ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : เรื่องราวของโรส
***Chapter 17 เรื่องราวของโรส***
“เธอว่าอะไรนะ” เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปถามแพนซี่
“ฉันพูดว่าเธอไปฮอกมี้ดส์กับมัลฟอยมาใช่ไหม” แพนซี่พูด  เธอก้าวเข้ามาประชิดตัวเฮอร์ไมโอนี่
“อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้น  แพนซี่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฉันไม่ได้ไปฮอกมี้ดส์กับมัลฟอย”
“แต่ฉันเห็นเธอเดินกับเขาที่นั่น  ทั้ง ๆ ที่เขาบอกฉันว่าจะไปเที่ยวกับแครบและกอยล์” แพนซี่พูด 
“เหรอ...” เฮอร์ไมโอนี่พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปรกติ “บางทีเธออาจจะตาฝาดไปก็ได้นะแพนซี่” เด็กสาวพูดและกำลังจะเดินห่างออกจากเธอ
“ฉันไม่ได้ตาฝาด” แพนซี่พูดเสียงดัง “ฉันก็อยากจะคิดว่าฉันตาฝาดที่เห็นเขาไปอยู่กับคนอย่างเธอ  แต่ฉันไม่ได้ตาฝาด  ฉันคิดว่าฉันเห็นเธอกับมัลฟอยอยู่ด้วยกัน” แพนซี่พูด  จ้องเฮอร์ไมโอนี่  เด็กสาวกลืนน้ำลาย
“และที่ฉันอยากรู้ก็คือ  เธอไปทำอะไรกับเขาที่นั่น” เธอพยายามเค้นความจริงมาจากเฮอร์ไมโอนี่  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ก็พยายามปิดบังมันอย่างสุดความสามารถ  แต่ก่อนที่จะทั้งสองจะได้ทำอะไร  ก่อนที่แพนซี่จะได้พูดอะไรออกไป  ประตูหอพรีเฟ็คก็เปิดขึ้นเสียก่อน  ตามด้วยการปรากฏตัวของบุคคลที่เธอกำลังเอ่ยถึง
มัลฟอยมองภาพตรงหน้าอย่างแปลกใจ 
“มัลฟอย” แพนซี่พึมพำ
“พวกเธอทำอะไรกันอยู่” เขาถาม  หรี่ตาอย่างสงสัย
“ฉัน...” แพนซี่อึกอัก  เธอไม่กล้าถามเขาตามตรงเรื่องที่เธอเห็นในวันนี้  แต่เธอก็ไม่อาจทนเก็บมันต่อไปได้
“ฉันอยากรู้ว่าวันนี้เธอไปฮอกมี้ดส์กับใครมา” แพนซี่พูด
“เธอก็น่าจะจำได้นี่ว่าฉันบอกเธอว่ายังไงแพนซี่” มัลฟอยเลิกคิ้ว “ฉันบอกว่าจะไปเที่ยวกับแครบและกอยล์ไม่ใช่รึ” เขาถาม
“ฉันรู้  แต่ฉันเจอเขาสองคนที่ฮอกมี้ดส์  พวกเขาบอกว่าเธอไม่ได้มาเที่ยวด้วย” แพนซี่พูดออกไป  มัลฟอยมีท่าทีรำคาญ
“ฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นต้องรายงานเธอทุกครั้งที่ฉันไปไหนนี่  ฉันมีสิทธิ์ที่จะไปที่ไหนก็ได้เท่าที่ฉันต้องการ” เขาพูดเสียงเข้ม 
“รวมทั้งไปเที่ยวฮอกมี้ดส์กับเกรนเจอร์ด้วยใช่ไหม” แพนซี่พูดเสียงดัง  มัลฟอยชะงักเล็กน้อย  เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยสบตากันแวบหนึ่งราวกับต้องการปรึกษากันในใจ
“เธอว่าเธอเห็นฉันเดินอยู่กับเกรนเจอร์หรือแพนซี่” มัลฟอยทวนคำ 
“ฉันเห็นพวกเธออยู่ด้วยกันที่ฮอกมี้ดส์  และฉันคิดว่าเธอคงอธิบายได้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร  มัลฟอย”
“ฉันไม่มีอะไรต้องอธิบาย  เพราะว่าฉันไม่ได้ไปเที่ยวกับเกรนเจอร์” มัลฟอยตอบ 
“แต่ฉันเห็นเธอเดินด้วยกัน!” แพนซี่เถียง “เธอจะบอกฉันว่าฉันคิดไปเองงั้นหรือ”
“เปล่า  ฉันแค่จะบอกว่าเธออาจจะดูผิดไป  บางทีฉันอาจจะเดินสวนกับเกรนเจอร์บนถนนก็เท่านั้น  เธออาจจะเห็นแค่นั้นและเอาไปตีความเอาเองทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย” มัลฟอยพูดเสียงดัง  แพนซี่ชะงัก  เธอมีท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“แต่...”
“เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะไปเดทกับคนอย่างเกรนเจอร์หรือ” มัลฟอยพูด  เขามองมาทางเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาเย็นชา
“เอ่อ  ไม่” แพนซี่พูดด้วยท่าทีที่ดูโล่งอก  แม้เธอจะยังรู้สึกติดใจอยู่บ้างก็ตาม
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” มัลฟอยพูด  เขาก็ดูโล่งอกเช่นเดียวกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับฉันแล้วใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น  มัลฟอยไม่ตอบ  เขามองเธออย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยก่อนที่เด็กสาวจะหมุนตัวและเดินออกจากห้องไป
“เกรน....” ร่างของเฮอร์ไมโอนี่หายลับไปจากประตูแล้วเมื่อมัลฟอยเอ่ยชื่อของเธอ
“ฉันขอโทษนะมัลฟอย” แพนซี่พูดอย่างออดอ้อน  แต่มัลฟอยไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย  สายตาของเขามองตามแผ่นหลังของเฮอร์ไมโอนี่ที่หายลับไปจากหอ  เมื่อครู่มัลฟอยเกือบจะเรียกชื่อของเธอเพื่อรั้งตัวเธอไว้ แต่เด็กหนุ่มห้ามตัวเองทัน
บางทีเรื่องของเขาสองคนอาจจะไม่ไช่เรื่องที่ควรจะเปิดเผยให้คนอื่นรู้
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่ตรงดิ่งกลับหอนอนและขังตัวเองอยู่บนห้อง  เธอจมอยู่กับความคิดของเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่  มันราวกับความฝัน  แวบหนึ่งที่มัลฟอยทำให้เธอฝันดีและมีความสุขที่สุด  แต่ในไม่ทันข้ามวันเขาก็กลับพูดกับเธอด้วยท่าทีไม่สนใจและกลับไปเป็นมัลฟอยคนเดิม
บางทีที่เขาอาจจะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเราก็ได้
เฮอร์ไมโอนี่คิดในใจและหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น
หลายวันต่อมา  เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้พบหน้ามัลฟอยไม่บ่อยครั้งนัก  และไม่ได้อยู่กับเขาตามลำพังเลย  โดยเฉพาะตอนที่โรงเรียนกำลังวุ่นวายเช่นนี้ไม่มีใครมัวมาใส่ใจเรื่องการตรวจบริเวณ  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลสั่งยกเลิกงานของพรีเฟ็คบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไป  ประกอบกับเฮอร์ไมโอนี่นั้นกำลังหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบว.พ.ร.ส.ที่ใกล้เข้ามา  มันเลยทำให้เธอแทบไม่ได้เจอกับมัลฟอยเลย
ในเช้าของวันอาทิตย์  เฮอร์ไมโอนี่ตื่นแต่เช้าเพื่อหาหนังสืออ่าน  เช่นเดียวกับแฮร์รี่ที่ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อทำการบ้านในที่ต้องส่งในวันรุ่งขึ้น  ส่วนรอนนั้นโดนแอนเจลิน่าลากตัวไปซ้อมควิดดิชตั้งแต่ก่อนรุ่งสางแล้ว
“เธอต้องทำการบ้านมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ” แฮร์รี่พูด  มองไปที่กองหนังสือ  ม้วนกระดาษ  แผ่นตัวเลข  พจนานุกรมอักษรรูน  และแผนที่ดวงดาวของเฮอร์ไมโอนี่อย่างทึ่ง ๆ
“อ้อ  ใช่  ก็ฉันลงเรียนเยอะกว่าพวกเธอนี่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบขณะกำลังควานหาตำราแปลงร่างในกระเป๋า
“เธอน่าจะพักบ้างนะ” แฮร์รี่เตือน “เธอไม่เหนื่อยหรือ”
“อ้อไม่เลย  สนุกออก” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมา “ความจริงการบ้านของเธอก็เยอะเหมือนกันนะ”
“อ้อ  นี่มีของรอนด้วย” แฮร์รี่พูด  มองไปที่กองม้วนกระดาษตรงหน้า “ฉันกะว่าจะช่วยเขาตรวจทานน่ะ เธอก็รู้ว่ารอนต้องซ้อมควิดดิชทั้งวัน แล้วไหนจะการบ้านพวกนี้อีก”
