ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้ามระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย ภาค 2

    ลำดับตอนที่ #4 : The Graveyard [สุสานบ้านริดเดิ้ล]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.57K
      48
      30 ต.ค. 52



    ***Chapter 4 The Graveyard [สุสานบ้านริดเดิ้ล] ***

     

                    มัลฟอยรู้สึกราวกับร่างของเขาถูกดันไปตามท่อขนาดใหญ่  ความอึดอัดรุมรัดร่างทั้งร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้  เขากลั้นหายใจและหลับตาแน่นจนกระทั่งมาถึงปลายทาง  เท้าของมัลฟอยสัมผัสพื้นหญ้าที่แห้งกรอบ  เขาลืมตาขึ้นและพบว่าเขากำลังยืนอยู่ในสุสานแห่งหนึ่ง

                    เบื้องหน้าของเขามีร่างดำทะมึนจำนวนนับสิบร่างยืนรายล้อมกันอยู่รอบ ๆ สุสานครอบครัวริดเดิ้ล  แต่ดูเหมือนว่าศูนย์กลางของร่างเหล่านั้นจะเป็นสุสานเก่าแก่อันหนึ่งซึ่งสลักชื่อไว้ว่า ทอม  ริดเดิ้ลเบื้องหน้าสุสานนั้นมีร่าง ๆ หนึ่งยืนอยู่อย่างสงบนิ่ง  ศีรษะที่ประดับอยู่บนร่างที่สวมอาภรณ์สีดำสนิทนั้นดูราวกับมันไม่ใช่ใบหน้าของมนุษย์  ใบหน้าซีดเผือด  ดวงตาสีแดงก่ำ  ริมฝีปากที่เป็นเพียงรอยแยกบาง ๆ กับจมูกเล็ก ๆ ทำให้มัลฟอยคิดว่าใบหน้านั้นช่างดูเหมือนงูอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

                    เกิดเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทันทีที่มัลฟอยปรากฏตัวที่สุสาน  เหล่าผู้เสพความตายที่มาร่วมชุมนุมกันนั้นต่างส่งสายตาที่ดูราวกับจะประเมินค่ามาทางเด็กหนุ่มภายใต้หน้ากากที่สวมพวกเขาอยู่

                    เดินไปสิหางหนอนกระซิบบอกมัลฟอย  และพยักเพยิกไปทางสุสานที่จอมมารรออยู่  เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนที่จะเดินตรงไปยังเส้นทางที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้

                    เท้าของมัลฟอยเหยียบลงบนพื้นหญ้าและส่งเสียงดังกรอบแกรบไปทั่วบริเวณสุสานที่เงียบสงบ  แต่ดูเหมือนว่าจอมมารและเหล่าผู้เสพความตายจะไม่สนใจถึงเสียงรบกวนนั้น  พวกเขาได้แต่มองตามมัลฟอยทุกฝีก้าวที่เขาเดิน  สายตานับสิบที่จ้องมองเขาอยู่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัด  ราวกับเขากำลังมุ่งหน้าไปสู่ตะแลงแกรงก็ไม่ปาน  จนในที่สุดเขาก็มาหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าจอมมาร

                    จอมมารมองมัลฟอยด้วยแววตาพิจารณาเช่นเดียวกับที่ผู้เสพความตายทุกคนใช้มองเขา  แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่าดวงตาสีแดงก่ำที่เจ้าแห่งศาสตร์มืดใช้มองเขาอยู่นั้นมันทะลุไปยังทุกส่วนของร่างกายเขา

                    เด็กหนุ่มรู้ดีว่าจอมมารนั้นเป็นผู้ที่เชียวชาญทางด้านพินิจใจมากที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา  และแน่นอนว่าตอนนี้ท่านกำลังใช้ความสามารถนั้นกับเขาอยู่!

                    มัลฟอยหลับตาแน่น  และพยายามจะปิดใจตัวเองออกจากการมองเห็นของจอมมารอย่างยากเย็น  เพราะมันคงจะไม่ดีแน่ถ้าจอมมารจะเจาะเข้าไปในจิตใจของเขา  แล้วรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่!

