คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บาดแผลในใจของมัลฟอย: Draco's sorrow +++มีการแก้ไขเนื้อหา+++
คุยกันก่อนอ่านนะคะ
พิกได้แก้ไขเนื้อหาในตอนที่ 5 นี้ให้เข้ากับเนื้อเรื่องในหนังสือและตอนจบที่วางไว้แล้วนะคะ โดยเนื้อหาที่มีการแก้ไขจะเป็นตัวหนังสือสีเขียวเข้มนะคะ ใครที่อ่านตอนที่ 5 นี้ไป [นาน] แล้ว ลองเข้าอ่านเฉพาะตอนที่มีการแก้ไขใหม่นะคะ จะได้เข้าใจค่ะ ขอบคุณค่ะ
***Chapter 5 บาดแผลในใจของมัลฟอย: Draco’s sorrow***
“กรี๊ด!!!” เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้องอย่างเสียขวัญ เมื่อเธอมองเห็นร่างที่มีเลือดอาบศีรษะของมัลฟอย เด็กสาวพยายามกระเถิบตัวออกห่าง ในขณะเดียวกันเธอก็พยายามจะพลิกร่างของมัลฟอยขึ้นมา
“ว้าย!” เฮอร์ไมโอนี่อุทานเมื่อเห็นแผลบนศีรษะของมัลฟอยอันเกิดมาจากการกระทำของเธอ บาดแผลนั้นไม่ใช่เล็ก ๆ เลย แถมยังมีเลือดออกมามากจนร่างกายของเธอเปรอะเปื้อนเลือดสีแดงสดจากตัวเขาไปไม่น้อย
“มัลฟอย มัลฟอย!” เธอพยายามเรียกชื่อเขา แต่ไม่มีท่าทีว่าเขาจะรู้สึกตัวแม้แต่น้อย เฮอร์ไมโอนี่เอานิ้วอังลมหายใจที่จมูกของเด็กหนุ่มอย่างทดสอบ และเธอก็รู้สึกโล่งอกที่ได้รู้ว่าเขายังหายใจอยู่
‘ต้องไปตามใครมาช่วย’ นั่นคือสิ่งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่คิดออก เด็กสาวกวาดสายตาไปมองที่ประตูซึ่งถูกล็อคไว้ เธอจะไม่สามารถเปิดมันออกไปได้ถ้าไม่มีไม้กายสิทธิ์
จริงด้วย ไม้กายสิทธิ์!
สายตาของเฮอร์ไมโอนี่กวาดไปที่พื้นห้อง เด็กสาวพุ่งไปยังไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอยที่เขาเพิ่งโยนทิ้งไป และคว้ามันไว้ในมือราวกับมันเป็นทางรอดสุดท้ายของเธอ ถ้ามีสิ่งนี้ เธอก็จะสามารถออกจากห้องนี้ไปได้ ถ้ามีสิ่งนี้เธอก็จะสามารถใช้มันเปิดทางลับหลังแผนที่นั้นไปได้ และเธอก็จะหนีออกไปจากที่นี่ได้ก่อนที่มัลฟอยจะรู้
เฮอร์ไมโอนี่มองไม้กายสิทธิ์ในมืออย่างเปี่ยมไปด้วยความหวัง เด็กสาวก้าวไปที่ประตูห้องพร้อมกับไม้กายสิทธิ์ในมือแต่ก่อนที่เธอจะใช้มันเปิดประตูสู่อิสระของตัวเอง เธอก็กลับหันกลับมามองที่ร่างของเด็กหนุ่มบนเตียง ร่างที่หมดสติและมีลมหายใจรวยริน
ถ้าเธอทิ้งเขาไปในตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไร บาดแผลของเขาไม่ใช้น้อย ๆ เลยทีเดียว ไม่แน่ว่าเขาอาจจะตายได้ถ้าเธอทิ้งเข้าไว้อย่างนี้ เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นในหัวของเฮอร์ไมโอนี่
แต่ถ้าเธอไม่หนีไปตอนนี้เธอก็จะหมดโอกาสที่จะหนีตลอดไปเลยนะ เพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอที่จะออกไปจากที่นี่ได้ เสียงอีกเสียงพยายามต่อสู้กับเสียงเมื่อครู่อยู่ในหัวสมองของเธอเอง
‘ถ้าเธอทิ้งเขาไปในตอนนี้เธอก็จะสามารถหนีไปจากที่นี่ได้ เพื่อกลับไปพบเพื่อน ๆ ของเธอและคนที่เธอรักอีกครั้ง แต่ถ้าหากเธอทำเช่นนั้น เธออาจจะต้องกลายเป็นฆาตกรไปโดยที่เธอไม่ตั้งใจ!’