“งั้นฉันช่วยเธอด้วยนะ  ส่งแผนที่ดูดาวของเขามาสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับที่เฟร็ดกับจอร์จกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวม  แฮร์รี่มองเธออย่างขอบคุณ
“ขอบใจมาก เฮอร์ไมโอนี่”
“เฮ้  หวัดดีพวกเธอนะ  กินอิ่มกันแล้วสิ” เฟร็ดทักพวกเขาหลังจากที่เขาเพิ่งกลับจากห้องโถง  เด็กทั้งสองทักเขาตอบ
“รู้ไหมว่าเราแอบเอาครีมคีรีบูนลงไปในถาดขนมของพวกสลิธีรินด้วยล่ะ  แครบกับกอยล์กินเข้าไป  แล้วพวกเขาก็กลายเป็นนกคีรีบูนตัวบิ๊กที่สุดที่เราเคยเห็นมาเลย” จอร์จพูด  ดวงตาเป็นประกายอย่างนึกสนุก
“แล้วเราก็ใส่ลงไปในชามของมัลฟอยด้วยเหมือนกัน  แต่ว่าเขาไม่ยอมกินเพราะเห็นว่าลูกน้องของเขากลายร่างเป็นนกคีรีบูนเสียก่อนน่ะ” เฟร็ดพูดอย่างเศร้าสร้อยที่หมดโอกาสแกล้งมัลฟอย
“เอาล่ะ  เรากะว่าจะลองคิดค้นของเล่นใหม่ ๆ ดู  ดูซิว่าเราจะได้อะไรมาทดลองกับพวกหน่วยสืบสวนบ้าง” จอร์จพูดบ้าง  เฮอร์ไมโอนี่มองพวกเขาทั้งสองราวกับพวกเขาพูดอะไรที่หยาบคายที่สุดออกมา
“พวกเธอคงไม่คิดจะทดลองมันตอนนี้หรอกนะ” เฮอร์ไมโอนี่เตือน  เฟร็ดกับจอร์จยิ้ม
“ใช่  เราคิดว่าเราจะทดลองมันตอนนี้เดี๋ยวเลย” เฟร็ดพูด  “เฮ้  ลี  พร้อมหรือยัง” เขาหันไปพูดกับลี  จอร์ดัน
“โอ้  ไม่นะ” เฮอร์ไมโอนี่ครางเมื่อเสียงระเบิดดังปุงปังเริ่มขึ้นเมื่อเฟร็ด  จอร์จ  และลี  จอร์จดันเริ่มทดลองดอกไม้ไฟชุดใหม่ในห้องนั่งเล่นรวม  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าบูดและมองพวกอย่างรำคาญ ก่อนที่เธอจะเก็บหนังสือและการบ้านทั้งหมดลงในกระเป๋าทันที
“เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าฉันจะมาตรวจทานงานให้พวกเธอทีหลังน่ะ  ตอนนี้ฉันต้องการที่สงบ ๆ สำหรับแปลเรียงความภาษารูนให้จบ” เธออธิบาย
“ได้  ตามสบายเลย” แฮร์รี่พูด  และเฮอร์ไมโอนี่ก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นรวมไป
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่มาที่ห้องสมุดเพื่อทำการบ้าน  แต่เมื่อเธอกำลังจะเริ่มมันเธอก็พบว่าเธอหยิบหนังสือมาผิด  เธอหยิบหนังสือวิชาพยากรณ์ของรอนมาแทนหนังสือวิชาแปลงร่างของเธอเพราะว่ามันมีปกสีเดียวกัน
“ให้ตายสิ” เฮอร์ไมโอนี่บ่น  และกำลังจะนำมันกลับไปคืน  แต่ลมที่พัดมาจากหน้าต่างที่เปิดไว้พัดหนังสือและจนเรียงความของเธอกระจาย  เฮอร์ไมโอนี่รีบกดเรียงความไว้อักษรรูนของเธอไว้บนโต๊ะ  ในขณะที่ลมพัดหนังสือวิชาพยากรณ์ของรอนเปิดอย่างรัวเร็วจนมันมาหยุดอยู่ที่หน้า ๆ หนึ่ง   
และสายลมก็หยุดนิ่งในทันใด  เฮอร์ไมโอนี่เหลียบตามองหน้ากระดาษนั้น
ประวัติศาตร์การพยากรณ์ 
โดย  ไดแอน  วิลตัน
เราเชื่อกันมาตลอดว่าการพยากรณ์เป็นศาสตร์ลี้ลับที่ยากแก่การเข้าถึง  ซึ่งมันจะพาเราเจาะเข้าสู่โลกลี้ลับแห่งอนาคตที่ยากจะเปิดเผย  การพยากรณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อนคริสต์ศักราช  โดยการวิธีการพยากรณ์จะแตกต่างกันไปตามลักษณะของชนเผ่านั้น ๆ อียิปต์เองก็มีการพยากรณ์มาหลายพันปีแล้ว  ชาวบาบิโลเนียนั้นใช้การเคลื่อนที่ของดวงดาวในการทำนายอนาคต  ในขณะนั้นเองก็มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการพยากรณ์มากมาย  ในจำนวนเหล่านั้นมีการเอาความเชื่อเรื่องเทพเจ้าเข้าไปเกี่ยวด้วย  ในอดีตกาล  มีเทพเจ้าหลายองค์ที่มนุษย์นักถือและเชื่อว่าคำพยากรณ์นั้นมาจากการบอกเล่าของพระผู้เป็นเจ้า  โดยแต่ละชนเผ่าก็จะนับถือเทพเจ้าที่แตกต่างกันไป...
