ในวันที่ฝนโปรย
กันต์เกลียดวันที่ฝนตก เพราะบางอย่างในอดีต แต่เมื่อวารวันผ่านพ้นไป ทุกสิ่งก็แปรผันตาม.
ผู้เข้าชมรวม
403
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
สวัสดีท่านผู้อ่าน
นี่เป็นนิยายวายเรื่องแรกที่ได้แต่งแล้วกล้าที่จะเอาลงในสาธารณะชน สืบเนื่องจากเหตุผลทางการแก้บนคะแนนสอบเคมี ที่จริงมีแต่งนิยายสต็อกไว้คร่าวๆ หลายเรื่องแต่ไม่กล้าลง เพราะไม่มั่นใจในการเขียนนิยายวายเลย แต่ชอบอ่านมากถึงมากที่สุด(แม้จะเพิ่งฝึกหัดอ่านนิยายวายในเล้าเป็ดได้เพียงปีสองปีก็ตามถถถถ)
ในเด็กดี ตอนนี้มีนิยายแนวตะวันตกอยู่ด้วย แต่เป็นแบบ straight ในอีกนามปากกา ที่ตอนนี้ก็เพิ่งเปลี่ยนใหม่
นามปากกาในดวงใจสำหรับนิยายวายไทยในเล้าเป็ดคือ คุณเดหลี กับ Tromance ส่วนฟิควายแนวติ่ง(หนัง/ซีรีส์)ก็ต้องเป็น คุณพี่ทิพย์ปุริ
เนื้อเรื่องดังกล่าวที่ปรากฎด้านล่างถูกคิดค้นขึ้นมาเอง มีการอ้างอิงถึงหลายๆ สิ่ง หากมีข้อผิดพลาดต้องขออภัย และยินดีรับคำติชม
วนพิมพ์ฯ
(นามปากกาอะไรทำไมต้องวน ถถถถ)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณธีมจาก
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ในวันที่ฝนโปรย
-1-
จนกระทั่งตะวันคล้อยบ่าย วันที่สดใสของกันต์พาลก็มัวหมองลง
ตะวันที่เห็นเจิดจ้าอยู่เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้าถูกเมฆฝนกลุ่มใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวของไอน้ำตามฉบับวัฏจักรแห่งอุทกวิทยา กันต์เกลียดสีมืดคล้ำของมันเหลือเกิน แต่ก็จนใจเกินกว่าที่จะควบคุมมันไว้ เพราะไม่มีอะไรที่เราควบคุมได้ทุกอย่าง ในเมื่อทุกอย่างคือธรรมชาติ
ธรรมชาติของกันต์เองก็เช่นกัน ไม่มีอะไรที่จะควบคุมไว้ได้ แม้แต่คนที่ให้กำเนิดเขามานั้น ก็มีสิทธิ์อันน้อยนิดเหลือเกินที่จะเข้ามาก้าวก่ายกันต์
ในเมื่อธรรมชาติมันเป็นไปแบบนั้น กันต์ก็จำยอม และมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะลุกขึ้นมาทัดทานเพื่อให้มันเปลี่ยนแปลง –การเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นเสมอๆ แต่กันต์ทราบดีว่า เรื่องแบบนี้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เพราะสิ่งที่เกิดอย่างว่ามันก็คือการเปลี่ยนแปลง
จากตะวันที่สดใสและเริงร่า แปรเป็นเมฆฝน และอีกไม่นานกลุ่มไอน้ำพวกนั้นก็จะเกิดการควบแน่นแล้วโปรยปรายหยาดน้ำฟ้าลงมาสู่พื้นแผ่นดิน กันต์ไม่เคยชอบฝน เพราะฝนยังฝังใจเขาอยู่ในวันนั้น
...ในวันนั้นฝนตก คนเป็นบิดาไม่เคยจำได้ว่าลูกชายยังไม่ได้กลับบ้าน ทิ้งตัวลงไปกับกองงานเพื่อครอบครัว แต่นั้นหรือคือสิ่งที่มอบให้ครอบครัวจริงๆ? เด็กน้อยนั่งคอยคนมารับอย่างเหงาหงอย เขารู้ว่ามารดาจะมารับกลับเมื่อฝนซา แต่ฝนไม่มีท่าจะซาเสียที เสียงฝนเม็ดใหญ่กระแทกกับชายคาอันน้อยนิดของที่รอรถหน้าโรงเรียน กันต์ในตอนนั้นเด็กเกินกว่าจะคิดได้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับตนเอง
