คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เทคนิค1: รู้ตัวเอง --> เริ่มเมื่อไหร่? เริ่มยังไง? (100%แล้วค่ะ)
ขอโทษนะคะ ที่ไม่ได้เขียนต่อนานเลย เพราะช่วงนี้มีเรียนตอนเช้า+ไปเที่ยว แต่ถ้ามีเวลาว่างก็จะมาเขียนต่อค่ะ เพราะคาดว่าเปิดเทอมน่าจะยุ่งกว่านี้ อีกอย่าง ตอนนี้ความจำยังดีอยู่ 55
วันนี้พี่เริ่มเรียนฝรั่งเศส น้องรู้เปล่าว่าภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ไพเราะมากเลยนะ ถ้าอยากเรียน มาเป็นรุ่นน้องพี่ให้ได้ล่ะ สู้ๆ
สำหรับบทนี้ พี่จะพูดถึงการเตรียมตัวขั้นแรก ก่อนอื่น เมื่อน้องรู้ว่าอยากเข้าเตรียมแล้ว น้องอาจจะถามตัวเองว่า เราควรจะเริ่มเมื่อไหร่ดีล่ะ ตอนนี้เร็วไป?/สายไป?หรือเปล่านะ เริ่มยังไงดี พี่มีคำแนะนำค่ะ
ก่อนอื่นเลย พี่ขอบอกน้องๆทุกคนว่า ระยะเวลาของการเตรียมตัวของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ไม่มีใครมาบอกน้องได้ว่าเท่าไหร่ของน้องกำลังดี น้องต้องรู้ตัวเอง เพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างซึ่งเดี๋ยวพี่บอกปัจจัยหลักๆให้ แล้วน้องลองไปวิเคราะห์ตัวเองดูนะคะ
1. พื้นฐานความรู้ของน้อง
ถ้าใครพื้นฐานดีอยู่แล้ว อาจใช้เวลาทบทวนเตรียมตัวแค่1เดือนเท่านั้น เคยเห็นเปล่า บางคนมาสอบเล่นๆก็ติด- - ในขณะที่บางคน พื้นฐานไม่ดี อันนี้ก็ต้องมาฟื้นฟูกันนานหน่อย แต่ก็ไม่ต้องหมดกำลังใจนะคะ เมื่อก่อนพื้นฐานภาษาไทยพี่ก็ไม่ดี เมื่อก่อนพี่อ่อนไทยมากอะ พยัญชนะวรรค กลอน ไม่รู้เรื่องเลย เพิ่งมาเรียนเนื้อหาใหม่หมดตอนม.3เทอม2(ขอขอบคุณครูลำพูนมากค่ะ) แล้วก็ทำโจทย์ๆๆ ตอนนี้พี่รักภาษาไทยแล้วค่ะ
2. ระดับสติปัญญาของน้อง
เคยสังเกตไหม บางทีเราฟังครูสอนในห้อง ตั้งใจฟังก็แล้ว กลับมาทวนก็แล้ว ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ในขณะที่เพื่อนของน้องฟังไปคุยไปยังรู้เรื่อง และสอบได้คะแนนดีกว่าน้อง ก็เพราะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสติปัญญาค่ะ พูดง่ายๆก็คือ เพื่อนของน้องเขา"หัวไว"นั่นเอง คือเข้าใจอะไรง่าย ความจำดี เป็นต้น ใครเป็นแบบนี้ก็โชคดีไป แต่ต้องระวังอย่าประมาทเด็ดขาด ย้ำ อย่าประมาทเด็ดขาดค่ะ!
