ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    St.Mardonic โรงเรียนนักรบมหาเวทย์

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter2 :: คำทำนายที่ถูกบิดเบือน (Rewrite)

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 58



    Chapter 2

    คำทำนายที่ถูกบิดเบือน

     

                    หลังประชุมเสร็จ :: ห้องโถงใหญ่ หอพักผู้คุมทั้ง 7

                    “พวกนายว่ามันแปลกๆมั้ย?” ดีลเลอร์พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบของทุกคนในห้อง

                    “อืม แปลกมากๆเลยล่ะครับที่ปีนี้มีเด็กๆถูกลูกแก้วคัดเลือกมาถึง 10 คนแบบนี้” มารุโจตอบกลับพลางทำหน้าครุ่นคิด

                    “ฉันว่าอาจจะมีเด็กเส้นอะไรแบบนี้รึเปล่า” ลูคัสพูดจบก็โดนกำปั้นทุบลงกลางหัวของเขาทันที

                    “จะบ้ารึไง ลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งเดียวที่คัดเลือกเลยนะ แล้วอีกอย่าง จดหมายมนตราไม่ใช่สิ่งที่คนไร้จริยธรมมแบบนั้นจะทำได้นะเฟ้ย” เจเนซิสตอกกลับอย่างฉุนจัด แต่เสียงที่ขัดขึ้นทำเอาพวกเขานิ่งเงียบกันไปทันที

                    “นายไม่คิดว่ามันน่าสนุกหรอกหรอ?” คาร์โลพูดขึ้นพลางแสยะยิ้ม

    “นั่นสิ ทำไมพวกนายไม่รู้สึกเหมือนฉันล่ะ” แอรอนขยับแว่นพลางกระตุกมุมปาก ทำเอาผู้คุมที่เหลือทำหน้าแหยงๆ รวมทั้งรู้สึกสงสารเด็กๆที่ต้องตกเป็นเหยื่อในคราวนี้

    ขอให้โชคดี อยู่ดีกันนะพวกนาย

     

                    ขณะเดียวกัน :: ห้องประชุม

    “ท่านฟีเรนเดล ท่านจะทำอย่างไรต่อไปล่ะขอรับ” มาม่อนหันมาถามผู้ที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ในขณะนี้ภายในห้องประชุมเหลือแค่เขา 2 คนเท่านั้น

                    “เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำทำนายได้ มาม่อน มันคงต้องเป็นไปตามนั้น ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม” ฟีเรนเดลพูดจบทั้งสองก็นึกถึงคำนายในคืนเดือนเพ็ญที่เพิ่งผ่านพ้นมา

                “...คนสุดท้ายคือเลือดเนื้อเชื้อไข ผู้ปลดนัยสาส์นแห่งนครลอยเวหา เมื่อทั้ง7ร่วมทำพันธะสัญญา อาณาจักรมนตราจักรอดแลปลอดภัย...”

     

                    “จะถึงประตูโรงเรียนแล้วล่ะ เดลล่า หยิบเอกสารมาทีสิ” ฟรานซ์พูดขึ้นเมื่อเริ่มเห็นประตูรั้วของเซนต์มาร์โดนิกที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

                    “นี่จ้ะ... เราควรจะปลุก 2 คนนี้มั้ย?” เดลลาลีนถามพลางชี้ไปที่อีก 2 สาวที่กำลังหลับตาพริ้มกันอย่างมีความสุข

                    “ปล่อยไปก่อนเถอะ เหลือเวลาอีกเกือบ 3 ชั่วโมง” ฟรานซ์ตอบ ก่อนจะส่งเอกสารของทั้ง 4 ให้กับผู้ดูแลประตู เขาตรวจสอบเอกสาร มองเข้ามาภายในรถลาก และผายมือให้ผ่านเข้าไปต่อได้      

                    “ไปซื้ออาหารกันเถอะจ้ะ ถ้า 2 คนนี้ตื่นขึ้นมาต้องบ่นหิวแน่ๆ” ฟรานซ์พยักหน้ารับความคิดของเดลลาลีน ก่อนจะเดินไปหาโรงอาหารของโรงเรียนแห่งนี้

