ตำนานเทพเจ้ากรีก ฮาเดส/เฮดีส - ตำนานเทพเจ้ากรีก ฮาเดส/เฮดีส นิยาย ตำนานเทพเจ้ากรีก ฮาเดส/เฮดีส : Dek-D.com - Writer

    ตำนานเทพเจ้ากรีก ฮาเดส/เฮดีส

    เทพฮาเดส เป็นโอรสของเทพโครนัส (Cronus) และ เทพีรีอา (Rhea) เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันกับ เทพโพไซดอน (Poseidon) เทพีเฮสเทีย (Hestia) เทพีดิมีเตอร์ (Demeter) เทพีฮีรา (Hera) และ มหาเทพซุส (Zeus)

    ผู้เข้าชมรวม

    2,697

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    18

    ผู้เข้าชมรวม


    2.69K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 54 / 13:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

          เทพฮาเดส เป็นโอรสของเทพโครนัส (Cronus) และ เทพีรีอา (Rhea) เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันกับ เทพโพไซดอน (Poseidon) เทพีเฮสเทีย (Hestia) เทพีดิมีเตอร์ (Demeter) เทพีฮีรา (Hera) และ มหาเทพซุส (Zeus)

          เมื่อมหาเทพซุส โค่นเทพโครนัสบิดาของตนลงจากบัลลังก์แล้ว เทพซุสได้แต่งตั้งเทพโพไซดอน ปกครองมหาสมุทร แม่น้ำทั้งปวง และให้เทพฮาเดสปกครองดินแดนยมโลก หรือ นรก เทพฮาเดสเป็นผู้ปกครองนรกซึ่งมีแต่ความมืดมิดและน่ากลัว จึงไม่ได้ขึ้นไปบนเขาโอลิมปัสบ่อยนัก อีกทั้งเทพองค์อื่น ๆ ก็ไม่ชอบที่จะต้อนรับฮาเดสด้วย ดังนั้นฮาเดสจึงไม่มีชื่อเป็นหนึ่ง ในเทพโอลิมปัส เฉกเช่นองค์อื่น ๆ

        

      ฮาเดส หรือ เฮดีส (Hades) ชาวโรมันเรียกว่า พลูโต (Pluto) เทพเจ้าผู้ปกครองนรก และโลกหลังความตาย ในตำนานถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งทรัพย์ เพราะเทพฮาเดสมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทุกอย่างภายใต้พื้นพิภพ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดีส (Dis) ซึ่งแปลตรงตัวว่า ทรัพย์สิน

      นอก จากนี้ ฮาเดส ยังได้ชื่อว่าเป็นเทพที่มีความเที่ยงธรรมอย่างมาก ตัดสินความดี ความชั่ว ของคนตาย โดยปราศจากอคติใด ๆ ทั้งสิ้น กล่าวกันว่า พระองค์มีหมวกวิเศษอยู่ใบหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้สวมหายตัวได้ และพระองค์มีเทพผู้ช่วยในการตัดสินความดี ความชั่ว ในยมโลกอีก 3 องค์คือ ราดาแมนทีส ไมนอส ไออาคอส โดยมีชื่อเรียกว่า สามเทพสุภา และยังมี ฮิปนอส เทพแห่งการหลับไหล และ ทานาทอส เทพแห่งความตายคอยให้ความช่วยเหลืออยู่อีกด้วย

          ครั้งหนึ่งเมื่อเทพฮาเดสได้เสด็จขึ้นมาบนพื้นโลก ได้พบกับเทพีเปอร์เซโฟนี (Persephone) เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ และเป็นธิดาของ เทพีดิมีเตอร์ เทพีแห่งธัญญาหาร หรือพระแม่โพสพกับมหาเทพซุส ซึ่ง เทพีเปอร์เซโฟนีก็เป็นหลานของเทพฮาเดสนั่นเอง อย่างไรก็ตามเทพฮาเดสหลงรักเทพีเปอร์เซโฟนีทันทีที่พบนาง พร้อมกับฉุดฝืนใจนาง พาลงไปสู่ดินแดนใต้พิภพ เพื่อครองคู่

         