                   

                    หลังจากผ่านช่วงเวลาที่กดดันอย่างยิ่งสำหรับมัลฟอยไปแล้วจอมมารก็พูดขึ้นว่า

                    ข้าเห็นหลายสิ่งหลายอย่างในความคิดของเจ้า  และมีอยู่หลายอย่างที่ข้าไม่เข้าใจจอมมารเอ่ยขึ้นพลางมองมัลฟอยภาพความคิดของเจ้ามันช่างสับสนนัก  ราวกับว่าเจ้ากำลังปิดปังไม่ให้ข้ามองเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่อยู่ในใจของเจ้าจอมมารพูด  มัลฟอยรู้สึกว่าคำพูดนั้นแทงทะลุจิตใจของเขา

                    หามิได้เลย  ข้าไม่ได้ปิดปังเรื่องใดกับท่านเลยแม้แต่น้อย  เจ้านายมัลฟอยพูดขึ้น

                    อย่าเรียกข้าว่าเจ้านาย!” จอมมารตวาด คนที่เรียกข้าว่าเจ้านายได้นั้นมีเพียงสมุนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของข้าเท่านั้น!”

                    แต่ท่านก็ประสงค์จะให้ข้ามารับใช้ท่านไม่ใช่รึ  ท่านเจ้าแห่งศาสตร์มืดมัลฟอยตอบออกไปก่อนที่เขาจะได้ทันคิด  ดวงตาสีแดงก่ำของจอมมารราวโรจน์ด้วยความโกรธ  เขาจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าเขม็งราวกับว่าไม่เคยมีใครมาลองดีกับเขาเช่นนี้นานมากแล้ว  เหล่าผู้เสพความตายที่ยืนรายล้อมต่างจ้องมองทั้งสองด้วยแววตาตกใจ  ราวกับพวกเขาไม่อาจเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่มคนนี้ต่อไป!

                    แต่จู่ ๆ รอยยิ้มก็ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าเรียวซีดของจอมมาร  เขาหัวเราะน้อย ๆ

                    เจ้ามีความกล้ามากเดรโกที่พูดกับข้าเช่นนี้  ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นเพียงเด็กหนุ่มก็ตาม  แต่เจ้ากลับมีความกล้ามากกว่าสมุนของข้าอีกหลายคน  อาจจะรวมถึงพ่อของเจ้าด้วยจอมมารพูดขึ้นอย่างพอใจ 

                    แต่ความกล้าของเจ้านั้นควรจะมาพร้อมกับความภักดีของเจ้าด้วย  ข้าถึงจะยินดีรับเจ้าเป็นสมุนของข้า  เจ้าจะสาบานหรือไม่เดรโกว่าจะจงรักภักดีต่อข้า  เจ้าแห่งศาสตร์มืดผู้ยิ่งใหญ่ตลอดจนกว่าชีวิตของเจ้าจะหาไม่จอมมารเอ่ยถาม 

                    ข้าสาบานมัลฟอยตอบอย่างหนักแน่น  แม้เขาจะรู้ดีว่าคำตอบนี้ของเขานั้นจะทำให้ชีวิตของเขาต้องเดินไปในเส้นทางที่ไม่อาจหวนกลับได้  แต่จะให้เขาทำเช่นไรในเมื่อตอนนี้เขามีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น

                    ดี  ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงคุกเข่าลง  และรับการประทับตรามารจากข้าจอมมารเอ่ยด้วยเสียงอันดัง  มัลฟอยคุกเข่าลงบนผืนหญ้าตามที่จอมมารสั่ง  เด็กหนุ่มเลิกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้นและในวินาทีนั้นเองจอมมารก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา

                    ความเจ็บปวดแล่นผ่านร่างของมัลฟอย  เขารู้สึกราวกับมีเหล็กเผาไฟร้อน ๆ มาแนบที่แขนซ้าย  แต่ความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้นมันรุนแรงกว่าถูกเหล็กแดง ๆ นาบนัก  แขนของเขาเจ็บปวดราวกับมันจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ กลิ่นเนื้อไหม้คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ 

                    มัลฟอยทรุดตัวลงกับพื้น  เด็กหนุ่มใช้มือขวาประคองแขนซ้ายไว้  เขากัดริมฝีปากแน่นเพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องออกมาในขณะที่ความปวดร้าวเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วแขน  เส้นสีดำราวกับหยดหมึกกระจายตัวไปทั่วบริเวณท้องแขนของเด็กหนุ่ม  มันขดตัวครั้งแล้วครั้งเล่า  จนบรรจบกันได้รอยสักรูปหัวกะโหลกซึ่งมีลิ้นเป็นงูดังที่มัลฟอยเคยเห็นมาก่อนที่แขนของพ่อของเขา 

                    จอมมารก้าวมายืนข้าง ๆ มัลฟอยที่บัดนี้ขดตัวอยู่บนพื้น  เขามองใบหน้าซีดเซียวของเด็กหนุ่มอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะพูดขึ้นว่า