                    “ฟรานซ์ใส่ชุดนี้แล้วดูเหมือนผู้ชายจัง ฉันชอบให้เธอใส่กระโปรงมากกว่านะ” เดลลาลีนพูดขึ้นและหันมามองฟรานซ์ที่ใส่เสื้อเชิ้ตผูกไทร์กับกางเกงผ้าขายาวสีดำ เมื่อบวกกับผมที่ซอยระต้นคอแล้วก็ดูเหมือนผู้ชายจริงๆอย่างที่เพื่อนของเธอว่า

                    “ไม่ละ ที่นี่ไม่ได้บังคับใส่ฟอร์มมาวันสอบนี่” ฟรานซ์ตอบสั้นๆ และพาเดลลาลีนเลี้ยวเข้าโรงอาหาร

                    ปึก

                    แต่เมื่อหักเลี้ยวปุ๊บก็เกิดการชนปั๊บ

                    “อ่า... อาหารของผม” ชายหนุ่มผู้เสียหายมองอาหารที่ถูกเทกระจาดลงพื้นด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

                    “ขะ ขอโทษนะคะ” เดลลาลีนรีบก้มหัวขอโทษขอโพยยกใหญ่

                    “ไม่เป็นไรครับๆ เดี๋ยวผมไปซื้อใหม่ก็ได้” เขาตอบกลับยิ้มๆ เดลลาลีนโค้งตัวลงอีกครั้งเพื่อขอโทษ ก่อนจะถูกฟรานซ์ดึงไปซื้ออาหารที่ร้าน

                    “ทำไม...” ยังไม่ทันที่เดลลาลีนจะถามจบ

                    “ฉันรู้ว่าเธอต้องซื้อเลี้ยงเขาน่ะสิ แล้วเรื่องมันจะยาว รีบๆซื้อไปให้สกาเร็ตกับยูเรเนียร์ดีกว่านะ ก่อนที่ 2 คนนั้นจะตื่นขึ้นมาแล้วโมโหหิวจนทำสงครามน้ำลายกันเอง”

                    “ก็ได้จ้ะ” เดลลาลีนก้มหน้ายอมรับ ก่อนที่จะเดินไปต่อแถวเพื่อซื้ออาหาร แต่ชายหนุ่มที่ถูกชนเมื่อครู่เบิกตากว้างแล้วหันกลับมามองเธออีกครั้ง

                    เดี๋ยวนะ เด็กผู้หญิงคนนี้!’

     

    ขณะเดียวกัน :: รถลากของ 4 สาว

                    ยูเรเนียร์ยึดตัวตรงและบิดตัวเพื่อคลายกล้ามเนื้อ เธอนั่งสะลึมสะลืออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพบกับความเป็นจริงตรงหน้า

                    “ให้ตายเถอะ ทิ้งฉันไว้กับสกาเร็ตเนี่ยนะ คิดกันดีแล้วรึไง” เธอส่ายหัวเบาๆแล้วหยิบเมจิกกราฟ*ขึ้นมาจิ้มนู่นจิ้มนี่อยู่คนเดียว

    ปัก! เพล้งงงง

                    เสียงเหมือนมีบางสิ่งกระทบกระจกจนแตกทำให้ยูเรเนียร์และสกาเร็ตสะดุ้งขึ้น ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะวิ่งลงจากรถเพื่อไปดูเหตุการณ์ด้านนอก

                    “หึ ดีแต่ปาก” เสียงจากเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงกับดวงตาสีแดงเพลิงดุดันทำให้สองสามหันไปมองต้นเสียงสลับกับบุคคลที่โดนยันไปติดกระจกอาคารเรียนอย่างตื่นตะลึง

                    เด็กปี 2 กับเด็กใหม่เนี่ยนะ เฮ้ยๆ อย่าล้อกันเล่นน่ายูเรเนียร์คิดในใจพลางมองตาปริบๆ ผิดกับสกาเร็ตที่มองอย่างหมายมาด

                    ได้เพื่อนเล่นก็คราวนี้ล่ะ!’

