คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : วิถีชีวิตที่แตกต่าง: The difference kind of life
***Chapter 3 วิถีชีวิตที่แตกต่าง: The Differnence kind of life***
เฮอร์ไมโอนี่สะลึมละลือตื่นขึ้นมาด้วยเสียงปลุกจากใครบางคน
“คุณคะ คุณคะ ตื่นเถอะค่ะ” เสียงนั้นดูเหมือนจะดังมาจากที่ไกล ๆ เฮอร์ไมโอนี่พยายามลืมหนังตาที่หนักอึ้งขึ้นจากตาบวมเบ่งเพราะผ่านการร้องไห้มาทั้งคืนของเธอขึ้นมา สิ่งที่เธอพบก็คือลูกกลม ๆ สีฟ้าราวกับลูกบอลชายหาดขนาดจิ๋วกำลังลอยอยู่ตรงหน้าของเธอ
เด็กสาวขยี้ตา และมองภาพตรงหน้าชัด ๆ อีกครั้งก่อนจะพบว่ามันเป็นเอลฟ์ตัวหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนด็อบบี้ไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันตรงที่เอลฟ์ตัวนี้มีดวงตาสีฟ้าสดใส
“ตื่นเถิดค่ะคุณ เป็นได้เวลาแล้ว คุณตื่นเถิดค่ะ” เอลฟ์เขย่าตัวเฮอร์ไมโอนี่อย่างเกรง ๆ
เด็กสาวยันตัวขึ้นจากเตียงอย่างงัวเงีย เธอจำไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนเธอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมเอลฟ์ตัวนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ ชั่วขณะนั้นเธอเผลอคิดไปว่าเธอกำลังอยู่ที่บ้านของเธอ หรือไม่ก็ที่บ้านโพรงกระต่าย
แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบ ๆ ตัว ความรู้สึกเมื่อครู่ก็แตกสลายไปในพริบตา เพราะว่าตอนนี้เธอพบว่าเธอกำลังอยู่ในคฤหาสน์มัลฟอย
“คุณคะ ได้โปรดตื่นเถิดคะ” เอลฟ์ตัวน้อยพูดพลางเขย่าตัวเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง เด็กสาวหันไปสนใจมัน
“เป็นนายท่านให้อิฉันมาปลุกคุณค่ะ เป็นได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ” มันพูด เป็นการย้ำเตือนเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้งว่าเธออยู่ในคฤหาสน์มัลฟอยจริง ๆ
“คุณได้โปรดลงไปที่ห้องอาหารเถอะค่ะ เร็วค่ะ ก่อนที่นายท่านจะโกรธ” เอลฟ์เพศหญิงตัวนั้นพูดแต่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงนิ่งเฉย
“ฉันจะไม่ลงไปกินอาหาร” เธอตอบ ถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าการอดอาหารจะไม่เป็นประโยชน์อย่างใดก็ตาม แต่เธอไม่ต้องการลงไปเจอหน้าครอบครัวมัลฟอยที่เธอรังเกียจ
“เป็นไม่ได้นะคะ เป็นคุณต้องลงไปทานอาหารค่ะ เป็นนายท่านสั่งนะคะ” เอลฟ์พูดพลางส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่ยอมไป แต่เด็กสาวไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ ยิ่งเมื่อเธอเห็นว่าเป็นคำสั่งของนายลูเซียสด้วยแล้ว เธอยิ่งไม่อยากลงไปยิ่งขึ้น
เพราะเธอต้องการให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาจะมาออกคำสั่งได้
“ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรดทำตามคำสั่งนายท่าน ลงไปทานอาหารนะคะคุณ” เอลฟ์ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจมัน แม้ว่าปรกติแล้วเธอจะแคร์ความรู้สึกของเอลฟ์ประจำบ้านมากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็ตาม
