ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #56 : Chapter 42 | The Movie : Phantom Rouge (II)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.72K
      302
      15 เม.ย. 63

     

    Chapter 42

    The Movie : Phantom Rouge (II)

     

     

    เด็กคนนั้นเหมือนคุเรฮะมาก

    คิ้วของเด็กสาวมุ่นเข้าหากัน น้ำเสียงของคุราปิก้าจริงจังจนบรรยากาศในห้องเงียบไปหมด ทุกสายตาหันมามองเธอด้วยความสงสัย กอร์นทวนซ้ำ “คุเรฮะน่ะเหรอ?”

    บางที นั่นอาจเป็นเหมือนไพโรก็ได้” คิรัวร์กอดอก สันนิษฐานในหัววิ่งแล่นเร็วจี๋ “ถ้าคุราปิก้าคิดว่านั่นเป็นไพโรตัวปลอม แสดงว่าเด็กที่เห็นอาจเป็นตัวปลอมเหมือนกัน”

    ไหนจะผู้ชายที่มีรอยสักแมงมุมหมายเลข 4 นั่นอีก

    ดวงตาสีฟ้าครามจ้องเขม็ง

    ปัญหาคือ ทำไมศัตรูถึงรู้จักคุเรฮะ...ตอนเด็ก?”

    มีคนที่รอยสักแมงมุมอยู่ด้วย หรือว่าจะเป็นสมาชิกคนใหม่แทนที่เจ้าฮิโซกะ!?” เลโอลีโอทำหน้าแตกตื่น

    ไม่มีทาง ฮิโซกะเพิ่งออกจากแก๊งมาแถมคุโรโร่ก็ยังแยกตัวออกห่าง แมงมุมที่ไร้หัวไม่มีทางหาสมาชิกใหม่ได้เร็วขนาดนั้น” อดีตมือสังหารคราวน์ยกมือปิดใบหน้าครึ่งล่าง ครุ่นคิดตามนิสัยที่ชอบทำ

    ดวงตาสีแดงเสี้ยวหรี่ลง

    แต่...ตอนอยู่ที่รังแมงมุม พวกนั้นเคยบอกว่ารู้จักกับฉันตอนยังเป็นเด็ก”

     

    รอยสักหมายเลข 4

    ไพโรตัวปลอม

    คุเรฮะในอดีตกับกองโจรเงามายา

     

    หรือว่า...”

    ฉันเข้าเปลี่ยนตัวกับสมาชิกหมายเลข 4 คนเก่าเมื่อราว 2-3 ปีมาแล้ว’

    คำพูดของฮิโซกะตอนแลกเปลี่ยนข้อมูลกันก่อนออกไปล่าแมงมุมจอมบ้าพลังอุโบกินผุดขึ้นมา

    คุราปิก้าชะงึกงัน พึมพำแผ่วเบาแต่ชัดเจน

     

    อดีตแมงมุมหมายเลข 4”

     

    -----

     

    <เขตโคโทเรีย>

    นั่นคือข้อมูลที่หามาได้จากเว็บเฉพาะฮันเตอร์ รายละเอียดทางภูมิศาสตร์ที่กรอกค้นหาผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ดีที่เลโอลีโอจดเบาะแสจากปากคุราปิก้าแล้ววาดออกมาเป็นรูปคร่าว ๆ ให้ก่อนแล้ว

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเยอะอยู่ดี

    ขนาดจำกัดเฉพาะในเขตพื้นที่ปัจจุบันแล้วนะเนี่ย

    อย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่าสถานที่ที่คุราปิก้าเห็นอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาจริง ๆ -- คุเรฮะเอนหลังพิงเก้าอี้ ยกขาพาดกับโต๊ะสูงพลางหลับตางีบในมุมด้านใน สองมือประสานกันบนหน้าตัก

    ยกหน้าที่ค้นหาให้พวกกอร์นกับคิรัวร์ กำลังมุดหัวส่องข้อมูลในร้านคอมสาธารณะจริงจังเลยนั่น ลืมตาขึ้นมาอีกทีเมื่อรู้สึกว่ามือใครสักคนยื่นมาลูบหัวแปะ ๆ

    ดวงตากลมสีเปลือกไม้ยิ้มหยี กอร์นหัวเราะร่า

    นึกถึงคุเรฮะตอนสอบฮันเตอร์ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้สิ ตอนนั้นน่ะแทบจะหลับตลอดเวลาด้วยซ้ำไป”