สำหรับคนที่หัวไม่ดี(เช่นพี่เป็นต้น-*-) จะว่าเสียเปรียบไหม พี่คิดว่าไม่ เพียงแต่น้องจะต้องเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้นเองนะคะ เช่นเพื่อนเขาทวนกัน2รอบ น้องอาจต้องทวน7รอบ เพื่อนเขาทำข้อสอบกัน500ข้อ น้องอาจต้องทำข้อสอบ1000ข้อจึงจะแม่นยำ สำคัญคือน้องต้องรู้ตัวเองค่ะ แล้วก็ไม่ท้อแท้ ข้อดีของคนประเภทนี้คือ จะมีความอดทนสูง แล้วก็รู้คุณค่าถึงความพยายามและความสำเร็จที่กว่าจะได้มานั้นแสนเหนื่อย
3. ความถึก, ความกล้า, กำลังใจ+แรงขับเคลื่อน (อันนี้สำคัญสุด)
ข้อ3นี้จะเหมือนน้ำมันเครื่อง ใครเครื่องแรงก็ไปได้เร็ว ใครเครื่องเอื่อยก็จะโดนแซง ต่อให้น้องพื้นฐานแย่ หัวไม่ดีขนาดไหน ถ้าน้องมีกำลังใจและฮึดสู้ซะอย่าง ไม่มีอะไรมาขวางน้องได้แน่นอนค่ะ เคยเห็นไหม บางคนเพิ่งมาเตรียมตัวเดือนมีนาเดือนเดียว แบบเรียนทั้งวัน อ่านหนังสือทั้งคืน แล้วก็แซงคนอื่นทางโค้ง คนพวกนี้เขาทำได้ก็เพราะเขามีกำลังใจดี เครื่องแรง (แต่พี่ไม่แนะนำแบบนี้นะ มันอันตรายค่ะ)
ส่วนความกล้าที่พี่พูดถึงนั้น คือความกล้าที่จะทำตามความฝันตัวเอง ก่อนพี่สอบเตรียม เพื่อนพี่หลายคนก็บอกว่าเขาไม่เอาด้วยหรอก มันเป็นไปไม่ได้ คนสอบเยอะขนาดนั้น ข้อสอบคงยากน่าดู หยุดฝันได้แล้ว ถ้าพี่หรือคนอื่นๆคิดอย่างงั้นก็คงไม่ไปสอบกัน แล้วก็ไม่ได้มานั่งเขียนบทความนี้ให้น้องอ่าน จริงไหม ขจัดความกลัวออกไปซะ ถ้ากลัวก็ไม่ต้องมาสอบ จะกลัวหรือกังวลน่ะไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นธรรมดา พี่ก็เป็น แต่อย่ากลัวจนไม่มีสมาธิอ่านหังสือ หรือเครียด เพราะความกลัว นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว ยังเกิดความโทษอีกด้วย มันลดประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือของเรา ทำลายเวลาของเรา etc.
จำไว้ว่า"สอบไม่ติด ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัว คือ'การกลัว'สอบไม่ติด เพราะความกลัวจะทำให้เราไม่เหลือ 'หัวใจนักสู้'" (จากครูสมศรี)
พูดเรื่องความกล้ากันซะยาว เพราะมันสำคัญและเป็นอุปสรรคกับหลายๆคน ที่จะบอกก็คือ จงกล้าที่จะกำหนดชีวิตของตัวเอง สอบไม่ติดไม่เป็นไร ทำให้ดีที่สุดก็พอ จะได้ไม่มานึกเสียดายทีหลังไง จริงไหมคะ
4. ความสม่ำเสมอ (ข้อนี้สำคัญไม่แพ้ข้อ3)
