คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : End of Summer [สิ้นสุดฤดูร้อน]
***Chapter 8 End of Summer [สิ้นสุดฤดูร้อน]***
วันหยุดช่วงฤดูร้อนนั้นหมดลงอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับไอศกรีมที่ถูกทิ้งไว้กลางแดดในหน้าร้อน เมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้วันที่เธอต้องเดินทางกลับฮอกวอตส์แล้ว
วันสุดท้ายของเดือนสิงหาคมเป็นวันที่อากาศดีอย่างไม่มีที่ติ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ แฮร์รี่ รอน รวมทั้งจินนี่ก็พร้อมใจกันออกไปขี่ไม้กวาดเล่นตรงเนินเขาไม่ห่างจากบ้านโพรงกระต่ายเท่าไหร่นัก ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งไม่มั่นใจเท่าไหร่นักเมื่ออยู่บนไม้กวาดก็ขอนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ตรงพื้นหญ้าและมองดูพวกเขาบินฉวัดเฉวียนไปมามากกว่าจะเข้าไปร่วมด้วย
เด็ก ๆ ใช้เวลาตลอดทั้งวันบินเล่นบนไม้กวาด และลงมานั่งพักบนพื้นหญ้าบ้างเป็นครั้งคราว หลังจากเหนื่อยจากการบินมาเป็นเวลานานรอนและแฮร์รี่ก็ลงมานอนแผ่บนผ้าปูผืนเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ เด็กทั้งสองนอนแอ้งแม้งอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งวันเพื่อซึมซับช่วงเวลาสุดท้ายของหน้าร้อนเอาไว้
เมื่อภายนอกเริ่มมืดเด็กทั้งหมดก็รู้ดีว่าถึงเวลาจะต้องกลับกันแล้ว ก่อนที่พวกผู้ใหญ่จะเป็นห่วงและออกมาตามหา แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ และจินนี่เดินเข้าบ้านโพรงกระต่ายไปพร้อมกับได้กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมาจากห้องครัว รอนรีบวางไม้กวาดพลางเดินตามกลิ่นนั้นไปทันที
ภายในครัวที่เล็กและคับแคบของครอบครัววีสลีย์ นางวีสลีย์และเฟลอร์ เดอ ลากรูว์กำลังปรุงอาหารเย็นกันอยู่ จะเรียกว่าช่วยกันปรุงก็ไม่ถูกนัก เพราะนางวีสลีย์มักทำหน้างออย่างรำคาญใจทุกครั้งที่เฟลอร์เสนอตัวจะช่วยเธอทำสตู
เมื่อนางวีสลีย์มองเห็นเด็กทั้งสี่ที่เพิ่งเดินเข้ามาเธอก็ยิ้มกว้าง
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ เย็นนี้เรามีสตูทานกันจ๊ะ แล้วก็อย่างอื่นด้วยนะ เราคิดว่าจะทำอาหารให้พิเศษหน่อยสำหรับคืนนี้เพราะพรุ่งนี้พวกเธอก็จะกลับฮอกวอตส์กันแล้ว” นางวีสลีย์พูดพลางยิ้มให้เด็กทั้งสี่ราวกับเธอดีใจเหลือเกินที่มีใครสักคนมาขัดจังหวะการอยู่ด้วยกันสองต่อสองของเธอกับเฟลอร์
“ดีครับ ว่าแต่แม่มีอะไรให้ผมรองท้องก่อนไหมครับ ผมหิวน่าดูเลย” รอนพูดพลางลูบท้องที่กำลังส่งเสียงโครกครากของตนเอง แม้ว่าเขากำลังสนทนาอยู่กับแม่ของตัวเองก็ตาม แต่สายตาของรอนกลับมองเลยไปยังเฟลอร์ที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตา แม้ว่าเธอกำลังอยู่ในห้องครัวที่ร้อนอบอ้าวมากแต่หญิงสาวก็ยังคงดูสวยอย่างไม่มีที่ติอยู่ดี
“ไม่มีจ๊ะ โรนัลด์ ลูกทนหิวซักชั่วโมงได้ไหมล่ะ” นางวีสลีย์พูดยังไม่ทันจบเสียงหวานใสราวกับกระดิ่งเงินก็ดังแทรกขึ้นมา
“ไม่ต้องหรอกค่า ก่อนหน้านี้ช้านอบพายเอาไว้ ช้านจะเอาให้เขาทานนะค้า” เฟลอร์พูดพลางเคลื่อนตัวอย่างสง่างามมาที่รอนพร้อมกับโบกไม้กายสิทธิ์เบา ๆ ถาดบรรจุพายจำนวนไม่น้อยก็ลอยมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม
“ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าเธอทำพายเอาไว้” นางวีสลีย์พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ช้านทำไว้ตอนคุณไปทำความสะอาดบ้านน่ะค่า ช้านถนาดมากเลยเรื่องขนมอบเนี่ย” เฟลอร์พูดพลางส่งยิ้มที่ดูสวยจนเหลือเชื่อมาให้รอน “ลองทานดูสิจ๊ะ พวกเธอมาทานกานได้เลยน้า แต่มันเป็นไส้เนื้อน้าฉันไม่รู้ว่าพวกเธอจะชอบกานหรือเปล่า” เธอหันมาพูดกับเด็ก ๆ ที่เหลือ ในขณะที่รอนทำหน้าเคลิ้มฝัน
“แน่นอน ผมชอบไส้เนื้อ วิเศษไปเลย” เด็กหนุ่มพึมพำ แววตาเหม่อลอยราวกับถูกคาถางงงันเข้าไปเต็ม ๆ
“ดีมากจ้า รอน ทานให้อาหร่อยน้าจ้า” เฟลอร์พูดพลาดหยิกแก้มรอนเบา ๆ ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเอาพายจ่อริมฝีปาก เป็นผลให้เขาทำมันหล่นลงพื้น