ไม่รู้ว่านานเท่าไร แต่เด็กน้อยรู้สึกว่ามันนานเป็นสิบๆ ชั่วโมง เขานั่งตัวสั่นท่ามกลางเสียงฝนที่ยังไม่หยุดตก จนกระทั่งเงาดำมืดคลืบคลานเข้ามา
ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร... ทั้งกลัว และ ตื่นตระหนก จึงได้แต่นั่งกอดเข่าตัวเองไว้แล้วลอบมองอย่างข้าๆ ในที่สุดเขาก็พบว่า เงาดำนั้นเป็นผู้ชายสักคนที่เดินออกมาจากรั้วโรงเรียนซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวกันกับเด็กน้อย
เขาตัวสูง –รู้ว่าสูง ใบหน้านั้นยังเห็นไม่ชัด เพราะแว่นสายตาของตนเองขึ้นฝ้าจนมัว แล้วผู้ชายคนนั้นก็มาหยุดตรงหน้า
“ ทำไมน้องยังไม่กลับบ้านล่ะครับ? ” เขาทรุดตัวลงนั่งยองๆ มองเด็กน้อยแบบสงสัย
เด็กน้อยไม่ตอบ ได้แต่นั่งตัวสั่น พยายามมองผู้ชายคนนี้ให้เห็นชัดๆ –และดูเหมือนเขาจะรู้ พี่ชายคนนี้หยิบแว่นกลมๆ ออกมาจากกรอบหน้าของเด็กน้อย ควานได้ผ้าสะอาดในเป้กันน้ำของตนมาบรรจงเช็ดแว่นให้ แล้วสวมมันกลับเข้าที่เดิม
ใบหน้านั้นมองพี่ชายอย่างชัดๆ เขาเป็นคนที่ดูดีและน่าชื่นชม ไม่รู้ว่าเด็กน้อยคิดไปเองไหม แต่เห็นยิ้มจางๆ ระบายบนใบหน้าของเขายามมองเห็นสิ่งที่สะท้อนผ่านแว่นของเด็กตัวน้อยๆ คนนี้ เขายิ้มให้ เด็กน้อยจะจดจำรอยยิ้มนี่อย่างไม่ลืมเลือน
พี่ชายคนนี้นั่งรอเป็นเพื่อนพลางสรรหาเรื่องมาพูดคุย เขาบอกว่าเขาชื่อนนท์ เพิ่งซ้อมกีฬาเสร็จ และกำลังจะกลับบ้าน แต่บังเอิญมาพบเด็กน้อยตาใสที่ชื่อว่ากันต์เสียก่อน
“ ผมเกลียดฝนจัง ” กันต์ว่าแล้วเงยหน้า
“ ฝนไม่ผิดหรอกน่า อย่างอแงสิกันต์ ” เขาพูดแล้วหัวเราะ ขยี้หัวชื้นๆ ของคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู
ไม่รู้ว่าเพราอะไร ที่ทำให้กันต์ยิ้มได้ โดยที่ไม่ร่ำร้องจะกลับบ้านอีก แต่... งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เช่นกันกับเวลานี้ ที่จู่ๆ ท้องถนนที่มืดมิดมีแต่เสียงฝนกลับมีแสงไฟและแตรรถดังขึ้น
“ นั่นใช่พ่อกับแม่กันต์หรือเปล่า ” พี่นนท์ถามคนตัวเล็กที่เมื่อเห็นรถญี่ปุ่นคันนั้นก็เบะปากทันที
“ อือ แต่ ...แต่ –แบบว่า ผมยังไม่อยากกลับเลย ” ผู้ชายที่นั่งข้างๆ กันระบายยิ้มอ่อนๆ พร้อมทั้งหัวเราะเคล้ามาด้วยอย่างอบอุ่นท่ามกลางสายฝนที่ตอนนี้เหลือเพียงโปรยปรายเท่านั้น พี่นนท์มองไปที่รถซึ่งเคลื่อนตัวมาใกล้ทุกขณะ แล้วพูดกับเด็กน้อยอย่างใจดี “ กลับบ้านเถอะนะกันต์ อย่าให้ใครเป็นห่วงเลย ”
“ –อยากอยู่กับพี่นนท์ ” เด็กน้อยพูดขัด แล้วมองพี่ชายตัวสูงอย่างอ้อนวอน
“ พรุ่งนี้มาโรงเรียนเดี๋ยวก็เจอกัน พี่ชื่อ นนท์ คุณานนท์ มัธยมห้าทับแปด –กันต์จำได้ใช่ไหมล่ะ แล้วพี่เองก็จำชื่อกันต์ได้ แค่กันต์ตัวเดียว อยู่ประถมหกทับหนึ่ง อย่างนั้นพรุ่งนี้พี่จะไปหาที่ห้องเลย จะได้คุยกันแบบวันนี้อีกไง ดีไหมล่ะ?”
