ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้ามระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย ภาค 2

    ลำดับตอนที่ #9 : Back to Hogwarts [การเดินทางกลับฮอกวอตส์]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.58K
      53
      30 ต.ค. 52


    ***Chapter 9 Back to Hogwarts [การเดินทางกลับฮอกวอตส์]***

     

    เฮอร์ไมโอนี่ตื่นนอนตอนเช้าด้วยอาการที่ไม่สดชื่นเท่าไหร่นัก  เด็กสาวรู้สึกว่าเธอนอนยังไม่เต็มอิ่มเอาเสียเลยขณะที่นางวีสลีย์มาปลุกเธอและจินนี่ให้ไปทานอาหารเช้า  การเดินทางจากบ้านโพรงกระต่ายไปยังสถานีคิงครอสต์นั้นเป็นไปอย่างราบลื่น  ทางกระทรวงส่งรถส่วนตัวมารับพวกเขาถึงสองคันและส่งมือปราบมารมาคุ้มครองพวกเด็ก ๆ จนถึงชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่  หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือทางกระทรวงส่งคนมาคุ้มครองแฮร์รี่อย่างใกล้ชิดจนกว่าเขาจะขึ้นรถไฟกลับฮอกวอตส์  เพราะตั้งแต่โวลเดอมอร์หวนคืนสู่อำนาจเมื่อสองปีก่อนแฮร์รี่ก็ถือได้ว่าเป็นบุคลลอันดับหนึ่งที่โวลเดอมอร์ไม่ต้องการให้มีชีวิตอยู่

    มือปราบมารที่ถูกส่งมาคุ้มครองเด็ก ๆ นั้นไม่ได้มีแค่คนของภาคีที่เฮอร์ไมโอนี่รู้จัก  บางคนก็เป็นมือปราบมารที่เธอไม่คุ้นหน้ามาก่อน  แต่พวกเขาก็ทำงานของเขาได้อย่างไม่มีที่ติหรือบางทีอาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ  เพราะเด็กสาวเห็นว่าแฮร์รี่มีท่าทีไม่พอใจเมื่อมือปราบมารที่ได้รับหน้าที่ให้คุ้มครองเขา  คว้าต้นแขนของเขาเพื่อพาแฮร์รี่เดินผ่านแผงกั้นระหว่างชานชาลาที่เก้ากับสิบราวกับเขาเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่เพิ่งหัดเดิน  แต่แน่นอนว่าแฮร์รี่ก็กล่าวกับมือปราบมารคนนั้นอย่างสุภาพว่าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือแต่อย่างใด

    เมื่อเด็กทั้งหมดเข้าไปยังชานชาลาเรียบร้อยแล้ว  แฮร์รี่ก็ชวนเฮอร์ไมโอนี่กับรอนไปหาห้องว่างในรถไฟกัน  แต่เธอต้องปฏิเสธเขา  ว่าเธอและรอนไปกับเขาไม่ได้เพราะทั้งสองต้องไปอยู่ที่ตู้พรีเฟ็คในช่วงเช้า  แฮร์รี่ดูมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเด็กสาวพูดเช่นนั้น  แต่เด็กหนุ่มผมดำก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่และรอนจะเดินไปทางด้านต้นขบวนของรถไฟ

    เด็กสาวเดินนำรอนไปจนถึงตู้พรีเฟ็คซึ่งเป็นตู้ขนาดใหญ่สองตู้ตรงต้นขบวนถัดมาจากตู้ของอาจารย์และตู้ประธาน  เธอเปิดประตูตู้ออกและพบว่ามีพรีเฟ็คบางคนอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว  เออร์นี่  มักมิลลัน  กับ  แฮนนาห์  อับบอต  ฟรีเฟ็คของบ้านฮัฟเฟิลพัฟนั่นอยู่ติดกันตรงมุมตู้   ปัทมา  พาติล  ฟรีเฟ็คบ้านเรเวรคลอซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วมองมาทางพวกเขาทันทีที่ประตูเปิดขึ้น  แต่เมื่อปัทมาเห็นรอนเธอก็เบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเย็นชาซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ลืมเรื่องที่เขาไม่เอาใจใส่เธอในงานเลี้ยงเต้นรำตอนปีสี่แม้ว่ามันจะผ่านมาเกือบสองปีแล้วก็ตาม

    เฮอร์ไมโอนี่กับรอนเข้าไปนั่งในตู้และในอีกสองนาทีต่อมาแอนโทนี  โกลด์สตีน  พรีเฟ็คของบ้านเรเวนคลออีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น  เด็กสาวเห็นว่าปัทมาเขยิบที่นั่งข้าง ๆ เธอให้แอนโทนีนั่งอย่างจงใจ  เพราะเธอต้องการหนีห่างจากรอนให้มากที่สุด  ในตอนนี้พรีเฟ็คจากทุกบ้านก็มากันพร้อมหน้าแล้วขาดแต่พรีเฟ็คของบ้านสลิธีรินซึ่งก็คือเดรโก  มัลฟอย  และแพนซี่  พาร์กินสันเท่านั้น

    เฮอร์ไมโอนี่มองไปยังประตูตู้อย่างใจจดใจจ่อ  เธอกำลังรอมัลฟอยอยู่  เธอมองหาเขามาตั้งแต่ตอนที่เธอเข้ามาที่ชานชาลาแล้วแต่เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กหนุ่ม  เด็กสาวมองไปที่ประตูและหวังว่าในอีกไม่กี่นาทีต่อมามันจะเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ [ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่คงดีใจมากถ้าเขาจะปรากฏตัวขึ้นเพียงคนเดียวโดยไม่หนีบยายแพนซี่  พาร์กินสันมาด้วย ] มัลฟอยจะก้าวเข้ามาในตู้พร้อมกับมองไปรอบ ๆ ตู้พรีเฟ็คด้วยสายตาดูแคลนแบบที่เขาชอบใช้  และเขาจะเลือกที่นั่งให้ห่างจากรอนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้อย่างที่เขาเคยทำ

