คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #56 : Chapter 42 | The Movie : Phantom Rouge (II)
Chapter 42
The Movie :
Phantom Rouge (II)
เด็กคนนั้นเหมือนคุเรฮะมาก
คิ้วของเด็กสาวมุ่นเข้าหากัน
น้ำเสียงของคุราปิก้าจริงจังจนบรรยากาศในห้องเงียบไปหมด
ทุกสายตาหันมามองเธอด้วยความสงสัย กอร์นทวนซ้ำ “คุเรฮะน่ะเหรอ?”
“บางที นั่นอาจเป็นเหมือนไพโรก็ได้” คิรัวร์กอดอก
สันนิษฐานในหัววิ่งแล่นเร็วจี๋ “ถ้าคุราปิก้าคิดว่านั่นเป็นไพโรตัวปลอม
แสดงว่าเด็กที่เห็นอาจเป็นตัวปลอมเหมือนกัน”
ไหนจะผู้ชายที่มีรอยสักแมงมุมหมายเลข
4
นั่นอีก
ดวงตาสีฟ้าครามจ้องเขม็ง
“ปัญหาคือ ทำไมศัตรูถึงรู้จักคุเรฮะ...ตอนเด็ก?”
“มีคนที่รอยสักแมงมุมอยู่ด้วย หรือว่าจะเป็นสมาชิกคนใหม่แทนที่เจ้าฮิโซกะ!?”
เลโอลีโอทำหน้าแตกตื่น
“ไม่มีทาง ฮิโซกะเพิ่งออกจากแก๊งมาแถมคุโรโร่ก็ยังแยกตัวออกห่าง
แมงมุมที่ไร้หัวไม่มีทางหาสมาชิกใหม่ได้เร็วขนาดนั้น”
อดีตมือสังหารคราวน์ยกมือปิดใบหน้าครึ่งล่าง ครุ่นคิดตามนิสัยที่ชอบทำ
—ดวงตาสีแดงเสี้ยวหรี่ลง
“แต่...ตอนอยู่ที่รังแมงมุม พวกนั้นเคยบอกว่ารู้จักกับฉันตอนยังเป็นเด็ก”
รอยสักหมายเลข 4
ไพโรตัวปลอม
คุเรฮะในอดีตกับกองโจรเงามายา
“หรือว่า...”
‘ฉันเข้าเปลี่ยนตัวกับสมาชิกหมายเลข 4 คนเก่าเมื่อราว
2-3 ปีมาแล้ว’
คำพูดของฮิโซกะตอนแลกเปลี่ยนข้อมูลกันก่อนออกไปล่าแมงมุมจอมบ้าพลังอุโบกินผุดขึ้นมา
คุราปิก้าชะงึกงัน
พึมพำแผ่วเบาแต่ชัดเจน
“อดีตแมงมุมหมายเลข 4”
-----
<เขตโคโทเรีย>
นั่นคือข้อมูลที่หามาได้จากเว็บเฉพาะฮันเตอร์
รายละเอียดทางภูมิศาสตร์ที่กรอกค้นหาผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
ดีที่เลโอลีโอจดเบาะแสจากปากคุราปิก้าแล้ววาดออกมาเป็นรูปคร่าว ๆ ให้ก่อนแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเยอะอยู่ดี
ขนาดจำกัดเฉพาะในเขตพื้นที่ปัจจุบันแล้วนะเนี่ย
อย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่าสถานที่ที่คุราปิก้าเห็นอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาจริง
ๆ -- คุเรฮะเอนหลังพิงเก้าอี้ ยกขาพาดกับโต๊ะสูงพลางหลับตางีบในมุมด้านใน
สองมือประสานกันบนหน้าตัก
ยกหน้าที่ค้นหาให้พวกกอร์นกับคิรัวร์
กำลังมุดหัวส่องข้อมูลในร้านคอมสาธารณะจริงจังเลยนั่น
ลืมตาขึ้นมาอีกทีเมื่อรู้สึกว่ามือใครสักคนยื่นมาลูบหัวแปะ ๆ
ดวงตากลมสีเปลือกไม้ยิ้มหยี
กอร์นหัวเราะร่า
“นึกถึงคุเรฮะตอนสอบฮันเตอร์ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้สิ
ตอนนั้นน่ะแทบจะหลับตลอดเวลาด้วยซ้ำไป”
วิ่งไปหลับไปก็ทำมาแล้ว
ความสามารถพิเศษที่ไม่มีใครเทียบเทียมนอกจากสัตว์มายาที่หลับติดอันดับโลก
ใครผ่านมาเห็นต้องทำหน้าเอ๋อกันเก้าในสิบ
คิรัวร์ทำหน้าหน่าย
แกล้งยกแขนพาดพนักเก้าอี้ให้คนนอนหน้าหงายเล่น
คนที่หลุดทำหน้าสะเดิดมองเจ้าแมวขนฟูฟ่องหน้าปลาตาย มีส่งยิ้มสะใจมาให้อีกต่างหาก
อย่านะ
อย่าเผลอเชียว จะเอาให้ร้อง
“เหอะ ตอนนั้นวิ่งวุ่นกันไปหมด คนอาไร๊ หลับจนกลิ้งตกเหว!”