ได้ยินแบบนั้นเด็กน้อยก็ยิ้มรับ และพี่นนท์ที่ว่าก็ทำอะไรบางอย่างที่กันต์เคยเห็นในละครหรือแม้แต่ในรั้วโรงเรียนของพวกพี่มัธยมกับนักเรียนคอนแวนต์
ริมฝีปากพี่นนท์กดลงบนปากของกันต์ นุ่มนิ่มและเบาบาง อบอุ่นและมั่นคง เป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเด็กน้อย ใบหน้านั้นขึ้นสีเรื่อ ยามพี่ชายคนนี้ถอนริมฝีปากออก แล้วขยี้หัวเด็กน้อยไปมา พร้อมๆ กับที่รถคันนั้นมาจอดเทียบท่า
“ กันต์ –ลูก! ” มารดาวิ่งออกมา ในมือมีร่ม กันต์ยิ้มให้พี่ชายคนนี้อีกครั้งแล้ววิ่งไปหามารดาของตน
จนกระทั่งขึ้นรถไปแล้ว กันต์ยังคงมองไปยังที่ที่จากมา และยังจำรอยยิ้มบางๆ ของพี่นนท์กับการโบกมือลาได้
แล้วเราจะเจอกันใหม่วันพรุ่งนี้
เด็กน้อยได้แต่ยิ้ม...
ไม่จริงเลยสักนิด...
มันเหมือนกับความฝันที่เกิดขึ้นกับเรา ถูกร่างขึ้นมาบนผืนผ้าใบในสมอง เป็นเค้าโคร่งเรื่องราว แต่งแต้มเติมสีสันจนได้อารมณ์ของความฝัน และในที่สุดผ้าใบผืนนั้นก็จางลง และพลิกกลับเอาความเป็นจริงมาตรงหน้า
เด็กน้อยกันต์ไม่เคยได้เจอพี่นนท์ของเขาอีก
ไม่ว่าจะเฝ้ารอเพียงใดก็ตาม กันต์ก็ไม่พบกับคุณานนท์คนนั้นอีกเลย
ฝนตกแล้ว กันต์มองฝนอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วมองหนังสือบนโต๊ะต่อ ปากกาหลากสีกองไว้ระเกะระกะ บางสีถูกหยิบจับมาระบายและเขียนสรุปความรู้คร่าวๆ กันต์เรียนแพทย์ตามความฝันของมารดาเพราะก็ไม่รู้ว่าตนเองจะเรียนอะไร และเขาก็กำลังไปได้สวยกับการเรียน ยกเว้นอย่างเดียวที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นั่นก็คือ ความรัก
กันต์ฝังมันทิ้งไว้ในวันที่ฝนตก และพบว่าไม่อาจลบเลือนความรักในครั้งนั้นได้แม้แต่น้อย เพราะเมื่อไรที่ฝนตก รอยยิ้มอบอุ่นก็จะแทรกมาที่กลางใจของกันต์ทันที
รอยยิ้มนั้นให้ความสุข และผสมปนเปไปกับความทุกข์ ซึ่งอย่างหลังอยู่ในสัดส่วนเจ็ดสิบต่อสามสิบ –เป็นระดับความรู้สึกที่ทำเอาคุณนักเรียนหมอน้ำตาคลอเบ้าทุกครั้งไป
เสียงกระดูกนิ้วมือกระทบกับประตูไม้ให้จังหวะสองครั้งตามมารยาทที่สังคมคิดค้นขึ้นมา เป็นการส่งสัญญาณว่ากำลังจะพูดหรือขอเข้าไปให้เจ้าของห้องได้รู้ตัวและทำอะไรๆ ให้เรียบร้อย
“ กันต์ หนูมิ้งกับเพื่อนๆ โทร. มาชวนไปดูหนังสือที่ร้านของหนูมิ้งน่ะลูก ” เสียงมารดาพูดหลังจากเคาะประตู มิ้งคือเพื่อนในคณะที่เป็นลูกเจ้าของร้านอาหาร ทำให้มีงานหรือเลี้ยงครั้งใดก็ต้องพากันยกโขยงไปที่ร้านของมิ้งทันที
และคราวนี้ก็คงโทร. มาชวนให้กันต์ช่วยติวอีก
เพราะกันต์ไม่ชอบพกโทรศัพท์ ทำให้เพื่อนๆ ต้องติดต่อผ่านมารดาและโทรศัพท์บ้าน เป็นเหตุให้มารดาได้ขึ้นมาเคาะเรียกทุกครั้งไป กันต์ตอบรับแล้วเก็บกระเป๋า กวาดเอาทุกสิ่งที่กองบนโต๊ะใส่ลงไป จากนั้นจึงลงมา
“ ฝนตก... ระวังนะลูก ” มารดาเตือนเพราะเห็นฝนโปรยปราย ถึงจะเบาบางแต่ก็ทราบดีว่าลูกชายนั้นรู้สึกอย่างไรในวันที่ฝนตก
กันต์พยักหน้ารับ แล้วสวัสดีมารดา ออกจากบ้านมาด้วยความเซื่องซึม เพราะฝนและเมฆทำให้เขากลับไปคิดถึงวันนั้นอีกครั้งหนึ่ง
วันที่ฝนตกหนักวันนั้น.