    ไม่ทันที่ความคิดของเฮอร์ไมโอนี่จะดำเนินต่อไปจนจบประตูตู้ก็เปิดขึ้น  เด็กสาวเงยหน้าขึ้นและพบว่าร่างที่ยืนอยู่ตรงประตูตู้นั้นไม่ใช่เด็กหนุ่มที่เธออยากเจอมากกว่าอะไรทั้งหมด  แต่ร่างนั้นกลับเป็นศาสตราจารย์มักกอนนากัล  อาจารย์วิชาแปลงร่างของเธอ

    ศาสตราจารย์มักกอนนากัลปรากฏตัวในเสื้อคลุมสีแดงเลือดหมูพร้อมกับหมวกทรงสูงแบบที่เธอใส่เป็นประจำ  ในมือของเธอถือม้วนกระดาษจำนวนมาก  เธอมองไปรอบ ๆ ตู้ด้วยสายตาคมกริบก่อนจะพูดออกมาว่า

    พรีเฟ็คจากสลิธีรินหายไปไหนนักเรียนของเธอทั้งหมดมองหน้ากันเอง  และเมื่อเธอพบว่าไม่มีนักเรียนคนไหนสามารถตอบคำถามของเธอได้  ศาสตราจารย์มักกอลนากัลจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

    พรีเฟ็คปีหกของสลิธีริน  มิสเตอร์มัลฟอย  กับมิสพาร์กินสันมีใครเห็นพวกเขาบ้างศาสตราจารย์มักกอนนากัลถามซ้ำขึ้นมาแต่ก่อนที่พรีเฟ็คที่เหลือจะได้ตอบคำถามของเธอ  ก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างหลังของอาจารย์ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่จำได้ดีว่าร่างนั้นเป็นเด็กสาวหน้าหงิกจากบ้านสลิธีรินที่เป็นคู่อริของเธอมานาน  แพนซี่  พาร์กินสันนั่นเอง

    ค่ะ  อาจารย์แพนซี่พูดขึ้นอย่างเกรง ๆ ขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลหันมาทางเธอ

    มิสพาร์กินสัน  แล้วมิสเตอร์มัลฟอยล่ะเธอถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

    คือ.....มัลฟอยเขาแพนซี่อ้ำอึ้งในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วรอฟังสิ่งที่แพนซี่กำลังจะพูดอย่างใจจดใจจ่อ

    มิสเตอร์มัลฟอย  เขาทำไมศาสตราจารย์มักกอนนากัลถามขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้ารำคาญใจ

    มัลฟอยเขาฝากมาบอกว่าเขาไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ  เขาอาจจะมาเดินตรวจบริเวณไม่ได้ในวันนี้แพนซี่พูด  หน้าเธอซีดเล็กน้อยเมื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัลจ้องเธอด้วยแววตาเฉียบคม  อาจารย์มองแพนซี่อยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะพูดออกมา

    ถ้ามิสเตอร์มัลฟอยไม่สบายจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้  ฉันก็เกรงว่าเธอต้องรับหน้าที่ตรวจบริเวณคนเดียวในวันนี้  มิสพาร์กินสัน  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลว่า

    เอาล่ะ  เธอเข้าไปนั่งในตู้ก่อนฉันมีเรื่องจะแจ้งพวกเธอทุกคนศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดกับสีหน้าแปลกใจของแพนซี่  รวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ด้วย

    แต่ปีที่แล้วหนูไม่ได้ตรวจบริเวณคู่มัลฟอยไม่ใช่เหรอคะเธอถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง  เพราะเมื่อปีก่อนมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของพรีเฟ็คทำให้เธอต้องไปทำงานร่วมกับเออร์นี่  มักมิลลัน  ขณะที่มัลฟอยต้องไปตรวจบริเวณคู่กับเฮอร์ไมโอนี่แทน

    มีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของพรีเฟ็คเล็กน้อยในปีนี้  เข้าไปนั่งในตู้ก่อนแล้วฉันจะอธิบายให้ฟังศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวพลางเดินตามแพนซี่เข้าไปในตู้พรีเฟ็ค

     

    *************************************************

     

    เมื่อแพนซี่เข้ามานั่งในตู้แล้ว [ เธอเลือกนั่งให้ไกลจากเฮอร์ไมโอนี่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ] ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ตามเธอเข้ามา  หลังจากประตูตู้พรีเฟ็คปิดลงเธอก็เริ่มคลี่ม้วนเอกสารในมือขึ้นอ่าน

    ในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎของโรงเรียนบางข้อ  ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย  รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของพรีเฟ็คอย่างพวกเธอด้วยศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวขณะมองไปยังพรีเฟ็คปีหกทุกคนที่อยู่ในตู้ 

    การรักษาความปลอดภัยของทางโรงเรียนในปีนี้จะเข้มงวดมากกว่าปีที่ผ่านมาหลายเท่า  เนื่องจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในตอนนี้  และฉันก็จำเป็นต้องบอกพวกเธอด้วยว่าฮอกวอตส์อาจจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยที่สุดอีกต่อไปถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากพวกเธอศาสตราจารย์มักกอนากัลพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

    สัมภาระของนักเรียนทุกคนจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบก่อนจะนำเข้าปราสาท  เพื่อป้องกันการแอบเอาสิ่งของที่มีเวทย์มนตร์มืดเข้ามาในโรงเรียน  ทางเข้าออกทุกทางของโรงเรียนจะมีมือปราบมารเฝ้าอยู่เพื่อความปลอดภัยของโรงเรียนและที่สำคัญของตัวนักเรียนเองด้วยเธอกวาดสายตาอันเฉียบคมไปยังพรีเฟ็คทุกคนที่กำลังตั้งใจฟังเธออยู่

    เนื่องจากโรงเรียนของเราอาจจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยที่สุดอีกต่อไป  ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากพวกเธอทุกคน  พรีเฟ็คของทุกบ้านต้องมารายงานอาจารย์ประจำบ้านทันทีที่พบอะไรผิดปกติ  นอกจากนั้นพวกเธอยังได้รับอนุญาตให้ยึดสิ่งของของนักเรียนมาตรวจสอบได้หากเธอพบว่ามันน่าสงสัย ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวขณะที่รอนแอบกระซิบกับเฮอร์ไมโอนี่ว่า เยี่ยมไปเลย ส่วนเด็กสาวก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป  แต่เธอรู้ดีว่ารอนอยากให้พรีเฟ็คมีอำนาจยึดของเล่นของพวกรุ่นน้องมานานแล้ว