“ฉันจะไม่ลงไป ช่วยไปบอกนายท่านของเธอด้วยว่า.....” เฮอร์ไมโอนี่กำลังพูด แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อประตูห้องของเธอเปิดออก เผยให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังมองมาทางเธออย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“พ่อฉันให้มาตามลงไปที่ห้องอาหาร” มัลฟอยกล่าวเรียบ ๆ กราดสายตามามองที่เธอและมาหยุดที่เอลฟ์สาว
“พ่อฉันบอกให้แกมาตามเธอไม่ใช่หรือ แล้วแกมัวทำอะไรอยู่” เขาพูด ร่างเล็ก ๆ ของเอลฟ์ประจำบ้านสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
“เป็นดีน่ากำลังขอให้คุณผู้หญิงลงไปทานอาหาร” เอลฟ์นามดีน่าพูดด้วยท่าทีหวาดกลัว “เป็นคุณผู้หญิงบอกว่าเธอจะไม่ลงไป เป็นดีน่ากำลังขอร้องเธอให้ลงไปที่ห้องอาหาร” ดีน่าพูดรวดเร็ว ตัวของมันสั่นมากขึ้นเมื่อมัลฟอยก้าวมาหยุดข้างเตียงที่มันและเฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งอยู่
“พ่อของฉันสั่งให้แกมาพายายนี่ลงไปที่ห้องอาหาร” มัลฟอยพูด จ้องมองดีน่าด้วยแววตาดุดัน “แต่แกกลับไปเอ้อระเหยจนฉันต้องขึ้นมาตามเอง” เขาพูดอย่างโกรธเคือง เอลฟ์ประจำบ้านที่ชื่อดีน่าตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่
“แกรู้ใช่ไหมว่าการขัดคำสั่งพ่อของฉันจะต้องได้รับการลงโทษอย่างไร” มัลฟอยพูด ดีน่าพยักหน้าอย่างหวาด ๆ ดวงตาสีฟ้าดวงโตมีคราบน้ำตาเอ่อ ก่อนที่มันจะคว้าโคมไฟมาทุบหัว
“ดีน่าเลว ดีน่าเลว” มันร้องพร้อมกับกระแทกหัวเข้ากับโคมไฟอย่างแรง เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจก่อนที่จะดึงมันออกมา ‘ อย่าดีน่า! ’ แต่ดีน่ากลับไม่ยอมปล่อยมือจากโคมไฟในมือ
“อย่าห้ามดีน่าค่ะคุณผู้หญิง เธอต้องลงโทษตัวเอง เธอขัดคำสั่งนาย” มันพูดก่อนจะวิ่งเข้าชนกำแพงเมื่อเฮอร์ไมโอนี่แย่งโคมไฟมาจากมือมันได้แล้ว เด็กสาวมองมันอย่างตกใจ แต่มัลฟอยกลับดูภาพตรงหน้าพร้อมกับหัวเราะหึ ๆ
“นาย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ หยุดลงโทษดีน่าเดี๋ยวนี้”
“คนรับใช้ไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับเจ้านายเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดอย่างอารมณ์ดี เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ
“นายต้องหยุดดีน่าเดี๋ยวนี้นะมัลฟอย นายจะทำมันตายเอา” เธอพูดอย่างร้อนรน
“ไม่ถึงกับตายหรอก แต่อาจจะสาหัสหน่อยนึง” เขาตอบกลับมาอย่างกวน ๆ เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่เขาในขณะที่ดีน่ากำลังเอาหัวโขกกำแพงอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ฉันไม่จำเป็นต้องห้ามไม่ให้มันทำโทษตัวเอง เว้นแต่........” มัลฟอยพูดลากเสียงพร้อมกับมองมาทางเฮอร์ไมโอนี่