-2-
คุณหมอกันต์ราวน์วอร์ดในตอนเช้าเสร็จ ก็พบว่าเป็นอีกวันที่จะไม่สดใสเหมือนเคย
โรงอาหารของโรงพยาบาลคลาคล่ำไปด้วยผู้คน กันต์วางรายงานที่ยังไม่ได้ตรวจทานให้ละเอียดของนักศึกษาแพทย์ลงบนโต๊ะ ทรุดตัวลงข้างๆ คุณหมอภัทรและตรงกับข้ามคือหมอมิ้ง –ตามมาหลอกหลอนกระทั่งตอนนี้ทีเดียวสำหรับยายมิ้งเพื่อนรัก
“ กันต์ วันนี้เป็นยังไงบ้าง? ” หมอมิ้งทักทายแล้วมองเพื่อนชายที่บิดตัวไปมาอย่างเมื่อยล้า
“ ไม่ไงหรอก แต่วันนี้ท่าจะไม่ดี ” เพราะฝนตก หมอมิ้งเพื่อนรักพยักหน้าหงึกหงัก แล้วก้มลงจัดการข้าวของตนเองต่อ
หลังจากรับประทานอาหารให้ร่างกายไปใช้ประโยชน์เพียงพอสำหรับดำเนินกิจกรรมในแต่ละวัน คุณหมอกันต์ก็ต้องทำงานต่อ เขาชินเสียแล้ว แต่ไม่ชอบเลยที่ต้องตรวจคนไข้ไปแล้วมองเห็นฝนตกไปแบบนี้
งานของหมอมากมายนัก แต่ก็มีเวลาพอที่กันต์จะอู้มานั่งคุยกับหมอมิ้งและหมอภัทร หัวข้อสนทนามากมายตั้งแต่เรื่องในโรงพยาบาลจนกระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน วันนี้หมอภัทรได้รับรายงานเรื่องการส่งตัวผู้ป่วยกลับจากอเมริกา เนื่องจากรักษาที่โน้นมาเป็นเวลาหลายปีเหลือเพียงการทำกายภาพบำบัด และความต้องการของผู้ป่วยที่จะกลับประเทศไทย
หมอภัทรเล่ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งบอกว่าเขาประสบอุบัติเหตุตั้งแต่อายุเท่าไร และไปรักษาอะไรที่อเมริกา กันต์นั่งฟังจนจบแล้วก็ขอตัวไปทำงานต่อ
วิถีชีวิตของกันต์หมุนไปเหมือนเดิม มิ้งบอกว่าชีวิตของเขาคงเหมือน หุ่นยนต์หนูแฮมเตอร์ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้วิ่งบนวงล้อในจังหวะเท่าเดิมและใช้เวลาเท่าเดิมตลอดเวลา กันต์เองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไม่มีอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงขนาดนั้น ในเมื่อทุกๆ วัน คือ การเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว
และการเปลี่ยนแปลงของวันนี้ก็กำลังเกิดขึ้น
คนไข้ที่ส่งกลับข้ามทวีปเดินทางมาถึงแล้ว หมอภัทรต้องเข้าไปดูแลในเรื่องนี้ และโชคดีเหลือเกินที่หมอกันต์อยู่ด้วย ทำให้ทั้งคู่เดินทางไปทักทายคนไข้ด้วยกัน
แล้วภาพที่เห็นก็ต้องทำให้คุณหมอกันต์หัวใจเต้นแรง ที่คนเป็นหมอก็ทราบดีว่าเกิดจากสิ่งกระตุ้นทำให้อัตราการบีบตัวของหัวใจและการสูบฉีดเลือดแปรเปลี่ยนไป ทว่าในขณะนี้คุณหมอไม่ได้คิดอะไรเสียแล้ว นอกจากปรี่เข้าไปหาคนไข้คนนั้น
…คนที่ทำให้เขาเกลียดวันที่ฝนตก
“ พี่นนท์... ”