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสับสน เธอไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่ แต่เธอก็ไม่อยากจะฆ่าใคร แม้ว่าจะเป็นคนที่สมควรตายเช่นเขาก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่มองไม้กายสิทธิ์ในมือสลับกับมองร่างของมัลฟอยบนเตียงอย่างลังเลสับสน แต่ในไม่นานเธอก็ตัดสินใจได้ เด็กสาวพุ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า และคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับเสื้อผ้าขาดลุ่ยของเธออย่างลวก ๆ ก่อนจะก้าวเท้าไปที่ประตูในขณะที่มือของเธอกำไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอยไว้แน่น เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจก่อนที่จะร่ายคาถาเปิดประตูห้องออก
“มีใครอยู่บ้างข้างนอกบ้าง!”
แม้ว่าพวกเอลฟ์ประจำบ้านจะตกใจไม่น้อยที่รู้ว่านายน้อยของพวกมันโดนทำร้าย แต่พวกมันก็ไม่ได้สนใจสิ่งใดมากไปกว่าการช่วยรักษาพยาบาลมัลฟอยเป็นอันดับแรก ร่างของเด็กหนุ่มถูกย้ายมาที่ห้องนอนของเขาอย่างทุลักทุเลด้วยฝีมือของเอลฟ์ประจำบ้านเกือบสิบตน หลังจากนั้นเอลฟ์ประจำบ้านก็ต่างกระวีกระวาดไปเอายาวิเศษต่าง ๆ มารักษาเดรโกเสียยกใหญ่จนแทบจะหอบตู้ยามากองทีเดียว เฮอร์ไมโอนี่มองดูเหล่าเอลฟ์วิ่งพล่านไปทั้งคฤหาสน์อย่างวุ่นวาย ในขณะที่ดีน่ากำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ เตียงและมองมัลฟอยที่กำลังหมดสติพร้อมกับร้องไห้ด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมถึงไม่พาเขาส่งโรงพยาบาลล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามดีน่าในขณะที่เอลฟ์ตัวอื่น ๆ กำลังรวบรวมยาวิเศษมาอยู่ เอลฟ์สาวทำท่าตกใจสุดขีดที่ได้ยินเช่นนั้น
“ไม่ได้เจ้าค่ะ พานายน้อยส่งโรงพยาบาลไม่ได้เด็ดขาด!” มันร้องเสียงแหลม น้ำตาใส ๆ ไหลออกมาจากดวงตากลมโตสีฟ้า เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“ทำไมล่ะ ก็มัลฟอยบาดเจ็บนี่ ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้จะไม่ดีนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางก้มลงดูบาดแผลที่ศีรษะของเขา ดูท่าจะลึกเอาการ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ แค่นายท่านสั่งไว้เด็ดขาดว่าห้ามใครออกจากคฤหาสน์ระหว่างที่นายท่านไม่อยู่ค่ะ” ดีน่าตอบ “แล้วดีน่าก็ไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งของนายท่านได้ค่ะ นายท่านคือเจ้านายของดีน่า คำสั่งของเจ้านายถือเป็นประกาศิต” เอลฟ์สาวตอบอย่างหวาดหวั่น เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกไม่พอใจที่ได้ยินเช่นนั้น เธอกำลังจะอ้าปากพูดถึงเรื่องสิทธิของเอลฟ์ประจำบ้านให้ดีน่าฟัง หากแต่ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
“นี่ยาทั้งหมดที่พอจะหาได้” เอลฟ์ตัวหนึ่งที่มีดวงตาสีน้ำตาลพูดกับดีน่า พร้อมกับยื่นกล่องยาวิเศษให้ ซึ่งภายในบรรจุยาไว้มากมาย ส่วนเอลฟ์อีกตัวหนึ่งก็วางผ้าขนหนูกับอ่างใส่น้ำลงข้าง ๆ กล่องยา
