วันแรกโคล” ลูเซียน่าเอ่ยเตือนแม้จะมองออกไปยังทุ่งหญ้ากว้างซึ่งเต็มไปด้วยวัชพืช


    ดาโกต้ายักไหล่อย่างดื้อดึง เอมิเลียหันไปยิ้มเห็นด้วยให้เพื่อน ไม่นานรถลากก็มาหยุดตรงทางเข้าปราสาทฮอกวอต สี่สาวก้าวลงแทบจะทันทีที่รถลากคันสุดท้ายมาจอดอยู่ด้านหลังพร้อมกลุ่มนักเรียนชายสลิธีรินกลุ่มใหญ่ก้าวตามมา คนที่ก้าวลงมาคนสุดท้ายคือเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผมสีดำสนิทหวีเรียบเช่นเดียวกันกับสีนัยน์ตาของเขา บนเสื้อคลุมเขาปักด้วยสัญลักษณ์บ้านสลิธีรินและมีเข็มกลัดพรีเฟ็คติดอยู่เหนือตรา


    เฮอร์ไมโอนี่ไม่มั่นใจว่าเขาเป็นใครทว่าเขาดูคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน เธอสงสัยได้ไม่นานก็ต้องรีบเดินตามเพื่อนสาวทั้งสามเข้าปราสาททันทีเพราะหญิงสาวสูงวัย ใบหน้าบึ้งตึงกำลังมองมายังกลุ่มพวกเธอสลับกับกลุ่มสลิธีริน เด็กสาวสามคนพยักหน้าพร้อมเอ่ยทักทายอย่างนอบน้อม


    “ศาสตราจารย์เฮเวอรีนเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดเรื่องกฎระเบียบมากที่สุดในฮอกวอตทว่าเธอไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะ ฉันยินดีมากเวลาได้เห็นหล่อนหักคะแนนบ้านสลิธีรินหลายแต้ม” เอมิเลียกระซิบบอกขณะทั้งสี่สาวนั่งลงตรงโต๊ะบ้านกริฟฟินดอร์ซึ่งอยู่ติดกับบ้านสลิธีริน


    ก่อนจะเริ่มพิธีคัดสรรของนักเรียนปีหนึ่ง เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ในบ้านกริฟฟินดอร์ต่างเข้ามาแนะนำตัวและทำความรู้จักกับเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นนักเรียนใหม่จากโรงเรียนโบซ์บาตงส์ นอกจากนี้ยังพูดคุยกับหนอนหนังสืออย่างลูเซียน่าได้นานยิ่งกว่าใครๆ หลายคนจึงชื่นชมและทึกทักกันไปเองว่าเธอคือหนอนหนังสืออีกคนประจำบ้านกริฟฟินดอร์ ไม่แน่ว่าปีนี้สลิธีรินอาจตกจากแชมป์ในปีนี้


    เฮอร์ไมโอนี่ได้รู้จักนักเรียนคนอื่นๆ ซึ่งหลายคนมีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับคนที่เธอรู้จักในอนาคต เช่น เอไรออน วีสลี่ย์ ฟรีเซีย บราวน์หรือเบลี่ย์ ลองบัตท่อมและคนอื่นๆ อีกมากมาย


    +---+

     

    ขณะนั้นเองที่อีกโต๊ะหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับโต๊ะของกริฟฟินดอร์ นักเรียนชายสลิธีรินกลุ่มนั้นกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนักเรียนใหม่บ้านกริฟฟินดอร์และทุกคนในบ้านนั้นดูจะยินดีหรือดีอกดีใจเหลือเกิน บางคนขณะพูดกับเธอยังปรายตาสายตารังเกียจให้เขาอย่างทอม ริดเดิ้ลด้วย


    เขาเชื่อว่าพวกนั้นกำลังพูดถึงเขาให้เด็กใหม่ฟังอาจจะเตือนให้อยู่ห่างๆ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาคือที่หนึ่งของชั้นเรียนทุกวิชาและทำให้สลิธีรินครองแชมป์บ้านดีเด่นติดต่อกันมาตลอดหลายปี พวกสิงโตตัวน้อยๆ พวกนั้นคงจะโกรธแค้นน่าดู ทอมอยากจะหัวเราะเยาะใส่พวกนั้นถ้าไม่ติดว่าภาพลักษณ์อาจเสียหายได้ถ้าหากนักเรียนบ้านอื่นและอาจารย์คนอื่นๆ เห็นเขาทำแบบนั้น