                “สกาเร็ต ยูเร อยู่นี่เอง...เกิดอะไรขึ้นคะ?” เสียงหวานจากเดลลาลีนที่เดินมาพร้อมกับฟรานซ์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบและบรรยากาศมาคุ

                    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ยูเรเนียร์พึมพำตอบเบาๆ แต่แล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนในก๊วนของผู้รับเคราะห์ก้าวเข้ามาเพื่อจะรุมเด็กใหม่ที่ยังไม่ทันได้สอบเข้า

                    “นี่มันเรื่องอะไรกัน ที่นี่สถานศึกษาไม่ใช่ที่ที่พวกคุณจะมาทะเลาะกันได้ คุณรู้กฎนี้ดีใช่มั้ยครับคุณเคเนดี มิลวีดัล” น้ำเสียงไม่ดังแต่เย็นเยียบทำเอาเจ้าของชื่อที่อยู่ปี 2 มองผู้พูดอย่างกล้าๆกลัวๆ คนอื่นๆที่กำลังจะก้าวเข้ามาร่วมวงก็หยุดชะงักขยับไม่ได้กันเป็นแถบ

                    เวทย์ลมชั้นสูง ฟรานซ์นึกประเมินในใจ

                    “ตะ แต่ผมเป็นผู้เสียหายนะครับคุณแอรอน” ชายหนุ่มที่ถูกกล่าวเตือนไม่เมื่อครู่ตอบกลับเสียงสั่น ผิดกับเด็กหนุ่มอีกคนที่กอดอกมองอย่างเย็นชา

                    “แต่คุณเป็นฝ่ายเริ่ม และคุณเป็นคนที่รู้กฎภายในดี ความผิดของคุณครั้งนี้ผมจะเก็บไว้เอง ถ้ามีครั้งต่อไปผมจะให้ทัณฑ์บน” เสียงนิ่งพูดขึ้นก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไปโดยไม่ฟังใครทั้งสิ้น

                    “เว้ย เพราะแกแท้ๆไอ้เด็กบ้า!” เคเนดีคำรามลั่นก่อนจะบุกเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวรับเวทย์จู่โจม

                    เปรี้ยง!

                    บาร์เรียสีม่วงหม่นครอบคลุมร่างของเด็กหนุ่มไว้ได้อย่างทันท่วงที ทำให้กระแสพลังที่ซัดมาสลายไปในพริบตา

                    “แหมๆ รุ่นพี่คะทำอย่างนี้ไม่ดีนะ” สกาเร็ตจุ๊ปากเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าร่วมวงอีกคน

                    “เฮ้ยเคน พอเหอะ” เพื่อนคนหนึ่งเข้ามาลากเจ้าของชื่อออกไป แต่เจ้าตัวก็ไม่วายตะโกนกลับมา

                    “จำไว้เลยนะว่าฉันล้างแค้นแกแน่!

                    “ฮู้ว เป็นรุ่นพี่ที่นิสัยเสียจริงๆ” ยูเรเนียร์บ่นพลางเก็บตัวอย่างพลังของเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันไว้แล้วกำลังวิเคราะห์อย่างเมามัน

                    “แต่ไม่เห็นต้องมายุ่งเรื่องของเขาเลยนี่คะ” เดลลาลีนทำหน้ายู่อย่างไม่ชอบใจ แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกเธอมีเรื่องตั้งแต่ยังไม่ได้แตะข้อสอบเข้าเลยน่ะสิ

                    “...” เด็กหนุ่มตัวต้นเหตุเดินออกจากกลุ่มสาวๆที่ดูน่ารำคาญนี่แต่ถูกเสียงแหลมๆเสียดหูเรียกไว้ก่อน