    วิ่งไปหลับไปก็ทำมาแล้ว ความสามารถพิเศษที่ไม่มีใครเทียบเทียมนอกจากสัตว์มายาที่หลับติดอันดับโลก ใครผ่านมาเห็นต้องทำหน้าเอ๋อกันเก้าในสิบ

    คิรัวร์ทำหน้าหน่าย แกล้งยกแขนพาดพนักเก้าอี้ให้คนนอนหน้าหงายเล่น คนที่หลุดทำหน้าสะเดิดมองเจ้าแมวขนฟูฟ่องหน้าปลาตาย มีส่งยิ้มสะใจมาให้อีกต่างหาก

    อย่านะ อย่าเผลอเชียว จะเอาให้ร้อง

    เหอะ ตอนนั้นวิ่งวุ่นกันไปหมด คนอาไร๊ หลับจนกลิ้งตกเหว!”

    เลโอลีโอพยักหน้าร่วมกับคนผมขาวเงิน “ขนาดคุราปิก้าจับเสื้อโค้ทไว้แล้วยังอุตส่าห์หลุดพรืดลงไปได้ เชื่อเขาเลย”

    อะไรเล่า

    ทำไมจู่ ๆ ต้องพร้อมใจนึกถึงเรื่องในวันวานแล้วทำหน้ายิ้มอ่อนแบบนั้นกัน ความสามารถพิเศษในการหลับได้ทุกที่ของเธอมันน่าแปลกใจตรงไหน

     

    (จริง ๆ ก็ทุกตรง...)

     

    เห็นนะเจ้าคนเปิดประเด็น ไม่ต้องมาทำกลั้นหัวเราะจนหน้าเขียวเลยกอร์น

    เด็กสาวผู้เปลี่ยนไปจากตอนสอบฮันเตอร์แค่สีผมกับงีบน้อยลงกลายเป็นเป้านิ่ง คุเรฮะเหม่อมองเพดานร้านคอม ครุ่นคิดกับตัวเองว่าความเกรงขามกับชื่อคราวน์ในตอนแรกมันหายไปไหนหมดนะ -- กอร์นลูบเหม่งพรืด คิรัวร์เกาคางหยอกเย้า เลโอลีโอหัวเราะตบบ่าดังปึก ๆ ขำขันกันใหญ่

    จนคุเรฮะเลื่อนสายตาปลาตายมามองช้า ๆ แผ่บรรยากาศเหมือนหนังเฮอเร่อหลอกผีนั่นแหละ ถึงพากันร้องอุ้ย แล้วคุยเรื่องตามหาดวงตาคุราปิก้ากันต่อ

     

    ให้มันได้อย่างนี้สิ

     

    ทิวทัศน์ของภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าไม้กระจายอยู่รอบสายตา ก้อนเมฆสีขาวแบ่งกันออกเป็นชั้นสบายตา พวกเขาสูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด มองภาพด้านล่างจากบนยอดเขา

    เลโอลีโอก็อยากจะมาช่วยตามหาด้วย แต่ติดที่ว่าเขาเหมาะจะดูแลคนเจ็บมากกว่าเลยอดไป

    เพื่อไม่ให้เสียเวลา การแยกย้ายไปตามจุดต่าง ๆ คือวิธีที่เร็วที่สุดในตอนนี้

    คุเรฮะกระชับถุงมือหนัง คิรัวณ์ยืดกล้ามเนื้อแขน มองกอร์นชี้ไปตรงจุดนึงห่างออกไปหลายกิโล เป็นเมืองเล็ก ๆ ท่ามกลางป่าเขาในระแวกนี้ที่ใกล้ที่สุด

    นัดเจอกันอีกทีตอนสามทุ่มที่หอนาฬิกากลางเมือง

    กอร์นกับคิรัวร์พากันหันมามองหน้าเธอ ทำท่าอยากจะพูดอะไรสักอย่าง คำพูดอีกประโยคนึงทิ้งท้ายของคุราปิก้ายังคงวนเวียนอยู่ในความคิดพวกเขาไม่หยุด

     

    ฉันเห็นเด็กผู้หญิงที่เหมือนคุเรฮะกับใครอีกคนนึงในห้องนั้น’

    เป็นผู้ชาย...ผมสีดำปลายแดง’

     

    นั่นอาจเป็นคราวน์สายหลัก

     