“ขอบใจ ดีน่าจะดูแลนายน้อยเอง” ดีน่ารับคำ มันเริ่มเอาผ้าในอ่างขึ้นมาบิด และกำลังจะเช็ดแผลให้มัลฟอย แต่สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าของดีน่ากลับเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าหวาดกลัวแทน มันขืนมือที่จะลงไปเช็ดหน้าให้มัลฟอย แต่ในขณะเดียวกันมันก็พยายามฝืนความรู้สึกของตัวเองเพื่อจะเช็ดตัวให้เขาราวกับมันกำลังต่อสู้กับตัวเองอยู่
“เป็นอะไรไปเหรอดีน่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างแปลกใจ เมื่อดีน่าทิ้งผ้าในมือและเอามือปิดหน้าอย่างหวาดกลัว
“ดีน่ากลัวเลือดค่ะคุณผู้หญิง” มันละล่ำละลักออกมาอย่างรู้สึกผิด “ความจริงดีน่าต้องทำแผลให้นายน้อย แต่เธอกลัวเลือด เธอเห็นมันไม่ได้” เอลฟ์สาวร้องไห้โฮและเอามือทั้งสองข้างปิดตา
“ถ้าเธอกลัวก็ให้คนอื่นทำก็ได้นี่” เฮอร์ไมโอนี่ปลอบมันอย่างสงสาร
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ดีน่าต้องทำ เพราะว่าดีน่ารับปากเอลฟ์ตัวอื่นไว้แล้วว่าเธอจะทำ ดีน่าต้องทำค่ะคุณผู้หญิง” ดีน่าพูดพร้อมกับเอามือปิดหน้าอย่างหวาดกลัว ในขณะที่มันเริ่มทำท่าทีต่อสู้กับตัวเองอีกครั้ง
“พอเถอะดีน่า เธอไม่ต้องทำแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดในที่สุด เธอคว้าผ้ามาจากมือของมัน
“แต่ดีน่าต้องทำค่ะ คุณผู้หญิง” มันพูดเสียงอ่อน เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้มัน
“เธอไปทำอย่างอื่นเถอะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้เขาเอง”
เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาไม่นานนักในการทำแผลให้มัลฟอย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ใช้เวทย์มนตร์ช่วยแต่เพราะฤทธิ์ของยาสมานแผลวิเศษบวกกับความชำนาญในการทำแผลแบบมักเกิ้ลของเธอจึงทำให้บาดแผลของมัลฟอยไม่น่าจะมีอะไรต้องเป็นห่วงอีกต่อไป ที่เหลือก็เพียงแค่รอให้เขาฟื้นเท่านั้นเอง
ในคืนนั้นขณะที่เฮอร์ไมโอนี่อยู่เฝ้าไข้มัลฟอย สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาและมัลฟอยก็ยังคงไม่รู้สึกตัว
“ตัวร้อนนี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดเมื่อเธอเอามือทาบหน้าผากของเด็กหนุ่ม ใบหน้าขาวซีดกลายเป็นสีแดงเพราะพิษไข้ แต่ถึงกระนั้นมัลฟอยก็ยังไม่รู้สึกตัว เขายังคงหลับสนิท แต่มีท่าทีทุรนทุรายราวกับตกอยู่ในฝันร้าย
“ดีน่าไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาหน่อยสิ เราต้องเช็ดตัวให้เขา” เฮอร์ไมโอนี่พูด ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอก็อยู่เฝ้ามัลฟอยไม่ได้ห่างไปไหนเลย แต่นั่นเป็นเพราะความรู้สึกผิดที่เธอทำร้ายเขา เธอไม่สามารถทิ้งเขาไปในตอนนี้ได้
ไม่นานนักดีน่ากลับมาพร้อมกับของที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องการ แต่เอลฟ์สาวกลับบอกเธอว่ามันต้องไปดูแลนางมัลฟอยต่อหลังจากนี้ เพราะว่าเดรโกกำชับกับมันไว้ว่าช่วงที่พ่อของเขาไม่อยู่ให้มันดูแลแม่แทนเขาด้วยถ้าเขาไม่ว่าง
