ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้ามระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย ภาค 2

    ลำดับตอนที่ #5 : Dead or Alive [อยู่หรือตาย]

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 52




                     ***Chapter 5 Dead or Alive [อยู่หรือตาย]***

     

                    เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าตนเองได้เดินทางมาถึงบ้านโพรงกระต่ายแล้ว  เด็กสาวก้าวออกมาจากเตาผิงอย่างระมัดระวัง  ก่อนจะค่อยวางสัมภาระของเธอไว้ข้าง ๆ โต๊ะไม้ขัดมันในครัว  เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้น  และก็พบนางวีสลีย์กำลังยืนอยู่ตรงธรณีประตู

                    สวัสดีจ๊ะ  เฮอร์ไมโอนี่!” นางยิ้มกว้างพร้อมกับคว้าร่างของเฮอร์ไมโอนี่ไปโอบกอด

                    สวัสดีค่ะคุณนายวีสลีย์เฮอร์ไมโอนี่กล่าว  ขณะที่นางวีสลีย์กำลังกอดรัดเธออยู่      

                    เธอสบายดีไหมจ๊ะ  ดูเหมือนเธอจะผอมไปนะเนี่ยนางวีสลีย์กล่าวพลางหรี่ตาลงอย่างสงสัย

                    ไม่นี่คะเฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธ  นางวีสลีย์มองเธออย่างสงสัยจนกระทั่งเสียงปึงปังที่ดังมาจากเตาผิงเรียกความสนใจของเธอไปจากเด็กสาว

                    รอนก้าวออกมาจากเตาผิงอย่างลำบากเพราะความสูงของเขา  ผงฝุ่นสีขาวเปรอะเต็มศีรษะสีแดงเพลิงของเขา

                    ตายจริง!” นางวีสลีย์กล่าวพลางสะบัดไม้กายสิทธิ์หนึ่งครั้ง  เพื่อกำจัดฝุ่นรวมทั้งใยแมงมุมออกจากผมของรอน

                    ขอบคุณครับแม่รอนพูด

                    ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ  แล้วพ่อของลูกล่ะรอน  แม่นึกว่าเขาจะหายตัวกลับมาแล้วเสียอีกนางถามอย่างสงสัย  และเพราะเกรงว่านายวีสลีย์จะพยายามยืดเวลาอยู่ที่บ้านพวกเกรนเจอร์ต่อ

                    พอดีพ่อเพิ่งนึกได้ว่าพ่อมีธุระที่กระทรวงน่ะครับ  เลยให้ผมกลับมาก่อนรอนตอบพลางเดินมานั่งที่โต๊ะ

                    อ้อ  อย่างนั้นเหรอ  ถ้าอย่างนั้นลูกช่วยยกของของเฮอร์ไมโอนี่ไปที่ห้องของจินนี่หน่อยสิ  เธอคงไม่ว่านะจ๊ะที่ต้องนอนกับจินนี่ไปก่อนน่ะจ๊ะนางวีสลีย์หันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ 

                    ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ  หนูยังไงก็ได้เธอตอบไปอย่างนั้น  แต่ในใจก็นึกสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงต้องไปนอนกับจินนี่  ในเมื่อตอนนี้ห้องของบิลกับชาลีน่าจะว่างอยู่  แต่ไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากถามอะไรคำตอบก็มาปรากฏกายให้เธอเห็น

                    เด็กสาวคนหนึ่งเยื้องย่างเข้ามาในห้อง  เธอมีใบหน้าที่สวยจนชวนตะลึง  ดวงตาสีฟ้าทอประกายสดใส ผมสีเงินของเธอซึ่งยาวสยายถึงกลางหลังนั้นพลิ้วไหวไปมาอย่างงดงาม  ในมือของเธอถือถาดบรรจุของว่างเอาไว้

                    เฟลอร์  เดอลากรูว์  เดินมายังโต๊ะทานอาหารอย่างเชื่องช้าและสง่างาม  เธอค่อย ๆ วางถาดใส่คุกกี้ในมือลงบนโต๊ะ  ผมสีเงินของเธอทิ้งตัวลงอย่างงดงาม  รอนมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทีเคลิ้มฝัน

                    ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องยกอะไรมา  นี่ยังไม่ถึงเวลาอาหารเลยนะนางวีสลีย์พูดขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจเท่าไหร่นัก  แต่เฟลอร์กลับยิ้มให้เธออย่างงดงามจนรอนนั้นตาค้าง

