คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 คุ้นเคย
ตอนที่
3
คุ้นเคย
เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งเท้าคางเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างที่นกฮูกมักจะบินมาเกาะบนขอบหน้าต่างอยู่เสมออาจเป็นสถานที่อันดีเยี่ยมในการแวะพักระหว่างทางส่งจดหมายพร้อมกันนั้นเสียงพูดไม่หยุดของอาจารย์ใหญ่ดิพพิทในห้าสิบปีก่อนนับจากวันที่เธอจากมา
เขายังคงหยุดพูดไม่ได้เรื่องที่ว่าดีใจแค่ไหนที่จะได้นักเรียนจากโบซ์บาตงส์ย้ายมาเรียนที่ฮอกวอตพร้อมคะแนนอันดีเยี่ยมเกือบทุกวิชา(แน่นอนว่ามันคือผลในอนาคตที่เธอปลอมให้เป็นของยุคสมัยนี้)
“…เอาล่ะ ทีนี้” ในที่สุดดิพพิทก็เข้าเรื่องเสียที
“แน่นอนว่าด้วยจดหมายรับรองจากมาดามมักซีมและผลคะแนนดีเลิศเช่นนี้
ช่างเป็นเกียรติของฮอกวอตที่ได้รับนักเรียนชั้นเยี่ยมเพิ่มเข้ามา
ก่อนอื่นเราต้องคัดสรรคุณเข้าบ้านเสียก่อน” อมานโด
ดิพพิทพยักหน้าให้ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์
ดัมเบิลดอร์หยิบหมวกเก่าๆ
ลงมาจากชั้นวางของก่อนบรรจงวางบนศีรษะของเธอ รอยย่นของหมวกกลายเป็นปากและตา
“นักเรียนใหม่รึ?!” หมวกพูดก่อนนิ่งเงียบไปชั่วครู่แล้วตะโกนชื่อกริฟฟินดอร์ออกมา
ดัมเบิลดอร์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาเดินมาเอาหมวกจากศีรษะเธอแล้วนำมันวางไว้ที่เดิม
อาจารย์ใหญ่ดิพพิทปรบมือยินดีอย่างยิ่ง เขาชื่นชมถึงขนาดยกหนังสือใหม่ๆ
หลายเล่มที่เธอลงเรียนในปีหกทุกวิชาและใหม่เอี่ยมทุกเล่มนอกจากนี้เขายังให้ปากกาขนนกสีน้ำตาลแก่เธออีกด้วยแม้ว่ามันจะเชยแค่ไหนในสายตาเฮอร์ไมโอนี่ทว่าเพื่อรักษาน้ำใจ
ยังไงเธอก็ต้องรับไว้
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เดินมาส่งเฮอร์ไมโอนี่ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน
เขาไม่อาจที่จะอนุญาตให้นักเรียนเข้ามาพักอาศัยในฮอกวอตได้ก่อนวันเปิดเรียนซึ่งนั่นเป็นกฎของโรงเรียน
แม้เฮอร์ไมโอนี่อยากจะกลับไปอยู่ที่ห้องต้องประสงค์ตามเดิมทว่าก็นึกได้ว่าตนอาจต้องซื้อชุดนักเรียน
เธอไม่ได้นำมันติดตัวมาด้วยครั้งที่จัดกระเป๋าเตรียมเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน
สาเหตุก็คงเป็นเพราะเธอเองก็ไม่นึกว่าตัวเองจะบ้าบิ่นพอย้อนเวลาไปอดีต
เฮอร์ไมโอนี่จึงเลือกหายตัวไปจากด้านนอกของโรงเรียนหลังจากเอ่ยลากับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ในวัยหนุ่ม
เธอเลือกไปที่ร้านหม้อใหญ่รั่ว โชคดีที่ยังมีเงินของแฮร์รี่ติดตัวไว้บ้าง เธอจึงเช่าห้องเอาไว้หนึ่งวันหนึ่งคืน