                    “เฮ้ นาย! ฉันช่วยไว้ไม่คิดจะขอบคุณกันบ้างรึไง” สกาเร็ตนั่นเองที่เป็นพูดขึ้นมา

                    “ฉันไม่ได้ขอนี่” พูดจบก็ทำท่าจะเดินต่อแต่ก็ชะงักเพราะถูกเด็กหนุ่มที่หน้าตาเหมือนเขาอย่างกับแกะจ้องมองด้วยความไม่พอใจและขวางทางเอาไว้

                    “นายก่อเรื่องอีกแล้วล่ะสิ เลฟ”

                    “ไม่ใช่เรื่องของนาย ลินค์อยู่ไหน?” เจ้าของดวงตาสีแดงสดเอ่ยถาม เด็กหนุ่มอีกคนชี้ขึ้นไปด้านบนทำให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มอีกคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนกิ่งไม้ที่แข็งแรงนั่น

                    แฝดสามเหรอเนี่ยทั้ง 4 สาวคิดในใจ

                    “ลงมาได้แล้วลินค์ จะหลับไปถึงเมื่อไหร่กัน” เจ้าของดวงตาสีเขียวใสตะโกนเรียกแฝดอีกคนที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ด้านบน

                    “ฮืม.... ผมขอหลับต่ออีก 5 นาทีนะ” เสียงงึมงำๆจากด้านบนตอบกลับมา ผู้เรียกถึงกับคิ้วกระตุกด้วยความโกรธ เขาดีดนิ้วทีเดียวกิ่งไม้ที่แฝดอีกคนกำลังนอนอยู่ก็หักลงมาทันที

                “เฮ้อ อะไรของนายเนี่ยโลว์ ผมยังนอนไม่พอเลย” แฝดคนสุดท้ายลืมตามองอีก 2 คนที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ เอ่อ ไม่เจ็บรึไงล่ะนั่น ตกลงมาดังอั้กเลยนะ

                    “หืม พวกนายได้จดหมายมนตราด้วยหรอ?” จู่ๆยูเรเนียร์ที่ยืนวุ่นอยู่คนเดียวก็โพล่งขึ้น

                    “ใช่ ทำไมเธอ...” ยังไม่ทันทีแฝดดวงตาสีเขียวสดถามจบ

                    “หนึ่งคือแหวน สองคือประวัติ” ฟรานซ์ที่ยืนพิงต้นไม้อยู่พูดขัดขึ้นมา

                    “นายคือคนที่สร้างบาร์เรียเมื่อกี้สินะ” แฝดดวงตาสีแดงถาม ฟรานซ์เลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบ

                    “บาร์เรีย? อ้อ ไอ้แสงสีม่วงๆหม่นๆเมื่อกี้น่ะเหรอ ทำเอาผมเกือบร่วงจากต้นไม้เลย” แฝดที่เพิ่งตื่นปิดปากหาวหวอดก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางมึนๆและมองฟรานซ์ด้วยแววตาตำหนิเล็กๆ

                    “ขอโทษละกัน” ฟรานซ์ตอบกลับเสียงเรียบ

                    “ยืนคุยกันได้ตั้งนาน ชื่ออะไรกันล่ะพวกเธอน่ะ?” แฝดดวงตาสีเขียวถามขึ้นพลางขยับแว่น

                    “ฉันเดลลาลีนค่ะ ส่วนทางนั้นคือสกาเร็ต ยูเรเนียร์ แล้วก็ฟรานซ์” เดลลาลีนเป็นคนตอบแทนเพื่อนๆที่เหลือ

                    “ผมลินคอร์น นั่นเลฟาร์ แล้วก็โลเวลล์” พูดจบก็หาวออกมาหวอดใหญ่ทำท่าเหมือนจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่

                    “มีอะไรกับฉันรึเปล่า?” ฟรานซ์ถามเมื่อรู้สึกว่าเลฟาร์จ้องเธอได้สักพักแล้ว

                    “ป่าว...พวกนายก็ได้นี่ จดหมายมนตราน่ะ” เลฟาร์ส่ายหน้า ก่อนจะเปลี่ยนคำถามเพื่อเลี่ยงบทสนทนาเมื่อครู่