“เธอก็มาทานด้วยสิจ๊า แอร์รี่” หญิงสาวชวน แต่แฮร์รี่ปฏิเสธอย่างสุภาพว่าเขาไม่หิวและอยากเก็บท้องไว้สำหรับอาหารเย็นมากกว่า และเมื่อแฮร์รี่พูดเช่นนั้นนางวีสลีย์ก็ยิ้มกว้างให้เขาอย่างพอใจพร้อมกับบอกว่าเธอจะทำทาร์ตน้ำตาลข้นของโปรดของเขาไว้ให้
“เอาล่ะ พวกเธอขึ้นไปจัดการอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนแล้วค่อยลงมาทานอาหารเย็นนะจ๊ะ อ้อ แล้วอย่าลืมจัดสัมภาระให้เรียบร้อยภายในคืนนี้ด้วยล่ะ โดยเฉพาะลูกรอน แล้วก็แฮร์รี่ด้วยนะจ๊ะ สวรรค์รู้ดีว่าเราไม่ต้องการให้มีอะไรขลุกขลักในวันพรุ่งนี้หรอก จริงไหมจ๊ะ” เธอพูดพลางส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้แฮร์รี่ ในขณะที่รอนหยิบถาดพายขึ้นมาถือ ตายังมองตามเฟลอร์ที่หายเข้าไปในครัวด้วยอาการฝัน ๆ จนแฮร์รี่ต้องมาลากเขาขึ้นบันไดไป
“น่าสมเพชจริง ๆ !” จินนี่พูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ เมื่อเห็นร่างของพี่ชายเดินหายขึ้นบันไดไปพร้อมกับแฮร์รี่
“นับวันยิ่งอาการหนักขึ้นทุกที คราวนี้ยิ่งหว่าถูกคาถางงงันเสียอีก แล้วใคร ๆ ก็รู้ว่าเขาน่ะเกลียดไส้เนื้อจะตาย!” เธอกระซิบกับเฮอร์ไมโอนี่ แต่มันไม่ใช่การกระซิบที่เบาเท่าไหร่นัก
“จินนี่!” นางวีสลีย์กระซิบเสียงดุมาจากในครัว นางหันไปทางเฟลอร์ที่กำลังปรุงสตูอยู่อย่างพิถีพิถันโดยไม่ระแคะระคายซักนิดว่าจินนี่เพิ่งจะแขวะเธอผ่านรอนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเธอนัก
“หนูพูดความจริงนี่นา” เธออ้อมแอ้ม “หนูจะขึ้นข้างบนแล้วนะคะ เดี๋ยวจะลงมาตอนทานอาหารเย็น”
“ลูกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นจินนี่ ลูกต้องมาช่วยแม่เตรียมอาหาร” นางวีสลีย์สั่งเสียงเฉียบ
“แต่แม่ก็มีคุณ.....เฟลอร์ช่วยแล้วนี่คะ” เธอประท้วง เกือบจะเอ่ยคำว่า ‘ เฟล็ม ’ ออกมา ในขณะที่นางวีสลีย์จ้องเธอตาเขียวปั๊ดซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่ค่อยเห็นเธอใช้กับลูกสาวเท่าไหร่ ส่วนมากเธอจะใช้สายตาแบบนี้กับรอนหรือฝาแฝดมากกว่า
“แต่แม่ต้องการให้ลูกมาช่วยจ๊ะ แม่คิดว่าแม่จะออกไปจัดการสวนซะหน่อย คืนนี้เราจะทานข้าวเย็นกันในสวน แล้วตอนนี้มันก็โนมเต็มไปหมด แม่อยากจะแน่ใจว่าจะไม่มีใครโดนตัวโนมกัดตอนทานอาหารเย็นจ๊ะ” นางวีสลีย์พูด
“แต่แม่คะ” จินนี่ครางเมื่อรู้ว่าเธอต้องอยู่กับเฟลอร์ในครัวแค่สองคน
“ไม่มีคำว่าแต่จินนี่” นางวีสสีย์พูดเสียงเฉียบ “ส่วนหนูเฮอร์ไมโอนี่ ฉันคิดว่าหนูขึ้นไปจัดเตรียมสัมภาระไปฮอกวอตส์ดีกว่าจ๊ะ แล้วค่อยเจอกันตอนอาหารเย็นนะจ๊ะ”
“ให้หนูอยู่ช่วยจินนี่ก็ได้นะคะ คุณนายวีสลีย์” เด็กสาวเสนอ แต่นางวีสลีย์ส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรจ๊ะ มันคงไม่สะดวกแน่ ๆ หากมีแม่ครัวถึงสามคนในห้องแคบ ๆ น่ะ หนูขึ้นไปจัดของเถอะจ๊ะ” เธอพูดอย่างใจดีก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนให้จินนี่ที่กำลังทำหน้าราวกับเพิ่งโดนบังคับให้กลืนทากเป็น ๆ อยู่
“ส่วนลูกไปช่วยเธอทำอาหารเย็นต่อ แล้วแน่ใจด้วยนะว่าเราจะมีสตูอร่อย ๆ ทานกัน ไม่ใช่เศษเนื้อในน้ำซอสแหยะ ๆ น่ะ” นางวีสลีย์กำชับก่อนจะเดินออกจากครัวไป
.................................................
เฮอร์ไมโอนี่กลับขึ้นมาที่ห้องนอนที่เธอใช้ร่วมกับจินนี่เกือบตลอดหน้าร้อนที่ผ่านมา ความจริงเด็กสาวจัดสัมภาระสำหรับไปฮอกวอตส์เสร็จตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว แต่เมื่อคุณนายวีสลียอยากให้เธอขึ้นมาจัดเตรียมของมากกว่าอยู่ช่วยที่ครัวล่ะก็ เฮอร์ไมโอนี่ก็คิดว่าเธอน่าจะรื้อสัมภาระของเธอออกมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ลืมเอาของสำคัญชิ้นไหนกลับไปโรงเรียน
เด็กสาวนั่งลงบนพื้นห้องข้าง ๆ กระเป๋าสัมภาระใบใหญ่สองใบของเธอ และเริ่มรื้อมันออกมาจัดใหม่ เธอต้องใช้เวลาอยู่นานพอดูกว่าจะหยิบข้าวของออกมาจากกระเป๋าหมดและเริ่มเรียงมันรอบ ๆ ตัวเธอพลางตรวจเช็คว่าเธอเอาของที่เธอต้องการไปครบหรือไม่
แต่ในขณะที่เธอกำลังหยิบตำรับตำราของเธอที่ตรวจสอบดีแล้วเรียงกลับเข้าไปในกระเป๋าใหม่อีกครั้ง ก็มีบางสิ่งบางอย่างหล่นลงมาจากหนังสือวิชาแปลงร่างขั้นสูงของเธอ เด็กสาวพบว่ามันเป็นจดหมาย จดหมายที่เดรโก มัลฟอย เด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินเขียนถึงเฮอร์ไมโอนี่เพียงฉบับเดียวตลอดหน้าร้อนที่ผ่านมา!
