ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #55 : Chapter 41 | The Movie : Phantom Rouge (I)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.17K
      323
      15 เม.ย. 63


    Chapter 41

    The Movie : Phantom Rouge (I)

     

     

    ไม้เนื้อดีเหลาสลักเป็นข้อต่อ

    เส้นผมหวีประณีตทักถอเส้นต่อเส้น

    สองมือหยาบกร้านจัดทรงเสื้อผ้าให้อย่างอ้อยอิ่ง

    ร่างสูงโปร่งในชุดมิดชิดคลุมทับด้วยเสื้อคลุมยืนตัวตรง ผมสีเทายาวปลิวบางเบายามขยับตัว นิ้วเรียวปัดปอยผมสีดำขลับตรงหน้า ทะนุถนอมอ่อนโยน

    ร่างของคนสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าถูกจัดท่าให้จับมือกัน โครงหน้าคล้ายคลึงกันหลับตาลง

    ราวกับทั้งคู่กำลังอยู่ในห้วงความฝัน

     

    ทุกอย่างที่กลั่นกรองมาจากความทรงจำของเขา

     

    แต่ก็ยังขาดส่วนสำคัญไปอยู่”

    เขาพึมพัม ลูบปลายคางครุ่นคิดแค่ครู่เดียว ก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ “ช่างมันปะไร ไปเอามาซะก็สิ้นเรื่อง”

    ออร่าสีขาวแผ่ครอบคลุมทั้งสองคน

    หนึ่งในสองลืมตาขึ้นมา ผมสีดำแซมแดงสะบัดเล็กน้อยยามตวัดมองร่างเล็กกว่าข้างกาย แขนยกขึ้นหมุนไปมาในระยะสายตา สำรวจทุกอย่างเหมือนเด็กแรกเกิด

    หากแต่ไร้ดวงตา มีแต่ความมืดมิดอยู่ในนั้น

    ฝ่ามือที่มีรอยสักแมงมุมหมายเลข 4 แนบข้างอก ชายหนุ่มผู้สร้างร่างทั้งสองโค้งให้เล็กน้อย รอยยิ้มชั่วร้ายแสยะขึ้นอย่างจงใจ

     

     

    ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง...เพื่อนยาก”

     

     

    -----

     

    เสียงเสียดสีของต้นไม้พลิ้วไหว แสงแดดส่องผ่านรูใบไม้ลงมาบนพื้นแวววาวไปหมด สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือสวนดอกไม้สีแดงที่เบ่งบานตลอดปีด้วยพลังที่เรียกกันว่าเน็น

    เด็กน้อยคนหนึ่งหลับตาพริ้ม คู้ตัวนอนซุกอยู่ตรงใจกลางกลีบฮิกันบานะรอบตัว ผมสีดำยาวแผ่สยายกว้าง

    เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันดังเข้ามาในหู

    เธอลืมตาขึ้น ดวงตาสีแดงเสี้ยวอำพันแวววาวมองตรงไปข้างหน้า ในระดับเดียวกันมีเท้าสวมเกี๊ยะไม้คู่หนึ่งยืนนิ่งห่างออกไปไม่ไกล

    หญิงสาวในชุดกิโมโมสวยยืนอยู่นอกเขตกลีบดอกไม้ มือขาวซีดเหมือนคนตายเอื้อมมาหา ริมฝีปากแห้งแตกเพราะการขบกัดเป็นประจำคลี่ยิ้ม

    กลับกันเถอะ ลูกรัก”

    ร่างเล็กกะพริบตา ยื่นมือเล็กออกไปเกาะกุม รู้สึกได้ว่านิ้วของผู้ใหญ่ตรงหน้าซูบผอมลงไปมาก ยิ่งสบตามองยิ่งรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าตัวสั่นระริก

     

    รอบตัวมีแต่คนสวมชุดสีดำ

     

    ยูนิฟอร์มของพวกพ่อบ้านเป็นสีดำขาวอยู่แล้วจึงไม่แปลกใจ แต่กับพวกคราวน์นี่สิ -- ระหว่างทางเด็กน้อยถูกจูงมือผ่านสวนส่วนตัวของแม่สองเข้า พี่ชายขี้กลัวคนนั้นที่ชอบสวมเสื้อสีอ่อนตอนนี้กำลังสวมชุดสีดำอยู่

    พวกฟีโอนิกซ์ที่เดินผ่านตอนไปทำงานวันก่อนก็สวมชุดสีดำ แม่ใหญ่ที่แต่งตัวสีฉูดฉาดบ่อยๆ ก็สวมชุดสีดำ แม้แต่ท่านแม่ที่ชอบกิโมโนสีแดงสึบากิ...