“ดีน่าจะลองไปถามเอลฟ์ตัวอื่นให้มาดูแลนายน้อยแทนคุณบ้างนะคะ” ดีน่าเสนอ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับส่ายหน้า
“ไม่ต้องหรอก ฉันเช็ดตัวให้เขาเองก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับมันอย่างอ่อนโยน เป็นครั้งแรกที่เธอเต็มใจจะทำอะไรเพื่อผู้ชายคนนี้ แต่เด็กสาวกลับย้ำเตือนกับตัวเองเสมอว่าที่เธอต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าเธอเป็นคนทำให้เขาเป็นเช่นนี้ต่างหาก
เฮอร์ไมโอนี่หยิบผ้าขึ้นมาจากอ่างน้ำ และบิดมันหมาด ๆ ก่อนที่จะเริ่มแกะกระดุมเสื้อของมัลฟอย แผ่นอกแข็งแกร่งปรากฏสู่สายตาของเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ แต่เธอพยายามไม่สนใจมัน เฮอร์ไมโอนี่วางผ้าเปียกน้ำลงบนหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นและเริ่มเช็ดตัวให้เขา มัลฟอยขยับตัวเล็กน้อยเมื่อมีผ้าเย็น ๆ มาถูกตัว
เด็กสาวเช็ดร่างกายส่วนอกของเขาก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อเธอเปลี่ยนไปเช็ดที่แขนทั้งสองข้างของเขา เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าบนแขนซ้ายของเดรโกมีตรามารอันเป็นสัญลักษณ์ของผู้เสพความตายปรากฏอยู่ แต่เธอก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะเด็กสาวรู้มาอยู่ก่อนหน้านี้แล้วว่าเขาเป็นผู้เสพความตายจากการที่เขาเป็นคนนำผู้เสพความตายตนอื่น ๆ เข้ามาในโรงเรียนเมื่อเทอมที่แล้วเพื่อสังหารดัมเบิลดอร์ ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่สามารถลงมือเองปลิดชีวิตดัมเบิลดอร์ได้ด้วยตัวเองก็ตาม
หลังจากเช็ดบริเวณแขนของเด็กหนุ่มเสร็จโดยพยายามจะไม่สนใจตรามารที่ท้องแขนของเขาแล้ว เธอก็เลื่อนกลับไปเช็ดที่ลำตัวของเขาอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปยังลำคอของเขาไปไล่ไปจนกระทั่งถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวและเป็นสีแดง ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังนำผ้าชุบน้ำเช็ดที่หน้าผากของเด็กหนุ่มอยู่นั้น
“.........” มัลฟอยพึมพำออกมาเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างสงสัย เพราะเธอไม่อาจจับใจความนั้นในสิ่งที่เขาพูดออกมาได้ แต่ก่อนที่เด็กสาวจะได้พูดอะไรออกไป มัลฟอยก็ละเมอขึ้นมาอีกรอบ
“ม.....แม่ครับ” เขาพึมพำ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างแปลกใจ เด็กสาวไม่นึกเลยว่าคุณชายเลือดบริสุทธิ์ที่แสนจะเย่อหยิ่งอย่างมัลฟอยจะเป็นเด็กติดแม่ถึงขนาดต้องละเมอออกมาอย่างนี้
“แม่ครับ!.....อย่า...... พ่อครับ......อย่าทำอย่างนั้นกับแม่......แม่ครับตอบผมสิครับ........แม่!!!” มัลฟอยเพ้อออกมาด้วยพิษไข้ มือของเขาเอื้อมออกมาเบื้องหน้าราวกับหาที่ยึดเหนี่ยว เด็กหนุ่มคว้าเอาร่างของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ได้ มือแข็งแรงกระชากร่างบางของเธอลงไปหาอ้อมอกของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว!