เลโอลีโอพยักหน้าร่วมกับคนผมขาวเงิน
“ขนาดคุราปิก้าจับเสื้อโค้ทไว้แล้วยังอุตส่าห์หลุดพรืดลงไปได้ เชื่อเขาเลย”
อะไรเล่า
ทำไมจู่ ๆ
ต้องพร้อมใจนึกถึงเรื่องในวันวานแล้วทำหน้ายิ้มอ่อนแบบนั้นกัน
ความสามารถพิเศษในการหลับได้ทุกที่ของเธอมันน่าแปลกใจตรงไหน
(จริง ๆ ก็ทุกตรง...)
เห็นนะเจ้าคนเปิดประเด็น
ไม่ต้องมาทำกลั้นหัวเราะจนหน้าเขียวเลยกอร์น
เด็กสาวผู้เปลี่ยนไปจากตอนสอบฮันเตอร์แค่สีผมกับงีบน้อยลงกลายเป็นเป้านิ่ง
คุเรฮะเหม่อมองเพดานร้านคอม
ครุ่นคิดกับตัวเองว่าความเกรงขามกับชื่อคราวน์ในตอนแรกมันหายไปไหนหมดนะ --
กอร์นลูบเหม่งพรืด คิรัวร์เกาคางหยอกเย้า เลโอลีโอหัวเราะตบบ่าดังปึก ๆ
ขำขันกันใหญ่
จนคุเรฮะเลื่อนสายตาปลาตายมามองช้า
ๆ แผ่บรรยากาศเหมือนหนังเฮอเร่อหลอกผีนั่นแหละ ถึงพากันร้องอุ้ย
แล้วคุยเรื่องตามหาดวงตาคุราปิก้ากันต่อ
ให้มันได้อย่างนี้สิ
ทิวทัศน์ของภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าไม้กระจายอยู่รอบสายตา
ก้อนเมฆสีขาวแบ่งกันออกเป็นชั้นสบายตา พวกเขาสูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด
มองภาพด้านล่างจากบนยอดเขา
เลโอลีโอก็อยากจะมาช่วยตามหาด้วย
แต่ติดที่ว่าเขาเหมาะจะดูแลคนเจ็บมากกว่าเลยอดไป
เพื่อไม่ให้เสียเวลา
การแยกย้ายไปตามจุดต่าง ๆ คือวิธีที่เร็วที่สุดในตอนนี้
คุเรฮะกระชับถุงมือหนัง
คิรัวณ์ยืดกล้ามเนื้อแขน มองกอร์นชี้ไปตรงจุดนึงห่างออกไปหลายกิโล เป็นเมืองเล็ก ๆ
ท่ามกลางป่าเขาในระแวกนี้ที่ใกล้ที่สุด
นัดเจอกันอีกทีตอนสามทุ่มที่หอนาฬิกากลางเมือง
กอร์นกับคิรัวร์พากันหันมามองหน้าเธอ
ทำท่าอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
คำพูดอีกประโยคนึงทิ้งท้ายของคุราปิก้ายังคงวนเวียนอยู่ในความคิดพวกเขาไม่หยุด
‘ฉันเห็นเด็กผู้หญิงที่เหมือนคุเรฮะกับใครอีกคนนึงในห้องนั้น’
‘เป็นผู้ชาย...ผมสีดำปลายแดง’
นั่นอาจเป็นคราวน์สายหลัก
ดวงตาสองคู่ต่างสีมองเด็กสาวตรงหน้า
คุเรฮะกำลังรวบผมยาวสีดำปลายแดงขึ้นสูงด้วยยางมัดผม
ท้ายทอยสีขาวซีดโผล่วับแวบหลังจากเธอปล่อยผมมาได้สักพักนึงจากเมืองยอร์คชิน
เสื้อแขนยาวเปลี่ยนเป็นแขนกุดมีฮู๊ด
แขนที่มีรอยแผลเป็นเบาบางถูกปิดทับด้วยปลอกแขนกึ่งถุงมือเปิดปลายนิ้ว
คำถามผุดยุกยิก
เป็นผู้หญิงแท้ ๆ ผมก็ยาวแถมยังใส่ขาสั้นอีก
แต่ทำไมท่าทางบางอย่างมันราวกับพวกเขากำลังมองผู้ชายที่มีเสน่ห์กว่าตัวเองเลยเล่า!