เฮอร์ไมโอนี่หยิบจดหมายนั้นขึ้นมา เธอแกะมันออกอ่านอีกรอบหลังจากที่อ่านมันเป็นร้อย ๆ ครั้งตลอดหน้าร้อนที่ผ่านมานี้ [ แน่นอนว่าเธอแอบอ่านตอนที่ไม่มีใครเห็น ] เด็กสาวมองลายมือที่คุ้นเคยของมัลฟอยในจดหมายนั้น ซึ่งไม่มีใจความสำคัญอะไรมากไปกว่าเขาต้องการบอกเธอว่าเรื่องของเธอและเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เฮอร์ไมโอนี่อ่านจดหมายไปจนถึงถ้อยคำที่เขาเขียนว่า
‘ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่มีทางทำร้ายเธอเด็ดขาด ขอให้เธอมั่นใจได้ ’
ขณะที่อ่านข้อความนั้น เด็กสาวรู้สึกราวกับเขาได้ยินเสียงของมัลฟอยลอยมากระซิบที่ข้าง ๆ หู ถ้อยคำที่เขาได้ให้สัญญากับเธอไว้อย่างหนักแน่นเมื่อเด็กทั้งสองอยู่บนรถไฟขากลับจากฮอกวอตส์ด้วยกัน
‘ ฉันสาบานว่าฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอ ไม่มีวัน ’
‘ เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงเหรอมัลฟอย ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เธอเองก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว บางทีตอนนี้เธออาจจะเป็นผู้เสพความตายไปแล้วก็ได้ ’
เด็กสาวคิดพร้อมกับน้ำตาหยดเล็ก ๆ ที่ไหลริน เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงอย่างสับสน และเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาเธอก็เห็นข้อความที่อยู่ตรงท้ายจดหมาย
รัก
เดรโก มัลฟอย
เฮอร์ไมโอนี่ยกจดหมายตรงที่มีลายเซ็นของมัลฟอยขึ้นประทับริมฝีปาก พระเจ้า! เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน! เธอคิดถึงเขาแทบทุก ๆ นาทีตลอดหน้าร้อนที่ผ่านมา!
‘ แต่วันพรุ่งนี้ฉันก็จะเจอเขาแล้วนี่นา และเมื่อฉันเจอหน้าเขาฉันจะถามเขาให้รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งเรื่องที่เขาอาจจะเป็นผู้เสพความตายด้วย ’ เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างกล้าหาญพร้อมกับปาดน้ำตาออกและทันทีที่เธอทำเช่นนั้นประตูห้องก็เปิดออก!
เด็กสาวรีบเก็บจดหมายลงกระเป๋าทันทีพร้อมกับปาดน้ำตาแรง ๆ อีกหนเพื่อแน่ใจว่าร่างที่มาใหม่นั้นจะไม่เห็นว่าเธอร้องไห้ และปรากฏว่าร่างที่ยืนอยู่ตรงประตูที่เพิ่งเปิดออกนั้นคือ จินนี่
.................................................
“จินนี่! เธอทำพี่ตกใจหมดเลยรู้ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ทักเธอ พยายามทำท่าทีร่าเริง
“ขอโทษค่ะ” จินนี่พูดพลางมองกองหนังสือรอบ ๆ ตัวเฮอร์ไมโอนี่อย่างแปลกใจ เธอสวมผ้ากันเปื้อนสีส้มที่นางวีสลีย์หยิบให้มันตัดกับสีผมของเธออย่างน่ากลัว
“พี่จัดของอยู่เหรอคะ หนูนึกว่าพี่จัดของเสร็จแล้วเสียอีก” เธอถาม
“เอ้อ แบบว่าพี่รื้อมาจัดอีกรอบน่ะ พี่ก็มีนิสัยไม่ค่อยชอบอยู่นิ่ง ๆ ซักเท่าไหร่เธอก็รู้” เด็กสาวพูดไปตามเรื่องขณะที่จินนี่กระโดดข้ามกองข้าวของของเฮอร์ไมโอนี่มานั่งใกล้ ๆ เธอ
“ความจริงพี่น่าจะมาช่วยหนูทำอาหารเย็นมากกว่า ยายคุณเฟล็มนั่นไม่เหมาะกับงานบ้านงานเรือนซักนิดเดียว” จินนี่พูดพลางย่นจมูกราวกับเธอได้กลิ่นอะไรบ้างอย่างที่เหม็นอย่างร้ายกาจ
“พี่ก็อยากช่วยนะ แต่.....แล้วทำไมเธอขึ้นมาได้ล่ะจินนี่ อาหารเย็นเสร็จแล้วเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม อย่างแปลกใจ เพราะเธอแน่ใจว่าเธอเพิ่งขึ้นมาข้างบนได้ไม่เกินสิบห้านาทีเท่านั้นจินนี่ก็ตามขึ้นมาแล้ว
เด็กสาวผมแดงส่ายหน้า
“เปล่าค่ะ หนูแค่ทิ้งงานไว้ให้คุณเฟล็มทำ ก็เธออยากพูดเองนี่ว่าเธอน่ะทำสตูได้อร่อยเหลือเชื่อ หนูก็เลยปล่อยให้เธอโชว์ฝีมือเสียคนเดียวเลย แต่หนูลองชิมแล้วนะ รสชาติเหมือนซุปฟักทองเก็บค้างคืนไม่มีผิด” เธอวิจารณ์เฟลอร์อย่างเผ็ดร้อน
“แล้วคุณนายวีสลีย์ล่ะจ๊ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามไปตามเรื่อง
“แม่ออกไปจัดพื้นที่ที่สวนสำหรับทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ เห็นแม่บอกว่าจะขึ้นมาข้างบน มาจัดของลงกระเป๋าให้พี่รอนกับแฮร์รี่ แม่รู้ดีว่าสองคนนี้ไม่มีวันจัดของจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย” จินนี่ว่า เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า เธอรู้นิสัยเพื่อนทั้งสองดี
“หนูก็เลยแว๊บขึ้นมาบนนี้ตอนที่แม่ขึ้นไปจัดของให้พวกพี่ ๆ นั่นแหละ หนูอยากอยู่ห่างคุณเฟล็มซักห้านาทีก็ยังดี ไม่งั้นหนูคงต้องเหยียบเสมหะลื่นล้มอยู่ในครัวแน่ ๆ” จินนี่แขวะเฟลอร์พลางเอนหลังพิงกับเตียงนอน ซึ่งปกติเฮอร์ไมโอนี่จะต้องหัวเราะและเห็นด้วยไปกับเธอทุกครั้งที่จินนี่พูดอะไรร้าย ๆ ใส่เฟลอร์ แต่คราวนี้เธอกลับนิ่งเงียบจนจินนี่แปลกใจ