    ดวงตาสองคู่ต่างสีมองเด็กสาวตรงหน้า คุเรฮะกำลังรวบผมยาวสีดำปลายแดงขึ้นสูงด้วยยางมัดผม ท้ายทอยสีขาวซีดโผล่วับแวบหลังจากเธอปล่อยผมมาได้สักพักนึงจากเมืองยอร์คชิน

    เสื้อแขนยาวเปลี่ยนเป็นแขนกุดมีฮู๊ด แขนที่มีรอยแผลเป็นเบาบางถูกปิดทับด้วยปลอกแขนกึ่งถุงมือเปิดปลายนิ้ว

    คำถามผุดยุกยิก เป็นผู้หญิงแท้ ๆ ผมก็ยาวแถมยังใส่ขาสั้นอีก แต่ทำไมท่าทางบางอย่างมันราวกับพวกเขากำลังมองผู้ชายที่มีเสน่ห์กว่าตัวเองเลยเล่า!

    คิรัวร์กอดคอกับกอร์น กดตุ่มไม่ยุติธรรมให้กับสิ่งนี้!

    คุเรฮะเองก็คงคิดถึงคำพูดคุราปิก้าไม่ต่างกัน ก่อนจะกะพริบตาปริบ หันมาเลิกคิ้วมองท่าทางประหลาดของทั้งสองคนอย่างแปลกใจ

    ยังไม่แยกย้ายกันอีก?”

    คุเรฮะ... ผู้ชายอีกคนที่คุราปิก้าเห็นน่ะ ถ้าเป็นคราวน์จริง ๆ เธอจะทำยังไงเหรอ” กอร์นเอ่ย ผมสีดำปลิวไปกับสายลมจาง ๆ ถึงจะไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไงเพราะมีแค่คุราปิก้าที่เห็น แต่คราวน์ที่ได้ยินมาก็ไม่น่าวางใจทั้งนั้น

    และถ้าคน ๆ นั้นอยู่ฝั่งศัตรูจริง บางทีคุเรฮะอาจ—

     

    เป็นห่วง?”

    ฮื่อ เป็นห่วง”

     

    ดวงตากลมจริงจังจ้องสบตา คิรัวร์กอดอกสะบัดหน้าหัน กอร์นน่ะมันสายพุ่งชนตรง ๆ ต่างจากเขาเยอะ “เหอะ! ไม่เป็นห่วงเธอจะให้ห่วงงูที่ไหนล่ะ”

    นัยน์ตาคมอ่อนลง

    ถ้าห่วงฉัน อย่าเอาตัวไปเสี่ยง”

    ด้านหลังพวกคนขี้กังวลอีกไม่กี่ก้าวจะเป็นทางลาดยาว เหมาะที่จะสไลด์ตัวลงเนินเขาไปมากกว่าวิ่ง ดวงตาคุเรฮะมีประกายวาบฉับพลัน ยกยิ้มมุมปากขึ้น

    ยื่นมือออกไป ยืดแก้มที่มีสีแดงริ้วคนละข้างอย่างมันเขี้ยว

    ไปได้แล้ว”

     

    ผลั่ก!

     

    ยกมืออุดหูไว้ทัน แต่ก็ยังได้ยินเสียงกรี๊ดของสองหมาแมวชัดแจ๋ว

    นู่นเลย สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น

     

    -----

     

    สีเทียนไม่กี่สีขีดเขียนลงบนกระดาษขาว กอร์นใช้มันออกตามหาสถานที่ที่คุราปิก้าเห็นไปตามเมืองเล็ก ๆ สอบถามกับคนในท้องที่ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

    ร่างของเด็กชายกระโดดไปตามหลังคาบ้านอย่างคล่องแคล่ว การฝึกที่ได้รับมาจากประสบการณ์ไม่กี่เดือนส่งผลให้ตัวเขาเบาลงเยอะ โผล่ไปนู่นวิ่งไปนี่ได้เร็วกว่าที่เคย

    มือคว้าเสาธงบนยอดสูงเป็นที่ยึด เอียงตัวมองวิวด้านล่างด้วยใบหน้ายู่ลง

    เอ...ที่นี่ก็ไม่น่าใช่แฮะ”

    เสียงปรบมือฮือฮาดังแว่วมา

    ดวงตากลมฉายแววฉงน กลุ่มคนมุงดูอะไรบางอย่างด้านล่างดึงดูดความสนใจเขาไม่น้อย ก่อนจะกระโดดลงไป วิ่งเข้าหาต้นเหตุตามประสาคนชอบอะไรแปลกใหม่

     

    นั่นทำให้เขาพบกับ เรทซ์

     