‘ถ้าฉันได้กลับไป
ฉันจะคืนเงินให้เธอนะแฮร์รี่’ เฮอร์ไมโอนี่คิดกับตนเองขณะนอนแผ่หลาบนเตียงไม่ใหญ่นัก
นอนคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นาน
นั่งฟังเสียงรถไฟวิ่งผ่านจนอาคารทั้งหลังสั่นสะเทือนเงียบๆ
เธอคิดถึงทุกอย่างในอนาคต คิดถึงสีหน้าของเพื่อนรักสองคนว่าจะเป็นยังไงหากได้อ่านจดหมายลาที่ทิ้งเอาไว้
เธอเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้และก็ไม่มั่นใจอีกเช่นกันว่าจะสามารถเผชิญหน้ากับลอร์ดโวลเดมอร์ในวัยนักเรียนได้ไหม
ยิ่งคิดยิ่งสร้างความกังวลใจและยิ่งทำให้เธอรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นนั่งและมองแผลเป็นที่ถูกเบลลาทริกซ์กรีดเป็นคำว่า
‘Mud
blood’
เฮอร์ไมโอนี่เพียงจ้องมองนิ่งก่อนเสกคาถาปกปิดและแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางไปตรอกไดแอกอน
+---+
ที่ตรอกไดแอกอน
ผู้คนยังคงพลุ่กพล่านไม่ต่างจากยุคสมัยเธอเลย เด็กๆ ปีหนึ่งหลายคนตื่นเต้นมากๆ
ที่จะได้เข้าเรียนฮอกวอต คอยดึงพ่อแม่เข้าร้านนั้นร้านนี้เรื่อยๆ
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้กับภาพนั้นไม่ได้รู้เลยว่าโลกจะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้
จะต้องอาศัยอยู่ด้วยความกลัวเพราะโวลเดอมอร์ไม่ต่างจากกรินเดลวัลด์เลย
เฮอร์ไมโอนี่เลือกเข้าร้านเสื้อผ้าก่อนเป็นอันดับแรก
เจ้าของร้านมองมาอย่างสงสัยทว่าก็ยังยิ้มกว้างและเดินเข้ามาบริการ
“ชุดฮอกวอตหรือจ้ะ”
หญิงสาววัยกลางคนรูปร่างท้วมเอ่ยถามอ่อนโยน
“ค่ะ”
เธอพยักหน้าตอบ “ชุดเก่าของฉันมันขาดหลายชุดเลยต้องซื้อใหม่ค่ะ”
“อ้อ! ทางนี้เลยจ้ะ” หญิงสาวดึงแขนเธอให้ขึ้นไปยืนบนแท่นกลมๆ
หน้ากระจกพลางวัดตัวไปมา หมุนตัวเธอไปรอบๆ จนตาลาย ทันทีที่วัดเสร็จ
หญิงสาววัยกลางคนก็หายเข้าไปหลังร้านและบอกให้เฮอร์ไมโอนี่นั่งรอ
ระหว่างนั่งรอเธอเลือกอ่านหนังสือนิยายรักแฟนตาซีของมักเกิ้ล
ไม่สนใจผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว่
เสียงพูดคุยดังมากภายในร้านทว่าก็ยังมีเสียงนินทาเสียดหูลอยตรงเข้าหูเธอฝ่าเสียงพูดคุยของผู้คน
“พวกมักเกิ้ล!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งผู้มีผมสีบลอนด์ ผิวขาวซีดและดวงตาสีเทาพูดกับเด็กหนุ่มอีกคนผมดำสนิทยุ่งๆ
ดวงตาสีดำสนิทเย็นชาไร้อารมณ์
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกได้ถึงสายตาจิกกัดส่งถึงเธอทว่าเธอเมินไป
“ฉันเกลียดมักเกิ้ล
มันทำให้อากาศสกปรก!”