    ดวงตากลมช้อนมองหญิงสาวตัวสูงกว่า

     

    ก็ยังเป็นสีดำ

     

    พ่อบ้านคนนึงคำนับเมื่อเจ้าของห้องกลับมา มือเขาเปิดและปิดประตูหนักหลายตัน ก่อนจะเดินออกไปให้ความเป็นส่วนตัว ด้านในเป็นห้องสไตล์ตะวันออก โต๊ะและเบาะญี่ปุ่นตั้งบนผืนเสื่อสีอ่อน

    ร่างเล็กขยี้ตาปรือ นั่งลงบนเบาะนุ่มที่เตรียมไว้ให้ หางตาเห็นหญิงสาวผมสีดำรวบครึ่งหัวหลวมๆ กำลังยกชุดชาออกมา ท่าทางเตรียมชงชาโดยไร้พ่อบ้านยกมาให้

    เป็นกิจวัตรประจำวัน

    ที่ตัวเธอไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

    “...”

    เธอมองนิ่ง มือผอมที่กำลังจับไม้คนใบชาเริ่มสั่นระริกอีกแล้ว น้ำสีเขียวจางกระฉอกลงบนเสื่อเล็กน้อย ใบหน้างามก้มต่ำทำให้เธอมองไม่เห็นแววตา

    บรรยากาศเงียบสงบเกินไป อีกทั้งเวลาเด็กน้อยอยู่กับคนแปลกหน้า จากเงียบอยู่แล้วก็ยิ่งเงียบไปอีก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเอ่ยอะไรบ้างเวลาอยู่กับผู้หญิงคนนี้ -- นอกจากทำตามคำสั่งที่ได้รับมา

    ทำไมกัน...”

    เอ่ยเสียงแหบพร่า ร่างผอมแห้งในชุดกิโมโนหนาโก่งโค้ง พึมพัมไม่ได้ศัพท์ในลำคอ “ทำไม...ทำไม ท-ทำ...”

    น้ำสีใสไหลหยดลงบนเสื่อเป็นวง ...นั่นร้องไห้หรือ

     

    ทำไมถึงยังทำไม่รู้สึกอะไรอยู่ได้...?”

     

    แม่ของเธอเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสีดำลึกโบ๋จ้องเขม็งจนเด็กตัวเล็กหลุดผงะ ในตอนนั้นเองที่ถ้วยชาโดนปัดออกไป แทนที่ด้วยของมีคมที่คว้าออกมาจากแขนเสื้อกิโมโน และ—

    ฉึก!

    ฝ่ามือเล็กสองข้างถูกเสียบทะลุบนโต๊ะเล็ก เด็กน้อยหลุดร้องเจ็บปวดเสียงดัง การกระทำหุนหันที่คาดเดาไม่ได้ทำให้เธอรีบกระชากมีดออกจากเนื้อไม้ ขายันโต๊ะใส่คนตรงหน้าทิ้งระยะห่างทันที

    หากแต่สาวงามตรงหน้ากลับปัดโต๊ะไม้ออกด้วยพลังที่เพิ่มขึ้น ร่างสูงกว่าพุ่งเข้าใส่เหมือนสัตว์ร้าย ตะโกนโหวกเหวกราวกับเธอคือตัวการทำให้ทุกอย่างแย่ลง

    เพราะแก! เพราะแก!!”

    เด็กตัวเล็กวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ใช้อะไรกำบังได้ก็รีบคว้า เลือดสีแดงเปอะเปื้อนไปตามทาง -- หนีออกทางประตูยิ่งไม่ได้ใหญ่ เธอคงถูกกระหน่ำแทงก่อนที่จะเปิดประตูหนักหลายตันออก หน้าต่างก็ถูกติดเหล็กหนาเอาไว้ไม่ต่างจากคุกดีๆ นี่เอง

    เหมือนหมาจนตรอก— เด็กน้อยล้มลุกคลุกคลานบนผืนเสื่อทาทามิกว้าง หลังชิดผนังแนบสนิท จนมุมไร้ทางหนี

    คำพูดเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา

    แก! ถ้าไม่ใช่เพราะแก!!”

     

    ฉั้วะ!!

