ตอนที่ 38 : บทที่ 17 (2) 120% 30072562 28032563 หนังสือพร้อมส่งค่ะ
E-BOOK ธาราหวนรัก
![]() |
|
…………………..
ธาราหวนรัก
บทที่ ๑๗ (๒)
ศศิรินธารพยายามทำใจให้ได้เมื่อรับรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ภายในห้องนี้อีกครั้ง
ตั้งสติแล้วเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์เพื่อจะดูเวลา
วันนี้เธอตั้งใจจะไปห้องสมุดในตอนบ่ายเพื่อหาข้อมูลทำรายงาน
หากยังพอมีเวลาเหลือก็ยังอยากจะทำตามความตั้งใจเดิม ด้วยไม่อยากให้ผู้ชายที่ชื่อปรมัตเข้ามาทำให้แผนชีวิตของเธอเรรวนได้อีก
ทว่าเมื่อหยิบโทรศัพท์ได้ก็ทำให้ได้เห็นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งที่ถูกทับเอาไว้ด้วยกัน
ข้อความนั้นสั้น กระชับและชัดเจนบ่งบอกตัวตนของผู้เขียน
แต่มีประโยคหนึ่งที่คล้ายจะแทรกเข้ามาทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นรัวได้อีกครั้ง
‘มีงานด่วนมากต้องรีบกลับไปจัดการที่เมืองไทย
ขอโทษด้วยที่ต้องปล่อยให้ตื่นขึ้นมาคนเดียวเลยไม่ได้ฟังคำขอโทษจากปากของพี่เอง
แต่…อย่าลืมรอ แล้วพี่จะรีบกลับมา คิดถึงพี่ด้วย’
ข้อความที่ไม่มีการลงชื่อในตอนท้าย
แต่นี่แหละคือปรมัต อนันตภาค ผู้ชายที่แสนทะนงและมั่นใจเหลือแสนว่าเธอจะต้องรู้ว่าเป็นเขาเท่านั้น
“ขนาดเขียนขอโทษ ก็ยังไม่วายออกคำสั่งมาได้อีก”
หญิงสาวบ่นออกมาเสียงดัง แต่หัวใจของเธอกลับไม่รักดีไปคิดถึงเขาแทบจะทันทีที่อ่านประโยคสุดท้ายนั้นจบ
ลืมเลือนความเจ็บปวดเสียใจก่อนหน้านั้นไปได้อย่างประหลาด…
หลังจากวันนั้นอีกสองอาทิตย์ต่อมาศศิรินธารพยายามวางเรื่องของปรมัตลง
แล้วรีบเคลียร์งานในมือทั้งหมดจนเสร็จเรียบร้อย ขณะที่กำลังจัดกระเป๋าเดินทางหญิงสาวก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้ที่เป็นพี่เขยทันที
“ค่ะพี่อาโมรี หนูรินกำลังจัดกระเป๋าค่ะ” ศศิรินธารกดรับโทรศัพท์แล้วกรอกเสียงตัวเองลงไป
‘ศศิเจ็บท้องแล้ว พี่กำลังจะพาไปโรงพยาบาล’ เสียงจากปลายสั้นนั้นสั่นจนเจ้าตัวเองก็ยังไม่อาจระงับ
“ว่ายังไงนะคะ?”
คนถามกลับเสียงสั่น ตื่นเต้นไม่แพ้กันเลยสักนิด
‘ศศิกำลังจะคลอดแล้ว’
อาโมรีตะโกนกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ศศิรินธารได้ยินเสียงร้องโอดโอยของพี่สาวดังมาตามสาย
“พี่อาโมรีใจเย็นๆ นะคะ น้าแพทกลับมาหรือยังคะ?”
ศศิรินธารรีบถามถึงแม่สามีของศศิรณัฐที่เดินทางไปเจรจาธุรกิจกับวาเลรีผู้เป็นสามีแทนอาโมรี
‘ยัง เครื่องน่าจะลงพรุ่งนี้ตอนเที่ยง พี่ต้องทำยังไงดีหนูริน?’