เด็กหนุ่มผมบลอนด์เอ่ยเสียงกร้าวพร้อมสบถใส่
เฮอร์ไมโอนี่ยังคงเมินเฉย
“พอแล้วมัลฟอย…เราแวะมาเพียงซื้อเสื้อคลุมตัวใหม่
อย่าหาเรื่องใครที่นี่และอีกอย่างนายยังใช้เวทมนต์นอกโรงเรียนไม่ได้”
เด็กหนุ่มผมดำเตือนโดยไม่ได้หันมองตามสายตาของเด็กหนุ่มอีกคนเลย
สายตาเขาจดจ่ออยู่แต่กับเสื้อคลุมบนหุ่นโชว์
“แต่…” เด็กหนุ่มผมบลอนด์นามสกุลมัลฟอยแย้งทว่าเมื่อสบกับดวงตาสีดำสนิทลุกโชน
เขาก็ต้องยอมสงบปากสงบคำอย่างไม่เต็มใจ
ทว่าดวงตาสีเทายังคงมองเด็กสาวผมสีน้ำตาลหยักเป็นลอนสลวยด้วยสายตารังเกียจ
เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินทุกบทสนทนาระหว่างสองหนุ่ม
เธอคิดในใจว่ามัลฟอยก็ยังเป็นมัลฟอยวันยังค่ำ
แม้แต่เดรโกก็ไม่ได้ต่างไปจากคนในตระกูลเมื่อห้าสิบปีก่อนเลยสักนิด เวลานั้นเองที่หญิงสาวร่างท้วมกลับมาจากหลังร้านพร้อมยื่นถุงกระดาษให้
เธอจ่ายเงินและรีบเดินออกจากร้านทันทีเพราะเธอไม่อยากอยู่ที่เดียวกับผู้ที่เชื่อว่าเลือดบริสุทธิ์คือผู้สูงส่ง
เมื่อออกจากร้าน เฮอร์ไมโอนี่เดินตรงเข้าร้านขายส่วนผสมสำหรับปรุงยา
เลือกซื้อส่วนผสมสองสามอย่างที่จำเป็นในการใช้ที่ฮอกวอตโดยไม่ลืมซื้อตาชั่งสำหรับวัดส่วนผสมกับหม้อปรุงยาที่ไม่ได้เตรียมเอาไว้ในกระเป๋าสีแดงและแวะเข้าร้านตัวหนังสือและหยดหมึก
พยายามมองหาหนังสือเกี่ยวกับการย้อนเวลาเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้างทว่าเจ้าของร้านส่ายหน้าทันที
“เราไม่มีหนังสือเกี่ยวกับพวกนี้เลย
เสียใจด้วย” เขาส่ายหน้า
เฮอร์ไมโอนี่จึงต้องเดินออกมาด้วยความผิดหวัง
เมื่อแน่ใจว่าของทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับฮอกวอตครบถ้วนจึงกลับไปที่ร้านหม้อใหญ่รั่วและนอนอ่านหนังสือเรียนทบทวนทุกวิชา
ในที่สุดก็ถึงวันที่
1 กันยายน ปี 1943 เฮอร์ไมโอนี่ตื่นแต่เช้ามาจัดเตรียมของและเลือกเสื้อผ้าให้เข้าสำหรับคนในยุคสมัยนี้มาสวมใส่และรีบออกเดินทาง
เฮอร์ไมโอนี่เดินทางมาถึงสถานีคิงส์ครอสก่อนถึงเวลารถไฟออกเพียงสิบนาที
ทันทีที่เดินทะลุกำแพง บรรยากาศที่ชวนคิดถึงทำให้เธอเผลอยิ้มอย่างเป็นสุข
นักเรียนทั้งหลายกำลังเอ่ยลากับผู้ปกครองก่อนก้าวขึ้นรถไฟ