     

    นายหญิงคราวน์ที่เสียสติทรุดลงไปบนพื้นเย็นเชียบ กอบกุมใบหน้าที่มีรอยเลือดจากกรงเล็บคมด้วยความเจ็บปวด กรีดร้องน้ำตานองหน้าจนกระทั่งพวกพ่อบ้านกรูเข้ามาพาไปรักษาตัว

    เธอสูดหายใจลึก มือเล็กที่ถูกมีดปักคาทะลุคลายกรงเล็บแหลมออก ปลายนิ้วแตะเสี้ยวใบหน้า=

    เลือดของแม่ที่กระเด็นมาเปื้อนแก้มเธอ.

     

    คุเรฮะ”

     

    ลมหายใจสะดุดกึก

    เปลือกตาเปิดขึ้นฉับพลัน— รับรู้ได้ว่าเหงื่อข้างขมับถูกเช็ดแผ่วเบา เด็กชายผมสีเงินข้างกายเองก็สภาพเหมือนเพิ่งตื่น ลมหายใจไม่คงที่คล้ายกันราวกับไม่ใช่การตื่นที่ดีนัก

    ฝันร้ายเหมือนกันเหรอ?”

    คิรัวร์ร้องถาม ในดวงตาสีฟ้าครามแฝงแววสั่นระริก คุเรฮะพยักหน้ารับแกน ๆ ปรับลมหายใจของตัวเอง แล้วยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรงสวนทางกับหัวของญาติผู้น้องที่ซบลงบนหัวไหล่

    ดวงตาแมวเหม่อมองเพื่อนผมสีดำ กอร์นนอนเอาหัวพิงแขนข้างขอบหน้าต่างอยู่ฝั่งตรงข้าม เปลือกตาปิดสนิท

     

    คิรัวร์ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนหรอก เพราะถึงมีไปเดี๋ยวก็โดนหักหลังเอาจนได้’

    แต่ถ้าเพื่อนไม่หักหลังนาย...นายก็ต้องหักหลังเพื่อนอยู่ดี’

     

    อิรุมิบอกกับเขาในความฝัน

     

    ความฝันวัยเยาว์ที่ทำงานในฐานะมือสังหารโซลดิ๊ก เขาที่เพิ่งปลิดชีพคนเลวเดินเข้าตรอกไปเจอกลุ่มเด็กที่กำลังเล่นเตะบอล ยังไม่ทันได้เอ่ยคำใด พี่ชายคนโตที่ปรากฏตัวกลางสายฝนก็ฆ่าเด็กพวกนั้นไปจนหมด

    ...ไม่มีเหลือแม้แต่ความหวังใด...

    เด็กสาวผู้ถูกพิงไหล่หันไปมองวิวนอกหน้าต่าง เรือเหาะที่โดยสารอยู่บินผ่านน่านน้ำสีฟ้าใส อีกไม่นานจะลงจอดที่ตัวเมืองๆ หนึ่ง สีแดงใกล้รุ่งของท้องฟ้าสะท้อนในแววตา

    คุเรฮะเอียงหัวทับผมสีเงินฟูฟ่อง

    ฉัน...จะไม่มีวันหักหลังกอร์นเด็ดขาด”

    เสียงพึมพัมราวกับเสียงกระซิบ แต่คนหูผีอยู่ชิดขนาดนี้ยังไงก็ได้ยิน คุเรฮะเหลือบตามอง -- ไม่รู้ว่าคิรัวร์ฝันร้ายอะไรถึงต้องย้ำกับตัวเองแบบนี้

    แต่ก็นะ

    เพิ่งรู้ว่ารักกันขนาดนี้ แต่งกันเมื่อไหร่อย่าลืมส่งของชำร่วยมาให้ด้วยนะ ขอเป็นหมอนนุ่ม ๆ สักใบ”

    ได้ผล คิรัวร์แทบจะเด้งตัวนั่งตรงแด่ว ...ดีนะเงยหน้าขึ้นหลบทัน ไม่งั้นคงโดนเสยคางฟรี

    พูดเพ้อเจ้ออะไรของเธอ นอนน้อยไปเลยเพี้ยนรึไง!”

    แต่สงสัยเสียงดังไปหน่อย พนักงานสาวถึงกับเดินตรงมาหา ยิ้มแย้มแจ่มใส “คุณผู้โดยสาร มีอะไรรึเปล่าคะ”

    อ๋อ อ-เอ่อ เปล่า ไม่มีอะไรหรอกฮะ” คิรัวร์ตีหน้าซื่อบอกปัด หันไปอีกทีคือยัยหน้าตายแกล้งทำเป็นหลับหนีก่อนใคร หนอยแน่!