สายตาของเฮอร์ไมโอนี่ไล่ไปตามรายชื่อของเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ อย่างไม่ใสใจ  จนกระทั่งไปหยุดที่หน้ากระดาษอีกหน้าหนึ่ง  ซึ่งเป็นรูปวาดของหญิงสาวคนหนึ่ง  ผู้มีผมสีดาวยาวถึงกลางหลัง  ดวงตาสีดำทอประกายคล้ายลูกปัด  เธอสวมชุดคลุมสีดำที่ปักทอลาย  ริมฝีปากสีแดงกำลังแย้มยิ้ม
โรส  หญิงสาวผู้รักษาคำพยากรณ์
เธอเป็นผู้รับใช้ของเทพเจ้าที่เป็นที่นับคือของชาวแอคแทก  พวกเขาเชื่อกันว่าชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคนถูกกำหนดไว้โดยเทพเจ้า  และถูกเก็บรักษาไว้ในลูกแก้ว  ซึ่งลูกแก้วหนึ่งอันจะบรรจุชะตาชีวิตของมนุษย์เพียงหนึ่งคนเท่านั้น  และบรรดาลูกแก้วทั้งหลายจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัยที่หอคอยอันศักดิ์สิทธิ์  เชื่อกันว่าหากลูกแก้วลูกทำลาย  ชะตาชีวิตของบุคคลนั้นจะต้องถูกทำลายเช่นกัน  โชคชะตาถูกกำหนดมาตั้งแต่มนุษย์ผู้นั้นเกิดแล้ว  แต่บางครั้งก็ย่อมมีการกระทำอันเรียกว่าฝ่าผืนโชคชะตา  หรือก็คือมนุษย์ผู้นั้นไม่ได้เดินไปตามเส้นทางที่ชะตาของตนเองกำหนดไว้  แต่กลับพยายามจะหลีกหนีและปฏิเสธมัน  และเมื่อเป็นเช่นนั้น  เชื่อกันว่าเทพเจ้าต้องเผชิญกับปัญหาดังกล่าวพระองค์จึงทรงสร้างเทพผู้รักษาคำพยากรณ์ขึ้นมาจากกลีบดอกไม้ที่ร่วงโรย  และประธานนามให้ว่า ‘  โรส ’ ตามชื่อดอกไม้นั้น  ซึ่งเธอมีหน้าที่ควบคุมชีวิตของมนุษย์ที่พยายามจะผ่าผืนให้เป็นไปตามคำพยากรณ์  และถ้าพวกเขายังคงปฏิเสธและยังคิดที่จะต่อต้านมันอีกล่ะก็  พวกเขาจะต้องพบกับจุดจบตลอดกาล 
เฮอร์ไมโอนี่อ่านหน้ากระดาษนั้นจนจบ  เธอรู้สึกว่ามือที่เธอจับหนังสืออยู่เริ่มสั่นเทา  ภาพของหญิงสาวลึกลับเข้ามาปรากฏในสมองของเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง
หญิงสาวผู้รักษาคำพยากรณ์
หญิงสาวผู้ควบคุมคำพยากรณ์แห่งชีวิตของมนุษย์ทั้งปวง
และถ้าใครที่ดึงดันจะผ่าฝืนมัน  พวกเขาจะพบกับจุดจบตลอดกาล!
เฮอร์ไมโอนี่เลื่อนสายตาไปมองที่ภาพหญิงสาวผมดำบนหน้ากระดาษอีกครั้ง  เธอรู้สึกว่าริมฝีปากแห้งผาก  ดวงตาสีดำขลับนั้นช่างดูคุ้นตาเหลือเกิน  ใบหน้าเรียวงามนั้น  และริมฝีปากแดงสดที่กำลังเหยียดยิ้ม  แน่นอนว่าหญิงสาวในรูปกับหญิงสาวที่เธอพบโดยบังเอิญที่ฮอกมี้ดส์เป็นคน ๆ คนเดียวกัน  แต่ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร  ที่โรสหญิงสาวลึกลับที่เธอเคยพบ  จะเป็นคนเดียวกับโรสหญิงสาวที่เป็นผู้รับใช้เทพเจ้า!
.................................................
แม้ว่ามันจะดูเหลือเชื่อ  แต่ถ้าเราลองเชื่อดูมันก็จะสามารถอธิบายเรื่องราวแปลกประหลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้อย่างดีทีเดียว
ทำไมเธอถึงหลงเข้าไปในสถานที่ ๆ ไร้ซึ่งผู้คน  ทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งเดินอยู่ในฮอกมี้ดส์ในหนึ่งนาทีก่อนหน้านั้น
ทำไมนาฬิกาของเธอจึงหยุดเดินเมื่อเธอก้าวเข้ามาในสถานที่นั้น  และกลับไปเดินอีกครั้งเมื่อเธอกลับออกไปได้
ทำไมโรสถึงสามารถหยุดลำแสงสะกดนิ่งได้โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์ 
ทำไมเธอถึงล่วงรู้ทุกอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่คิด
และทำไมเธอถึงได้มอบน้ำยาเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์มาให้เฮอร์ไมโอนี่
ฉันคิดว่าเธอจำเป็นจะต้องใช้มัน  เพราะฉันรู้ว่าเธอมีเรื่องในใจและสิ่งนี้อาจจะช่วยเธอได้ 
โรสตั้งใจมอบยานั้นให้เฮอร์ไมโอนี่เพราะเธอรู้ว่าตอนนั้นเฮอร์ไมโอนี่กำลังหลงรักแฮร์รี่อยู่  แต่แฮร์รี่ชอบโช เพราะฉะนั้น........
ขอเพียงให้เธอใช้มันให้ดีและมันจะไม่มีอันตรายอะไร
โรสต้องการให้เธอสมหวังกับแฮร์รี่  เพราะว่าโรสไม่ต้องการให้เธอไปรักกับศัตรู
อย่าเข้าใกล้ศัตรูของเธอมากเกินไป  เขากำลังจะนำความวิบัติมาให้เธอ 
เสียงของโรสดังก้องอยู่ในหูของเฮอร์ไมโอนี่ราวกับมันไม่มีวันจนสิ้น
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างสายเลือดที่แตกต่างจะนำมาซึ่งความหายนะที่เธอไม่คาดคิดทีเดียว
เธอไม่ต้องการให้เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยรักกัน  โรสจึงช่วยเหลือให้เธอมาลงเอยกับแฮร์รี่  แต่ว่าเธอจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร
เธอมีหน้าที่ควบคุมชีวิตของมนุษย์ที่พยายามจะผ่าผืนให้เป็นไปตามคำพยากรณ์ 
ริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่สั่นระริก  หรือว่า  หรือว่าเป็นเพราะ....... 
ทันใดนั้นเองก็มีมือ ๆ หนึ่งมาวางบนไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่  เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว  แต่เมื่อเธอหันไปมองด้านหลัง
“มัลฟอย!”
