บัลลังก์ภูสรวง ภาค จันทราซ่อนกล
ตราบเมื่อระบำไหมจันทร์จบลง และทรงปลีกองค์ออกจากลานพิธีนั้นแล ที่อรุณทิวากลับทอดพระเนตรสิ่งหนึ่งตรงซอกบันไดหลังระเบียงที่แยกไปสู่เรือนสุขา สไบทองลายพระจันทร์ กับดอกไม้สีขาวที่สลิลาเรียกว่า ดอกลิลี่
ผู้เข้าชมรวม
2,450
ผู้เข้าชมเดือนนี้
37
ผู้เข้าชมรวม
นิยายตีพิมพ์ เจ้าหญิง เจ้าชาย โรแมนติก แฟนตาซี รัก รักซึ้งกินใจ แม่ทัพ ล่าสมบัติ อาณาจักร รักต้องห้าม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
จนแล้วจนเล่าสลิลาก็ไม่กลับมา ค้นหากันจนทั่ววิหารก็มิพบ ตราบพระเพ็งเริ่มโคจรขึ้นฟ้านั้นแล ที่กระบวนพิธีจำต้องเริ่มขึ้นโดยปราศจากเจ้านางแห่งเวียงสายเลือง
เสียงสวดบริกรรมพิธีเริ่มต้นขึ้น...กระหึ่มขรึมขลังกังวานต่อเนื่องยาวนาน จากนั้นนาฏลีลาจึงได้เริ่ม การฟ้อนไหมจันทร์และทำมาลาบูชาพระจันทร์ราตรีนี้อรุณทิวาตั้งพระทัยว่าจักต้องทำให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด
ตราบเมื่อระบำไหมจันทร์จบลง และทรงปลีกองค์ออกจากลานพิธีนั้นแล ที่อรุณทิวากลับทอดพระเนตรสิ่งหนึ่งตรงซอกบันไดหลังระเบียงที่แยกไปสู่เรือนสุขา
สไบทองลายพระจันทร์ กับดอกไม้สีขาว... ดอกที่สลิลาเรียกว่า ดอกลิลี่!
เมื่อทรงหยิบขึ้นมาพินิจให้แน่พระทัยกลับยิ่งพระหัตถ์สั่นเทิ้ม... รอยเลือดเปื้อนอยู่ตรงก้านดอกลิลี่ เปรอะส่วนกลีบสีขาวเล็กน้อย หากพาดผ่านกลางจันทร์เสี้ยว...
ลิลี่ไม่ได้หนีไป มีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้นกับเจ้านางสลิลา...
---------------
บ้างก็ว่าเบื้องหลังคำสั่งกำจัดดอกไม้ต่างชาติมาจากอดีตมหาเทวีเงินแสง เจ้าย่าหลวงผู้เกลียดชังลูกเขยกุลาขาวและพลอยเผื่อแผ่ความเกลียดชังมาสู่พระนัดดา บ้างก็ว่ามาจากคุ้มเจ้าฟ้ากรวิก อดีตคู่หมายของเจ้านางบัวทิพย์ที่คับแค้นใจ
เจ้าฟ้าธาราทิศกัดริมโอษฐ์แน่นจนเจ็บ... ทั้งที่เจ้าฟ้าแกล้วฉัตร พระบิดากำลังประทานหุบเขาพระจันทร์ให้พระองค์แท้ๆ และทรงตั้งพระทัยจะเนรมิตเป็นเรือนหอประทับร่วมกับแม่ญิงที่รักในอนาคตยามดรุณีนางนั้นเติบใหญ่ หากกลับกลายดินแดนแห่งความตาย เสื่อมความงามเปี่ยมเสน่ห์ลงนับจากวันนั้น...
อาจะได้สอนเจ้าผ่อดาว ชมจันทร์ที่นี่อีกไหมหนอ ลิลี่... ป่านนี้เจ้าคงมิใช่ละอ่อนน้อย คงเป็นแม่ญิงงามโสภา แล้วอาก็คงเป็นได้แค่เจ้าชายแก่ๆ เท่านั้น...
แล้ววันนี้อาต้องปิ๊กมาที่นี่เพื่อ ‘คืนชีวิต’ ให้หุบเขาพระจันทร์ตามพระบัญชาเจ้าย่าหลวง หากบ่มีเจ้าอยู่เสียแล้วลิลี่
เจ้าฟ้าธาราทิศถอนปัสสาสะยาว ความอ่อนแอชนิดนี้กำลังกร่อนกินพระทัย ทรงเค้นสุรเสียงออกมาอย่างขมขื่น
ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนเด็กเอเชียหัวดำอีกหลายคนในโรงเรียน แทบจะกลืนหายไป ไร้จุดเด่นชนิดที่มองผ่านเลยไปได้ง่ายๆ ผมสีน้ำตาลเกาลัดเข้มยาวระต้นคอที่ตัดแต่งไม่เป็นทรงเท่าไรนักยิ่งทำให้ยิ่งดูขาดๆ เกินๆ หากแต่เจ้านางอรุณทิวาทรงจำเขาได้แม่นยำเพราะดูรูปทุกวันจนขึ้นใจ เมื่อเปิดเรียนจึงตรงดิ่งไปแนะนำตัวได้อย่างไม่เคอะเขิน
เมื่อพิศดูใกล้ๆ จึงยิ่งเห็นว่าหน้าตาเขาค่อนไปทางเอเชียชัดเจนกว่ายุโรป ดวงตาสีกาแฟเข้มจัดจนเกือบดำนั้นเรียวรี โครงหน้าเล็ก มีเพียงเบ้าตาลึก จมูกโด่งเป็นทรงชัดเจน และผิวค่อนไปทางขาวมากกว่าเหลืองที่บ่งบอกสายเลือดตะวันตกในตัว
ปาสคาล ชาร์ชิเย่ ดูต่างจากที่ทรงคาดไว้มาก เขาดูไม่เหมือนทายาทตระกูลชาร์ชิเย่ ลูกชายคนโตและคนเดียวของอองรี ชาร์ชิเย่ มหาเศรษฐีเชื้อสายขุนนางเก่าแถบมาร์เลอองสักนิด ท่าทางเด็กหนุ่มขลาดอาย ไม่มั่นใจ ไร้ความสง่าผึ่งผายอย่างที่เด็กตระกูลผู้ดีมักเป็น
ทว่าสิ่งที่สะดุดพระทัยคือดวงตาซื่อแกมโศกนั้นต่างหาก และดวงตาคู่นั้นเองที่ทอดมองพระนางด้วยความชื่นชมบูชา ปาสคาลไม่ใช่คนพูดมาก เขาชอบเป็นฝ่ายฟังพระนางพูดเสียด้วยซ้ำ จนเมื่อเวลาผ่านไปถึงจะได้ยินเขาเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง
‘พ่อฉันเป็นคนฝรั่งเศส แม่เป็นคนไทย-เวียงสายเลือง’
ผลงานอื่นๆ ของ พิมพ์อักษรา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ พิมพ์อักษรา
ความคิดเห็น