    อีกสักครู่เรือเหาะของเราก็จะไปถึงจุดหมายแล้วค่ะ ระหว่างนี้ก็เชิญพักผ่อนตามสบายนะคะ”

    ครับ ๆ ขอบคุณมากครับ”

    ลับหลังพนักงานคนแกล้งหลับก็เนียนย้ายไปนั่งข้างกอร์น ท่าทางจะรู้ชะตากรรมว่าจะโดนเขาเอาคืนยังไง แต่ติดตรงที่กอร์นตื่นแล้ว ตาจ้องแป๋วเชียว

    แล้วนั่นกระซิบอะไรกันน่ะ หา!

    กอร์นทำเป็นยิ้มฮั่นแน่ใส่ เด็กชายผมตั้งพยักหน้าอืมๆ กับคำบอกเล่าที่ได้ยินจากคนข้างกาย “แหม คุเรฮะบอกจ้องหน้าฉันใหญ่เลย คิดอะไรกับฉันจริงๆ เหรอคิรัวร์~?”

    ไอ้คำหลังดูยังไงก็ถูกชี้แนะมาจากยัยคุเรฮะชัด ๆ !

    ฉันจ้องที่ไหนกัน อย่ามามั่ว!”

    โกหกเห็น ๆ” คุเรฮะทำเป็นหลับตาส่ายหน้าเหนื่อยใจ เอนตัวไปพิงกอร์นต่างหมอนอย่างเกียจคร้าน ดูสนุกที่ได้แกล้งเขาและก็ง่วงนอนไม่แพ้กัน

    แต่ถ้านับจากครั้งแรกที่เจอกัน ความง่วงนอนของคุเรฮะก็ลดฮวบฮาบลงไปเยอะ

    หุบปากไปเลยยัยบ้า ไม่ได้โกหกเฟ้ย!”

    กอร์นหลิ่วตาล้อเลียน “แหมมันน่าสงสัยจริง ๆ น้า”

    อะไรกันนักกันหนาฟะ!!”

    พนักงานสาวออกโรงรอบสอง หล่อนเริ่มตีหน้ามุ่ย ยืดอกสูง เก๊กเสียงเข้ม “เนื่องจากมีผู้โดยสารท่านอื่นพักผ่อนอยู่ กรุณาอย่าส่งเสียงรบกวนนะคะ”

    ครับ ๆ จะระวังครับ”

    ขอความกรุณาด้วยค่ะ” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็หันหลังเดินออกไป คิรัวร์ทำหน้าล้อเลียนตาม

    แล้วหันมากัดกันต่อ

    กอร์น นายนอนกรนด้วยนะจะบอกให้”

    เอ้ะ ฉันกรนเหรอ!” กอร์นตาโต ท่าทางใกล้เพลี้ยงพล้ำในสงครามน้ำลายแตกฟอง คุเรฮะปิดปากหาว เนียนช่วยพูด

    คิรัวร์เองก็นอนกัดฟันเหมือนกัน”

    ฉันเนี่ยนะ!? โกหกน่า—!”

    คราวนี้เสียงดังกว่าเดิม ผู้โดยสารคนอื่นเริ่มหันหน้ามามอง -- และเหมือนพนักงานสาวจะรู้ หล่อนเดินเลี้ยวออกมาหน้ายักษ์ขมูขี ขอบตาคล้ำเหมือนไม่ได้นอน ตาเบิกโพลงจ้องแทบถลน

     

    คุณผู้โดยสาร—”

    หางเสียงตวัดสูงปรี๊ด

     

    ช่วยกรุณานั่งอยู่กับที่เงียบๆ หน่อยจะได้ไหมห้ะ!!”

     

    ทุกคนพร้อมใจกันหลับโดยมิได้นัดหมาย

     

    -----

     

    เฮ้ กอร์น! คิรัวร์! คุเรฮะ!”