*************************************************
“เธอว่าอะไรนะ” เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปถามแพนซี่
“ฉันพูดว่าเธอไปฮอกมี้ดส์กับมัลฟอยมาใช่ไหม” แพนซี่พูด  เธอก้าวเข้ามาประชิดตัวเฮอร์ไมโอนี่
“อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้น  แพนซี่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฉันไม่ได้ไปฮอกมี้ดส์กับมัลฟอย”
“แต่ฉันเห็นเธอเดินกับเขาที่นั่น  ทั้ง ๆ ที่เขาบอกฉันว่าจะไปเที่ยวกับแครบและกอยล์” แพนซี่พูด 
“เหรอ...” เฮอร์ไมโอนี่พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปรกติ “บางทีเธออาจจะตาฝาดไปก็ได้นะแพนซี่” เด็กสาวพูดและกำลังจะเดินห่างออกจากเธอ
“ฉันไม่ได้ตาฝาด” แพนซี่พูดเสียงดัง “ฉันก็อยากจะคิดว่าฉันตาฝาดที่เห็นเขาไปอยู่กับคนอย่างเธอ  แต่ฉันไม่ได้ตาฝาด  ฉันคิดว่าฉันเห็นเธอกับมัลฟอยอยู่ด้วยกัน” แพนซี่พูด  จ้องเฮอร์ไมโอนี่  เด็กสาวกลืนน้ำลาย
“และที่ฉันอยากรู้ก็คือ  เธอไปทำอะไรกับเขาที่นั่น” เธอพยายามเค้นความจริงมาจากเฮอร์ไมโอนี่  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ก็พยายามปิดบังมันอย่างสุดความสามารถ  แต่ก่อนที่จะทั้งสองจะได้ทำอะไร  ก่อนที่แพนซี่จะได้พูดอะไรออกไป  ประตูหอพรีเฟ็คก็เปิดขึ้นเสียก่อน  ตามด้วยการปรากฏตัวของบุคคลที่เธอกำลังเอ่ยถึง
มัลฟอยมองภาพตรงหน้าอย่างแปลกใจ 
“มัลฟอย” แพนซี่พึมพำ
“พวกเธอทำอะไรกันอยู่” เขาถาม  หรี่ตาอย่างสงสัย
“ฉัน...” แพนซี่อึกอัก  เธอไม่กล้าถามเขาตามตรงเรื่องที่เธอเห็นในวันนี้  แต่เธอก็ไม่อาจทนเก็บมันต่อไปได้
“ฉันอยากรู้ว่าวันนี้เธอไปฮอกมี้ดส์กับใครมา” แพนซี่พูด
“เธอก็น่าจะจำได้นี่ว่าฉันบอกเธอว่ายังไงแพนซี่” มัลฟอยเลิกคิ้ว “ฉันบอกว่าจะไปเที่ยวกับแครบและกอยล์ไม่ใช่รึ” เขาถาม
“ฉันรู้  แต่ฉันเจอเขาสองคนที่ฮอกมี้ดส์  พวกเขาบอกว่าเธอไม่ได้มาเที่ยวด้วย” แพนซี่พูดออกไป  มัลฟอยมีท่าทีรำคาญ
“ฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นต้องรายงานเธอทุกครั้งที่ฉันไปไหนนี่  ฉันมีสิทธิ์ที่จะไปที่ไหนก็ได้เท่าที่ฉันต้องการ” เขาพูดเสียงเข้ม 
“รวมทั้งไปเที่ยวฮอกมี้ดส์กับเกรนเจอร์ด้วยใช่ไหม” แพนซี่พูดเสียงดัง  มัลฟอยชะงักเล็กน้อย  เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยสบตากันแวบหนึ่งราวกับต้องการปรึกษากันในใจ
“เธอว่าเธอเห็นฉันเดินอยู่กับเกรนเจอร์หรือแพนซี่” มัลฟอยทวนคำ 
“ฉันเห็นพวกเธออยู่ด้วยกันที่ฮอกมี้ดส์  และฉันคิดว่าเธอคงอธิบายได้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร  มัลฟอย”
“ฉันไม่มีอะไรต้องอธิบาย  เพราะว่าฉันไม่ได้ไปเที่ยวกับเกรนเจอร์” มัลฟอยตอบ 
“แต่ฉันเห็นเธอเดินด้วยกัน!” แพนซี่เถียง “เธอจะบอกฉันว่าฉันคิดไปเองงั้นหรือ”
“เปล่า  ฉันแค่จะบอกว่าเธออาจจะดูผิดไป  บางทีฉันอาจจะเดินสวนกับเกรนเจอร์บนถนนก็เท่านั้น  เธออาจจะเห็นแค่นั้นและเอาไปตีความเอาเองทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย” มัลฟอยพูดเสียงดัง  แพนซี่ชะงัก  เธอมีท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“แต่...”
“เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะไปเดทกับคนอย่างเกรนเจอร์หรือ” มัลฟอยพูด  เขามองมาทางเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาเย็นชา
“เอ่อ  ไม่” แพนซี่พูดด้วยท่าทีที่ดูโล่งอก  แม้เธอจะยังรู้สึกติดใจอยู่บ้างก็ตาม
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” มัลฟอยพูด  เขาก็ดูโล่งอกเช่นเดียวกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับฉันแล้วใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น  มัลฟอยไม่ตอบ  เขามองเธออย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยก่อนที่เด็กสาวจะหมุนตัวและเดินออกจากห้องไป
“เกรน....” ร่างของเฮอร์ไมโอนี่หายลับไปจากประตูแล้วเมื่อมัลฟอยเอ่ยชื่อของเธอ
“ฉันขอโทษนะมัลฟอย” แพนซี่พูดอย่างออดอ้อน  แต่มัลฟอยไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย  สายตาของเขามองตามแผ่นหลังของเฮอร์ไมโอนี่ที่หายลับไปจากหอ  เมื่อครู่มัลฟอยเกือบจะเรียกชื่อของเธอเพื่อรั้งตัวเธอไว้ แต่เด็กหนุ่มห้ามตัวเองทัน
บางทีเรื่องของเขาสองคนอาจจะไม่ไช่เรื่องที่ควรจะเปิดเผยให้คนอื่นรู้
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่ตรงดิ่งกลับหอนอนและขังตัวเองอยู่บนห้อง  เธอจมอยู่กับความคิดของเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่  มันราวกับความฝัน  แวบหนึ่งที่มัลฟอยทำให้เธอฝันดีและมีความสุขที่สุด  แต่ในไม่ทันข้ามวันเขาก็กลับพูดกับเธอด้วยท่าทีไม่สนใจและกลับไปเป็นมัลฟอยคนเดิม
บางทีที่เขาอาจจะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเราก็ได้
เฮอร์ไมโอนี่คิดในใจและหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น
หลายวันต่อมา  เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้พบหน้ามัลฟอยไม่บ่อยครั้งนัก  และไม่ได้อยู่กับเขาตามลำพังเลย  โดยเฉพาะตอนที่โรงเรียนกำลังวุ่นวายเช่นนี้ไม่มีใครมัวมาใส่ใจเรื่องการตรวจบริเวณ  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลสั่งยกเลิกงานของพรีเฟ็คบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไป  ประกอบกับเฮอร์ไมโอนี่นั้นกำลังหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบว.พ.ร.ส.ที่ใกล้เข้ามา  มันเลยทำให้เธอแทบไม่ได้เจอกับมัลฟอยเลย
ในเช้าของวันอาทิตย์  เฮอร์ไมโอนี่ตื่นแต่เช้าเพื่อหาหนังสืออ่าน  เช่นเดียวกับแฮร์รี่ที่ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อทำการบ้านในที่ต้องส่งในวันรุ่งขึ้น  ส่วนรอนนั้นโดนแอนเจลิน่าลากตัวไปซ้อมควิดดิชตั้งแต่ก่อนรุ่งสางแล้ว
“เธอต้องทำการบ้านมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ” แฮร์รี่พูด  มองไปที่กองหนังสือ  ม้วนกระดาษ  แผ่นตัวเลข  พจนานุกรมอักษรรูน  และแผนที่ดวงดาวของเฮอร์ไมโอนี่อย่างทึ่ง ๆ
“อ้อ  ใช่  ก็ฉันลงเรียนเยอะกว่าพวกเธอนี่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบขณะกำลังควานหาตำราแปลงร่างในกระเป๋า
“เธอน่าจะพักบ้างนะ” แฮร์รี่เตือน “เธอไม่เหนื่อยหรือ”
“อ้อไม่เลย  สนุกออก” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมา “ความจริงการบ้านของเธอก็เยอะเหมือนกันนะ”
“อ้อ  นี่มีของรอนด้วย” แฮร์รี่พูด  มองไปที่กองม้วนกระดาษตรงหน้า “ฉันกะว่าจะช่วยเขาตรวจทานน่ะ เธอก็รู้ว่ารอนต้องซ้อมควิดดิชทั้งวัน แล้วไหนจะการบ้านพวกนี้อีก”