                    ไม่เป็นไรค่า  นี่เป็นแค่ของว่างเฉย ๆ ฉันคิดว่าพวกเด็ก ๆ คงจะหิวกันหล่อนพูดพลางมองไปยังรอนและเฮอร์ไมโอนี่  ก่อนจะเคลื่อนกายผ่านโต๊ะไม้ขัดมันมายังเด็กสาว ยินดีที่ได้พบเธออีกครั้งนะเฟลอร์จับมือเฮอร์ไมโอนี่เขย่า  เธอยิ้มบาง ๆ ตอบ 

                    เธอไม่รู้รึว่าฉันกำลังจะทำอาหารเย็นน่ะนางวีสลีย์พูดขึ้น แล้วเธอจะให้พวกเขาทานของว่างอะไรตอนนี้หล่อนกล่าวอย่างหงุดหงิด

                    ไม่เป็นไรหรอกครับแม่  ผมกำลังอยากทานพอดีรอนพูดขึ้นทันควัน  นางวีสลีย์ส่งสายตาคมกริบมาให้เขา  แต่รอนกลับไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะสิ่งเดียวที่กำลังอยู่ในสายตาของเขาตอนนี้ก็คือภาพเฟลอร์ที่กำลังสะบัดผมสีเงินเงางามของเธอ

                    คุณกำลังจะทำอาหารเย็นหรือคะ  ถ้าอย่างง้านฉันช่วยนะคะเฟลอร์พูดพลางส่งยิ้มที่สวยจนเหลือเชื่อมาให้นางวีสลีย์ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

                    รอนช่วยเฮอร์ไมโอนี่ยกของขึ้นไปบนห้องสินางกล่าว ส่วนเธอถ้าอยากช่วยก็ตามมา  วันนี้เราจะทำสตูกันนางกล่าวก่อนจะเดินนำเฟลอร์เข้าไปในครัว  รอนมองตามแผ่นหลังของเด็กสาวไปด้วยอาการมึน ๆ

                    ถ้าเธอยังไม่ดีขึ้นงั้นฉันยกของขึ้นไปเองก็ได้นะเฮอร์ไมโอนี่พูดพลางคว้ากระเป๋าสัมภาระของเธอขึ้นมาจากพื้น  พร้อม ๆ กับถุงหนังสืออีกหลายใบ

                    เปล่า  ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยรอนแย้งก่อนจะเดินเอียง ๆ ไปหยิบถุงหนังสือของเด็กสาวขึ้นมาจากพื้น  ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามนต์สเน่ห์ของเฟลอร์นั้นยังคงอยู่แม้ว่าเจ้าตัวจะเดินจากไปแล้ว

                   

                    ………………………………………………………….

     

                    รอนเดินนำเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นบันไดแคบ ๆ ไปจนถึงห้องของจินนี่  เด็กหนุ่มเคาะประตูเบา ๆ  

                    จินนี่เป็นคนเปิดประตู  เธอตรงเข้ามากอดเฮอร์ไมโอนี่ทันทีที่เห็นว่าเป็นเธอ พี่เฮอร์ไมโอนี่  ดีใจจังที่ได้เจอพี่!”  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็กอดจินนี่ตอบอย่างทุลักทุเลเพราะในมือถือของไว้มากมาย

                    พี่ก็ดีใจที่ได้เจอเธอจินนี่  ว่าแต่ว่าทำไมถึงไม่ไปรับพี่ฮึเฮอร์ไมโอนี่พูด

                    ก็เพราะเธอมัวแต่เขียนจดหมายรักถึงดีน โทมัสอยู่น่ะสิรอนตอบขึ้นทันควัน  ก่อนจะเดินก้าวผ่านสองสาวไปในห้อง  และวางสัมภาระของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ข้าง ๆ เตียงของจินนี่

                    ฉันจะขอบคุณมากเลยนะถ้าพี่จะหยุดพูดถึงเรื่องของฉันกับดีนให้คนอื่นฟังเสียที!” จินนี่พูดพลางเดินท้าวสะเอวเข้ามาหารอนซึ่งแลดูเหมือนนางวีสลีย์มาก  รอนก็ได้แต่ยักไหล่ราวกับต้องการพูดว่า ก็มันเรื่องจริงนี่นา