คิรัวร์กอดคอกับกอร์น
กดตุ่มไม่ยุติธรรมให้กับสิ่งนี้!
คุเรฮะเองก็คงคิดถึงคำพูดคุราปิก้าไม่ต่างกัน
ก่อนจะกะพริบตาปริบ หันมาเลิกคิ้วมองท่าทางประหลาดของทั้งสองคนอย่างแปลกใจ
“ยังไม่แยกย้ายกันอีก?”
“คุเรฮะ... ผู้ชายอีกคนที่คุราปิก้าเห็นน่ะ ถ้าเป็นคราวน์จริง ๆ
เธอจะทำยังไงเหรอ” กอร์นเอ่ย ผมสีดำปลิวไปกับสายลมจาง ๆ
ถึงจะไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไงเพราะมีแค่คุราปิก้าที่เห็น
แต่คราวน์ที่ได้ยินมาก็ไม่น่าวางใจทั้งนั้น
และถ้าคน ๆ
นั้นอยู่ฝั่งศัตรูจริง บางทีคุเรฮะอาจ—
“เป็นห่วง?”
“ฮื่อ เป็นห่วง”
ดวงตากลมจริงจังจ้องสบตา
คิรัวร์กอดอกสะบัดหน้าหัน กอร์นน่ะมันสายพุ่งชนตรง ๆ ต่างจากเขาเยอะ “เหอะ!
ไม่เป็นห่วงเธอจะให้ห่วงงูที่ไหนล่ะ”
นัยน์ตาคมอ่อนลง
“ถ้าห่วงฉัน อย่าเอาตัวไปเสี่ยง”
ด้านหลังพวกคนขี้กังวลอีกไม่กี่ก้าวจะเป็นทางลาดยาว
เหมาะที่จะสไลด์ตัวลงเนินเขาไปมากกว่าวิ่ง ดวงตาคุเรฮะมีประกายวาบฉับพลัน
ยกยิ้มมุมปากขึ้น
ยื่นมือออกไป
ยืดแก้มที่มีสีแดงริ้วคนละข้างอย่างมันเขี้ยว
“ไปได้แล้ว”
ผลั่ก!
ยกมืออุดหูไว้ทัน
แต่ก็ยังได้ยินเสียงกรี๊ดของสองหมาแมวชัดแจ๋ว
นู่นเลย สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
-----
สีเทียนไม่กี่สีขีดเขียนลงบนกระดาษขาว
กอร์นใช้มันออกตามหาสถานที่ที่คุราปิก้าเห็นไปตามเมืองเล็ก ๆ
สอบถามกับคนในท้องที่ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
ร่างของเด็กชายกระโดดไปตามหลังคาบ้านอย่างคล่องแคล่ว
การฝึกที่ได้รับมาจากประสบการณ์ไม่กี่เดือนส่งผลให้ตัวเขาเบาลงเยอะ
โผล่ไปนู่นวิ่งไปนี่ได้เร็วกว่าที่เคย
มือคว้าเสาธงบนยอดสูงเป็นที่ยึด
เอียงตัวมองวิวด้านล่างด้วยใบหน้ายู่ลง
“เอ...ที่นี่ก็ไม่น่าใช่แฮะ”
เสียงปรบมือฮือฮาดังแว่วมา
ดวงตากลมฉายแววฉงน
กลุ่มคนมุงดูอะไรบางอย่างด้านล่างดึงดูดความสนใจเขาไม่น้อย ก่อนจะกระโดดลงไป
วิ่งเข้าหาต้นเหตุตามประสาคนชอบอะไรแปลกใหม่
นั่นทำให้เขาพบกับ
เรทซ์
—เด็กชาย อายุไล่เลี่ยกันผู้เร่ทำการแสดงเชิดหุ่นในตัวเมือง รูปร่างผอมบาง
ผิวขาวสว่างสวมชุดเอี๊ยมกางเกงขายาวทับด้วยเสื้อยืดพื้น ๆ
ผมสีบลอนด์อ่อนม้วนเก็บใต้หมวกไหมพรม