ว่าที่คุณพ่อมือใหม่ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกทั้งๆ ที่เพิ่งบอกให้ภรรยาใจเย็นๆ และไว้ใจเขาอยู่หยกๆ
“เอายังงี้นะคะ พี่อาโมรีรู้ใช่ไหมว่ากระเป๋าที่พี่ศศิเตรียมเอาไว้อยู่ที่ไหน ดูเอกสารให้ครบแล้วหาคนขับรถพาพี่ศศิไปโรงพยาบาลเลยค่ะ อย่าขับรถเอง” ศศิรินธารตัดสินใจเพราะเห็นว่าพี่เขยออกอาการตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
‘พี่เรียกพนักงานขับรถของโรงแรมมารอหน้าบ้านแล้ว’
อีกฝ่ายตอบกลับมาทันควัน ทำให้ศศิรินธารใจชื้นที่พี่เขยยังประคองสติของตัวเองได้แม้ว่าจะตื่นเต้นอย่างมากก็ตาม
“ดีค่ะ งั้นพาพี่ศศิล่วงหน้าไปที่โรงพยาบาลเลย บอกพี่ศศิด้วยว่าหนูรินกำลังตามไป น่าจะไปถึงหลังพวกพี่ไม่นานหรอกค่ะ”
ศศิรินธารรีบพูดแล้ววางโทรศัพท์จากนั้นก็รวมทุกอย่างที่เตรียมไว้จุกลงในกระเป๋าใบโต รูดซิปแล้วลากกระเป๋าออกจากห้องทันทีสวนกับธีภพที่กำลังจะลงไปด้านล่างพอดี
“คุณรินจะลากกระเป๋าไปไหนครับ หรือว่า?” ชายหนุ่มนึกได้ว่าพี่สาวของอีกฝ่ายกำลังจะคลอดในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว
“ค่ะ พี่ศศิกำลังจะคลอดแล้ว พี่อาโมรีกำลังพาไปโรงพยาบาลหนูรินกำลังจะตามไปพอดี เรียกรถเอาไว้แล้ว”
ศศิรินธารรีบตอบพลางหอบหายใจแรง
ธีภพปรี่ตรงเข้าฉุดกระเป๋าในมือของเธอแทบจะทันที
“ถ้างั้นผมช่วยถือกระเป๋าลงไปให้ดีกว่าครับเดี๋ยวจะช้า”
ชายหนุ่มพูดแล้วก็เดินนำอีกฝ่ายลงบันไดไปแทบจะทันที
ศศิรินธารไม่พูดมากอีก หญิงสาวได้แต่วิ่งตามธีภพลงไปด้านล่างก็พบว่าเขาเอากระเป๋าของเธอไปใส่ไว้ท้ายกระโปรงรถที่เธอเรียกมารอเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
"ขอบคุณมากนะคะคุณภพ"
“ไม่เป็นไรครับ รีบไปเถอะ เรื่องทางนี้ไม่ต้องห่วงผมจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด” เขาให้สัญญาอย่างหนักแน่น
ก่อนที่จะหันไปส่งสัญญาณให้คนขับออกรถทันที
…………………..
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลศศิรินธารลงจากรถได้ก็ลากกระเป๋าไปที่หน้าห้องคลอดทันที
เธอพบอาโมรีกำลังเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่นอยู่เพียงลำพัง หญิงสาวทิ้งกระเป๋าในมือและออกเสียงเรียกพี่เขยทันที
“พี่อาโมรี”
สิ้นเสียงของเธอชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันที
จากนั้นอาโมรีจึงสาวเท้าตรงมาหาน้องสาวของภรรยา ยกมือทั้งสองข้างจับแขนของหญิงสาวประจันหน้ากัน
“หนูรินมาแล้ว”
แว่บหนึ่งที่ศศิรินธารมองเห็นความหวาดกลัวในแววตาของพี่เขย หญิงสาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นตบแขนของเขาเบาๆ
“ค่ะ หนูรินมาแล้ว ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีนะคะ”
เธอพูดปลอบออกไปทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจเลยสักนิด
เธอไม่เคยเป็นแม่ และยังอาจจะเป็นภรรยาที่ล้มเหลวคนหนึ่งเสียด้วยซ้ำ!
นาทีนั้นบานประตูถูกผลักออกมา พยาบาลคนหนึ่งเดินออกมาอาโมรีจึงปรี่เข้าแทบจะทันที
“ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ?”