ส่วนนักเรียนปีสูงก็จับกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนวันปิดภาคเรียน
นักเรียนหลายคนมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความสงสัย
เธอจึงขึ้นรถไฟทันทีและเดินไปเรื่อยๆ
พยายามมองหาที่นั่งว่างๆ
จะได้ไม่ค่อยมีใครมารบกวนมากนักทว่าส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยกลุ่มนักเรียน
ถ้าเดินข้างหน้ามากกว่านี้มักจะเป็นตู้ที่นักเรียนบ้านสลิธีรินจับจองกัน
เธอไม่มั่นใจว่าจะเหมือนยุคสมัยของเธอไหมทว่าปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่า
เฮอร์ไมโอนี่เดินมาเห็นเด็กสาวสามคนนั่งคุยซึ่งในตู้นี้ยังเหลือพื้นที่อีกมากมาย
เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขอนั่งด้วย
“โทษทีนะ”
เสียงเรียกของเธอเรียกความสนใจจากทั้งสาม “ขอนั่งด้วยคนได้ไหม ตู้อื่นเต็มหมดแล้ว”
สามสาวมองหน้ากันด้วยความงุนงงแต่สุดท้ายก็พยักหน้า
ทันทีที่เธอนั่งลงข้างเด็กสาวผมสีบลอนด์ยาวเหยียดตรง ดวงตาสีฟ้าสดใส
เด็กสาวสองคนที่นั่งตรงข้ามก็ชะโงกหน้าชวนคุยทันที
“เราไม่คุ้นหน้าเธอเลย
นักเรียนใหม่เหรอ” เด็กสาวผู้มีผมสีดำสนิทพร้อมดวงตาสีเขียว
ใบหน้าเรียวเข้ารูปเอ่ยปากถามด้วยความเป็นมิตร
เธอพยักหน้า
“ใช่แล้ว ฉันเป็นนักเรียนใหม่” เธอตอบ “เพเนโลพี เคลียร์วอเตอร์
ยินดีที่ได้รู้จัก”
เด็กสาวผมดำยิ้มกว้างยื่นมือออกมาจับกับมือของเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่นึกรังเกียจแม้ว่านามสกุลที่เธอใช้จะเป็นนามสกุลของมักเกิ้ล
แสดงว่าสามคนนี้คงไม่ได้อยู่สลิธีริน
“เอมิเลีย มอนเทส
เรียกฉันว่าเอมก็ได้” เด็กสาวผมดำแนะนำตัวเองบ้างก่อนผายมือไปยังเด็กสาวข้างๆ
“ส่วนนี่ดาโกต้า แอลเลนหรือโคลและคนที่นั่งข้างเธอคือลูเซียน่า เชฟีคค์เรียกเขาว่าลูได้
เธอไม่ว่าหรอก”
เด็กสาวผมแดงชื่อดาโกต้าโบกมือทักทายทว่าเด็กสาวผมบลอนด์ชื่อลูเซียน่ากลับเพียงปรายตามองและหันกลับไปสนวิวนอกหน้าต่างต่อ
ตอนนั้นเองที่รถไฟเริ่มเคลื่อนขบวนอย่างช้าๆ จนความเร็วคงที่
“เธอย้ายมาเรียนปีอะไร
เพเนโลพี” เอมิเลียถาม
“ปีหก” เธอตอบ
“ฉันย้ายมาจากโบซ์บาตงส์”
เด็กสาวสองคนแสดงสีหน้าประหลาดใจและดีใจในคราวเดียวพร้อมกัน
“ว้าว!
เรามีนักเรียนจากฝรั่งเศสมาเรียนในอังกฤษด้วย!”