                    “หืม? เขาให้ผู้หญิงกันด้วยหรอ?” โลเวลล์ถามขึ้นอย่างสงสัยสุดขีด

                    “พวกฉันยังงงๆอยู่เลย แต่ในเมื่อส่งมาแล้วนี่นา ไม่คว้าไว้ก็เสียใจแย่” สกาเร็ตตอบ

                    “อ้อ จริงสิ ไหนๆก็เหลือเวลาอีกตั้ง 1 ชั่วโมง ไปทานข้าวด้วยกันมั้ยคะ” เดลลาลีนเอ่ยชวน ด้วยท่าทางสุภาพ อ่อนหวาน ทำเอาแฝดหนุ่มทั้ง 3 ปฏิเสธไม่ลง ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักรับไป

    "ว่าแต่..." หลังจากที่ย้อนเข้ามานั่งในโรงอาหารอีกครั้ง สกาเร็ตก็เป็นคนแรกที่เปิดปากพูดขึ้น

    "...แฝดพวกนายน่ะ จะหลับอีกนานมั้ย"

    "ลินค์ก็เป็นงี้แหละ ปล่อยมันไปเถอะ" โลเวลล์ตอบพลางใช้นิ้วดันแว่นตามความเคยชิน

    "พวกคุณรู้เรื่องการทดสอบบ้างรึเปล่าคะ?"เดลลาลีนถามขึ้นอย่างกังวล

    "ไม่รู้อะไรเลย แค่ทางนี้ส่งจดหมายมาให้แล้วเราก็ได้เลขประจำตัวสอบมา ก็นะไหนๆก็ได้โอกาสแล้ว" เลฟาร์ตอบพลางยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าเรื่องเล็กๆ

    "เฮ้ เจอพวกเข้าแล้วแฮะ" ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหยุดยืนอยู่ที่หัวโต๊ะ ก่อนจะกวักมือเรียกชายอีก2คนให้เดินมาหา

    "หวัดดีครับทุกคน ผมชื่อเรียว ได้รับจดหมายมนตราเหมือนพวกคุณล่ะ" เขาพูดขึ้นพลางยกมือที่มีแหวนขึ้นมาให้ดู

    "อ้อ และนี่เพื่อนผม...เซนเทียร์ ส่วนนั่นคนที่เพิ่งรู้จัก...จินฟง" พูดจบก็ยิ้มยิงฟันให้ นายนี่เหมาะจะเป็นนายแบบโฆษณายาสีฟันนะ- -

    "หือ ถ้างั้นคนที่ได้จดหมายมนตรา เอ่อ ฉันหมายถึงเฉพาะผู้ชายน่ะ ก็ได้ครบ 7 คนแล้วน่ะสิ" โลเวลล์เอ่ยขึ้น
    "หือ 7ยังไง?" สกาเร็ตถามขึ้นมา เธอนับยังไงก็ไม่ครบเจ็ดสักที

    "อ้าว ก็พวกผม3คน เรียวคุง เซนคุง จินคุงแล้วก็...คุณฟรานซ์ไงล่ะ" ลินคอร์นพูดจบก็หาวออกมาตามเคย

    "ทำไมนายถึงเรียกพวกฉันแบบนั้นล่ะ" ชายผมสองสีที่เรียวแนะนำว่าชื่อจินฟงเอ่ยถามขึ้นมา

    "นั่นไม่ใช่ประเด็นนะแต่ทำไมถึง..."ยูเรเนียร์เงียบไปเมื่อรู้สึกว่าฟรานซ์ใช้เท่าสะกิดขาเธอยิกๆเป็นเชิงบอกว่าให้ปล่อยเรื่องเข้าใจผิดนี้ไปน่ะดีแล้ว

    "มีอะไรหรอครับ?" เรียวถามขึ้นเมื่อจู่ๆเธอก็เงียบไป

    "อ้อ เปล่าๆ ไหนๆก็ไหนๆ มานั่งด้วยกันสิ" ยูเรเนียร์เอ่ยชวนเป็นการเปลี่ยนเรื่อง...ที่ได้ผลดีซะด้วย

    ในตอนนี้ทั้ง10คนจึงนั่งร่วมโต๊ะอาหารกัน ถึงมันจะดูแปลกๆก็เถอะ ก็คิดดูสิ...