สายตาที่แสดงถึงความกังวลห่วงใยนั้นล้นปรี่จนทำให้อีกฝ่ายยิ้มละไม
“คุณแม่กำลังเบ่งคลอดค่ะ คุณพ่ออยากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปไหมคะ?”
คำถามประโยคนั้นทำให้อาโมรีพยักหน้าแทบจะทันที
เขาวิ่งตามพยาบาลเข้าไปทั้งๆ ที่ขายังสั่น ศศิรินธารมองตามภาพนั้น ดวงหน้านวลเปื้อนรอยยิ้มขึ้นมาน้อยๆ
ความรักสร้างปาฏิหาริย์และความหวังให้กับทุกชีวิตเสมอ…
ศศิรณัฐลืมตาขึ้นมาอีกครั้งในห้องพักฟื้นของตัวเอง อาโมรีรีบปราดเข้าไปเกาะขอบเตียงจับมือและลูบไรผมภรรยาด้วยแววตาอันอ่อนโยน เขารีบถามภรรยาด้วยน้ำเสียงห่วงใยเปี่ยมล้น
ครั้นอีกฝ่ายถามหาบุตรซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชายเพราะทั้งคู่เพียงตรวจความสมบูรณ์ของทารกน้อยในครรภ์โดยไม่ให้หมอบอกเพศและอยากจะมารอลุ้นในวันคลอดนั้น
อาโมรีรีบเข็นเตียงเด็กอ่อนแล้วช้อนอุ้มบุตรสาวที่หน้าตาแทบจะถอดพิมพ์จากบิดาเข้าสู่อ้อมอกของมารดา
ศศิรินธารอดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาซึมหน่วยตา
หญิงสาวปล่อยให้ครอบครัวได้มีช่วงเวลาอันอบอุ่นนี้ด้วยกันตามลำพัง ส่วนตัวเธอนั้นปลีกตัวออกมารอรับบิดามารดาที่เดินทางมาจากประเทศไทยทันในวันที่ศศิรณัฐคลอดพอดี
แม้ท่านทั้งสองจะมาถึงหลังจากที่พี่สาวของเธอคลอดเสร็จเรียบร้อย โชคดีนี้เป็นเพราะคุณณัฐภาคที่อยากจะมาหาบุตรสาวสุดที่รักก่อนเวลาคลอดจริงๆ
เมื่อศศิรณัฐคลอดก่อนเวลาที่กำหนดไปหลายวันเช่นนี้ บิดามารดาของเธอจึงตามติดมาได้อย่างทันท่วงที
สำหรับศศิรินธารแล้วนั้นแม้ว่าเธอจะดีใจที่จะได้พบหน้าบิดามารดาซึ่งจากมาหลายเดือน
นับตั้งแต่ที่เธอมาเรียนไกลก็ไม่ได้พบและสัมผัสกับอ้อมกอดของท่านทั้งสองเลยแม้แต่น้อยนอกจากวีดีโอคอลถึงกันเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวาดกลัวอยู่ลึกๆ กับการได้พบหน้าบิดามารดาอีกครั้งในวันนี้
คือกลัวว่าพวกท่านอาจจะไม่ได้มาเยี่ยมศศิรณัฐและหลานสาวตัวน้อยแค่เพียงลำพังเท่านั้น!