    ส่วนเรื่องการเดินตรวจบริเวณ  พวกเธอยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมแต่ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น  แม้ว่าทางเข้าของโรงเรียนทุกทางจะถูกจับตาดู  แต่ฉันก็ไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่  ถ้าหากเธอพบอะไรไม่ชอบมาพากลฉันขอย้ำไว้เลยว่าอย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอย่างเด็ดขาด  ให้เธอไปแจ้งอาจารย์ทันทีเข้าใจไหม ศาสตราจารย์มักกอนนากัลย้ำประโยคสุดท้ายอย่างชัดเจนขณะที่พรีเฟ็คทุกคนพยักหน้าตามอย่างเคร่งครัด

    นอกจากนี้พวกเธอทุกคนจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดในปีนี้  โดยเฉพาะการเดินตรวจบริเวณนั้นห้ามมีการละเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น  ถ้าหากเธอไม่ป่วยหนักหรือมีเหตุจำเป็นจริง ๆ การโดดงานถือว่าเป็นความผิดที่ใหญ่หลวงและถ้าพรีเฟ็คคนใดทำเช่นนั้นฉันแน่ใจว่าเขาหรือเธอจะทำให้บ้านของตัวเองเสียแต้มอย่างมหาศาลไปเลยทีเดียวเธอย้ำกับสีหน้าขาวซีดของเด็ก ๆ

    อีกอย่างในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงการทำงานของพรีเฟ็คเล็กน้อย  อาจารย์ใหญ่มีคำสั่งให้ยกเลิกการจับคู่ระหว่างพรีเฟ็คต่างบ้านในปีก่อน  และให้พรีเฟ็คบ้านเดียวกันมาทำงานร่วมกันตามเดิมหลังจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกมาจากพรีเฟ็คหลายคน  แต่ที่แน่ ๆ คนที่เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินอย่างชัดเจนว่าถอนหายใจนั้นก็คือ  รอนและแพนซี่  ในขณะที่เด็กสาวซึ่งตกตะลึงกับคำสั่งนี้พูดออกไปก่อนที่เธอจะทันห้ามตัวเอง

    อะไรนะคะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลรวมถึงพรีเฟ็คคนอื่น ๆ มองมาทางเธออย่างแปลกใจ

    เธอว่าอะไรนะมิสเกรนเจอร์อาจารย์ถามเธอ  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงก่ำเมื่อรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป

    เอ้อ.....หนู....เปล่าค่ะ......คือหนูต้องกลับไปคู่กับรอนใช่ไหมคะเธออ้อมแอ้มออกมา  รู้สึกอับอายไม่น้อย  ขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลยังมองเธอด้วยท่าทีสงสัยอยู่

    ใช่แล้ว  มิสเกรนเจอร์  เธอต้องกลับไปทำงานร่วมกับมิสเตอร์วีสลีย์ตามเดิม  ซึ่งฉันคิดว่าเธอน่าจะพอใจกับคำสั่งนี้เสียนี้เสียอีกนะศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด  

    เอ่อ....ค่ะ....หนูพอใจมากเลยค่ะเด็กสาวแกล้งตอบ  ทั้ง ๆ ที่ใจจริงแล้วเธออยากจะร่วมงานกับมัลฟอยตามเดิมมากกว่า  เพราะมันทำให้เธอมีโอกาสอยู่กับเขาตามลำพังและเธอจะได้อาศัยโอกาสนั้นถามเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

    ถ้าอย่างนั้นก็ดีศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดพลางมองไปยังพรีเฟ็คที่เหลือ พวกเธอมีอะไรสงสัยอีกไหม  พรีเฟ็คที่เหลือต่างพากันเงียบกริบ  จนกระทั่ง  แอนโทนี  โกลด์สตีน  พรีเฟ็คบ้านเรเวนคลอถามขึ้นมา

     แล้วคำสั่งใหม่ที่ว่านี่เริ่มใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ

    แน่นอนว่าตั้งแต่เดี๋ยวนี้  มิสเตอร์โกลด์สตีน  อ้อ  แล้วฉันก็อยากแน่ใจด้วยนะว่าพวกเธอเดินตรวจตามทางเดินให้เรียบร้อย  เพราะฉันคิดว่าคงมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ซื้อของเล่นจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์มาแล้วอยากจะลองใช้มันบนรถไฟน่ะศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดขณะที่รอนกระซิบกับเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ ว่า อย่างน้อยก็ฉันคนนึงล่ะ 

     

    .................................................

     

    หลังจากอธิบายคำสั่งต่าง ๆ ให้พรีเฟ็คทั้งหมดเข้าใจแล้วศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ขอตัวไปคุยกับประธานนักเรียนที่ตู้ประธานต่อ  เธอกำชับให้พวกเขาเริ่มเดินตรวจตามทางเดินได้ในทันที  และอาจารย์ก็ไม่ลืมที่จะหันไปบอกแพนซี่ให้แจ้งมัลฟอยให้ทราบเรื่องการประชุมในวันนี้ด้วย  รวมทั้งให้เธอบอกเขาว่าเขาจำเป็นต้องมาร่วมการประชุมพรีเฟ็คในครั้งต่อไปอย่างไม่มีข้อแม้  เว้นแต่เขาจะไม่สบายจนถูกส่งไปเซนต์มังโกเขาถึงจะขาดการประชุมได้

    ระหว่างนี้เธอต้องเดินตรวจทางเดินคนเดียวไปก่อนนะมิสพาร์กินสัน  แล้วอย่าลืมที่ฉันสั่งให้บอกมิสเอตร์มัลฟอยล่ะเฮอร์ไมโอนี่ได้ยินศาสตราจารย์มักกอนนากัลย้ำกับแพนซี่  ก่อนที่เธอกับรอนจะเดินออกมาจากตู้

    ค่ะ  อาจารย์  หนูจะบอกเขาทันทีที่หนูกลับถึงตู้เลยค่ะ  ตอนนี้เขาไม่สบายมากเลยนอนพักอยู่ที่ตู้น่ะค่ะเฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วกับคำพูดของแพนซี่  มัลฟอยไม่สบายมากอย่างนั้นหรือ