                    ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่เจ้าสมควรจะรู้จักเดรโก  แม้ว่าเจ้าจะต้องเจ็บปวดบ้างเพื่อรับการประทับตรามาร  แต่มันก็คุ้มค่าที่ได้รับเกียรติอันนี้จอมมารกล่าว  พลางเดินวนอยู่รอบร่างของมัลฟอย

                    นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าคือสมุนคนหนึ่งของข้าเดรโก  การสาบานว่าจะภักดีต่อข้านั้นไม่อาจหวนกลับได้  เช่นเดียวกับที่เจ้าไม่สามารถลบเลือนตรามารออกจากผิวหนังของเจ้าได้  และต่อจากนี้ไปถ้าเจ้าทำความดีความชอบให้แก่ข้า  ข้าจะตอบแทนเจ้าด้วยรางวัล  แต่ถ้าหากเจ้าทรยศข้า  ข้าก็จะตอบแทนเข้าด้วยความตาย!” จอมมารพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม  

                    และข้าก็มีภารกิจที่สามารถสร้างความดีความชอบให้แก่เจ้ารอคอยเจ้าอยู่เดรโก  เจ้าสนใจที่จะได้ยินมันไหมจอมมารพูดขึ้น  เด็กหนุ่มมองหน้าเจ้านายของเขาชั่วครู่ก่อนจะตอบขึ้นมาว่า

                    ถ้าหากข้าไม่รู้  ข้าก็คงปฏิบัติภารกิจนั้นให้ท่านไม่ได้จอมมารหัวเราะชอบใจกับคำตอบของเด็กหนุ่ม

                    ดีมาก  แต่ภารกิจนี้เป็นความลับ  ผู้ที่ข้าคัดเลือกมาอยู่ที่นี่ล้วนสาบานแล้วว่าจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ  เพราะฉะนั้นเจ้าเองก็ต้องสาบานด้วยเหมือนกันเดรโก  ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้  ยกเว้นแม่ของเจ้า

                    ข้าสาบาน  เจ้านายเด็กหนุ่มพูด

                    ดีมากจอมมารพูดพลางยิ้มอย่างพอใจ

                    ส่วนภารกิจที่เจ้าจะได้รับมอบหมายก็คือ  สังหารอัลบัส  ดัมเบิลดอร์!”

     

                    ................................................

     

                    เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนของเธอ  บนตักของเด็กสาวมีหนังสือเล่มใหญ่ที่มีชื่อว่า การแปลงร่างขั้นสูงเปิดทิ้งไว้  ที่มุมห้องของเธอมีกระเป๋าสัมภาระของเธอวางอยู่พร้อมกับถุงใบใหญ่ที่บรรจุหนังสืออีกสองสามถุง 

                    เฮอร์ไมโอนี่นั่งอ่านหนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่เย็นแล้วเพื่อฆ่าเวลาระหว่างที่รอครอบครัววีสลีย์มารับ  เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองดูนาฬิกาเป็นระยะ ๆ เพื่อเช็คว่าตอนนี้ใกล้เวลาที่เพื่อนรักของเธอจะมาถึงหรือยัง  และครั้งสุดท้ายที่เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา  มันบอกเวลาสองทุ่มครึ่ง 

                    เด็กสาวก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ  แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้นข้างล่าง  เธอรีบวางหนังสือลงบนเตียงและวิ่งลงไปชั้นล่างทันที

                    ในห้องนั่งเล่นของบ้านเกรนเจอร์นั้นเต็มไปด้วยฝุ่นฟุ้ง  นายและนางเกรนเจอร์ที่เคยนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาดี ๆ นั้นมีท่าทีตกอกตกใจและกำลังมองไปยังเตาผิงอย่างหวาดระแวง  ท่ามกลางกลุ่มควันนั้นมีร่างหลายร่างกำลังยืนอยู่ 

                    ครอบครัววีสลีย์ก้าวออกมาจากกองไฟและฝุ่นควันทีละคน ๆ ทุกคนล้วนทีผมสีแดงเพลิงตัดกับแปลวไฟสีเขียวที่พวกเขาเพิ่งพุ่งผ่านออกมา  คนแรกที่ก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นเป็นชายร่างเล็กที่หัวเริ่มล้าน  เขามองไปยังพวกเกรนเจอร์และยิ้มกว้าง  ตามมาด้วยเด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงร่างสูง  และฝาแฝดผมสีแดงเพลิงอีกสองคน