“พี่เฮอร์ไมโอนี่คะ พี่เฮอร์ไมโอนี่” จินนี่เรียกชื่อเธอ
“จ๊ะ........เธอว่าอะไรนะจินนี่” เด็กสาวสะดุ้งจากภวังค์
“พี่ไม่ได้ฟังหนูพูดเลยหรือคะ” จินนี่ถามเฮอร์ไมโอนี่ที่เธอเคารพเหมือนพี่สาว
“เอ่อ โทษทีจ๊ะ พี่เหม่อไปหน่อยน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด จินนี่ขมวดคิ้ว
“หนูว่าไม่หน่อยเลยนะคะ พักหลัง ๆ มานี่หนูเห็นที่เหม่อบ่อยมากเลย อย่าว่าแต่หนูเลยค่ะ ขนาดพี่รอนก็ยังพูดเลยว่าหมู่นี้พี่ใจลอยออกจะบ่อย แล้วพี่ก็รู้นะคะว่าพี่รอนน่ะไม่ใช่คนช่างสังเกตเอาซะเลย โดยเฉพาะเวลามียายคุณเฟล็มมาอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้” เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา
“พี่เป็นอย่างนั้นหรือจ๊ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างขลาด ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอรู้ดีว่าพักหลังมานี่เธอมักเหม่อลอยบ่อย ๆ อย่างที่จินนี่ว่า และทุกครั้งที่เธอทำเช่นนั้นเธอมักจะคิดถึงมัลฟอย คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตรอกไดแอกอน เรื่องแปลกประหลาดที่เขาทำในร้านบอร์เจ็นและเบิร์ก รวมทั้งเรื่องที่เขาจูบเธอที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกด้วย
“แล้วหนูก็คิดว่าพี่เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่กลับมาจากตรอกไดแอกอน” จินนี่เสริม
“อะไรนะ” เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นเสียงสูงโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
“หนูคิดว่าพี่แปลกไปตั้งแต่กลับมาจากตรอกไดแอกอนค่ะ” จินนี่บอก เธอเอื้อมมือมาแตะเข่าเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ “ถ้าพี่มีอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษาหนูได้นะคะ เหมือนที่หนูเคยปรึกษาพี่เรื่องแฮร์รี่” จินนี่พูดถึงตอนที่เธอหลงรักแฮร์รี่เมื่อหลายปีก่อน แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ให้ความเห็นว่าเธอควรจะตัดใจจากเขาซะแล้วลองเดทคนอื่น ๆ ดูบ้าง
เฮอร์ไมโอนี่มองจินนี่ที่เหมือนน้องสาวของเธอ แม้ว่าในใจของเธอจะร่ำร้องว่าเธออยากจะบอกใครซักคนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมากก็ตาม เพราะในตอนนี้เธอต้องการแค่ใครซักคนที่เธอพอจะปรึกษาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ ใครซักคนที่เธอพอจะระบายความอัดอั้นตันใจที่เธอกำลังเผชิญอยู่ได้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้จริง ๆ เธอไม่สามารถบอกใครแม้กระทั่งจินนี่ที่เป็นเหมือนน้องสาวของเธอได้ว่าเธอกำลังรักเดรโก มัลฟอย ศัตรูตัวฉกาจของเธออยู่
“พี่ไม่เป็นไรจ๊ะ จินนี่ พี่แค่เครียดเรื่อง ว.พ.ร.ส. เท่านั้นเอง” เธอพูดพลางวางมือลงบนมือของจินนี่ที่อยู่บนเข่าเธอ เฮอร์ไมโอนี่จำเป็นต้องโกหกจินนี่ว่าเธอกังวลเรื่องคะแนนสอบของเธอที่ได้ ‘ เกินความคาดหมาย ’ จากป้องกันตัวจากศาสตร์มืดมา 1 ตัว จากทั้งหมด 11 ตัว
“แต่เธอก็ช่างสังเกตมากนะ เธอรู้สึกว่าพี่แปลกไปตั้งแต่วันที่ไปตรอกไดแอกอน ความจริงแล้วพี่คิดมากตั้งแต่ได้คะแนนสอบแล้วล่ะจ๊ะ” เธอเสริม จินนี่ทำหน้าไม่เชื่อแม้ว่าพี่สาวคนนี้ของเธอจะเป็นคนที่เคร่งเครียดเรื่องเรียนมากก็ตาม แต่การได้ ‘ เกินความคาดหมาย ’ แค่ตัวเดียวมันคงไม่ทำให้เธอเศร้าอยู่เป็นอาทิตย์เป็นแน่
“หนูคิดว่าพี่มีปัญหาเรื่องความรักเสียอีก เพราะพี่ดูเหมือนหนูตอนที่หนูรักแฮร์รี่เลย” เด็กสาวพูดอย่างตรงไปตรงมาจนเฮอร์ไมโอนี่ต้องหลบตาเธอ
“พี่เป็นอย่างนั้นเหรอ” เด็กสาวถาม จินนี่พยักหน้า
“ค่ะ” เธอว่า “ในตอนแรกหนูคิดโง่ ๆ ไปเองถึงสาเหตที่ทำให้พี่เป็นอย่างนี้น่ะค่ะ พี่ได้ยินแล้วห้ามโกรธแล้วก็ห้ามหัวเราะด้วยนะคะ”
“ไม่หรอกจ๊ะ เธอคิดว่ายังไงเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“หนู......หนูคิดว่าพี่ชอบรอนค่ะ แล้วหนูก็คิดว่าที่พี่ซึมไปเพราะเห็นรอนหลงยายคุณเฟล็มนั่น” จินนี่สารภาพอย่างอาย ๆ เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ
“อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้น จินนี่”
“ไหนบอกว่าจะไม่หัวเราะไงคะ” จินนี่เตือน เฮอร์ไมโอนี่รีบหุบยิ้มทันที แต่ยังคงมีแววขบขันอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลของเธอ
“ก็พี่กับรอนสนิทกัน แล้วหนูก็หวังว่าพี่จะคบกับรอน เพราะหนูอยากได้พี่มาเป็นพี่สาวจริง ๆ นี่คะ พอหนูเห็นพี่แปลกไป หนูก็เลยคิดไปว่าพี่อาจจะไม่พอใจที่รอนปลื้มยายเฟล็มนั่น แล้วหนูก็คิดด้วยว่ายายนั่นน่ะสู้พี่ไม่ได้เลยซักนิดเดียว” เธอเสริม