“งั้นฉันช่วยเธอด้วยนะ  ส่งแผนที่ดูดาวของเขามาสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับที่เฟร็ดกับจอร์จกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวม  แฮร์รี่มองเธออย่างขอบคุณ
“ขอบใจมาก เฮอร์ไมโอนี่”
“เฮ้  หวัดดีพวกเธอนะ  กินอิ่มกันแล้วสิ” เฟร็ดทักพวกเขาหลังจากที่เขาเพิ่งกลับจากห้องโถง  เด็กทั้งสองทักเขาตอบ
“รู้ไหมว่าเราแอบเอาครีมคีรีบูนลงไปในถาดขนมของพวกสลิธีรินด้วยล่ะ  แครบกับกอยล์กินเข้าไป  แล้วพวกเขาก็กลายเป็นนกคีรีบูนตัวบิ๊กที่สุดที่เราเคยเห็นมาเลย” จอร์จพูด  ดวงตาเป็นประกายอย่างนึกสนุก
“แล้วเราก็ใส่ลงไปในชามของมัลฟอยด้วยเหมือนกัน  แต่ว่าเขาไม่ยอมกินเพราะเห็นว่าลูกน้องของเขากลายร่างเป็นนกคีรีบูนเสียก่อนน่ะ” เฟร็ดพูดอย่างเศร้าสร้อยที่หมดโอกาสแกล้งมัลฟอย
“เอาล่ะ  เรากะว่าจะลองคิดค้นของเล่นใหม่ ๆ ดู  ดูซิว่าเราจะได้อะไรมาทดลองกับพวกหน่วยสืบสวนบ้าง” จอร์จพูดบ้าง  เฮอร์ไมโอนี่มองพวกเขาทั้งสองราวกับพวกเขาพูดอะไรที่หยาบคายที่สุดออกมา
“พวกเธอคงไม่คิดจะทดลองมันตอนนี้หรอกนะ” เฮอร์ไมโอนี่เตือน  เฟร็ดกับจอร์จยิ้ม
“ใช่  เราคิดว่าเราจะทดลองมันตอนนี้เดี๋ยวเลย” เฟร็ดพูด  “เฮ้  ลี  พร้อมหรือยัง” เขาหันไปพูดกับลี  จอร์ดัน
“โอ้  ไม่นะ” เฮอร์ไมโอนี่ครางเมื่อเสียงระเบิดดังปุงปังเริ่มขึ้นเมื่อเฟร็ด  จอร์จ  และลี  จอร์จดันเริ่มทดลองดอกไม้ไฟชุดใหม่ในห้องนั่งเล่นรวม  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าบูดและมองพวกอย่างรำคาญ ก่อนที่เธอจะเก็บหนังสือและการบ้านทั้งหมดลงในกระเป๋าทันที
“เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าฉันจะมาตรวจทานงานให้พวกเธอทีหลังน่ะ  ตอนนี้ฉันต้องการที่สงบ ๆ สำหรับแปลเรียงความภาษารูนให้จบ” เธออธิบาย
“ได้  ตามสบายเลย” แฮร์รี่พูด  และเฮอร์ไมโอนี่ก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นรวมไป
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่มาที่ห้องสมุดเพื่อทำการบ้าน  แต่เมื่อเธอกำลังจะเริ่มมันเธอก็พบว่าเธอหยิบหนังสือมาผิด  เธอหยิบหนังสือวิชาพยากรณ์ของรอนมาแทนหนังสือวิชาแปลงร่างของเธอเพราะว่ามันมีปกสีเดียวกัน
“ให้ตายสิ” เฮอร์ไมโอนี่บ่น  และกำลังจะนำมันกลับไปคืน  แต่ลมที่พัดมาจากหน้าต่างที่เปิดไว้พัดหนังสือและจนเรียงความของเธอกระจาย  เฮอร์ไมโอนี่รีบกดเรียงความไว้อักษรรูนของเธอไว้บนโต๊ะ  ในขณะที่ลมพัดหนังสือวิชาพยากรณ์ของรอนเปิดอย่างรัวเร็วจนมันมาหยุดอยู่ที่หน้า ๆ หนึ่ง   
และสายลมก็หยุดนิ่งในทันใด  เฮอร์ไมโอนี่เหลียบตามองหน้ากระดาษนั้น
ประวัติศาตร์การพยากรณ์ 
โดย  ไดแอน  วิลตัน
เราเชื่อกันมาตลอดว่าการพยากรณ์เป็นศาสตร์ลี้ลับที่ยากแก่การเข้าถึง  ซึ่งมันจะพาเราเจาะเข้าสู่โลกลี้ลับแห่งอนาคตที่ยากจะเปิดเผย  การพยากรณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อนคริสต์ศักราช  โดยการวิธีการพยากรณ์จะแตกต่างกันไปตามลักษณะของชนเผ่านั้น ๆ อียิปต์เองก็มีการพยากรณ์มาหลายพันปีแล้ว  ชาวบาบิโลเนียนั้นใช้การเคลื่อนที่ของดวงดาวในการทำนายอนาคต  ในขณะนั้นเองก็มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการพยากรณ์มากมาย  ในจำนวนเหล่านั้นมีการเอาความเชื่อเรื่องเทพเจ้าเข้าไปเกี่ยวด้วย  ในอดีตกาล  มีเทพเจ้าหลายองค์ที่มนุษย์นักถือและเชื่อว่าคำพยากรณ์นั้นมาจากการบอกเล่าของพระผู้เป็นเจ้า  โดยแต่ละชนเผ่าก็จะนับถือเทพเจ้าที่แตกต่างกันไป...