ดาโกต้าสะกิดเพื่อน
เอมิเลียยิ้มกว้าง
“เราก็อยู่ปีหกเหมือนกัน พวกเราอยู่บ้านกริฟฟินดอร์แหละ”
เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้าง
ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เพื่อนจากบ้านกริฟฟินดอร์เร็วขนาดนี้
ไม่แปลกใจที่ว่าทำไมทั้งสามถึงไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนามสกุลมักเกิ้ลเลย
ถ้าหากเป็นสลิธีริน ทันทีที่รู้ว่านี่คือสกุลมักเกิ้ล
พวกเขาคงไล่เธอออกไปนั่งที่อื่นแล้วล่ะ
“ฉันก็อยู่บ้านกริฟฟินดอร์”
เธอยิ้มกว้างให้เพื่อนใหม่ทั้งสาม
“เธอมีชื่อเล่นไหม
เพเนโลพี เคลียร์วอเตอร์” เด็กสาวผมบลอนด์ชื่อลูเซียน่า
เชฟิคค์เอ่ยถามขัดบทสนทนาเพื่อนสองคน ดวงตาสีฟ้านั่นหันมาสบกับดวงตาของเธอ
“เพนนีหรือเปล่า”
ดาโกต้าเดา
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
“เรียกฉันว่าไมล่ะกัน ปกติคุณยายชอบเรียกฉันแบบนี้”
“ได้เลยไม” เอมิเลียยิ้มอีกครั้ง
ส่วนลูเซียน่าเพียงพยักหน้าเข้าใจ
ทั้งสี่สาวยังคงพูดคุยแลกเปลี่ยนกันไปมาแม้ว่าลูเซียน่าอาจดูไม่เป็นมิตรทว่าพอได้พูดคุยมากขึ้น
เฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าเด็กสาวคนนี้เพียงแค่ไม่ชอบเข้าหาใครก่อนและที่สำคัญหล่อนเป็นหนอนหนังสือประจำบ้านกริฟฟินดอร์และถูกโหวตจากคนในบ้านให้เป็นดาวเจิดจรัสประจำบ้านกริฟฟินดอร์เช่นกัน
ทั้งเฮอร์ไมโอนี่และลูเซียน่าจึงค่อนข้างคุยกันถูกคอมากที่สุด
ขณะที่ดาโกต้าและเอมิเลียก็พูดคุยกันถึงหนุ่มหล่อที่ชื่อว่าเอลดริก
ดิกกอรี่ เฮอร์ไมโอนี่ฟังจากสองสาวพูดถึงแล้วรู้สึกอยากเห็นหน้าบรรพบุรุษของเซดริกขึ้นมากะทันหัน
พอนึกถึงเซดริกทีไร เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกหม่นหมองทันที
ไม่ใช่เพราะชอบเขาหรือหลงรักเขาทว่าเซดริกเป็นเด็กหนุ่มจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟที่กล้าหาญมากคนหนึ่งและจิตใจดี
ทว่าก็ต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะโวลเดอมอร์แท้ๆ
สามสาวเหมือนสังเกตได้ว่าจู่ๆ
เพื่อนใหม่ก็เงียบไป เอมิเลียโบกไปมาตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่พลางเรียกชื่อ
“ไม เป็นอะไรไป”
หล่อนถาม
เมื่อได้สติ
เฮอร์ไมโอนี่ส่งยิ้มกลบเกลื่อน “สบายดี ฉันแค่เริ่มง่วงขึ้นมาหน่อยๆ แล้วล่ะ”
“งั้นเรามาเล่นไพ่สแน็ประเบิดปังไหม”
ดาโกต้าเอ่ยชวนทุกคน