                    ว่าแต่ว่าพี่พบยายคุณเฟล็มหรือยังจินนี่หันไปพูดกับเฮอร์ไมโอนี่หลังกับจัดการกับรอนเสร็จแล้ว  โดยเธอเอาชื่อเฟลอร์มาแปลงเป็นเฟล็มที่แปลว่าเสมหะ

                    อ๋อ  ได้เจอแล้วล่ะเฮอร์ไมโอนี่พูดพลางหัวเราะคิก

                    นี่  เมื่อไหร่เธอจะเลิกเรียกเขาอย่างนั้นเสียทีนะรอนพูดขึ้น

                    ฉันจะเลิกเรียกเขาว่า เฟล็มก็ต่อเมื่อพี่เลิกหลงเขาหัวปักหัวปำสักทีจินนี่เถียงเขาทันควัน นี่ขนาดว่าพี่กับเขาจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว  แต่พี่ยังทำท่าเหมือนโดนคาถามึนงงทุกครั้งที่เจอเขาเธอพูดต่อ

                    เธอหมายความว่ายังไงน่ะจินนี่เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น  เมื่อได้ยินคำว่า ครอบครัวเดียวกัน

                    อ้าวนี่พี่รอนยังไม่ได้บอกพี่อีกเหรอจินนี่ถามเฮอร์ไมโอนี่  เธอส่ายหน้าเบา ๆ จินนี่เห็นเช่นนั้นจึงเล่าต่อ ก็พี่บิลกำลังจะแต่งงานกับยายคุณเฟล็มน่ะสิ  และที่หล่อนมาอยู่ที่บ้านเราตอนนี้ก็เพราะพี่บิลอยากให้หล่อนมาทำความรู้จักกับครอบครัวเรา  อย่างกับว่าเราอยากสนิทสนมกับเธอตายเลยล่ะจินนี่พูดพลางทำหน้าเหยเก  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ

                    ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงดีใจสิรอน  ที่จะได้เจอหล่อนทุก ๆ วันน่ะเฮอร์ไมโอนี่แหย่เขาโดยไม่ทันได้คิดอะไร

                    แหงสิ  เพราะตอนนี้รอนน่ะกลายเป็นคนสติหลุดทุกครั้งที่เจอยายคุณเฟล็มเลยล่ะจินนี่ช่วยสบทบอีกแรง  จากที่ดูแล้วรอนคิดว่าเขาคงสู้ฝีปากสองสาวคนนี้ไม่ได้แน่

                    ฉันไม่อยากเถียงกับพวกเธอแล้ว  ฉันไปดีกว่ารอนพูดพลางเดินออกจากห้องไป  และทิ้งพวกเธอให้อยู่กันตามลำพัง  โดยที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้เลยว่าคนที่รอนอยากให้มาอยู่ร่วมบ้านที่สุดนั้นไม่ใช่เฟลอร์

     

    *************************************************

     

                    เดรโก  มัลฟอยกำลังเหม่อมองออกไปยังสวนของคฤหาสน์ที่ตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยความมืดผ่านทางหน้าต่างข้าง ๆ เก้าอี้ที่เขากำลังนั่งอยู่  ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็ละสายตาจากทิวทัศน์ด้านนอกมายังแขนซ้ายที่กำลังร้อนไหม้ของเขาแทน  มัลฟอยจ้องมองภาพหัวกะโหลกสีดำที่มีลิ้นเป็นงูปรากฏอยู่บนท้องแขนของเขาอย่างสับสน  อาจจะเป็นเพราะแสงจากตะเกียงทำให้ดูราวกับหัวกะโหลกนั้นกำลังแสยะยิ้มมาให้เขา 

                    ตอนนี้เขาเป็นผู้เสพความตายแล้วสินะ  เดรโกคิดพลางหลับตาลง  เขายังคงรู้สึกเจ็บปวดที่ท้องแขนอยู่ตลอดราวกับมีคนเอาเหล็กที่ยังไม่เย็นดีมานาบเนื้อ  แต่มัลฟอยก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน  ใช่  อดทน  เพราะมันเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที้เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ 

                    เด็กหนุ่มเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง  ซึ่งตอนนี้มันไม่มีอะไรให้มองนอกเหนือจากความมืด  ภาพใบหน้าขาวซีด  ริมฝีปากที่เป็นเพียงรอยแยกบาง ๆ กำลังแสยะยิ้ม  และดวงแดงก่ำโชนแสงนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของมัลฟอยราวกับภาพฉาย  เสียงหัวเราะแหลมสูงและเยือกเย็นของจอมมารยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของเขาตลอดเวลา  โดยเฉพาะถ้อยคำสุดท้ายที่จอมมารพูดกับเขา

     

                    ส่วนภารกิจที่เจ้าจะได้รับมอบหมายก็คือ  สังหารอัลบัส  ดัมเบิลดอร์!”