    ถ้าเขาไม่สบายมากอย่างที่เธอว่าจริง ๆ ฉันก็อยากจะไปดูเขาเสียหน่อยนะ  มิสพาร์กินสัน  เผื่อว่าฉันจะช่วยอะไรได้บ้างหากเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดอย่างเป็นห่วงขณะที่แพนซี่ตาโต

    ไม่ค่ะ  อาจารย์ไม่ต้องไปดูเขาหรอกค่ะ......คือเขา.....เขา.....เด็กสาวผมดำอ้ำอึ้ง

    เขาทำไม  มิสพาร์กินสันอาจารย์ถาม  เธอมองสีหน้าของแพนซี่อย่างแปลกใจ

    คือเขาไม่เชิงไม่สบายทางร่างกายอย่างเดียวน่ะค่ะ......หนูคิดว่ามันน่าจะมาจากทางด้านจิตใจของเขามากกว่า  เขาเครียดมากค่ะเรื่อง......อาจารย์ก็รู้ใช่ไหมคะว่าเรื่องอะไร  มัลฟอยบอกว่าเขาปวดหัวเลยมาประชุมไม่ได้  และตอนนี้เขานอนพักอยู่คนเดียวในตู้  หนูคิดว่าถ้าเขาได้พักผ่อนแล้วก็คงดีขึ้นน่ะค่ะ  อาจารย์ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะแพนซี่พยายามอธิบาย  และศาสตราจารย์มักกอนนากัลรวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ที่ฟังอยู่ก็เข้าใจว่าเรื่องที่มัลฟอยเครียดน่าจะเป็นเรื่องที่พ่อของเขาถูกจับเข้าคุก

    ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาพักไปก่อนแล้วกัน  แต่ถ้าอาการของเขายังไม่ดีขึ้นเขาก็ควรจะไปให้มาดามพินซ์ตรวจสักหน่อยนะ  อ้อ  แล้วอย่าลืมเรื่องที่ฉันฝากบอกเขาด้วยล่ะ  มิสพาร์กินสันศาสตราจารย์มักกอนนากัลย้ำกับแพนซี่เป็นครั้งสุดท้าย

    ไม่ลืมค่ะ  อาจารย์เธอพูดขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะเดินออกจากตู้ไป

    เมื่อร่างของศาสตราจารย์มักกอนนากัลรวมทั้งแพนซี่ลับประตูตู้ไปแล้ว  รอนก็สะกิดเฮอร์ไมโอนี่ที่แขน  เธอหันไปมองเด็กหนุ่มผมแดงด้วยสายตาราวกับจะพูดว่า อะไร

    เราจะไปกันรึยังเขาถามกับสีหน้างุนงงของเด็กสาว

    ไปไหนเธอถามกลับมา  รอนมองเธออย่างงุนงงไม่แพ้กัน

    ก็ไปเดินตรวจทางเดินไงล่ะ  ให้ตายเถอะเฮอร์ไมโอนี่  เธอเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ยเด็กหนุ่มถามขึ้นอย่างแปลกใจ  เพราะเท่าทีเขาเห็นก็คือเฮอร์ไมโอนี่ยืนฟังศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดกับแพนซี่โดยไม่ยอมออกไปจากตู้พรีเฟ็คเสียที  ซึ่งในตอนแรกรอนคิดว่าเธอจะรอให้อาจารย์และแพนซี่ออกไปเสียก่อน  แต่พอสองคนนั้นเดินออกไปจากตู้แล้ว  เธอก็กลับยืนเหม่อลอยอยู่อย่างนี้

    ฉัน....ไม่เป็นไรรอนเฮอร์ไมโอนี่สะบัดศีรษะแรง ๆ และพยายามยิ้มกลบเกลื่อน

    แต่ฉันว่าเธอเป็นอยู่นารอนมองเธออย่างไม่วางใจ

    โถ่  รอน ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ  ว่าแต่เธอพูดเรื่องเดินตรวจทางเดินใช่ไหมเด็กสาวถามขณะที่เด็กหนุ่มพยักหน้า

    งั้นฉันว่าเราน่าจะเริ่มกันได้แล้วนะ  เธอไปตรวจช่วงกลาง ๆ ขบวนแล้วกัน  ส่วนฉันจะไปตรวจช่วงท้ายขบวน  เสร็จแล้วเราค่อยไปเจอกันที่ตู้ที่แฮร์รี่อยู่นะเธอว่า

    แต่ทำไมเราถึงไม่เดินตรวจด้วยกันล่ะ  อีกอย่างตรงท้ายขบวนมีแต่พวกสลิธีรินนะรอนท้วงขึ้นมา  เขารู้ดีว่าพวกสลิธีรินมักจะนั่งอยู่ตู้ท้าย ๆ ของขบวนรถไฟเสมอและเขาก็ไม่อยากให้เฮอร์ไมโอนี่ไปเดินตรวจทางเดินบริเวณนั้นคนเดียว

    ฉันไม่เป็นไรหรอกรอน  อีกอย่างถ้าเราแยกกันตรวจมันจะได้เสร็จเร็วขึ้นไง  เธอก็รู้ว่าแฮร์รี่คงอยากให้เราไปหาเขาที่ตู้เร็ว ๆ เธอพูดอย่างมีเหตุผล  แต่ในความจริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่มีเหตุผลอื่นมากกว่านั้นในการขอรอนไปตรวจทางเดินเพียงลำพัง

    ก็ได้  งั้นเจอกันที่ตู้ของแฮร์รี่นะเด็กหนุ่มผมแดงพูด

    ตกลง  เจอกันรอนเด็กสาวพูดพลางยิ้มให้เขา

     

    *************************************************

     

    หลังจากแยกกับรอนแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ตรงไปยังท้ายขบวนรถไฟทันที  แต่จุดประสงค์ของเธอไม่ใช่การไปตรวจทางเดินอย่างที่รอนเข้าใจ  แต่เธอไปที่นั่นเพราะเธอต้องการพบเดรโก  มัลฟอยต่างหาก!