สายตาของเฮอร์ไมโอนี่ไล่ไปตามรายชื่อของเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ อย่างไม่ใสใจ  จนกระทั่งไปหยุดที่หน้ากระดาษอีกหน้าหนึ่ง  ซึ่งเป็นรูปวาดของหญิงสาวคนหนึ่ง  ผู้มีผมสีดาวยาวถึงกลางหลัง  ดวงตาสีดำทอประกายคล้ายลูกปัด  เธอสวมชุดคลุมสีดำที่ปักทอลาย  ริมฝีปากสีแดงกำลังแย้มยิ้ม
โรส  หญิงสาวผู้รักษาคำพยากรณ์
เธอเป็นผู้รับใช้ของเทพเจ้าที่เป็นที่นับคือของชาวแอคแทก  พวกเขาเชื่อกันว่าชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคนถูกกำหนดไว้โดยเทพเจ้า  และถูกเก็บรักษาไว้ในลูกแก้ว  ซึ่งลูกแก้วหนึ่งอันจะบรรจุชะตาชีวิตของมนุษย์เพียงหนึ่งคนเท่านั้น  และบรรดาลูกแก้วทั้งหลายจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัยที่หอคอยอันศักดิ์สิทธิ์  เชื่อกันว่าหากลูกแก้วลูกทำลาย  ชะตาชีวิตของบุคคลนั้นจะต้องถูกทำลายเช่นกัน  โชคชะตาถูกกำหนดมาตั้งแต่มนุษย์ผู้นั้นเกิดแล้ว  แต่บางครั้งก็ย่อมมีการกระทำอันเรียกว่าฝ่าผืนโชคชะตา  หรือก็คือมนุษย์ผู้นั้นไม่ได้เดินไปตามเส้นทางที่ชะตาของตนเองกำหนดไว้  แต่กลับพยายามจะหลีกหนีและปฏิเสธมัน  และเมื่อเป็นเช่นนั้น  เชื่อกันว่าเทพเจ้าต้องเผชิญกับปัญหาดังกล่าวพระองค์จึงทรงสร้างเทพผู้รักษาคำพยากรณ์ขึ้นมาจากกลีบดอกไม้ที่ร่วงโรย  และประธานนามให้ว่า ‘  โรส ’ ตามชื่อดอกไม้นั้น  ซึ่งเธอมีหน้าที่ควบคุมชีวิตของมนุษย์ที่พยายามจะผ่าผืนให้เป็นไปตามคำพยากรณ์  และถ้าพวกเขายังคงปฏิเสธและยังคิดที่จะต่อต้านมันอีกล่ะก็  พวกเขาจะต้องพบกับจุดจบตลอดกาล 
เฮอร์ไมโอนี่อ่านหน้ากระดาษนั้นจนจบ  เธอรู้สึกว่ามือที่เธอจับหนังสืออยู่เริ่มสั่นเทา  ภาพของหญิงสาวลึกลับเข้ามาปรากฏในสมองของเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง
หญิงสาวผู้รักษาคำพยากรณ์
หญิงสาวผู้ควบคุมคำพยากรณ์แห่งชีวิตของมนุษย์ทั้งปวง
และถ้าใครที่ดึงดันจะผ่าฝืนมัน  พวกเขาจะพบกับจุดจบตลอดกาล!
เฮอร์ไมโอนี่เลื่อนสายตาไปมองที่ภาพหญิงสาวผมดำบนหน้ากระดาษอีกครั้ง  เธอรู้สึกว่าริมฝีปากแห้งผาก  ดวงตาสีดำขลับนั้นช่างดูคุ้นตาเหลือเกิน  ใบหน้าเรียวงามนั้น  และริมฝีปากแดงสดที่กำลังเหยียดยิ้ม  แน่นอนว่าหญิงสาวในรูปกับหญิงสาวที่เธอพบโดยบังเอิญที่ฮอกมี้ดส์เป็นคน ๆ คนเดียวกัน  แต่ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร  ที่โรสหญิงสาวลึกลับที่เธอเคยพบ  จะเป็นคนเดียวกับโรสหญิงสาวที่เป็นผู้รับใช้เทพเจ้า!
.................................................
แม้ว่ามันจะดูเหลือเชื่อ  แต่ถ้าเราลองเชื่อดูมันก็จะสามารถอธิบายเรื่องราวแปลกประหลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้อย่างดีทีเดียว
ทำไมเธอถึงหลงเข้าไปในสถานที่ ๆ ไร้ซึ่งผู้คน  ทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งเดินอยู่ในฮอกมี้ดส์ในหนึ่งนาทีก่อนหน้านั้น
ทำไมนาฬิกาของเธอจึงหยุดเดินเมื่อเธอก้าวเข้ามาในสถานที่นั้น  และกลับไปเดินอีกครั้งเมื่อเธอกลับออกไปได้
ทำไมโรสถึงสามารถหยุดลำแสงสะกดนิ่งได้โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์ 
ทำไมเธอถึงล่วงรู้ทุกอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่คิด
และทำไมเธอถึงได้มอบน้ำยาเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์มาให้เฮอร์ไมโอนี่
ฉันคิดว่าเธอจำเป็นจะต้องใช้มัน  เพราะฉันรู้ว่าเธอมีเรื่องในใจและสิ่งนี้อาจจะช่วยเธอได้ 
โรสตั้งใจมอบยานั้นให้เฮอร์ไมโอนี่เพราะเธอรู้ว่าตอนนั้นเฮอร์ไมโอนี่กำลังหลงรักแฮร์รี่อยู่  แต่แฮร์รี่ชอบโช เพราะฉะนั้น........
ขอเพียงให้เธอใช้มันให้ดีและมันจะไม่มีอันตรายอะไร
โรสต้องการให้เธอสมหวังกับแฮร์รี่  เพราะว่าโรสไม่ต้องการให้เธอไปรักกับศัตรู
อย่าเข้าใกล้ศัตรูของเธอมากเกินไป  เขากำลังจะนำความวิบัติมาให้เธอ 
เสียงของโรสดังก้องอยู่ในหูของเฮอร์ไมโอนี่ราวกับมันไม่มีวันจนสิ้น
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างสายเลือดที่แตกต่างจะนำมาซึ่งความหายนะที่เธอไม่คาดคิดทีเดียว
เธอไม่ต้องการให้เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยรักกัน  โรสจึงช่วยเหลือให้เธอมาลงเอยกับแฮร์รี่  แต่ว่าเธอจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร
เธอมีหน้าที่ควบคุมชีวิตของมนุษย์ที่พยายามจะผ่าผืนให้เป็นไปตามคำพยากรณ์ 
ริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่สั่นระริก  หรือว่า  หรือว่าเป็นเพราะ....... 
ทันใดนั้นเองก็มีมือ ๆ หนึ่งมาวางบนไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่  เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว  แต่เมื่อเธอหันไปมองด้านหลัง
“มัลฟอย!”
*************************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น