                    สวัสดีตอนเย็นครับ  ยินดีที่ได้พบพวกคุณอีกครั้งนายวีสลีย์จับมือนายและนางเกรนเจอร์เขย่าอย่างอบอุ่น ผมหวังว่าลูกสาวของคุณ  เอ้อ  เฮอร์ไมโอนี่คงบอกพวกคุณแล้วว่าผมจะมารับเธอ พวกเกรนเจอร์พยักหน้าหงึกหงักอยู่บนโซฟา  ขณะที่นายวีสลีย์หันมาทางเฮอร์ไมโอนี่

                    เก็บของเรียบร้อยแล้วนะ  เฮอร์ไมโอนี่นายวีสลีย์ถามขึ้น

                    เรียบร้อยแล้วค่ะคุณวีสลีย์เด็กสาวตอบ

                    ถ้าอย่างนั้นให้ฝาแฝดไปช่วยยกของสินายวีสลีย์พยักเพยิกมาทางเฟร็ดและจอร์จที่เพิ่งก้าวออกมาจากเตาผิง

                    โถ่....พ่อ.....พ่อเห็นพวกเราเป็นผู้ใช้แรงงานหรือไงถึงจะใช้เราไปยกของน่ะเฟร็ดพูดขึ้นทันควัน

                    ใช่  พ่อไม่สงสารลูกชายที่น่ารักของพ่อเลยหรือ  ถึงใช้ลูกของพ่อไปทำงานเยี่ยงกรรมกรอย่างนั้นจอร์จโอดโอยพลางนั่งลงบนโซฟาบ้านเกรนเจอร์ข้าง ๆ พี่ชายของเขา  นายวีสลีย์ส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา

                    ก็ได้ ๆ ถ้าพวกลูกไม่อยากไปพ่อให้รอนไปก็ได้  รอนขึ้นไปช่วยเฮอร์ไมโอนี่ยกของซิ  พ่อจะหาอะไรดื่มกับพวกเกรนเจอร์ฆ่าเวลาสักนิดนายวีสลีย์หันไปพูดกับลูกชายคนเล็ก

                    ได้ฮะรอนรับคำพลางเดินขึ้นชั้นสองไปกับเฮอร์ไมโอนี่  ขณะที่นายวีสลีย์กำลังเสกเหล้าน้ำผึ้งออกมาและชวนพวกเกรนเจอร์ดื่มพลางถามเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าไปในตัว

                   

                    ปิดเทอมเป็นยังไงบ้างเฮอร์ไมโอนี่ถามรอนเมื่อเธอและเขาเดินขึ้นบันไดมา

                    ก็ดีนะ  แล้วเธอล่ะ รอนตอบ

                    ดีอะไรกันล่ะ เห็นเธอบอกว่าบ้านของเธอมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอเด็กสาวถาม

                    เดี๋ยวเธอก็ได้รู้เองแหละ  ห้องเธอห้องนี้เหรอรอนพูดเมื่อเขาและเธอมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้อง ๆ หนึ่งที่มีป้ายทำด้วยไม้เขียนอยู่ว่า ห้องของเฮอร์ไมโอนี่

                    ใช่แล้ว  เข้ามาสิเด็กสาวพูดพลางผลักประตูออก  ภายในเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่นัก  แต่เนื่องจากถูกจัดอย่างเป็นระเบียบจึงทำให้ไม่ดูคับแคบเท่าไหร่นัก ภายในห้องมีเตียงเดี่ยวเตียงนึงวางอยู่  ข้าง ๆ เตียงเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องซึ่งติดกับหน้าต่าง

                    ห้องเธอ....เรียบร้อยมากเลยรอนพูดพลางมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง

                    แน่นอนสิ  ไม่เหมือนห้องเธอนี่เด็กสาวแขวะเขา  พลางเดินไปยังมุมห้องที่เธอวางกระเป๋าสัมภาระไว้  และหยิบมันขึ้นมา

                    มานี่ฉันช่วยรอนพูดพลางก้าวมาทางเธอ

                    ไม่เป็นไรหรอก  ฉันถือไหวน่ะ  เธอไปถือถุงนั่นดีหว่าเฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธพลางยื้อกระเป๋าไว้ในมือ

                    แต่กระเป๋านั่นมันน่าจะหนักกว่านะ  มาให้ฉันถือเถอะรอนพูดพลางแย่งกระเป๋ามาจากมือเฮอร์ไมโอนี่