    เลโอลีโอในชุดสูทตัวเก่งยืนโบกมือเรียกหน้าสนามบิน ทักทายด้วยสองนิ้วแตะข้างขมับ ก่อนจะพาขึ้นแท็กซี่ไปด้วยกัน

    จริง ๆ พวกเขาก็เพิ่งแยกกันไม่นานเท่าไหร่ หลังจากการประมูลยอร์คชินที่เกี่ยวข้องกับ ‘มหาเศรษฐีบัตเทเลอร์’ ไม่นานนัก พวกกอร์นก็มุ่งมั่นฝึกเน็นเพิ่มเพื่อไปเข้าร่วมการสมัครการว่าจ้างฮันเตอร์ของเศรษฐีคนนั้น

    บัตเทเลอร์ประมูลเกมกรีดไอร์แลนด์ 7 ตลับ แล้วเปิดรับสมัครฮันเตอร์เพื่อเข้าไปเคลียร์เกม โดยแลกกับค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว

    อีกไม่กี่วันงานประมูลจะจบลง แต่เพราะเกิดเรื่องกับคุราปิก้าซะก่อน พวกเขาจึงตัดสินใจพักการฝึกฝนแล้วตามเลโอลีโอมา

     

    ชนเผ่าคูลท์ที่เหลือรอด?”

     

    คุเรฮะเลิกคิ้วสูง ทวนประโยคที่ได้ยินเพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด เลโอลีโอที่นั่งข้างคนขับพยักหน้ารับ “ใช่ มีคนบอกเห็นในเมืองนี้ด้วย”

    แต่ว่า— ถ้าจำไม่ผิด ชนเผ่าคูลท์เนี่ย...” กอร์นมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนด้วยความไม่มั่นใจ คิรัวร์เอ่ยต่ออย่างฉงน

    ได้ยินว่าเมื่อ 5 ปีก่อนถูกกองโจรเงามายาฆ่าล้างเผ่าไปแล้วนี่นา”

    มันอาจจะเป็นเรื่องโกหกก็ได้เหมือนกัน ก็เลยบอกกับคุราปิก้าไปว่ามาพิสูจน์กันให้แน่ใจไปเลยดีกว่า ฉันเองก็ขอตามไปด้วยคน”

    ทำไมอะ?” เด็กชายตาแมววางคางบนพนักพิงของเบาะหน้า นึกว่าคนตัวสูงโย่งจะกลับไปตั้งใจอ่านหนังสือสอบเข้าแพทย์ต่อ ไหงมาร่วมวงหาเผ่าคูลท์ด้วยอีกคนละเนี่ย

    ถามมาได้ ถ้าหมอนั่นเป็นเผ่าคูลท์จริงก็ต้องตกอยู่ในอันตรายนะซี่ เห็นแบบนี้แต่ฉันไม่ใช่คนนิ่งเฉยดูคนรู้จักไปเสี่ยงอันตรายหรอก” ว่าจบก็ทำหลับตาเชิดหน้า

    สามหน่อที่นั่งเบาะหลังมองหน้ากันอย่างรู้กัน

    เห...” คุเรฮะลากเสียงยาว

    เห็นแบบนี้เลโอลีโอก็เป็นห่วงเพื่อนงั้นสิน้า” กอร์นทำเป็นพยักหน้าหงึกๆ ลูบคางไปด้วย ริ้วสีแดงพาดแก้มคนหน้าแก่ก่อนวัยจางๆ

    พ-พูดมาได้! น่าอายจะตาย”

    คิรัวร์ทำเป็นยิ้มรู้ทัน ถามต่อ “แล้ว... เป็นไงบ้างล่ะ?”

    คราวนี้สีหน้าของเลโอลีโอเคร่งเครียดขึ้น

    ก็นะ พอพวกฉันไปถึงที่แล้วก็ยังหาตัวไม่เจอสักที จนพากันถอดใจแล้วเดินทางกลับ แต่ก็ไปเจอเด็กคนนึงที่คุราปิก้ารู้จักเข้า”

     

    ไพโร”

     

    ตอนนั้นท้องฟ้าเป็นสีครึ้มหม่นหมอง ฝนตกเปาะแปะเป็นระยะ -- เสียงดีดเครื่องดนตรีดังแว่วมา เป็นเด็กชายในชุดชนเผ่าสีแดงเข้มนั่งอยู่บนขอบฐานรูปปั้นวีรชนของเมือง

    เด็กนั่นหลับตาพริ้ม มือหยุดดีดฮาร์ปไม้อันเล็ก เสียงใสของเด็กชายผมสีน้ำตาลทักทั้งที่ยังหลับตา

    เสียงนั่นมัน คุราปิก้า?”