    จากที่แพนซี่บอกศาสตราจารย์มักกอนนากัลว่ามัลฟอยไม่สบายและนอนพักอยู่ที่ตู้ของเขาเพียงคนเดียวนั่นก็แปลว่าเขาต้องไล่แครบและกอยล์ออกไปจากตู้เพื่อจะพักผ่อนตามลำพังแน่นอน  เฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจว่ามัลฟอยไม่สบายจริงอย่างที่แพนซี่บอกหรือเขาแกล้งไม่สบายเพื่อจุดประสงค์อื่นกันแน่  เพราะเท่าที่เธอรู้จักเขามามัลฟอยไม่เคยป่วยหนักจนถึงกับต้องขาดงานแบบนี้เลย  และเด็กหนุ่มมักจะชอบเสมอเวลาเขาที่ต้องปฏิบัติงานในตำแหน่งพรีเฟ็ค  เพราะมันหมายถึงการที่เขาสามารถใช้อำนาจข่มเหงเด็กรุ่นน้องได้ [ แม้ว่าพักหลัง ๆ นี้เขาจะเลิกทำแบบนั้นแล้วก็ตาม ] และมัลฟอยก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบพอตัวขนาดที่เขาคงไม่ยอมโดดงานเพราะปวดหัวเล็ก ๆ น้อย ๆ แน่

    หรือว่าเขาเครียดมากจริง ๆ เฮอร์ไมโอนี่คิด

    แวบหนึ่งเด็กสาวคิดว่าเขาอาจจะเครียดเรื่องพ่อของเขาจนล้มป่วยก็เป็นได้  แต่หลังจากเธอลองไตร่ตรองเรื่องนั้นดูแล้ว  ก็มีความคิดอีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาค้านกับความคิดแรกของเฮอร์ไมโอนี่  มันจะเป็นไปได้หรือที่เขาคิดมากเรื่องพ่อของเขาจนล้มป่วย  ถึงแม้เด็กสาวจะรู้ดีว่ามัลฟอยรักพ่อของเขามากและเด็กหนุ่มก็เสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา  แต่เขาก็มีท่าทีว่าเขาทำใจได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนปิดเทอมแล้ว  ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีวันยกโทษให้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของเขาต้องเข้าคุกเป็นแน่  แต่ถ้ามัลฟอยไม่ได้กังวลเรื่องพ่อของเขา  แล้วเขากังวลเรื่องใดมากถึงขนาดทำให้เขาเจ็บป่วยกัน

     

    ในฤดูร้อนปีนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของฉันที่เปลี่ยนแปลงไป  มันช่างรวดเร็วจนฉันแทบจะตั้งตัวไม่ทัน  แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือก  ถึงอย่างไรฉันก็ต้องปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงนั้นให้ได้

     

    ถ้อยคำในจดหมายแวบเข้ามาในหัวสมองของเฮอร์ไมโอนี่  เด็กสาวขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดขณะที่เธอเดินผ่านตู้ของเด็กฮัฟเฟิลพัฟ  เป็นไปได้ไหมว่ามัลฟอยจะคิดมากเรื่อง ความเปลี่ยนแปลง นั้นจนเขาไม่สบาย  และความเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นมันจะใช่อย่างเดียวกับที่เธอกลัวรึเปล่า

     

    ไม่ว่ามันจะเป็นยังไงฉันก็ต้องหาคำตอบให้ได้  แล้วฉันจะต้องรู้มันในวันนี้ด้วย! ’ เด็กสาวคิดอย่างมุ่งมั่น  เธอตัดสินใจไว้แล้วว่าเธอจะต้องถามมัลฟอยให้รู้เรื่องถึงเรื่องพฤติกรรมแลปประหลาดของเขา  และที่เธอกำลังเดินไปยังท้ายขบวนก็เพื่อจุดประสงค์นี้  ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เธอจะได้อยู่กับเขาแค่สองต่อสอง  เพราะแพนซี่ต้องไปเดินตรวจทางเดิน  และแครบกับกอยล์ก็คงถูกมัลฟอยไล่ออกมาจากตู้แล้วแน่ ๆ  ตอนนี้เป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นที่เธอจะเข้าไปถามเขาถึงเรื่องที่เธอสงสัยได้  และถ้าพลาดจากตอนนี้ไปเธออาจจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับเขาตามลำพังอีกต่อไป  เพราะเธอและเขาไม่ได้ทำงานร่วมกันอีกต่อไปแล้วตามคำสั่งใหม่ของอาจารย์

     

    เฮอร์ไมโอนี่เดินไปจนถึงช่วงท้ายขบวนซึ่งมีแต่ตู้ของเด็กสลิธีริน  พวกนั้นมองเธออย่างแปลกใจไม่น้อยว่าทำไมเด็กกริฟฟินดอร์อย่างเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้  แต่เนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่เป็นพรีเฟ็คจึงไม่มีเด็กบ้านสลิธีรินคนไหนกล้าเข้ามาหาเรื่องเธอเท่าไหร่นัก

    เด็กสาวเดินผ่านตู้ของเด็กปีหกกลุ่มหนึ่งและเธอก็ดีใจที่เธอเห็นแครบและกอยล์กำลังสวาปามขนมจำนวนมากอยู่ในตู้นั้น  ขณะที่ซาบินี่  เบลสกำลังอ่านนิตยสารควิดดิชอยู่

    เฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านตู้ของซาบินี่ไปจนเกือบถึงตู้สุดท้ายของขบวนซึ่งแทบไม่มีใครนั่ง  และเธอก็พบมัลฟอยอยู่ที่นั่น  เขานั่งอยู่คนเดียวในตู้  ศีรษะของเขาก้มต่ำเหมือนกำลังหลับอยู่  ใบหน้าของเด็กหนุ่มหันออกไปทางหน้าต่าง  ผมสีทองของเขาล้อแสงแดดที่ส่องมาจากภายนอก 

    เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปใกล้ประตูตู้ของเขา  เธอมองเขาผ่านกระจกที่ฝ้ามัว  หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความคิดถึง  เด็กสาวรู้สึกดีใจและเจ็บปวดในคราวเดียวกันที่ได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง  ราวกันความคิดถึงที่เธอมีต่อเขาตลอดหน้าร้อนที่ผ่านมาซึ่งทับถมอยู่ในอกของเธอนั้นเริ่มล้นปรี่ออกมาเสียแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่มองภาพเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างโหยหาก่อนจะละสายตามาจากเขาและมองไปรอบด้าน  เด็กสาวพอใจไม่น้อยเมื่อเธอพบว่าไม่มีเด็กคนไหนอยู่ตรงทางเดินแถบนี้เลย

    เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น  เฮอร์ไมโอนี่ก็เอื้อมมือที่สั่นเทาของเธอไปจับที่จับประตูตู้  และเปิดมันออกก่อนจะก้าวเข้าไปในตู้นั้น

     

    *************************************************

     

    เดรโก  มัลฟอยเผลอหลับไป  เขารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีใครซักคนเปิดประตูเข้ามา  ในตอนแรกเด็กหนุ่มคิดว่าคงเป็นแครบกับกอยล์หรือไม่ก็แพนซี่  แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นเขากลับพบว่าร่างที่ยืนอยู่ตรงประตูตู้นั้นคือ  เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์  ศัตรูและคนรักของเขา

    เกรนเ......เด็กหนุ่มทำท่าจะพูด  แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นก่อน  เด็กสาวหันไปร่ายคาถากันรบกวนที่ประตู  เธอดึงม่านลงมาปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้คนข้างนอกมองเข้ามาภายในห้องได้  จากนั้นเธอจึงหันกลับมาหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง

    เธอมาทำอะไรที่นี่เขาพูดเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่เดินมานั่งลงข้างเขา

    เธอก็รู้ว่าฉันมาหาเธอเด็กสาวพูดขึ้นทันทีที่เขาถามจบ ทำไมเธอถึงไม่ไปที่ตู้พรีเฟ็ค

    นั่นมันเรื่องของฉันเกรนเจอร์  ไม่เกี่ยวกับเธอเขาตอบด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ  แต่เฮอร์ไมโอนี่ดูออกว่าเขาแกล้งทำมันขึ้นมา

    ฉันได้ยินว่าเธอไม่สบายเลยอยากมาดูเธอเท่านั้นเฮอร์ไมโอนี่ว่า  และเพราะคำพูดที่อ่อนโยนของเด็กสาวมันทำให้เด็กหนุ่มมีท่าที่อ่อนลง  มัลฟอยหัวเราะในลำคอ

    แพนซี่บอกอาจารย์อย่างนั้นรึเขาถามขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว

    ใช่  นายไม่ได้ไม่สบายหรอกเหรอเธอถาม

    เปล่ามัลฟอยพูดขณะยกแขนขึ้นหนุนศีรษะ ฉันแค่บอกว่าฉันอยากอยู่คนเดียวไม่อยากให้ใครมากวน  ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำเลยว่ายายนั่นไปบอกอาจารย์ว่ายังไงเขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่โน้มตัวเข้าไปใกล้เขา

    แพนซี่บอกอาจารย์ว่านายไม่สบายเลยไปที่ตู้พรีเฟ็คไม่ได้เธอพูด

    เธอก็เลยมาตามฉันไปทำหน้าที่อย่างนั้นน่ะเหรอเด็กหนุ่มถามขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า

    เปล่า.....ความจริงแพนซี่ต่างหากที่ได้ทำงานร่วมกับนาย  ตอนนี้อาจารย์เปลี่ยนคู่พรีเฟ็คใหม่แล้ว  อาจารย์ให้พวกเรากลับไปคู่กับพรีเฟ็คบ้านเดียวกันตามเดิมเฮอร์ไมโอนี่อธิบาย ตอนนี้นายก็ไม่ต้องทำงานร่วมกับฉันอีกแล้ว

    มัลฟอยเลิกคิ้วเพราะคำพูดของเธอ  เขาดูแปลกใจไม่น้อย

    อย่างนั้นเหรอเขาเอนศีรษะลงพิงแขนทั้งสองข้างอีกครั้ง

    ใช่ เด็กสาวตอบ  และแล้วความเงียบก็เข้ามาปกคลุมทั้งสอง  มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่มองหน้ากันและต่างฝ่ายก็ต่างรู้สึกถึงความคิดถึงที่อยู่ในแววตาของอีกฝ่ายหนึ่ง  มีแววโหยหาอยู่ในดวงตาสีเทาของมัลฟอยขณะที่เขาใช้มันจ้องมองเธอ

    และในวินาทีต่อมา  โดยไม่มีการเตือนใด ๆ ทั้งสิ้น  เด็กหนุ่มก็คว้าตัวเด็กสาวเข้ามาไว้ในอ้อมแขน  เขามองสำรวจทั่วใบหน้าของเธออย่างโหยหา  ราวกับต้องการมองเธอให้เต็มอิ่มเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งสองต้องจากกัน  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ก็สัมผัสใบหน้าของเขาอย่างรักใคร่  ทุกอณูในร่างกายของเธอเรียกร้องเขา  พระเจ้า!  เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน!

    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงอะไรเย็น ๆ ที่ไหลจากดวงตามาสัมผัสแก้มของเธอ  แต่ก่อนที่มันจะไหลลงไปยังคางของเธอ  มือแข็งแกร่งของมัลฟอยก็มาเช็ดมันออกไปเสียก่อน  เด็กสาวมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างโหยหา  เธอกระซิบออกมาเบา ๆ เสียงของเธอสั่นเครือยิ่งนักยามที่เธอพูดออกมา

    ฉันคิดถึงเธอเฮอร์ไมโอนี่สารภาพ

    มัลฟอยไล้นิ้วโป้งของเขาไปตามแก้มของเด็กสาวจนมันมาสุดที่คางของเธอ  เขาจูบแก้มเธอบริเวณที่น้ำตาของเธอไหลออกมาเบา ๆ ราวกับเขาต้องการใช้ริมฝีปากของเขาเช็ดน้ำตาให้กับเธอ

    ฉันเองก็คิดถึงเธอเขาพูดพร้อมกับใช้มือของเขาเชยคางของเธอและดึงใบหน้าของเธอให้เงยขึ้น  เด็กหนุ่มหลับตาลง  เขากำลังจะจูบเธอ  แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสกัน  เฮอร์ไมโอนี่กลับพูดขึ้นมาเสียก่อน

    ฉันมีเรื่องจะถามเธอ

     

    .................................................