ขณะที่เดินเรื่อยเปื่อยออกมารอบิดามารดาที่หน้าโรงพยาบาลพร้อมกับอาการถอนหายใจนับสิบรอบ
ในที่สุดศศิรินธารได้เห็นบุคคลที่คุ้นตาและคุ้นหัวใจของเธอมาตลอดชีวิต
หญิงสาวเปล่งรอยยิ้มสดใส หลงลืมความหม่นหมองที่มีอยู่ทิ้งไปชั่วครู่
ก่อนจะรีบปรี่เข้าไปหาคุณณัฐภาคและคุณศศิรดาพร้อมกับเปล่งเสียงเรียกบิดามารดาอย่างยินดี
“คุณพ่อ คุณแม่ทางนี้ค่ะ”
เธอเอ่ยเรียกพร้อมกับโบกไม้โบกมือ แล้วเดินเร็วๆ ตรงเข้าสู่อ้อมกอดของคุณณัฐภาคแทบจะทันที
ฝ่ายคุณณัฐภาคก็หัวเราะร่ารวบตัวบุตรสาวเข้าสู่อ้อมกอดแล้วจูบซ้ายจูบขวาเสียจนหนำใจจนคุณศศิรดาต้องร้องประท้วงสามีออกมาบ้างเช่นกัน
“คุณพ่อเอาแต่กอดจูบลูกอยู่คนเดียวไม่แบ่งให้แม่บ้างเลยนะคะ ช่างน่าน้อยใจนัก”
เพียงเท่านั้นสองพ่อลูกที่ยืนกอดกันกลมก็หัวเราะร่าออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“โอ๋ๆ มาๆ แม่จ๋า”
คุณรัฐภาควาดแขนออกข้างหนึ่งไปรวบตัวภรรยาเข้ามาไว้ในอ้อมอก
กลายเป็นท่านรวบกอดผู้หญิงสองคนเอาไว้ในอ้อมแขน
คุณศศิรดาตีแขนสามีอย่างขัดเขินก่อนที่ท่านจะโอบแขนไปกอดบุตรสาวคนเล็กอย่างแสนคิดถึง
“หนูรินของแม่ ผอมไปหรือเปล่าลูก?”
คำถามของแม่คำนั้นเรียกหยดน้ำตาของหญิงสาวที่พยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งในทุกๆ วันได้ทันที
…………………..
“คุณแม่ หนูรินเรียนด้วยทำงานด้วยก็เลยมีเวลากินน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง หุ่นดีโดยไม่ต้องลดแบบนี้ไม่ดีหรือคะ?”
ศศิรินธารรีบพูดเพราะรู้ดีว่ามารดาคือผู้ที่เธอมักจะบ่นเรื่องรูปร่างและน้ำหนักด้วยมากที่สุดตอนอยู่ที่เมืองไทย
แม้แต่คุณณัฐภาคเองเธอก็ยังเคยบ่นเรื่องนี้ด้วยไม่น้อย
“แต่พ่อว่าอ้วนอีกนิดก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยลูก เจ้าเนื้อสักหน่อยพ่อก็เลี้ยงได้สบายมาก”
ผู้เป็นพ่อขยับออกห่างแล้วพินิจมองบุตรสาวคนเล็กด้วยสองตา
ศศิรินธารหัวเราะน้ำตาซึมออกมาเพราะเธอไม่อาจปล่อยให้มันไหลออกมาต่อหน้าบิดามารดาได้เช่นกัน
“เลี้ยงไปตลอดชีวิตเลยนะคะ”
เธอออดอ้อนร้องขอ
“เอางั้นเลยหรือลูก?”
คราวนี้คุณณัฐภาคเริ่มลังเล
“คุณพ่อไม่อยากเลี้ยงหนูรินแล้วหรือคะ?”
คนเป็นลูกใช้สองแขนโอบบิดาอีกครั้งพร้อมกับแววตาออดอ้อน
และลึกลงไปคือความรู้สึกผิดที่ถูกปกปิดเอาไว้ด้วยเพราะเธอได้ตัดสินใจเลือกทำในสิ่งที่อาจเป็นการทำร้ายหัวใจทั้งสองดวงนี้ของบิดามารดาอย่างไม่น่าอภัยแล้วนั่นเอง
เพราะเห็นแก่ความรักจึงเลือกทำในสิ่งที่ผิดอย่างมหันต์ต่อบิดามารดาผู้ให้กำเนิด
ชาตินี้ทั้งชาติเธอก็ไม่อาจจะหวังให้ท่านทั้งสองให้อภัยได้อีกแล้ว…
“ใครว่าล่ะ ลูกสาวที่รักของพ่อ มีแต่พ่ออยากจะเลี้ยงดูอุ้มชูไปตลอด กลัวก็แต่วันหนึ่งลูกจะเป็นฝ่ายอยากให้คนอื่นมาดูแลแทนพ่อเสียมากกว่า” คุณณัฐภาครีบพูดพร้อมกับใช้ฝ่ามือยีผมบุตรสาวเบาๆ
ศศิรินธารมีหรือที่จะไม่เข้าใจความนัยข้อนั้นของบิดา หยดน้ำตาร่วงพราวลงมาจึงเสซุกหน้าลงกับอกของบิดาทันที
“ไม่หรอกค่ะ ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะรักและดีกับหนูรินไปมากกว่าคุณพ่ออีกแล้ว”
เธอพูดออกมาจากหัวใจ ด้วยความมั่นใจอันเปี่ยมล้น
แม้ความรู้สึกผิดจะท่วมท้นอยู่ในอก หากแต่เธอหวังว่าเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว
เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นความลับติดตัวเธอไปจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย
แล้วเธอจะขอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้เพื่อชดใช้และทดแทนคุณบิดามารดาอย่างสุดหัวใจ
“พ่อก็กลัวแต่ว่าวันที่หนูรินเจอใครที่รักมากกว่าพ่อแล้วจะไม่ยอมให้พ่อเลี้ยงอีกแล้วน่ะสิ”
คุณณัฐภาคเอ่ยเย้า
“ไม่ค่ะ!”