    นี่นาย...ยังมีชีวิตอยู่งั้นสินะ”

    คุราปิก้า.. คุราปิก้าจริง ๆ เหรอ!” เด็กชื่อไพโรรีบวางฮาร์ปลง สองมือยื่นไปข้างหน้าหวังจะคว้าไว้ ช่วยมาใกล้กว่านี้ทีสิ ขอฉันดูหน้าคุราปิก้าชัดๆ หน่อย”

    ไพโรดูไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

    ฝ่ามือเล็กแตะเข้าที่อก อีกฝ่ายแย้มยิ้มดีใจ สำรวจถ้วนทั่ว ก่อนจะค่อยๆ แตะขึ้นไปที่หัวไหล่ ใบหน้า

     

    และยึดแก้มทั้งสองข้างไว้แน่น

     

    คุราปิก้าเบิกตากว้างเมื่อถูกดึงเข้าไปหา เปลือกตาเปิดขึ้น สองตาของไพโรไร้เนตรสีเพลิงที่ควรมี สีดำรัตติกาลถมเต็มทุกช่องว่างข้างใน

     

    ดวงตาของฉันน่ะ มองเห็นแค่ความมืดนะ”

    พ-ไพโร อ๊ากกกกก!!”

     

    สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือแสงสีขาว

    และทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำสนิท

     

     

    คุราปิก้าหลับไม่ได้สติไปสามวันเต็ม

     

     

    เลโอลีโอนำทางพวกเขามาถึงโรงพยาบาลบนเนินเขาแห่งหนึ่ง เป็นเมืองที่ใกล้ชิดธรรมชาติไม่น้อย เด็กสาวในชุดมีฮู้ดสีทึบยืนกอดอกพิงกำแพง ส่วนพวกกอร์นที่กุลีกุจอเข้าไปดูแลคนเพิ่งได้สติในห้องพักฟื้น

    “...หมอนั่นไม่มีทางเป็นไพโรตัวจริงแน่นอน”

    แม้รอบตาจะถูกปิดด้วยผ้าพันแผล แต่พอเข้าใจความรู้สึกที่คุราปิก้ากำลังเผชิญผ่านน้ำเสียงเศร้าใจนั่น

    ตัวตนของไพโร -- เพื่อนสนิทที่แสนดีคนนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำ และต่อให้เพื่อนของเขารอดจากการฆ่าล้างเผ่า คนที่ทำร้ายและชิงดวงตาไปยังไงก็ไม่ใช่ไพโรตัวจริงแน่

    ไพโรไม่มีทางทำร้ายเขาแบบนี้ ไม่มีทาง

    งั้นก็คงเป็นศัตรู และมันได้ดวงตาของนายไปแล้ว”

    ชายหนุ่มผมสีทองสว่างชะงักไปเล็กน้อย น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยของเธอไม่เปลี่ยนไปเลย แม้ว่าจะเพิ่งผ่านการขัดแย้งกันที่ยอร์คชินซิตี้มาก็ตาม “คุเรฮะ...”

    นี่”

    กอร์นยืนชิดอยู่ข้างเตียง อาจเพราะเห็นว่าท่าทางของคุราปิก้าดูมีปฏิกิริยากับคนที่ชื่อไพโรชัดเจน เขาจึงตัดสินใจพูดขึ้นมา

    เรื่องของไพโร เล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหม?”

    นั่นน่ะ เป็นคนเผ่าคูลท์เหมือนกันคุราปิก้าสินะ” คิรัวร์นั่งลงบนขอบเตียง กวักมือให้ญาติฝั่งแม่ตรงนั้นเข้ามาฟังใกล้ ๆ ด้วยกัน คุเรฮะเลิกคิ้วข้างนึง ก่อนจะเทเลพอร์ตมานั่งตรงปลายเตียง

    มองที่ทางอยู่สักพัก ก่อนจะเอนตัวไถลไปนอนแหมะข้าง ๆ คนเจ็บ

    บนเตียงคนป่วยเลยมีคนนึงนั่ง คนนึงนอนซะนี่

    เอ่อ...”

    คุราปิก้าเงอะงะบอกไม่ถูก พอรู้ตัวว่าคนที่ตนไม่ได้รับมือกับความขี้เซามาตั้งแต่ตอนสอบฮันเตอร์มาอยู่ใกล้ มือไม้ก็แอบอยู่ไม่สุข ให้มันได้อย่างนี้สิ...