    เด็กชาย อายุไล่เลี่ยกันผู้เร่ทำการแสดงเชิดหุ่นในตัวเมือง รูปร่างผอมบาง ผิวขาวสว่างสวมชุดเอี๊ยมกางเกงขายาวทับด้วยเสื้อยืดพื้น ๆ ผมสีบลอนด์อ่อนม้วนเก็บใต้หมวกไหมพรม

    เกิดเรื่องไม่คาดฝันทำให้กอร์นเข้าไปช่วยเรทซ์กับเด็กหญิงอีกคนนึงจากอุบัติม้าลากเกวียน เด็กนักเชิดหุ่นเข้าไปกอดปกป้องเด็กตัวเล็กกว่าไว้ ส่วนกอร์นเข้าไปดึงทั้งคู่มาอยู่ในรัศมีปลอดภัยได้อย่างทันท่วงที

    คราแรกที่พูดคุยทำความรู้จัก กอร์นคิดว่าดวงตาคู่นั้นมีประกายบางอย่างปะปนอยู่ด้วย

     

    สวยเหมือนมีสายรุ้งอยู่ข้างใน

    อ่อนโยน...แต่ก็พิศวงไปพร้อม ๆ กัน

     

    จริงสิ! เรทซ์รู้จักพื้นที่แถวนี้ละเอียดไหม?”

    เอ๊ะ? ก็...น่าจะนะ”

    คือออ ตอนนี้ฉันกำลังหาที่ ๆ นึงอยู่น่ะ” กอร์นล้วงกระเป๋า คว้าภาพวาดด้วยมือออกมา “แท่นแท๊น! รู้จักที่นี่รึเปล่า!!”

    เด็กชายนักเชิดหุ่นมองด้วยแววตาประหลาดใจ

     

     

    พระอาทิตย์เริ่มตกดินอีกครั้ง

     

     

    คุเรฮะละสายตาจากวิวด้านหนึ่งของป่าใกล้เมือง ยืดตัวยืนบนกิ่งไม้สูงลิ่ว อีกไม่กี่ชั่วโมงจะสามทุ่มตามเวลาที่นัดกันไว้ ดวงตาคมสองเฉดสีสะท้อนแสงยามเย็น

    คฤหาสน์หลังโตตั้งอยู่ตรงหน้า ด้านหนึ่งมีสุสานที่ปักด้วยไม้กางเขนเต็มพื้นที่ ใกล้กันมีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน --- ตรงตามที่คุราปิก้าบอกมา เธอเจอมันแล้ว

    แต่ตอนนี้ต้องกลับไปรวมตัวก่อน

    ฉับพลันรูม่านตาหดเล็กลง เธอแผ่จิตสังหารไปที่ด้านหนึ่ง!

    ตึง!!!

    ต้นไม้ที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วิล้มครืน คุเรฮะที่เทเลพอร์ตขึ้นสูงเห็นได้ชัดว่ารัศมีการโจมตีเป็นวงกลมใหญ่ และต้นไม้ในรัศมีที่ว่าล้มลงเหี้ยนจนเปิดเป็นที่โล่ง

    เร็วและคมมาก

    ไม่งั้นการโจมตีรุนแรงนี่คงไม่ไร้เสียงขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเข้ามาใกล้ระยะเอ็นที่กางไว้เธอคงตัวขาดเป็นสองท่อนไปแล้ว!

    ใครกัน! หรือจะเป็นศัตรูที่ชิงตาคุราปิก้าไป!?

    ฟึ่บ! เงาบางอย่างโผล่มาทางด้านหลัง แต่ในด้านความเร็วยังเป็นรอง มีดสั้นตรงที่คาดขาถูกเทเลพอร์ตมาคว้าไว้ เด็กสาวที่กำลังร่วงลงพื้นจากที่สูงหันไปโจมตีทันที

     

    กริ๊ง

     

    คุเรฮะเบิกตากว้าง

    แม้จะได้ยินจากคุราปิก้ามาตามตรงแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะปักใจเชื่อ -- ผมสีดำยาวผูกครึ่งหัวด้วยกระดิ่ง ชุดญี่ปุ่นประยุกต์พลิ้วไหวตามแรงลม เด็กผู้หญิงตัวเล็กหลับตาสนิท กรงเล็บโจมตีตามด้วยกระบวนท่าใส่เธอไม่หยุด

    นี่มัน

     

    ตัวเธอตอน 5 ขวบชัด ๆ!