ที่พี่บอกว่าสำคัญไม่แพ้ข้อ3คืออะไร น้องเคยเป็นไหม แบบวันนึงเกิดรู้สึกอยากเข้าเตรียมมากก อ่านหนังสือ ทำข้อสอบ ได้หลายชั่วโมงเลย แต่พออีกวันนึง ไม่อยากแม่แต่จะเปิดหนังสือ หรือคิดว่า ค่อยเริ่มพรุ่งนี้ก็ได้ เข้าใจใช่ไหมว่าความสม่ำเสมอเนี่ยมันสำคัญยังไง สมมุติน้องอ่านหนังสือทุกวันติดต่อกัน1สัปดาห์ มาทำข้อสอบ ก็ท้อแท้ว่าทำไมคะแนนมันเน่ายังงี้ เราอุตส่าห์อ่านหนังสือทุกวันเลยนะ ก็พื้นฐานน้องไม่ดี อยู่ๆจะเห็นผลชัดเจนได้อย่างไร ของแบบนี้มันต้องสะสมอะน้อง อย่าไปหวังว่าคะแนนต้องพุ่งพรวดๆๆ น้องรู้ไหม ก่อนสอบพี่ทำโจทย์มาหลายพันข้อเลยนะ พี่ทำได้เพราะพี่สนุกและเพลิดเพลินกับมัน พี่นับคะแนนทุกครั้งแต่ก็ไม่ได้เก็บมันมาคิดบั่นทอนกำลังใจพี่ (ถ้าพี่เก็บมาคิดนะพี่คงจะท้อแท้ เพราะคะแนนเน่ามาก55)
สรุปก็คือน้องอย่าหักโหมอ่านแค่ไม่กี่วันแล้วก็เลิกไปเลย สู้น้องอ่านวันละ2ชมแบบไม่เครียดไปเรื่อยๆดีกว่า อย่าท้อแท้ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น ล้อเล่นนะ55 "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จที่นั่น" ความสำเร็จที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงสอบติดนะ คือถ้าน้องอ่านหนังสือ+ทำข้อสอบอย่างสม่ำเสมอแล้วเนี่ย ยังไงก็มีประโยชน์อยู่แล้ว ไม่ว่าน้องจะไปอยู่ที่ไหน น้องก็จะมีความรู้ดี มีความอดทน etc.
นี่แหละปัจจัยหลักๆ น้องลองประเมินตัวเองดูนะว่ามีแต่ละข้อมากขนาดไหน แล้วก็เอามารวมกับสิ่งที่พี่จะแนะนำต่อไปนี้ ซึ่งขอบอกไว้ก่อนว่า เป็นความเห็นของพี่แต่เพียงผู้เดียว น้องอาจไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไรนะ เพราะอย่างที่บอกไว้ในตอนแรก น้องจะรู้ตัวเองดีที่สุดค่ะ
ถ้าตอนนี้น้องอยู่ม.1 (แบบสอบเข้าม.1ได้ก็อยากเข้าเตรียมต่อ-*- 55+)
นับเป็นเรื่องดีที่น้องรู้ตัวตั้งแต่ตอนนี้ น้องอยากจะเริ่มอ่านหนังสือเลยก็ไม่ผิดแต่อย่างๆใดค่ะ แต่พี่ยังไม่แนะนำให้น้องเรียนพิเศษตามพวกพี่ๆนะ เรียนพิเศษเป็นเหมือนเส้นทางลัด พี่ว่าถ้าน้องเตรียมตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ น้องก็เข้าเตรียมได้แบบสบายๆ ไม่ต้องเรียนพิเศษเลย สำคัญคือ น้องอย่าจริงจังเกินไปนะคะ ใช้ชีวิตวัยเด็กให้เต็มที่(ก่อนที่จะไม่มีโอกาส เวลาผ่านไปเร็วนะน้อง) แล้วก็ตั้งใจเรียนทุกวิชา ไม่ใช่ว่า พอคิดว่าจะเข้าสายศิลป์แล้วก็ทิ้งวิทยาศาสตร์ กับคณิตศาสตร์ เพราะอะไรก็ไม่แน่นอน น้องอาจจะเปลี่ยนใจทีหลังได้ (ตอนแรกพี่ก็นึกว่าตัวเองจะเรียนสายวิทย์)