หญิงสาวรีบปฏิเสธเสียงดัง
ก่อนที่จะรีบพูดต่อเพราะความหวาดกลัวว่าบิดามารดาจะสะดุดกับคำปฏิเสธนี้ของเธอเข้านั่นเอง
“ไม่มีใครที่หนูรินจะรักมากกว่าพ่ออีกแล้ว หนูรินรักคุณพ่อที่สุด รักมากกว่าตัวหนูรินเองด้วยซ้ำ”
ศศิรินธารยืนยันอย่างหนักแน่น เพราะเธอรู้สึกจริงตามนั้น
คุณณัฐภาคเลิกคิ้วสูง แววตาครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
“แล้วถ้าหากมีใครอีกสักคนที่หนูรินรักได้มากกว่าตัวของลูกอีกล่ะ?”
คำถามนั้นทำให้ดวงตาของศศิรินธารเบิกกว้างอย่างตระหนก
ด้วยตลอดชีวิตนี้ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะโกหกผู้เป็นบิดาได้เลย
ครั้นจะปฏิเสธออกไปจึงไม่อาจทำได้อย่างใจนึกและไม่อาจเผยพิรุธใดๆ ให้คุณณัฐภาคจับได้อีกเช่นกัน
…………………..
“เอาล่ะ สองพ่อลูกมัวแต่พูดอะไรกันก็ไม่รู้กลางโรงพยาบาล แม่ว่าเรารีบไปหาพี่ศศิกับหลานสาวคนแรกของตระกูลกันดีกว่านะ แม่อยากจะเห็นหลานยายคนแรกเต็มทีแล้ว”
เป็นคุณศศิรดาที่ช่วยชีวิตบุตรสาวคนเล็กเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
ศศิรินธารได้สติจึงค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดของบิดาอย่างอ้อยอิ่ง
“นั่นน่ะสิ พ่อก็จะรีบมาหาหลาน แต่ดันมาเจอลูกสาวคนเล็กดักทางเสียก่อน มัวแต่คิดถึงลูกเลยลืมหลานสาวคนโตของเราเลยเห็นไหม”
คุณณัฐภาคพูดพลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
พลอยทำให้คุณศศิรดาและศศิรินธารหัวเราะออกมาด้วยโดยที่บุตรสาวอย่างศศิรินธารนั้นไม่ได้สังเกตเห็นแววตาห่วงกังวลของผู้เป็นบิดาเลยแม้แต่น้อย
“ไปๆ รีบขึ้นไปเยี่ยมหลานตากันเลยดีกว่า พ่อแม่เขาตั้งชื่อหรือยังล่ะ”
คุณณัฐภาคโอบเอวภรรยาและบุตรสาวออกเดินทันที
ขณะที่บุตรสาวนั้นยังหันเหลียวหลังกลับไปมองยังประตูทางเข้าขณะตอบผู้เป็นบิดา
“พี่ศศิตั้งเอาไว้สองสามชื่อรอคุณปู่คุณตาไปช่วยกันเลือกแล้วค่ะ”
“หนูรินมองหาใครหรือลูก?”
มารดาของเธอเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นกิริยาของบุตรสาวที่คล้ายจะมองหาใครสักคนอยู่แม้ขณะออกเดินไปพร้อมกับบิดาเช่นนั้น
“อะ อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ ว่าแต่คุณพ่อกับคุณแม่มากันแค่สองคนหรือคะ?” สุดท้ายเธอก็อดใจไม่ไหวถามออกไปจนได้
“นานๆ ทีพ่อถึงจะมีโอกาสพาแม่เขามาจู๋จี๋กันได้สองต่อสองนะหนูริน หรือหนูอยากให้พ่อมาใครมาด้วย?”
คุณณัฐภาคถามพลางหัวเราะ
ศศิรินธารค่อยโล่งอก
แต่ถึงกระนั้นเธอก็อดรู้สึกวูบโหวงในอกไม่ได้ บางครั้งเธอก็ยากจะเข้าใจตัวเองได้ว่ากำลังต้องการสิ่งใดอยู่กันแน่
“แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?”
หญิงสาวหลุดเสียงกระซิบแผ่วเบา แต่บิดาของเธอกลับหูดีพอที่จะได้ยินบุตรสาวพึมพำเข้าเสียอีก
“หนูรินว่าอะไรนะลูก?”
ท่านเอียงศีรษะลงมาถามด้วยสีหน้าฉงน
ศศิรินธารเกือบจะผงะเพราะตกใจแต่เธอก็สามารถสำรวมกิริยาและปรับสีหน้าตัวเองได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
“เปล่าค่ะคุณพ่อ คือหนูรินนึกว่าอาจจะมีคนจากเมืองไทยตามมาเยี่ยมพี่ศศิ อย่างคุณตาคุณยาย ลุงเมศหรือป้าคริมา”
สองคนหลังนั้นศศิรินธารค่อยเสียงเบาลง
แต่เธอมั่นใจว่าบิดามารดาอาจจะไม่ติดใจสงสัยสิ่งใด
เพราะปรเมศนั้นรักพี่สาวของเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองทั้งอีกฝ่ายยังเคยเลี้ยงดูศศิรณัฐเมื่อวัยเด็ก
บัดนี้พี่สาวของเธอคลอดลูกคนแรกหากท่านอยากจะมาเห็นหน้าหลานสาวก็ย่อมไม่แปลก
“คุณตาคุณยายอายุมากแล้ว ส่วนลุงเมศช่วงนี้ต้องเข้าไปดูงานที่เอสป้าแทนพี่มัตก็เลยไม่มีเวลา ป้าคริมาเขาก็เลยต้องอยู่ดูแล ลูกก็รู้ว่าลุงเมศเขาเคยยอมให้ป้าคริมาไปไหนโดยไม่มีตัวเองไปด้วยได้เสียที่ไหนกัน”
คุณศศิรดาเป็นคนตอบคำถามบุตรสาวโดยที่ท่านเลือกที่จะเอ่ยชื่อปรมัตผ่านไปเสมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
สำหรับศศิรินธารแล้ว บุตรสาวของท่านได้เลิกรากับชายหนุ่มผู้นั้นมานานหลายเดือนนับตั้งแต่ก่อนที่บุตรสาวของท่านจะเดินทางไกลมาเรียนต่อถึงฝรั่งเศสอยู่แล้วมิใช่หรือ?