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่อุทานด้วยความโกรธปนตกใจ ตอนนี้ร่างของเธอสัมผัสอยู่กับแผ่นอกเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มจนเธอสามารถสัมผัสถึงความร้อนจากร่างกายของเขาได้
“แม่......ตอบผมสิครับ............ได้โปรด...........อย่ามองผมแบบนี้!” เสียงของมัลฟอยที่เปล่งออกมาฟังดูปวดร้าว ไม่มีแววเย่อหยิ่งและถือตัวดังเดิมเลยแม้แต่น้อย เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แต่เป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ต้องการความอบอุ่นทางใจมากกว่าสิ่งใด
“ไม่เป็นไรนะมัลฟอย ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ และจับมือของเขามากุมไว้หลวม ๆ อย่างนึกสงสาร จนในที่สุดเด็กหนุ่มก็หลับไปอีกครั้งด้วยท่าทีสงบมากกว่าเดิม
เฮอร์ไมโอนี่ยันกายขึ้นมาจากเตียง เธอห่มผ้าห่มให้เขาและจุ่มผ้าขนหนูที่ใช้แล้วลงในอ่างน้ำ เด็กสาวกลับมานั่งลงข้าง ๆ เตียงของเขาตามเดิม แววตาสีน้ำตาลมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิม
“เธอมีบาดแผลอะไรอยู่ในใจนะมัลฟอย”
เช้าวันต่อมาพระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้ากว่าปรกติหลังจากที่ท้องฟ้าผ่านความเหน็บหนาวจากสายฝนมาทั้งคืน เดรโก มัลฟอย ลืมตาขึ้นอีกครั้งในเช้าวันใหม่ ดวงตาสีซีดของเขามองไปรอบด้านก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ร่างเล็ก ๆ ที่ฟุบหน้าลงกับที่นอนของเขา ผมสีน้ำตาลพองฟูกระทบกับแสงแดดที่ส่องมาจากหน้าต่างเป็นประกายสวย
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่นะ นั่นคือคำถามแรกในใจของมัลฟอย ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มก็รู้สึกปวดหัวจี๊ด เขายกมือกุมศีรษะตามสัญชาติญาณ และก็พบว่ามันถูกพันด้วยผ้าพันแผลอันโต
เรื่องราวของเมื่อคืนหลั่งไหล่เข้ามาในหัวสมองของเขาอย่างช้า ๆ ราวกับสายน้ำที่เอ่อทะลัก เขาจำได้ดีว่าหลายวันก่อนเขาออกไปสร้างข่ายเวทย์มนตร์เพื่อไม่ให้เฮอร์ไมโอนี่หนีออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ได้ แต่เธอก็กลับพยายามจะหาทางหนีอยู่ดี มัลฟอยจำได้ว่าเธอตบเขาไปฉาดหนึ่ง ตอนนั้นอารมณ์ของเขามันพลุ่งพล่านอย่างระงับไม่อยู่ ราวกับทั้งโทสะทั้งความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดมารวมอยู่ที่เดียวกัน เขาจึงพลักเธอลงบนเตียงและคิดจะสั่งสอนเธอด้วยบทเรียนที่เธอจะลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต และเธอก็พยายามขัดขืน เธอพยายามขัดขืนเขาสุดกำลัง แต่เขาก็พยายามล่วงเกินร่างกายของเธอ จนในที่สุด เขาก็รู้สึกราวกับมีของแข็งมากระทบศีรษะของเขาอย่างแรง หลังจากนั้นเขาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว
มัลฟอยมองไปยังร่างของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหลับอย่างมีความสุข ถ้าเขาจำไม่ผิดเธอคงทำร้ายเขาเพื่อป้องกันตัว แต่ดูจากที่เขาเห็นแล้ว เฮอร์ไมโอนี่น่าจะเฝ้าไข้เขามาทั้งคืน แล้วทำไมเธอต้องทำเช่นนั้นด้วย
เด็กหนุ่มมองร่างของเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหาเธอ
“เกรนเจอร์ตื่น!” มัลฟอยตะโกนและเขย่าร่างของเฮอร์ไมโอนี่แรง ๆ เด็กสาวงัวเงียตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ
“เธอฟื้นแล้วหรือมัลฟอย” เด็กสาวพูดพลางขยี้ตา มัลฟอยยันกายขึ้นจากเตียง
“เธอคิดว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ยัยเลือดสีโคลน!” มัลฟอยถาม
“ฉันคิดว่านายควรจะพูดกับฉันดี ๆ หน่อยนะมัลฟอย ฉันเป็นคนช่วยนายไว้นะ” เฮอร์ไมโอนี่โต้กลับ
“ฉันไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากคนอย่างเธอเลยเกรนเจอร์” เขาพูดอย่างเย็นชา
“อ้อ แล้วก็ลุกออกไปจากเตียงของฉันด้วยนะ ก่อนที่โคลนจากตัวเธอจะมาเปรอะที่นอนราคาแพงของฉัน” มัลฟอยพูดดูถูก เฮอร์ไมโอนี่ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่นึกเลยว่าเธอจะทำคุณบูชาโทษ ถ้าเธอรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ล่ะก็สู้ปล่อยให้เขาตาย ๆ ไปเสียดีกว่า!
“ขอบอกไว้นะมัลฟอย ถ้าฉันไม่ช่วยนายไว้ป่านนี้นายคงตายไปแล้วล่ะ” เธอตอกกลับ
“ฉันยอมตายดีกว่าที่ต้องมาติดหนี้บุญคุณคนอย่างเธอเกรนเจอร์ แล้วก็กรุณาออกไปจากห้องนอนฉันด้วย” มัลฟอยพูดแล้วชี้ไปที่ประตู เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าใบหน้าร้อนวูบวาบด้วยอารมณ์โกรธ
“นายคิดว่าตัวเองเข้มแข็งนักรึไง ถึงไม่ต้องการให้ใครมาช่วยน่ะ จะบอกให้รู้นะว่าคนที่เข้มแข็งจริง ๆ น่ะเขาไม่ละเมอถึงแม่ออกมาตอนหลับหรอก” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง แต่เธอกลับต้องชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของมัลฟอยเมื่อเธอพูดจบ
“เธอว่าอะไรนะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หากแต่ดูน่ากลัวจับใจ
“ฉัน....ก็ฉันพูดจริง ๆ นี่” เฮอร์ไมโอนี่เถียง เธอพยายามทำเป็นโมโหเพื่อกลบเกลื่อนความกลัวของตัวเอง แต่เด็กสาวก็รีบถอยออกห่างจากมัลฟอยทันที เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาจะทำกับเธออย่างที่เขาทำเมื่อคราวก่อนหรือเปล่า
แต่คราวนี้มัลฟอยกลับไม่ได้ทำอะไรเลย เขาไม่ได้ด่าว่าหรือลงโทษเธอแม้แต่น้อย แต่เขากลับนิ่งเฉยอย่างน่าประหลาด ครู่หนึ่งเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอเห็นแววตาสีเงินของมัลฟอยดูอ่อนลง หากแต่ดูเศร้าสร้อยยิ่งนัก
“ออกไป” เขาพูดออกมาเบา ๆ
“หา.....”