“เว้นแต่อะไร” เธอถามทันที
“เว้นแต่เธอจะขอร้องฉัน”
“อะไรนะ!” เธอพูดซ้ำทันที มัลฟอยเบ้หน้า
“ขอร้องเกรนเจอร์ ขอร้องอ้อนวอนฉัน เธอก็รู้นี่ว่าฉันเป็นคนเดียวที่หยุดมันได้” มัลฟอยพูดอย่างอย่างอารมณ์ดี
“นายมันทุเรศที่สุด” เธอพูดอย่างมีโมโห มัลฟอยยิ้มมุมปาก
“ก็ได้ ถ้าไม่พูดฉันก็จะปล่อยไว้อย่างนี้แหละ” เขาว่า ปรายตามองไปทางดีน่าที่เริ่มเอาหัวหนีบประตู เฮอร์ไมโอนี่ครุ่นคิดอย่างชั่งใจ
“ก็ได้ ฉันขอร้องให้นายช่วยดีน่า” เธอพูดเสียงกระด้าง
“นี่หรือคำขอร้องของเธอ มันเรียกว่าตะคอกมากกว่ามั้ง พูดดี ๆ ไม่เป็นหรือไง” มัลฟอยบ่น
“ฉันก็พูดเป็นแต่อย่างนี้แหละ” เฮอร์ไมโอนี่โต้ “บอกให้ดีน่าหยุดได้แล้ว”
“ไม่ เธอต้องพูดใหม่ คำว่า ‘ได้โปรด’ น่ะ พูดเป็นไหม” มัลฟอยสั่ง เฮอร์ไมโอนี่อยากจะสาปใบหน้ายียวนของเขาให้เต็มไปด้วยฝีหนองเสียเหลือเกิน แต่เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำเช่นนั้นได้
“มัลฟอย ช่วยดีน่าด้วย” เด็กสาวว่า “ได้โปรด” เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันพูดคำที่กระดากปากที่สุดในชีวิตของเธอออกไป มัลฟอยมองเธออย่างพอใจ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเอลฟ์สาว
“พอได้แล้ว” เขาว่า ดีน่าชะงักการกระทำทันที มั นค่อย ๆ ดึงหัวของมันออกมาจากประตูตู้เสื้อผ้าอย่างยากลำบาก หูของมันยับไปข้างหนึ่งก่อนที่มันจะเดินเอียง ๆ มาหามัลฟอย
“ขอบคุณนายน้อย” มันพึมพำพร้อมกับก้มศีรษะลงต่ำ แต่มัลฟอยไม่สนใจมัน
“เอาล่ะ ทีนี้เธอก็ลงไปที่ห้องอาหารได้แล้ว” มัลฟอยหันมาสั่งเฮอร์ไมโอนี่
“ใครบอกว่าฉันจะลงไป ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” เด็กสาวพูด เชิดหน้านึ่งอย่างถือดี มัลฟอยมองเธอแล้วเขาก็แสยะยิ้มมุมปาก
“ถ้าเธอไม่ยอมไปล่ะก็ ฉันจะสั่งให้มันไปกระโดดทะเลสาบเสียเลย!”
เฮอร์ไมโอนี่เดินตามมัลฟอยลงมาที่ห้องอาหารอย่างไม่เต็มใจนัก ตลอดทางที่เธอเดินนั้นมีเสียงซุบซิบดังขึ้นทุกย่างก้าวของเธอ บรรดารูปภาพต่างพากันกระซิบและชี้ให้กันดูเด็กสาว รูปบางรูปทำหน้ารังเกียจเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ ราวกับว่าเธอเป็นกองขยะเดินได้ที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ แต่เด็กสาวก็รู้ดีว่าไม่มีอะไรในบ้านนี้ต้อนรับแม้เพียงเศษเสี้ยวของเธอ
เดรโกพาเธอลงมายังห้องโถงอีกครั้ง แต่เมื่อพวกเขามาถึงนายลูเซียสก็กำลังจะออกไปทำงานเสียแล้ว
“ฉันนึกว่าแกจะไม่ลงมาเสียแล้ว” เขาหันไปตำหนิลูกชาย “ฉันบอกให้แกไปตามหล่อนลงมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ” นายลูเซียสพูด เขากำลังยืนอยู่หน้าเตาผิงอันใหญ่ข้าง ๆ เขาก็คือนางนาร์ซิสซา ภรรยาของลูเซียส
“ขอโทษครับพ่อ” มัลฟอยเอ่ยอย่างเกรง ๆ นายลูเซียสโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ช่างเถอะ ฉันจะออกไปทำงานแล้ว” เขาพูด ขณะที่เอลฟ์อีกตัวหนึ่งส่งเสื้อคลุมสีดำไปให้นายลูเซียส เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าคำว่า ‘ไปทำงาน’ ของนายมัลฟอยนั้นหมายความว่าอย่างไร