ลูเซียน่าอิดออดไม่อยากเล่นทว่าสุดท้ายแล้วก็โดนเอมิเลียและดาโกต้าเพื่อนซี้รบเร้าออดอ้อนจนต้องยอม
สี่สาวคุยเล่นอย่างสนุกสนานไม่ลืมซื้อขนมจากรถเข็นมานั่งแบ่งกันกินอย่างสนุกสนาน
เฮอร์ไมโอนี่จะไม่มีวันลืมช่วงเวลานี้เลย
เมื่อแสงตะวันกำลังลาลับไปจากขอบฟ้าอาบทุกสิ่งให้เป็นสีส้มของยามเย็น
ทั้งเฮอร์ไมโอนี่ เอมิเลีย
ดาโกต้าและลูเซียน่าผลัดกันไปเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียนของฮอกวอต
ต่อมาไม่นานรถไฟเริ่มเคลื่อนช้าลงจนในที่สุดก็มาถึงสถานีฮอกส์มี้ดส์ขณะดวงอาทิตย์จากไปแทนที่ด้วยดวงจันทร์ส่องแสงสีเหลืองนวลโผล่พ้นออกมาจากหมู่เมฆ
สามสาวบ้านกริฟฟินดอร์
เพื่อนใหม่ของเฮอร์ไมโอนี่เดินลงจากรถไฟเกือบกลุ่มสุดท้าย
ทั้งสามออกความเห็นว่านั่นเป็นเพราะพวกเธอไม่ชอบผู้คนแน่นขนัดเท่าไรนักและการลงจากรถไฟเกือบกลุ่มสุดท้ายทำให้ทั้งสี่สาวต้องพบปะกับนักเรียนชายจากบ้านสลิธีรินกลุ่มใหญ่ซึ่งกำลังรอหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาอยู่
ทั้งสองกลุ่มต่างส่งสายตาเขม่นใส่กันอย่างไม่ชอบหน้า
เอมิเลียและดาโกต้าเกือบจะได้ปะทะฝีปากกับกลุ่มนั้นแล้วถ้าหากลูเซียน่าและเฮอร์ไมโอนี่ไม่ช่วยกันดึงทั้งคู่ขึ้นรถลากซึ่งลากโดยเธสตรอล
เมื่อก่อนเธอไม่เคยเห็นมันมาก่อนจนกระทั่งวันที่ได้เห็นเอลฟ์ด๊อบบี้ตายในอ้อมแขนของแฮร์รี่
ไม่น่าแปลกที่เธอจะเห็นมันได้ในครั้งนี้
นักเรียนทั้งสองบ้านยังคงส่งสายตาเขม่นใส่กันอย่างไม่ลดละ
เมื่อรถลากเริ่มเคลื่อนตัว
สองสาวผมแดงและดำจึงละสายตาออกและหันมาบ่นกับอีกสองสาวที่เหลือ
“น่ารำคาญ
พวกสลิธีริน” ดาโกต้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“อย่าทำให้บ้านเราถูกหักคะแนนตั้งแต่วันแรกโคล”
ลูเซียน่าเอ่ยเตือนแม้จะมองออกไปยังทุ่งหญ้ากว้างซึ่งเต็มไปด้วยวัชพืช
ดาโกต้ายักไหล่อย่างดื้อดึง
เอมิเลียหันไปยิ้มเห็นด้วยให้เพื่อน ไม่นานรถลากก็มาหยุดตรงทางเข้าปราสาทฮอกวอต
สี่สาวก้าวลงแทบจะทันทีที่รถลากคันสุดท้ายมาจอดอยู่ด้านหลังพร้อมกลุ่มนักเรียนชายสลิธีรินกลุ่มใหญ่ก้าวตามมา
คนที่ก้าวลงมาคนสุดท้ายคือเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง
ผมสีดำสนิทหวีเรียบเช่นเดียวกันกับสีนัยน์ตาของเขา บนเสื้อคลุมเขาปักด้วยสัญลักษณ์บ้านสลิธีรินและมีเข็มกลัดพรีเฟ็คติดอยู่เหนือตรา
เฮอร์ไมโอนี่ไม่มั่นใจว่าเขาเป็นใครทว่าเขาดูคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน
เธอสงสัยได้ไม่นานก็ต้องรีบเดินตามเพื่อนสาวทั้งสามเข้าปราสาททันทีเพราะหญิงสาวสูงวัย
ใบหน้าบึ้งตึงกำลังมองมายังกลุ่มพวกเธอสลับกับกลุ่มสลิธีริน
เด็กสาวสามคนพยักหน้าพร้อมเอ่ยทักทายอย่างนอบน้อม
“ศาสตราจารย์เฮเวอรีนเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดเรื่องกฎระเบียบมากที่สุดในฮอกวอตทว่าเธอไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะ
ฉันยินดีมากเวลาได้เห็นหล่อนหักคะแนนบ้านสลิธีรินหลายแต้ม”
เอมิเลียกระซิบบอกขณะทั้งสี่สาวนั่งลงตรงโต๊ะบ้านกริฟฟินดอร์ซึ่งอยู่ติดกับบ้านสลิธีริน
ก่อนจะเริ่มพิธีคัดสรรของนักเรียนปีหนึ่ง
เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ
ในบ้านกริฟฟินดอร์ต่างเข้ามาแนะนำตัวและทำความรู้จักกับเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นนักเรียนใหม่จากโรงเรียนโบซ์บาตงส์
นอกจากนี้ยังพูดคุยกับหนอนหนังสืออย่างลูเซียน่าได้นานยิ่งกว่าใครๆ
หลายคนจึงชื่นชมและทึกทักกันไปเองว่าเธอคือหนอนหนังสืออีกคนประจำบ้านกริฟฟินดอร์
ไม่แน่ว่าปีนี้สลิธีรินอาจตกจากแชมป์ในปีนี้
เฮอร์ไมโอนี่ได้รู้จักนักเรียนคนอื่นๆ
ซึ่งหลายคนมีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับคนที่เธอรู้จักในอนาคต เช่น เอไรออน วีสลี่ย์
ฟรีเซีย บราวน์หรือเบลี่ย์ ลองบัตท่อมและคนอื่นๆ อีกมากมาย
ขณะนั้นเองที่อีกโต๊ะหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับโต๊ะของกริฟฟินดอร์
นักเรียนชายสลิธีรินกลุ่มนั้นกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนักเรียนใหม่บ้านกริฟฟินดอร์และทุกคนในบ้านนั้นดูจะยินดีหรือดีอกดีใจเหลือเกิน
บางคนขณะพูดกับเธอยังปรายตาสายตารังเกียจให้เขาอย่างทอม ริดเดิ้ลด้วย
เขาเชื่อว่าพวกนั้นกำลังพูดถึงเขาให้เด็กใหม่ฟังอาจจะเตือนให้อยู่ห่างๆ
หรืออาจจะเป็นเพราะเขาคือที่หนึ่งของชั้นเรียนทุกวิชาและทำให้สลิธีรินครองแชมป์บ้านดีเด่นติดต่อกันมาตลอดหลายปี
พวกสิงโตตัวน้อยๆ พวกนั้นคงจะโกรธแค้นน่าดู
ทอมอยากจะหัวเราะเยาะใส่พวกนั้นถ้าไม่ติดว่าภาพลักษณ์อาจเสียหายได้ถ้าหากนักเรียนบ้านอื่นและอาจารย์คนอื่นๆ
เห็นเขาทำแบบนั้น
เพราะฉะนั้นทอมไม่ขอเสี่ยงจะดีกว่า
“ยัยนั่น” คอว์ริส
มัลฟอยพูดลอดไรฟัน ในดวงตาเต็มไปด้วยยความชิงชังและรังเกียจ
“นายรู้จักหรือมัลฟอย”
โรซิเออร์ถามด้วยความสนใจใคร่รู้พลางแอบชำเลืองมองผู้เป็นเจ้าของหัวข้อสนทนา