    เพราะฉะนั้นทอมไม่ขอเสี่ยงจะดีกว่า


    “ยัยนั่น” คอว์ริส มัลฟอยพูดลอดไรฟัน ในดวงตาเต็มไปด้วยยความชิงชังและรังเกียจ


    “นายรู้จักหรือมัลฟอย” โรซิเออร์ถามด้วยความสนใจใคร่รู้พลางแอบชำเลืองมองผู้เป็นเจ้าของหัวข้อสนทนา


    เด็กหนุ่มผมบลอนด์ ใบหน้าออกแหลมพร้อมดวงตาสีเทาพยักหน้าตอบ “ยัยนั่นเป็นเลือดสีโคลน ฉันเห็นมันอ่านนิยายของมักเกิ้ลในร้านเสื้อผ้าที่ตรอกไดแอกอนเมื่อวานนี้” เขาตอบเพื่อนในกลุ่มด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง ภูมิใจกับสายเลือดบริสุทธิ์และความร่ำรวยของตระกูล


    ทอมนึกขันในใจเมื่อเห็นสีหน้าแบบนั้นเผยออกมา เขารู้ดีว่าหากไม่มีเขา มัลฟอยอาจจะเป็นหัวหน้ากลุ่มในตอนนี้ก็ได้ ไม่ว่าใครก็คงยอมทำตามคำสั่งของมัลฟอยดีโดยไร้เงื่อนไข


    “ทำไมนายมั่นใจว่าหล่อนเป็นเลือดสีโคลนไม่ใช่เลือดผสมล่ะ” คราวนี้รอนิอัส แบล็กถามบ้างหลังจากนั่งฟังเพื่อนพูดคุยกัน


    “ยัยนั่นอ่านนิยายของมักเกิ้ลแบล็ก!” มัลฟอยคำรามตอบ “มันเป็นเลือดสีโคลนแน่!


    “เบาเสียงหน่อยมัลฟอย นายจะทำให้บ้านเราถูกหักคะแนนตั้งแต่วันแรก” ทอมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดพร้อมดวงตาที่ลุกโชน ทุกคนเห็นเช่นนั้นต่างพร้อมกันหยุดพูดคุยทันที ต่างคนต่างสนใจแต่การคัดสรรของปีหนึ่งซึ่งนักเรียนเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ขณะนักเรียนปีหนึ่งเข้ามาบ้านสลิธีรินไม่มากนัก ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเด็กชาย


    บ้านสลิธีรินค่อนข้างเรียกได้ว่าขาดแคลนนักเรียนหญิงมากกว่าบ้านอื่นๆ อาจเป็นเพราะในยุคสมัยนี้ที่ตระกูลเลือดบริสุทธิ์เริ่มมีลูกกันน้อยลง เมื่อคนแรกเป็นลูกชายไว้สืบสกุล คนในตระกูลก็มักจะไม่มีลูกอีก ทอมไม่สนใจว่าทำไมแต่นั่นทำให้เขาค่อนข้างเสียเปรียบขณะที่บ้านกริฟฟินดอร์มีนักเรียนเข้ามาใหม่มากมายและคละกันไปทั้งนักเรียนชายและหญิง


    ผู้หญิงมักจะเชื่อฟังมากกว่าผู้ชายและพวกหล่อนมีทุกวิธีทางที่จะทำให้ตนเองเอาตัวรอดได้มากกว่าผู้ชายเพราะนักเรียนชายโดยเฉพาะวัยรุ่นก็มักจะหัวรั้นและดื้อดึง ไม่สนใจจะฟังคำสั่งเสียเท่าไร นอกจากนี้ยังชอบพาตนเองไปเสี่ยงอันตรายยิ่งกว่านักเรียนหญิง เขาเคยเกือบถูกดัมเบิลดอร์หาหลักฐานมามัดตัวให้ไล่เขาออกได้เมื่อไม่กี่ปีก่อนหลังจากที่คนอื่นๆ ในกลุ่มของเขาหาเรื่องทำร้ายนักเรียนบ้านสิงโตจนบาดเจ็บสาหัสและดัมเบิลดอร์ก็ซักทอดมาถึงเขา โชคดีที่ดิพพิทหลอกง่ายจนเขารอดตัวไปได้


    เขาต้องการคนเข้าสมาคมลับมากกว่านี้ ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะสามารถใช้ทำงานที่ผู้ชายทำไม่ได้ อีกอย่างแผนของเขาต้องเริ่มเสียที



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×