เกิดเรื่องไม่คาดฝันทำให้กอร์นเข้าไปช่วยเรทซ์กับเด็กหญิงอีกคนนึงจากอุบัติม้าลากเกวียน
เด็กนักเชิดหุ่นเข้าไปกอดปกป้องเด็กตัวเล็กกว่าไว้
ส่วนกอร์นเข้าไปดึงทั้งคู่มาอยู่ในรัศมีปลอดภัยได้อย่างทันท่วงที
คราแรกที่พูดคุยทำความรู้จัก
กอร์นคิดว่าดวงตาคู่นั้นมีประกายบางอย่างปะปนอยู่ด้วย
สวยเหมือนมีสายรุ้งอยู่ข้างใน
อ่อนโยน...แต่ก็พิศวงไปพร้อม
ๆ กัน
“จริงสิ! เรทซ์รู้จักพื้นที่แถวนี้ละเอียดไหม?”
“เอ๊ะ? ก็...น่าจะนะ”
“คือออ ตอนนี้ฉันกำลังหาที่ ๆ นึงอยู่น่ะ” กอร์นล้วงกระเป๋า
คว้าภาพวาดด้วยมือออกมา “แท่นแท๊น! รู้จักที่นี่รึเปล่า!!”
เด็กชายนักเชิดหุ่นมองด้วยแววตาประหลาดใจ
พระอาทิตย์เริ่มตกดินอีกครั้ง
คุเรฮะละสายตาจากวิวด้านหนึ่งของป่าใกล้เมือง
ยืดตัวยืนบนกิ่งไม้สูงลิ่ว อีกไม่กี่ชั่วโมงจะสามทุ่มตามเวลาที่นัดกันไว้
ดวงตาคมสองเฉดสีสะท้อนแสงยามเย็น
คฤหาสน์หลังโตตั้งอยู่ตรงหน้า
ด้านหนึ่งมีสุสานที่ปักด้วยไม้กางเขนเต็มพื้นที่ ใกล้กันมีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน
--- ตรงตามที่คุราปิก้าบอกมา เธอเจอมันแล้ว
แต่ตอนนี้ต้องกลับไปรวมตัวก่อน
ฉับพลันรูม่านตาหดเล็กลง
เธอแผ่จิตสังหารไปที่ด้านหนึ่ง!
ตึง!!!
ต้นไม้ที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วิล้มครืน
คุเรฮะที่เทเลพอร์ตขึ้นสูงเห็นได้ชัดว่ารัศมีการโจมตีเป็นวงกลมใหญ่
และต้นไม้ในรัศมีที่ว่าล้มลงเหี้ยนจนเปิดเป็นที่โล่ง
เร็วและคมมาก
ไม่งั้นการโจมตีรุนแรงนี่คงไม่ไร้เสียงขนาดนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะมันเข้ามาใกล้ระยะเอ็นที่กางไว้เธอคงตัวขาดเป็นสองท่อนไปแล้ว!
ใครกัน!
หรือจะเป็นศัตรูที่ชิงตาคุราปิก้าไป!?
ฟึ่บ!
—เงาบางอย่างโผล่มาทางด้านหลัง แต่ในด้านความเร็วยังเป็นรอง
มีดสั้นตรงที่คาดขาถูกเทเลพอร์ตมาคว้าไว้
เด็กสาวที่กำลังร่วงลงพื้นจากที่สูงหันไปโจมตีทันที
กริ๊ง
คุเรฮะเบิกตากว้าง
แม้จะได้ยินจากคุราปิก้ามาตามตรงแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะปักใจเชื่อ
-- ผมสีดำยาวผูกครึ่งหัวด้วยกระดิ่ง ชุดญี่ปุ่นประยุกต์พลิ้วไหวตามแรงลม
เด็กผู้หญิงตัวเล็กหลับตาสนิท กรงเล็บโจมตีตามด้วยกระบวนท่าใส่เธอไม่หยุด
นี่มัน
ตัวเธอตอน
5
ขวบชัด ๆ!