“ฉันต้องออกไปทำงานซักระยะหนึ่ง อาจจะกลับมาที่บ้านไม่ได้เป็นอาทิตย์” นายลูเซียสกล่าว “แกอยู่ดูแลแม่แกให้ดี ๆ ด้วยก็แล้วกัน” เขาพูด เดรโกพยักหน้ารับ นายลูเซียสเดินเข้ามาใกล้ลูกชายเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง
“แล้วก็อย่าให้เธอหนีไปได้ จอมมารต้องการใช้เธอ เข้าใจไหม” นายมัลฟอยกระซิบ เดรโกพยักหน้ารับ
“ครับพ่อ” เมื่อลูกชายรับคำนายมัลฟอยหันไปทางภรรยาของเขา
“ฉันไปนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่เฮอร์ไมโอนี่เคยเห็นสามีพูดกับภรรยาตัวเอง
“ค่ะ” นางมัลฟอยตอบด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกัน นายมัลฟอยถอนใจเบา ๆ ก่อนที่จัดแจงก้าวเข้าไปในเตาผิง แต่เขาก็กลับชะงักฝีเท้าและหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่แทน
“แล้วเธอ ยายเลือดสีโคลน” เขาเอ่ย “ระหว่างที่ฉันไม่อยู่เธออย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้ ฉันร่ายคาถาป้องกันไว้รอบบ้านแล้ว” นายมัลฟอยพูด เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรไป นางนาร์ซิสซาหันมามองเธอแวบหนึ่งอย่างไม่ค่อยสนใจ จนในที่สุดนายลูเซียสก็เข้าไปในเตาผิงและหายไปกับเปลวไฟสีมรกต
“เธอคือเด็กที่เขาจับมาอย่างนั้นหรือ” นางนาร์ซิสซาพูดกับเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากทีเดียว และเธอก็ไม่ทำหน้าเหมือนมีของเหม็นมาจ่ออยู่ใต้จมูกอีกแล้ว ใบหน้าของเธอดูสวยอย่างหมดจด ผมสีทองรวบเป็นมวยตึงอยู่บนศีรษะแบบเดียวกับศาสตราจารย์มักกอนนากัล เธอสวมชุดสีดำทั้งชุด แววตาสีฟ้าของเธอออกจะดูเหม่อลอย
“ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกว่านางมัลฟอยดูชั่วร้ายอย่างที่ควรจะเป็น อาจจะเป็นเพราะนางไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์เฮอร์ไมโอนี่ออกมาทางแววตาที่นางใช้มองเธอ แต่นาร์ซิสซากลับมองเธอด้วยแววตาสีฟ้าที่ดูเหมือนไร้ความรู้สึก ราวกับเธอไม่ได้ตั้งใจมองเฮอร์ไมโอนี่ นางมัลฟอยขยับริมฝีปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เดรโกลูกชายของเธอมาดึงตัวเธอไปก่อน
“แม่ขึ้นไปพักดีกว่า” เดรโกพูด มองแม่ของเขาด้วยแววตาห่วงใยที่หาได้ยากนักขณะที่นางมัลฟอยมีท่าทีเหม่อลอย
“มีใครอยู่แถวนี้บ้างไหม” เขาตะโกน และทันใดนั้นเองก็มีเสียงป็อปเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเอลฟ์ประจำบ้านตัวหนึ่ง
“พานายหญิงไปที่ห้องนอน” เด็กหนุ่มสั่ง เอลฟ์เข้ามาประคองนางมัลฟอยขึ้นไปชั้นบนตามคำสั่งของเดรโก เมื่อแม่ของเขาและเอลฟ์ประจำบ้านเดินลับตาไปแล้ว เด็กหนุ่มก็หันมาทางเฮอร์ไมโอนี่
“อย่าคิดมายุ่งกับแม่ฉันเกรนเจอร์” มัลฟอยเตือน เฮอร์ไมโอนี่ตาโต