“พี่เองก็อยากได้เธอมาเป็นน้องสาวนะจินนี่ แต่พี่ไม่ได้คิดกับรอนอย่างนั้นน่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดตามตรง แม้จะแปลกใจอยู่บ้างก็ตามที่จินนี่คิดว่าเธอชอบรอน แต่จริง ๆ แล้วเด็กสาวไม่ได้รู้สึกอะไรกับรอนไปมากกว่าเพื่อนเลย คนที่เธอชอบจริง ๆ นั้นคือมัลฟอยต่างหาก
“พี่พูดจริงเหรอคะ ที่ว่าพี่ไม่ได้ชอบรอนน่ะค่ะ” จินนี่ถามซ้ำ น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าผิดหวังอย่างชัดเจน “หนูหมายถึงชอบแบบที่ผู้หญิงชอบผู้ชายน่ะค่ะ”
“ไม่เลยซักนิดจ๊ะ รอนอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพี่ รวมทั้งแฮร์รี่ด้วย แต่พี่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับรอนมากเกินคำว่าเพื่อนเลย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ จินนี่ถอนหายใจ
“งั้นรอนคงเสียใจแย่” เธอว่า เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้ว
“อะไรนะจ๊ะ”
“หนูคิดว่ารอนคงผิดหวังน่าดูที่พี่ไม่ได้ชอบเขาน่ะ” จินนี่อธิบาย
“แต่รอนเองก็ไม่ได้ชอบพี่นี่จ๊ะ เขา.......” เด็กสาวตั้งท่าจะปฏิเสธ แล้วก็หยุดไปเมื่อนึกถึงพฤติกรรมแปลก ๆ ของรอนที่ผ่านมา เรื่องเขาไม่พอใจเมื่อเธอไปงานเลี้ยงเต้นรำกับวิคเตอร์ เรื่องที่เขากอดเธอไว้แนบอกและสาบานว่าจะฆ่ามัลฟอยเมื่อรอนรู้ว่าเขาทำให้เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้ เรื่องท่าทีแปลก ๆ เมื่อเธอถูกตัวเขาอย่างบังเอิญตอนที่เขาไปรับเธอที่บ้านช่วงต้นฤดูร้อนที่ผ่านมา
“หนูพูดไม่ผิดใช่ไหมคะ” จินนี่ถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่
“ไม่ใช่จ๊ะ......มันไม่มีทางเป็นไปได้” เด็กสาวตอบเธอ ใบหน้าของเธอดูสับสนเสียยิ่งกว่าตอนที่เห็นมัลฟอยเข้าไปในร้านบอร์เจ็นและเบิร์กเสียอีก “พี่หมายความว่า รอนเป็นเพื่อนของพี่มานาน เขาไม่มีทาง......ไม่มีทางคิดอะไรกับพี่อย่างแน่นอน” เธอแก้
“แต่หนูรู้สึกว่าเขาคิดนะคะ” จินนี่พูดเรียบ ๆ ไม่สนใจเสียงทักท้วงของเฮอร์ไมโอนี่
“รอนแทบไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าพี่เป็นผู้หญิงนะจินนี่” เฮอร์ไมโอนี่ท้วง
“หนูว่าเขาสังเกตเห็นแล้วนะคะ แม้ว่ามันออกจะช้าไปบ้างก็ตาม เขาน่ะมองพี่ตาค้างเลยตอนที่เห็นพี่กับครัมในงานเลี้ยงเต้นรำน่ะ” เด็กสาวผมแดงพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ
“พี่ว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่าไหมจ๊ะ” เฮอร์ไมโอนี่รีบตัดบทก่อนที่จินนี่จะหาเหตุผลอะไรมาทำให้เธอเชื่อไปมากกว่านี้ว่ารอนชอบเธอ
“แล้วเรื่องเธอกับดีน โทมัสเป็นยังไงบ้าง” เด็กสาวรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ก็ดีค่ะ” จินนี่อ้อมแอ้มตอบ เฮอร์ไมโอนี่สังเกตว่าแก้มของเธอขึ้นสีจนเกือบจะมีสีเดียวกับผมเมื่อพูดถึงดีน
“เขาเป็นคนดี ต่างกับอีตาไมเคิล คอร์เนอร์นั่นอย่างกับฟ้ากับดิน รอนดูท่าจะไม่ค่อยปลื้มเขาเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่รอนก็มีปัญหากับทุกคนที่หนูเดทด้วยอยู่แล้ว” เธอพูดอย่างเซ็ง ๆ
“แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบดีนเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะรอนกับเขาเป็นเพื่อนกัน” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอรู้ดีว่ารอนนั้นหวงน้องสาวคนเดียวของเขามากแล้วก็ไม่อยากให้ใครก็ตามมาแกะเกาะจินนี่ต่อหน้าเขา โดยเฉพาะดีน โทมัส เพื่อนร่วมบ้านกริฟฟินดอร์ของรอน
“นี่ยังดีนะคะที่รอนยังไม่รู้ว่าหนูจูบกับดีนแล้ว ไม่อย่างนั้น.....” จินนี่พูดออกไปก่อนเธอจะห้ามตัวเองได้ทัน เฮอร์ไมโอนี่ตาโต
“เธอจูบกับเขาแล้วเหรอจินนี่ เมื่อไหร่กัน” เด็กสาวถามอย่างแปลกใจ เธอไม่คิดว่าจินนี่ผู้ไร้เดียงสาจะมีจูบแรกเร็วขนาดนี้ หน้าของจินนี่แดงจนมีสีใกล้เคียงผมของเธอก่อนเธอจะตอบออกมา
“ตอนก่อนปิดเทอมน่ะค่ะ หนูกำลังบอกลาเขาก่อนจะนั่งรถไฟกลับ ตอนนั้นเด็กทั้งหมดลงไปรอขึ้นรถไฟกันหมดแล้ว เหลือเราแค่สองคนในห้องนั่งเล่นรวม หนูคิดว่าจะไม่ได้เจอเขาตั้งหลายเดือน หนูก็เลย......” เธออ้อมแอ้ม แม้ว่าเธอจะอายอยู่มากก็ตาม แต่จินนี่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังอย่างละเอียด
“จูบเขา” เฮอร์ไมโอนี่ต่อให้ จินนี่หน้าแดง
“ใช่ค่ะ อย่ามองหนูอย่างนั้นสิคะ” เธอประท้วงขึ้นมาเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่มองเธอด้วยสายตาล้อเลียน “มันเป็นเรื่องปกติจะตายไป การจูบแฟนตัวเองน่ะค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม “จ๊ะ ปกติมาก ๆ เลย”