    ลินคอร์นที่นั่งตรงข้ามกับสกาเร็ต เธอดูไม่พอใจสุดๆที่หมอนี่นอนหลับได้สบายในขณะที่เธอไม่ได้นอน(?)

    ถัดมาคือโลเวลล์ที่นั่งตรงข้ามกับเดลลาลีน เป็นอะไรที่ไม่ต้องพูดถึงให้มากนักเพราะทั้งสองคนดูปกติที่สุดแล้ว(งั้นคนอื่นไม่ปกติสินะ:ไรท์)

    ต่อมาคือเลฟาร์กับยูเรเนียร์ที่การกระทำช่างต่างกันสุดขั้ว คนนึงก็มองออกไปนอกหน้าต่าง อีกคนก็จดจ่อกับเครื่องมือตรงหน้าไม่วางตา

    คู่ถัดมาคือจินฟงกับเรียวที่พูดคุยกันปกติเพราะได้คุยกันมาบ้างแต่ที่น่าหนักใจที่สุด...

    ฟรานซ์กับเซนเทียร์ที่นั่งตรงข้ามกัน ทั้งสองชอบนั่งริมทั้งคู่จึงเลือกนั่งตรงนี้ ทั้งๆที่ทั้งสองคนก็ดูรักสงบและไม่อย่างยุ่งกับใคร แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าคนที่อยู่ตรงข้ามสักเท่าไหร่เลยนะ- -

    เปรี๊ยะๆ

    ประกายไฟแวบๆเมื่อทั้งสองเพียงเบี่ยงหน้ามองตากันแปบเดียว เล่นเอาอีก7คน(ขอไม่รวมอีกคนที่เฝ้าพระอินทร์ไปแล้ว)ได้รับรู้ถึงบรรยากาศมาคุเลยทีเดียว

    'ไม่ว่าจะชาติจะภพไหนก็จะไม่ขอเข้าไปยุ่งกับสองคนนี้เด็ดขาด' ทุกคนคิดไปในทางเดียวกันยกเว้นก็แต่เรียวที่นั่งยิ้มเหมือนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

    "ขณะนี้เหลือเวลาอีก 1 นาทีจะถึงเวลาเข้าสอบ ขอให้ผู้สมัครสอบมาพร้อมกันที่หอประชุมภายใน 10 วินาที เริ่มนับถอยหลัง

     10...9...8...7

    ทั้ง10หันมามองหน้ากัน ก่อนที่แต่ละคนจะค่อยๆหายไปตามเวทย์ที่ตนเป็นคนร่าย

    ...3...2...1

    ปึง!

     เสียงที่คาดว่ามนต์กักบริเวณดังขึ้นครอบหอประชุมแห่งนี้ทันทีที่เสียงนับ1สิ้นสุดลง นี่คงเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งสินะ เพราะถ้าหากไม่สามารถมาได้ทันเวลา แสดงว่าคนๆนั้นใช้เวทย์ได้ไม่ถึง2ใน10ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์ของการสอบครั้งนี้ยังไงล่ะ อีกอย่างหนึ่ง บาร์เรียนี้คงร่ายเวทย์ป้องกันการใช้เวทย์มนต์ไว้แล้วอย่างแน่นอน

    "เอาล่ะจ้ะ ข้อสอบอยู่ตรงหน้าแล้ว เริ่มทำได้เลยนะ" เสียงจากอาจารย์สาวที่ดูยังไงอายุก็ไม่เกิน25ปีดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มทำข้อสอบ หอประชุมใหญ่ที่บรรจุนักเรียนับหมื่นไว้กลับไร้เสียงพูดคุย มีแต่เสียงดินสอขีดเขียนลงบนกระดาษเท่านั้น

     