เด็กหนุ่มผมบลอนด์
ใบหน้าออกแหลมพร้อมดวงตาสีเทาพยักหน้าตอบ “ยัยนั่นเป็นเลือดสีโคลน
ฉันเห็นมันอ่านนิยายของมักเกิ้ลในร้านเสื้อผ้าที่ตรอกไดแอกอนเมื่อวานนี้” เขาตอบเพื่อนในกลุ่มด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง
ภูมิใจกับสายเลือดบริสุทธิ์และความร่ำรวยของตระกูล
ทอมนึกขันในใจเมื่อเห็นสีหน้าแบบนั้นเผยออกมา
เขารู้ดีว่าหากไม่มีเขา มัลฟอยอาจจะเป็นหัวหน้ากลุ่มในตอนนี้ก็ได้
ไม่ว่าใครก็คงยอมทำตามคำสั่งของมัลฟอยดีโดยไร้เงื่อนไข
“ทำไมนายมั่นใจว่าหล่อนเป็นเลือดสีโคลนไม่ใช่เลือดผสมล่ะ”
คราวนี้รอนิอัส แบล็กถามบ้างหลังจากนั่งฟังเพื่อนพูดคุยกัน
“ยัยนั่นอ่านนิยายของมักเกิ้ลแบล็ก!” มัลฟอยคำรามตอบ “มันเป็นเลือดสีโคลนแน่!”
“เบาเสียงหน่อยมัลฟอย
นายจะทำให้บ้านเราถูกหักคะแนนตั้งแต่วันแรก”
ทอมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดพร้อมดวงตาที่ลุกโชน ทุกคนเห็นเช่นนั้นต่างพร้อมกันหยุดพูดคุยทันที
ต่างคนต่างสนใจแต่การคัดสรรของปีหนึ่งซึ่งนักเรียนเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
ขณะนักเรียนปีหนึ่งเข้ามาบ้านสลิธีรินไม่มากนัก ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเด็กชาย
บ้านสลิธีรินค่อนข้างเรียกได้ว่าขาดแคลนนักเรียนหญิงมากกว่าบ้านอื่นๆ
อาจเป็นเพราะในยุคสมัยนี้ที่ตระกูลเลือดบริสุทธิ์เริ่มมีลูกกันน้อยลง
เมื่อคนแรกเป็นลูกชายไว้สืบสกุล คนในตระกูลก็มักจะไม่มีลูกอีก
ทอมไม่สนใจว่าทำไมแต่นั่นทำให้เขาค่อนข้างเสียเปรียบขณะที่บ้านกริฟฟินดอร์มีนักเรียนเข้ามาใหม่มากมายและคละกันไปทั้งนักเรียนชายและหญิง
ผู้หญิงมักจะเชื่อฟังมากกว่าผู้ชายและพวกหล่อนมีทุกวิธีทางที่จะทำให้ตนเองเอาตัวรอดได้มากกว่าผู้ชายเพราะนักเรียนชายโดยเฉพาะวัยรุ่นก็มักจะหัวรั้นและดื้อดึง
ไม่สนใจจะฟังคำสั่งเสียเท่าไร
นอกจากนี้ยังชอบพาตนเองไปเสี่ยงอันตรายยิ่งกว่านักเรียนหญิง เขาเคยเกือบถูกดัมเบิลดอร์หาหลักฐานมามัดตัวให้ไล่เขาออกได้เมื่อไม่กี่ปีก่อนหลังจากที่คนอื่นๆ
ในกลุ่มของเขาหาเรื่องทำร้ายนักเรียนบ้านสิงโตจนบาดเจ็บสาหัสและดัมเบิลดอร์ก็ซักทอดมาถึงเขา
โชคดีที่ดิพพิทหลอกง่ายจนเขารอดตัวไปได้
เขาต้องการคนเข้าสมาคมลับมากกว่านี้
ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะสามารถใช้ทำงานที่ผู้ชายทำไม่ได้
อีกอย่างแผนของเขาต้องเริ่มเสียที…
ความคิดเห็น