“แล้วพี่ก็เคยด้วยใช่ไหมคะ จูบกับผู้ชายน่ะค่ะ” จินนี่ถามอย่างอยากรู้ เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตา
“พี่น่ะเหรอ” เธอถาม
“ใช่ค่ะ หนูรู้น่าว่าพี่เคยจูบใครแล้ว ใช่ไหมคะ บอกมาเถอะค่ะ หนูไม่บอกใครหรอก” จินนี่เซ้าซี้
“เอ่อ จ๊ะ ก็ทำนองนั้น” เธอจำเป็นต้องตอบเด็กสาวแต่โดยดี เพราะมันเป็นอย่างที่ที่จินนี่คิดจริง ๆ เฮอร์ไมโอนี่เคยจูบผู้ชายมาแล้ว แถมเด็กหนุ่มที่เธอจูบด้วยนั้นก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของเธอกับเพื่อนรักทั้งสองอีกต่างหาก
“เขาเป็นใครคะ” จินนี่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้พลางถามเธอ ดวงตาสีฟ้าของเด็กสาวมีแววอยากรู้อยากเห็น
“เอ่อ....”
“บอกมาเถอะค่ะ หนูสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ จะไม่บอกใครทั้งนั้นโดยเฉพาะรอน” จินนี่พูดพลางไขว้นิ้วเข้าหากันแล้วโชว์ให้เฮอร์ไมโอนี่ดู เด็กสาวลังเล แม้เธอจะรู้ดีว่าจินนี่คงไม่ผิดสัญญากับเธอแน่ แต่เด็กสาวจะทำหน้ายังไงนะหากรู้ว่าผู้ชายคนเดียวที่เฮอร์ไมโอนี่เคยจูบด้วยคือเดรโก มัลฟอย เด็กหนุ่มบ้านสลิธีริน
“วิคเตอร์น่ะจ๊ะ” เฮอร์ไมโอนี่โกหก ในขณะที่จินนี่ตาโต
“หนูกะแล้วเชียว เพราะพี่ไม่เคยออกเดทกับใครนอกจากเขา” จินนี่ว่า “แล้วเขาเป็นยังไงบ้างคะ” เธอถาม
“เอ่อ ก็ดีจ๊ะ พี่หมายถึงเขา......อ่อนโยนมาก” เธอพูด พลางนึกถึงจูบของมัลฟอย แม้ว่าเขาจะไม่ได้อ่อนโยนกับเธอตอนที่ทั้งสองจูบกันครั้งแรก แต่เด็กหนุ่มก็อ่อนโยนกับเธอมากในครั้งหลัง ๆ จูบของมัลฟอยช่างอบอุ่นและเร่าร้อนในคราเดียวกัน และการที่จินนี่ถามแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอคิดถึงเขามากขึ้น
“ว้าว.....ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ......หนูหมายความว่า เขาออกจะ......” จินนี่อ้ำอึ้ง
“เขาอ่อนโยนมากจ๊ะ” เฮอร์ไมโอนี่ย้ำ แม้ว่ามันจะเป็นการพูดปดก็ตาม เพราะเธอไม่เคยจูบกับวิคเตอร์ ครัมมาก่อน ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว คนที่เธอเคยจูบด้วยมีแค่มัลฟอยเท่านั้น แต่เด็กสาวคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าจะให้จินนี่คิดว่าเธอจูบกับวิคเตอร์แทนที่จะบอกความจริงกับเธอ
“แต่เธอสัญญาแล้วนะว่าจะไม่บอกใครน่ะจินนี่” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“แน่นอนค่ะ มันจะเป็นความลับระหว่างเราสองคน” จินนี่พูดพลางยื่นนิ้วก้อยออกมาให้เธอเกี่ยว เฮอร์ไมโอนี่พันนิ้วก้อยของเธอรอบนิ้วของเด็กสาวแล้วยิ้มให้เธอ
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่คุยกันได้ไม่นานนักนางวีสลีย์ที่เพิ่งช่วยแฮร์รี่และรอนจัดสัมภาระสำหรับไปฮอกวอตส์เสร็จเรียบร้อยก็ลงมาตามจินนี่ให้ไปช่วยเฟลอร์ทำอาหารเย็นต่อ และเมื่อเด็กสาวเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของจินนี่ เฮอร์ไมโอนี่ก็อาสานางวีสลีย์ลงไปช่วยเธอด้วยอีกคน
อาหารค่ำในคืนนี้ที่บ้านโพรงกระต่ายนั้นพิเศษกว่ามื้ออื่น ๆ ที่ผ่านมา ราวกับคุณนายวีสลีย์ตั้งใจจัดอาหารชุดพิเศษเพื่อเลี้ยงส่งพวกเขากลับฮอกวอตส์ บนโต๊ะทานข้าวที่ถูกนำมาตั้งที่สวนนั้นเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด และมันก็มีรสชาติอร่อยไปหมดทุกอย่าง เฮอร์ไมโอนี่ลองชิมสตูฝีมือเฟลอร์ที่จินนี่วิจารณ์ว่า ‘ รสชาติเหมือนซุปฟักทองเก็บค้างคืน ’ แล้วเด็กสาวก็พบว่ามันไม่ได้แย่อย่างที่คิด ตรงกันข้ามรสชาติของมันใช้ได้ทีเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเฟลอร์เริ่มเรียนรู้การเป็นแม่บ้านแม่เรือนเพื่อที่จะเป็นเจ้าสาวในอนาคตได้แล้ว
หลังจากมื้ออาหารที่แสนวิเศษผ่านไป ของหวานที่ปิดท้ายรายการก็ไม่น้อยหน้าอาหารค่ำเลยทีเดียว คุณนายวีสลีย์ทำของหวานทุกอย่างที่คิดว่าเด็ก ๆ น่าจะชอบ และแน่นอนว่าเธอไม่ลืมที่จะทำทาร์ตน้ำตาลข้นของโปรดของแฮร์รี่กับรอนด้วย
หลังจากทุกคนอิ่มหนำกับอาหารเย็นแล้ว นางวีสลีย์ก็ร่ายคาถาให้จานชามของพวกเขาลอยเข้าไปในครัวก่อนที่บิลจะช่วยแม่ของเขาใช้คาถายกของยกโต๊ะอาหารเข้าไปเก็บไว้ในบ้านตามเดิม
“เด็ก ๆ ขึ้นนอนได้แล้วนะจ๊ะ” เธอพูด “เราคงไม่อยากตกรถไฟเพราะมีใครไม่ยอมลุกจากที่นอนในวันพรุ่งนี้หรอกจริงไหม” นางวีสลีย์พูดกับแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่ และจินนี่ ซึ่งเด็ก ๆ ก็ทำตามที่เธอพูดเป็นอย่างดี
.................................................