      เมื่อเทพีดิมีเตอร์ทราบว่าธิดาของตน ถูกลักพาตัวก็ร้องเรียนต่อมหาเทพซุสให้ช่วยนำธิดาของเธอคืนมา มหาเทพ จึงส่งเทพเฮอร์มีส (Hermes) เป็นทูตไปเจรจากับเทพฮาเดส การเจรจาคราวนั้นมีเงื่อนไขว่า ถ้าเทพีเปอร์เซโฟนี ไม่ได้เสวยอะไรในยมโลก เทพฮาเดสต้องส่งนางคืนแก่เทพีดิมีเตอร์โดยทันที แต่หาก เทพีเปอร์เซโฟนี เสวยของในยมโลก เทพฮาเดส ก็จะมีสิทธิในตัวนาง ผลปรากฏว่าเทพีเปอร์เซโฟนีได้เสวยเมล็ดผลทับทิมไป 6 เมล็ด จึงตกลงกันว่าในแต่ละปี เทพีเปอร์เซโฟนี จะกลับขึ้นมาอยู่กับพระมารดาบนพื้นโลก 6 เดือน และต้องกลับไปอยู่กับเทพฮาเดสในยมโลกอีก 6 เดือน ช่วงที่เทพีเปอร์เซโฟนีขึ้นมาอยู่บนพื้นโลกนั้น เทพีดิมีเตอร์ มีความยินดีอย่างยิ่ง ทำให้แผ่นดินและพืชพันธุ์คืนสู่ความเขียวขจี พร้อมกับเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน และ เมื่อเทพีเปอร์เซโฟนี ต้องกลับไปอยู่ยังยมโลก พืชพรรณและแผ่นดินที่เขียวขจีก็จะเหี่ยวแห้งอับเฉา พร้อมกับเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว การที่เทพฮาเดสได้อยู่ร่วมกับมเหสีเพียง 6 เดือนในแต่ละปีนั้นสะท้อนถึง ความเปล่าเปลี่ยวของเทพฮาเดสได้เป็นอย่างดี

      มีอยู่ครั้งหนึ่ง เทพฮาเดส ทรงหลงเสน่ห์ความน่ารักของนางอัปสรนามว่า มินธี (Minthe) แต่ทว่าความรักนี้มิยั่งยืน ด้วยเหตุที่ เทพีดีมิเตอร์ ซึ่งมีฐานะเป็นแม่ยาย เห็นเทพฮาเดส ทำท่าจะนอกใจธิดาของตน เทพีก็พิโรธโกรธเกรี้ยวลงทัณฑ์จนมินธีนางอัปสรผู้น่าสงสารตาย เทพฮาเดส เวทนาสงสารนางอัปสรน้อยนั้น จึงเปลึ่ยนร่างของนางให้กลายเป็นพืชชนิดหนึ่งมีกลิ่นหอม และได้กลายเป็นพืชประจำพระองค์ตลอดมา

      อาณาจักรยมโลกของฮาเดสนั้นเป็น ดินแดนเร้นลับ อยู่ภายใต้พื้นโลกที่แสงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง คำว่า ฮาเดส เป็นภาษากรีกโบราณแปลว่า “มองไม่เห็น” ลักษณะของยมโลก ในตำนานของทุกชาติ มีความคล้ายคลึงกัน ตรงที่เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยากไปเยี่ยมชม ผู้ถูกลงทัณฑ์อยู่ในยมโลกก็อยู่ในสภาพทุกข์ทรมาน เจ็บป่วย เต็มไปด้วยทุกขเวทนา และเป็นดินแดนลี้ลับภายใต้พื้นพิภพ ที่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ส่องไม่ถึง อาณาจักรแห่งนี้ จึงมืดมิด และหนทางที่จะลงไปก็ลำบากเอาการ เพราะต้องเดินทางไปถึงสุดขอบพิภพโดยข้าม มหาสมุทรไป (คนกรีกโบราณ เชื่อว่าโลกแบน และแวดล้อมด้วยมหาสมุทร)

      จาก ความเชื่อนี้เอง จึงเกิดธรรมเนียมเอาเงินใส่ปากคนตายก่อนฝัง เพื่อใช้ในการข้ามแม่น้ำ 3 สาย คือ

      1. แม่น้ำสติกซ์ (Styx) แปลว่าแม่น้ำแห่งความเกลียด
      2. แม่น้ำลีธี หรือ เลเธ แปลว่าแม่น้ำแห่งความลืม เมื่อดวงวิญญาณคนตายได้ดิ่มน้ำแล้วจะลืมความหลังทั้งหมด
      3. แม่น้ำ เฟลจีธอน หรือ เฟลเกทธอน แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำไฟ มีเปลวไฟลุกไหม้โชติช่วงอยู่บนผิวน้ำ และอยู่ล้อมรอบ นรกขุมลึกสุด คือ ทาร์ทะรัส

      ชาวกรีกโบราณจะถวายการสักการะแด่ฮาเดสด้วยแกะดำ ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่เร้นลับสืบหาที่มาได้ค่อนข้างยาก แต่ก็มีการสืบทอดต่อกันมาว่า หากจะบูชาเทพแห่งความตายหรือเทพอันใด ที่เป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัวหรือชั่วร้าย ต้องบูชายัญด้วยแพะ หรือแกะดำ


      รูปของฮาเดส/เฮดีส

      ฮาเดส หรือ เฮดีส (Hades) เทพเจ้าผู้ปกครองนรก และโลกหลังความตาย

      ฮาเดส หรือ เฮดีส (Hades) เทพเจ้าผู้ปกครองนรก และโลกหลังความตาย

      เทพเฮเดส และ เทพีเปอร์เซโฟนี

      เทพเฮเดส และ เทพีเปอร์เซโฟนี

      เทพเฮเดส กำลังลักพา เทพีเปอร์เซโฟนี

      เทพเฮเดส กำลังลักพา เทพีเปอร์เซโฟนี

      รูปปั้นฮาเดส (Hades)

      รูปปั้นฮาเดส (Hades)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×