“ฉันบอกให้ออกไปไงเล่า ฉันอยากอยู่คนเดียว!” มัลฟอยตะโกน เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งสุดตัว แววตาสีเงินของเด็กหนุ่มกลับมาดูน่ากลัวดังเดิม เด็กสาวจำใจเดินออกไปจากห้องของเขาโดยดี โดยเธอยังคงสงสัยว่ามัลฟอยมีเรื่องใดในใจถึงทำให้เขามีท่าทีที่แปลกไปเช่นนั้น
ในขณะเดียวกันเดรโกเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเหตุใดเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของเขาถึงฝังรอยแผลลึกในใจของเขาตราบจนทุกวันนี้
เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจากห้องนอนของมัลฟอยด้วยท่าทีอารมณ์เสีย เพราะคำพูดจาอวดดีและไม่สำนึกบุญคุณของเขา แต่อีกใจหนึ่งเธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเด็กหนุ่มจึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปเพียงเพราะเธอพูดเรื่องที่เขาละเมอถึงแม่ออกมาเท่านั้น
แม้จะสงสัย แต่เด็กสาวก็ไม่อยากเก็บเอามาใส่ใจ เธอตัดสินใจตรงกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง หลังจากที่เหนื่อยกับการเฝ้าไข้มัลฟอยมาทั้งคืน
เฮอร์ไมโอนี่ล้มตัวลงบนเตียงยับยู่ยี่ที่มัลฟอยเกือบจะใช้กำลังขืนใจเธอในเมื่อวาน เศษแจกันที่แตกถูกเก็บกวาดไปเรียบร้อยแล้วโดยฝีมือของเอลฟ์ประจำบ้าน เด็กสาวนอนล้มตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อย เธอดึงถ้าห่มขึ้นมาจนถึงคางก่อนจะซุกตัวลงไปในผ้านวมผืนหนา ดวงตาสีน้ำตาลเหม่อลอยไปบนเพดาน เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนหวนกลับมาสู่ความทรงจำของเธออีกครั้งราวกับภาพฉาย
ภาพที่เด็กหนุ่มกำลังใช้กำลังข่มเหงเธอ !!!
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลง และพยายามจะไล่ภาพที่ติดตรึงในหัวสมองของเธอไปไกล ๆ แม้ว่าเธอจะพยายามทำเช่นนั้น แต่ภาพดวงตาสีเงินที่ฉายแววเจ้าเล่ห์กับริมฝีปากบางที่กำลังเหยียดยิ้มก็มาปรากฏอยู่ในหัวสมองของเธอทุกครั้งไป !
“อย่าคิดถึงมันอีกเฮอร์ไมโอนี่” เด็กสาวสั่งตัวเองเสียงดัง ก่อนจะพลิกตัวมานอนตะแคง และละสายตาจากเพดานสีเทามายังโต๊ะข้างเตียงแทน
เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ลุกจากเตียงและเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงออก ภายในลิ้นชักนั้นไม่มีอะไรอยู่เลยนอกเสียจากไม้กายสิทธิ์อันหนึ่ง
เด็กสาวหยิบไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอยมาถือไว้ในมือ ไม้ที่เธอแอบขโมยมาเมื่อตอนที่เขาบาดเจ็บ ไม้ที่เจ้าของของมันยังไม่รู้ตัวว่ามันหายไป และไม้ที่เป็นความหวังเดียวของเธอในการหนีออกไปจากที่นี่ !
เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจเก็บไม้กายสิทธิ์ลงในลิ้นชักเหมือนเดิม ก่อนที่จะหาผ้าขนหนูเล็ก ๆ สองสามผืนมาวางทับมันเอาไว้ แน่นอนว่าเธอคิดจะหนี และแน่นอนว่าเธอต้องใช้ไม้กายสิทธิ์เพื่อจะหนีออกจากที่นี่ ซึ่งความจริงเด็กสาวอยากจะหนีออกไปจากขุมนรกนี่เสียเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ที่เธอไม่ทำเช่นนั้นก็เพราะเธอคิดว่าการหนีของเธอต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ และแน่นอนว่าเธอจะต้องออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ได้ก่อนที่มัลฟอยจะรู้ตัวและตามไปลากตัวเธอกลับมาทัน เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรนั้นเฮอร์ไมโอนี่ย่อมรู้ดี!
*************************************************
ความคิดเห็น