    จะว่าไป ตอนสอบฮันเตอร์ที่ติดอยู่บนซากเรืออับปางด้วยกัน คุเรฮะก็เป็นคนแรกที่เขาเล่าเรื่องไพโรให้ฟังนี่นะ

    ริมฝีปากจะเผยยิ้มบาง มือข้างนึงวางลงบนทีๆ ตัวเองเข้าใจว่าเป็นหัวทุยของคนข้างกาย -- และเริ่มเล่าถึงคนสำคัญของตัวเองออกมา

    ไพโร...เขามีความฝันแบบเดียวกับฉันน่ะ เป็นเพื่อนที่หาใครมาแทนไม่ได้”

     

    ทุกอย่างเริ่มต้นจากวันนั้น

    วันที่พวกเขาได้พบกับฮันเตอร์สาว ชูร่า

     

    ชูร่าที่บาดเจ็บและถูกเขาและไพโรช่วยไว้ในเขตป่าที่ชนเผ่าคูลท์หลบซ่อนเพื่ออยู่อาศัย เธอให้หนังสือเล่มหนึ่งเป็นค่าตอบแทน หนังสือการออกผจญภัยที่มีตัวเอกเป็นฮันเตอร์

    พวกเขาช่วยกันแปลภาษาด้วยสารานุกรม รวมถึงวาดฝันการออกไปผจญภัยโลกภายนอกด้วยกัน

    แต่การจะออกจากหมู่บ้านต้องผ่านการทดสอบซะก่อน และแน่นอน คุราปิก้าผ่านฉลุย จนกระทั่งมาถึงการสอบสุดท้าย— การฝึกควบคุมตนเอง

     

    เขาเลือกไพโรเป็นคู่หูทำภารกิจ

     

    แม้เกือบจะสอบตกเพราะท่านผู้เฒ่าจัดฉากให้มีคนไม่ดีมาขัดขวาง แต่เพราะไพโรช่วยห้ามรวมถึงแอบสับเปลี่ยนน้ำยาที่จะทำให้เนตรสีเพลิงคงอยู่เป็นหลักฐานว่าเขาพลาด ทุกอย่างจึงผ่านไปได้ด้วยดี

    ฉันผ่านภารกิจสุดท้าย เพราะไพโรช่วยเอาไว้”

     

    คุเรฮะกะพริบตาปริบ

     

    หกสัปดาห์ต่อจากนั้นหลังจากคุราปิก้าออกท่องโลกกว้าง ข่าวแก๊งแมงมุมฆ่าล้างเผ่าคูลท์ก็โด่งดังตามมา คนในหมู่บ้าน 128 คนตายเกลี้ยง

    กองโจรเงามายาทำร้ายคนที่รักเพื่อให้โกรธจนดวงตาเป็นสีแดงเพลิง เด็กบางคนถูกเชือดคอเพื่อให้พ่อแม่แค้นจนกระอักเลือด คนรักถูกแทงจนพรุนให้ขาดใจตายต่อหน้า

    ดวงตาที่เป็นเนตรสีเพลิงถูกควักไปจนหมด

     

    พวกเราไม่เคยเป็นปฏิปักษ์กับใคร เพราะฉะนั้นอย่าแย่งชิงสิ่งใดไปจากเรา’ กระดาษเปื้อนเลือดที่ปักบนแผ่นอกหัวหน้าหมู่บ้านเขียนไว้อย่างนั้น

     

    ดวงตาสีแดงเสี้ยวหรี่ลง ...หัวหน้าหมู่บ้านให้การทดสอบไป แต่คุราปิก้าทำพลาดทำให้ข่าวการเจอตัวเผ่าคูลท์ที่หลบซ่อนมานานแดงขึ้น อีกทั้งไพโร เพื่อนที่สายตาไม่สู้ดียังช่วยปกปิดหลักฐานว่าคนนอกรู้เรื่องเผ่าตัวเองแล้ว...

    “...”

    เธอยันตัวขึ้นนั่ง มองคนที่ถูกชิงดวงตาไปด้วยแววตาอ่านยาก คุราปิก้ากำลังนึกถึงเรื่องสมัยก่อนที่ยังมีความสุข ผืนป่าสีเขียว ครอบครัวอบอุ่นและเพื่อนคนสำคัญ

    หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงพูดความคิดของตัวเองออกไปตรงๆ ไม่แม้แต่จะใส่ใจความรู้สึกคนฟัง

     

    แต่ตอนนี้ไม่ใช่

     

    หากหัวหน้าหมู่บ้านรู้ว่าคุราปิก้าทำพลาด สิ่งที่ควรจะตามมาคือการย้ายหมู่บ้านเหมือนที่เคยทำตลอดมาเมื่อถูกพบเจอ เพราะงั้น...