ก่อนเข้านอนเฮอร์ไมโอนี่เช็คสัมภาระของเธออีกครั้งแล้วจัดมันไว้ตรงปลายเตียงเพื่อที่เธอจะได้หยิบมันอย่างสะดวกในวันพรุ่งนี้ เธอกล่าวราตรีสวัสดิ์กับจินนี่ที่นอนอยู่อีกเตียงหนึ่งก่อนที่จะไฟในห้องจะดับลง
เฮอร์ไมโอนี่ล้มตัวลงบนที่นอนทั้ง ๆ ที่เธอไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด เด็กสาวพยายามจะข่มตาให้หลับเนื่องจากรู้ดีว่าพรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางแต่เช้า แต่เธอกลับทำได้แค่พลิกตัวไปมาอยู่บนที่นอนเท่านั้น
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นจากที่นอนเมื่อพบว่าเธอไม่สามารถข่มตาหลับได้อีกต่อไป เด็กสาวพิงแผ่นหลังกับหัวเตียงพลางครุ่นคิดถึงวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้เธอจะเดินทางกลับไปฮอกวอตส์แล้ว และในวันพรุ่งนี้เธอก็จะได้เจอเขาอีกครั้ง
เด็กสาวหลับตาลงอย่างสับสน เธอมักจะทำอย่างนี้ทุกครั้งที่คิดถึงมัลฟอย มือของเธอเลื่อนไปยังอกของตนเองและกุมสร้อยคริสตัลที่เธอสวมอยู่โดยไม่รู้ตัว เฮอร์ไมโอนี่หยิบมันออกมาจากคอเสื้อ แม้จะอยู่ในห้องที่มืดสนิทเช่นนี้ก็ตาม แต่จี้คริสตัลรูปหัวใจนั้นก็สามารถทอประกายเป็นสีเทาซึ่งบอกถึงอารมณ์มัวหมองของเธอในตอนนี้ได้
ใช่ ตอนนี้อารมณ์ของเธอกำลังมัวหมองและสับสนเป็นอย่างมาก เฮอร์ไมโอนี่ตั้งใจไว้ว่าเมื่อเธอเจอมัลฟอยอีกครั้งและมีโอกาสได้อยู่กับเขาสองต่อสอง เธอจะถามเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เรื่องพฤติกรรมแปลก ๆ ของเขาที่ตรอกนอร์กเทิร์น รวมทั้งเรื่องที่เธอและแฮร์รี่สงสัยว่าเขาอาจจะเป็นผู้เสพความตาย
เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าการหาโอกาสอยู่กับมัลฟอยสองต่อสองนั้นคงทำได้ไม่ยากนัก แม้ว่ามันอาจจะยากที่เธอจะเจอเขาเพียงลำพังตอนที่อยู่บนรถไฟ แต่เมื่อกลับถึงโรงเรียนเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องร่วมงานกับเขาในฐานะพรีเฟ็ค การหาโอกาสอยู่กับเขาเพียงลำพังระหว่างเดินตรวจบริเวณด้วยกันนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย
แต่เรื่องที่ยากในความรู้สึกของเฮอร์ไมโอนี่ก็คือการถามเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เด็กสาวรู้ดีว่ามัลฟอยคงไม่ยอมบอกอะไรเธอเช่นเดียวกับที่เขาทำตอนที่อยู่ที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกเป็นแน่ และถ้าเขาทำเช่นนั้นเธอก็คิดไว้แล้วว่าเธอจะลงมือค้นหาความจริงด้วยตัวของเธอเอง ถ้าเขาไม่ยอมบอกเธอถึงสาเหตุของพฤติกรรมแปลกประหลาดของเขา เฮอร์ไมโอนี่ก็จะค้นหาต้นเหตุนั้นด้วยตัวเธอเอง แล้วเธอก็ไม่สนใจด้วยว่ามัลฟอยจะโกรธแค่ไหนถ้าเธอทำแบบนั้น แต่ที่เฮอร์ไมโอนี่กลัวมากกว่าการที่จะทำให้มัลฟอยโกรธที่เธอเข้ามายุ่งเรื่องของเขา ก็คือการที่เธอค้นพบว่าความจริงที่เขาพยายามจะปิดปังเธอไว้ ความจริงที่ว่าเขาได้กลายเป็นผู้เสพความตายไปแล้ว!