สั้นๆ ง่ายๆ คือถ้าตอนนี้น้องอยู่ม.1แล้วอยากเข้าเตรียม ก็เตรียมตัวแบบชิวๆไป รักษาความขยันในห้องไว้ อย่าลืมไปเที่ยว/เล่นกับเพื่อนด้วยล่ะ
ถ้าตอนนี้น้องอยู่ม.2
ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ พี่คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่กำลังดีเลยล่ะ ตอนนี้น้องก็ลองไปศึกษาสายต่างๆ ดูว่าตัวเองสนใจด้านไหน สนใจจะประกอบอาชีพอะไรในอนาคต แล้วก็ลองดูว่าตัวเองจะเข้าสายอะไร(ดูในบท2-3) น้องก็เริ่มอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ น้องอาจจะเรียนพิเศษก็แล้วแต่น้อง แต่พี่ไม่แนะนำให้น้องเรียนเยอะจนเกินไป เพราะตอนม.3น้องอาจจะลืม เหอๆ น้องยังมีเวลา ก็อาจจะทำสรุปของตัวเองก็ได้ มันช่วยให้น้องเข้าใจมากขึ้นนะ คือไม่ได้มานั่งลอกตามหนังสือ แต่ว่าอ่านให้เข้าใจ แล้วก็มาสรุปเป็นภาษาเราเอง ตอนก่อนสอบพี่ก็ทำ ทำวิชาเดียวคือภาษาอังกฤษ ตอนมาอ่านทวนก็อ่านสรุปเรานั่นแหละ
ถ้าตอนนี้น้องอยู่ม.3
พี่ขอนั่งยัน ยืนยัน ว่ายังไม่สายเกินไปค่ะ เพียงแต่ว่าน้องต้องจริงจังและขยันหน่อยนะคะ แต่อย่าเครียดนะคะ ตอนนี้น้องควรจะมีเป้าหมายแน่ชัดว่าตัวเองจะเป็นอะไร จะเรียนสายไหน เมื่อน้องรู้แล้ว พี่ก็ขอแนะนำให้น้องทำตารางเวลาอ่านหนังสือเพื่อให้การเตรียมตัวของน้องมีประสิทธิภาพที่สุด(ดูบทที่10เร็วๆนี้^^) แล้วน้องคนไหนที่อยากเรียนพิเศษ ก็ควรจะเริ่มหาที่เรียนพิเศษได้แล้ว เพราะที่ไหนที่ดังๆจะเต็มเร็วค่ะ(ดูบทที่9เร็วๆนี้ค่ะ) ในปีนี้ น้องอาจจะลดหรือกิจกรรมบางอย่างออกก่อน เช่นเมื่อก่อนพี่มีเรียน เปียโน ขี่ม้าบาสเก็ตบอล แบดมินตัน ว่ายน้ำ(พี่เป็นพวกบ้าออกกำลังกาย-*-) ในวันธรรมดาและเสาร์/อาทิตย์ ซึ่งมันทำให้เวลาอ่านหนังสือของพี่เหลือน้อยนิด พี่จึงตัดกิจกรรมดังกล่าว จากซ้อม4วันต่อสัปดาห์ก็เหลือวันเดียว เป็นต้น เมื่อสอบเสร็จพี่จึงกลับมาฟิตซ้อมใหม่ น้องก็ลองๆจัดดูแล้วกันนะคะ แต่กิจกรรมไหนที่เราทำแล้วมีความสุข/ผ่อนคลายก็ควรจะคงไว้ ในปริมาณที่เหมาะสมค่ะ แต่พวกทีวีหรือinternet msn และเกมส์ต่างๆ พี่ว่าควรลดอย่างยิ่ง - -
พี่ขอเตือนไว้นิดหนึ่งนะคะ ** ไม่ว่าน้องจะอยากเข้าเตรียมขนาดไหน จะขยันมากเท่าไหร่ อย่าลืมหน้าที่หลักในโรงเรียนนะคะ เวลามีงานกลุ่มหรือโครงงานต่างๆก็ต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่นะ อย่าผลักภาระให้ผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเราค่ะ**
โปรดติดตาม การทำตารางเวลาอ่านหนังสือในบทที่10เร็วๆนี้ค่ะ
ความคิดเห็น