     

    มัลฟอยลืมตาขึ้น  เขามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างงุนงง

    ฉันอยากจะถามเธอเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น  มัลฟอยเฮอร์ไมโอนี่รวบรวมความกล้าพูดออกมาในขณะที่มัลฟอยจ้องเธออย่างแปลกใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะในลำคอ  เขานึกอยู่แล้วเชียวว่าเธอไม่ได้มาหาเขาเพราะแค่คิดถึงเพียงอย่างเดียวแน่

    ฉันอยากจะรู้ว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เธอเคยพูดถึงในจดหมายนั้นมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเรา  มันจะทำให้เรื่องของเรา.....ไม่มีวันเหมือนเดิมได้อย่างไร  ฉันอยากให้เธอบอกฉัน  รวมทั้งเรื่องพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอที่ตรอกนอร์กเทิร์นในวันนั้นด้วย  มัลฟอย  ฉันต้องการรู้ความจริงทั้งหมดจากเธอเด็กสาวพูดออกมาอย่างมุ่งมั่น  แววตาสีน้ำตาลของเธอดูเด็ดเดี่ยวยิ่งนักยามที่มันจ้องมองเขา  มันเด็ดเดี่ยวซะจนเด็กหนุ่มแน่ใจว่าเธอคงคิดเรื่องนี้มาเป็นอาทิตย์ก่อนที่จะมาถามเขา

    เฮอร์ไมโอนี่มองไปทางมัลฟอยหลังจากพูดจบ  เธอรอคอยคำตอบจากเขา  แต่เมื่อเธอทำเช่นนั้นเด็กหนุ่มผมบลอนด์กลับลุกขึ้นจากเบาะที่นั่งอยู่แล้วเดินไปยืนอยู่ข้างหน้าต่างแทน 

    ฉันเคยพูดแล้วไง  เกรนเจอร์  ว่าฉันบอกเธอไม่ได้ เขาพูดอย่างเย็นชาขณะหันหลังให้เธออยู่

    ฉันไม่ได้ต้องการคำตอบแบบนี้  มัลฟอย  แต่ฉันต้องการให้เธอบอกฉันถึงสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนั่นเธอยืนยันเสียงแข็งขณะที่มัลฟอยหันกลับบมาเผชิญหน้าเธอ

    เธอก็รู้ว่าฉันบอกเธอไม่ได้  ฉันให้เธอรู้เรื่องนี้ไม่ได้เขาพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ

    แล้วถ้าฉันยืนยันว่าฉันต้องการจะรู้ล่ะเธอพูดเสียงแข็งพลางจ้องเขาอย่างไม่เกรงกลัว  และนี่เป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุว่าเขาตัวสูงขึ้นมากทีเดียวในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี่  เพราะตอนนี้เธอสูงเลยไหล่เขามาหน่อยเดียวเท่านั้น

    เด็กหนุ่มถอนหายใจแล้วหลบตาเธอ

    มัลฟอยเธอพูดพลางยื่นมือมาจับแขนของเขาไว้

    ฉันต้องการรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  เธอถึง.......ทำตัวแปลกไปขนาดนี้  เธอไม่รู้หรือไงว่าฉันกังวลแค่ไหนที่เธอเป็นแบบนี้  เธอรู้ไหมว่าฉันเสียใจแค่ไหนตอนที่เธอบอกฉันว่าเรื่องของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วเธอพูดด้วยน้ำเสียงปวดร้าว  เด็กสาวอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบเมื่อเธอถึงนึกข้อความที่อยู่ในจดหมาย  ข้อความที่บอกเธอว่าเรื่องของเขาและเธอจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป!

    มัลฟอยมีสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด  ความอึดอัดของเขาแสดงออกมาทางดวงตาสีเทาที่ใช้มองเธอ

    ถึงยังไงฉันก็ยังยืนยันคำเดิม  เกรนเจอร์เขาพูดขึ้น

    ฉันบอกเธอไม่ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น  ถึงสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญอยู่  สิ่งที่อาจจะทำให้เรื่องของเราไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป  แต่ถึงยังไงฉันก็ยังยืนยันว่าฉันยังคงรักเธอเหมือนเดิม  และฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามมัลฟอยพูดขึ้นด้วยสีหน้าปวดร้าว  และเพราะสีหน้านั้นของเขามันทำให้เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะใจอ่อน  เธอเกือบจะล้มเลิกความตั้งใจในการค้นหาความจริงของเธอเสียแล้วเมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดใจของเด็กหนุ่ม  แต่เด็กสาวก็เตือนตัวเองได้ทันว่าเธอมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไร  เพราะเธอต้องการรู้ความจริงทั้งหมดไม่ใช่หรือ  แล้วเธอก็จะไม่ยอมเลิกราจนกว่ามัลฟอยจะยอมบอกเธอถึงสาเหตุที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้!

     

    เธอแน่ใจรึมัลฟอยว่าเธอจะไม่มีวันทำร้ายฉันเฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา  ซึ่งมันเป็นเสียงที่เด็กหนุ่มไม่คิดว่าเธอจะใช้กับเขา อะไรทำให้เธอแน่ใจขนาดนั้นว่าเธอจะไม่มีวันทำร้ายฉัน

    แววตาสีซีดของเราดูปวดร้าวกับคำพูดของเธอ

    เธอไม่เชื่อฉันอย่างนั้นหรือเขาถามด้วยน้ำเสียงที่แปลกแปร่ง

    ฉันไม่ได้ไม่เชื่อเธอ  มัลฟอย  ฉันแค่ต้องการคำยืนยัน  ฉันต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่  แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะบอกฉัน  ฉันเองก็อยากจะเชื่อเธอ  แต่เธอจะให้ฉันเชื่อเธอได้ยังไงในเมื่อตอนนี้เธอก็ไม่เหมือนเดิมแล้วเด็กสาวเอ่ยขึ้น  เธอรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลมาอีกรอบ  และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ น้ำตาของเธอไหลมาจากดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยอีกครั้ง  เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะเช็ดมันออกแต่มัลฟอยเร็วกว่า  เด็กหนุ่มยกมือซ้ายของเขาขึ้นเช็ดน้ำตาให้เธอ  เด็กสาวมองเขาอย่างสับสนก่อนที่เธอจะนึกอะไรขึ้นได้

    เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขวาของเธอขึ้นทาบกับมือของมัลฟอยที่อยู่ตรงแก้มของเธอ  เพื่อให้มันแนบกับใบหน้าของเธอก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมา

    ยังไงเธอก็จะไม่ยอมบอกฉันถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นใช่ไหมเฮอร์ไมโอนี่ถามซ้ำ  เดรโกส่ายหน้าอย่างจนใจ

    ฉันขอโทษ  เกรนเจอร์  ฉันบอกเธอไม่ได้จริง ๆเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเสียใจ  ในขณะที่เด็กสาวกลืนน้ำลาย  ถ้าอย่างนั้นมันก็คงเหลืออยู่ทางเดียวแล้วสินะ  ทางเดียวสำหรับเธอในการค้นหาความจริงอันนี้

     มัลฟอยจ้องลึกไปในดวงตาเธอ  มีแววเสียใจอยู่ในดวงตาสีซีดของเขาขณะที่เขาใช้มันจ้องมองเธอ  เด็กหนุ่มละสายตาไปจากเธอพร้อมกับถอนมือของเขาออกจากใบหน้าของเธอ  แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เมื่อเฮอร์ไมโอนี่กลับจับมันไว้  มัลฟอยมองเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจ  และเขาก็พบว่าดวงตาสีน้ำคู่นั้นของเธอจ้องเขากลับมาอย่างเด็ดเดี่ยว

     เฮอร์ไมโอนี่สูดลมหายใจและพูดขึ้นอย่างช้า ๆ

    ถ้าเธอบอกฉันไม่ได้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น  มันก็มีอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ฉันหายสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอ  โดยที่เธอไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งสิ้นเด็กสาวพูด  และก่อนที่มัลฟอยจะทันได้ตีความหมายของสิ่งที่เธอพูดออกมา  เฮอร์ไมโอนี่ก็หยิบไม้กายสิทธิ์ของเธอขึ้นมาและชี้ไปที่เขา

    ฉันเสียใจที่ต้องทำแบบนี้  มัลฟอยเธอพูดพลางชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่คอของเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าตกตะลึง

     แต่มันเป็นทางเดียวที่ฉันจะได้คำตอบที่ฉันต้องการ  และที่เธอต้องทำก็ไม่มีอะไรมาก  แค่เธอเปิดแขนเสื้อข้างซ้ายให้ฉันดูเท่านั้นเฮอร์ไมโอนี่พูดในขณะที่มัลฟอยหน้าซีดเผือด  มือขวาของเขาเลื่อนไปกุมแขนข้างที่มีตรามารอยู่ทันที!

     

     

    *************************************************

     

     

    คุยกันหลังอ่านนะคะ

     

    นักอ่านทุกท่านอ่านตอนที่ 9 แล้วอย่าเพิ่งเรียกหาตอนที่ 10 นะคะ  อิอิ  ส่วนใครที่อ่านแล้วอยากบ่นว่าทำม๊าย  ทำไม  มันถึงจบได้ค้างคาแบบนี้  คือก็เพราะเราอยากให้มันเป็นอย่างนี้อ่ะนะ  อยากให้เพื่อน ๆ ลุ้นกันเล็กน้อย [แอบทรมานคนอ่านค่ะ] แต่สัญญาว่าจะพยายามจัดตอนต่อไปให้เร็ว ๆ นะคะ  สำหรับเรื่องที่จะอัพเป็นเรื่องต่อไปคือ  เธอคือทาสหัวใจของฉันค่ะ  รออ่านกันนะคะ

     

    ตอบคอมเม้นนะคะ

    ตอบคุณ 9Lives นะคะ  ขอบคุณสำหรับคอมเม้นที่คราวนี้สั้นลงกว่าเดิมนะคะ  ความจริงเม้นมายาว ๆ ก็ได้นะคะจะได้คุยกันให้หายคิดถึง  ส่วนคอมเม้นของคุณพิกตอบไปให้สั้น ๆ ก่อนอยู่ใน iD ของพิกนะคะ  แต่พิกกะว่าจะไปตอบให้ยาว ๆ อีกรอบนึงน่ะค่ะ  แต่รอว่าง ๆ ก่อน  [กะจะไปตอบให้พรุ่งนี้แหละค่ะ] ส่วนเรื่องที่บอกว่าไม่ได้อัพมานาน  ขอสองตอนติดนั้น  เอาเป็นว่าจัดให้ตอนเดียวก่อนละกันนะคะ  สัญญาว่าตอนต่อไปจะตามมาอย่างรวดเร็ว  แต่ตอนนี้ก็ถือว่ายาวกว่าตอนอื่น ๆ ที่ผ่านมาเลยนะคะ  เพราะมันมีตั้ง 10 หน้าแน่ะ [มานไม่เกี่ยวเลยนะพิก] เอาเป็นว่าขอโทษด้วยนะคะที่อัพช้าเล็กน้อย  จะพยายามปั่นให้เร็ว ๆ นะคะ  แล้วเราขอไปตอบคอมเม้นที่เหลือใน iD ของเราแทนนะคะเพราะที่นี่มันจะยาวเกิน  อิอิ

    ตอบน้องขวัญ  ขอบคุณน้องสาวที่น่ารักมากที่ช่วยพี่สแกนคำผิดของตอนที่ 9 นี้  และก็ขอบคุณที่เข้าใจว่าพี่สาวกำลังอยู่ในช่วงมึน ๆ [เพราะแต่งฟิคดึกไปหน่อย] แต่น้องขวัญก็ช่วยพี่ได้เยอะเลยนะคะ  ขอบคุณมาก ๆ นะคะ

    นอกจากนี้ขอบคุณน้องตะวัน นะคะสำหรับคอมเม้นและรูปสวย ๆ พี่มาอัพให้แล้วนะ [ช้าไปรึเปล่า] ขอบคุณ  คุณพี่นางฟ้า  น้อง apooney   คุณ  Will_Will  คุณ  mickey  คุณ  i_fresh_kab  และคุณ  NaMeZaa²___,,,  สำหรับ  กำลังใจ  มาอัพให้แล้วนะคะ  ถูกใจไม่ถูกใจยังไงกับตอนนี้เข้ามาคุยกันได้นะคะ  แล้วเจอกันอีกครั้งพร้อม  เธอคือทาสหัวใจค่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×