เด็กสาวคว้าหมอนขึ้นมากอดแน่นเมื่อเธอจิตนาการถึงภาพตรามารปรากฏขึ้นบนท้องแขนของมัลฟอย ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็ เธอควรจะทำเช่นไร ถ้าเดรโก มัลฟอย ผู้ชายคนเดียวที่เธอรักกลายเป็นผู้เสพความตายอย่างที่เธอและแฮร์รี่สงสัยอยู่ในตอนนี้ เฮอร์ไมโอนี่ควรจะทำอย่างไรต่อไป เธอจะสามารถรักเขาต่อไปได้หรือไม่ ถ้าเธอรู้ว่าเขาได้กลายเป็นสมุนของจอมมารไปแล้ว เรื่องนี้เธอไม่สามารถตอบได้เลย แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เธอจะสามารถตัดใจจากเขาได้หรือเปล่าถ้าเธอพบว่าเขากลายเป็นผู้เสพความตายไปแล้วนี่สิมันเป็นเรื่องเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถตอบตัวเองได้จริง ๆ
*************************************************
คุยกันหลังอ่านนะคะ
เอาตอนที่ 8 มาลงแล้วนะคะ ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานมากๆ และก็ลงเรื่องนี้ช้าไป 1 วัน แต่เราสัญญาค่ะว่าเรากลับมาแล้วจริง ๆ แล้วจะไม่หายไปไหนอีกแล้วค่ะ
สำหรับตอนนี้แดรโกไม่มีบทนะคะ [สาวกเดรโกอย่าเพิ่งงอนนะจ๊ะ] เพราะจะมีในตอนหน้าค่ะ หวังว่าเพื่อน ๆ คงอ่านกันอย่างสนุกนะคะ เราไม่ได้เขียนฟิคเรื่องนี้มานานแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะเขียนได้ดีรึเปล่ายังไงก็ช่วยติ-ชม ให้กำลังใจเราด้วยนะคะ
ตอนนี้ช่วงแรก ๆ จะดำเนินเรื่องอย่างสบาย ๆ มีบทสนทนาสัพเพเหระของเฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่ ที่เราแต่งแบบนี้เพราะต้องการลดความเครียดของฟิคเรื่องนี้ลงค่ะ เพราะในตอนที่แล้วมามันเครียดมาเยอะแล้ว แต่ก็ปิดท้ายด้วยความสับสนของเฮอร์ไมโอนี่ในช่วงหลังนะคะ เพราะเราอยากจะให้ผู้อ่านเห็นว่าเธอกลัวแค่ไหนที่คิดว่ามัลฟอยอาจะเป็นผู้เสพความตายน่ะค่ะ หวังว่าเพื่อน ๆ ทุกคนจะชอบตอนที่ 8 ที่เราดองมานานแสนนานนี้นะคะ
เรื่องที่จะตามมาเป็น เธอคือทาสหัวใจของฉัน กับ Made of Honor นะคะ อ้อ ก่อนหน้านี้เราเอาตอนที่ 1-7 มาอ่านเพื่อแต่งตอนที่ 8 พบว่ามันมีคำผิดเยอะเหมือนกันค่ะ เราจะเข้าไปแก้ไขให้ใหม่นะคะ ถ้าแก้เสร็จจะเข้ามาบอกค่ะ เผื่อว่าใครชอบเซฟฟิคเก็บจะได้เข้ามาเซฟกันใหม่
สำหรับฟิคทุกเรื่องของเราตอนนี้เราปลดล็อคป้องกันการก็อปแล้วนะคะ ถ้าใครอยากเซฟเก็บไว้อ่านในคอมหรือปริ๊นออกมาอ่านก็ไม่หวงค่ะ แต่ขอร้องอย่างเดียวถ้าจะเอาไปลงที่ไหนหรือเอาไปให้ใครอ่านช่วยให้เครดิตเรานิดนึงนะคะ คนแต่งจะได้มีกำลังใจเขียนฟิคสนุก ๆ ออกมาอีกน่ะค่ะ
อืม พูดมามากแล้วเนอะ ต่อไปนี่เป็นการตอบคอมเม้นนะคะ ซึ่งพิกก็คงยกมาตอบทั้งหมดไม่ได้หรอกนะคะ แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ เพราะรู้ว่ามีคนติดตามผลงานของเราอยู่ที่แหละทำให้เรากลับมาเขียนฟิคต่อ
คอบคุณ 9Lives นะคะ พิกปลื้มกับคอมเม้นของคุณมากเลยค่ะ ดีใจนะคะที่คุณชอบฟิคของพิก แล้วพิกก็มาอัพให้ตามสัญญาแล้วค่ะ แม้ว่ามันจะช้าไปบ้างก็ตามนะคะ แต่สัญญาว่าต่อไปจะไม่มาอัพช้าอย่างเมื่อก่อนแล้วค่ะ
ขอบคุณน้องขวัญ น้องสาวที่น่ารักที่ติดตามอ่านฟิคของพี่สาวคนนี้นะคะ เลิกเรียนแล้วกลับมาอ่านนะจ๊ะ พี่พิกอัพให้ตามสัญญาแล้วนะ
ขอบคุณคุณ bichop1986 ที่ติดตามฟิคของเรามาตลอด ดีใจจริง ๆ ค่ะ ตอนนี้กลับมาอัพแล้วนะคะ
ตอบน้องพิม น้องน้ำอบ น้องเด็กสารสาสน์นะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคอมเม้นนะคะ โดยเฉพาะน้องเด็กสารสาสน์ที่มาเม้นให้พี่สาวคนนี้ Fighting บ่อยมาก ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณคุณ will_will, Memo^o[JuNg], napperiize, Nwhaan, ขนนกสีฟ้า, ช ะ นี กิน ก ล้ วย, พี่นางฟ้า, เมย์13, AQEO, sinna_ko, ฿eam, +CydeBangzFives+, rinrin_T-P, nan, Draco~Sherry, หน้ากากซาตาน, snow, น้ำตาสีน้ำเงิน, ceryzia, จ๋าดำจัง, Ozean, wine_lsf, noowhanka, อุนจิพิฆาต, Markkeb, fairy land, แม่มดน้อย, ๑K~pang๑ นะคะที่ติดตามผลงานของเรา ใครที่มาเม้นแล้วแต่พิกไม่ได้เอ่ยถึงก็อย่าน้อยใจนะคะ เอาเป็นว่าขอบคุณทุกคนที่ติดตามฟิคเรื่องนี้แล้วกันค่ะ พิกสัญญาว่าจะเขียนให้จบโดยไม่หายไปไหนอีกแล้วค่ะ
ความคิดเห็น