“ใครยุ่งกับแม่นายกัน เห็นชัด ๆ ว่าแม่นายมาพูดกับฉันก่อน” เธอโต้ มัลฟอยมองเธอด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
“ถึงอย่างไรก็ห้ามเธอยุ่งกับแม่ของฉันอีก นี่เป็นคำสั่ง” เขาพูดอย่างเฉียบขาด เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้า
“ฉันจะไม่ฟังคำสั่งของใคร โดยเฉพาะเธอและพ่อของเธอ มัลฟอย” เด็กสาวพูดอย่างถือดี มัลฟอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
“เธอต้องฟังคำสั่งของฉัน เพราะตอนนี้เธอเป็นทาสรับใช้ของฉัน” เขาพูด “และวันนี้ฉันต้องการให้เธอไปทำความสะอาดห้องนอนสำรองต่าง ๆ ที่ปีกตะวันออก โดยไม่ใช่เวทย์มนตร์”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่มีวันทำตามคำสั่งนาย!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน เธอมองมัลฟอยอย่างไม่เกรงกลัว
“ดี!” เขาพูดรอดไรฟัน “ดีน่ามานี่ซิ!” สิ้นเสียงของมัลฟอยก็มีเสียงป็อปดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการปรากฏตัวของเอลฟ์สาวนามว่าดีน่า
“นายน้อยมีอะไรให้ดีน่ารับใช้หรือเจ้าคะ” ดีน่าถาม เอามือลูบหูยับยู่ยี่ของมันซึ่งมาจากการลงโทษตัวเองเมื่อเช้า
“เอาหัวโขกกำแพง” มัลฟอยสั่งเรียบ ๆ ดีน่ามีท่าทีตกใจกับคำสั่งที่ได้รับ แต่เอลฟ์สาวก็เดินไปที่กำแพงและเริ่มเอาศีรษะโขกมันพร้อมกับตะโกนด่าตัวเอง “ดีน่าเลว!”
“นี่นายจะทำอะไรน่ะ อย่าเอาดีน่ามาเกี่ยวได้ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเสียงแหลม มัลฟอยยิ้มเยาะ
“ฉันจะไม่ให้มันหยุดโขกจนกว่าเธอจะยอมทำงานแทนมันเกรนเจอร์ หรือฉันอาจจะเปลี่ยนใจให้มันเอาหัวหนีบเตาอบก็ได้” เขาพูดอย่างถือไพ่เหนือกว่า เ ฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น เธอมองดีน่าที่กำลังเอาหัวโขกกำแพงอย่างสงสารจับใจ ก่อนที่จะปรายสายตาไปมองมัลฟอยอย่างเคียดแค้น แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“ได้ ฉันจะยอมทำตามที่นายสั่ง!”
นับจากวันนั้นเป็นต้นมาเฮอร์ไมโอนี่ก็กลายเป็นคนรับใช้ของตระกูลมัลฟอยอย่างเต็มรูปแบบ แต่ครอบครัวมัลฟอยไม่ยอมให้เธอแตะต้องอาหารหรือเสื้อผ้าของพวกเขา เขาวางใจจะให้เอลฟ์ประจำบ้านเป็นคนซักรีดเสื้อผ้าและปรุงอาหารมากกว่าเลือดสีโคลนอย่างเธอ หน้าที่ของเฮอร์ไมโอนี่ก็คือทำความสะอาดคฤหาสน์หลังยักษ์ของครอบครัวมัลฟอย โดยเริ่มตั้งแต่ห้องนอนสำรองสำหรับแขก ห้องนั่งเล่นที่มีมากมายจนนับไม่ถ้วน ห้องเก็บของ ห้องถ้วยรางวัล และอื่น ๆ อีกสารพัด ซึ่งแน่นอนว่ามัลฟอยไม่ยอมให้เธอเข้าไปใกล้ห้องที่สำคัญต่าง ๆ เช่นห้องนอนของเขา ห้องหนังสือ ห้องเก็บเอกสาร ซึ่ งเฮอร์ไมโอนี่เดาเอาว่ามันคงจะมีความลับแอบซ่อนเอาไว้