                   

                    มัลฟอยหลับตาลงอย่างสับสน  หน้าที่ที่จอมมารมอบหมายให้เขานั้นช่างใหญ่หลวงยิ่งนัก  และมันก็เกินกำลังความสามารถที่เขาจะทำได้  ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการประทับตรามารแล้วก็ตาม  แต่เขาก็เป็นเพียงเด็กอายุ 16 เท่านั้น  แล้วเขาจะเอาอะไรไปต่อกรกับพ่อมดที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้เล่า  ขนาดจอมมารเองก็ยังเกรงกลัว  อัลบัส  ดัมเบิลดอร์ไม่ใช่รึ  แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเป็นคนที่สังหารดัมเบิลดอร์ได้

     

                    ................................................               

     

                    เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกเดรโกว่าข้าจะให้เจ้าทำภารกิจนี้เพียงลำพังจอมมารพูดขึ้นทันทีที่เห็นสีหน้าของมัลฟอย  หลังจากที่เขาได้รับรู้ว่างานชิ้นแรกที่เขาได้รับมอบหมายคืออะไร

                    ข้าได้คัดเลือกผู้เสพความตายอีกหลายต่อหลายคนที่จะมาคอยช่วยเหลือเจ้า  พวกเขาจะฟังคำสั่งของเจ้าเป็นอย่างดีทีเดียว  แต่ก่อนอื่นเจ้าจะต้องหาทางพาพวกเขาเข้าไปในโรงเรียนให้ได้เสียก่อน  โดยไม่ให้ใครรู้จอมมารเน้นประโยคสุดท้ายอย่างชัดเจน

                    แต่...แต่ข้าจะทำได้อย่างไรกันเจ้านาย  ในเมื่อฮอกวอตส์มีการคุ้มกันที่แน่นหนา  บางทีหลังจากที่ข้ากลับเข้าไปที่โรงเรียน  ดัมเบิลดอร์อาจจะเพิ่มการคุ้มกันภายในปราสาทอีกเป็นเท่าตัวก็ได้มัลฟอยแย้ง

                    ถึงจะมีการคุ้มกันมากกว่านั้นเป็นสิบเท่า  เป็นร้อยเท่า  แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะต้องพาลูกสมุนของข้าเข้าไปในโรงเรียนเพื่อสังหารดัมเบิลดอร์จอมมารพูด

                    แต่เจ้านาย  ข้าคิดว่า.....

                    ไม่มีคำว่าแต่ทั้งนั้น!” จอมมารตวาดก้อง  นัยต์ตาสีแดงก่ำจับจ้องที่ใบหน้าของมัลฟอยก่อนจะแสยะยิ้ม 

                    ข้ามอบหมายงานสำคัญขนาดนี้ให้เจ้าแล้วนะเดรโกเขากล่าวด้วยน้ำเสียงละมุนละม่อม  ต่างกับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง การสังหารดัมเบิลดอร์เป็นงานสำคัญที่ผู้เสพความตายทุกคนต่างแย่งชิงกันเพื่อจะได้รับหน้าที่นี้  แต่ข้ากลับเสนองานนี้ให้เจ้าง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่มีผู้เสพความตายคนอื่นที่เก่งกาจกว่าเจ้า  มีฝีมือเหนือกว่าเจ้า  และมีประสบการณ์มากกว่าเจ้า.... 