    3 ชั่วโมงผ่านไป

    กระดาษคำตอบที่วางอยู่ตรงหน้าผู้เข้าสอบหายวับไปทันทีเมื่อระฆังหมดเวลาดังก้องขึ้น และในอีก 3 นาทีต่อมาก็มีทั้งเสียงกรีดร้องจากความดีใจและเสียงถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก

    "รู้ผลสอบกันแล้วนะครับ ขอแสดงความเสียใจกับคนที่สอบไม่ผ่าน แต่เมื่อเดินออกไปจากหอประชุมนี้จะมีซุ้มจากโรงเรียนอื่นๆมาตั้งรอรับสมัครอยู่ ใครสนใจหรือมีความถนัดด้านไหนก็ลงได้เลยนะครับ ส่วนนักเรียนที่สอบผ่าน ภาคบ่ายเราจะไปสอบวัดพลกำลังและระดับเวทย์เพื่อแยกหอกัน ขอให้ทุกคนโชคดี" คุณครูหนุ่มวัย20ต้นๆยิ้มหวานให้ก่อนจะหายตัวไป

    "..." ฟรานซ์ เดลลาลีน สกาเร็ตและยูเรเนียร์ รอให้คนอื่นๆเดินออกไปจนหมดก่อนแล้วค่อยตามออกไปทีหลัง เนื่องจากคนไปเบียดเสียดกันที่ประตูเยอะมาก และพวกเธอไม่ชอบอะไรที่มันดูวุ่นวายสักเท่าไหร่

    "ทำได้เยอะเลยล่ะสิพวกเธอน่ะ" สกาเร็ตมุ่ยหน้าลงก่อนจะทำท่างอนๆใส่เพื่อนทั้ง3

    "ช่วยไม่ได้คนมันมีที่เก็บข้อมูลเยอะ ฉันไม่ได้ถนัดทางบู๊แบบเธอนี่ยะ" ยูเรเนียร์ตอกกลับพลางขยับแว่น ไม่ว่าจะที่ไหน 2 คนนี้ก็จะเถียงกันโดยมีฟรานซ์และเดลลาลีนคอยมองตามด้วยรอยยิ้มเสมอ

    "สาวๆ ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย" หลังจากที่เมื่อเช้านั่งหันหน้ากินข้าวด้วยกันไป ก็ดูสนิทกันมากขึ้น(สำหรับบางคนเท่านั้นแหละ) จินฟงจึงเป็นคนที่เดินมาชวนหลังจากที่เมื่อเช้าไม่ค่อยได้พูดสักเท่าไหร่

    "เอาสิๆ ยังไม่อยากไปหาเพื่อนใหม่สักเท่าไหร่" ยูเรเนียร์รีบตอบรับทันที

    "อือๆ อยากให้ถึงรอบบ่ายจะแย่ ฉันละคันไม้คันมือไปหมด ถ้าได้สู้กับนายก็ดี" สกาเร็ตพูดพลางเดินไปตบไหล่เลฟาร์ที่ทำหน้านิ่งและเดินนำไปพร้อมกับลินคอร์นที่หาวออกมานับครั้งไม่ถ้วน

    "ฮึ่ย ให้ตายเถอะ กล้าเมินฉันรึไง" สกาเร็ตมือสั่นด้วยความโกรธ

    "ใจเย็นนะจ๊ะ" เดลลาลีนรีบปรี่เข้ามาห้ามก่อนที่เลฟาร์จะเจ็บตัว ฟรานซ์มองยิ้มๆก่อนจะเบี่ยงไปมองข้างๆแต่ดันไปสบตากับอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่

    "..."

    "..."

     

    ก่อนจะเบี่ยงหน้าไปอีกทางทั้งคู่และเดินตามเพื่อนคนอื่นไป

    ****************************************************************************************************************************************
    จบตอนสักทีค่ะ ตอนหน้าบู๊ล้วนๆ อ่อ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ช่วยแนะนำติชมกันมาด้วยเนอะ
    4 มกราคม 2558

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×