“อ๋อ…ค่ะ หนูรินก็ลืมไป”
ศศิรินธารกระซิบตอบ
หญิงสาวพยายามปั้นรอยยิ้มสดใสให้กับมารดา
ก่อนที่จะนำพาท่านทั้งสองไปยังห้องพักของศศิรณัฐโดยไม่แสดงอากัปกิริยาใดๆ ให้คุณณัฐภาคและคุณศศิรดาสงสัยได้อีก
สวัสดีค่ะ
กลัวแทบแย่ สรุปเค้าไม่มา พอเค้าไม่มาก็ดันอาวรณ์ แย่เนอะ
หนังสือวางแผงทั่วแล้วประเทศ
ปล.อ่านจบแล้วเป็นอย่างไรมาบอกเล่ากันได้นะคะ รอฟังค่ะ
ขอบพระคุณและขออภัยค่ะ
ปล.ยังสามารถสั่งจองรูปเล่มธาราหวนรักได้ที่เพจ ระฆังเงิน ค่ะ
รัก
ระฆังเงิน
7 03 2563 0:00
28 03 2563 15:26
E-BOOK ธาราหวนรัก
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
สวัสดีค่ะ คุณสาจากไปพร้อมทิ้งของไว้ให้ดูต่างหน้า หนูรินก็ยังเริ่ดๆ สวยๆ ไปต่อได้แม้จะแอบหัวใจแกว่งไปบ้าง อยากจะทิ้งของเค้าก็ทิ้งไม่ลง หลานจะเกิดเลยมีเรื่องให้ตื่นเต้นคลายโศกไปได้บ้าง เช่นเคยที่เฮียธีภพก็เป็นผู้ช่วยนางเอกได้ตลอด
ปล.เรื่องของอาโมรีและศศิรณัฐอยู่ใน เล่ห์รักนางฟ้านะคะ ใครสนใจก็โหลดE-Book ได้ที่ Meb ค่ะ ส่วนเล่มคงหายากมากแล้ว ในอีบุคเป็นฉบับรีไรท์ใหม่ค่ะ แต่เนื้อหาโดยรวมไม่ต่างกันมากนัก ในเรื่องนี้หนูรินคงพาเราไปดูชีวิตอาโมรีกับศศิพอหอมปากหอมคอนะคะเพราะทั้งคู่มีบทบาทสำคัญในความรักของเฮียมัตกับหนูรินเช่นกันค่ะ รัก ระฆังเงิน 17 07 2562 1:14
สวัสดีค่า คุณพ่อมาหาหนูรินแล้ววว น่ามสารนางนะ อยากเจอพ่อแม่ก็อยากเจอแต่ก็แอบกลัวว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญตามติดมาด้วย ไม่งั้นล่ะเรื่องใหญ่อีกแน่ๆ มีความสุขกับการอ่านนะคะ รัก ระฆังเงิน 21 07 2562 0:01
สวัสดีค่ะ ชอบเวลาที่หนูรินอยู่กับพ่อแม่เนอะ เฮียณัฐเป็นคุณพ่อที่อบอุ่นมากๆ เวลาอยู่กับลูกสาว รัก ระฆังเงิน 24 07 2562 10:29
สวัสดีค่ะ มีความสุขกับการอ่านนะคะ รัก ระฆังเงิน 30 072562 12:51
สวัสดีค่ะ หนูรินใจอ่อนยวบอีกแล้วตอนนี้ สงสารนางอะ หนังสือวางแผงทั่วแล้วประเทศ ปล.อ่านจบแล้วเป็นอย่างไรมาบอกเล่ากันได้นะคะ รอฟังค่ะ ขอบพระคุณและขออภัยค่ะ ปล.ยังสามารถสั่งจองรูปเล่มธาราหวนรักได้ที่เพจ ระฆังเงิน ค่ะ รัก ระฆังเงิน 4 03 2563 0:00 23 03 2563 15:26
สวัสดีค่ะ ที่อบอุ่นและปลอดภัยที่สุดในโลกนี้คือครอบครัว หากไม่ใช่ เราก็ต้องพึ่งพาตัวเอง สู้ๆ นะคะ หนังสือวางแผงทั่วแล้วประเทศ ปล.อ่านจบแล้วเป็นอย่างไรมาบอกเล่ากันได้นะคะ รอฟังค่ะ ขอบพระคุณและขออภัยค่ะ ปล.ยังสามารถสั่งจองรูปเล่มธาราหวนรักได้ที่เพจ ระฆังเงิน ค่ะ รัก ระฆังเงิน 5 03 2563 0:00 24 03 2563 17:42
สวัสดีค่ะ มีไหมใครสักคนคนนั้น หนังสือวางแผงทั่วแล้วประเทศ ปล.อ่านจบแล้วเป็นอย่างไรมาบอกเล่ากันได้นะคะ รอฟังค่ะ ขอบพระคุณและขออภัยค่ะ ปล.ยังสามารถสั่งจองรูปเล่มธาราหวนรักได้ที่เพจ ระฆังเงิน ค่ะ รัก ระฆังเงิน 6 03 2563 0:00 28 03 2563 1:24
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สงสารหนูริน คงกลัวพ่อแม่เสียใจ ว่าแต่ รู้รึยัง ???”
เข้ามาให้กำลังใจคนแต่งค่ะ