     

     

    คุราปิก้าอาจจะรู้อยู่เต็มอกแล้วก็ได้

    ว่าเขาอาจเป็นตัวต้นเหตุให้เผ่าของตัวเองถูกฆ่า

     

    แปล๊บ!!

     

    ฉันเห็นบางอย่าง!”

    คุราปิก้าโพล่งขึ้นมา ทำให้ทุกคนตื่นตกใจกันใหญ่ ลีโอเลโอแทบอยู่ไม่สุข ถามซ้ำ ๆ ว่าเห็นอะไร

    แม้จะคลุมเคลือเพราะไร้แสงไฟ แต่สิ่งที่เด่นชัดคือชายคนนึงกำลังอุ้มไพโรอยู่ เขาเห็นทุกอย่างผ่านดวงตาที่ถูกไพโรชิงไป!

     

    อา... ความงามของเธอทำให้ฉันกระสับกระส่าย จนแทบอยากจะอาเจียนออกมาเลยล่ะ’

     

    ชายคนนั้นเอ่ยเสียงทุ้ม

    เขาได้ยินเสียงกระทบของรองเท้ากับขั้นบันไดชัดเจน คุราปิก้าค้อมตัวกุมใบหน้า เอ่ยสิ่งที่เห็นเผื่อเป็นเบาะแสตามหาได้ “...กำลังเดินขึ้นบันไดอยู่”

    ภาพตัดไป -- ร่างของไพโรถูกวางบนเก้าอี้หรูตัวหนึ่ง หันหน้าออกนอกกระจกหน้าต่างบานยาว แสงยามเย็นสีแดงส้มสาดส่องบนผิวหน้า

    อาทิตย์ตกดิน...”

    อาทิตย์ตกดินเหรอ?”

    เลโอลีโอขมวดคิ้ว พึมพัมตามเพื่อนที่นอนเจ็บ

    ร่างสูงโย่งรีบเดินไปที่หน้าต่าง สองมือดึงผ้าม่านสีอ่อนออกจากกัน แสงสีแดงส้มตกกระทบหน้า “งั้นก็คงไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่หรอก ช่วยบอกรายละเอียดอีกหน่อยได้ไหม บางทีเราอาจจะตีวงได้ว่ามันคือที่ไหนกันแน่”

    ด-ได้”

    ผ่านดวงตาของเขาที่ไพโรกำลังมองเหม่อ

    ที่ตรงเส้นขอบฟ้า รูปร่างหินคล้ายภูเขา เป็นภูเขาหินทรงประหลาด ...ม-มีช่องว่างเป็นรูปวงกลม”

    อย่างอื่นล่ะ?” คุเรฮะถามซ้ำ รายละเอียดต้องมากกว่านี้

    ไพโรเลื่อนสายตาไปมองอีกทางพอดี

    มีแม่น้ำ ฉันเห็นแม่น้ำอยู่ทางขวา เห็นผู้ชายด้วย! ...ผู้ชายคนนั้นมีริมฝีปากเจาะห่วง สวมชุดสีดำเหมือนกับบาทหลวง”

     

    ในตอนนั้นเอง

     

    เรือนผมสีดำยาวปลิวผ่านหน้า เสียงรองเท้าเกี๊ยะเล็กๆ กับกระดิ่งที่ถูกผูกไว้ครึ่งหัวดังกังวาน แขนเสื้อยาวในชุดญี่ปุ่นประยุกต์สะบัดพลิ้ว

    ฉันเห็น...”

     

    เด็กผู้หญิง

     

    เธอวิ่งไปทางมุมห้อง เขาเห็นเธอถูกอุ้มขึ้นมา มือหนาข้างนึงทัดปอยผมข้างใบหูอ่อนโยน เด็กคนนั้นหัวเราะคิกคักก่อนจะซบลงบนแนวไหล่คนอุ้ม

    ปอยผมสีแดงของใครบางคนคลอเคลียกับแก้มยุ้ยนั่น

    แม้เปลือกตาจะปิดอยู่ แม้ช่วงวัยจะลดลงไปมาก แต่ลักษณะภายนอกกับรูปลักษณ์แบบนั้นน่ะ

    คุราปิก้ารู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร

     

     

    “...คุเรฮะ”

     

     

    __________C H E C K M A T E__________

     

    The Movie : Phantom Rouge (I)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×