                    แต่ที่ท่านมอบหมายงงานชิ้นนี้ให้ข้าก็เพราะมีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าไปที่ฮอกวอตส์ได้อย่างเปิดเผยมัลฟอยพูดขึ้น  ผู้เสพความตายที่ยืนรายล้อมอยู่ต่างมองเขาอย่างตกใจ  ไม่มีผู้เสพความตายคนไหนกล้าพอที่จะมาต่อปากต่อคำกับจอมมารเฉกเช่นเด็กหนุ่มคนนี้

                    แต่น่าแปลกที่จอมมารกลับไม่โกรธเกรี้ยวอย่างที่เขาควรจะเป็น  แต่เขากลับแสยะยิ้ม!  และมันก็เป็นยิ้มที่เยือกเย็นที่สุดเท่าที่เดรโก  มัลฟอยเคยเห็นมา

                    เจ้าคงลืมไปสินะว่าข้ามีลูกสมุนคนหนึ่งแฝงตัวอยู่ภายในกำแพงฮอกวอตส์  ความจริงคน ๆ นั้นก็ว่างเว้นจากการเป็นลูกสมุนของข้ามานานทีเดียวตั้งแต่ข้าหมดอำนาจไปจอมมารพูดอย่างเป็นปริศนา  มัลฟอยขมวดคิ้วอย่างงุนงงอยู่ชั่วครู่แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจ

                    เจ้านาย  ท่านหมายถึง....เขา

                    ใช่แล้วเดรโก  แล้วเขาก็จะเป็นคนคอยช่วยเหลือเจ้าระหว่างที่เจ้าอยู่ที่ฮอกวอตส์

                    ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านจึงต้องมอบหมายงานนี้ให้กับข้า  ทำไมถึงไม่ให้เขาเป็นคนทำในเมื่อเขาอยู่ข้างกายดัมเบิลดอร์ตลอด  เขาสามารถลงมือได้ง่ายกว่าข้านับร้อยเท่ามัลฟอยถามอย่างสงสัย

                    ทำไมน่ะรึจอมมารทวนคำพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก ก็เพราะว่าเจ้าคือลูกชายคนเดียวของลูเซียสน่ะสิ  เดรโก จอมมารเอ่ย ที่พ่อของเจ้าทำงานของข้าพังนั่นน่ะ  ข้ายังไม่ลืมมันไปง่าย ๆ หรอกนะ  และพ่อของเจ้าก็โชคดีมากด้วยที่ถูกจับไปเข้าคุกเขาจึงรอดพ้นจากโทษทัณฑ์ของข้าไปได้จอมมารพูดอย่างโหดเหี้ยม

                    แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ลูเซียสก็อยู่ในคุกแล้ว  เขาไม่อาจทำงานรับใช้ข้าไปอีกต่อไป  แต่เจ้าที่เป็นลูกชายของเขาสามารถรับใช้ข้าแทนเขาได้

                    ถ้าพ่อของข้าไม่ถูกจับเข้าคุก  เขาจะได้รับโทษทัณฑ์อันใดหรือเจ้านายมัลฟอยถาม  แต่จอมมารกลับไม่ตอบ  เขาเพียงแต่จ้องมองเด็กหนุ่มก่อนจะพูดขึ้นมา

                    สำหรับบรรดาลูกสมุนของข้านั้น  งานที่ได้รับมอบหมายให้ทำถือว่าสำคัญยิ่งชีวิต  ยิ่งงานนั้นมีความสำคัญต่อข้ามากเพียงไร  ความดีความชอบที่จะได้เมื่องานสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น  ในกรณีของเจ้า  เดรโก  ถ้าเจ้าทำงานที่ข้ามอบหมายสำเร็จด้วยดีเจ้าก็จะได้รับความชอบมากกว่าที่ลูกสมุนของข้าคนไหนเคยได้รับมาสิ้นเสียงของจอมมารผู้เสพความตายทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองเดรโก  มัลฟอยอย่างตกตะลึง  แววตาทุกคู่ที่จ้องมองเด็กหนุ่มนั้นล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

                    แล้วถ้าข้าทำไม่สำเร็จล่ะ มัลฟอยถามเสียงแผ่ว

                    ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ............ข้าก็จะตอบแทนเจ้าด้วยความตายจอมมารพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม  มัลฟอยมองสบดวงตาสีแดงราวกับเลือดของจอมมารอย่างหวาดหวั่น  เด็กหนุ่มรู้สึกถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลอาบแผ่นหลัง

                    จอมมารยิ้มมุมปากเมื่อเห็นสีหน้าของมัลฟอย

                    แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเดรโกเขาแสร้งทำท่าทีอาทร ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายไปอย่างเดียวดายหรอกนะ  หลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าแล้ว  ข้าล่ะส่งคนอื่น ๆ ในครอบครัวของเจ้าตามเจ้าไปด้วย  เจ้าและพ่อแม่ของเจ้าจะได้ไปอยู่พร้อมกันในโลกหน้ายังไงล่ะพอจอมมารเอ่ยจบเสียงที่ดังขึ้นตามมาก็คือเสียงหัวเราะที่แหลมสูงและเยือกเย็นจนมัลฟอยขนลุก!