ผ่านไปสามวันหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่มาอยู่ที่นี่ เธอเริ่มชินกับวิถีชีวิตแบบนี้มากกว่าเดิม แน่นอนว่าเธอต้องทำงานในทุก ๆ วัน แต่มัลฟอยก็ไม่ได้โหดร้ายอะไรกับเธอมากนัก ทุก ๆ เช้าดีน่าจะเป็นคนมาปลุกเธอเพื่อให้เธอลงไปทานอาหารที่ห้องครัว (ครอบครัวมัลฟอยไม่อยากให้เฮอร์ไมโอนี่ร่วมโต๊ะอาหารด้วย) หลังจากนั้นเดรโกจะเป็นคนสั่งเธอว่าเธอต้องทำอะไรบ้างในวันนี้ จากนั้นเขาก็จะปล่อยเธอทำงานเงียบ ๆ แต่คอยดูเธออยู่ห่าง ๆ ความจริงเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าที่มัลฟอยไม่ได้หาเรื่องกลั่นแกล้งเธออย่างที่เขาต้องการอาจจะเป็นเพราะว่าเธอยังมีประโยชน์กับพวกเขาอยู่ก็ได้
อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความรำคาญใจให้เฮอร์ไมโอนี่ก็คือทางเดินที่คดเคี้ยวและวกวนของคฤหาสน์หลังนี้ รวมทั้งความกว้างใหญ่ของมันด้วย แม้ว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วแต่เด็กสาวก็ยังไม่เคยชินกับมันสักที เด็กสาวหวังว่าเธอจะมีแผนที่ของคฤหาสน์หลังนี้สักใบเพื่อว่าเธอจะได้ไม่หลงทางอีก แต่ถ้าลองคิดอีกอย่างหนึ่งการหลงทางก็ดีไม่ใช่น้อย เ พราะมันสามารถเป็นข้ออ้างในการเดินสำรวจคฤหาสน์ของเธอได้
ในวันที่สามที่เฮอร์ไมโอนี่มาอยู่ที่นี่ นายมัลฟอยยังคงไม่กลับมาบ้าน เฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็นนางมัลฟอยทำอะไรนอกจากขลุกอยู่ในห้องหรือไม่ก็ลงมารับลมที่สวนหลังบ้าน ซึ่งทุกฝีก้าวของนางล้วนแต่มีเอลฟ์ประจำบ้านคอยดูแลตลอด แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจเรื่องของนางเท่าไหร่นัก ที่เธอสนใจก็คือการสำรวจคฤหาสน์หลังนี้ต่างหาก และเฮอร์ไมโอนี่ก็ทำสำเร็จ หลังจากที่เธอหลงทาง ลองผิดลองถูกมาหลายต่อหลายครั้ง เด็กสาวก็พบอะไรบางอย่างที่คุ้มค่าแก่การเดินวนเวียนอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้เป็นชั่วโมง
ในบ่ายวันนั้นเฮอร์ไมโอนี่พบห้องหนังสือของนายลูเซียสเข้าโดยบังเอิญ ระหว่างที่เธอพยายามจะหาห้องเก็บถ้วยรางวัลให้เจอ ห้องหนังสือแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากทีเดียว และมันถูกล้อมรอบด้วยชั้นหนังสือสูงจรดเพดาน ซึ่งปรกติเฮอร์ไมโอนี่คงวิ่งเข้าหาพวกมันแล้วถ้าไม่ติดที่ว่ามันเป็นหนังสือที่อยู่ในคฤหาสน์มัลฟอย ซึ่งเธอพนันได้เลยว่าของเกือบทุกอย่างที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับศาสตร์มืด
ใจกลางห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ บนโต๊ะมีปากกาขนนกและขวดหมึกกับม้วนกระดาษสองสามม้วน เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะเปิดลิ้นชักโต๊ะออกแต่มันถูกล็อคเอาไว้ เด็กสาวก็เลยสำรวจรอบ ๆ ห้องแทน มันเป็นห้องที่ใหญ่พอดูทีเดียว ในห้องมีเพียงแสงสว่างจากเทียนไขบนโคมไฟที่ห้อยลงมาจากเพดานเหนือโต๊ะเขียนหนังสือพอดิบพอดี แ ต่ที่สะดุดตาเฮอร์ไมโอนี่ก็คือม่านอันเบ้อเริ่มที่อยู่หลังโต๊ะเขียนหนังสือ มันมีขนาดใหญ่และเป็นมีเขียวเข้ม ตอนแรกเด็กสาวคิดด้านหลังม่านจะเป็นหน้าต่าง และเมื่อเธอตัดสินใจเลิกม่านออกเฮอร์ไมโอนี่จึงรู้ว่าแท้จริงมันแล้วข้างในนั้นคืออะไร
มันคือแผนที่!