เมื่อคนที่เพิ่งถูกส่งกลับจากอเมริกาหันไปหาต้นเสียง รอยยิ้มบางก็ถูกจุดขึ้นที่มุมปาก พลันแววตาของคนที่คุณหมอคิดถึงก็แปรจากอ่อนโยนเป็นรู้สึกผิด ริมฝีปากนั้นที่เคยแตะต้องกัน แม้เนิ่นนานหลายสิบปี แต่คุณหมอและคนไข้ผู้มาใหม่ก็ยังจดจำกันและกันได้อย่างดี พี่นนท์ในอดีตจากนักกีฬาตัวสูง กลายเป็นผู้พิการที่รอรับการบำบัดเพื่อให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง พี่นนท์เปลี่ยนไปเพียงรูปลักษณ์และอายุ แต่กันต์ทราบได้ว่า ในส่วนลึกของจิตใจที่เป็นนามธรรมของทั้งเขาและบุคคลตรงหน้านี้ เหมือนกันอย่างไม่อาจแยกได้
“ กันต์ ” เมื่อริมฝีปากนั้นเอื้อนเอ่ย คุณหมอก็ปล่อยให้สิ่งที่คลอหน่วยไหลอาบแก้มอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ
แล้วฝนก็ตกลงมาชโลมจิตใจ
นี่เป็นครั้งแรก ที่คุณหมอกันต์ยิ้มทั้งน้ำตาคลาเคล้าไปกับเสียงฝนพร่ำ
เรื่องราวในอดีตถูกถ่ายทอดให้คนเด็กกว่าฟังจนถนัดชัดเจน คนในครอบครัวพี่นนท์ประสบอุบัติเหตุในวันนั้น วันที่ทั้งคู่ไม่เคยลืม ทำให้พี่นนท์ต้องไปดูแลและในที่สุดก็มีเหตุต้องย้ายไปอยู่ที่อเมริกา กระทั่งในวันหนึ่ง พี่นนท์เกิดประสบอุบัติเหตุระหว่างที่จะทำเรื่องกลับมาไทย การรักษาในครั้งนี้กินเวลาหลายปี แต่ในใจนั้นจำคำสัญญาที่ว่าจะไปหาเด็กน้อยกันต์ได้ จนเมื่อร่างกายเหลือเพียงบำบัด ก็ย้ายมาเพื่อจะตามหา กันต์ เด็กแว่นกลมคนนั้นอีกครั้ง
พอคุณหมอได้ฟังก็ร้องไห้โฮจนต้องถูกคนไข้ปลอบเสียยกใหญ่ “ พี่ทำให้กันต์เกลียดฝนยิ่งกว่าเดิมอีก รู้ไหม... ”
ประท้วงขึ้นมา แล้วคนโตกว่าก็หัวเราะอีกครั้ง
“ วันที่เรากลับมาเจอกัน ฝนก็ตกอีกครั้ง แต่ต่อไป... พี่อยากจะเจอกับกันต์ทุกๆ วัน –ไม่ใช่แค่วันที่ฝนตก กันต์จะว่าไง? ”
ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของคุณหมอก็ระบายยิ้มออกมาด้วยอารมณ์เบิกบาน แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และตอบกลับไปเบาๆ “ กันต์ก็เหมือนกัน ”
พลันรอยยิ้มอบอุ่นดุจแสงอาทิตย์ก็ส่องประกายมาที่คุณหมอ เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่มันก็ไม่เหมือนเดิม เมื่อในตอนนี้ ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้ง ความผูกพันครั้งก่อนเก่าที่ฝังรากลึกลงในหัวใจของกันต์และนนท์ แตกยอดอ่อนๆ และเติบโตขึ้นเร็ววันด้วยฝนที่โปรยลงมาชโลมหัวใจของสองคน
ตั้งแต่นั้นมา ไม่เคยมีความรู้สึกแย่ๆ อีกสำหรับกันต์
ในวันที่ฝนโปรย.
จบสมบูรณ์
ผลงานอื่นๆ ของ Daisy B. ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Daisy B.
ความคิดเห็น