     

    คุเรฮะชักสีหน้า แม้จะตกใจแต่การเคลื่อนไหวไม่มีแม้แต่สะดุด มือคว้าวัตถุทรงกลมที่คุ้นเคยออกมาจากช่องเก็บอาวุธ สองมือจับปลายวัตถุดึงออกปรากฏเป็นเส้นลวดไร้ที่ติ

    ตวัดมันออกไปอย่างรวดเร็วเกิดเป็นวงลวดสลับซับซ้อน รัดสองข้อมือเล็กรวบติดกัน ก่อนจะกระชากเข้าหาตัว

    อ๊ะ—”

    กรงเล็บแหลมปักทะลุกลางอก

    ใบหน้าไร้ความรู้สึกมองตัวเองในวัยเยาว์ด้วยแววตาอ่านยาก มือเธอทะลุออกไปด้านหลัง สัมผัสได้แต่เนื้อไม้ที่แตกพัง บางส่วนถูกขยี้เป็นผุยผง

    ร่างเล็กกว่าชะงักไปเสี้ยววินาที ทำท่าจะบิดข้อมือเพื่อคลายลวด ขาเตะเข้าหาคนโตกว่าเพื่อสร้างช่องโหว่

     

    แต่ช้าไป

     

    แขนเล็กหักกระจาย ตามด้วยกลางลำตัวถูกลวดตวัดหักเป็นสองท่อน คุเรฮะใช้ขาตัวเองเกี่ยวกระหวัดขาตัวปลอมเข้ามา -- กึก! -- หักมันดังอีกครั้ง

    จนกระทั่งร่วงลงมากระทบพื้นดิน

    คุเรฮะ เอเรอัส คราวน์ วัย 5 ขวบก็แหลกเละ ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย เหลือไว้เพียงส่วนหัวที่กำลังตะแคงบนพื้นขรุขระ เปลือกตาเบิกโพลงขึ้นทำให้เห็นว่าไร้ดวงตา มีแต่ความมืดในนั้น

    เด็กสาวยืนนิ่ง คิ้วมุ่นขมวดใช้ความคิด

     

    แกร๊ก

     

    ใคร!?”

    ดวงตาสีผสมสว่างวาบ พริบตานึงมีสีเลือดเข้มครอบคลุมตาขาวแล้วหายวับไป เสียงเหยียบกิ่งไม้แห้งใกล้เข้ามาในระยะโจมตีได้ แม้รอบตัวจะเริ่มมืดลงเพราะไร้แสงอาทิตย์ แต่ด้วยความสามารถพิเศษของดวงตาสายตระกูลหลัก ความมืดจึงไม่มีปัญหา

    จิตสังหารพุ่งตรงไปยังเบื้องหน้า เอ็นจับสัมผัสของคน ๆ นึงได้

    ร่างสูงของผู้ชายในเงามืดก้าวออกมา

     

     

     

    โตขึ้นเยอะเลยนี่ เรย์”

     

     

     

    กลับกลายเป็นคุเรฮะที่ตะลึงจนเผลอคลายกรงเล็บซะเอง

    เสียงทุ้มฟังชัด ผมสีดำแซมแดงรวบต่ำระรดต้นคอ จอนผมข้างนึงถักเป็นเปียเดียว แม้จะเปลือกตาจะปิดอยู่แต่โครงหน้ากลับเด่นชัดในหลาย ๆ ความหมาย

     

    แปะ

     

    ทำไมกัน...

    ทำไมจู่ ๆ น้ำตาถึงไหลออกมาเยอะขนาดนี้

     

    ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงไม่ขัดขืนอะไรเลยตอนถูกดึงเข้าไปกอด— ร่างเล็กราวกับไร้เรี่ยวแรง จมลงไปกับอ้อมกอดเย็นชืดทั้งน้ำตา สองมือทิ้งลงข้างลำตัวไร้การต่อต้าน

    เขากอดเธอแน่นมาก

    จมูกชิดแผ่นอกกว้าง สูดกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าปอดโดยไม่รู้ตัว

     

    ที่ผ่านมาใช้ได้ดีเลยใช่ไหมล่ะ

    ดวงตาของฉันน่ะ”

     

    รู้ตัวอีกทีความมืดก็กลืนกินทุกอย่างไปหมด

     

    -----

     

    มองไม่เห็นอะไรเลย

    ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยได้สัมผัสกับความมืดขนาดนี้ แม้กลางคืนจะมาเยือนแต่ดวงตาที่มีก็ทำให้มองเห็นทุกอย่างตลอดเวลา แต่นี่มันไม่ใช่ ไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว

    ร่างเล็กตัวสั่นเทา สองมือจิกลึกเปลือกตาที่ว่างเปล่าเอาไว้

    ฉึก!