มันเป็นแผนที่ขนาดใหญ่ที่ดูเก่าคร่ำคร่าถูกปิดไว้บนกำแพงหลังผ้าม่าน เด็กสาวจ้องมองแผนที่แผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าอย่างสนอกสนใจ มีตัวหนังสือสีเงินทอประกายอยู่ด้านบนสุดของมัน
ตระกูลมัลฟอย ครอบครัวพ่อมดแม่มดที่บริสุทธิ์ที่สุด
แผนที่คฤหาสน์มัลฟอย
หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่จนแทบจะหลุดออกนอกอก เธอค้นพบแผนที่ของคฤหาสน์หลังนี้ซึ่งมันจะบอกเธอถึงห้องทุกห้องในคฤหาสน์แห่งนี้ เด็กสาวจ้องดูแผนที่อย่างสนอกสนใจ หัวใจของเธอยิ่งเต้นแรงขึ้นเมื่อเธอเห็นห้องที่เธอกำลังอยู่ขณะนี้มีป้ายชื่อขึ้นมาพร้อมกับจุดเล็ก ๆ ที่แสดงตำแหน่งที่เธอยืน ป้ายชื่อนั้นเขียนว่า ‘เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์’ เด็กสาวสำรวจแผนที่ซึ่งคล้าย ๆ กับแผนที่ตัวกวนอย่างกระตืนรือร้นและพบว่าป้ายชื่อของนางนาร์ซิสซานั้นกำลังอยู่ในห้องนอนชั้นบน ส่วนเอลฟ์สาวดีน่านั้นกำลังอยู่ในห้องครัวพร้อมกับเอลฟ์ตัวอื่น ๆ เพื่อเตรียมอาหารค่ำ
เฮอร์ไมโอนี่ไล่นิ้วไปตามแผนที่สีเหลืองเก่าแก่ และเธอก็พบอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงกว่าเก่า เพราะว่ามันคือทางลับออกไปนอกคฤหาสน์ซึ่งมีอยู่ราว ๆ 4 5 ทาง และทางที่ใกล้ที่สุดซึ่งจะนำเธอออกไปข้างนอกก็คือทางลับที่อยู่ด้านหลังแผนที่ตรงหน้าของเธอ
เด็กสาวมองแผนที่อย่างระทึก นี่เป็นทางรอดทางเดียวของเธอ เป็นทางที่เธอจะกลับไปพบเพื่อนรักของเธอและสมาชิกภาคีได้ เฮอร์ไมโอนี่รีบคลำหาทางเข้าทางลับนั้นทันที แต่หลังจากพยายามอยู่นานและไม่ประสบความสำเร็จดูเหมือนว่าแผนที่จะรู้ใจเธอ มันบอกเคล็ดลับบางอย่างมาให้โดยการแสดงให้เธอเห็นแผ่นป้ายเล็ก ๆ ในแผนที่อ่านได้ว่า ‘นอร์โมโรอัส’
“นอร์โมโรอัส” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำตามคำที่อ่านจากแผ่นป้าย ตาจ้องมองแผนที่
แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แผนที่ขนาดยักษ์ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด บางทีอาจจะต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ในการเปิดมัน เด็กสาวครุ่นคิด แต่เธอจะทำได้อย่างไรในเมื่อเธอไม่มีไม้กายสิทธิ์ ไม้ของเธอถูกริบไปตั้งแต่เธอถูกลูเซียส มัลฟอยจับตัวได้
เด็กสาวพยายามสำรวจแผนที่นั้นอีกครั้งเพื่อหาทางเปิดทางลับนั้นให้ได้ แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเด็กสาวก็ตกใจอย่างมาก หัวใจเธอเต้นแรงยิ่งกว่าครั้งที่เธอเจอทางลับ มันไม่ใช่เพราะความตื่นเต้น แต่เป็นเพราะความหวาดกลัว
ป้ายชื่อหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่หน้าห้องหนังสือที่เธออยู่ ซึ่งมันบอกชื่อของเดรโก มัลฟอย
*************************************************
ความคิดเห็น