คุเรฮะชักสีหน้า
แม้จะตกใจแต่การเคลื่อนไหวไม่มีแม้แต่สะดุด
มือคว้าวัตถุทรงกลมที่คุ้นเคยออกมาจากช่องเก็บอาวุธ
สองมือจับปลายวัตถุดึงออกปรากฏเป็นเส้นลวดไร้ที่ติ
ตวัดมันออกไปอย่างรวดเร็วเกิดเป็นวงลวดสลับซับซ้อน
รัดสองข้อมือเล็กรวบติดกัน ก่อนจะกระชากเข้าหาตัว
“อ๊ะ—”
กรงเล็บแหลมปักทะลุกลางอก
ใบหน้าไร้ความรู้สึกมองตัวเองในวัยเยาว์ด้วยแววตาอ่านยาก
มือเธอทะลุออกไปด้านหลัง สัมผัสได้แต่เนื้อไม้ที่แตกพัง บางส่วนถูกขยี้เป็นผุยผง
ร่างเล็กกว่าชะงักไปเสี้ยววินาที
ทำท่าจะบิดข้อมือเพื่อคลายลวด ขาเตะเข้าหาคนโตกว่าเพื่อสร้างช่องโหว่
แต่ช้าไป
แขนเล็กหักกระจาย
ตามด้วยกลางลำตัวถูกลวดตวัดหักเป็นสองท่อน
คุเรฮะใช้ขาตัวเองเกี่ยวกระหวัดขาตัวปลอมเข้ามา -- กึก! -- หักมันดังอีกครั้ง
จนกระทั่งร่วงลงมากระทบพื้นดิน
คุเรฮะ เอเรอัส
คราวน์ วัย 5 ขวบก็แหลกเละ
ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย เหลือไว้เพียงส่วนหัวที่กำลังตะแคงบนพื้นขรุขระ
เปลือกตาเบิกโพลงขึ้นทำให้เห็นว่าไร้ดวงตา มีแต่ความมืดในนั้น
เด็กสาวยืนนิ่ง
คิ้วมุ่นขมวดใช้ความคิด
แกร๊ก
“ใคร!?”
ดวงตาสีผสมสว่างวาบ
พริบตานึงมีสีเลือดเข้มครอบคลุมตาขาวแล้วหายวับไป
เสียงเหยียบกิ่งไม้แห้งใกล้เข้ามาในระยะโจมตีได้
แม้รอบตัวจะเริ่มมืดลงเพราะไร้แสงอาทิตย์
แต่ด้วยความสามารถพิเศษของดวงตาสายตระกูลหลัก ความมืดจึงไม่มีปัญหา
จิตสังหารพุ่งตรงไปยังเบื้องหน้า
เอ็นจับสัมผัสของคน ๆ นึงได้
ร่างสูงของผู้ชายในเงามืดก้าวออกมา
“โตขึ้นเยอะเลยนี่ เรย์”
กลับกลายเป็นคุเรฮะที่ตะลึงจนเผลอคลายกรงเล็บซะเอง
เสียงทุ้มฟังชัด
ผมสีดำแซมแดงรวบต่ำระรดต้นคอ จอนผมข้างนึงถักเป็นเปียเดียว
แม้จะเปลือกตาจะปิดอยู่แต่โครงหน้ากลับเด่นชัดในหลาย ๆ ความหมาย
แปะ
ทำไมกัน...
ทำไมจู่
ๆ น้ำตาถึงไหลออกมาเยอะขนาดนี้
ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักด้วยซ้ำ
แต่ทำไมถึงไม่ขัดขืนอะไรเลยตอนถูกดึงเข้าไปกอด— ร่างเล็กราวกับไร้เรี่ยวแรง
จมลงไปกับอ้อมกอดเย็นชืดทั้งน้ำตา สองมือทิ้งลงข้างลำตัวไร้การต่อต้าน
เขากอดเธอแน่นมาก
จมูกชิดแผ่นอกกว้าง
สูดกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าปอดโดยไม่รู้ตัว
“ที่ผ่านมาใช้ได้ดีเลยใช่ไหมล่ะ
—ดวงตาของฉันน่ะ”
รู้ตัวอีกทีความมืดก็กลืนกินทุกอย่างไปหมด
-----
มองไม่เห็นอะไรเลย
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยได้สัมผัสกับความมืดขนาดนี้
แม้กลางคืนจะมาเยือนแต่ดวงตาที่มีก็ทำให้มองเห็นทุกอย่างตลอดเวลา แต่นี่มันไม่ใช่
ไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว
ร่างเล็กตัวสั่นเทา
สองมือจิกลึกเปลือกตาที่ว่างเปล่าเอาไว้
ฉึก!