     

                    ………………………………………………………..

     

                    มัลฟอยลืมตาขึ้นอีกครั้ง  เขาใช้มืออีกข้างลูบบริเวณท้องแขนที่เพิ่งได้รับการประทับตรามาร  เด็กหนุ่มรู้สึกว่าความเจ็บปวดที่เคยมีนั้นเริ่มจางลงไปบ้างแล้ว  แต่ความสับสนของเขานั้นยังไม่จางลงไปแม้แต่น้อย  เขาไม่รู้เลยว่าเขาควรจะทำอย่างไรกับงานที่ได้รับมอบหมาย  ไม่รู้เลยว่าจะต้องเริ่มต้นที่ตรงไหนก่อน  เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขาจะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่ 

                    เขาต้องทำได้สิ  เขาต้องทำมันให้สำเร็จ  มัลฟอยบอกตัวเอง  เพราะถ้าไม่เช่นนั้นทั้งตัวเขาและครอบครัวก็คงจะต้องถึงจุดจบเป็นแน่

     

                    แต่ถ้านายทำลงไปแล้วนายก็จะต้องเป็นฆาตกรนะ  และเมื่อถึงตอนนั้นนายก็จะไม่มีวันวันถอยหลังกลับได้อีกแล้วเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นภายในหัวของมัลฟอย  เสียงที่เตือนให้เขานึกถึงความผิดชอบชั่วดี 

                    แต่ฉันไม่มีทางเลือกนี่!  ถ้าฉันไม่ทำฉันก็จะถูกฆ่า! ’ มัลฟอยเถียงกลับไป

                    แต่ถ้านายทำไม่สำเร็จนายก็จะถูกฆ่าอยู่ดีไม่ใช่เหรอเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ถึงยังไงนายก็ต้องถูกฆ่าอยู่ดี  เพราะนายไม่มีวันทำสำเร็จ  นายไม่มีวันฆ่าดัมเบิลดอร์ได้

                    ฉันต้องทำสำเร็จสิ!  ฉันต้องทำมันให้ได้  ยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้พ่อกับแม่ต้องตายเพราะฉันหรอก  ถึงแม้ว่าฉันจะต้องกลายเป็นฆาตกรก็ตาม! ’ มัลฟอยเถียงกลับอย่างเด็ดเดี่ยว

                    แล้วถ้าถึงตอนนั้นนายคิดว่า เธอจะยอมให้อภัยนายเหรอมันใช้ไพ่ใบสุดท้าย  และได้ผลตามคาด  มัลฟอยถึงกับนิ่งอึ้งได้ยินเช่นนั้น  แววตาสีเงินที่เคยดูเด็ดเดี่ยวแปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่ดูสับสนอีกครั้ง 

                    ถ้านายฆ่าดัมเบิลดอร์ล่ะก็  เธอคงไม่มีวันให้อภัยนายแน่นอน  อย่าว่าแต่ให้อภัยเลย  ถ้านายทำมันลงไปจริง ๆ เธอก็จะเกลียดนายไปตลอดชีวิตเสียงเล็ก ๆ นั้นย้ำที่ประโยคสุดท้ายอย่างชัดเจน  แต่มัลฟอยไม่มีท่าทีรับรู้ถึงอะไรทั้งนั้น  เขาได้แต่เหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย

     

                    ช่างมันเถอะเด็กหนุ่มพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบาราวกับต้องการให้มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ได้ยิน

                    ถึงเธอจะเกลียดฉัน  หรือจะไม่ยอมให้อภัยฉันก็ช่าง......เสียงของมัลฟอยขาดหายไปเพียงเท่านั้น  ไม่มีถ้อดคำใดเล็ดรอดออกมาจากปากของเด็กหนุ่มอีกเลย  แต่ถึงอย่างไรมัลฟอยก็รู้ดีว่าเขาต้องการจะพูดอะไรต่อไป  เพียงแต่เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดมันออกมาเท่านั้น

                    ถึงเธอจะไม่ให้อภัยฉันก็ช่าง......แต่ฉันก็ยังจะรักเธออยู่ดี

     

     

    *************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×