    รู้ตัวอีกทีก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น เสียงบางอย่างที่แหวกผ่าอากาศมาปักพื้นคงทำให้อ้อมกอดแน่นคลายออก เธอถูกผลักหลบพร้อมกับได้ยินเสียงอาวุธปะทะกัน

    คุเรฮะไม่เคยอ้าปากเปล่งเสียงทรมาณขนาดนี้ สัมผัสที่ไหลผ่านฝ่ามือทำให้รู้ว่าเธอกำลังร้องออกมาทั้งน้ำตา ร่างที่เคยคล่องแคล่วได้ดั่งใจทรุดพิงต้นไม้สักต้น

    ขดตัวเข้าหากัน กอดตัวเองเอาไว้อย่างหมดหนทาง

    เคร้ง!

    ลมสายหนึ่งตีหน้า บางอย่างที่กำลังจะพุ่งเข้ามาหาถูกขัดขวางด้วยการโจมตี ทั้งเสียงกรีดร้อง เสียงต่อสู้ เสียงทุกอย่างรอบตัวผสมปนเปกันไปหมด ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว

     

    อ— อ่อก”

     

    เด็กสาวเริ่มมีอาการชัก นิ้วทั้งสิบหงิกงอ ร่างกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้

    ทุกอย่างที่กำลังดำเนินอยู่หยุดชะงักพร้อมกัน ดวงตาสองคู่หันขวับ ฮิโซกะปลดบันจี้บัมที่ยึดอาวุธอีกฝ่ายออก พุ่งตรงไปที่ร่างที่กำลังอาเจียนออกมา

    สลีปปี้!”

    ชายหนุ่มอีกคนก็ทำท่าจะเคลื่อนตัวเข้าไปหาไม่ต่างกัน เขารู้ดีว่าหากเด็กคนนั้นเครียดจนถึงขีดสุดจะเกิดอะไรขึ้น แต่เผลอหยุดชะงักเมื่อเท้าถูกบางอย่างยึดเอาไว้แน่น

    ข้อมือของหุ่นที่หักพังติดด้วยเน็นสายเปลี่ยนแปลงตรึงข้อเท้าเขาเอาไว้ อาวุธชิ้นยาวในมือตวัดทำลายมันทิ้งโดยไม่ต้องคิด แต่เมื่อหันกลับมา—

    ร่างของเด็กที่อยากกอดให้นานกว่านี้ก็หายไปแล้ว

     

    ไอ้ตัวตลกเวร!

     

    พ-พี่คะ”

    เสียงเล็กคล้ายสะอื้นดังออกมาหัวทุยเล็ก ๆ ที่เหลืออยู่ เปลือกตาเบิกโพลงไร้ดวงตาที่ควรมี ข้อมืออีกข้างที่เหลือแต่ซากพยายามจิกพื้นหญ้าเคลื่อนเข้ามาหา

    ดวงตาสีแดงเสี้ยววาวโรจน์ เหลือบมองของไร้ประโยชน์ไม่ต่างจากมดปลวก

    กร๊อบ— เท้าเหยียบซ้ำ ขยี้จนไม่อาจเปล่งเสียงร้องได้อีก

     

    หนวกหู”

     

    ไอ้หมอนั่นยังเก็บรายละเอียดได้ห่วยแตกเหมือนเคย

    ร่างสูงมองผลงานที่ผิดพลาดจากน้ำมือคนสร้าง ผมสีดำแซมแดงปลิวสะบัดจากแรงลม ต้นไม้ตรงนี้เปิดโล่งเพราะเผลอกะแรงตอนเหวี่ยงแส้ผิดไปหน่อย แย่จริง

    เขาเดินออกไป ทิ้งหุ่นไร้ดวงตาที่เหลือแต่หัวครึ่งบนไว้ตรงนั้นอย่างไม่ใยดี

     

    น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมา

    ...แล้วค่อย ๆ จางหายไป

     

    __________C H E C K M A T E__________

     

    The Movie : Phantom Rouge (II)

     


     (ไม่ต้องบอกก็คิดว่ารู้กันอยู่แล้วแหละว่านี่คือพี่ชาย ลักษณะมันเด่นชัดขนาดนี้)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×