รู้ตัวอีกทีก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น
เสียงบางอย่างที่แหวกผ่าอากาศมาปักพื้นคงทำให้อ้อมกอดแน่นคลายออก
เธอถูกผลักหลบพร้อมกับได้ยินเสียงอาวุธปะทะกัน
คุเรฮะไม่เคยอ้าปากเปล่งเสียงทรมาณขนาดนี้
สัมผัสที่ไหลผ่านฝ่ามือทำให้รู้ว่าเธอกำลังร้องออกมาทั้งน้ำตา
ร่างที่เคยคล่องแคล่วได้ดั่งใจทรุดพิงต้นไม้สักต้น
ขดตัวเข้าหากัน
กอดตัวเองเอาไว้อย่างหมดหนทาง
เคร้ง!
ลมสายหนึ่งตีหน้า
บางอย่างที่กำลังจะพุ่งเข้ามาหาถูกขัดขวางด้วยการโจมตี ทั้งเสียงกรีดร้อง
เสียงต่อสู้ เสียงทุกอย่างรอบตัวผสมปนเปกันไปหมด ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
“อ— อ่อก”
เด็กสาวเริ่มมีอาการชัก
นิ้วทั้งสิบหงิกงอ ร่างกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้
ทุกอย่างที่กำลังดำเนินอยู่หยุดชะงักพร้อมกัน
ดวงตาสองคู่หันขวับ ฮิโซกะปลดบันจี้บัมที่ยึดอาวุธอีกฝ่ายออก
พุ่งตรงไปที่ร่างที่กำลังอาเจียนออกมา
“สลีปปี้!”
ชายหนุ่มอีกคนก็ทำท่าจะเคลื่อนตัวเข้าไปหาไม่ต่างกัน
เขารู้ดีว่าหากเด็กคนนั้นเครียดจนถึงขีดสุดจะเกิดอะไรขึ้น
แต่เผลอหยุดชะงักเมื่อเท้าถูกบางอย่างยึดเอาไว้แน่น
ข้อมือของหุ่นที่หักพังติดด้วยเน็นสายเปลี่ยนแปลงตรึงข้อเท้าเขาเอาไว้
อาวุธชิ้นยาวในมือตวัดทำลายมันทิ้งโดยไม่ต้องคิด แต่เมื่อหันกลับมา—
ร่างของเด็กที่อยากกอดให้นานกว่านี้ก็หายไปแล้ว
ไอ้ตัวตลกเวร!
“พ-พี่คะ”
เสียงเล็กคล้ายสะอื้นดังออกมาหัวทุยเล็ก
ๆ ที่เหลืออยู่ เปลือกตาเบิกโพลงไร้ดวงตาที่ควรมี
ข้อมืออีกข้างที่เหลือแต่ซากพยายามจิกพื้นหญ้าเคลื่อนเข้ามาหา
ดวงตาสีแดงเสี้ยววาวโรจน์
เหลือบมองของไร้ประโยชน์ไม่ต่างจากมดปลวก
กร๊อบ— เท้าเหยียบซ้ำ
ขยี้จนไม่อาจเปล่งเสียงร้องได้อีก
“หนวกหู”
ไอ้หมอนั่นยังเก็บรายละเอียดได้ห่วยแตกเหมือนเคย
ร่างสูงมองผลงานที่ผิดพลาดจากน้ำมือคนสร้าง
ผมสีดำแซมแดงปลิวสะบัดจากแรงลม
ต้นไม้ตรงนี้เปิดโล่งเพราะเผลอกะแรงตอนเหวี่ยงแส้ผิดไปหน่อย แย่จริง
เขาเดินออกไป
ทิ้งหุ่นไร้ดวงตาที่เหลือแต่หัวครึ่งบนไว้ตรงนั้นอย่างไม่ใยดี
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมา
...แล้วค่อย ๆ จางหายไป
__________C
H E C K M A T E__________
The
Movie : Phantom Rouge (II)
ความคิดเห็น