                    ไม่เป็นไร  ฉันถือเองเด็กสาวดื้อดึง

                    ฉันต่างหากถือเอง  ฉันเป็นผู้ชายนะรอนว่าพลางดึงกระเป๋ามาทางเขา  ระหว่างการยื้อแย่งนั้นเองรอนก็เผลอดึงร่างของเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาพร้อม ๆ กับกระเป๋า  ร่างของเด็กสาวเซมาซบที่หน้าอกของเขา

                    ดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่สบกับดวงตาสีอ่อนของรอน  ณ วินาทีนั้นเองเด็กหนุ่มรู้สึกว่าใจของเขาเต้นแรงอย่างน่าประหลาด  จนกระทั่งเธอกระเถิบตัวออกห่าง

                    ฉัน...เอ่อ..ขอโทษเฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ  แต่ก็ยังไม่เท่าหูของรอนซึ่งตอนนี่ได้เปลี่ยนเป็นสีเดียวกับผมของเขาไปเรียบร้อยแล้ว

                    ฉันถือนี่เองก็แล้วกัน....ส่วนเธอถือถุงพวกนั้นลงไปนะเฮอร์ไมโอนี่โบ้ยใบ้ไปยังถุงหนังสือที่วางอยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องไป  รอนมองตามแผ่นหลังของเด็กสาวที่เดินออกไป  ก่อนจะถามตัวเองว่าทำไมเขาถึงไม่คว้าร่างของเธอมาโอบกอดให้นานกว่านั้นนะ

     

                    ................................................

     

                    รอนเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ลงไปชั้นล่างในเวลาต่อมา  และเมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเขาก็พบว่าพ่อของเขากำลังคุยอยู่กับสองสามีภรรยาเกรนเจอร์อย่างออกรส  ในขณะที่พี่ชายทั้งสองของเขาเริ่มทำเสียงระเบิดปึงปังในนั่งเล่น

                    ผมสนใจจะรู้จริง ๆ ว่าโทรระทัตที่คุณบอกนั่นทำงานยังไง  มันเป็นเครื่องใช้ไฟฝ้าด้วยใช่ไหมครับ นายวีสลีย์พูดกับนายเกรนเจอร์  แต่ก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบกลับมารอนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็กระแอมไอเบา ๆ

                    อ้อ  มาแล้วเหรอรอน  เรียบร้อยใช่ไหมนายวีสลีย์หันไปถามลูกชาย  รอนพยักหน้าเบา ๆ

                    งั้นก็ดี  ผมเกรงว่าคงต้องขอตัวก่อนนะครับ  คุณเกรนเจอร์  คุณนายเกรนเจอร์  หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนายวีสลีย์จับมือสองสามีภรรยาพร้อมกับบอกลา 

                    ยังไงก็ฝากเฮอร์ไมโอนี่ด้วยนะครับนายเกรนเจอร์กล่าว

                    แน่นอนครับ  แน่นอน  ผมจะดูแลเธออย่างดีเหมือนลูกคนหนึ่งทีเดียว  เราคงต้องไปกันแล้วนายวีสลีย์กล่าว 

                    หนูไปก่อนนะคะเฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเดินเข้ามาโอบกอดบิดามารดา นางเกรนเจอร์ลูบหลังเฮอร์ไมโอนี่เบาๆ 

                    ดูแลตัวเองนะจ๊ะลูกรักนางเกรนเจอร์พูดกับลูกสาว  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้ารับ  เธอละจากมารดาและเดินตามนายวีสลีย์ไปยังปล่องไฟ  เด็กสาวรู้สึกแปลกใจที่เฟร็ดกับจอร์จไม่เดินตามเธอมาด้วย

                    พวกเราจะหายตัวกลับน่ะ  เราต้องกลับไปจัดการอะไรที่ร้านนิดหน่อยเฟร็ดพุดราวกับรู้ทันความคิดของเฮอร์ไมโอนี่เด็กสาวพยักหน้ารับเบา ๆ

                    เอาล่ะเฮอร์ไมโอนี่  เธอไปก่อนเลยนายวีสลีย์พูดพลางส่งถุงใบเล็ก ๆ ที่บรรจุผงฟลูไปให้เธอ  เด็กสาวรับไว้ในมือ  เฮอร์ไมโอนี่ก้าวเข้าไปยืนในเตาผิง  เธอยิ้มกว้างให้ครอบครัวของเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างของเด็กสาวจะหายวับไปกับเปลวไฟสีเขียวมรกต

                   

     

                    ************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×